เร็วๆนี้ ผลงานเรื่องล่าสุดของ แฮร์สัน ฟอร์ด ในเรื่อง คาวบอยแอนด์เอเลี่ยน กำลังจะได้เข้าฉายในบ้านเรา ทางนิตยสาร Filmax เลยรวบรวมผลงานอันเป็นที่จดจำของเขา และทัศนะของตัวฟอร์ดเองกับหนังเรื่องนั้นๆมาให้อ่านกันดูคร่าวๆ และคงเป็นบทบาทที่ทำให้คุณจดจำผู้ชายคนนี้ได้ดี แฮริสัน ฟอร์ด



American Graffiti (1973)
“ตอนนั้นผมเป็นช่างไม้ เพราะผมไม่อยากรับงานแสดงที่เข้ามาในช่วงนั้น แต่ เฟรด รูส แคสติ้งไดเร็กเตอร์ของ American Graffiti โทรมาเสนอบทให้ผม เขาบอกว่างานนี้ผมจะได้เงินมากกว่าเป็นช่างไม้สองเท่า ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เขาโทรกลับมาบอกว่าผมจะได้ค่าจ้าง 15 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ มันเป็นเงินที่น้อยมาก และเป็นการทำงานที่กดดันมาก ผมเกือบจะถูกไล่ออกเพราะไปกินโดนัทของพวกเอ็กตร้าเข้า”


Star Wars (1977)
“มีข่าวว่า จอร์จ ลูคัส กำลังทำหนังเรื่องใหม่ และเขาไม่อยากเจอใครที่เคยเล่นใน American Graffiti แต่เขาโทรหาผม และขอให้ไปซ้อมบทกับนักแสดงคนอื่น พอเขาเสนอบท ฮัน โซโล ให้ ผมดีใจมาก เขาเป็นตัวละครที่คนดูรัก เพราะมันไม่เหมือนกับตัวละครในเรื่องอื่น ๆ ผมมองว่า Star Wars เป็นเทพนิยายที่พูดถึงการเติบโตของเด็กหนุ่ม และแบกรับความผิดชอบ ผมชอบบทนี้ตั้งแต่ได้อ่านบทหนังแล้ว”


Indiana Jones (1981-2008)
“มีความรู้สึกบางอย่างที่บอกผมว่าตัวเองเหมาะกับบทนี้มาก ตั้งแต่วินาทีแรกที่สวมชุด ผมก็รู้สึกมั่นใจอย่างน่าประหลาด ผมคิดว่าคนดูอยากเห็นตัวละครที่ฉลาดและเป็นนักผจญภัยแบบนี้ แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นตัวละครที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ และพาคนดูไปยังสถานที่มหัศจรรย์มากมาย ผมมีความสุขที่ได้เล่นหนังชุดนี้ทุกภาค ทั้งภาค 2 ที่ทุกคนบอกว่ามันมืดกว่าภาคแรก หรือภาค 3 ที่ได้ร่วมงานกับ ฌอน คอนเนอรี่

“กว่าจะมาถึงภาค 4 มันต้องใช้เวลานานกว่าที่ทุกคนจะมารวมตัวกันได้ แต่ผมยังมีความสุขที่ได้เล่นบทนี้เสมอ เพราะอยากจะกลับมาสวมบท อินเดียน่า โจนส์ อีกครั้ง แต่มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะภาค 4 ยังต้องใช้เวลาถึง 18 ปี ผมไม่ได้อยากเล่นบทอินดี้มากเท่ากับการได้กลับมาร่วมงานกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก และ จอร์จ ลูคัส อีกครั้งนึงหรอก
”


Blade Runner (1982)
“มีบางไอเดียของ ริดลีย์ สก็อตต์ ในหนังเรื่องนี้ที่ไม่ค่อยเห็นด้วย ผมเชื่อว่าตัวละครในหนังที่คนดูรู้สึกเชื่อมโยงและมีอารมณ์ความรู้สึก เขาควรจะเป็นมนุษย์ แต่ริดลีย์กลับเห็นว่า บางที เดคคาร์ด อาจจะเป็นเรพลิแคนท์ก็เป็นได้ มันเป็นหนังที่ผสมเรื่องราวสืบสวนแบบเก่าเข้าไปในฉากหลังล้ำยุคซึ่งไม่มีใครทำมาก่อน และทุกวันนี้เนื้อหาของมันก็ไม่เคยเสื่อมคลายเลย”


Witness (1985)
“ผมมีความสัมพันธ์อันดีกับ เจฟฟรีย์ แคนเซนเบิร์ก ที่เป็นประธานพาราเมาท์ในเวลานั้น และเขาเป็นคนที่มั่นใจว่าผมจะมารับบทในหนังเรื่องนี้ได้ แต่ ปีเตอร์ เวียร์ ดูจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวผมสักเท่าไหร่ เพราะติดภาพผมจากหนังเรื่องอื่นจนได้มาคุยกับผมในไวโอมิ่ง และตกลงกำกับเรื่องนี้ ทีมเขียนบทได้ออสการ์จากบทหนังชิ้นนี้ แต่พวกเขากลับบอกว่าผู้กำกับและนักแสดงทำลายตัวหนังซะอย่างงั้น”



The Mosquito Coast (1986)
“ผมรักนิยายต้นฉบับของ พอล เธอร์โรซ์ ทั้งตัวอักษรและตัวละคร ผมชอบตัวละคร อัลลี่ ฟ็อกซ์ กับเรื่องนี้มากกว่าตอน Witness ผมอยากร่วมงานกับ ปีเตอร์ เวียร์ อีกครั้ง เพราะอยากเข้าถึงตัวละครที่ตัวเองรับบท ตัวละครที่น่าจดจำไม่ค่อยมีมาให้เลือกบ่อยครั้งนัก และตัวละครนี้เป็นตัวละครที่ซับซ้อนมาก”


Patriot Games (1992)
“แจ็ค ไรอัน เป็นอีกตัวละครที่น่าหลงใหล เพราะที่ที่เขาไป และสิ่งที่เขาทำ แต่ผมคิดว่า แจ็ค ไรอัน ในหนัง ต่างจากที่ ทอม แคลนซี่ เขียนไว้ในนิยาย เพราะเราไม่ได้ทำให้เขาฉลาดเกินไป และมีความเปราะบางมากขึ้น แคลนซี่ดูจะไม่ค่อยพอใจนักที่หนังถูกดัดแปลงไปจากนิยาย แต่ผมเห็นว่ามันเหมาะสมแล้วสำหรับการสร้างเป็นหนัง และถ้าไม่อยากให้ใครมาแตะต้องนิยาย ก็อย่าขายสิทธิ์มันตั้งแต่แรก แจ็ค ไรอัน ยังเป็นตัวละครที่น่าจะกลับมาทำใหม่ได้ แต่คงไม่ใช่ผมแน่นอน”



What Lie Beneath (2000)
“โครงเรื่องของหนังเรื่องนี้น่าสนใจมาก และเป็นบทที่คนดูไม่ได้คาดคิด ผมอยากเล่นเพราะไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน บ็อบ เซเมกคิส เป็นผู้กำกับที่มีวิธีการทำงานที่น่าทึ่งมาก วิธีที่เขาถ่ายทำ วิธีที่เขาออกแบบ หนังมีฉากลองเทคที่ยาวมาก และเขามีวิธีเคลื่อนกล้องที่ซับซ้อนเพื่อถ่ายทำฉากนี้ แต่ที่สำคัญคือมันทำให้นักแสดงอย่างผมต้องพยายามเล่นฉากนี้ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด”


Morning Glory (2010)
“มันเป็นบทที่น่าสนใจมาก ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยแคร์อะไรอีกแล้ว วงการหนังมีความเสี่ยงสูง และผมแบกรับความเสี่ยงของตัวเองได้ ผมไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าหนังที่ผมเล่นจะทำเงินหรือเปล่า ผมแค่อยากเล่นบทที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ถ้ามันฮิตก็ดีไป แต่ถ้ามันเจ๊ง ผมก็ไม่สน เพราะมันไม่ใช่เงินผม”


Cowboys & Aliens (2011)
“ในเรื่องนี้เป็นโอกาสที่ผมจะได้รับบทที่ไม่จำเป็นต้องได้รับความรักจากผู้ชม เขาเป็นตัวละครที่ต้องการไถ่บาป ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังคาวบอยตะวันตกเกือบทุกเรื่องพูดถึง เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นคนหยาบกระด้าง ก่อนจะค่อย ๆ อ่อนโยนขึ้น บทหนังเรื่องนี้ฉลาดมากตรงที่มันเริ่มต้นด้วยการเป็นหนังคาวบอยเต็มขั้น ก่อนที่เหตุการณ์อื่น ๆ จะตามมา แต่มันก็ยังคงความเป็นหนังคาวบอยเหมือนเดิม มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน เป็นพรมแดนใหม่ของหนังประเภทนี้เลย”

ข้อมูลประกอบการเขียน : บทความและบทสัมภาษณ์ จอน แฟฟโร, อเล็กซ์ เคิร์ตซแมน, โรแบร์โต ออร์ชี่, แฮร์ริสัน ฟอร์ด, แดเนียล เครก, โอลิเวียร์ ไวลด์ จากนิตยสาร Empire, Total Film, SFX และเว็บไซต์ superherohype.com