-[ล่าสุด !! ศปค.ระงับ 3G ไว้ก่อน ]-
งานเข้า 3G อีกแล้ว !! หลังรายงานข่าวล่าสุดระบุว่า ศาลปกครองสูงสุด รับเรื่องอุธรณ์จากผู้ตรวจการแผ่นดิน จากกรณีที่เห็นว่าทาง กสทช. มีความบกพร่องต่อการจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องในกรณีดังกล่าว
ความคืบหน้าหลังการประมูล 3G ยังพบอุปสรรคอีกระลอก หลังรองเรขาธิการและโฆษกสำนักงานตรวจการแผ่นดินเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ศาลปกครองสูงสุด ได้รับคำร้องขออุธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งไม่รับฟ้องในกรณีที่ขอให้ศาลออกคำสั่งระงับการประมูลและออกไลเซนส์ 3G ซึ่งมีการจัดประมูลโดย กสทช. ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง
เพราะเห็นว่าทาง กสทช. มีความบกพร่องต่อการจัดสรรคลื่นความถี่ และยังขัดกับรัฐธรรมนูญในบางมาตราอีกด้วย แต่ทางศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เนื่องจากฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นการกล่าวถึงการกระทำของคณะกรรมการ กสทช. ไม่ใช่การฟ้องสำนักงาน กสทช. จึงเป็นเหตุไม่สามารถฟ้องได้
หลังจากที่ ศาลปกครองสูงสุดได้รับประทับรับฟ้องคำอุทธรณ์แล้ว จะออกคำสั่งให้มีการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ระงับการดำเนินการเกี่ยวกับการให้บริการ 3G ไว้ก่อน หรือไม่อย่างไรนั้น เป็นหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดที่จะพิจารณาต่อไป ส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหลายก็คงต้องตามลุ้นกันอีกเฮือกว่า 3G นี้จะได้ใช้กันจริงๆหรือไม่ - - !!!
เรื่องราวการประมูล 3G
ภาค แรก
แหล่งที่มา www.luktungmohlum.com
ภาคต่อนะครับ
คุณอนุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการอิสระด้านโทรคมนาคม เปิดเผยว่าตนเตรียมยื่นฟ้องระงับการประมูล 3G ที่จะเกิดขึ้นในอีก 9 วันนับจากนี้ ต่อศาลปกครอง โดยขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองการประมูล 3G ไว้ก่อนที่ กสทช. จะทำการออกเงื่อนไขการประมูลใหม่ โดยมีเนื้อความที่ให้ประชาชนนั้นได้รับผลประโยชน์สูงสุด
แต่ก็ไม่เป็นผล ศาลปกครองยกคำร้องและจำหน่ายคดีที่ 'อนุภาพ ถิรลาภ' ฟ้องระงับประมูล 3G
ส่วนนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนกล่าวว่า การมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางในวันที่ 15ต.ค. เพื่อที่จะให้ระงับการประมูลหรือทำการใดๆอันเกี่ยวกับการจัดการประมูลคลื่นความถี่(3G)ที่จะเกิดขึ้นในวันที่16 ต.ค.55ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา เนื่องจากเล็งเห็นว่ากสทช.ได้กำหนดวิธีการ เงื่อนไข ราคาในการประมูลใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 2.1GHz โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดกับรัฐธรรมนูญ และทำให้รัฐสูญเสียรายได้มหาศาล
ศาลปกครอง มีคำสั่ง"ไม่รับ" ไต่สวนฉุกเฉินกรณีการประมูล 3จี ของนายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มกรีน ฟ้องร้อง กสทช.ให้ระงับการประมูล3จี เนื่องจาก ศาลเห็นว่า มีผู้ฟ้องในเรื่องเดียวกันก่อนหน้านี้แล้ว และศาลเห็นว่า มีข้อมูลเพียงพอแล้ว และจะปล่อยให้มีการประมูลไปก่อน เพื่อรอดูว่ามีการแข่งขันตามที่ กสทช. กล่าวอ้าง และมีความเสียหายตามมาหรือไม่
หลังการประมูล 3G คลื่นความถี่ 2.1 GHz ที่ต้องถือเป็นงานใหญ่ระดับประเทศ เพราะเป็นการประมูลคลื่นความถี่ครั้งแรกของไทยโดยกสทช.ด้วยเม็ดเงินการจัดงาน 30 ล้านบาทจบลง ทั้งนักวิเคราะห์ นักวิชาการ ตัวแทนเครือข่ายประชาชน ต่างเดินหน้าฟาดฟันถึงตัวเลขการประมูลที่รัฐได้เพียง 41,625 ล้านบาท ว่ากสทช. ทำให้รัฐ-ประชาชนเสียหาย รวมถึงโยงว่าเข้าข่ายการฮั้วตามมาตรา 11 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542
เป็นผลที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่กสทช.พยายามสร้างภาพก่อนหน้านี้ว่าจะมีการแข่งขันอย่างจริงจัง เพื่อแย่งช่วงความถี่ที่ดีที่สุด
ในการประมูล 3G เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมาสรุปได้ว่าบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือเอไอเอส ประมูลได้ใบอนุญาต 3 ใบที่ราคารวมกัน 14,625 ล้านบาท ส่วนบริษัทดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด ในเครือดีแทค และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น ประมูลได้ใบอนุญาตรายละ 3 ใบในราคาเท่ากันที่ 13,500 ล้านบาท หรือหมายถึงทั้งดีแทคและทรู ได้ใบอนุญาตในราคาตั้งต้นการประมูลที่ใบละ 4,500 ล้านบาทเท่านั้น พูดง่ายๆคือไม่ได้เสนอราคาเพิ่มเติมแต่อย่างใด ในขณะที่เอไอเอส เสนอราคา 2 ใบอนุญาตที่ 4,950 ล้านบาท และ 1 ใบอนุญาตที่ 4,725 ล้านบาท สูงกว่าราคาตั้งต้นการประมูล รวม 1,125 ล้านบาท และทำให้ภาพรวมรัฐได้เม็ดเงินในการประมูล 41,625 ล้านบาท
เมื่อผลการประมูลออกมารูปแบบนี้ทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยเนื่องจากหากนำผลสรุปมูลค่ารวมการประมูลครั้งนี้มาเปรียบเทียบราคาตั้งต้นการประมูลที่ 4,500 ล้านบาท จำนวน 9 ใบอนุญาต จะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 40,500 ล้านบาท หรือสูงกว่าราคาตั้งต้นเพียง 2.77 % และเมื่อเทียบกับผลการศึกษาของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุราคาตั้งต้นการประมูลที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 6,440 ล้านบาทต่อ 1 ใบอนุญาต ซึ่งหากคิดมูลค่ารวม 9 ใบอนุญาตที่นำออกประมูลจะมีค่าถึง 57,960 ล้านบาท ทำให้เห็นได้ชัดว่าราคาประมูลจริงต่ำกว่าที่ประเมินไว้มาก
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานทีดีอาร์ไอ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับวีธีการประมูลในครั้งนี้ตั้งแต่แรกให้เหตุผลว่าการประมูลในครั้งนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และประชาชนในฐานผู้เสียภาษีทันที เมื่อเทียบจากราคาประเมิน (เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ) ถึง 16,335 ล้านบาท และยังไม่รวมประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้จากการลดค่าสัมปทาน จากเดิมที่ต้องจ่ายให้รัฐปีละกว่า 40,000 ล้านบาท แต่กลับได้ใบอนุญาต 3G มูลค่าแสนถูก ต่ำกว่าปีละ 1,000 ล้านบาทต่อปี (เทียบกับอายุใบอนุญาต 15 ปี)
นอกจากนี้ผลการประมูลครั้งนี้ยังชี้ให้เห็นถึง ความผิดพลาดของกสทช. ที่พยายามโฆษณาให้ประชาชนเชื่อมาโดยตลอดว่าจะมีการแข่งขัน เนื่องจากคลื่นความถี่แต่ละชุดมีความแตกต่างกันมาก แต่ท้ายที่สุดช่วงคลื่น ที่กสทช.บอกว่าดีที่สุดกลับถูกยกเป็นชิ้นปลามันให้แก่ผู้ประมูลรายที่ไม่มีสิทธเลือกช่วงคลื่นความถี่
ยังไม่นับรวมข้อผิดพลาดร้ายแรงของการออกแบบการประมูล 2 ประการคือ 1.การจำกัดคลื่นความถี่ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะสามารถถือครองได้ให้เท่ากัน และ 2.การกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน และเป็นผู้ร้องระงับการประมูล 3G ต่อศาลปกครองกลาง ได้ออกมาแสดงจุดยืนว่า ผลการประมูลออกมาดูเลวร้ายกว่าที่คาดไว้และที่สำคัญข้อกังวลที่ได้บรรยายไปในคำฟ้องต่อศาลปกครองก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นจริงทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของการฮั้วกัน จากเกณฑ์ประมูลที่ กสทช.ออกแบบที่ผิดปกติ เพราะมี 6 ใบอนุญาตจากทั้งหมด 9 ใบอนุญาต ที่ไม่มีการแข่งขันใดๆ
ต่อมา พนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเดินหน้าฟ้อง สำนักงาน กสทช. ผู้จัดการประมูลคลื่นความถี่ 3G ต่อศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากเห็นว่ามีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณชนนายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงข่าวการยืนฟ้องร้อง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ผู้จัดประมูลคลื่นความถี่ 3G เนื่องจากเห็นว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีอำนาจฟ้องร้อง ตามมาตรา 245 ซึ่งเป็นการฟ้องร้องสำนักงาน กสทช. ผู้ดำเนินการด้านปกครอง ไม่ได้ฟ้องร้องตัว กสทช. องค์กรใหญ่ เนื่องจากเห็นว่าการจัดประมูลใบอนุญาตดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่เกิดการแข่งขันอย่างเสรี โดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาด้านความชอบธรรมเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่จะส่งผลต่อประโยชน์สาธารณะ โดยได้ยื่นฟ้องร้องไปทางไปรษณีย์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม และทราบว่าศาลปกครองสูงสุด ได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งต้องรอการพิจารณาการรับคำร้อง แต่ยืนยันว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่ได้เป็นปรปักกับ กสทช. และดำเนินการตามหน้าที่
สำนักงานตรวจการแผ่นดินเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ศาลปกครองสูงสุด ได้รับคำร้องขออุธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งไม่รับฟ้องในกรณีที่ขอให้ศาลออกคำสั่งระงับการประมูลและออกไลเซนส์ 3G ซึ่งมีการจัดประมูลโดย กสทช. ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ทางผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพราะเห็นว่าทาง กสทช. มีความบกพร่องต่อการจัดสรรคลื่นความถี่ และยังขัดกับรัฐธรรมนูญในบางมาตราอีกด้วย แต่ทางศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เนื่องจากฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นการกล่าวถึงการกระทำของคณะกรรมการ กสทช. ไม่ใช่การฟ้องสำนักงาน กสทช. จึงเป็นเหตุไม่สามารถฟ้องได้
หลังจากที่ ศาลปกครองสูงสุดได้รับประทับรับฟ้องคำอุทธรณ์แล้ว จะออกคำสั่งให้มีการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ระงับการดำเนินการเกี่ยวกับการให้บริการ 3G ไว้ก่อนหรือไม่อย่างไรนั้น เป็นหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดที่จะพิจารณาต่อไป ส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหลายก็คงต้องตามลุ้นกันอีกเฮือกว่า 3G นี้จะได้ใช้กันจริงๆหรือไม่ - - !!!
3G จะเป็นไงต่อไปต้องติดตามชมครับ
จัดเรียงโดย dream12594 ถ้าทำผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
Update ข่าว it สดร้อน ทุกวัน ทันทุกชั่วโมง