เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา
-
1st January 2013 11:43
#1
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 6 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
1st January 2013 11:44
#2
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 6 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
1st January 2013 11:57
#3
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 4 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
2nd January 2013 15:04
#4
โลกที่ถูกตัดขาด
Malfurion Stormrage รู้ว่าต้องหาความช่วยเหลือเพื่อพลเมืองของเขาโดยเร็ว Illidan Stormrage น้อยชายของเขาซึ่งได้อยู่ในกลุ่ม Highborne และเพื่อเป็นการดึงให้ Illidan ละทิ้งจากอันตรายที่ครอบงำเขาอยู่ Malfurion จึงตั้งใจจะไปหา Cenarius และระหว่างทางเขาได้รวบรวมกำลังเพื่อต่อต้านกองทัพ Legion นักบวชหญิง Tyrande Whisperwind ผู้งดงามได้เข้าร่วมด้วย แม้ว่าทั้ง Malfurion และ Illidan ต่างก็หลงรักหญิงคนนี้อยู่ แต่หัวใจของนางมอบให้กับ Malfurion คนเดียว
Illidan ผู้อาภัพเกิดมาก็ต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของพี่ชายที่เป็นผู้ที่รักของคนอื่นมาตลอด อิจฉาความรักของคู่นี้ยิ่งนัก Illidan อกหักและหันไปศึกษาเวทมนตร์อย่างบ้าคลั่งทำให้เขาค่อยๆตกอยู่ใต้อำนาจเวทย์ดำทีละน้อย ต้องพยายามควบคุมตัวเองและความกระหายพลังจากสระน้ำอยู่ตลอด Cenarius ซึ่งอาศัยอยู่ในบึงจันทราอันศักดิสิทธิ์แห่งเทือกเขา Hyjal Cenarius ยินดีช่วยเหลือ Night Elf ด้วยการค้นหามังกรโบราณและนำพวกมันมาช่วยอีกแรง เหล่ามังกรซึ่งนำโดย Alexstrasza มังกรแดงตัวมหึมายอมมาช่วยพวกเขาต่อต้านเหล่าปีศาจ Cenarius เรียกเล่าวิญญาณแห่งผืนป่า ,รวบรวมกองทัพต้นไม้ และนำพวกมันมาสู้กับ Legion ขณะที่เหล่า Night Elf คอยคุ้มกันวิหารแห่ง Azshara และสระน้ำแห่งนิรันดร์ การต่อสู้นั้นดุเดือดมาก ผู้เข้มแข็ง Furion และพรรคพวกก็พบว่าก็พบว่าไม่อาจเอาชนะ Legion ได้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว
ขณะที่มหาสงครามเกิดขึ้นทั่วเมืองหลวงแห่ง Azshara แต่ราชินีผู้หลงผิดกลับเฝ้าแต่รอคอยการมาถึงของ Sargeras จ้างแห่ง Legion เตรียมการที่จะเข้าสู่โลกผ่านทางสระน้ำแห่งนิรันดร์นี้ ขณะทีเงามืดอันมหึมาของพวกมันเข้าใกล้มาทุกที Azshara ก็ได้รวบรวมบริวาร Highborne ที่ทรงพลังที่สุดของนางเข้าด้วยกันเพื่อสร้างทางผ่านที่ใหญ่พอสำหรับ Sargeras Malfurion รู้ดีว่าสระน้ำแห่งนิรันดร์เป็นทางเชื่อมให้ปีศาจเข้ามาสู่โลกได้ จึงคิดจะทำลายมันเสีย ด้าน Tyrande เล็งเห็นถึงผลดีจากความคิดของ Malfurion จึงบอกให้ Cenarius และสหายมังกรของพวกเขาทำลายวิหารของ Azshara และหาทางปิดสระน้ำนี้ให้ได้ ด้าน Illidan รู้ดีว่าการทำลายสระนี้ จะทำให้เขาไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้อีกจึงหนีออกจากกลุ่ม และไปเตือนเหล่า Highborne ถึงแผนการของ Malurion ด้วยความบ้าคลั่งพลังเวทมนตร์ และที่คนที่เขารักกลับไปชอบพี่ ทำให้ Illidan ไม่รู้สึกผิดกับการทรยศต่อ Malfurion และแปรพักตร์เข้ากับ Azshara และ Illidan สัญญาว่าจะปกป้องสระน้ำด้วยชีวิต
เพื่อให้ Sargeras สามารถก้าวข้ามมาโลกได้ ราชินีจึงจำเป็นต้องขยายประตูมิติให้กว้างพอ ในขณะเดียวกันกองทัพแห่ง Elune และพันธมิตรก็ได้รุกคืบหน้าเข้ามาใกล้ ขณะที่ประตูมิติกำลังจะเปิดได้สำเร็จ และเงาของ Sargeras กำลังผ่านผิวน้ำขึ้นมา หนึ่งในมังกรผู้พิทักดิ์ Netharion มังกรแห่งผืนดิน จึงได้ยอมเสียสละร่างกายของตนเองเข้ารับพลังด้านมืด จนกลายร่างเป็นมังกร Deathwing ผู้มีไฟนรกอยู่ท่วมกายนำทัพมังกรผู้ติดตามที่เหลือจู่โจมเข้าสู่ใจกลางของกองทัพ Legion จนสามารถบุกเข้าไปในวิหารได้
เทือกเขา Hyjal และของขวัญจาก Illidan
เกือบ 8 ส่วน 10 ของแผ่นดิน Kalimdor ได้ถูกแยกออกทิ้งไว้เพียงผืนทวีปขนาดเล็กที่ถูกล้อมรอบด้วย ทะเล ณใจกลางทะเลแห่งใหม่นี้ ที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของสระน้ำแห่งนิรันดร์ ได้เกิดพายุขึ้น และพลังงานอันปั่นป่วนซึ่งไม่เคยอยู่หนึ่ง รู้จักกันในชื่อว่า Maelstrom มันเป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงความหายนะครั้งรุนแรงที่สุด และยุคสมัยใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น! เหล่า Night Elf ที่เหลือรอดมาจำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวกันและสร้างแพแบบเรียบง่ายล่องไปตามทางทีอยู่ข้างหน้า และด้วยความเมตตาของเทพ Elune ทำให้ Malfurion Tyrande และ Cenarius ต่างก็ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ เหล่า Night Elf ได้นำพาพวกพ้องที่รอดตายไปสร้างเมืองแห่งใหม่ ขณะที่กำลังเดินทางอยู่ พวกเขาก็ได้สำรวจซากของวิกฤตครั้งนี้ และได้ตระหนักว่า กิเลสของพวกเขา นำมาถึงความหายนะแก่โลก แม้ว่า Sargeras และ Legion ของมันจะถูกกำจัดออกจากโลกได้
แต่ Malfurion และพวก Night Elf ก็รู้ซึ้งถึงการแลกเปลี่ยนครั้งใหญ่ ที่ทำให้โลกย่อยยับ ส่วนพวก Azshara และเหล่า Highborne ของนางได้ถูกฝังอยู่ก้น Maelstorm แต่ก็มีพวก Highborne บางส่วนที่ปลอดภัย แม้ว่า Malfurion จะไม่ไว้ใจพวก Highborne ก็ตาม แต่เขาก็ไม่กังวลเพราะไม่มีพลังของสระน้ำเหลืออยู่แล้ว ขณะที่เหล่า Night Elf ที่เหนื่อยล้าก็มาถึงฝั่งของแผ่นดินจนได้ พวกเขาก็พบว่า เทือกเขา Hyjal ยังปลอดภัย Malfurion และเหล่า Night Elf ได้ปีนขึ้นไปยังยอดเขา เพื่อหาที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ เมื่อพวกเขาลงไปยังลุ่ม ที่อยู่กลางเขา พวกเขาก็พบกับสระน้ำบ่อเล็กๆ อันเงียบสงบ แต่ที่น่าตระหนักคือ น้ำในสระแปดเปื้อนไปด้วย เวทมนตร์ !
Illidan ซึ่งรอดตายจากหายนะเช่นกันได้ไปถึงยอดเขา Hyjal ก่อน ได้เทน้ำจากบ่อน้ำแห่งนิรันดร์ลงไปทำให้สระน้ำแห่งนี้แปดเปื้อนไปด้วยเวทมนตร์ อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ตกใจเมื่อ Malfurion ไล่ตามมาทัน และได้อธิบายถึงความหายนะของเวทมนตร์นี้ แต่ Illidan ไม่ฟัง สองพี่น้องจึงเข้าต่อสู้กัน ด้วยพลังที่ไร้ขีดจำกัดของ Sargeras ทำให้ Malfurion ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลง Illidan เกิดความลังเลที่จะสังหารพี่ชายของตนจึงหยุดชะงักไป ทำให้ Cenarius ที่ตามมา ใช้สกิล Root (รากไม้ยึด) จับ Illidanเอาไว้ได้ และกำลังจะสังหารแต่ Malfurionได้ร้องขอไว้ และได้นำ Illidan ไปกักขังในห้องใต้ดินที่มืดมิดใต้เขา Hyjal ตลอดกาล โดยให้ Maive Shadowsong เป็นผู้ควบคุม
หลังจากนั้นกลับมาที่บ่อน้ำแห่งนิรันดร์ที่ Illidan สร้างขึ้นใหม่ พวก Night Elf กลัวว่าการทำลายสระน้ำแห่งนี้จะทำให้เกิดหายนะขึ้นอีก จึงตัดสินใจปล่อยมันไว้อย่างนั้น โดยที่ Malfurion ประกาศว่าจะไมฝึกฝนเวทมนตร์อีกเลย แต่พวกเขาก็เริ่มศึกษาศาสตร์โบราณของพวก Druid แทน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขา ฟื้นผืนป่าอันเป็นที่รักบนเขา Hyjal ได้อีกครั้ง
บทสนทนาระหว่าง Malfurion กับ Illidan หลังจบการต่อสู้
Malfurion : Illidan เจ้าคิดผิดจิงๆ ที่จริงแล้วข้าไม่ต้องการที่จะทำกับเจ้าแบบนี้
Illidan : ........
Malfurion : ข้าเคยเตือนเจ้าหลายครั้งแล้ว ว่าพลังเวทมนตร์นั้นจะทำลายชีวิตเจ้า
Illidan : มันไม่ใช่อย่างนั้นท่านพี่
Illidan : พลังของข้า ไม่ได้ทำลายชีวิตข้า........ท่านต่างหากที่เป็นคนทำลายชีวิตของข้า
Malfurion : ........
World Tree และความฝันสีมรกต
หลายปีผ่านไป เหล่า Night Elf ต่างทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างบ้านเมืองขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาสร้างบ้านใหม่ขึ้นท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้ เวลานั้น พวกมังกรที่รอดมาจากหายนะครั้งใหญ่ Alexstrasza,Ysera และ Nozdormu พากันมายังที่โล่งอันเงียบสงบของพวก Druid Malfurion ซึ่งกลายเป็น Druid ชั้นสูง ได้เข้ามาพูดคุยกับมังกร และเล่าเรื่องสระน้ำแห่งใหม่ให้พวกมันฟัง เหล่ามังกรตกใจ และกล่าวว่า ตราบใดที่สระน้ำยังอยู่ พวก Legion อาจจะกลับมาทำลายโลกอีกได้ Malfurion กับมังกรทั้ง 3 ต่างคิดวิธีเพื่อไม่ให้ พวก Legion ค้นพบเส้นทางมายังโลกอีก Alexstrasza ผู้ให้ชีวิต ได้วางผลต้นโอ้กไว้ใจกลางสระน้ำ ผลต้นโอ้กนี้เมื่อถูกพลังเวทมนตร์ ก็เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ รากของมันงอกมาจากสระน้ำในสระ และร่มไม้อันเขียวชอุ่มขชองมันได้สูงเสียดหมู่เมฆบนฟ้า ต้นไม้อันมหึมานี้จะเป็นสัญลักษณ์ แห่งความสัมพันธ์ ระหว่าง Night ELf กับธรรมชาติที่จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ เหล่า Night Elf ขนานนามต้นไม้โลกของพวกเขาว่า Nordrassil ซึ่งหมายถึง มงกุฎแห่งสวรรค์ และ Nozdormu ได้ให้พรกับ World Tree ว่าตราบใดที่ ต้นไม้ต้นนี้ยังอยู่ เหล่า Night Elf จะไม่รู้จักแก่ หรือล้มเจ็บเป็นอันขาด
เนรเทศ High Elf
หลายศตวรษผ่านไป Night Elf ได้เติบใหญ่ขึ้น และแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งป่าที่พวกเขาเรียกว่า Ashenvale สิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธ์ต่างปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การเมตตาของ Druid เหล่า Night Elf ต่างก็มีความสุขกับยุคแห่งสันติภาพ อย่างไรก็ตาม พวก Highborne ที่รอดมาได้ ก็กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พวกมันเซ็งจิตกับการสูญเสียพลังเวทมนตร์ไป แต่พวกมันก็ยังคงหลงใหล กับพลังเวทมนตร์ และการฝึกฝนเวทมนตร์ได้เริ่มต้นอีกครั้ง Dath'Remar ซึ่งเป็นผู้นำของเหล่า Highborne เขาพูดจาเยาะเย้ยถากถางพวก Druid ตามที่สาธารณะต่างๆ โดยเรียกพวกเขาว่าพวกขี้ขลาด ที่ไม่กล้าใช้เวทมนตร์ที่เป็นของพวกมัน Malfurion กับพวก Druid ไม่สนใจคำกล่าวของ Dath'Remar และเตือนเหล่า Highborne ว่าการใช้เวทมนตร์จะนำมาซึ่งแต่หายนะ ระหว่างนั้นพวกเขาไม่ได้ระวังตัว Dath'Remar และสมุน ได้ปล่อยพายุเวทมนตร์ อันร้ายกาจซัดใส่ Ashenvale เพื่อบังคับให้พวก Druid ล้มเลิกความคิดนี้เสีย พวก Druid ไม่อาจฆ่าเพื่อนร่วมเผ่าได้ จึงตัดสินใจเนรเทศ พวก Highborne ที่เป็นภัยเหล่านี้ออกไปจากดินแดนของตน Dath'Remar กับพวกต่างยินดียิ่งนักที่ไม่ได้อยู่ร่วมกับพวกหัวโบราณได้ (ดูมานด่า) และสร้างเรือพิเศษ ล่องออกไปในทะเล และล่องเรือมายังทางทิศตะวันออกที่เรียกว่า Lordaeron พวกมันวางแผนที่จะสร้าง Quelthalas อาณาจักรเวทมนตร์ ของตัวเองขึ้นมา และไม่ยอมรับกฏของพวก Night Elf ที่ต้องบูชาดวงจันทร์ หรือหากินในเวลากลางคืน นับแต่นั้นมา พวกมันก็เป็นที่รู้จักกันในชื่อ High Elf
Sentinels กับการเฝ้าระวังอันยาวนาน
เมื่อเหล่าญาติ ผู้ดื้อรั้นได้จากไป พวก Night Elf ได้ให้ความสนใจกับการรักษาเมืองมากขึ้น ขณะที่ เหล่า Druid ใกล้จะถึงฤดูจำศีลของพวกมันอีกแล้ว Tyrande ซึ่งกลายเป็นนักบวชหญิงคนแรกแห่ง Elune ได้ขอให้ Malfurion คนรักของเธอ ไม่ให้ไปยัง Emerald dream ของ Ysera แต่เขาจะเป็นจริงๆที่ต้องไปยังที่นั้น และได้บอกลา Tyrande และสัญญาว่าจะกลับมาหาคนที่รัก Tyrande ถูกทิ้งไว้เพื่อป้องกัน Kalimdor จากอันตรายต่างๆ เธอได้รวบรวมพี่น้องสตรี Night Elf ของเธอขึ้นเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง นักรบหญิงผู้กล้าหาญ ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี พวกเธอเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Sentinel แม้ว่าพวกเธอจะชอบลาดตระเวน ป่าอันเงียบสงบเพียงลำพัง แต่เมื่อใดที่มีเหตุฉุกเฉิน พวกเธอจะเรียกกำลังเสริมออกมาได้ทันที ด้านสิ่งมีชีวิตกึ่งเทพอย่าง Cenarius ก็ยังคงช่วยพวก Night Elf รักษาความเรียบร้อยในเมืองอยู่เสมอ แม้แต่ Dryad ลูกของ Cenarius ก็ปรากฏกายออกมาบ่อยขึ้นด้วย แม้ว่าภารกิจในการรักษาความสงบของ Ashenvale จะทำให้ Tyrande แทบไม่มีเวลาว่าง แต่เธอก็รู้สึกเหงาเพราะไม่มี Malfurion คนรักของเธออยู่ด้วย หลายศตวรรษ ผ่านไป เธอคิดว่า เหล่า Burning Legion กำลังวางแผนที่จะล้างแค้นเหล่า Night Elf และโลกแห่ง Azeroth อย่างแน่นอน
กำเนิด Guardian of tirisfal
Aegwyn ผู้พิชิต Sargeras
หลังจากที่ Azeroth ได้รู้จักกับหายนะที่ เหล่า Burning Legion ได้ฝากไว้ Guardian of tirisfal จึงถือกำเนิดขึ้นโดยการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์ High Elf และ เผ่า Gnom เพื่อสร้างสุดยอดจอมคาถามาทำหน้าที่ปราบปรามเหล่าปีศาจร้ายที่เหลือรอดจากสงครามคราวก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Magna Aegwyn เด็กหญิงเพียงคนเดียวในบรรดาลูกศิษย์ทั้ง 5 ของ Magna Scavell เธอสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ทั้งหมดจากบันทึกของ Metre ไฮเอลพ์ผู้สูงศักดิ์ในอดีต ซึ่งเป็นตำราที่ Magna ทุกคนต้องเรียนรู้ได้สำเร็จในเวลา 1 ปีเท่านั้น หลังจากผ่านการทดสอบมากมาย เธอก็ได้รับเลือกให้เป็น Guardian of tirisfal ในที่สุดถึงแม้ Aegwyn จะเป็นมนุษย์ แต่หลังจากได้ศึกษาเวทย์ชั้นสูงทำให้มีอายุยืนยาว หลังผ่านไป 500 ปี ณ ดินแดน Northend อันหนาวเหน็บ Magna Aegwyn ก็ได้พบกับร่างจำแลงของราชันย์ปีศาจ Sargeras
ด้วยความช่วยเหลือจากมังกรผู้พิทักษ์แห่ง Azeroth ทำให้เธอสามารถเอาชนะ Sargeras ได้ และได้นำร่างของผู้นำกองทัพ Burning Legion ไปเก็บไว้ใน Tomb of Sargeras วิหารแห่งเวทมนตร์ที่เหล่ามังกรนำไปโยนทิ้งไว้ ในทะเล Great Sea อีกที เพื่อไม่ให้ร่างของ Sargeras ซึมซับพลังของ Twisting Nether ได้ Aegwyn คิดว่าเธอสามารถกำจัดจอมปีศาจที่ชั่วร้ายที่สุดของจักรวาลไปได้.......แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นกองทัพ Legion รู้ดีว่าโลกใบนี้ได้รับพลังจากเทพ Titan มากเกินไป และคงยากที่จะเอาชนะมังกรผู้พิทักษ์ได้ การโจมตีจากภายในจึงเริ่มขึ้น
กำเนิดใหม่ Sargeras ในร่างมนุษย์
ชัยชนะของ Aegwyn คือจุดเริ่มต้นของหายนะ 45 ปีก่อนการเชื่อมต่อ Sargeras แกล้งแพ้ต่อเธอและฝังร่างตัวเองไว้ในครรภ์ของนาง Aegwyn กลับสู่ Guardian of tirisfal ในท่าทีที่เปลี่ยนไป ด้วยพลังด้านมืดในตัวบังคับให้เธอเดินทางลงไปทางใต้ จนได้พบกับ Nielas Aran ชายผู้ศึกษาเวทย์ที่หล่อเข้าขั้นเทพและยังสติปัญญาดีอีกต่างหาก เหมาะกับการให้กำเนิดใหม่ของจอมมาร Sargeras
Aegwyn ได้ตามจีบจน Nielas Aran หลงรักเธอจนหมดใจ 8 ปีหลังสงคราม แผนที่ Sargeras วางเอาไว้จึงเริ่มต้น Medivh บุตรชายของ Aegwyn จึงถือกำเนิดขึ้นมา Nielas Aran ผู้น่าสงสาร หลังจากคลอดบุตรแล้ว Aegwyn ก็ได้ทอดทิ้งสามีและบุตรของเธอไปในคืนนั้น โดย Aegwyn ได้ผนึกพลังของ Medivh ไว้ให้เป็นเด็กธรรมดาจนกว่าจะถึงวัยอันสมควร ตามความต้องการของ Sargeras เพราะการกำเนิดของ Medivh เพื่อเหตุผลเดียว คือเปิดประตูให้กองทัพ Horde บุกมาทำลาย Azeroth นั้นเอง
The Horde กับการล่อลวง
อีกหนึ่งแผนการของ Sargeras คือการล่อลวงให้พวกออร์ค แห่งโลก Draenor หรือเรียกอีกชื่อว่า Outland อันเป็นดินแดนที่เอลฟ์มอบให้ ออร์ค ได้อยู่อย่างสงบสุขกับพวก Draenei แม้เหล่าออร์คจะชื่นชอบการต่อสู้ รบเก่ง และมีร่างกายที่แข็งแรง แต่พวกเขาก็รักสันติและใช้ชีวิตกับธรรมชาติ คงมีแต่วิถีชีวิตแบบโบราณที่ค่อนข้างป่าเถื่อน
และด้วยแผนที่ถูกวางเอาไว้ Kiljaeden สมุนมือขวาของ Sargeras จึงได้เข้าพบกับผู้นำของกลุ่ม Horde ซึ่งก็คือ Nerzhul พ่อมดชั้นสูงของเผ่าออร์คโดย Nerzhul ได้ทำสัญญาลับๆ กับ Kiljaeden (เป็นการทำสัญญาเลือดแบบเดียวกับ Ghost Rider) ในการฝึกฝนและเตรียมให้กองทัพ The Horde ทำสงครามทำลายล้าง Azeroth และด้วยความร่วมมือของ Guldan ศิษย์เอกของ Nerzhul เมื่อถูกปลุกปั่นโดย Mannaroth ราชา Pit Lord จอมทำลาย กองทัพ The Horde ผู้บ้าคลั่งก็ได้บุกโจมตี Draenei (Gondar) เพื่อนบ้านทันที
สองผู้นำของ The Horde
เดิมที Nerzhul เป็นพ่อมดออร์คที่ได้รับความนับถือจากเผ่าเป็นอย่างมาก แต่ลึกๆเขาก็อิจฉาพวก Draenei ที่มีพลังอำนาจมากกว่า และเมื่อเขาได้พบกับ Kiljaeden ทำให้เขารู้จักมนต์ดำ แม้เป็นศาสตร์ต้องห้ามแต่ Nerzhul ก็พร้อมจะศึกษาและเผยแพร่สู่Shaman คนอื่นๆเพื่อไม่ให้น้อยหน้าพวก Draenei
Guldan ศิษย์เอกของ Nerzhul ด้วยความสามารถที่เต็มเปี่ยมและความชั่วร้ายที่มีอยู่อย่างเหลือล้น ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจาก Kiljaeden มากกว่าตัว Nerzhul เสียอีก เมื่อได้รับข้อเสนอจาก Kiljaeden ว่าจะให้เขามีพลังมากเท่า Eredar Worlock ที่เป็นที่สุดแล้วของผู้ใช้เวทย์มนดำ Guldan จึงตกลงแบบไม่ยั้งคิด ซึ่งทำให้พวกออร์คตกเป็นทาสของ Burning Legion ในภายหลัง
ปีศาจอวตารในร่างเด็กน้อย
กลับมาที่ Nielas Aran อีกครั้ง เมื่อ Aran รู้ว่าความรักของ Aegwyn กับเขาเป็นเพียงคำหลอกลวง Medivh คือสิ่งปลอบโยนจิตใจเพียงอย่างเดียวที่เขามี แต่เมื่อ Aran สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวลูกชายก็แทบทำให้เขาหัวใจสลาย เขาร่ำร้องหาความตายและทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกค่ำคืน
พลังจอมมารฟื้นคืน
วันที่พลังของ Medivh ถูกปลุกฟื้นขึ้นก็มาถึง วันนึง Medivh ในวัยเด็กหนุ่มได้ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เมื่อ Nielas Aran แตะตัวลูกชายพลังงานมหาศาลก็ถาโถมออกมา ทำให้ 2 พ่อลูกสลบไปกว่า 1 วันเต็มๆ และต้องให้นักบวช กว่า 100 คนช่วยบริกรรมคาถายื้อชีวิตไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าลูกปลอดภัย ผู้เป็นพ่อทางหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกใจก็รู้สึกเป็นทุกข์กว่าเก่า เพราะบัดนี้ พลังของ Sargeras ในร่างบตรชายได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว หลังจากที่พลังงานในร่างถูกปลุกขึ้น Medivh ต้องอยู่ในสภาพหลับลึกเป็นเวลายานถึง 6 ปี ทันทีที่ Medivh ลืมตาขึ้น ภาพความทรงจำในอดีตของ Sargeras ก็แวบเข้ามาในหัว เขาจึงคิดหาทางที่จะชักนำกองกำลัง The Horde เข้าสู่ Azeroth ทันที
Nielas Aran ตรอมใจจนเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา แต่วิญญาณของเขายังห่วงหาลูกและภรรยาทำให้ต้องว่ายเวียนต่อไป ก่อนจะไปสิงสู่อยู่ในหอพระคัมภีร์ของ Guardian ที่ Karazhan อันเป็นหอคอยที่ Medivh สร้างขึ้นในภายหลัง
100ปีต่อมา Aegwyn รู้สึกสำนึกผิดที่ทอดทิ้งชายที่รักเธออย่างแท้จริง แต่มันคงสายเกินไปแล้ว สำหรับ Nielas Aran
The Dark Portal
ปี 583 Medivh ได้ลักลอบเปิดประตูมิติ Dark Portal บานแรกขึ้น อันเป็นประตูที่เชื่อมต่อระหว่าง Azeroth กับ Draenor (Outland) เข้าด้วยกันก่อนที่ Medivh จะติดต่อกับ Guldan และได้ทำสัญญาไว้ที่หอคอย Karazhan ว่าเขาจะบอกที่ตั้งของ Tomb of Sargeras ให้แลกกับ Guldan ต้องนำทัพออร์คเข้ามาทำลายล้าง Azeroth ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในระหว่างนี้เหล่ามนุษย์ผู้ใช้เวทมนตร์แห่งนคร Dalaran ได้ส่งเด็กหนุ่มวัย 17 ปีชื่อ Khadgar มาเป็นศิษย์ของ Medivh ที่หอคอย Karazhan โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า อาจารย์ผู้สุภาพ เงียบขรึม และอ่อนโยนของเขา แท้จริงแล้วเป็นอวตารของปีศาจ!
เปิดฉากมหาสงครามครั้งที่ 1
ทันทีที่พร้อม Guldan ได้กรีฑาทัพ Orc เข้าบุก Azeroth ทันทีซึ่งอาณาจักรที่ใกล้ประตูมิติที่สุดก็คือ Stromwind เหล่ามนุษย์ได้ต่อสู้อย่างสุดความสามารถที่ป้อมปราการของอาณาจักร ทัพ Orc ล้มตายเป็นอันมากและต้องถอยทัพ แต่บังเอิญ Guldan ได้พบกับ Blackhand แม่ทัพของThe horde พอดีจึงได้ร่วมมือกัน ซึ่งทัพ The horde ประกอบด้วย Goblins Ogres และ Trolls ผู้โหดร้าย
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
ในวัยเด็ก Medivh ขณะพักอยู่ที่ Northshire Abbey เขามีเพื่อนซี้อยู่ 2 คน คือเจ้าชาย Llane Wrynn แห่งนคร Stromwind และ Anduin Lothar ที่เติบโตมาด้วยกันทั้ง 2 คนไม่รู้เลยว่าเพื่อนรัก Medivh เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของ The horde
เจ้าชาย Llane Wrynn เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์ที่มากความสามารถ ส่วน Anduin Lothar ได้สมัครเข้าสู่กองทัพ Azeroth และได้ก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพอัศวินแห่ง Azeroth อย่างรวดเร็ว
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย Khadgar ได้ล่วงรู้ความลับของอาจารย์และได้นำมาบอกกับ Lothar เจ้าของฉายา Lion of Azeroth จึงได้นำกำลังไปสังหาร Medivh ที่หอคอย Karazhan ทันที
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย White_hand : 3rd January 2013 เมื่อ 06:37
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
2nd January 2013 21:47
#5
ระวัง MOD มาส่องข้อหาปั้มประทู้นะจ๊ะ
กระทู้นึงมันอัดตัวอักษรได้เยอะมากๆๆๆ อัดๆเข้าไปเลย
นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
3rd January 2013 06:28
#6
Stromwind แตก
การตายของ Medivh ไม่อาจหยุดยั้งการบุกของกองทัพ The horde ได้ภายใต้การนำของ Blackhand แม่ทัพเหล่า Orc ได้บุกตะลุยอย่างบ้าคลั่ง จนกองทัพ Azerothแตกพ่ายไปทุกแห่ง หนำซ้ำกษัตริย์ Llane Wrynn ก็ถูกลอบสังหารโดยมือสังหารหญิงลูกครึ่งออร์ค-มนุษย์ Garona (ประวัติจะกล่าวถึงในภายหลัง)
Lord Anduin Lothar ไม่มีทางเลือกอื่นใด อาณาจักร Stromwind ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ในการคงอยู่ของมวลมนุษยชาติไม่สามารถต้านทานการบุกของ กองทัพ The horde ได้อีกต่อไป เพื่อให้ไม่เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ สิงโตแห่ง Azeroth จึงจำเป็นต้องอพยพผู้คนถอยร่นสู่ Lordaeron เป็นอันจบสงครามครั้งที่ 1
Doom Hammer ยึดอำนาจ
หลังจากกองทัพ The Horde สามารถยึดครองอาณาจักร Stromwind ได้แล้วในขณะที่ Blackhand แม่ทัพนอนหลับอยู่ในแคมป์ หนึ่งในขุนศึกของ Blackhand ชื่อ Orgrim DoomHammer ได้ทำการลอบสังหารแม่ทัพของตนเองและตั้งตนเป็นผู้นำของ The Horde แทน (ชั่วจิงๆ)
ส่วน Guldan เองเมื่อ Medivh ตายเขาเองก็แทบไม่เหลือพลังอำนาจอีกต่อไป กองทัพ The Horde ที่เคยอยู่ในกฎและมีอาญาทัพเป็นเครื่องยึดถือ กลับกลายเป็นกลุ่มกองโจรอันชั่วร้ายที่ทำร้ายทุกอย่างที่ขวางหน้า ทำให้นคร Stromwind ไม่เหลือเศษซากของอดีตที่เคยรุ่งเรืองอีกต่อไป
กำเนิดพันธมิตรแห่ง Lordaeron
Lord Anduin Lothar ได้อพยพผู้คน ลูกเด็กเล็กแดงทั้งหมดที่เหลือ สู่นคร Lordaeron และพบว่า กองทัพ The Horde ได้เริ่มรุกราน และ ปิดล้อมดินแดนต่างๆทั่ว Azeroth ไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนคร QuelTharas ของเหล่าไฮโซเอลฟ์ Khaz Modan ของพวกดวอร์ฟ (คนแคระ) ด้วยหัวอกเดียวกัน พันธมิตรแห่ง Lordaeron จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น โดยมีสมาชิกดังนี้
1. Lordaeron นำโดย กษัตริย์ Terenas Menethil ที่ 2
2. Azeroth (Stromwind) นำโดย Lord Anduin Lothar
3. Dalaran นำโดย Antonidas ตัวแทนสภา Kirin Tor
4. Kul Ti ras นำโดย Lord Admiral Daelin Proudmoore
5. Gilneas นำโดย Genn Greymane
6. Alterac นำโดย Lord Aiden Perenolde
7. Stromgarde นำโดย Thoras Trollbane
8. QuelTharas นำโดย กษัตริย์ Anasterian Sunstrider (บิดาของ Kael Bloodmage)
9. Khaz Modan นำโดยกษัตริย์ Magni Bronzebeard
Aliance Strike Back
เปิดฉากสงครามครั้งที่ 2
กษัตริย์ Terenas Menethil ที่ 2 ได้นำทัพพันธมิตรแห่ง Lordaeron ที่มีกำลังพลมากมายมหาศาลเข้าจู่โจมกองทัพ The Horde ใน Azeroth ทันที แม้เดิมทีเหล่าพันธมิตรที่ต่างเผ่าพันธุ์จะไม่เคยร่วมมือร่วมใจกันมาก่อน ต่างคนต่างอยู่ในอาณาเขตของตนก็ตาม แต่เมื่อรวมพลังกัน มนุษย์ผู้ไร้เขี้ยวเล็บ แต่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญ เหล่าคนแคระที่รูปร่างแคระแกร็น แต่แข็งแกร่งกำยำและมีเทคโนโลยีดินปืนที่ก้าวหน้ากว่าเผ่าอื่นๆ เมื่อร่วมกับเวทมนตร์ชั้นสูงและความปราดเปรียวว่องไวของนักรบไฮเอลฟ์ทำให้กองกำลังพันธมิตรแห่ง Lordaeron พร้อมแล้วที่จะโต้กลับการรุกรานของกองทัพ The Horde ที่มีดีแค่ความป่าเถื่อน ทำศึกโดยไร้แผนการรบและระเบียบวินัย
เหล่าพันธมิตรต่างคิดว่าสงครามครั้งที่ 2 นี้จะเป็นจุดจบของพวกออร์ค แต่แท้จริงแล้วนี่กลับกลายเป็นบทเริ่มต้นแห่งไฟสงครามที่สร้างความหายนะให้กับดินแดน Azeroth
The Horde รวมพลัง
หลังจาก Orgrim DoomHammer ได้สังหาร Blackhand แม่ทัพคนเก่า และได้ทำลายสภา Shadow Council ที่ทำหน้าที่ปกครองกองทัพ Orc ลง Doom Hammerได้ยื่นข้อเสนอพันธมิตร(แกมบังคับ)ให้กับ Guldan ที่กำลังบาดเจ็บหนักให้ร่วมมือกันทำลาย Azeroth จากนั้น DoomHammer ได้ติดต่อกับเผ่าอื่นๆเพื่อตอบโต้การรวมตัวกันของพันธมิตรแห่ง Lordaeron
Guldan ได้สร้าง Death Knight ขึ้นมารับใช้กองทัพ The Horde โดยปลุกศพอัศวินแห่ง Stromwind ที่ได้ตายลงในสงครามขึ้นมา และยังได้ปลุก Teron Gorefiend หนึ่งในนักรบของ Shadow Council ที่ถูก Doom Hammer สังหารขึ้นเป็นแม่ทัพของกองกำลัง Death Knight นักรบ Undead เหล่านี้แข็งแกร่งและไร้ซึ่งความกลัว เป็นกองทัพที่เก่งที่สุดของ The Horde
DoomHammer ใช้เงินจำนวนมหาศาลจ้างนักรบ Goblin ที่ถือคติ ถ้าคุณมีเงิน คุณก็เป็นเพื่อนเรา เข้าร่วมทัพ The Horde นักรบพวกนี้มีวิทยาการที่ทันสมัยและถนัดการรบโดยใช้ระเบิดพลีชีพ ขณะเดียวกัน DoomHammer ยังได้รวบรวมกองทัพมังกรอันเป็นลูกหลานของราชินีมังกรแดง Alexstrasza โดยใช้ Demon Soul ที่เกิดจากเกล็ดของ Neltharion มังกรผู้พิทักษ์ที่ยอมกลายเป็น Death Wing ในสงครามแห่งโบราณกาล เพื่อควบคุมมังกรให้ออกรบด้วย
และสุดท้าย DoomHammer ได้ติดต่อลับๆกับเผ่า Troll ที่เคยยิ่งใหญ่ก่อนถูกมนุษย์และไฮเอลฟ์แย่งดินแดนไปจนล่มสลาย DoomHammer ได้ช่วยเหลือ ZulJin ผู้นำของเผ่า Troll ที่ตกเป็นเชลยของไฮเอลฟ์ และสัญญาว่าจะยกดินแดน QuelTharasที่เคยเป็นของเผ่า Troll คืนให้ เผ่า Troll ที่เกลียดเอลฟ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงได้เข้าร่วมทัพ The Horde
The Horde เดินหน้าบุกตะลุย
หลังจากยึดดินแดน Azeroth ได้แล้ว ทัพ The Horde ได้แบ่งกำลังออกเป็นกองทัพบกและกองทัพเรือ โดยกองทัพบกได้บุกตี Khaz Modan ของพวกคนแคระ โดยผ่านทางเขา Blackrock ขึ้นมา ส่วนทัพเรือยกทัพมาจากซากปรัก ของ Stromwind เพื่อไปยึดเกาะ Zuldare, Tol Barad และ Crestfall เพื่อจัดทัพเรือที่นั้น ก่อนยกพลขึ้นบกที่ชายแดนทิศใต้ของ Lordaeron
จากการบุกทางทัพบกของ ทัพ The Horde สามารถยึด Loch Modan และ Dun Morogh ไว้ได้ แต่ไม่สามารถเข้ายึด Ironforge เมืองหลวงของ Khaz Modanได้เนื่องจาก เหล่าดวอร์ฟได้ปิดอุโมงค์ใต้ดินและอาศัยปราการธรรมชาติป้องกัน
ดังนั้น DoomHammer จึงเบนทัพขึ้นเหนือและยึด Dun Algaz, Dun Modr และGrim Batol เป็นฐานของกองทัพบก กองทัพพันธมิตรที่ออกจาก Stromgarde หน่วยแรกก็ได้เผชิญหน้าทัพ The Horde ที่วิหาร Thandol Span ก่อนที่จะแตกพ่ายต้องถอยร่นเข้าสู่วิหารไป
ด้านกองทัพเรือของ The Horde ที่ยกพลขึ้นบกสามารถเคลื่อนขบวนเข้าสู่ Lordaeron ได้เนื่องจาก Lord Aiden Perenolde แห่ง Alterac ผู้ขี้ขลาด ยอมเปิดประตูเมืองให้ The Horde รุกเข้าทางทิศตะวันออกของ Lordaeron รวมถึงเข้ายึดนคร Silvermoon ของพวกเอลฟ์ ทำให้ Guldan ได้ High Elven Runestone ที่สามารถนำมาสร้าง Ogre Magi และทัพ Death Knight ให้เพิ่มมากขึ้น
Stand and Fight
พันธมิตรแห่ง Lordaeron สามารถหยุดยั้งการรุกคืบของกองทัพ Horde ไว้ด้วยการบุกตี Zuldare ทำให้ทัพ The Horde ต้องหันมาตั้งรับบ้าง และด้วยความช่วยเหลือของเอลฟ์เจ้าของพื้นที่ กองทัพเรือของ The Horde ถูกตอบโต้อย่างหนักจนต้องถอยกลับเพื่อไปตั้งรับที่ Tol Barad และ Crestfall
ส่วนกองทัพบก The Horde ก็ถูกไล่ตีจนต้องถอยร่นกลับมาที่ Khaz Modan อีกครั้ง การสู้รบแบบแตกหักในสมรภูมิที่ราบสูง Arathi ทำให้ทั้ง 2ฝ่ายได้รับการสูญเสียอย่ามหาศาล หน่วยทหารแนวหน้าของพันธมิตรแห่ง Lordaeron ได้ปีนค่ายเข้ายึดป้อมปราการ Tol Barad กลับคืนมาได้เป็นอันดับแรก ก่อนใช้ Dun Algaz และ Dun Modr เป็นฐานในการปลดปล่อย Khaz Modan
Death Knight และการมาของวีรบุรุษ
ที่สมรภูมิรบ Khaz Modan นี่เองกองทัพ Death Knight หน่วยแรกของ Guldan ได้เคลื่อนพลมาถึงสมทบกับพวก The Horde ทันที ทำให้ความสูญเสียของพันธมิตรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ อัศวิน Death Knight พวกนี้แม้จะถูกตัดหัวขาด ก็ยังสามารถแกว่งดาบรบได้อยู่ ทำให้ทัพพันธมิตรตัดสินใจตั้งรับอยู่แต่ในป้อมปราการ และส่งกำลังส่วนหนึ่งไปปลดปล่อยดินแดนทางเหนือ นำโดย Uther The Lightbringer พร้อมคณะ Knight of the Silver Hand ไปช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากภัยสงครามครั้งนี้
ปลดปล่อย Khaz Modan
Lord Anduin Lothar ได้รับรายงานว่าพวกออร์คที่แตกพ่ายได้ไปรวมตัวกันที่ Grim Batol ที่เป็นค่ายหน้าด่านของกองกำลังป้องกัน Khaz Modan เขาจึงนำทัพพันธมิตรเข้าบุกโจมตี ค่าย Grim Batol จนแตก DoomHammerไม่มีทางเลือกจึงตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสุดท้ายโดยการละทิ้ง Khaz Modan และยกพลขึ้นทางเหนือเพื่อเสี่ยงบุกยึดดินแดนหลักของ Azeroth
เมื่อทราบข่าว Lord Lothar จึงได้ส่ง Uther the Lightbringer พร้อมคณะ Knight of the Silver Hand ขึ้นไปต้านทาน แม้ว่าจะถูก Lord Aiden Perenolde แห่ง Alterac ผู้รักตัวกลัวตายเป็นกำลังเสริมให้ The Horde ตีขนาบกองทัพพันธมิตร แต่ Uther ก็สามารถป้องกันและโต้กลับจนทัพ The Horde ต้องล่าถอยกลับไป
สมรภูมิ Blackrock Spire
DoomHammer หมดสิ้นหนทาง เขารวบรมไพร่พล Orc ที่ดีที่สุด พร้อมตั้งรับอย่างสุดกำลังตามหน้าผาของเทือกเขา Blackrock Spire
Lord Lothar รู้ดีว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก และคงหลีกเลี่ยงกับความสูญเสียไม่ได้ ขณะเดียวกันพวก The Horde ก็อันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้เพ่นพ่านในดินแดน Azeroth ในคืนวันเพ็ญของฤดูหนาว Lord Lothar จึงทุ่มกำลังทั้งหมดบุกยึดยอดเขา
การปะทะกันของ 2 ขุนพล
การรบใต้เทือกเขา Blackrock ดำเนินไปด้วยความดุเดือดและรุนแรง ต่างฝ่ายต่างก็เสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก DoomHammer รอโอกาสที่ Lord Lothar แตกกลุ่มจากกองทัพตัวเอง แล้งจึงสั่งให้ยอดทหารฝีมือดีของ Orc เข้ารุมทำร้าย
แม้จะสูงวัยแต่ Lord Anduin Lothar ก็ยังแข็งแกร่ง เขากวัดแกว่งดาบ QuelZaram สังหารยอดทหาร Orc ที่ดาหน้าเข้ามาไม่หยุด ล้มตายไปเป็นอันมาก DoomHammer เห็นว่า Lord Anduin Lothar ตายยาก ตายเย็นเป็น Die Hard 4.0 มันจึงรอโอกาสที่ Lord Lothar ไม่ทันระวังและหันหลัง ทำการ Backstab ทันที
(ตุ๋ยนั่นเอง) ทำให้ Lord Anduin Lothar พลีชีพกลางสมรภูมิรบอย่างกล้าหาญ และเป็นที่มาของฉายา Orgrim DoomHammer The Backstab อีกด้วย
จุดจบของ สงครามครั้งที่ 2
DoomHammer คิดว่าเมื่อสิงโตแห่ง Azeroth เสียท่ากองทัพพันธมิตรน่าจะระส่ำระสาย แต่ทว่า Turalyon นายทหารคนสนิทของ Lord Lothar ได้คว้าดาบ QuelZaram และสวมเกราะเปื้อนเลือดของ Lord Lothar รวบรวมพี่น้องที่บาดเจ็บและเสียใจเพื่อตอบโต้การโจมตีที่ชั่วร้าย กองทหารของ Turalyon ภายใต้ธงที่ขาดวิ่นของ ทั้งLordaeron และ Azeroth ได้สังหารกองกำลังที่เหลืออยู่ของ DoomHammer ตายไปเป็นจำนวนมากด้วยความเคียดแค้น ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วสำหรับ Orc ผู้รอดชีวิตที่ต้องถอดเสื้อเกราะทิ้ง และวิ่งหนีเอาชีวิตรอดตรงไปยัง ปราการด่านสุดท้ายของพวกมัน นั่นคือ ประตูมิติ Dark Portal
Guldan สิ้นชีพ
ข้ามมาที่ฝั่ง Guldan ผู้กระหายอำนาจ ในระหว่างที่ กองกำลัง The Horde ปะทะกับกองทัพพันธมิตร เขาได้ใช้ช่วงเวลานี้ออกเดินทางตามหาที่ตั้งของ Tomb of Sargeras ที่มันเชื่อว่าเก็บงำความลับของพลังขั้นสูงเอาไว้ โดยไม่นึกถึงหน้าที่ที่ต้องกระทำต่อ DoomHammer เป็นการชี้ชะตากรรมพรรคพวก Orc ของตนให้กลายเป็นทาสของ Burning Legion เรียบร้อยแล้ว Guldan ยก Tomb of Sargeras ตั้งขึ้นจากใต้ทะเลได้สำเร็จ แต่เมื่อมันเปิดวาล์วโบราณที่เต็มไปด้วยน้ำ ก็พบเพียงปีศาจเมายาบ้าที่รอมันอยู่ เพราะความไม่ยั้งคิดของ Guldan ทำให้มันถูกฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆโดยปีศาจที่ถูกยั่วยุซึ่งมันเป็นคนปล่อยออกมาเอง เมื่อผู้นำตายไปทำให้กลุ่มสภา Shadow Council ของมันล่มสลายไปด้วย
DoomHammer จนมุม
กลับมาที่กองกำลังพันธมิตรในชั่วโมงการรบที่ 11 Turalyon และนักรบของเขาติดตามพวกออร์คที่หลบหนีผ่านบึงอันเน่าเปื่อย Swamp of Sorrows จนเข้าไปใน Blasted Lands อันเป็นที่ตั้งประตูมิติ ณ.ที่แห่งนั้น ตรงฐานของประตูขนาดมหึมา พวก Horde ที่อ่อนล้า และAlliance ที่ห้าวหาญได้ปะทะกัน Turalyon ทำลายประตูมิติได้สำเร็จ ทำให้ทางที่เชื่อมต่อพวกออร์คไปยัง Draenor ที่เป็นที่อยู่ของพวกมันถูกตัดขาดเมื่อถูกตัดกำลังเสริมและปิดทางกลับบ้าน ในที่สุด Horde ก็ยอมแพ้เบื้องหน้า Allianceผู้โกรธกริ้ว ส่วน DoomHammer ก็ถูกจับและถูกส่งตัวไปพิพากษาที่ Lordaeron เป็นอันสิ้นสุดสงครามครั้งที่ 2
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย White_hand : 17th January 2013 เมื่อ 16:37
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
8th January 2013 11:10
#7
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
17th January 2013 15:23
#8
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
17th January 2013 16:13
#9
สุดยอดครับ หาอ่านอยู่แต่หาไม่ได้เลย
-
-
17th January 2013 16:15
#10
Troll รุกราน
ต่อมาวันหนึ่งเผ่า Troll ได้ยกกำลังมาปล้นบ้านเรือนในหมู่บ้านของดินแดน QuelThalas ราชา Terenas จึงได้ส่ง Uther และ เจ้าชาย Arthas นำกำลังไปช่วยเหลือ ซึ่งศึกครั้งนี้เป็นการร่วมรบครั้งแรกของเจ้าชายด้วย เผ่า Troll เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ถนัดการขว้างหอก อีกทั้งยังสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของร่างกายได้ด้วยความเร็ว ทำให้มันเป็นศัตรูที่น่าเกรงขามมาก แต่คณะของ Uther และ เจ้าชาย Arthas ก็ได้ต่อสู้อย่างเข็มแข็งจนพวก Troll ล่าถอยไป
ในศึกครั้งนี้นอกจากคณะ Knight of the Silverhand แล้วทาง Dalaran ได้ส่งนักเวทย์มาช่วยเหลือด้วย และหนึ่งในนั้นคือนักเวทย์สาว Jaina Proudmoore บุตรคนสุดท้องของ แม่ทัพเรือ Admiral Daelin Proudmoore แห่ง Kul Tiras วีรบุรุษของฝ่ายพันธมิตรแห่ง Lordaeron ในสงครามครั้งที่ 2
Daelin Proudmoore เป็นผู้มีฝีมือในยุทธนาวีเป็นอย่างยิ่ง กองเรือปืนใหญ่ของเขาเป็นกุญแจสำคัญในชัยชนะของพันธมิตรในการสกัดกั้นการรุกคืบของกองทัพ The Horde นอกจาก Jaina แล้ว Daelin Proudmoore ยังมีลูกชายอีก 2 คน ที่ค่อนข้างไร้ความสามารถ คือ Derek และ Tandred ซึ่งทั้งคู่ก็เสียชีวิตในยุทธนาวี Third Fleet พร้อมกับลูกเรือ 6 คนจากการถูกมังกรลอบโจมตี
เจ้าชาย Arthas พบรัก
Daelin Proudmoore ได้ส่ง Jaina ไปศึกษาศาสตราแห่งเวทย์ที่นคร Dalaran โดย Antonidas หัวหน้าสภา Kirin Tor รับเธอเป็นลูกศิษย์โดยตรง เมื่อทราบข่าวการรุกรานของเผ่า Troll จอมเวทย์ Antonidas จึงได้ส่ง Jaina ไปช่วยเหลือเหล่าพันธมิตรทันที
จากศึกครั้งนี้เอง ที่ทำให้เจ้าชาย Arthas และนักเวทย์สาว Jaina ได้พบกันในระหว่างรบ เมื่อตาต่อตามาประสาน ทั้งคู่ก็เกิดรักแรกพบทันที เจ้าชาย Arthas หวังทำคะแนนเต็มที่ ในการบุกครั้งต่อมาของเผ่า Troll เจ้าชาย Arthas จึงได้โชว์แมน ถือค้อนศึกได้ทุบไล่ตีพวก Troll จนต้องเผ่นหนีแทบไม่ทัน สร้างความประทับใจให้ Jaina อย่างยิ่ง
ด้วยความที่ Jaina เป็นคนขี้อาย และ เจ้าชาย Arthas ก็วางฟอร์มไม่ยอมเข้าไปทำความรู้จัก ร้อนถึง Muradin เพื่อนซี้ที่รู้ใจของเจ้าชาย Arthas เขาจึงได้เข้าไปติดต่อและขอเบอร์ของ Jaina มาให้ ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน
ความรักของ Jaina และ เจ้าชาย Arthas
เวลาเกือบ 1 ปีที่ฝ่ายพันธมิตรทำสงครามขับไล่เผ่า Troll จนสำเร็จ นักเวทย์สาว Jaina และเจ้าชาย Arthas จึงได้ใกล้ชิดกัน ทำให้ความรักของทั้งคู่เบ่งบานอย่างรวดเร็ว ซึ่งประชาชนใน Lordaeron ทั้งหลายต่างก็ยินดีที่จะได้เห็นเจ้าชายอันเป็นที่รักแต่งงานและสืบเชื้อสายราชวงศ์ให้กับสังขารและวัยที่เสื่อมลงของราชา Terenas
อย่างไรก็ตามความรักของทั้งคู่ก็ไม่สมหวัง เมื่อ Daelin Proudmoore บิดาของ Jaina ทราบเรื่อง แม่ทัพเรือ Daelin เห็นว่าเจ้าชาย Arthas เป็นคนเอาแต่ใจ มุทะลุหัวแข็ง เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป ถ้าเกิดให้แต่งงานกันไป Jaina อาจถูกข่มได้ อีกทั้ง Daelin ยังเคยเห็นเจ้าชาย Arthas กับ Muradin ไปหลีนักเวทย์สาวชาวเอล์ฟใน Dalaran อยู่บ่อยๆ ทำให้เขาหมั่นไส้ จึงส่ง Jaina ไปศึกษาเวทมนตร์กับ Antonidas ในดินแดนอันแสนไกล ทำให้ Jaina และ เจ้าชาย Arthas ต้องห่างจากกัน สร้างความผิดหวังให้ ประชาชนใน Lordaeron อย่างยิ่ง
ด้าน Jaina รู้สึกเสียใจอย่างมากที่ต้องเลิกคบกับเจ้าชาย Arthas แต่เมื่อเธอได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งเวทย์ สิ่งที่เธอหลงใหลมาตลอดชีวิต เธอก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่ร่ำร้องเรียกเธอ คือแสวงหาความรู้ ไม่ใช่การยึดติดอยู่กับราชบัลลังก์ ทำให้เธอเร่งฝึกฝนตนเองให้แตกฉานเรื่องพลังเวทย์ จนหลงลืมความรักของหนุ่มสาวไป ทางเจ้าชาย Arthas หลังกินแห้วไปหลายลังใหญ่ เจ้าชายก็ทำใจได้ โดย Muradin สัญญาว่าเขาจะติดต่อสาวๆคนใหม่ให้ เจ้าชาย Arthas จึงสบายใจ และกลับมาเอาใจใส่ในหน้าที่การปกป้องแผ่นดิน Lordaeron ของตนต่อไป
พบนักบวชลึกลับ
กลับมาที่ Thall อีกครั้ง หลังจากปลดปล่อยเชลยออร์คทั้งหมดแล้ว Thall และ Grom Hellscream ช่วยกันรวบรวมเผ่าออร์คที่หลงเหลือใน Lordaeron ให้ได้ทั้งหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีออร์คตัวใดทุกข์ทรมานจากการเป็นทาสอีก
คืนหนึ่งหลังจากการเดินทางที่แสนไกลของเหล่าออร์ค Thall ก็ได้มาพักแรมบนที่ราบสูง Arathi ระหว่างที่นอนหลับ เขาก็ได้ฝันเห็นกองทัพขนาดมหึมาที่ยาตราทัพบุกจนแผ่นดินสั่นสะเทือน ฝนตกลงมาเป็นลูกไฟได้เผาผลาญทุกสิ่ง รวมถึงเสียงประหลาดที่เตือนให้เขารับรู้ถึงหายนะที่กำลังจะเกิดในอนาคต
เมื่อตื่นขึ้นมา Thall ก็รู้โดยทันทีว่านี่ไม่ใช่ฝันธรรมดาแน่ แต่มันคือนิมิตบอกเหตุถึงภัยที่จะมาเยือน Burning Legion ได้กลับมาแล้ว และในวันนั้นเขาก็ได้พบกับนักบวชลึกลับผู้หนึ่งที่มีมนตรากล้าแข็ง อีกทั้งยังสามารถกลายร่างเป็นอีกาเพื่อพรางตัวได้อีกด้วย
Medivh Return
นักบวชลึกลับนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือ Magna Medivh บุตรของ Aegwynn ผู้ปกป้องทุกสรรพสิ่งตามคำสั่งของสภา Tirisfal นั้นเอง หลังจากที่เขาถูกสังหารในหอคอย Karazhan พลังมารของ Sargeras ในตัว Medivh ก็หายไป ด้าน Aegwynn เองเมื่อคลอด Medivh แล้วได้ถูกดูดกลืนพลังไปสู่บุตรของตน ทำให้เสียกำลังไปมาก เธอได้หลบออกไปใช้ชีวิตแบบเงียบสงบในดินแดนห่างไกลชื่อ Mulgore ในแผ่นดินของ Kalimdor
เมื่อทราบว่าบุตรชายได้ถูกสังหารเสียชีวิต Aegwynn ได้กลับมาที่หอคอย Karazhan อีกครั้ง การตายของ Medivh ทำให้ Aegwynn ได้พลังบางส่วนกลับมาเธอได้พยายามอย่างเต็มที่ใช้พลังที่เหลืออยู่ชุบชีวิตของ Medivh ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งและเธอก็ทำได้สำเร็จ หลังจากฟื้นคืนชีพแล้ว Medivh ได้ขึ้นเป็น Guardian of tirisfal แทนที่มารดาของเขา และได้ทำหน้าที่ปกป้องโลกจากหายนะอย่างลับๆ เมื่อ Medivh ได้รับรู้หายนะครั้งใหม่จากการทำนาย เขาจึงปลอมเป็นนักบวชลึกลับและอีกาคาบข่าว เพื่อแจ้งเตือนทุกเผ่าพันธุ์ใน Azeroth เป้าหมายแรกของเขาก็คือ Thall ผู้นำเหล่าออร์ค
เมื่อ Thall ได้ฟังคำเตือนของ Medivh เขาจึงเชื่อฟังและได้เตรียมการนำกองทัพ The Horde อพยพสู่ Kalimdor ดินแดนอันเงียบสงบที่ถูกกั้นระหว่างทะเล Great Seaกับดินแดน Azeroth เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะครั้งนี้
The Warning to Lordaeron
หลังจากเตือนพวกออร์คแล้ว เป้าหมายต่อไปของ Medivh ก็คือ Lordaeron เขาได้กลายร่างเป็นอีกาบินมาเรื่อยๆ จนถึง ห้องท้องพระโรงของอาณาจักร Lordaeron ซึ่งในขณะนั้น พวกขุนนางกำลังรายงานต่อกษัตริย์ Terenas ผู้ชรา เรื่องพวก Orc ที่ถูกกักกันอยู่ในค่าย Blacrock ทางตอนใต้ ได้ลุกฮือขึ้นก่อความไม่สงบ และได้เข้าโจมตีหมู่บ้านบริเวณชานเมือง Strahnbrad
พระราชา Terenas จึงได้สั่งให้ส่งกองกำลัง Knight of the Silverhand ซึ่งนำโดย Uther The Lightbringer และเจ้าชาย Arthas ไปจัดการกับพวก Orc ที่แข็งข้อเหล่านั้นโดยทันที ในระหว่างที่คุยกันนั้นเอง พระราชาก็ตกใจเมื่ออีกาที่บินมา เปลี่ยนร่างเป็นนักบวชในเสื้อคลุมสีน้ำตาล ยืนอยู่เบื้องหน้าพระองค์
มนุษย์ไม่สนใจคำเตือน
หลังคืนร่างแล้ว Medivh จึงได้บอกกับราชา Terenas ว่าหายนะกำลังคืบคลานเข้าสู่ Lordaeron แล้ว และวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งหายนะนั้นได้ก็คือการนำพาผู้คนเดินทางข้ามทะเลไปยังทิศตะวันตก สู่ดินแดน Kalimdor เพื่อปกป้อง World Tree เสาหลักของโลกใบนี้ ที่อยู่บนเทือกเขา Hyjal
แต่พระราชา Terenas ผู้ชราบวกดื้อด้าน หาได้เชื่อ Medivh ไม่ พระองค์คิดว่า Medivh เป็นเพียงนักบวชเสียสติ และท้าให้ Medivh นำหลักฐานมาพิสูจน์คำพูด ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปหาของแบบนั้นมาจากไหน
พระราชายังบอกอีกว่า ปัญหาสำคัญที่พระองค์ต้องแก้ตอนนี้ คือปัญหาเรื่องพวก Orc ไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องเหลวไหล ราชา Terenas สั่งให้ทหารลากตัว Medivh ออกไป ซึ่งเขาก็ยอมจากไปแต่โดยดี ก่อนจะจากไป Medivh ได้ฝากคำพูดสั้นๆว่า "เฮ้ย ตูเตือนแล้วนะเฟ้ย..."
ปกป้อง Strahnbrad
จากการก่อกบฏของพวก Orc ทางตอนใต้ของ Lordaeron ส่งผลให้ฝ่าย Alliance ต้องแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน พระราชา Terenas จึงได้ส่งคณะ Knight of the Silverhand ไปเพื่อรับมือกับสถานการณ์การก่อความไม่สงบนี้ กองกำลัง Knight of the Silverhand ที่ประกอบด้วย Paladin ระดับพระกาฬของอาณาจักร 2 คนคือ เจ้าชายArthas และ Uther the Lightbringer ผู้นำแห่งอัศวิน Silver Hand
เมื่อคณะอัศวินได้เดินทางมาถึง Strahnbrad ก็ได้พบว่าพวก Orc กำลังจะเข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีแต่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ซึ่งปราศจากอาวุธใดๆ Uther จึงได้มอบหมายให้ Arthas คอยคุ้มกันหมู่บ้าน ส่วนตัวเขาเองจะล่วงหน้าไปที่ค่าย Strahnbrad เพื่อเตรียมจู่โจมที่มั่นของพวก Orc ให้สิ้นซาก
ด้านกลุ่มกบฏออร์คเมื่อได้พบกับอัศวินผู้มาเยือน ก็ได้ทำการต้อนรับทันที พวกมันส่งกำลังมาบุกโจมตีหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ เจ้าชาย Arthas ที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มกันหมู่บ้าน ก็ได้ปะทะกับกองกำลังออร์คอย่างดุเดือด แต่กองกำลังออร์คมีกำลังน้อยเกินกว่าที่จะเอาชนะเจ้าชาย Arthas ได้ จึงถูกไล่ทุบแตกพ่ายไปอย่างสบายมือ เจ้าชาย Arthas ได้ช่วยชีวิตพวกชาวบ้านไว้ได้ และจัดการสังหาร Slavemaster ของ Orc ได้สำเร็จ จากนั้นเขาจึงได้ตามไปสมทบกับ Uther ที่ค่ายของ Alliance...
เปิดฉากเจรจา
เวลาต่อมาเจ้าชาย Arthas ได้ตามมาสบทบกับ Uther ที่ค่ายใน Strahnbrad เขาได้เข้าปรึกษากับอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ทาง Uther ที่ไม่ต้องการทำร้ายใครโดยไม่จำเป็น จึงได้ส่งทูตทหารม้า 2 คนไปเจรจากับพวกกลุ่มกบฏออร์ค เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ เวลาผ่านไปสักครู่หนึ่ง ม้าของอัศวินที่ Uther ได้ส่งไปเจรจากับกลุ่มกบฏออร์ค เผ่า Blackrock ก็ได้กลับมา...แต่ทว่าปราศจากทูตทหารนายของมัน
เมื่อเห็นม้า 2 ตัวนั้น Uther ก็รู้สึกเสียใจที่เหล่าออร์คไม่เคยรู้จักที่จะยอมจำนนเลย เจ้าชายArthas รู้ดีถึงชะตากรรมของอัศวินที่ถูกส่งไป เขารู้สึกโกรธจัดและลั่นวาจาว่าจะแก้แค้นพวก Orc ให้เละเป็นโจ๊ก แต่ Uther ก็ได้เตือนสติลูกศิษย์หนุ่มเอาไว้ โดยบอกว่าพวกเขาคือ Paladin นักรบแห่งพระเจ้า และการแก้แค้นหาใช่วิถีทางที่ถูกต้องของนักรบศักดิ์สิทธิ์ไม่ แม้โกรธเหล่าออร์คเพียงใดแต่ เจ้าชาย Arthas ก็ยอมรับคำพูดอาจารย์
Uther เองก็พอจะรู้ใจของลูกศิษย์ เขาจึงให้โอกาส Arthas เป็นผู้นำการโจมตีค่ายของพวก Orc โดยตัว Uther เองจะคอยคุ้มกันที่มั่นจากการลอบโจมตีของเหล่ากบฏออร์ค จากนั้นไม่กี่อึดใจ การโจมตีระลอกแรกของเผ่า Blackrock ก็มาถึง และ Blademaster นาม JubeiThos ผู้นำแห่งเผ่า Blackrock ผู้ซึ่งไม่ยอมตาม Thall ไป Kalimdor ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น และด่า Uther ว่า เจ้า Paladin โง่ อีกไม่นานเหล่าอสูรร้ายจะปรากฏกายขึ้นจากฟากฟ้า และจะเผาผลาญโลกนี้เป็นจุล ซึ่ง Uther หาได้สนใจคำพูดของ JubeiThos ไม่ เขาฟาดค้อนศักดิ์สิทธิ์ใส่ JubeiThos อย่างแรงแต่วืด เพราะ ร่างของจอมดาบกลับสลายไปเป็นควัน...เพราะมันเป็นเพียง Mirror Image เท่านั้น ส่วน JubeiThos ตัวจริงใช้ท่าก้าวสายลม (Wind Walk) เปิดแน่บไปตั้งแต่ด่าว่า เจ้า Paladin โง่แล้ว
สังหารเชลยศึก
หลังจาก Wind Walk กลับมาถึงที่ฐานแล้ว JubeiThos ซึ่งเป็นออร์คที่รับพลังด้านมืดของ Burning Legion อยู่ได้กระทำเรื่องโหดร้าย โดยการสังหารเชลยอัศวินพร้อมทั้งชาวบ้านหญิงชายเพื่อสังเวยให้แก่จอมราชันย์ปีศาจ Sargeras และได้สร้างประตู Demon Gate ขึ้น
ด้านเจ้าชาย Arthas ที่ได้รับภารกิจโจมตีพวก Blackrock ได้เริ่มออกเดินทาง และระหว่างทางเขาได้พบกับ Feranor Steeltoe คนเคราะชรา ได้ขอร้องให้ เจ้าชายไปสังหารมังกรดำ Searinox แล้วนำหัวใจมาให้เขาวิจัย โดยถ้าทำสำเร็จเขาจะให้ Orb Of Fire เป็นการตอบแทน
เมื่อเห็นว่ามีค่าจ้าง เจ้าชาย Arthas จอมงกจึงได้นำกำลังไปสังหารมังกรดำ Searinox ทันที และนำหัวใจของมังกรดำมาให้ Feranor Steeltoe เพื่อเอาลูกแก้วแห่งไฟไปใช้
ปะทะ JubeiThos
เมื่อเดินทางมาถึง ค่ายเผ่า Blackrock แล้ว เจ้าชาย Arthas ได้นำกำลังเข้าโจมตีเหล่าออร์คทันที กองกำลังทั้ง 2 ฝ่ายได้ปะทะกันอย่างดุเดือด และ เจ้าชาย Arthas ได้ดวลตัวต่อตัวกับ JubeiThos ด้วยพลังแห่ง Orb Of Fire ที่ร้อนแรง ทำให้ JubeiThos พ่ายแพ้ให้แก่เจ้าชาย และลื่นหกล้มลง เจ้าชาย Arthas ยิ้มเยาะและกะเอาค้อนฟาดใส่ศีรษะของ JubeiThos เต็มที่แต่ก็วืด เพราะ JubeiThos ไวเทพใช้ ท่าก้าวสายลม เผ่นหนีไปได้อีกครั้ง
หายนะเริ่มต้น
หลังจากทำลายค่าย Blackrock แล้ว เจ้าชายได้กลับไปหา Uther และได้รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้อาจารย์ฟัง รวมถึงการบูชายัญชาวบ้านแก่พวกปีศาจเพื่อนำพวกมันกลับมายังโลกอีกครั้ง Uther ได้บอกให้ เจ้าชาย Arthas คลายกังวล โดยกล่าวว่าพวกปีศาจได้ถูกพิชิตลงโดยสิ้นเชิงเมื่อนานมาแล้ว สิ่งที่ JubeiThos เชื่อมันเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น หลังจากนั้น Uther และ เจ้าชาย Arthas จึงได้นำคณะ Knight of the Silverhand กลับบ้านที่ Lordaeron ด้วยความสบายใจ
แต่ Uther หารู้ไม่ว่า....สิ่งที่เขาเชื่อว่ามันเป็นตำนาน กำลังจะเกิดขึ้นจริงในไม่ช้านี้
Medivh ท้อใจ
หลังจากประสบกับความล้มเหลว ในการเตือน King Terenas เรื่องภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง Medivh ผู้ทำนาย ได้มุ่งหน้าสู่ Dalaran เพื่อเตือนหายนะครั้งนี้แก่สภาเวทย์มนตร์ Kirin Tor ณ.Violet Garden แห่งเมือง Dalaran ผู้ทำนาย Medivh ในร่างอีกาดำได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า Archmage Antonidas ผู้นำของสภาเวทย์มนตร์ Kirin Tor และได้กล่าวเตือนถึงภัยพิบัติที่จะเกิดกับ Lordaeron เช่นเดียวกับที่เขาเคยบอกกับ King Terenas
แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกัน คือ Antonidas ไม่เชื่อคำพูดของ Medivh เลยและได้ไล่เขาให้กลับไป Medivh รู้สึกท้อใจและรู้สึกว่าเขามาเสียเวลาเปล่าที่นี่แท้ๆ ก่อนจะแปลงกลายเป็นอีกา บินหายไปจากที่นั่น
โรคระบาดทางตอนเหนือ
หลังการจากไปของ Medivh ผู้ทำนาย Antonidas จอมเวทย์ชราก็ได้บอกกับลูกศิษย์สาวที่ได้ล่องหนอยู่ในสวนนั้นให้ปรากฏตัวออกมาได้ Jaina Proundmoore นักเวทย์ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดใน Kirin Tor จึงได้ปรากฏตัวออกมา
Jaina ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคลึกลับที่กำลังระบาดอยู่ทางตอนเหนือ และเธอสงสัยว่าโรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ Antonidas เองก็ยังคลางแคลงใจในคำตอบ เขาจึงสั่งให้ลูกศิษย์สาวเดินทางไปค้นหาคำตอบนี้ด้วยตนเอง
กิ๊กเก่ามาเยือน
เวลาต่อมา ที่เทือกเขาAlterac ทางตอนเหนือของ Strahnbrad เล็กน้อย เจ้าชาย Arthas กับผู้กองใต้บังคับบัญชาของเขาได้รอคอยการมาของสหายเก่าอยู่ที่ถนน King Road เมื่อเห็นว่าเลยเวลานัดหมายมาเกือบชั่วโมงแล้วแต่ คนผู้นั้นก็ยังไม่ปรากฏตัว ผู้กองรู้สึกร้อนใจกลัวว่า นัดครั้งนี้จะเสียเที่ยว เจ้าชาย Arthas จึงบอกให้ผู้กองใจเย็นๆและบอกว่าสหายผู้นี้มักมาสายเป็นประจำอยู่แล้ว
พอเจ้าชายพูดจบ จอมเวทย์สาวก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับมี Ogre 2 ตัววิ่งไล่ตามเธอมาด้วย เมื่อผู้กองเห็นดังนั้นจึงชักดาบออกจากฝัก และกำลังจะวิ่งไปเพื่อช่วยเหลือ แต่ เจ้าชายArthas ก็ปรามเขาไว้ และบอกว่าเธอเอาตัวรอดได้ แล้วก็เป็นอย่างที่เจ้าชายว่า Jaina ได้เสก Water Elemental ขึ้นมาช่วยต่อสู้ และสังหาร Ogre ตัวหนึ่งตายลง เมื่อเห็นเพื่อนเสียท่า Ogre อีกตัวจึงวิ่งหนีไป
คู่รักได้พบหน้า
หลังจากแนะนำ Jaina แก่ทหารของเขาแล้ว เจ้าชาย Arthas จึงได้บอกแก่ Jaina ว่ายินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง ซึ่งความจริงแล้ว เจ้าชายหนุ่มกับจอมเวทย์สาวได้เคยคบกันมาก่อน ในฐานะคู่รักที่เหมาะสมกันเป็นอย่างยิ่งทั้งในด้านฐานะและความสามารถ แต่ก็ทั้งคู่ก็อกหักกันไปเนื่องจากความห่างเหินกัน ไม่มีการพูดถึงความสัมพันธ์แต่หนหลัง เจ้าชาย Arthas และ Jaina ปรึกษากันเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำเพื่อประชาชน และตัดสินใจว่าจะเดินเท้าขึ้นเหนือไปตามถนนเพื่อตรวจหาสาเหตุที่มาของโรคระบาดที่เป็นปริศนานี้
ระหว่างการเดินทาง คณะของเจ้าชาย Arthas ได้ถูกซุ่มโจมตีโดยนักรบโครงกระดูกที่มีอาวุธเป็นดาบและธนู เจ้าชาย Arthas และ Jaina ได้ต่อสู้กับนักรบ Undead และได้ช่วยเหลือทหารลาดตระเวนที่ได้รับบาดเจ็บ ทหารเหล่านี้จึงรายงานว่า พวกเขาพยายามเต็มที่เพื่อคุ้มกันหมู่บ้านจากพวกนักรบ Undead ที่บุกมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อได้ทราบดังนั้น เจ้าชาย Arthas และคณะจึงได้รีบรุดเข้าสู่หมู่บ้านทันที
เมื่อคณะคณะของเจ้าชาย Arthas เดินทางมาถึงหมู่บ้าน ก็ได้พบว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกทำลายจนย่อยยับไปแล้วและเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความตาย พวกเขาจึงได้ทำการสำรวจและค้นหาผู้รอดชีวิต ผู้กองใต้บังคับบัญชาของเจ้าชาย Arthas ได้พบกับโรงนาที่ถูกทิ้งร้างไว้ จึงได้เข้าไปสำรวจภายในและพบว่ามีเมล็ดข้าวอยู่จำนวนมาก จึงได้กลับมาแจ้งต่อเจ้าชาย
พาหะโรคระบาด
เมื่อได้ฟังเรื่องจากผู้กองแล้ว เจ้าชาย Arthas เต็มไปด้วยความวิตก เขาถาม Jaina ว่าเป็นไปได้ไหมที่เมล็ดข้าวที่ถูกเก็บไว้ในโรงนาจะเป็นพาหะนำโรคระบาดปริศนานี้ ซึ่ง Jaina ก็หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถ้าเมล็ดข้าวเป็นพาหะนำโรคจริง ก็เป็นไปได้ว่าเมล็ดข้าวที่ถูกนำไปยังเมือง Andorhal ทางเหนือขึ้นไปอีก จะทำให้ชาวเมืองติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก
คณะเดินทางจึงได้เดินทางต่อไป Andorhal อย่างเร่งด่วน และระหว่างทางพวกเขาได้พบกับนักบวชที่มาจาก Quel' Thalas ซึ่งเป็นดินแดนของพวกเอลฟ์ที่เป็นพันธมิตรกับมนุษย์ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Lordaeron โดยนักบวชเอลฟ์เหล่านี้ได้มายัง Alterac เพื่อช่วยขจัดปัดเป่าโรคระบาดให้กับพวกชาวบ้าน เมื่อได้คุยกัน นักบวชจึงได้บอกกับ Arthas และ Jaina ว่าสาเหตุของโรคระบาดอาจจะมาจากโกดังซึ่งตั้งอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ได้ เมื่อทราบ เจ้าชาย Arthas และ Jaina จึงเร่งรุดพาเหล่าทหารไปที่นั่นทันที
พบหมอผี Kel'Thuzad
เมื่อไปถึงโกดัง เจ้าชาย Arthas ได้พบกับ Necromancer นามว่า Kel'Thuzad และพรรคพวก Acolyte กำลังดำเนินการลับๆอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อพบว่าพวกตนถูกค้นพบ Kel'Thuzad จึงได้จัดการเสกนักรบโครงกระดูกขึ้นมา รวมถึงเรียก Abomination ร่างยักษ์ที่ประกอบขึ้นจากซากศพนับสิบ (Butcher นั่นเอง) เพื่อขัดขวางคณะของเจ้าชาย Arthas ก่อนที่พวกมันจะพากันหลบหนีไป
หลังจากจัดการพวก Undead และเผาโกดังจนไม่เหลือซากแล้ว เจ้าชาย Arthas และ Jaina ได้ตัดสินใจที่จะสืบสวนเรื่องราวของหมอผีเหล่านี้ โดยเฉพาะ Kel'Thuzad ที่เป็นผู้ต้องสงสัยในการแพร่กระจายโรคระบาดลึกลับ ดังนั้น พวกเขาจึงเดินทางติดตามร่องรอยของ Kel'Thuzad ขึ้นเหนือต่อไปยังเมือง Andorhal
แผนการณ์ของ Mal'Ganis
เจ้าชาย Arthas พร้อมคณะได้เดินทางมาถึงชานเมือง Andorhal ในอีก 1 วันถัดมา ที่นั่น พวกเขาได้เห็น Acolyte กำลังใช้เวทย์มนตร์สร้างอะไรบางสิ่งอยู่ เจ้าชาย Arthas และ Jaina ได้เข้าไปขัดขวางทันที และวิ่งไล่ทุบ Acolyte เหล่านั้นจนแตกกระเจิงไป ก่อนที่เจ้าชายจะสั่งให้คนงานสร้างที่พักชั่วคราวขึ้นที่นั่น
ต่อมาเจ้าชาย Arthas และ Jaina ได้พาทหารออกสำรวจ Andorhal และได้พบกับKel'Thuzad Necromancer ลึกลับที่พวกเขาเคยเจอก่อนหน้านี้โดยบังเอิญ Kel'Thuzad ได้เตือนเจ้าชายให้ถอนตัวออกจากเรื่องนี้เสีย ก่อนที่ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจะนำความตายไปสู่
เจ้าชาย Arthas ถาม Kel'Thuzad ว่าเป็นฝีมือเขาใช่ไหมที่เป็นคนแพร่กระจายโรคระบาด ซึ่ง Kel'Thuzad ก็พยักหน้า และบอกอีกว่า เขาเป็นผู้นำลัทธิ Cult of the Damned และเป็นผู้จัดการนำเมล็ดข้าวไปตามเมืองต่างๆ
Kel'Thuzad ยังได้เปิดเผยว่า แท้ที่จริงแล้วเขารับใช้ Mal'Ganis Dreadlord ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกองกำลัง Scourge ใน Lordaeron โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกวาดล้างมนุษยชาติทั้งหมด และสร้างสวรรค์แห่งความมืดขึ้นมาแทน ซึ่งแผนการนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว และบอกกับ เจ้าชาย Arthas ว่าถ้าอยากพบ Mal'Ganis ก็ให้ไป Stratholme เมื่อพูดจบแล้ว Kel'Thuzad ก็ได้หลบหนีไป
Dead is not The End.
คราวนี้ เจ้าชาย Arthas และ Jaina ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ปล่อยให้ Kel'Thuzad ผู้นำลัทธิรอดไปได้เป็นหนที่สอง พวกเขาจึงได้ติดตาม Kel'Thuzad ไปอย่างกระชั้นชิด การล่าสังหารได้สิ้นสุดลงที่ฐานของพวก Undead ซึ่ง Kel'Thuzad เป็นผู้ควบคุม คณะของเจ้าชาย Arthas ได้เข้าทำลายป้อมปราการของพวก Undead จนพินาศสิ้น
Kel'Thuzad ได้ถูกเจ้าชาย Arthas ต้อนจนจนมุม ก่อนที่เจ้าชายจะเงื้อ ค้อนศักดิ์สิทธิ์สังหารผู้นำลัทธิ เจ้าชาย Arthas ถามเขาว่ามีอะไรจะสั่งเสียไหม Kel'Thuzad จึงได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนตายเอาไว้ว่า "เจ้าฉลาดน้อย ความตายของข้าไม่ได้หมายถึงจุดจบ จงจำไว้ หายนะของอาณาจักแห่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเจ้าจะเสียใจกับสิ่งที่ทำกับข้าในวันนี้" พอ Kel'Thuzad พูดจบ เจ้าชาย Arthas ก็เหวี่ยงค้อนศักดิ์สิทธิ์ทุบ Kel'Thuzad กระดูกซี่โครงหักแทงปอดเสียชีวิต
The Scourge เดินทัพ
ในรุ่งเช้าวันต่อมา เจ้าชาย Arthas และ Jaina ก็เดินทางต่อขึ้นไปทางเหนือ จนถึงหมู่บ้าน Hearthglen ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ คณะเดินทางจึงได้พักผ่อนกันที่นั้น ขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ เจ้าชาย Arthas เหลียวไปมองที่ลานกว้างในหมู่บ้าน และได้เห็นเหล่าทหารกำลังฝึกซ้อมกันอย่างเคร่งเครียด เขาจึงเดินไปสอบถาม และได้ทราบความจริงอันน่าหวั่นวิตกว่ากองทัพ The Scourge จำนวนมหาศาล ได้เข้าโจมตีหมู่บ้านหลายส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มสูงว่าบริเวณที่แห่งนี้จะเป็นเป้าหมายถัดไปของพวก Undead
เมื่อได้ทราบดังนั้น เจ้าชายArthas ตัดสินใจด้วยความเด็ดเดี่ยวว่าเขาจะอยู่ปกป้องส่วนที่ยังปลอดภัยของหมู่บ้านนี้ และให้ Jaina ไปรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้ Uther ทราบโดยเร็วที่สุด แม้จะเป็นห่วงเจ้าชาย แต่จอมเวทย์สาวก็ตัดสินใจทำตามคำพูดของเขา และได้ Teleport ไปในทันที
สถานการณ์วิกฤต
หลังจาก Jaina ไปแล้ว เจ้าชายArthas จึงเดินตรวจตราในหมู่บ้าน และได้สังเกตเห็นลังขนาดใหญ่หลายใบวางอยู่ใกล้กับค่ายพักชั่วคราวของพวกทหาร เจ้าชายรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขาได้ถามทหารบริเวณนั้นว่ามันเป็นลังอะไร ซึ่งทหารคนนั้นก็ได้ตอบเจ้าชายด้วยท่าทางสบายใจว่า มันคือเมล็ดข้าวจาก Andorhal ซึ่งพวกเขาได้นำไปแจกจ่ายชาวบ้านทุกครัวเรือนแล้ว เขายังถามเจ้าชายอีกว่าจะกินสักจานไหมเดี๋ยวเขาจะไปหุงมาให้ พอเจ้าชายArthasได้ยินดังนั้นก็ถึงกับทรุด เขารีบวิ่งไปกลางหมู่บ้านแล้วประกาศว่าเมล็ดข้าวพวกนี้เป็นสิ่งแพร่กระจายโรคระบาดแก่ชาวเมือง พวกชาวบ้านที่ติดโรคนี้จะไม่ตาย แต่โรคนี้จะเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นซากศพเดินได้
แต่มันสายเกินไปเสียแล้ว พอสิ้นเสียงเจ้าชาย Arthas ตะโกนเพียงครู่เดียว ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับค่ายทหารได้เริ่มกลายเป็นผีดิบและเข้าจู่โจมพวกทหารอย่างบ้าคลั่ง เจ้าชาย Arthas และเหล่าทหารจึงได้ร่วมมือกันกำจัดเหล่า Zombie ชาวบ้านเหล่านั้นจนหมด แต่ทว่าสถานการณ์วิกฤตยังคงดำเนินต่อไป เมื่อกองทัพของ Undead Scourge นับแสนได้เดินทางมาถึงหน้าค่ายทหารแห่งนี้แล้ว
เจ้าชาย Arthas ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากนำเหล่าทหารหาญซึ่งมีจำนวนเพียงหยิบมือเข้าต่อสู้เพื่อป้องกันตนเอง กองทัพ Undead ได้บุกเข้าโจมตีอย่างไร้ความปราณีด้วยไพร่พลที่มหาศาล แม้ทหารทุกนายจะต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เหล่าทหารหาญแห่ง Lordaeron ค่อยๆล้มตายลงทีละคน และฟื้นขึ้นเป็นโครงกระดูกเพิ่มจำนวนให้นักรบ Undead ขึ้นไปอีก จนในท้ายที่สุด ก็เหลือแต่เพียง เจ้าชาย Arthas กับ ผู้กองเท่านั้น ซึ่งเจ้าชาย Arthas รู้ดีว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายปราชัย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย White_hand : 17th January 2013 เมื่อ 16:35
-
-
17th January 2013 19:00
#11
-
-
22nd January 2013 14:14
#12
-
-
22nd January 2013 14:30
#13
-
-
28th January 2013 22:57
#14
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
20th March 2013 13:11
#15
-
-
20th March 2013 13:17
#16
-
-
20th March 2013 13:23
#17
ในหนังสือวอร์คราฟผมก็มีคับ มีตั้งแต่ภาค1มาเลย แต่ไม่มีรูปประกอบ = = ขอบคุณสำหรับรุปประกอบคับ
-
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
Forum Rules