ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 4 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 1234 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 26 ถึง 50 จากทั้งหมด 89
  1. #26
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818

    บทที่ 9 การวางแผนและโชค

    เราวิ่งกลับที่พักด้วยความรวดเร็ว เจอกลับโรล แจ็คและคู่สามีรออยู่แล้วพร้อมกับ
    การฝึกดำเนินเป็นไปตามที่คาดหวัง แม้ซินแคลร์จะโอดครวญกับคนอื่นว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของกลุ่ม หลายคนจึงต้องมานั่งปลอบใจเธออย่างเหนื่อยหน่าย เอ็มม่าเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ซินแคลร์จึงดูสดชื่นขึ้น
    ไข่ยัดไส้ในตอนนี้ผมรู้สึกถึงมะเขือเทศและผักหลายชนิดมารวมขึ้น เมื่อถามก็พบว่าเอ็มม่าแอบไปหยิมมา ตอนไหนเนี่ย แต่ยังไงซะ มันก็ทำให้รสชาติแต่งต่างจากเดิมบ้าง
    "แล้วไงต่อ แผนเป็นไง" โอเลดเริ่มประเด็น ไข่ยัดไส้เต็มปาก นี่เหรอท่าทางของคนที่เบื่อ
    "ไม่เอาน่า นายไม่อยากฟังอะไรตอนนี้หรอก" ผมบอกส่ายหัวไปมา
    "ไม่รู้สินะ การที่นายไปทำเอะอะในห้าง ออกไปจากที่นี่เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี" โรลใช้ช้อนชี้มา แล้วก็ตักไข่ยัดไส้เข้าปาก
    "ใช่ๆ" หลายเสียงเห็นด้วย
    "ก็ได้ ทีจริงผมก็ไม่ใช่นักวางแผนอะไรหรอกนะ แต่ความจริงผมว่าเราควรจะวิ่งฝ่าไปตามมุมตึก ไปห้างที่โรลบอก" ผมอธิบายความคิดที่ผมไม่คิดจะทำ เพียงแค่อยากรู้ว่า ใครจะพูดอะไรบ้าง
    "ไม่ได้หรอก ที่นั่นอันตรายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและที่สำคัญนายก็พาซอมบี้มาจากส่วนหน้าด้วย จะบุกไปมีแต่จะโดนรุมทึ้ง" โรลบอก
    "แต่เรามีปืน เราก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์สิ" โอเลดเสนอพลางพยักหน้า แต่โรลส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
    "ไม่ได้หรอกน่า ถ้าเราโดนพวกมันรุมล้อมเราก็ฝ่าไม่ได้ แถมไอ้พวกนี้มันยังวิ่งด้วย" คราวนี้เป็นแจ็คที่พูด ผมสังเกตว่าเขาพยายามทำตัวให้ดีขึ้น
    "แต่นายก็เห็นว่ามันช้าลง หัดออกไปดูโลกภายนอกบ้างสิ" ซินแคลร์แย้ง แจ็คทำตาเขียวใส่
    "พอๆ หยุด" เอ็มม่าตัดบท "ถ้างั้นเราก็ใช้แผนล่อสิดีมั้ย"
    "แผนล่ออะไรล่ะ" ผมถามรู้สึกสนใจ
    "ไม่รู้สิ" เอ็มม่าส่ายหัวอายๆ
    "ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้นเนอะ จะได้ออกไปข้างนอกแล้ว" โจนส์พูดเสียงสั่น
    "ใช่โจนส์ ฉันจะได้ทำอะไรที่ไม่ใช่ไข่ยัดไส้บ้างเบื่อเหมือนกันนะ" เคลลี่พูด เจฟเอามือโอบไหล่ทันที
    "แหม มันก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่นิ่จ๊ะ" เจฟพูด
    "หึหึ หวานกันจริง" ผมออกปากรู้สึกชื่นชมและอิจฉาเล็กน้อย เอ็มม่าหยิกแขนผมเบาๆ "มาว่ากันต่อเรื่องแผน โรลคุณใช้ไรเฟิลสไนเปอร์เป็นใช่มั้ย" ผมถาม
    "ก็นิดหน่อย" โรลยักไหล่ "แชมป์ยิงปืนยาว 2 ปีซ้อน" โรลเสริมรอยยิ้มน้อยๆปรากฎตรงมุมปาก เกิดเสียงฮือฮาทันที
    "ไม่บอกกันเลยนะ" ผมชม เอื้อมมือไปเคาะแขนโรลซึ่งนั่งคนละฟั่งกับผม
    "ก็ไม่ถามนี่หว่า" โรลหลบสายตาโดยการตักข้าวขึ้นมาทาน
    "นั่นแหละ ผมสังเกตได้ว่าตรงตึกทางเข้าเมือง จะมีตึกที่มีลำโพงขนาดใหญ่เพื่อให้คนละแวกนั้นได้ยิน" ผมมองโรลเพื่อให้เขายืนยันข้อมูล
    "ใช่นั่นเป็นตึกใหม่ของไมอามี่เลย เป็นตึกที่ฟุ่มเฟือยของเมืองใหญ่เลยทีเดียว ไว้สำหรับประกาศคอนเสิร์ตหรือไม่ก็ประกาศเวลามีคนสำคัญมา" โรลเสริมให้
    "ผมจะไปเปิดเพลงที่ตึกนั่นเอาให้ดังสนั่นลั่นเมืองเลย โดยที่ระหว่างที่ไปที่นั่นผมจะยิงปืนเพื่อล่อพวกมันมาก่อนเอาให้เยอะที่สุด" ผมบอกแผนกลืนน้ำลาย "และโรลคุณยิงคุ้มกันผม" โรลมองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ "ด้วยปืนที่คุณเลือก"
    "เอ็มม่าคุณพาตนที่เหลือและโรลไปที่ห้างนั้นเมื่อผมเข้าตึกไปได้แล้ว ใช้ทางที่คุณคิดว่าพวกมันน้อยที่สุด" ผมรีบพูดก่อนที่เอ็มม่าจะพูดอะไรที่ขัดต่อแผนผมขึ้นมา
    "เป็นแผนที่ดี" โอเลดส่งเสียง "แต่คุณทำคนเดียวไม่ได้ คุณต้องมีตัวจี๊ดอย่างผม" โอเลดเสนอ "ที่สำคัญการเข้าห้างจะได้สะดวกขึ้น"
    "ไม่ๆ นายไม่ควร--"
    "อย่ามาบอกว่าผมควรทำอะไรรึเปล่า ขอร้องเลยเถอะนะ" โอเลดพูดเสียงขุ่น "ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ยังเป็นเด็กอยู่แล้วไง ไม่มีสิทธิ์จะทำประโยชน์เลยรึไง" เขาเปลี่ยนเป็นขึ้นเสียง โจนส์มองผมเหมือนจะบอกให้ผมพาไปด้วย "ผมก็มีประโยชน์นะ ขอร้อง เลิกทำเหมือนผมเป็นเด็กสักทีได้มั้ย" โอเลดตะโกนอาจจะเกิดเพราะความอดกลั้นถึงขีดสุด ทั้งห้องเงียบ
    "ก็ได้ โอเลดนายไปกับฉัน" ผมบอกไปอย่างไม่เต็มใจ ในหัวคิดแผนขัดขวางโอเลด
    "ทุกคนไปเตรียมอาวุธให้เรียบร้อย เราจะเริ่มวันพรุ่งนี้เลย" ผมบอกทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ผมเดินไปนั่งที่มุมห้องเหมือนที่ทำทุกคืน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือเอ็มม่าเดินเข้ามานั่งข้างๆ เงียบกันไปพักใหญ่
    "รู้มั้ย นี่เป็นวิธีที่แย่มาก" เอ็มม่าเริ่ม ลูบมือไปมา
    "จะมีวิธีไหนดีกว่านี้เหรอ" ผมเลิกคิ้ว เงียบกันไปอีกที ตอนนี้ผมรู้สึกอึดอัดจนอยากลุกขึ้นปล่อยให้เธอนั่งคนเดียว
    "ไม่รู้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้" เอ็มม่าพูดเสียงสั่น "ถ้าเผื่อคุณไม่กลับมา"
    "ไม่ ผมต้องกลับมา ผมผจญโลกภายนอกมาขนาดนี้ ของแค่นี้สบายมาก" ผมให้ความมั่นใจ เอ็มม่ายังดูวิตกอยู่
    "แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่เป็นอะไร มันอันตรายมาก นี่ยังไม่นับพวกในตึก แล้วถ้าเกิดการผิดพลาด" ตอนนี้ผมชักอยากให้เธอเงียบแล้ว ไม่ใช่เพราะรำคาญแต่มันทำให้ผมรู้สึกสงสารต่างหาก
    "ผมก็มีโอเลดไง" ผมตอบไป
    "คุณสิที่จะต้องดูแลเขา แล้วใครเป็นคนบอกให้คุณวางแผนอย่างนี้กัน มัน--" มันอะไรไม่มีใครรู้ เพราะผมจูปปากเธอไปเต็มๆ


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:28
    3 Coins DPP

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 5 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #27
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    42
    กล่าวขอบคุณ
    82
    ได้รับคำขอบคุณ: 8
    นิยายสนุกมากครับ ขอติดตาม
    เนื้อเรื่องของเดนนิสใกล้มายัง
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Zen|Th : 31st December 2012 เมื่อ 20:25

  4. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #28
    "I Love Army"
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    หนุ่ม สุ1000
    กระทู้
    733
    กล่าวขอบคุณ
    1,250
    ได้รับคำขอบคุณ: 209
    บทที่ 9 ยังไม่มาเลยผมรออ่านอยู่อะ

  6. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  7. #29
    My heart
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    588
    กล่าวขอบคุณ
    490
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,198
    สนุกครับ สุดยอด ผมชอบมากแนวนี้ พวกซอมบี้

    เป็นกำลังใจให้ต่อ บทที่ 10 รีบๆมานะ
    You’re happy, I’m happy

  8. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  9. #30
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    267
    กล่าวขอบคุณ
    482
    ได้รับคำขอบคุณ: 127
    สนุกดี เป็นกำลังใจให้ครับ อย่าเพิ่งจบเร็วละกัน

  10. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  11. #31
    Kill Me Baby
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,443
    กล่าวขอบคุณ
    11,069
    ได้รับคำขอบคุณ: 940
    สุดยอดไปเลยครับ อ่านแล้วไม่ งง

    ไม่ตาลาย สุดยอดเลย
    ชีวิตผมรายล้อมไปด้วยกำลังใจและคำคมรอบกาย แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่เคยผลักดันให้ผม "ต่อสู้" ได้เลย

  12. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  13. #32
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818

    บทที่ 10 การหลบหนี

    ที่นี่แม้จะอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยปืนสงครามนานับชนิด แต่อาวุธประจำกายของพวกเขากลับร้ายแรงมากๆ เช่น โอเลดที่ใช้มาเชเต้ โจนส์ใช้ขวานพก โรลใช้มีดพร้าหัวขอ เคลลี่ใช้มีดแร่เนื้อที่คมมากๆ แจ็คใช้กระบองเหล็กยาวๆ เจฟใช้ไม้เบสบอลเหล็ก ซินแคลร์ใช้ด้ามไม้ถูพื้นเสียบกับมีดใช้แทง แต่เอ็มม่าที่ดูเหมือนจะไม่มีอาวุธอะไรกับเขาเลยนะ ผมจึงมอบมีดสั้นให้เธอซึ่งรับไว้ด้วยท่าทีเขินอาย
    พูดถึงเอ็มม่าแล้วตื่นเช้ามาเธอไม่คุยกับผมเลย ได้แต่ยิ้มและเดินหนีไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้เลย จนถึงเวลาปฏิบัติการ โอเลดนั่งสวดมนตร์พึมพำอยู่ที่มุมห้อง ถึงผมจะพูดว่าขอบคุณพระเจ้าอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ สิ่งที่ผมยึดถืออยู่ในใจกลับละลายหมดสิ้น
    ทุกคนเกือบทั้งโลกตายจากไปนี่หรือวันพิพากษา ถ้านี่จะเป็นเหตุให้ผมต้องรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้ละก็ ขอบอกเลยตั้งแต่แรกผมไม่เคยมีดวงสักนิด แม้ตอนตกสะพานจะมีเศษไม้มอกองเป็นเบาะก็เถอะนะ
    "โอเลด นายพร้อมนะ" ผมถามขณะที่สวมชุดเกราะ(ปลอกแขนตอนนี้ยังให้เอ็มม่าอยู่) และเหน็บปืนพกสองกระบอกไว้ข้างๆ เหวี่ยงดี-เอ็มที่โอเลดเช็ดให้ไปมา
    "พร้อมสิ" โอเลดตอบ เขาเหน็บมีดไว้ข้างเอวในปลอกขนาดใหญ่ แต่มือถือ UZI สองกระบอก
    "โรลคุณล่ะ" โรลถือ M 21 แล้วขึ้นลำเพื่อบอกว่าพร้อมรบ ผมพยักหน้าให้
    ไข่ยัดไส้ เป็นอาหารมื้อสุดท้าย ทุกคนทานอย่างเต็มที่นี่ โอเลดพยายามมีความสุข เอาเข้าจริงเมื่อเวลานั้นมาถึง มันก็ไม่ได้ดูง่ายอย่างที่คิด
    "กินมื้อสุดท้ายให้อิ่ม" ผมบอกโอเลด "เพราะเราจะไปกินกันในนรก" รอบวงฮาทันที หลังจากนั้นก็กลับไปเงียบกันต่อ
    ระหว่างทางการเดินลงบันไดเรียบง่ายกว่าที่คิด ไม่มีซอมบี้สักตัว จนกระทั่งมาถึงประตูหน้าห้าง โอเลดเอื้อมมือไปจับประตู ผมจับไหล่โอเลดไว้ โอลเดพยักหน้าเหมือนจะสั่งเสีย
    ปึง
    เสียงโอเลดถีบประตุออกไปอย่างก้าวร้าว แกว่งปืนรอบแล้วตะโกนสุดเสียง
    "ทุกคนหมอบลงกับพื้น พวกเรามาปล้น อย่าได้ขัดขืน" ผมก็อยากจะฮาอยู่บ้าง แต่ดูจากบรรยากาศรอบๆแล้ว มันไม่เป็นใจซะเลย
    "ดีน ฉันว่าผิดแผนว่ะ" โอเลดกระซิบ ตอนนี้ทุกสายตาข้างหน้า นับร้อยคู่จ้องมาที่เรา
    ตั้งแต่หน้าห้างไปจนถึงห้างข้างหน้า เดินส่งเสียงครางระงม
    "นี่แหละการไม่สำรวจสถานที่ วิ่ง!!! วิ่ง!!!" ผมกับโอเลดสับเท้าสุดชีวิต โอเลดสาดปืนไปทั่ว ผมจำเป็นต้องวิ่งหลังเขามือป้องหัวเพื่อไม่ไห้กระสุนวิ่งมาโดน
    "เล็งผีสิ ไอเซ่อ ตั้งสติ" ผมตะโกน โอเลดเหมือนจะรู้สึกได้ จึงชะลอความเร็ว
    "ดีนดูสิ พวกมันวิ่งช้าจริง" โอเลดบอก ผมหันไปดูใช่จริงๆ เราวิ่งเลยพวกมันมาไกล และบางตัวก็โดนโรลยิงจากด้านบน ยิงโดนบ้างไม่โดนบ้าง

    บนดาดฟ้าตึกชั้นสามที่ที่โรลพบกับดีนครั้งแรก โรลยืนอยุ่สายตาจ้องไปที่ลำกล้องแล้วเหนี่ยวไกไปทุกครั้ง ที่มั่นใจว่าโดน เป้าหมายที่เคลื่อนที่บวกกับลมเล็กน้อยแม้จะทำให้งานยากอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ครณามือสิงห์เฒ่าผู้นี้เลย นัดแล้วนัดเล่าที่โดนศีรษะศัตรูอย่างแม่นยำ
    "ทางโล่งแล้วทุกคน ตอนนี้ดีนกับโอเลดเข้าไปในตึกได้แล้ว" โรลประกาศให้พรรคพวกที่รออยู่ด้านหลังรู้ เอ็มม่าดูกระวนกระวายใจเล็กน้อย
    "เราไปกันเถอะ" แจ็คพูด แล้วค่อยๆเปิดประตู พร้อมกับนำทุกคนวิ่งลงชั้นล่างโดยมีโจนส์อยู่กองหลัง เมื่อมาถึงประตูห้างที่เปิดอ้าซ่าไว้อยู่ และซอมบี้สองตัวเดินวนเวียนอยู่ เขาและโรลจึงใช้อาวุธประจำตัวของตัวเองพุ่งเข้าไปจัดการกับซอมบี้สองตัวนั้นอย่างง่ายดาย แจ็คเหวี่ยงไม้ไปที่หัวซอมบี้จอดในทีเดียว โรลใช้ปลายมีดปักและลากลงมานอนกับพื้น สมองไหลออกมากอง ซินแคลร์มองด้วยทีท่าสะอิดสะเอียน
    จากนั้นทั้งหมดจึงรีบวิ่งผ่านตึกพาณิชย์และอีกแค่ตึกเดียวก็จะถึงห้างเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ซอมบี้หลายสิบตัววิ่งเข้ามาดักหน้าไว้ เนื้อเปื่อยยุ่ยทั้งหลายพยายามไขว่คว้าเนื้อสดตรงหน้า แจ็ควิ่งเข้าไปฟาดกับซอมบี้ด้วยความมันมือทันที แต่ด้วยความผลีผลามเขาจึงตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม คนที่เหลือเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปช่วย เกิดการฟาดกันชุลมุน โจนส์ใช้ขวานจามหัวซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาทีละตัว ซินแคลร์ไม่เปิดระยะให้พวกมันเข้ามาใกล้เกินไปโดยการพุ่งไม้ถูพื้นปลาบมีดปักหัวซอมบี้ ส่วนเอ็มม่า เคลลี่และเจฟ จัดการพวกมันคนละตัวสองตัว ทุกคนหันหลังชนกันและจัดการซอมบี้ที่เข้ามาใกล้
    เลือดไหลนองเต็มพื้น ศพนอนเกลื่อนกลาดดารดาษดั่งขอนไม้ ทุกคนค่อยๆก้าวข้ามศพทีละช้า อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นศพเน่าซึ่งเหมือนจะชัดเจนขึ้น เมื่ออะดรีนา-ลีนหมดไป
    ที่นี่มืดจริงๆ มืดจนน่าขนลุกแม้จะไม่ได้มืดขนาดนั้นที่มองไม่เห็นอะไรเลยนะ ยังมีแสงเดือนแสงตะวันส่องมาบ้าง แต่ถ้าให้ผมพูดถึงบรรยากาศตอนนี้แล้ว"หลอน" น่าจะดีที่สุด ระหว่างทางเราเจอซอมบี้บ้างเล็กน้อย แต่ผมปล่อยให้โอเลดจัดการถือเป็นการระบายความเครียด ตอนนี้เราอยู่ชั้นที่สองจากยี่สิบชั้น เรากำลังหาทางขึ้นลิฟต์อยู่ แต่ตามโลเคชันของตึกคือ ลิฟต์จะอยู่ชั้นสอง ผมและโอเลดค่อยๆก้าวช้าๆไปในความมืด ได้ยินเสียงใจเต้นชัดเจน
    "ที่นี่จะมีคนรอดมั้ย" โอเลดกระซิบ คลำทางไปเรื่อยๆ เหมือนคนตาบอด
    "ไม่มีทาง" ผมกระซิบตอบ สายตายังจับจ้องไปที่ความมืด
    "แล้วถ้าเราถูกกัดล่ะ" โอเลดยังไม่เงียบ ผมหมดความอดทน
    "เงียบน่า เสียงนายจะกลบเสียงครางของพวกมันนะ" โอเลดเงียบทันที เสียงครางชัดเจนขึ้นมาก บางทีก็เหมือนเสียงผู้หญิงร้องไห้ และจับจ้องเราจากความมืด จินตนาการคิดไปได้ไกลขนาดนั้นเชียว
    "ฉันว่า ฉันเจออะไรบางอย่าง" โอเลดพูด มือกระแทกไปกับผนัง
    ติ๊ง
    เสียงลิฟต์ดัง เสียงครางชัดเจนขึ้น ในความมืดร่างหลายร่างวิ่งเข้ามา
    "เข้าไป เข้าไป" ผมผลักโอเลดเข้าลิฟต์แล้วจึงตามเข้าไป แต่ประตูลิฟต์ยังเปิดอยู่และมันเข้ามาใกล้ทุกที เราทั้งสองเอาตัวแนบชิดผนังสูดหายใจสุดปอดและประตูลิฟต์ก็ค่อยๆเลื่อนปิด ทิ้งให้พวกมันบางตัววิ่งชนประตูทิ้งเสียงปึงไว้ด้านหลัง
    เราทั้งคู่ถอนลมหายใจออกแรงๆ และเคลื่อนตัวออกจากผนังลิฟต์ โอเลดเหงื่อเต็มหน้า ส่วนผมก็เหงื่อเต็มหน้า
    "รู้ไหม ฉันไม่คิดว่าลิฟต์จะใช้ได้ซะอีก" โอเลดถามมองไปรอบอย่างสงสัย
    "คงจะเป็นเพราะพวกขาใหญ่ สั่งให้การไฟฟ้าทำงานละมั้ง" ผมตอบหยั่งเชิงพลางยักไหล่
    "แต่พระเจ้า ไอพวกนี้หยั่งกะมองเห็นเราในความมืด" โอเลดพูดตัวสั่น ดูท่าทางเริ่มไม่มั่นใจ
    "อาจจะ--"
    ปิ๊ง
    เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูเลื่อนเปิดอย่างเงิบงาบเป็นปกติ ชั้นนี้สว่างและมีเศษเนื้อมากมาย ตกหล่นอยู่เบื้องหน้า เลือดแห้งกรังติดตามผนังเป็นรอยฝ่ามือลากไปมา
    "ระวังไว้ พวกมันอยู่ชั้นนี้" ผมกระซิบ โอเลดดูตื่นๆ เสียงครางที่ดูชัดเจนขึ้น ข้างหน้าคล้ายออฟฟิศ มีบล็อกสำหรับนั่งทำงาน ซึ่งวิทยุกระจายเสียงจะอยู่สุดห้อง

    การขึ้นมายังชั้นบนสุดไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากคนจำนวนเจ็ดคน การเป็นหูเป็นตาให้กันไม่ใช่เรื่องยาก และทุกคนก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง
    "เยี่ยมเลย เรามาถึงชั้นวิทยุแล้ว" โรลหอบ เพราะอายุมากที่สุดในกลุ่ม แม้จะยังดูหนุ่มมากเพราะเคราอันมีเสน่ห์ก็ตาม
    "ไหวมั้ย ตาเฒ่า" โจนส์ยื่นน้ำไปให้ โรลรับมาดื่มจนหมด
    "โทษที" โรลพูด หอบอยู่
    "โรลอยู่นั่นไง" แจ็คชี้ไปยังชุดเครื่องส่งสัญญาณขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่ เบื้องหน้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่กระจัดกระจายเรี่ยราดตามพื้น
    "โอเค โจนส์ไปกับฉัน" โรลหันไปคุยกับโจนส์ "ส่วนที่เหลือใช้ปืนเลย"
    โรลและโจนส์ก้าวข้ามเครื่องใช้ไฟฟ้าโกโรโกโส ที่วางตามพื้น ตาสอดส่องหาผีดิบอย่างระแวดระวัง
    "เอาล่ะ รู้สึกว่าเครื่องจะพร้อมใช้อยู่แล้วนะ สวรรค์โปรดแท้ๆ" โรลหัวเราะ พลางลูบชุดเครื่องส่งสัญญาณราวกับว่าเป็นลูกรัก เหนือวิทยุมีหน้าจอขนาดย่อมบอกสัญญาณความถี่
    "ห้างนี้ จะมีเครื่องอย่างนี้ไว้ขายใคร" โจนส์เลิกคิ้วสงสัย
    "เงียบเหอะ" โรลกระซิบ มือขยับไปมาอย่างชำนาญเพื่อหมุนหาความถี่
    "นี่ฉันว่าฉันได้ยินเสียงคราง" เอ็มม่าร้องเสียงแหลม มือกระชับปืนพกของตัวเอง
    "หูดีเหลือเกินนะ" แจ็คเยาะ ยังอยู่ในท่าสบายๆ
    "ได้แล้ว ฉันติดต่อได้แล้ว" โรลร้อง เสียงดีใจตามมาชุดใหญ่ เคลลี่ทิ้งจุดประจำการมาทันที "เงียบ ทุกคนเงียบ"
    "สวัสดี ทุกท่านนี่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัย โปรดบอกที่อยู่ของท่านมา แล้วเราจะไปรับ" เสียงชัดแจ๋วจากวิทยุดังขึ้น
    "เอ่อ คือเราได้ยิน สัญญาณจากคนที่เหมือนเป็นเพื่อนของดีน" โรลพูดหยั่งเชิง "เรารู้จักเขา เรารู้จักดีน"
    "จริงเหรอ คุณรู้จักจริงเหรอ" เสียงที่เป็นงานเป็นการเปลี่ยนไป เป็นเสียงกระตือรือร้นเจือตื่นเต้น
    "ช่าย เอ่อ ดีน ไทเลอร์ ใช่ไหมล่ะ" โรลพูด เงี่ยหูฟังในวิทยุ
    "โอเครับ--" ไม่ใช่เสียงวิทยุขาดหาย แต่กลับเป็นเสียงเพลงขนาดยักษ์ เหมือนเพลงแร็พ
    "Shrunken heads, broken legs, body parts on the concrete
    Cut 'em up butcher style, gators in the swamp
    Red light, leave 'em dead, runnin' like a track meet
    Scared of nobody, what you motherfuckers want?
    Believe me when I tell 'em I'm a boogeyman beast
    Leave 'em slashed from their head to their feet
    Pin pricks to the chest of a bitch well earned
    Cookin' meat, cannibal tryna eat
    I got a zombie army and you can't harm me
    Who do you voodoo, bitch?
    Drink blood like a vampire without warnin'
    Who do you voodoo, bitch? Stand up!
    Sam B got the thing that go bump in the night
    Who do you voodoo, bitch?
    Hide your kids, grab your wife, better get out o' sight
    Who do you voodoo, bitch? Let's go!"

    แล้วเสียงเพลงก็เงียบไปปล่อยให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงแห่งความงงงวย ยกเว้นเอ็มม่าที่เอามือปิดปากร้องไห้ไปแล้ว
    "เขารอด เขารอด" เจฟกระซิบ "เขารอด เขารอด" เจฟตะโกน
    "เงียบน่า เจฟ" โรลสั่ง แล้วหันไปคุยกับวิทยุต่อ "เราอยู่ที่-- " และเสียงเพลงก็ดังมาอีกหน คราวนี้เสียงดังกระหึ่มมากเพราะมันเป็นเพลงเมทัลที่ดูเหมือนจะตัดไปที่ท่อนฮุค
    " I don't belong here, we gotta move on dear escape from this afterlife
    ’Cause this time I'm right to move on and on, far away from here
    Got nothing against you and surely I'll miss you
    This place full of peace and light, and I’d hope you might
    Take me back inside when the time is right"
    "โอย ช่างมันเหอะ โรลร้องแล้วทิ้งเสียงเพลงไว้ด้านหลัง "ตอนนี้เราอยู่ที่ห้าง เอดิสันเมล์ ไมอามี่ ห้างเปิดใหม่ มารับเราด้วย ที่ดาดฟ้า " โรลกับโจนส์ช่วยกันตะโกนสู้เสียงเพลง
    " Loved ones back home all crying ’cause they're already missing me
    I pray by the grace of God that there's somebody listening
    Give me a chance to be that person I wanna be
    I am unbroken; I’m choking on this ecstasy
    Oh Lord I'll try so hard but you gotta let go of me
    Unbreak me, unchain me, I need another chance to live "
    "ทุกคนย้ายก้นตัวเองไปชั้นดาดฟ้า" โรลตะโกนสั่งพลางโบกมือไปที่บันได "พวกซอมบี้มันไปหมดแล้ว เร็วเข้า"

    "น่าสมเพช หึหึ น่าสมเพชที่สุดเลย" โอเลดนั่งหัวเราะในลำคอ ขณะที่เรานั่งอยู่ในห้องกระจายเสียงที่ปูด้วยกระจก ซึ่งตอนนี้มีซอมบี้ล้อมรอบ กันไว้ได้แค่สิ่งของต่างๆที่เราเอาไปดันและขัดประตูไว้ "คิดวิธีขึ้นได้ แต่ดันลืมวิธีลง"
    "ฉันนี่สะเพร่าจริงๆนะ" ผมนั่งอยู่ข้างๆอย่างหมดหวัง ฟังเพลง Afterlife ของ Avenged Sevenfold ที่เริ่มใหม่อีกรอบ
    "เป็นทหารภาษาอะไรเนี่ย" โอเลดเยาะ แล้วถอนหายใจ "ฉันไม่นึกว่าตัวเองจะมาตายเร็วอย่างนี้" เสียงกระจกปริดังขึ้น
    "หนึ่งเดียวเพื่อทั้งมวล" ผมพูดพลางชูกำปั้นขึ้น
    "ทั้งมวลเพื่อหนึ่งเดียว" โอเลดชนกำปั้น และซ่อนน้ำตาเอาไว้
    ผมน่ะ ไม่เอาอะไรมากจริงๆ นอกจากจะให้เอ็มม่าปลอดภัยและอยู่สบายๆ ส่วนผมถ้าจะให้พูดก็คือ ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ล่ะนะ ผมเตรียมปืนขึ้น เตรียมจะปลิดหัวตัวเอง ถูกกัดมันคงเจ็บไม่เอาด้วยหรอก


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:29
    3 Coins DPP

  14. รายชื่อสมาชิกจำนวน 5 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  15. #33
    My heart
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    588
    กล่าวขอบคุณ
    490
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,198
    เย้ ๆ บทที่ 10 มาแล้วววว *-* นั่งเฝ้าเลยนะเนี่ย 555+
    เป็นกำลังใจต่อให้คร้าบบบ


    อ่านแล้ว เสพติด ต่อครับ ต่อๆ

    มี เลิฟซีนบ้างเป็นไรป่ะนี่ 5555 อยากให้มีเล็กน้อย พอประมาณ เพื่ออรรถรสในการอ่าน 555+
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ╬AVENGER╬ : 8th January 2013 เมื่อ 22:39
    You’re happy, I’m happy

  16. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  17. #34
    "I Love Army"
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    หนุ่ม สุ1000
    กระทู้
    733
    กล่าวขอบคุณ
    1,250
    ได้รับคำขอบคุณ: 209
    5ผมนั่งรอมาเกือบ2-3อาทิตย์ในที่สุดบทที่ 10 ก็มา555

  18. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  19. #35
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818


    บทที่ 11 สุขสงบระยะยาว

    ระหว่างที่ผมโยนปืนไปมาโอเลดได้แต่มองอิริยาบถของผมอย่างสงสัย ผมไม่รีบร้อนอะไรนัก ที่จะดับชีวิตของตนให้มืดมัว มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าเราไม่เจอกับปัญหาที่เกินกว่าจะรับมือแบบมากถึงมากที่สุด ผมไม่รู้สึกเหมือนตัวเองจะตาย บอกได้แค่นั้น
    "นายจะยิงหัวตัวเองเหรอ" โอเลดถามมองผมสลับปืนไปมา ผมพยักหน้าเล็ก จากนั้นสีหน้าของเขาเหมือนตกใจสุดขีด "นายจะยิงได้ยังไง อย่านะ"
    "นายคิดว่าตัวเองจะรอดหรือ" ผมถามเรียบๆโดยไม่มองหน้าเขา แต่โอเลดกลับเงียบไปนานแสนนาน แล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
    "ให้ฉันยิงก่อน" โอเลดพูดสายตามุ่งมั่น พูดง่ายซะเหลือเกิน
    "นายยังเด็ก นายไม่รู้หรอกว่ามันยากขนาดไหน ไว้ดูฉันก่อนแล้วนายค่อยตาม" ผมบอกก้มหน้าลง ซุกลงกับเข่า
    "บ้าเหรอ ใครจะไปอยากเห็นเลือดสดๆ สมองเละกระจายตรงหน้า" โอเลดร้อง และเสียงกระจกปริแตกก็ดังขึ้นอีก ผมกับเสียงทุบและเสียงครางที่ชัดเจนกว่าเดิม
    "เอาไป" ผมยื่นปืนให้โอเลด ถ้านี่เป็นทางที่เขาเลือก อยู่ที่เขาจะทำได้ไหม
    โอเลดรับปืนไปด้วยมืออันสั่นเทา เขาเอาปืนจ่อขมับตัวเอง หลับตาปี๋ กลั้นหายใจสุดชีวิต มือสั่นๆนั้น ส่ายไปมา
    "เฮ้ออออ" เสียงถอนหายใจแรงพุ่งออกมาจากจมูกของเขา พร้อมปืนที่ยื่นกลับมา "ฉันว่าฉันดูนายเป็นตัวอย่างดีกว่า ฉันไม่รู้สึกเหมือนจะตาย ไว้นายตายก่อน ฉันค่อยชัวร์" โอเลดพูดแบบไม่หายใจแทบจะร้องเป็นเพลง
    เพล้งงง
    เสียงกระจกแตกดังขึ้นเหนือหัว เราสองคนพุ่งตัวออกมาจากผนังอย่างรวดเร็ว เห็นภาพที่ซอมบี้ผู้หญิง ตัวปักกับกระจกแตกที่เป็นรูโหว่ขนาดพอตัวซึ่งยังติดบนผนัง เศษกระจกกระจายเต็มพื้น พร้อมกับเหล่าซอมบี้ที่เมื่อเห็นช่องทางกันล่าเหยื่อ จึงพากันมาทุบฝั่งที่แตก
    "นายไปรอที่หน้าต่าง" ผมบอกโอเลดพร้อมกับส่งกระสุนไปฝังเข้าในหัวซอมบี้ตัวนั้น โอเลดพยักหน้าและวิ่งไปที่กระจกหน้าห้อง ซึ่งเมื่ออกไปคือตก
    เพล้งงงงงงง
    กระจกทั้งบานแตกละเอียดลงมา แรงกระแทกส่งให้เศษเล็กพุ่งเข้ามา ผมใช้แขนบังตามสัญชาติญาณ โอเลดร้องอย่างตกใจ
    ตอนนี้เหล่าซอมบี้ ลงมานอนกองกันที่พื้นและมีอีกมากมายข้างนอกที่ตะเกียกตะกายจะเข้ามาในห้อง
    "ดีน เฮลิคอปเตอร์" โอเลดตะโกนชี้ไปที่หน้าต่าง กระโดดไปมาด้วยความดีใจ
    "ดีนายไปเฝ้าเอาไว้" ผมพูดขณะที่ยิงซอมบี้ที่ยันตัวกับพื้น ครั้งละสอง สามตัว รู้สึกมีกำลังใจ
    "แต่เขาไปรับคนอื่นก่อนนะ" น้ำเสียงโอเลดเปลี่ยนเป็นวิตก หัวใจผมก็กระตุกวูบ ไม่มีเวลาแน่ๆ
    "นายมาช่วยฉันจัดการพวกมันหน่อย เอาพวกที่ยังอยู่กับพื้นนะ" ผมตะโกนขอความช่วยเหลือ โอเลดวิ่งเข้ามาหยิบมีดของตัวเอง แล้วมาสับหัวพวกผีบ้าที่นอนทับกันอยู่บนพื้นอยู่ ส่วนผมก็ยิงพวกที่อยู่ข้างนอกและพวกที่ค่อยๆลุกช้าๆ
    "นายอย่าล้ำเข้าไป เดี๋ยวพวกที่เกินระยะฉันจัดการเอง" ผมบอก โอเลดพยักหน้า ถือมีดรอท่าไว้ แล้วเขาก็วิ่งไปที่หน้าต่าง
    "ดีน เฮลิคอปเตอร์ เฮลิคอปเตอร์" โอเลดตะโกน พอดีกับที่ลำของMI28มาจอดที่หน้าต่างแรงพัดทำให้โอเลดโซเซกลับมาและที่นั่งอยู่ตรงกลางพื้นคือ เอ็ดดี้ที่ใส่หมวกและหูฟัง เขาชูนิ้วโป้งแล้วขยับไปมาด้านบน
    "หา เขาบอกให้เราไปด้านบนเรอะ" โอเลดถามเสียงสูง
    "ไม่ใช่ " และก่อนที่ผมจะบอก เฮลิคอปเตอร์ก็ทอดบันไดลงมา บันไดขนาดยาวที่ห่างจากตึกประมาณเมตรครึ่ง ที่ห่างแค่นั้นก็เพราะเราอยู่ชั้นดาดฟ้า เฮลิคอปเตอร์จึงสามารถจอดเหนือตึกไปได้ "โดดซะ" ผมบอกโอเลด และหันไปยิงซอมบี้ที่เริ่มก้าวข้ามศพเบื้อล่างมาอย่างทุลักทุเล
    "ไม่เอานะ" โอเลดส่ายหัวสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
    "งั้นนายไปเกาะที่ขอบหน้าต่าง" ผมพูดอย่างรำคาญ โอเลดทำตามเหน็บมีดไว้ในปลอกมีดที่เอว และผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวบเร็วพร้อมกับลูกถีบที่ตัวเองจะใส่ได้
    "อ้ากกกกกกกกกก"
    เสียงกรีดร้องของโอเลดดังจากขอบหน้าต่าง กลางอากาศและไปสิ้นสุดที่บันไดของเฮลิคอปเตอร์ซึ่งโยกไปมา มือหนึ่งยึดบันไดอีกมือลูบก้นตัวเองด้วยความเจ็บปวด
    ผมพยักหน้าให้เขาซึ่งได้รับนิ้วกลางตอบแทน จากนั้นโอเลดก็ค่อยปีนบันไดช้าๆ ผมจึงหันไปมองซอมบี้ที่ต่างคลุกคลานกับพื้นเนื่องจากสะดุดกันเอง
    และเมื่อหันไปที่บันไดก็พบว่าทางสะดวก ผมจึงทิ้งดี-เอ็มที่สะพายมาด้วยแล้วไปเกาะที่ขอบหน้าต่างและสปริงตัวไปที่บันไดพอดีกับที่พวกมันตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาและคว้าอากาศที่ว่างเปล่า
    ขณะที่ตัวลอยกลางอากาศ หัวใจเหมือนจะไปอยู่ที่ตาตุ่ม และเมื่อกายของผมไปถึงเชือกหัวใจค่อยตามมาเพื่อยึดเชือก แต่แรงของผมทำให้เชือกโบกไปมา แล้วโหนตัวกลับไปที่ตึกเดิม ที่มีซอมบี้นับสิบมาอัดที่หน้าต่าง ผมหุบขาเต็มที่ เพื่อกันพวกที่จะมาดึงขา
    เมื่อเชือกคงที่ ผมค่อยๆปีนขึ้น ในใจโล่งสบายและรู้สึกสมเพชตัวเองที่คิดจะฆ่าตัวตาย เมื่อปีนถึงก็เจอรอยยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่นมีวัยรุ่นที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มมีเคลลี่ปลอบอยู่ข้างๆ มีเอ็ดดี้ที่ยื่นมือมา และมีน้ำตาแห่งความดีใจของเอ็มม่า ผมจับมือเอ็ดดี้แรงส่งตัวเองไปนั่งที่ที่นั่งข้างเอ็มม่า นี่นี่เองที่ทำให้ผมเห็นหน้าเธอชัดเจนขึ้นและใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากสัมผัสกัน
    เหมือนดั่งโลกได้หยุดเวลาทั้งมวลเอาไว้


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:30
    3 Coins DPP

  20. รายชื่อสมาชิกจำนวน 5 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  21. #36
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818


    เมื่อ เดนนิส ฟริสท์แมน ได้เป็นอาสาสมัครที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัย
    ภารกิจแรกที่เขาได้รับคือ ปักกิ่ง จีน ซึ่งว่ากันว่าที่นั่นไม่ได้อันตราย
    เพียงแค่ซอมบี้เท่านั้น การช่วยเหลือของเดนนิสจัเป็นเช่นไรเขาจะรอดชีวิตจากสถานที่สุดโหดหรือไม่
    3 Coins DPP

  22. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  23. #37
    "I Love Army"
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    หนุ่ม สุ1000
    กระทู้
    733
    กล่าวขอบคุณ
    1,250
    ได้รับคำขอบคุณ: 209
    ยิ่งน่าติดตามขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย555

  24. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  25. #38
    My heart
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    588
    กล่าวขอบคุณ
    490
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,198
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ black jack sdppd อ่านกระทู้
    คุย ณ 9 มกราคม 2556

    ก็มีนิดหน่อยครับ
    แต่พอเขียนแล้ว
    มันอเนถอนาถใจยังไงไม่รู้
    555+ ผมเป็นกำลังใจให้ครับ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้
    You’re happy, I’m happy

  26. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  27. #39
    (づ。◕‿‿◕。)づ
    วันที่สมัคร
    Sep 2012
    ที่อยู่
    www.jokergameth.com
    กระทู้
    1,864
    กล่าวขอบคุณ
    3,296
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,439
    Blog Entries
    3
    ชอบมากครับกำลังถึงบทที่ 2 ผมต้องขอตัวไปนอนก่อนครับ พรุ่งนี้มาต่อให้จบ

  28. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  29. #40
    "I Love Army"
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    หนุ่ม สุ1000
    กระทู้
    733
    กล่าวขอบคุณ
    1,250
    ได้รับคำขอบคุณ: 209
    จะเลิกแต่งต่อแล้วหรอครับผมกำลังรออ่านอยู่เลยอะ

  30. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  31. #41
    The Way of Chef .
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thailand Lampang 52000 // Hua Hin 77110
    กระทู้
    781
    กล่าวขอบคุณ
    4,684
    ได้รับคำขอบคุณ: 324
    เอาใจช่วยอีกแรงครับ ทำออกมาได้สนุกมาก พยายามต่อไปนะครับ
    ASUS M5A78L-M LX:AMD FX-8350 Kingston HyperX 8 GB Giggabyte GTX 660 OC

  32. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  33. #42
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818

    China Checkmate To Peking
    บทที่ 12 . 1 มอบหมายที่สำคัญยิ่ง


    หลังจากคำประกาศจากทางการต่อเจ้าหน้าที่หรือนายตำรวจทุกคนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานว่าให้คงอยู่ในหน้าที่ยอมเป็นผู้เสียสละ เพื่อประชาชน โดยให้การลงชื่อเพื่อลงพื้นที่ช่วยเหลือต่างๆ
    เดนนิส เป็นคนแรกที่ไปถึงโต๊ะเซ็นชื่อ จากนั้นก็ตามด้วยลูกทีมของเขา บรรยากาศในอาคารอเนกประสงค์ช่างเงียบเหงา แทบจะไม่มีใครคุยกัน หลายคนช็อคเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และช็อคเพราะสูญเสียคนที่รัก
    จิตใจที่สั่นสะเทือน ความสิ้นหวังมากมาย ได้เกิดขึ้นอย่างแก้ไขอะไรไม่ทัน หลายคนทำได้แค่จ้องมองสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป น้ำตาที่แห้งเหือดลงไปอาจจะเป็นเพราะความเศร้าโศกทะลุขีดสุด จนไม่มีใครอยากจะมีชีวิตต่อไป
    จำนวนผู้เสียชีวิตโดยประมาณจากโศกนาฏกรรมนี้ ปรากฏบนหน้าจอขนาดยักษ์ เกิดเลขแปดหลัก แทบจะไม่มีใครเงยหน้ามองจอ บางคนยังก้มหน้าต่อไป บรรยากาศไม่ต่างจากงานศพดีๆ
    เสียงปังดังขึ้นจากห้องผู้อำนวยการ เกิดการชุลมุนเล็กน้อย และกลับเป็นปกติ ผู้บัญชาการได้หนีหน้าที่ของตน ทั้งที่เมื่อครู่กับขอให้ลูกน้องในสังกัดสู้ต่อไป
    และแล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับที่พัก ในห้องพักที่ตัวเองเลือกเมื่อมาถึง สถานที่ประชุมนั่นคือโรงแรม โรงแรมห้าดาวขนาดใหญ่ในลอส แองเจลลิส ที่ถูกเช็คสองรอบว่าปลอดภัยจริง
    หลังจากอาบน้ำ เดนนิสไม่หวังอะไรมาก นอกจากให้ตัวเองนอนหลับสบาย กระโดดทิ้งตัวบนเตียงที่ตึงแบบพอดี ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ไฟฟ้าใช้ได้
    แต่ใครจะไปรู้ว่า พระเจ้าได้ทอดทิ้งเราไปนานแสนนานแล้ว
    เหลือไว้แต่ความศรัทธา ที่ถูกฝังในจิตใจลึกๆของมนุษย์ตัวเล็กๆ เป็นพันๆปี

    เดนนิสถูกปลุกให้ตื่นจากฝันประหลาดโดยนาฬิกาปลุก เขาต้องอาบน้ำและรีบไปเข้าประชุม เรื่องการลงพื้นที่ เดนนิสเนื้อเต้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
    เมื่อไปถึงร้านอาหารในโรงแรม ซึ่งตอนนี้น่าจะเรียกว่าโรงอาหาร เดนนิสหยิบจานขนมปังกับแยมมาและไปนั่งที่โต๊ะที่มีเจ้าหน้าที่สี่คนนั่งอยู่นั่นคือทีมของเขา ซึ่งกำลังคุยเรื่องนายตำรวจห้าคนไหลตาย
    "ช่าย เขาว่ากันว่า หนึ่งในนั้นเห็นลูกกับเมียตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา ก็เลยเศร้ามาก" บิล คนที่ตัวอ้วนท้วมของทีมกล่าว
    "จริงเหรอ เป็นถึงตำรวจแค่นี้จะตายได้ยังไง" เชฟ แย้ง ขนมปังเต็มปาก เขาดื่มน้ำและพูดต่อ "มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น"
    "ทำไมต้องมีอะไรมากกว่านั้น สมมติว่าเมียกับลูกเขาถูกฆ่าตายเขาก็เศร้า แต่เศร้าแบบอาฆาต" จอห์น เด็กหนุ่มผู้เป็นหัวสมองของทีมพูดขึ้น "แต่นี่มันกลับเป็นอะไรก็ไม่รู้ สิ่งที่ไร้สาเหตุ สิ่งที่ก่อจลาจล สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างพังพินาศ"
    "อ๋อใช่ มันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันเห็นได้จากนอกป้อม หน้าตาน่ากลัวยังกะปีศาจ แถมมันยังเยอะ ซะอย่างกะคลื่นยักษ์ที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง แถมยังเป็นวิกฤติไปทั่วโลกด้วย" พอล เลนเนอร์ ออกความเห็น
    แต่พอเดนนิสจะพูดอะไรบ้าง ก็มีเสียงจากลำโพงที่ติดไว้ทั่วโรงอาหาร เป็นเสียงจากประชาสัมพันธ์
    "เมื่อถึงเวลา สิบสองนาฬิกาให้ทุกท่านที่ลงชื่ออาสา เอ-หนึ่ง มาประชุมที่ห้องประชุมชั้นสอง ห้องบีด้วยค่ะ"
    หลังจากที่นิ่งเงียบไปสักพัก โรงอาหารก็เต็มไปด้วยเสียงพูดเหมือนเดิม บรรยากาศดูดีกว่าเมื่อคืนมากนัก
    "ฉันรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ เลย" พอลบอก
    "ใช่ๆ ฉันก็ด้วย แต่ฉันอยากรู้อย่างนึง" เชฟพูด สีหน้าจริงจัง
    "อะไร" เดนนิสถาม
    "นี่กี่โมงแล้ว"

    เดนนิสและทีมเดินขึ้นบันไดด้วยท่าทีอ่อยๆ เมื่อถึงชั้นสองก็ต้องถกเถียงกันว่าห้องบีอยู่ไหน เพราะป้ายถูกกระชากหายไป
    หลังจากการถกเถียงกันปรากฏว่า เดนนิสเป็นฝ่ายถูก เขาใช้ความเอาแต่ใจของตัวเองพาลูกทีมไปยังห้องที่ถูกต้อง
    "อ้าว มาถึงแล้วรึ" เสียงต้อนรับจาก โรเบิร์ต แม็คเคน ผู้อำนวยการคนใหม่ "เอ-หนึ่ง กลุ่มสุดท้ายแล้ว" ตามปกติควรจะถูกโกรธ แต่ดูเหมือนว่าคงต้องรักษาน้ำใจกันเข้าไว้
    ในห้องประชุมขนาดใหญ่ มีโต๊ะกลมอยู่สี่โต๊ะวางกลางห้อง โซฟาวางไว้ข้างๆจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ห้องสีน้ำตาลเข้มกลมกลืนกับพื้น มีคนมากมายนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่สามกลุ่ม เดนนิสเดาว่านั่นคงเป็นอาสาสมัครของ เอ-หนึ่งและกลุ่มผู้อำนวยการสี่คน
    "เราจะอธิบายเรื่องปฏิบัติการรุกฆาต ขอให้ทุกท่านทำความเข้าใจด้วย" โรเบิร์ตกล่าวและกุมมือไว้ข้างหน้า "ลินดา" เขากระซิบให้สาวสวยผมบลอนด์ "เชิญพบกับ ลินดา เบอร์แมน"
    ลินดา เบอร์แมนด์ สาวตัวสูง หุ่นผอมเพรียว เดินถือไมโครโฟน มาด้วยท่าทีที่มั่นใจ สายตากวาดไปรอบห้อง ท่าทางเหมือนเคยทำแบบนี้มาหลายครั้ง
    "แผนรุกฆาต เป็นแผนที่ถูกตั้งขึ้นเมื่อห้าวันที่แล้ว โดยมีผู้นำจากทุกประเทศ ที่เหลืออยู่ แต่ยังไม่มีชื่อเรียกการร่วมมือนี้อย่างเป็นทางการ" เธอเน้นคำสุดท้าย "มีอะไร คุณราฟาล" เธอถามอาสาสมัครที่ยกมือถาม ด้วยท่าทีที่ขัดใจ
    "อเมริกาด้วยหรือเปล่าครับ" ราฟาลถาม ท่าทางมีความหวัง
    "ประธานาธิบดีตายไปตั้งแต่วันแรกในเหตุการณ์จลาจลที่ทำเนียบขาว มีแค่นายกฯกระทรวงกลาโหมและการคลังเท่านั้นที่รอดมาได้" ลินดาตอบ ราฟาลหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด มีเสียงกระซิบกระซาบขึ้นทันที
    "แผนรุกฆาตประกอบไปด้วยจุดประสงค์สองสิ่งคือ กวาดล้างและช่วยเหลือ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ท่านควรรู้" เกิดตารางสองสามชุดเรียงกันบนจอโดยเธอกดตารางข้างหน้าสุด "ซอมบี้ ผู้ก่อจลาจล ไม่มีชื่อเรียกผู้ติดเชื้อนี้อย่างแน่นอน ไม่มีทั้งชื่อโรคไม่มีสาเหตุการเกิด แต่วิธีการแพร่เชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วก็คือ การกัด จะส่งผลให้ผู้ถูกกัดติดเชื้อและกลายร่างภายในยี่สิบวินาที ยังไม่มียาแก้ อาการของผู้ติดเชื้อ" เธอกดเลื่อนหน้าต่อไป มีรูปถ่ายลางๆ เป็นรูปของหญิงอาการคลุ้มคลั่ง "เริ่มแรกจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ชักดิ้นชักงอ และหาเหยื่อที่ใกล้ที่สุดเพื่อกินเป็นอาหาร โดยที่ผู้ติดเชื้อจะสามารถวิ่งได้และเร็วด้วย ผู้ติดเชื้อจะไม่มีความรู้สึกหรือจิตใจไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ ผู้ติดเชื้อจะหาเหยื่อโดยการฟังเสียงนี่คือผลวิจัยที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าพวกนี้ยังใช่สายตามั้ย " เธอคลิกหน้าต่อไป ภาพที่ชัดเจนขึ้น เป็นภาพหัวซอมบี้วางอยู่บนถาดท่าทางเหม่อลอย "ทำลายที่สมอง โดยวิธีใดก็ได้ แต่การตัดหัวมิอาจทำให้ผู้ติดเชื้อสิ้นสภาพได้ เพราะว่าเชื้อโรคจะอยู่ที่สมอง ผลวิจัยเขาว่าอย่างนั้น" จอดับวูบลง แล้วลินดายื่นไมค์ไปให้ชายศีรษะล้านเลี่ยน หน้าตาคมเข้ม มีรอยแผลเป็นที่ข้างจมูก เขาใส่ชุดทหารเต็มยศ ตามที่เดนนิสเดายศคงไม่ต่ำกว่านายพัน
    "ขอบคุณมาก สำหรับคนที่ไม่รู้จักผม ผมคือพันตรีเจมส์ รอน" เสียงฮือฮาเล็กๆ ดังขึ้นทันที ไม่มีใครไม่รู้จักเขาแน่นอน เขาคือวีรบุรุษแห่งสงคราม "ผมจะมาอธิบายถึงการทำงานของพวกคุณ การช่วยเหลือน่ะ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด บางทีอาจจะยากมากด้วย" เขากวาดสายตาไปรอบๆหนึ่งที "จำกัดพื้นที่ ช่วยเหลือ และนำสู่ที่ปลอดภัย ลองมาดูทีละขั้นตอน
    "การจำกัดพื้นที่ เมื่อคุณแน่ใจแล้วว่ามีผู้รอดชีวิตอยู่คุณต้องทำการครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด คือการจัดการผู้ติดเชื้อโดยรอบ ไม่ว่าผู้รอดชีวิตจะอยู่ในพื้นที่ที่ถูกล้อมหรือไม่ก็ตาม คุณอาจจะอาศัยความเงียบเข้าจัดการผู้ติดเชื้อทีละคนจนหมดไป แต่ถ้าอยู่กันเป็นหมู่คณะคุณอาจจะเข้าไปสังหารหมู่ทีเดียวเลยก็ได้ แต่ก็ต้องให้แน่ใจว่า บั้นท้ายของคุณไม่ได้อยู่ในปากของพวกเขา คุณคงไม่อยากยิงพวกเดียวกันขณะที่เพื่อนคุณเหลือบั้นท้ายเพียงครึ่งซีก ที่ผมจะพูดคือให้ระวังหลังไว้ด้วยเพราะไอพวกนี้มันมองแต่คอที่ไหน" เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้น "ขอบคุณๆ โอเค ขั้นตอน'ช่วยเหลือ' งานนี้อาจจะง่าย คุณเพียงแค่เข้าไปเจอผู้รอดชีวิตและนำพวกเขาออกมา แต่ แต่การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายอย่างนี้เรื่องของสภาพทางจิตใจมันต้องมีปัญหาบ้าง ในกรณีที่คุณเจอผู้รอดชีวิตท่องโลกคนเดียว เขาอาจจะไม่ไว้ใจใครและเข้าทำร้ายคุณ คนจำพวกนี้ขอให้คุณเน้นการเจรจาดีกว่าเพราะว่าคนที่รอดชีวิตมาได้ด้วยตัวคนเดียวขนาดนี้ น่าจะเก่งกาจพอสมควร ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรมากถ้าไม่ไหลตายหรือฆ่าตัวตายซะก่อนก็รอความช่วยเหลืออยู่แล้ว ซึ่งวิธีที่จะเจอพวกเขาก็ไม่ยากหรอก อาจจะดูจากสัญญาณวิทยุ ป้ายหรือสีที่พ่น หรือจะเป็นควันก็ได้แต่ส่วนใหญ่ควันนั่นจะหมายถึงเตาที่จะปิ้งพวกคุณกิน และมีคนสองกลุ่มที่คุณควรระวัง พวกลัทธิจะเป็นพวกที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกคนกลุ่มนี้จะเหมือนกลุ่มพเนจรเชื่อแน่ว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว จะย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ ก็ไม่เป็นภัยหรอก แต่บางพวกจะแย่งปืนพวกคุณแต่ถ้าโชคดีก็ไม่ฆ่าหรอก และอีกอย่างคือ 'โจร' ปล้น ฆ่า ข่มขืน ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ตัวเองมีความสุขในวันสิ้นโลก คนพวกนี้ไม่ต้องเจรจาหรอก 'ยิง****เลย' " เกิดเสียงปรบมือดังลั่น เหล่าอาสาสมัครรู้สึกฮึกเหิมทันที ผู้พันยิ้มและยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด "ขั้นตอนสุดท้ายนำสู่ที่ปลอดภัย อันนี้ไม่ยากจริงๆ นำเข้าไปที่หลบภัยหรือที่ที่คุณคิดว่าใช้หลบภัย แล้วระบุตำแหน่งให้ เอ่อ อะไรนะ" เขาหันไปถามโรเบิร์ต "อ๋อ ใช่ เอ-สอง จะไปรับเอง คุณอาจจะไปนำผู้รอดชีวิตมารวมกันก่อนแล้วค่อยแจ้งเอ-สองก็ได้ จะได้ไม่ต้องไปกลับ ขอบคุณมาก ใครมีอะไรจะถามไหม" ผู้พันถาม และมีอาสาสมัครเคราเฟิ้มคนหนึ่งยกมือ
    "ท่านคิดว่ามันจะเหมือนในภาพยนตร์ที่เราดูไหมครับ" เขาถาม ผู้พันยิ้ม
    "คุณตายแน่ถ้าคุณเชื่อภาพยนตร์และคุณคงไม่รอดถ้าไม่ทำตามภาพยนตร์" ผู้พันกล่าวเป็นนัยและมีเสียงปรบมือดังตามมาอีกหน
    "โอเคครับ ต้องขอขอบคุณพันตรี เจมส์ รอน ที่ให้เกียรติมาอบรมหรือแนะนำวิธีต่างๆ สำหรับการเอาชีวิตรอด ไฟฟ้ายังจะใช้ได้อยู่ถ้าเกิดไม่มีใครไปชนเสาไฟฟ้า แต่ว่าไม่รู้จะอยู่ได้นานแค่ไหน รัฐบาลได้ระดมพลด้านนี้เพื่อยื้อกระแสไฟฟ้าไว้สุดๆ พยายามประหยัดกันเอาไว้ ส่วนเสียงดังถ้าไม่จำเป็นอย่าทำเด็ดขาด เพราะซอมบี้จะตามเสียงอย่างที่ลินดาได้กล่าวไว้ เราจะมอบปืนให้ท่านและอีกอย่างคือ ขวานเล็ก คมมากจามทีหัวแบะแน่" อาสาสมัครหลายคนทำหน้าตื่นเต้น "เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะทำการฝึกฝนให้พวกท่านทีนี้ มาดูผลกันว่า แต่ละคนได้ไปที่ไหนบ้าง" เมื่อพูดจบลินดาก็ยื่นเอกสารขนาดเอสี่มาให้โรเบิร์ต "ทีมฟริสต์แมน" หัวใจเดนนิสกระตุกด้วยความตื่นเต้น "ได้ไปปักกิ่ง จีน ชื่อรหัส ซีทีพี-สิบเอ็ด" เกิดเสียงพึมพำในกลุ่ม
    "ปักกิ่ง เนี่ยนะ" เชฟร้องออกมา แต่ก่อนที่เดนนิสจะได้ถามอะไรต่อ เสียงประกาศจากโรเบิร์ตก็ดังขึ้นต่อ
    "ทีมก็องค์ ได้ไปบราซิลในชื่อรหัส ซีทีบี-สาม" โต๊ะที่มีสมาชิกอยู่สามคนเริ่มเกาะกลุ่มคุยกัน "ทีมคอปป์ ได้ไปอิรักภายในชื่อรหัส ซีทีไอโอ เดี๋ยวทีมนี้ต้องประชุมเป็นพิเศษ" โรเบิร์ตพนักหน้าให้กับทีมที่มีสมาชิกเจ็ดคน "โอเคตอนนี้ให้ลินดามานัดเวลา" โรเบิร์ตเดินถอยหลังเข้าไปคุยกับนายพันรอนด้วยเสียงที่เบาแต่ท่าทางเคร่งเครียด
    "พรุ่งนี้ให้ซีทีพี-สิบเอ็ด มารับการฝึกตอนแปดโมงเช้า" ลินดาพูดตาไม่ห่างออกจากเอกสาร "ซีทีบี-สามมาตอนเที่ยง และตอนนี้ให้ทุกทีมยกเว้นซีทีไอโอไปพักได้" ทุกคนลุกขึ้นจากโต๊ะและออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
    "ปักกิ่งน่ะ เขาว่ามันมีแต่โจรอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด" เชฟอธิบายหน้าตาเคร่งเครียด "แถมจลาจลอย่างก่อความเสียหายอย่างหนัก ทั้งไฟฟ้า ไฟไหม้"
    "แสดงว่าเราจะไปที่ลำบากกว่าทีอื่นๆว่างั้น" เดนนิสพูดสะบัดมือไปมา ไม่ค่อยทุกข์ร้อน อาจจะเป็นเพราะกำลังใจที่ดีที่สุดในหมู่อาสาสมัคร เดนนิสไม่มีอะไรให้ห่วงใยเขารู้ตัวอยู่เสมอว่าเป็นเด็กกำพร้า ที่มีชีวิตอันขมขื่น
    "ฉันไม่มีโอกาสได้ไปหาเมียฉันที่ชิคาโก้เลย" จอห์นโพล่งออกมา
    "แกมีเมียด้วยเรอะ" พอลถามพร้อมยิ้มเยาะ
    "มี--"
    "ไอหนูนี่ไม่มีเมียหรอก" เชฟว่า
    ""ฉันมีและอย่ามาเรียกฉันว่า--"
    "ใช่เชฟอย่าไปแหย่เด็กเลย" เดนนิสแซว และจอห์นก็ถูกหัวเราะไปตลอดทาง

    สิ้นสุดวันคล้ายวันปกติไปอีกหนึ่งแต่ในขณะที่เดนนิสล้มตัวลงนอนใจสั่นเพราะความตื่นเต้นตลอดเวลา ส่งผลให้เขานอนไม่หลับ คิดนู่นคิดนี่ตลอดเวลา และที่สำคัญเขายังไม่รู้จักปักกิ่งดีพอด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าสถานที่ที่จะไปเป็นแบบไหน อากาศเป็นอย่างไร สิ่งก่อสร้างเป็นอย่างไร นิสัยใจคอคนที่โน่นเป็นอย่างไรและจะพูดอย่างไรให้เขาเข้าใจ
    เมื่อหลับลงได้ เดนนิสกลับฝันว่าตัวเองกำลังขับรถหลบหนีโจรอยู่และพุ่งขึ้นไปในอากาศขณะที่ลอยก็มีซอมบี้ไล่ตาม เมื่อตกพื้นก็กลายเป็นห้างที่มีกับระเบิดวางอยู่เต็ม
    "เฮ้ย" เดนนิสสะดุ้งเมื่อเท้าตัวเองไปเหยียบกับระเบิดอันหนึ่งเข้า "เฮ้อ ฝันนี่หว่า" เขาส่ายหัวไล่ความง่วงและก้มลงดูนาฬิกา
    6 : 15 AM
    เช้านี้สดใสขึ้นกว่าเดิมเริ่มมีรอยยิ้มมากขึ้นแม้มันจะไม่มากเท่าไหร่ ปกติเดนนิส จะมาถึงที่ทำงานและมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แต่หลังเหตุวิบัติเกิดขึ้นก็ได้แต่เพียงแค่ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ตัวเองมีโอกาสรอด
    เมื่อถึงโรงอาหารเจออาสาสมัครไม่มากเท่าไหร่ที่มาถึงแล้ว เขาหยิบจานอาหารและไปนั่งกับทีม ซึ่งกำลังจดจ่อกับทีวีขนาดใหญ่ที่ติดอยู่เหนือทางเข้าอาคารอเนกประสงค์
    "นายดูทีวีสิ" เชฟชี้ไปที่จอ "ก็ยังดีที่มีอะไรให้ดูบ้าง" แล้วเขาก็คว้าขนมปังชิ้นใหญ่เข้าปาก
    "เขาถ่ายอะไรเหรอ" เดนนิสถาม
    "กองกำลังตั้งรับที่นิวเจอร์ซีย์ดูดีใช่ไหมล่ะ" เชฟบอกถ้าทางภูมิใจ บนจอเป็นภาพนำเสนอข่าวทางอากาศ ซึ่งกำลังฉายภาพนายทหารยืนเป็นแถวละสามสิบคนเรียงกันประจัญหน้ากับเหล่าซอมบี้ซึ่งอยู่อีกฟาก ทหารยืนเป็นสองแถวแถวแรกนั่งกับพื้นแถวสองยืนปืนในมือกระชับมั่นพร้อมเล็ง ทั้งสองข้างของแถวมีป้อมเล็กๆพร้อมปืนกลขนาดใหญ่อยู่ และข้างหลังมีรถยิงปืนกลเอวีพีห้าคันเรียงอยู่ คนที่เข้ามาชมแนวตั้งรับซึ่งมาเพิ่มเรื่อยๆก็ส่งเสียงเฮดังลั่นแม้แต่เดนนิสเองก็อดไม่ได้
    แล้วกล้องก็จับภาพไปที่กลุ่มคนจำนวนมากนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวราวกับคลื่นยักษ์ซัดถาโถมเข้ามาในหมู่ซอมบี้ที่เดินจำนวนมากมีพวกที่เคลื่อนไหวรวดเร็วแหวกออกมา เสียงเฮเริ่มเบาลง
    ฟ้าวววววววว
    เสียงขนาดใหญ่ พร้อมอะไรบางอย่างพุ่งผ่านกล้องไป F-22 นั่นเองที่มีสอองลำกำลังพุ่งไปข้างหน้าและทิ้งวัตถุขนาดใหญ่ลงไป
    ตู้มมมมมมมมมมมมมมมม
    เสียงระเบิดดังสนั่นแม้แต่ภาพยังสั่น เพลิงไฟลุกโชนสว่างกลืนกินร่างนับไม่ถ้วนเข้าไป
    เฮ!!!!!!!!!!
    เสียงตะโกนจากเหล่าอาสาสมัครดังขึ้นอย่างมีชัยบางคนถึงกับขว้างอาหารทิ้ง บางคนตะโกนว่า
    "ให้มันรู้ซะมั่ง ไอเวรเอ๊ย ฮ่าฮ่าฮ่า"
    "แกเสร็จแน่"
    ภาพเริ่มชัดขึ้นเผยให้เห็นภาพเบื้องล่าง รัศมีของระเบิดสองลูกกระจายเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ บ้านเรือนพังทลายราบมีเศษเนื้อมากมายกองอยู่บนพื้นเป็นภาพน่าเกลียดน่าสะเอียดสะเอียน บางคนถึงกับเบือนหน้าหนี
    คลื่นซอมบี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่เหลืออยู่ก็นับว่ามากพอสมควรและยังก้าวมาข้างหน้าเรื่อยไม่รู้สึกรู้สา เหล่าอาสาสมัครในอาคารเอนกประสงค์เงียบลุ้นจนแทบหยุดหายใจ
    ผ่านไปชั่วอึดใจเหล่าซอมบี้ได้ก้าวเข้ามาในระยะการยิงของทหาร เกิดแสงสว่างจากรังเพลิงของทหารมากมาย ทุกคนรัวปืนไม่ยั้งส่งกระสุนปืนเข้าไปเจาะหัวซอมบี้ แม้กระทั่งป้อมปืนก็ยังสาดกระสุนไปทั่วโดนหัวบ้างไม่โดนบ้างแต่เหล่าซอมบี้ลงไปนอนกับพื้นเหมือนใบไม้ร่วง ถึงแม้จะเป็นการถ่ายทอดสดจากทางอากาศแต่เสียงปืนและแสงแวบวาบกลับชัดมากราวกับพลุดอกไม้ไฟ ผ่านไปพักใหญ่ซอมบี้ยังคงร่วงกราวลงกับพื้นไม่หยุด แต่ด้วยจำนวนที่มากอย่างเหลือเชื่อ ทำให้มันประชิดเหล่าทหารอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้รถเอ วี พี ก็มาร่วมยิงด้วย นายทหารเริ่มแตกแถวและเดินถอยหลังมาด้วย จนกระทั่งทหารที่คุมป้อมทางขวามาด้วย ไม่รู้ว่าที่นั่นสื่อสารอะไรกันแต่นายทหารที่คุมป้อมซ้ายกลับมายอมถอยและปล่อยให้ซอมบี้เข้ามาฉีกเนื้อกินอย่างสยดสยอง ตอนนี้ทหารเริ่มแตกแถวใครที่ถอยไม่ทันก็ถูกซอมบี้ลากไปกิน แต่การประทะยังเป็นอยู่นานมากแต่ซอมบี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมด นายทหารที่เหลืออยู่และรถเอ วี พี ถอยร่นมาไกลจากจุดประจำการ ผ่านไปชั่วอึดใจทหารหยุดยิงและเอาปืนเข้าไปฟาดใส่ซอมบี้อย่างเมามันส์ บางคนโดนล้อมและสู้จนตัวตาย บางคนวิ่งเข้าไปหลบในเอ วี พี หลังจากการต่อสู้โดยไร้ปืนนายทหารที่ถูกกัดก่อนหน้านั้นได้วิ่งฝ่าฝูงซอมบี้มาอย่างบ้าคลั่งและสังหารนายทหารไปอีกหลายนาย จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นพวกมันและวิ่งใส่ทหารผู้รอดชีวิตอย่างบ้าคลั่ง ขนาดที่รถยังต้านทานกองทัพซอมบี้ไม่อยู่ ทหารที่เหลืออยู่ถอยกลับเข้าไปในรถเอ วี พี แล้วพุ่งรถหนีไปเลย
    จากนั้นภาพก็ตัดมาที่ผู้ประกาศข่าวซึ่งหน้าถอดสีมากๆ เขากลืนน้ำลายช้าๆปากสั่นระริก สีหน้าแสดงความกลัวได้อย่างชัดเจน
    "ขณะนี้กองกำลังตั้งรับนิวเจอร์ซีย์ได้แตกพ่ายไปแล้วนะครับ ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะทำยังไงต่อแต่ก็ขอให้ทุกคนอาศัยอยู่ในความไม่ประมาท ผมจอร์จ เบียซ นักข่าวCNN ขอจบการนำเสนอข่าว" แล้วจอก็ดับไป ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกทุกคนตกอยู่ในความสิ้นหวัง บางคนเอามือกุมหน้าเอาไว้ บางคนไม่แสดงสีหน้าอะไรอีก แม้แต่ที่โต๊ะของเดนนิส บรรยากาศแห่งความมีชัยได้หยุดลงปล่อยให้ความสิ้นหวัง สลดหดหู่ เข้ามาแทนที่
    "พวกนาย ไปกันเถอะนี่เราสายมากแล้วนะ" เดนนิสพยายามทำลายความเงียบ ซึ่งทำให้ทุกคนกลับสู่สภาพปกติ ลูกทีมพยักหน้าไร้ความรู้สึกและเดินไปกับเดนนิส
    "ไอพวกผีเวรนั่น แม้แต่กองกำลังทหารมากมายขนาดนั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้" เชฟพูดเงียบ
    "ไม่เอาน่าเชฟ เราจะไม่แพ้ตลอดไปหรอกน่า" เดนนิสพยายามปลุกใจทุกคนซึ่งเขารู้ดีว่าขวัญหนีดีฝ่อหมดแล้วแม้แต่ตัวเขาเอง
    "นั่นสินะ" เชฟพูดท่าทางเหมือนประชดและไม่มีใครพูดอะไรอีก เมื่อเดินไปปถึงห้องประชุมห้องเดิมที่มาเมื่อวาน วิทยากรยังอยู่ครบทุกคน ซึ่งมีโรเบิร์ตพูดต้อนรับเขา
    "เอ้า ว่าไงกำลังดูกองกำลังตั้งรับอยู่สินะ ถึงจะแพ้ก็ช่างเถอะ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีอยู่นะ" โรเบิร์ตตีสีหน้าไม่เนียนแต่ก็ไม่มีใครสนใจ "เอาล่ะ คุณคือทีมที่จะได้ไปปักกิ่งสินะ เป็นงานหนักอยู่ แต่ผมรู้แหละว่าคุณมีความสามารถพอนะ" เขาลูบมือไปมาเหงื่อชุ่ม "ที่ปักกิ่ง ในประเทศจีนมีสถานที่มากมายที่สามารถให้มีผู้คนไปหลบภัยทั้งที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลยหรือพระราชวังต้องห้างซึ่งอยู่เหนือไปหน่อย ที่พวกนี้ใหญ่มาก" ทันใดนั้นก็มีภาพขึ้นบนจอมอนิเตอร์ "ปักกิ่งมีประชากรมากกว่าล้านคน แต่จะมีผู้รอดชีวิตหรือผู้ติดเชื้อเท่าไหร่เรามิอาจทราบได้ ปักกิ่งเป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆของจีนเพราะฉะนั้นมีตึกรามบ้านช่องมากมายให้เลือกอาศัย เราไม่จำกัดเวลาการทำงานพวกคุณใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ได้ แค่อย่าไปลับก็พอ" เขาหยุดพูดแล้วก็ไปช่วยลินดายกกล่องขนาดใหญ่สามกล่อง "นี่คือปืนที่จะให้คุณเลือกไปใช้" เดนนิสและลูกทีมปรบมือทันที "ปืนที่ให้ใช้คือMP5" เขาหยิบปืนกลขนาดเล็กมาโชว์ หลังจากนั้นก็หยิบปืนขนาดใหญ่กว่าเดมมีลำกล้องติดอยู่พร้อมที่เก็บเสียง "นี่คือ M14 EBR" เดนนิสรู้สึกถูกชะตาทันที เขารู้แล้วว่าอยากใช้ปืนอะไร "และนี่M9กับที่เก็บเสียงนี่เป็นปืนบังคับ" เขาหยิบปืนพกขึ้นมาโชว์หลังจากนั้นก็หยิบขวานขนาดเท่าต้นแขน ทั้งตัวขวานเป็นสีเงินเงางาม "และนี่ก็คือขวานเล็ก คมมากจามหัวแบะและไม่ต้องกลัวทื่อเราจะแถมที่ลับไปด้วย" เขาวางขวานลงอย่างละเมียดละไม มองเหมือนเป็นลูกรัก "ให้ทุกคนเลือกได้" เดนนิสยกมือเลือก M14 ทันที ลินดาเขียนอะไรบางอย่างลงในคลิปบอร์ด หลังจากนั้นบิล เชฟ จอห์นและพอล เลือก MP5 ทั้งหมดใช้เวลาชื่นชมปืนอยู่พักใหญ่
    "เอาล่ะ เดี๋ยวจะให้ทุกคนฝึกภาคสนามนะ จะมีเจ้าหน้าที่ฝึกให้" เขาปรบมือเป็นสัญญาณให้เดนนิสและทีมออกไปจากห้อง แต่ก่อนจะออกไปเดนนิสก็ยกมือถามโรเบิร์ต
    "เราจะติดต่อสื่อสารกับพวกเขาอย่างไรครับ" โรเบิร์ตมีสีหน้าครุ่นคิด
    "คุณก็คงต้องพยายามเอาเองนะ" โรเบิร์ตมีท่าทางเครียดจริงๆ
    "งั้นทำไมไม่ให้ประเทศของเขาช่วยตัวเองล่ะ"
    "เราก็ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันนะ เราก็ต้องให้เขาช่วยเป็นการกระจายความเข้มแข็งเพราะอย่างที่บอก นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างประเทศกับประเทศแล้ว นี่คือสงครามโลกมนุษย์และโลกซอมบี้" เขาพูดทิ้งท้ายและหันไปคุยกับผู้พันเจมส์ รอน
    ณ สนามกอล์ฟหลังโรงแรมมีเจ้าหน้าที่สามคนและอาสาสมัครอีกห้าคน ยืนตากแดดร้อนๆอยู่หลังจากวอร์มร่างกายไปสักพัก แต่นี่ก็ไม่เท่าไหร่เพราะอาสาสมัครแต่ก่อนเป็นถึงตำรวจเลยทีเดียว
    "เนื่องจากมีเวลาที่ไม่มากเราจะฝึกให้คุณแบบรวบรัด โอเคเราจะให้คุณฝึกร่างกายก่อน เห็นพุ่มหญ้านั่นไหม" แล้วเท็ดเจ้าหน้าที่ที่ร่างกำยำที่สุดก็ชี้ไปที่พุ่มไม้ที่ตั้งอยู่โดเดี่ยวไกลไปมากกว่าห้าร้อยเมตร "มีผู้รอดชีวิตอยู่และเขาหรือเธอกำลังจะถูกซอมบี้ไล่งาบ ไปช่วยเร็ว ไป ไป" โดยไม่ให้สัญญาณเดนนิสและทีมรีบสับเท้าวิ่งทันที จนมาถึงก็พบแผ่นไม้ตั้งอยู่ห้าแผ่น เขาและทีมหยิบไปคนละแผ่นซึ่งบิลมาหยิบไปช้าที่สุดเพราะความอ้วนที่สืบเนื่องจากเป็นพวกนั่งโต๊ะมาโดยตลอด การวิ่งกลับช้ากว่าปกติเพราะความเหนื่อยและการแบกแผ่นไม่ที่หนักมาด้วย จอห์นอาศัยความเด็กเข้าเส้นชัยคนแรก ตามด้วยเดนนิส เชฟ พอลและบิล ซึ่งต้องใช้เวลานานในการตามมา
    "โอเค บิลคุณต้องลดความอ้วนโดยด่วนเลยนะ" หลังจากนั้นทั้งทีมก็หัวเราะ มีแต่บิลที่หอบและล้มตัวลงไปนอนกับสนามหญ้า
    การฝึกยิงปืนของคนที่ใช้ MP5 เป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่เดนนิสกลับต้องฝึกหนักกว่าเพื่อนเพราะM14 เป็นปืนไรเฟิลสไนเปอร์อย่างหนึ่งเหมือนกัน เขาต้องฝึกทั้งการหายใจการดูลม การซูมกล้อง ใช้เวลาอยู่นานถึงจะฝึกสำเร็จ
    หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จเดนนิสรีบตรงเข้าห้องพักอย่างรวดเร็ว อาบน้ำชำระร่างกาย มีจุดประสงค์เดียวคือล้มตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ
    ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น วันแห่งการดำเนินการเริ่มขึ้นเขาอาบน้ำและลงไปที่อาคารเอนกประสงค์จากนั้นก็ตามด้วยเพื่อนๆ ซึ่งเขาต้องใส่ชุดป้องกันซึ่งมีปลอกแขน ขาและชุดเกราะ เป็นชุดที่ยุ่งยากพอสมควร แต่ก็เท่ห์จนน่าขนลุก แถมยังมีหมวกอ็อกเหล็กด้วย
    หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เสียงของเฮลิคอปเตอร์ก็ดังขึ้น และลงจอดภายในเขตุอาคาร
    "นายพร้อมมั้ย" พอลถาม
    "พร้อมสิ" เดนนิสตอบเสียงหนักแน่น


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:32
    3 Coins DPP

  34. รายชื่อสมาชิกจำนวน 5 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  35. #43
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Oct 2012
    กระทู้
    129
    กล่าวขอบคุณ
    25
    ได้รับคำขอบคุณ: 87
    มาเป็นกำลังใจให้ผู้แต่งครับ
    ส่วนคำติชม ขอให้มันลุ้นระทึกมากขึ้นหน่อยครับเพื่อจะได้น่าติดตามมากขึ้นครับผม
    CPU : i5-2400 3.10GHz VGA : AMD HD 6790 RAM : ddr3 1600 8gb

  36. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  37. #44
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818
    สวัสดีครับ
    ถึงคนที่อ่านอยู่ ผมมีเรื่องจะบอก
    ผมได้พบความผิดพลาดที่สุดยอดเข้าของตนเอง
    คือ
    1. ผมยังขาดการเขียนที่ดี
    ก็คือ การบรรยายที่ดีและการใช้ภาษา ยังทำให้ผู้อ่านนึกภาพตามไม่ได้
    ทั้งตัวละครและสถานที่

    2.ทำเนื้อเรื่องรวดเร็วเกินไป
    ก็คือ รีบเร่งจนเกินไป ทำให้ผู้อ่าน อ่านตามไม่ทันและยังทำให้
    ผู้อ่านเกิดความรู้สึกที่มีต่อตัวละครไม่ทัน

    3.ปล่อยอารมณ์ให้อยู่เหนือสมองมากไป
    อย่างที่สังเกตได้ง่าย เช่นตอนบนด่ดฟ้า ที่พระเอกเจอคนครั้งแรก
    มันเหมือน The Walking Dead มาก และยังมีตอนที่ผมบอกว่า
    มี เกลน ขัยรถผ่านหน้าไปอีก เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะจะทำ
    ให้มันดูเหมือนการเลียนแบบ


    แต่ว่าผมจะยังไม่เลิกแต่งหรอกนะครับ ผมจะฝึกตัวเองเรื่อยๆ และจะแก้ไขงานให้ดี
    ผมจะยังคงแต่งต่อและเอามาลงที่เว็บ
    และคราวนี้ผมจะให้ผู้อ่านได้ร่วมกับผมชี้ว่า ตรงไหน
    ที่ควรได้รับการแก้ไข

    ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่าน ไม่ว่าจะครั้งเดียวหรือไม่
    ขอให้ทุกท่านโชคดี
    ฮ่าฮ่าฮ่า
    3 Coins DPP

  38. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  39. #45
    My heart
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    588
    กล่าวขอบคุณ
    490
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,198
    ฝึกฝนและพัฒนาต่อไปครับ ผมเป็นกำลังใจให้ๆ ถ้ามีตอนต่อไปแล้ว จะแวะกลับมาอ่านอีกนะ
    You’re happy, I’m happy

  40. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  41. #46
    "I Love Army"
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    หนุ่ม สุ1000
    กระทู้
    733
    กล่าวขอบคุณ
    1,250
    ได้รับคำขอบคุณ: 209
    เป็นกำลังใจให้อีกคนครับรอมาหลายเดือนแล้ว

  42. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  43. #47
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818
    24 มิถุนายน 2556
    ถึงทุกคนครับ
    ห่างหายกันไปนานเลยโผล่มาทักทาย(ถ้ามีใครรออ่าน) ตอนนี้มันตื้อตันไปหมดแล้วนะสิ
    เพราะเนื้อเรื่องโกอินเตอร์ไปถึงปักกิ่งโน่น เอาไงล่ะ ก็เลยต้องไปหาข้อมูลอะไรต่อมิอะไรมา
    ทั้งแผนที่ สถานที่ที่จะใช้เขียน ตื้อไปเลยครับ แหะๆ แล้วแผนที่ชื่อเขตุ ตำบลอ่านไม่ออกอีก
    อย่าง Dongdan เนี่ย ใครอ่านก็อ่ายว่า ดงดาน ใช่มั้ย แต่ผมคิดว่ามันอ่านว่า ตงหนาน มั้ยก็ไม่รู้สิ
    แต่นี่ครับ World War Z ใกล้เข้า อยากไปดูมาก เนื้อเรื่องนี่มาเลยครับ ก็เลยกลับไปดูตัวอย่าง
    พบว่ามีตอนที่พระเอกสวมปลอกแขน เหมือนพี่ดีนตอนแรกเลย แถมเนื้อเรื่องยังเหมือนกันด้วย
    บร๊ะ ขอบอกไว้ตอนนี้เลยครับว่าผมไม่ได้เลียนแบบ(ยังไม่ได้ดูด้วย) แล้วในนิยายาผมกะให้พระเอกไปตระเวนหลายๆประเทศ
    ก็เหมือนในหนังอีก โอ้ แต่ผมกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเหมือนตอนนี้นาะสิครับ ก็เลยจะลดหย่อนเรื่องสถานที่
    แล้วผมอยากถามเพื่อนๆอีกว่า เนื้อเรื่องผมควรจะไปรู้ตัวโกงเอาตอนหลังหรือรู้แต่ตอนนี้แล้วใส่องค์ประกอบอย่างอื่นไปแทนดีครับ

    ผมคิดว่าฝีมือผมเริ่มพัฒนาแล้วนะ(เอาดิ ชมตัวเองไปเล้ย) หลังจากอ่านนิยายอื่นอีกหลายเรื่องอย่างของ ลี ไชลด์ - แจ็ค รีชเชอร์
    หรือ แดน บราวน์ โอ้โห สนุกมากครับ อีกเรื่องคื่อ เวิล์ด วอร์ ซี - แม็ก บรู๊กซ์ สนุกมากครับ เป็นหนังสือที่อ่านได้ดี
    แต่การแปลทำได้...(ขอพูดหน่อย)ห่วยมากครับ(พูดที่แรกเลยนะ) จริงๆแปลห่วยมาก Holy Shit - (บัดซบแล้ว) อุจจาระเทวะ
    Shit - เชียต MotherFucker - มารดาห่ะเช็ด แล้วอีกอย่างที่แปลแบบทับศัพท์เช่น ก็อแดมทหาร หรือ เหล้าฆ่าปีศาจ
    ผมรู้ว่าไม่ควรไปวิจารณ์เขามากๆ แต่ในเมื่อเขาทำมาแล้ว ให้คนอ่านก็ควรทำให้ดีที่สุดสิ ใครอ่านอังกฤษได้ก็ซื้อแบบอังกฤษเถอะครับ
    แต่หนังสือเนื้อหาดีมากแบบว่า เป๊ะอ่ะครับ สนุกมาก ผมเนี่ยอ่านจบได้ไม่ถึงเดือน(ไม่ได้อ่านทั้งวัน)เพราะเเนื้อหาและความชอบ
    พูดไปพูดมา ไปรีวิวหนังสือซะแล้ว

    สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนรออีกนิดนะครับ เนื้อเรื่องผุดมาในหัวแล้ว ตื่นเต้นกว่าเดิมแน่นอน แต่ตอนนี้คอมไม่ติดอีกแล้ว เซ็งนะเนี่ย
    แถมการบ้านก็เยอะใช่ย่อย ถ้าทำได้ก็คงแวะมาเขียนทุกวันนะครับ

    จาก
    black jack sdppd

    ปล. รูปร่างของดีนที่พลาดไม่ได้เขียนคือ สูง กำยำ ผมทรงประมาณทอม ครูซ หล่อพอประมาณ(พระเอกนี่นะ) EDIT คิดถึงหน้า มาร์ค วอลเบิร์ก
    ได้เลย
    ฮ่าฮ่าฮ่า
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 8th July 2013 เมื่อ 17:34
    3 Coins DPP

  44. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  45. #48
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818

    บทที่12.2 จุดเริ่มต้นของจุดจบ

    เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ลงจอดบนพื้นสนามบินช้าๆ เชฟนั่งหน้าซีดเพราะกลัวความสูง ส่วนคนอื่นกลับตื่นเต้น เพราไม่เคยขึ้นเฮลิคอปเตอร์
    เป็นความโชคดี ที่มีทหารบางส่วนได้ประจำการที่เครื่องบิน ตอนที่มีข่าวเรื่องการแพร่เชื้อ การป้องกันจึงเป็นไปด้วยดีกอปรกับที่สนามบินนี้ปิดตัวลงมานาน ระหว่างทางที่บินมา เดนนิส เห็นศพมากมายห่อด้วยผ้าถูกลำเลียงนำไปเผาที่ลานร้างใกล้ๆ สนามบิน
    เดนนิสกับพวกเดินตรงไปขึ้นเครื่องบินที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ บันไดค่อยๆหย่อนลงมา จอห์นท่าทางตื่นเต้นกว่าเพื่อน ขณะที่ พอล คุยว่าตัวเองเคยขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
    เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินที่ขนาดเล็กที่สุดในสนามบิน แต่ก็ถือว่าอบอุ่นถ้าผู้โดยสารมีแค่ 5 คนคือเดนนิสและลูกทีม
    " เครื่องบินจะออกในห้านาที ขอให้อาสาสมัครทุกคนไปขึ้นเครื่องด้วย" เสียงของผู้จัดการสนามบินดังขึ้น
    เดนนิสและลูกทีม เดินขึ้นเครื่องบินด้วยท่าทีที่ตื่นเต่น พอลเกาะราวบันไดไว้แน่นและหน้าซีดเต็มทน
    "ในเครื่องบินนี้จะมี 50 ที่นั่ง เลือกได้ตามใจชอบและตอนนี้เราไม่มีทั้งแอร์โฮสเตจและสจ๊วต ฉะนั้นบริการตนเอง มีห้องน้ำและห้องครัวอยู่อาหารยังครบ" ผู้จัดการสนามบินแจ้งข้อมูล "เอาล่ะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ หวังว่าจะมีชีวิตรอด"
    "เชื่อมั้ย ไอหมอนั่นไม่ใช่ผู้จัดการสนามบินหรอก" พอลบอก ขณะที่ถอดหน้ากาก
    "ทำไมรึ" บิลถามอย่างสนใจ
    "ถ้าเขาเป็นผู้จัดการ คงจะไม่ทำให้ลูกค้าต้องลำบาก จริงมั้ย" เมื่อพูดเสร็จ ทุกคนก็หัวเราะ
    "บ้าเรอะ เราไม่ใช่ลูกค้าสักหน่อย" เชฟยิ้ม
    "ขอให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่และรัดเข็มขัดด้วย เรากำลังจะขึ้นเครื่องแล้วครับ" เสียงของกัปตันดังจากลำโพง

    บนเครื่องบินไม่เลวร้ายนักสำหรับเดนนิส แม้พอลจะบอกว่าไม่ชอบก็ตาม เดนนิสซึ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสอะไรดีๆแบบคนอื่นกลับตื่นเต้น บนเครื่องบินนี้มีอาหารและเครื่องดื่มอร่อยมากมาย ซึ่งบิลคนที่อ้วนที่สุดของกลุ่มก้ทานเข้าไปไม่หยุดปาก จนโดนเพื่อนแซวหลายที
    "นี่เอาตามความจริงนะบิล แกน่ะน่าจะตายไปแล้วด้วยความอ้วนขนาดนี้ แต่กลับรอดมาได้ยังจะมากินฟูมฟามอีก" เชฟแทงใจดำ
    "แกพูดแรงไปหน่อยมั้ง เชฟ" พอลบอก ซึ่งมีจอห์นยืนงงอยู่ข้างๆ
    "เออ ใช่เชฟ ฉันว่าแกพูดแรงไปหน่อยแล้วว่ะ" บิลตามทันที "แกก็ไม่รอดหรอก ถ้าเดนนิสไม่มาบอกแก ทำเป็นพูดมากกลบความขี้ขลาดของตัวเองอยู่ได้"
    "โห ไอหมูตอน จะเอาใช่มั้ย ฉันจะฟัดแกให้ตกเครื่องบินไปเลย" เชฟท้า
    "เอาเซ่"
    "เห้ย พอเลย ไอพวกงี่เง่า อะไรของพวกแก ถ้าอยากสู้กันนักก็ไปสู้นอกเครื่องบินไป ! " เดนนิสขัด "เรากำลังไปสถานที่ที่ต้องสามัคคี แต่ดันมากัดกันอย่างกับหมา" เขามองหน้าทั้งคู่ "ไง อยากมีเรื่องไม่ใช่เหรอ ไปสิ จะได้หายบ้าสักที"
    ทั้งห้องเงียบ ไม่มีใครก็มีเรื่องกับเดนนิสแน่นอนเพราะในกรมตำรวจฝีมือการต่อสู้ระยะประชิด ของเดนนิสมีมากจนถูกตั้งฉายาว่า "เดน เวย์น" ซึ่งมาจาก บรู๊ซ เวย์น หรือ แบทแมน นั่นเอง
    "ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับนายหรอก หัวหน้า " เชฟถากถางแล้วเดินเบียดไหล่ออกจากครัวไป ขณะนั้นบิลได้ขว้างห่อขนมมาใส่เชฟ ซึ่งเดนนิสสามารถรับไว้ได้และส่ายหัวช้าๆ บิลมองหน้าอย่างหวาดกลัวและทิ้งตัวลงที่เก้าอี้และไม่แตะต้องอาหารขยะอีก
    เดนนิสเดินห่อเหี่ยว กลับมานั่งที่ห้องโดยสาร พร้อมกับครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ยังไม่ทันไร ลูกทีมก็วุ่นวายถึงเพียงนี้ ต่อไปมันจะเป็นอย่างไร เดนนิสได้แต่นึกภาพตัวเองถูกล้อมด้วยเหล่าซอมบี้ มีเบื้องหลังเป็นไฟสีแดงฉาน
    "เดนนิส เดนนิส ตื่นได้แล้ว" เสียงจอห์นดังขึ้นในหัว เดนนิสค่อยๆลืมตาขึ้น "ฮ่าๆ นายหลับนานทีเดียว เราจะถึงแล้ว"
    "เหรอ แล้วเชฟกับบิลเป็นไง" เดนนิสถามแบบงัวเงีย จอห์นทำท่าขึงขังทันที
    "ระหว่างที่นายหลับน่ะ พวกเขาท้ากันไปชกต่อยที่ครัว" จอห์นกระซิบ สายตากรอกไปมา
    "เรอะ! พาฉันไปพบไอพวกบ้านั้นหน่อย" เดนนิสโกรธฟึดฟัด แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของ จอห์นเขาก็เริ่มตื่นยิ่งขึ้น
    "ไอบ้า มาหลอกฉันเรอะ" เดนนิสหัวเราะ พร้อมกับปาหมอนที่วางไว้บนตักใส่ จอห์นได้แต่วิ่งขำไป
    "เออ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องครัว" จอห์นบอกก่อนที่จะเดินหายไปทิ้งให้เดนนิสนั่งอยู่คนเดียว
    เดนนิสเริ่มสงสัยทีละนิด ที่ทุกคนไม่มีความกลัวเลย แต่กลับสนุกสนานกันไป หรือว่าเดนนิสจะเครียดมากเกินไป เขาส่ายหัวปัดเป่าความคิดออกไป
    "เราใกล้จะถึง สนามบินปักกิ่งใน 20 นาทีผู้โดยสารกรุณานั่งและรัดเข็มขัดด้วย" เสียงกัปตันดังมาจากลำโพง สมาชิกในทีมที่เหลือจึงทยอยเข้ามานั่ง หน้าตาไม่สู้ดีเท่าใดนัก
    "ไงตื่นเต้นสิท่า" พอลเข้ามาชกไหล่ ฝืนยิ้ม ไม่รู้ว่าเพราะกลัวสิ่งที่จะเจอข้างหน้าหรือกลัวเครื่องบินกันแน่ "เราจะต้องผ่านไปด้วยดีเชื่อฉันเถอะ" เขายิ้มให้กำลังใจ เดนนิสยิ้มตอบไม่พูดอะไร พอลเป็นเพื่อนที่ดีเสมอเคียงบ่าเคียงไหล่กันตลอด พอลไม่ไปสมัครเป็นทหารเพื่อที่จะได้มาเป็นตำรวจเหมือนเดนนิส ซึ่งความจริงหุ่นแบบเขาน่าจะสมัครทหารผ่านได้แน่ๆ แม้เขาจะเตี้ยไปหน่อย
    หลังจากนั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้โดยสารมักจะตื่นตระหนกนั่นคือการลงเครื่องบิน พอลเกาะแขนเก้าอี้ไว้แน่น จอห์นโห่ร้องเล็กน้อย ส่วนเดนนิส เชฟและบิลนั่งเงียบ เครื่องค่อยๆลดระดับความสูงเรื่อยๆ จนกระทั่งจอดลงบนพื้นสนามได้สำเร็จ ประตูเครื่องบินค่อยๆเปิด เดนนิสไปรอที่หน้าประตูอย่างตื้นเต้น
    เดนนิส ลงจากบันไดเครื่องบินช้าๆ วาดภาพตัวเองเป็นนักธุรกิจ สวมชุดสูทและแว่นตาดำและกระเป๋าเอกสารท่าทางมีภูมิฐาน แต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันอีกแบบอย่างสิ้นเชิง ชายสูงหกฟุตหนึ่งยาวถึงบ่าในชุดทหารสีดำดูบึกบึนมือถือกุมปืนไรเฟิลไว้แน่นและห่างไกลจากมีฐานะ
    "เอาล่ะ ทุกคน" เดนนิสเอ่ยช้าๆ เมื่อเห็นสภาพเบื้องหน้า เขาหันไปหาลูกทีมที่สีหน้าไม่แสดงความรู้สึกแล้วหันไปเชิญกับสภาพเบื้องหน้า "ประจัญบาน"

    ณ ตงหนาน ชายคนหนึ่งตัวสูง หน้าแหลม ออกวิ่งอย่างเร่งรีบเพื่อออกจากถนนเทียนอันเหมิน มือถือปืนลูกซองเรมิงตัน 870 ไว้ โดยห่างออกไป มีเหล่าผู้ติดเชื้อจำนวนมากวิ่งติดตามมา
    เขาวิ่งเข้าไปหลบในบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ซึ่งผุพังเต็มทนมีร่องรอยการรื้อกระจาย เขาวิ่งเข้าไปในห้องครัวซึ่งอยู่ข้างในสุดของบ้าน เห็นตู้เสื้อผ้าสีดำที่ประตูห้อยอยู่ เขารีบเข้าไปหลบในนั้น ตู้เสื้อผ้าที่อับชื้นแม้ไม่มีเสื้อผ้า แสดงให้เห็นว่า เจ้าของบ้านเริ่มอพยพเมื่อไม่นานมานี้
    เวลาผ่านไปนานมาก เขาซึ่งนั่งหมดกำลังใจในตู้เสื้อผ้ากอดปืนลูกซองร้องไห้ออกมา นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้สูญเสียไปเพราะเหตุการณ์บ้าๆนี้
    "บ้านนี้น่าจะใช้ได้" เสียงกระซิบของผู้หญิงดังขึ้น เขาชักปืนพก เอ็ม 9 ออกมา พยายามมองลอดประตู ซึ่งเห็นแต่ผนังสีขาว
    "ใช่ถ้าจะใช้พักสักคืนก็โอเค" คราวนี้เป็นเสียงของผู้ชายดูเหนื่อยล้า "รอพวกมันผ่านไปก่อน แล้วค่อยไปที่พระราชวังต้องห้าม"
    เขาค่อยๆรวบรวมความกล้า ผลักประตูออก เดินไปที่ห้องนั่งเล่นช้าๆ ใช้ความรู้สึกนำทางไป แต่น่าแปลกที่ความรู้สึกนั้นไม่ใช่ความดีใจ
    "เฮ้" เสียงของผู้หญิงทักขึ้น เมื่อเห็นคนที่ไม่ติดเชื้อเดินออกมา
    ปัง ปัง
    เสียงปืนดังขึ้นสองนัด พร้อมกระสุนที่ไปเจาะกะโหลกของสองผู้รอดชีวิตอย่างรวดเร็ว
    เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จนทำให้เขาปวดหัว เขาทิ้งแขนที่จ่อปืนไปข้างหน้าและทรุดตัวลงหลังพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง
    หลังจากทำใจได้ เขาค่อยๆดันตัวเองขึ้นจากพื้น เดินไปสำรวจศพสวมชุดสูทที่เขาพึ่งสังหารไป คนแรกเธอเป็นผู้หญิงที่สวย มีหมวกคลุมหัว ข้างกายมีดาบตกอยู่ อีกคนเป็นชายที่อาจจะเป็นแฟน เพื่อนหรือผู้รอดชีวิตอีกคนที่มาเจอกัน ชายคนนั้นใช้ดาบเป็นอาวุธเช่นกัน หลังจากที่ค้นตัวทั้งสองเขาได้สิ่งของที่จำเป็นมามาก เช่น เงิน ไฟแช็ค มีดพับ
    เขาเริ่มได้ยินเสียงคำรามจากที่ไกล เสียงเดียวไม่สามารถดังขนาดนี้ได้ เขาวิ่งออกจากบ้านเล็กนี้ และเข้าไปหลบในบ้านอีกหลัง ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นตกแต่งสไตล์จีนแท้ๆ เขาเดินสำรวจไปทั่วบ้าน เมื่อไม่พบผู้ติดเชื้อเขาเดนขึ้นบันไดที่ต่อไปยังห้องนอนใหญ่ เขาล็อคประตูทันทีที่เข้าห้อง
    ภายในห้องกว้าง มีเตียงคู่นอนอยู่กลางห้องติดกับฝาผนัง ห้องว่างสิ่งของถูกเคลื่อนย้าย เหลือเพียงแต่ทีวีจอห้าสิบนิ้ววางตรงข้ามกับเตียง ตรงมุมบนของห้องมีห้องน้ำขนาดเล็กที่แม้จะมีฝักบัว ก็ไม่นิยมใช้อาบ
    เขาค่อยๆเดินช้าๆไปที่เตียงนอน ถอดรองเท้า ทิ้งอาวุธปืนไว้ข้างๆและกระโดดทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างแรง สัมผัสกับความนุ่มแบบพอดีที่ไม่เคยได้ลองมาหลายวัน
    เสียงคำรามยิ่งดังชัดเจนขึ้น มันมาอยู่หน้าบ้านที่เขามาอาศัยแล้ว เสียงวิ่งหายไปเหลือแต่เสียงครางฮือๆ ผ่านไปสักพัก มีเสียงอะไรบางอย่างชนประตูเบาๆ สองสามครั้งและหยุดไป
    ผู้ติดเชื้อเมื่อไม่พบหนทางที่ไปต่อ ก็จะหาเส้นทางใหม่ เขารู้ดีเขาผจญอะไรมามาก เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น น้ำตาก็เริ่มไหลอีกครั้ง
    และสิ่งที่เขาพึ่งทำ เขาควรจะเสียใจหรือไม่ ประสบการณ์สอนเขาดี ว่าไม่ควรไว้ใจใคร จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ยิงเขาและออกไปต้อนรับอย่างเจ้าบ้านที่ดี สองคนนั้นอาจจะปล่อยให้เขาเป็นเหยื่อ ทรยศเขา หลังจากหลายวันผ่านมา สิ่งที่สอนเขาได้ดีที่สุดคือ สิ่งที่ไม่ควรไว้ใจ คือ จิตใจมนุษย์
    เขานะท่าตะแคงซ้ายบนตียง มือล้วงกระเป๋ากางเกงขวา ดึงซองสีขาวเล็กๆออกมา ข้างในบรรจุแฟลชไดร์ฟเอาไว้ หน้าซองมีกระดาษแปะ "สัญญาค้าอาวุธชีวภาพ"


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:33
    3 Coins DPP

  46. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  47. #49
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818
    3 กันยายน 2556
    สวัสดีครับ
    ตอนนี้ผมกำลังเขียนพล็อตเรื่องใหม่อยู่เพื่อให้มันสั้นและกระชับกว่าเดิม
    ตอนที่ 12.3 ใกล้มาแล้วครับเพราะตอนนี้ได้ศึกษาแผนที่ปักกิ่งอย่าง
    ไม่ละเอียดมาแล้ว อีกไม่นานก็คงได้อ่านกันครับ
    ขอขอบคุณทุกกำลังใจด้วยนะครับ
    ป.ล. เพลง An Ideal Of Hope นี่มันเพราะจริงๆเลยนะครับ
    จาก
    black jack sdppd

    3 กันยายน 2556
    ผมยังมีงานเขียนอีกอย่างครับไม่ใช่นิยาย
    เป็นหนังสือเอาชีวิตรอดจากซอมบี้
    อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วครับ แต่กำลัง
    ศึกษาหาข้อมูลบางอย่างอยู่ รับรองว่า
    เป็นอะไรที่โคตรเอาฮาแต่แฝงอะไรหลายอย่างไว้แน่นอน
    จาก
    black jack sdppd

    3 กันยายน 2556
    มีนิยายหลายเรื่องในหัว ถ้ามีพลังวิเศษนะ
    จะเขียนให้เสร็จในวันเดียวเลย

    Quality Recommand
    เอามาลงในหมวดนิยายแล้วนะครับ
    the betray series
    ตอนนี้คิดพล็อตได้ 7 ภาค เป็นเรื่องของ
    อดีตสายลับที่มักจะเจอเรื่องซวยมหาวินาศและการหักหลัง
    Fox City
    นักสืบที่ถูกย้ายเข้าไปในเมืองร้อยเล่ห์เพื่อ เอาผิดเจ้าพ่อยักษ์ใหญ่
    แต่เขาจะทนชาวเมืองตัวแสบได้อีกนานเท่าไหร่
    The Friend
    เรื่องของเด็กคนหนึ่งที่ดันมีเพื่อนเป็นมนุษย์ต่างดาว
    ที่มีโค้ดปริศนาติดมาด้วย
    Three Sun To One Strongest
    เรื่องราวของยากูซ่าสามแก็งค์ที่ชิง
    ความเป็นใหญ่กัน
    Void Of True
    นิยายสืบสวนสั้นๆแบบหักมุม
    มีสามตอน
    The Earth War Story
    เรื่องราวระหว่างศึกของ มนุษย์ เทพและอมนุษย์
    เป็นนิยายที่เอาตำนานในโลกมายำกัน
    Must Alive
    นิยายของเด็นนักเรียนชายที่แอบชอบ
    รุ่นพี่แต่เมื่อถึงงานกีฬาสีกลับมีซอมบี้บุก
    ทั้งคู่ซึ่งพลัดหลงจากกลุ่มจึงต้องจับมือกันเอาชีวิตรอด
    เรื่องนี้จะจบแล้ว คงได้เอามาลงหมวดนิยายสักวัน

    นี่ละครับ มันมีอะไรหลายอย่างมากมายเลย
    แต่ว่ามันก็ยากที่จะทำเพราะฉะนั้นคนเราต้องรู้
    ฝันก็เหมือนสะพานที่ผุยากที่จะข้าม แต่เมื่อวันหนึ่งเราข้ามมันไปได้
    พอเรามองย้อนกลับไปมันจะเป็นความภาคภูมิใจไปชั่วชีวิต
    จาก
    black jack sdppd

    ป.ล. กระทู้ที่ 500 ปั๊มอย่างสวยนะครับเนี่ย
    ฮ่าฮ่าฮ่า
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 3rd September 2013 เมื่อ 19:25
    3 Coins DPP

  48. รายชื่อสมาชิกจำนวน 4 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  49. #50
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818

    บทที่ 13 ลงพื้นที่

    17:05
    ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตัวอาคารมืด มีผู้รอดชีวิตนั่งเกาะกลุ่มอยู่ข้างใน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ที่แย่คือด้านหลังตัวอาคารถูกเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กพุ่งเข้าชน ไฟยังติดอยู่เล็กน้อย ภายนอกเจ้าหน้าที่ขนศพจำนวนมากออกไปวางรวมกันเตรียมพร้อมที่จะจุดไฟเผา
    เดนนิสและทีม วิ่งพล่านทั่วสนามบินเพื่อสอบถามหาข้อมูลจากผู้ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
    "คุณโชคดีที่มาในตอนนี้ เพราะถ้านานกว่านี้อีกหน่อยมันวุ่นวายกว่านี้เยอะ" จุนเฉาพนักงานต้อนรับส่วนหน้าของสนามบินกล่าวกับพวกเขา ขณะที่เดินพาเขาไปหาผู้จัดการ จุนเฉาเป็นชายร่างเตี้ย หน้าตาดูฉลาดและอัธยาศัยดี
    "ผู้จัดการน่าจะช่วยอะไรคุณได้เยอะ แต่เขาเป็นพวกถือตัวหน่อยๆ สุภาพกับเขาหน่อยละกัน" จุนเฉาแนะนำก่อนที่จะเปิดประตูให้เขาเข้าไปสู่ห้องผู้จัดการ
    ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างมีโซฟาอยู่ทางด้านขวาห้อง ชั้นหนังสือทางด้านซ้าย และผนังห้องเต็มไปด้วยรูปศิลปะ ด้านหลังห้องเป็นกระจกขนาดใหญ่ทำให้เห็นวิวด้านนอก ตรงกลางห้องโต๊ะทำงานขนาดใหญ่มีเหลียงจือเซิ่น ชายร่างอ้วน ผมล้านเลี่ยนนั่งกุมขมับ เขายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นอเมริกันห้าคนเดินเข้ามา
    "เศรษฐกิจนับวันยิ่งถดถอย โลกก็มาเป็นแบบนี้ซะอีก จะให้ทำมาหากินอะไรได้" เขาทักเป็นภาษาอเมริกัน "เชิญนั่งสิ อเมริกัน" เซิ่นกล่าวเชื้อเชิญ
    "เอ่อ ขอบคุณครับ" เดนนิสขอบคุณและดึงเก้าอี้นั่ง คนที่เหลือไปนั่งที่โซฟา "ผมเดนนิส หนึ่งหน่วยงานพิเศษที่ถูกส่งมาแก้ไขปัญหาในประเทศต่างๆ" เดนนิสเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปจับมือกับเซิ่นเขาเขย่ามือเบาๆ
    "ไม่ช่วยเหลือประเทศตัวเองก่อนเหรอ อเมริกามีคนเกินรึไง" เขาพูด จ้องหน้าอยู่พักใหญ่ "ผมชื่อเหลียงจือเซิ่น" เขาแนะนำตัวเอง "เป็นผู้จัดการสนามบินนี้ อย่างที่คุณเห็น" เดนนิสพยักหน้าและแนะนำลูกทีมเขาทีละคน
    "คุณเซิ่นครับ ผมมีเรื่องอยากจะให้คุณ--"
    "อยากให้ช่วยแนะนำเรื่องสถานที่สินะ" เซิ่นพูดตัด "ความจริงก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอก งานการก็มีต้องทำ เรื่องต้องรับผิดชอบก็เยอะ ยังต้องมารับใช้อเมริกันอีก"
    "เหรอ ก็ไม่เห็นจะทำอะไรนิ่" เชฟเหน็บแนม
    "ใครสั่งให้เขาพูด" เซิ่นชี้หน้า เชฟอ้าปากจะโต้ตอบ แต่เดนนิสชูมือห้าม
    "โปรดเข้าใจด้วยนะครับว่า อเมริกันนี้มาเพื่อช่วยพวกคุณ" เดนนิสกล่าวอย่างปราณีปราณอม
    "เฮอะ! ช่วยเรอะ ช่วยอะไร พวกแก เป็นพวกแรกที่แพร่เชื้อที่ปักกิ่ง" เซิ่นขึ้นเสียง "อยากรู้อะไรดีๆมั้ย อเมริกัน เมื่อเจ็ดวันก่อน แอร์โฮสเตจ ของโบอิ้ง เจ็ดสี่เจ็ด โทรมารายงานฉันว่า พบอเมริกันป่วยบนเครื่องบิน จากนั้นก็ไล่อาละวาดกัดคนนู้นคนนี้ไปทั่ว" เซิ่นส่ายหน้า
    "โทษนะ บนเครื่องบินมันโทรได้ด้วยรึไง" เชฟถาม
    "ใช้คลื่นความถี่พิเศษไง ไอ้บื้อ" เซิ่นว่า เชฟลูบปืนตัวเองยังเมามันส์ โชคดีที่เซิ่นไม่เห็น
    "เดี๋ยวสิ ไม่ใช่ว่าจะติดเชื้อใน--"
    "ยี่สิบวินาทีใช่มั้ย" เซิ่นตัดบทเดนนิส "ม่ายอ่ะ เปล่าเลย มันประหลาดมาก" เขาทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย "คุณต้องการอะไร เดนนิส"
    "โอ้! เอ่อ คุณน่าจะรู้จักที่นี่ดี ผมเลยอยากรู้ว่าควรจะเริ่มที่ไหนก่อน" เดนนิสดีใจที่เซิ่นลดท่าทีดูถูกไปได้
    "อยากเปิดวิทยุให้ฟังนะ แต่กลัวนายฟังไม่ออก" เซิ่นพูด "ปักกิ่งน่ะ มีที่ให้หลบซ่อนที่ดีที่สุดอยู่สองที่ คือ ที่นี่และพระราชวังต้องห้าม หวังว่าจะรู้จัก" เขาหยุดรอเดนนิส เมื่อเดนนิสพยักหน้า เขาจึงว่าต่อ "ทั้งสองที่ชัยภูมิดีที่จะป้องกันคุณคงเห็นว่ามีผู้รอดชีวิตเยอะแค่ไหนข้างล่าง แถมเสบียงก็มีเยอะด้วย" เซิ่นว่า "แต่ถ้าพวกคุณอยากหาผู้รอดชีวิตที่ติดตามถนนทั่วไปละก็ แถวๆตงหนานไม่ก็เซียนเหมิน"
    "เดี๋ยวเราไปหาต่อใน จีพีเอส" เดนนิสลุกขึ้นเอื้อมมิอไปจับกับเซิ่น "ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะครับ" เดนนิสพยักหน้าให้ลูกทีมแล้วทุกคนก็เดินออกไปจากห้องทันที
    "ขอบคุณที่พาฉันหนีจากไอ้บ้านั่น" เซฟบอก "ไม่งั้นฉันยิงมันแน่ๆ"

    แลงก์ลี่ย์ เวอร์จิเนีย
    เฮลิคอปเตอร์ที่ต่อมาจากสนามบินค่อยๆ ลงจอดบนพื้นดาดฟ้าของสำนักงานซีไอเอช้าๆ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างพบคนสามคนมายืนรอกันอยู่มีชายคนหนึ่งที่ตัวหนาและผิวดำมาก หวังว่าจะไม่ใช่คนที่ผมคิด
    ข้างๆเอ็มม่ากำลังคุยกับเพื่อนผู้รอดชีวิตอย่างสนุกสนาน โอเลดคุยเกี่ยวกับซีไอเอในภาพยนตร์ที่เคยดูอย่างตื่นเต้น แจ็คกับซินแคลร์ดูมีท่าทีที่ดีต่อดีกันมากขึ้นแต่ก็ยังกระแนะกระแหนกันอยู่ เจฟกับเคลลี่สวีทกันตลอดทาง น่าอิจฉา โรลหลับมาตลอดทางและโจนส์ก็นั่งเหม่ออยู่นานเช่นกัน
    ประตูเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆเปิดออกผมลงเป็นคนแรกพบว่าชายผิวดำร่างสูงนั่นคือ พันเอกเจมส์ รอน ส่วนอีกสองคนผมไม่รู้จัก
    "แหม่ ไม่เห็นต้องออกมาต้อนรับเลยนี่ครับ" ผมทักทาย และมองตาอีกฝ่ายอย่างประเมินแม้เขาจะใส่แว่นกันแดดอยู่ก็เถอะ ผมเชื่อว่าอีกฝ่ายก็มองผมอยู่เช่นกัน
    "ทุกๆคนต้องการขวัญกำลังใจจากเจ้าบ้านน่ะครับ" ชายอีกคนชวนเขาพูด เขาทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้และแนะนำตัวเอง "ผมเวย์น กิ๊กส์กิน" เขาจับมือกับผมและกับคนอื่นต่อ "เดี๋ยวผมและแลนซ์จะพาทุกคนไปหาห้องพักนะครับ" ผู้รอดชีวิตทุกคนพากันส่งเสียงดีใจ
    ผมก้มลงมองนาฬิกา นี่บ่ายห้าโมงแล้วเหรอเนี่ย เหนื่อมาทั้งวันเลย ผมโอบเอวเอ็มม่าและเดินตามกิ๊กส์กินไป
    "ไม่ใช่นาย" เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้นและหยุดทุกคนเอาไว้ ผมหันหน้ากลับมาภาวนาว่าจะไม่ใช่การเรียกเข้าประจำตำแหน่ง
    "นายต้องเข้าประจำตำแหน่ง เรามีงานพิเศษให้นายทำ" รอนพูด หน้าเชิดขึ้นฟ้าเล็กน้อย เดาได้เลยว่าภายใต้แว่นนั้นเต็มไปด้วยสายตาที่ดูถูก ผมเองก็เช่นกัน
    "ผมเหรอ" ผมถาม
    "ใช่นายนั่นแหละ"
    เอ็มม่ามองผมอย่างหวั่นใจ ผมจึงได้แต่มองปลอบไปด้วยสายตาอ่อนโยน ผมพยักหน้ากับรอน
    "นายมีเวลาที่จะคุยกับเพื่อนก่อนได้ ใช้ให้คุ้มล่ะ" เมื่อพูดจบรอนก้เดินตัดพวกเราเข้าประตูดาดฟ้าไปก่อนคนแรก

    ณ เฉาหยางเหมิน
    "ยิงๆ" เดนนิสตะโกน พลางยิงสองตัวข้างหน้าที่หัวอย่างแม่นยำ ด้านหลังเขาทีมอีกสี่คนกำลังยิงใส่พวกที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ศพร่วงเกลื่อน
    "เราต้องถอยให้เร็วที่สุด"
    เดนนิสวางแก้มลงบนพานท้ายแล้วเล็งเป้าผ่านศูนย์อิเล็กทรอนิกส์ ปัง เสียงดังเล็กภายในที่เก็บเสียงพร้อมกระสุนที่ออกมาจากรังเพลิงถูกหัวของพวกซอมบี้จนล้มลง ปัง ตัวที่สองล้มลงไป ปัง ตัวที่สาม ปัง โดนที่ตัวที่สี่แต่แค่ตัว แต่เขาส่งอีกนัดย้ำตายไปให้
    มีอีกตัวพุ่งเข้ามาจากด้านขวา เดนนิสโยนปืนไปให้ซอมบี้ชะงักเล็กน้อย เขาจับไหล่มันแล้วชักขวานเล็กที่เหน็บไว้ที่ขาแล้วจามไปที่หัว จากนั้นก็เหวี่ยงขวานไปใส่อีกตัวที่มาจากทางขวา
    "วิ่งๆ" เดนนิสตะโกน เขาเก็บปืนและรีบออกตัววิ่งทันที โดยที่มีพวกข้างหลังตามมาพวกที่วิ่งได้ "เข้าไปที่ตลาดเฉาเหวย"
    "อ๊ากกกกกกกก" เสียงร้องดังขึ้นเป็นเสียงที่คุ้นหู จนทำให้ทุกคนต้องหันหลังกลับไปดู
    "บิล ไม่" พอลร้อง ทุกคนตกอยู่ในความตะลึง ร่างมากมายรุมทึ้งร่างอ้วนที่นอนดิ้นทุรนทุรายบนพื้น บิลพยายามจะสลัดมันทิ้งแต่ก็ถูกดึงไว้จากด้านหลัง เขาร้องโหยหวนและพยายามตะเกียกตะกายสุดชีวิต
    "ไม่นะบิล ไอพวกบัดซบ" เดนนิสรู้สึกถึงความร้อนที่วาบเข้ามาบนใบหน้า เขากัดฟันพลางคว้าปืนจอห์นมา แล้วกราดยิงเข้าไปในฝูงซอมบี้แต่มันไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวและกัดกินบิลที่ยังคงดิ้นทุรนทุราย กรีดร้องโหยหวนต่อไป เขาพยายามจะพุ่งเข้าไป แต่เชฟและพอลรั้งเขาไว้และพาวิ่งต่อไป เขาจำเป็นต้องทิ้งบิลไว้อย่างช่วยไม่ได้


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย black jack sdppd : 7th November 2013 เมื่อ 19:34
    3 Coins DPP

  50. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:



 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top