เมื่อพูดถึงซีรีย์ Need for Speed หลายๆ คนก็จะนึกถึงภาค Most Wanted ในปี 2005 ขึ้นมาทันที ทั้งการไล่ล่าจากตำรวจ การแต่งรถ ฯลฯ อีกมากมายทำให้เกม Need for Speed Most Wanted ภาคนั้นกลายเป็นตำนานไปเรียบร้อย หลายปีผ่านไปทาง EA จึงได้มีสารให้ Criterion Game ผู้พัฒนา Burnout มาปลุกผีภาคนี้ใหม่อีกครั้ง
หมายเหตุ ตัวเกมที่จะมารีวิวในวันนี้จะเป็นเกมในเวอร์ชั่น PS Vita ซึ่งภาพจะดรอปจากตัวเกมในเวอร์ชั่นคอนโซล แต่ยังคงมีเกมเพลย์และองค์ประกอบอื่นที่เหมือนกันอยู่
เกมเพลย์
เกมเพลย์ของเกม Need for Speed Most Wanted ในภาคนี้ยังคงสไตล์เกมขับรถ Open World เน้นขับมันส์ๆ ซิ่งๆ ดริฟต์ไปดริฟต์มาหนีตำรวจเช่นเดิม รวมเข้ากับเกมเพลย์สไตล์ Burnout ที่เด่นในการขับรถชนกัน ตัวเกมด้านระบบควบคุมนั้นทำได้ดีไม่มีติอะไร อย่างไรก็ตามในภาคนี้มีหลายจุดที่เปลี่ยนแปลงจากภาค Original คือตัวรถนั้นจะกระจายซ่อนอยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด (มีอยู่ 123 คัน) ทำให้เราไม่จำเป็นต้องลงสนามแข่งข้างถนนเพื่อปลดล็อครถอีกต่อไป ถ้าหาเจอรถที่ถูกใจคันไหนก็เข้าไปขับได้เลย ซึ่งจุดนี้จะผมมองว่าเป็นข้อดีคือตัวผู้เล่นสามารถเลือกขับรถคันที่ชอบได้เลยตั้งแต่เริ่มเกม โดยที่ได้สำรวจเมือง Fairhaven ไปอีกทางหนึ่งด้วย
ขับรถชมวิวหนีตำหนวด
แต่ใช่ว่าเราเลือกขับรถอะไรก็ได้แล้วจะไม่มีความท้าทายอะไรเลย ตัวเกมยังคงบังคับให้เราต้องไล่โค่นคู่แข่ง Most Wanted ที่มีค่าหัวสูงสุดทั้ง 10 รายให้จงได้ (แต่ไม่มีเนื้อเรื่องให้ติดตามนะ) นอกจากนี้รถแต่ละคันที่เราขับนั้นจะมี Mission เพื่อปลดล็อค Part ต่างๆ ของรถ เช่น ล้อรถ บอดี้ ตัวถัง ระบบไนตรัส และเกียร์เป็นต้น ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะเคลียร์เกมนี้ได้ก็จะต้องเคลียร์ Mission 10 ฉากสำหรับการโค่นเหล่า Most Wanted รวมไปถึง Mission ของตัวรถแต่ละคันเอง ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 600 กว่าฉากด้วยกันเลยทีเดียวเชียว ซึ่ง Mission ที่ทาง Criterion ทำนั้นนั้นถือได้ว่า ไม่ยาก และไม่ง่ายจนเกินไป บางฉากต้องเล่นหลายรอบกว่าจะผ่านได้ อย่างไรก็ตาม Mission ของรถหลายๆ คันนั้นแลดูซ้ำๆ บ้างเหมือนกันอาจทำให้เล่นไปซักพักอาจจะเบื่อได้
นอกจากระบบรถที่กระจายตัวให้เลือกใช้ได้แล้ว ในภาคนี้ทาง Criterion ได้ปรับเปลี่ยนระบบแต่งรถให้เราสามารถปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนรถได้ทันทีผ่านเมนู Easy Drive ที่กดปุ่มไม่กี่ทีก็ปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือแม้กระทั่งเปลี่ยนรถได้ทันทีทันใด ไม่ต้องเข้าโรงรถอีกต่อไป ซึ่งจุดนี้เองบางคนก็ว่าสะดวกดี บางคนก็ว่าไม่สมจริงก็แล้วแต่ตามที่จะคิด แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าเป็นอะไรที่สะดวกมากเพราะไม่ต้องกลับไปยังโรงรถไปบ่อยๆ อย่างไรก็ตามอีกเช่นกันเกมในภาคนี้ทาง Criterion ได้ตัดระบบแต่งรถออกไปด้วย ทำให้เราจะไม่สามารถติดสติ๊กเกอร์ เปลี่ยนอุปกรณ์ประดับยนตร์ได้เหมือนภาค Original ทำได้แค่เปลี่ยนสีรถโดยวิ่งเข้าไปยังอู่ซ่อมที่กระจายอยู่ทั่วเมืองเท่านั้น (เมื่อเราขับรถผ่านเข้าอู่ ตัวรถจะถูกซ่อมให้ใหม่เอี่ยมอ่อง และพ่นสีใหม่ที่สุ่มมาให้)
อู่รถมากสาขา
การไล่ล่าและหลบซ่อน
ถ้าพูดถึง Most Wanted คงไม่พูดถึงตำรวจและการไล่ล่าคงไม่ได้ โดยตำรวจจะใช้รถทั้งสิ้น 5 แบบ ซึ่งประกอบไปด้วยรถตำรวจธรรมดา รถ SUV รถ SWAT และรถสปอร์ตสุดหรูที่ไม่รู้เอาภาษีใครไปจ่าย สำหรับการหลบหนีตำรวจนั้นก็ยังคงใช้วิธีการเดิม คือจะต้องสลัดตำรวจให้ได้และเข้าไปที่ซ่อนตามอาคารและสถานที่ลับที่มีที่ให้ซ่อนอยู่ทั่วเมือง (แต่ไม่มีจุดบอกใน Map ต้องเสี่ยงดวงกันเอาเอง) ในส่วนของ AI ตำรวจถือว่าทำออกมาโอเคดีไม่มีที่ติอะไร แต่ส่วนที่ติจริงๆ คือแม้ว่าเราจะหนีไม่รอดโดนจับแล้ว ตัวเกมนั้นมันไม่มี Penalty ลงโทษหรือทำให้เราต้องเสียอะไรไปเลยแม้แต่อย่างใด เสมือนจับไปเป็นพิธีให้เราเห็นฉากโดนจับแป๊ปนึงแล้วก็ปล่อยให้เราซิ่งต่อได้เลย นอกจากนี้ตัวเกมยังได้ตัดเฮลิคอปเตอร์ตำรวจออกไปอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ความท้าทายในการหนีตำรวจของตัวเกมในภาคนี้ลดน้อยลงไป
หยุดเดี๋ยวนี้ มาจ่ายค่าปรับคุณตำหนวดซะดีๆ
การทำสถิติ
เกม Most Wanted ในภาคนี้ มีระบบเก็บสถิติของผู้เล่นเอาไวด้วย เช่น เก็บสถิติค่าหัว (Speed Point - SP) เก็บสถิติความเร็วของเครื่องจับความเร็วที่กระจายตามสถานที่ต่างๆ สถิติการทำลายป้าย Billboard และระยะทางในการซิ่งเหินฟ้า เป็นต้น ซึ่งสถิติเหล่านี้เองก็จะแชร์ไปให้กับเพื่อนๆ ที่อยู่ใน Friend List ของเราที่เล่นเกมนี้อีกด้วย โดยเราจะสามารถดูข้อมูลได้ว่าค่าหัว (Speed Point) ของเราอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ในแวดวงของเรา และถ้าเพื่อนเราทำลายสถิติใดของเราได้ เช่น สถิติความเร็วของกล้องตรวจจับความเร็วในเมือง ตัวเกมก็จะมีระบบ Autolog เพื่อแจ้งเตือนเพื่อให้เราไล่ทำสถิติเกทับกลับไปได้อีกด้วย เป็นต้น
โดนเกทับค่าหัว (Speed Point)
ซิ่งทำลายสถิติความเร็วกับเพื่อนในลิสต์
Multiplayer สุดเจ๋ง
ระบบ Multiplayer ของตัวเกมถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองเอามากๆ ซึ่งนอกจากจะมีโหมดแข่งรถแบบธรรมดา (ทั้งแบบทีมและแบบเดี่ยว) แล้ว ตัวเกมยังมีโหมด Speed Test และ Challenge Mission ที่สนุก มันส์ ฮามากๆ ยกตัวอย่างเช่น
ขับรถให้กระโจนออกไปแล้วลงเป้าตามที่กำหนดไว้ ใครกระโจนออกไปแล้วลงเป้าได้มากสุดคนนั้นชนะ ทำให้บางทีกระโจนออกไปพร้อมกันก็ชนกันซะงั้น
แข่งเหินฟ้า ใครซิ่งเหินบินไปได้ไกลกว่าคนนั้นชนะ
แข่งดริฟต์ เช่น มีเสาประภาคารให้เสานึง แล้วแข่งดริฟต์วนรอบเสา ใครดริฟต์ได้นานกว่าคนนั้นชนะ
แข่งแย่งกันจอดรถในสถานที่แปลกๆ เช่น จอดบนปีกเครื่องบิน ใครจอดได้นานสุดก็ชนะ ซึ่งพวกคนที่มาที่หลังก็จะเบียดเราให้ตกปีกเครื่องบิน แล้วลงเหวดับอนาถไป
แข่งชนคนอื่น ใครคว่ำรถคนอื่นได้มากก็ชนะไป
นอกจากนี้ระบบ Multiplayer ของตัวเกมยังอนุญาตให้เราออนไลน์เล่นข้ามโซนกันได้ และสามารถสร้างรูปแบบการแข่งขันของเราได้เองอีกด้วย เช่นว่า จะจัดการแข่งขันเป็นแบบ แข่งรถเพียวๆ หรือจะแข่งแบบ Challenge สลับกันไปก็ได้ตามที่ต้องการ เป็นต้น อย่างไรก็ตามระบบออนไลน์มัลติเพลเยอร์นี้มีข้อสังเกตคือเราไม่สามารถใช้รถทั้งหมดได้ทันทีเหมือนโหมดแบบเล่นคนเดียว โดยเราจะต้องเล่นโหมด Multiplayer เพื่ออัพสกิล Speed Level ให้ได้ระดับนึง จึงจะสามารถปลดล็อครถและชิ้นส่วนอัพเกรดต่างๆ ได้ในภายหลัง
Multiplayer ที่ยังอยู่ในโลก Open world
บทสรุป
ข้อดี
- รายละเอียดตัวรถ และเมืองทำได้ดีพอสมควร รวมถึงมีสิ่งท้าทายที่ทำให้ผู้เล่นอยากที่จะขับรถกินลมชมได้ทั่วเมือง
- Mission ที่เยอะมาก
- ระบบ Multiplayer ที่ทำออกมาดีมาก ใครไม่มาเล่น Multiplayer ถือว่าเล่นไม่คุ้ม (จริงๆ นะ)
ข้อเสีย
- ระบบแต่งรถที่หายไป เปลี่ยนได้แค่อุปกรณ์บางชิ้นส่วนหลักๆ ของรถเท่านั้น
- Mission แข่งปลดล็อคชิ้นส่วนรถแต่ละคันดูซ้ำๆ กันอาจทำให้เบื่อได้
- ขาดความท้าทายในการหนีการไล่ล่า ถึงโดนจับได้ก็ไม่เสียอะไร
สรุปคะแนน 8.5/10 ดริฟต์เนียน เกรียนซิ่ง โดยส่วนตัวแล้วผมชอบภาคเก่ามากกว่า แต่เกมนี้ยังคงเป็นเกมขับรถที่เจ๋งเกมนึงอยู่ดี (โดยเฉพาะระบบ Multiplayer )
ที่มา : b4lmung@Gconsole