ขอบอกเลยครับชื่อคาถาต่างๆ อาวุธของอุจิวะ เป็นตำนานของญี่ปุ่นทั้งหมดเลยก็ว่าได้
ที่มาของตำนานญี่ปุ่น
ข้อมูลหลักของตำนานญี่ปุ่นมีพื้นฐานจาก
1. ตำรา “โคจิกิ” (古事記) (ซึ่งเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่เก่าแก่ที่สุด บันทึกโดย โอ โนะ ยาสึมาโระ (O no Yasumaro) ในปีค.ศ. 712 มีพื้นฐานจากความทรงจำของ ฮิเอดะ โนะ อาเระ (Hieda no Are) ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิ ตำรานี้จะเริ่มต้นที่กำเนิดของโลกและจบลงที่จักรพรรดินีซุยโกะ [รายละเอียดว่างๆจะหามาให้เน้อ^^])
2. ตำรา “นิฮงโชคิ” (日本書紀) (ซึ่งเขียนเป็นตำราเก่าแก่รองจากโคจิกิ มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่มีความแม่นยำทางประวัติศาสตร์มากกว่า)
3. เอกสารประกอบจำนวนหนึ่ง เช่น ตำรา “ชินโตชู” (神道集) ซึ่งกล่าวเกี่ยวกับต้นกำเนิดเทพเจ้าญี่ปุ่นตามมุมมองของศาสนาพุทธ ตำรา “โฮซึมะซึทาเอะ” (秀真伝) ซึ่งบันทึกตำนานญี่ปุ่นในลักษณะที่แตกต่างจากต้นฉบับ
หนึ่งในอิทธิพลของตำนานญี่ปุ่นที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องต้นกำเนิดของจักรพรรดิญี่ปุ่นและกำหนดหน้าที่ของพวกพระองค์เกี่ยวกับพระเจ้า คำว่า “จักรพรรดิ” ในภาษาญี่ปุ่นจึงเขียนว่า “เทนโน” (天皇) หมายถึง “จักรพรรดิแห่งสวรรค์”
เกริ่นๆไว้ก่อนว่าพระเจ้าองค์แรก ๆ (ซึ่งไม่ได้กล่าวไว้ว่าชื่ออะไรบ้าง) ได้ร่วมสร้างเทพขึ้นมา 2 คน คนแรกเป็นชายชื่อ อิซานากิ (Izanagi) และอีกคนเป็นหญิงชื่อ อิซานามิ (Izanami) ทั้งสองได้ตกหลุมรักและแต่งงานกัน มีอยู่ครั้งหนึ่ง อิซานากิ ไปชำระร่างกายในแม่น้ำ (เพราะอะไรเดี๋ยวค่อยเล่าไม่งั้นมันจะนอกเรื่องมาก) การล้างหน้าของเขาได้ให้กำเนิดเทพขึ้นมา 3 องค์ คือ
- อามาเทราสึ (Amaterasu - การจุติของดวงอาทิตย์) เกิดจากตาซ้าย
- สึกิโยมิ (Tsukiyomi - การจุติของดวงจันทร์) เกิดจากตาขวา
- ซูซาโน่ (Susanoo – การจุติของลมหรือพายุ) เกิดจากจมูก
จากนั้นอิซานากิก็ได้แบ่งโลกออกเป็น 3 ส่วนโดยให้เทพแต่ละองค์ดูแล อามาเทราสึดูแลสวรรค์, สึกิโยมิควบคุมกลางคืนและดวงจันทร์ และซูซาโน่ดูแลทะเล
แต่อีกัวน่าจะเล่าไม่เรียงลำดับนะคะ จะเริ่มจากสึกิโยมิก่อน
เทพสึกิโยมิ (月読の命 หรือ 月夜見の尊, Tsukiyomi no Mikoto)
เป็นเทพแห่งดวงจันทร์ตามศาสนาชินโต เกิดจากตาขวาของอิซานากิ สึกิโยมิแต่เดิมอาศัยอยู่บนสวรรค์กับอามาเทราสึก่อนเกิดเรื่องหมางใจกัน คือ
ครั้งหนึ่งอามาเทราสึส่งสึกิโยมิไปเป็นตัวแทนในงานรื่นเริงที่จัดโดยเทพธิดาแห่งอาหาร อุเคะ โมจิ (Uke Mochi) อุเคะ โมจิสร้างอาหารโดยหันหน้าไปยังมหาสมุทรและถุยปลาออกมา จากนั้นหันหน้าไปยังป่าแล้วคายสัตว์ต่าง ๆ ออกมา (หมายถึง สัตว์ที่ล่าแล้ว ไม่ใช่เป็น ๆ ตำนานเก่ากล่าวว่า ออกมาจากก้น) และท้ายสุด หันหน้าไปยังทุ่งนาข้าวแล้วไอข้าวออกมาใส่ชาม เขารู้สึกสะอิดสะเอียน (ก็สมควรอยู่หรอก โดยเฉพาะถ้าเอาตามตำราเก่าที่สัตว์ออกมาก้นนี่สิ=_=) และฆ่าเธอ ร่างกายของอุเคะ โมจิ ก็เลยกลายเป็นอาหารคือ ลูกเดือย ข้าวเจ้า และถั่วกระจายไปทั่ว ขนตาของเธอก็กลายเป็นหนอนไหม
เมื่ออามาเทราสึรู้เรื่องเข้าก็โกรธเคืองสึกิโยมิและปฏิเสธที่จะพบหน้ากันตลอดไป โดยย้ายไปอีกฟากของท้องฟ้า กลายเป็นตำนานเรื่องการกำเนิดกลางวัน-กลางคืน^_^
ซูซาโน่(須佐之男命 - Susanoo-no-mikoto) เป็นเทพแห่งทะเลและพายุตามศาสนาชินโต เกิดจากจมูกของอิซานากิ ซูซาโน่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าใดนักและมีปรากฏในเรื่องเล่าไม่กี่เรื่องเท่านั้น ที่พอรู้จักก็จะเป็นเรื่องของยามาโตะ โนะ โอโรจิ โดยกล่าวว่า...
ซูซาโน่เป็นผู้สังหารโอโรจิ โดยให้โอโรจิดื่มเหล้าสาเก 8 ชาม (1 ชามต่อ 1 หัว) จากนั้นก็ดึงดาบคุซานางิ (หรือ คุซานากิ ก็ได้^^) จากหางของโอโรจิหางหนึ่ง แล้วเอามาตัดหัวโอโรจิทั้งหมด เพื่อช่วยลูกสาวของสามีภรรยาคู่หนึ่งชื่อ คุชินาดะ ซึ่งซูซาโน่ได้ตกหลุมรัก หลังจากที่นำดาบไปให้พี่สาว อามาเทราสึเพื่อขอคืนดีด้วย จากนั้นเขาก็แต่งงานกับคุชินาดะ
เทพอามาเทราสึ(Amaterasu-ō-mi-kami (天照大神) - เทพธิดายิ่งใหญ่ผู้เปล่งแสงสว่างในสวรรค์))
เป็นเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ตามศาสนาชินโต และเป็นบรรพบุรุษหญิงของราชวงศ์ในญี่ปุ่น อามาเทราสึเกิดจากตาข้างซ้ายของอิซานากิหลังจากการลงไปในโยมิ (Yomi – ดินแดนแห่งความตายอันมืดมิด) เธอก็กลายเป็นผู้ปกครองทุ่งราบแห่งสวรรค์ (Takamagahara)
อามาเทราสึรู้จักโดยทั่วไปว่า เป็นเทพธิดา แต่ในตำราโคจิกิมีการกล่าวถึงลักษณะเพศของเธอน้อยมาก บางตำราโดยเฉพาะตำราโฮซึมะซึทาเอะบรรยายลักษณะของเธอเป็นชาย
อามาเทราสึยังได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้คิดค้นการเพาะปลูกข้าวเจ้าและข้าวสาลี, การเลี้ยงหนอนไหม และการทอผ้าด้วยกี่ ศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของเธอคือ ศาลเจ้าอิเสะ ซึ่งจะทำลายทิ้งและสร้างใหม่ทุก ๆ 20 ปี O_O วันฉลองเทพธิดา
อามาเทราสึคือวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งจะมีขบวนแห่ตามถนนทั่วประเทศ และจะมีงานเทศกาลในวันที่ 21 ธันวาคม เฉลิมฉลองในเรื่องที่เธอออกจากถ้ำ
===================================================================
เรื่องระหว่างอามาเทราสึ VS. ซูซาโน่ !!!
ตามตำนานในตำราโคจิคิกกล่าวว่า อามาเทราสึ สึกิโยมิ และซูซาโน่ไม่ค่อยจะกินเส้นกับเท่าไรนัก (คือ มีเรื่องมีราวให้ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่อย ๆ) มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งกล่าวถึงพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อของซูซาโน่ (แปลออกมาแล้วไม่ค่อยเข้าใจ เป็นไปได้ว่า อาจจะไม่ธรรมดาและไม่เหมาะสมสำหรับเทพ) ต่อหน้าอิซานากิ ทำให้อิซานากิต้องตำหนิติเตียนเสมอ เมื่ออิซานากิเบื่อหน่ายกับการตำหนิซูซาโน่ จึงเนรเทศซูซาโน่ไปโยมิ ซูซาโน่ก็ยินยอมอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก่อนไปต้องคิดบัญชีเก่า ๆ ให้เสร็จสิ้นก่อน เขาเดินทางไปสวรรค์เพื่อกล่าวคำอำลาพี่สาวของเขา อามาเทราสึแต่เธอไม่เชื่อคำพูดของซูซาโน่และขอให้จักการแข่งขันพิสูจน์ความสัตย์ของเขา โดยให้แต่ละคนดึงเด็กเทพออกมาจากสิ่งของให้ได้มากกว่าอีกฝ่าย (ฟังแล้วก็เข้าใจนะ)
อามาเทราสึดึงผู้หญิงออกมาจากดาบของสึสาโนได้ 3 คน ขณะที่ซูซาโน่ดึงผู้ชายออกจากโซ่ประดับของอามาเทราสึได้ 5 คน ฟังดูเหมือนเรื่องจะจบลงด้วยซูซาโน่เป็นฝ่ายชนะนะ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น อามาเทราสึกล่าวอ้างว่า ผู้ชาย 5 คนออกมาจากสิ่งของของเธอ ในลักษณะเดียวกันเธอดึงผู้หญิง 3 คนออกจากดาบของซูซาโน่ ก็แสดงว่า เธอสามารถดึงคนออกมาได้มากกว่าซูซาโน่ (งงไหม ง่าย ๆ สั้น ๆ ได้ใจความอามาเทราสึกล่าวว่า ผู้ชาย 5 คนออกมาจากโซ่ประดับของเธอ ดังนั้นผู้ชาย 5 คนต้องเป็นของเธอ เพราะมันออกมาจากโซ่ของเธอ เช่นเดียวกับผู้หญิง 3 คนจากดาบของซูซาโน่ก็เป็นของซูซาโน่ (เล่นแบบนี้ก็ได้มีมวยกันล่ะสิ))
ต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าตนชนะการแข่งขัน ต่างฝ่ายอาจจะพูดกันว่า...
อามาเทราสึ– พี่ชนะเธอ เพราะผู้ชาย 5 คนออกมาจากโซ่ของพี่ ส่วนเธอ มีแค่ผู้หญิง 3 คนออกมาออกมาจากดาบของเธอเอง
ซูซาโน่ – ผมชนะพี่ต่างหาก ผมเป็นคนดึงผู้ชายออกมาได้ 5 คน ส่วนพี่ดึงออกมาได้แค่ 3 คนเอง
การยืนยันชัยชนะของอามาเทราสึทำให้ซูซาโน่โกรธและขว้างม้าที่ถูกถลกหนังครึ่งตัว (เขาว่า เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่นึกไม่ออกว่า ศักดิ์สิทธิ์ยังไง) เข้าไปในห้องโถงทอผ้าของอามาเทราสึทำให้สาวกของเธอตายไป 1 คน อามาเทราสึก็ละอายในการกระทำของเธอที่ไปยั่วโมโหเขาจึงเข้าไปหลบในถ้ำอามะ โนะ อิวะโตะ (Ama no Iwato) ทำให้โลกตกอยู่ในความมืดมิด
เทพองค์อื่น ๆ พยายามอ้อนวอนให้เธอออกมา แต่ไม่สำเร็จ จนเทพธิดาแห่งความรื่นเริงอามะ โนะ อุสึเมะ (Ama-no-Uzume (天宇受売命)) เกิดความคิดหนึ่งขึ้น เธอเอากระจกแขวนไว้กับต้นไม้ใกล้ ๆ ให้หันหน้าเข้าหาถ้ำ จัดงานฉลอง ตอนแรกเธอเอาใบไม้กับดอกไม้เป็นเครื่องแต่งกายแล้วเต้นรำบนอ่างน้ำที่คว่ำบนพื้น ก่อนจะแก้ผ้าเต้นรำ การกระทำนี้ทำให้เหล่าเทพองค์อื่น ๆ หัวเราะเสียงดัง ซึ่งเทพอามาเทราสึเกิดอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและแง้มหน้าออกมาดู เธอเห็นเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ซึ่งทำให้เธอตกใจมากและเทพอาเมโนะ-ทาจิคาระโวะก็สามารถดึงเธอออกมา มัดตัวเธอด้วยเชือกชิรุคุเมะ ภายใต้ความสนุกสนาม ความตึงเครียดของอามาเทราสึก็หายไป และตกลงที่จะกลับไปให้แสงสว่างโลก เทพอุสึเมะจึงกลายเป็นเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณไป
ต่อมาอามาเทราสึส่งหลานของเธอ มิโคโตะ โนะ นินิกิ (瓊瓊杵尊) ไปสร้างความสงบสุขบนโลก ซึ่งต่อมาเป็นปู่ของจักรพรรดิจิมมุ (จักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น) เธอได้ให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ 3 ชิ้นคือ ดาบศักดิ์สิทธิ์คุซานางิ (Kusanagi (草薙剣) – ดาบตัดหญ้า, ดาบแห่งอสรพิษ ชื่อเป็นทางการจริง Ame no Murakumo no Tsurugi (天叢雲劍) - ดาบของสวรรค์แห่งกลุ่มเมฆ ลักษณะของมันเป็นดาบ 2 คม ใบชี้ตรง และสั้น (คุ้น ๆ ไหม ก็กระบี่จีนนั่นแหละ) รายละเอียดต้องอ่านต่อในตำนานงู 8 หัว ยามาโตะ โนะ โอโรจิ ปัจจุบันวางอยู่ในศาลเจ้าอะซึตะ (Atsuta Shine) ในนาโกยา), สร้อยคอยาสะคานิ โนะ มากะทามะ (Yasakani no Magatama (八尺瓊曲玉) - สร้อยคอที่รูปร่างคล้าย ๆ เครื่องหมายคอมมา ทำจากมรกต ปัจจุบันอยู่ในพระราชวังโคเคียวในโตเกียว) และกระจกยาตะ โนะ คากามิ (Yata no kagami (八咫鏡) ปัจจุบันอยู่ในศาลเจ้าอิเสะในมิเอะ) สิ่งของเหล่านี้จึงกลายเป็นสมบัติของจักรพรรดิญี่ปุ่น
=============================================================================================================
คราวนี้มาดูในนารุโตะกันบ้าง
Susano (เทพวายุ หรือ การจุติของลมหรือพายุ)
Amaterasu(เทวีสุริยา หรือ การจุติของดวงอาทิตย์)
Tsukuyomi (อ่านจันทรา หรือ การจุติของดวงจันทร์)
Izanagi
Izanami
ดาบ Kusanagi
กระจกยาตะ
อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตำนานงู 8 หัว ยามาโตะ โนะ โอโรจิ
Kagami
Uchiha Kagami เพื่อนร่วมทีมของรุ่น 3
ปล. งานนี้ใครรู้ตำนานญี่ปุ่นมาตั้งแต่แรก คงจะเดาที่คาถาต่างๆออกทั้งหมดแน่ (แต่ตอนนี้น่าจะเฉลยหมดแล้ว)