สงครามเกาหลีครั้งที่ 2 ?
ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียดต่อเนื่องยาวนานของความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ทำให้มีการวิเคราะห์ว่า การตัดสินใจใดๆของผู้นำเกาหลีเหนือ จะส่งผลต่อทิศทางการเมืองไม่เพียงแต่ในคาบสมุทรเกาหลี แต่หมายถึงการเมืองของโลก และอาจหมายถึงสงครามครั้งใหม่
ความขัดแย้งระหว่างสองเกาหลี เป็นมรดกของสงครามตัวแทนที่ยังคงดำรงอยู่แม้สงครามเย็นสิ้นสุดลง ขณะที่โลกก้าวไปสู่การพัฒนา และความเปลี่ยนแปลง แต่แนวนโยบายของของเกาหลีเหนือยังคงเหมือนเดิม ด้วยแนวคิด"กองทัพต้องมาก่อน" บวกกับความเป็นผู้นำที่ทำให้เหล่านายพลจงรักภักดี และอาวุธนิวเคลียร์ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีกองทัพที่ทรงอานุภาพมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลก
แต่นั่นเป็นเพียงเพื่อปกป้องความอ่อนแอภายในที่เปราะบาง พวกเขาจึงปิดประเทศ และดำเนินนโยบายสูตรสำเร็จแบบคอมมิวนิสต์ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะด้อยพัฒนา ภาวะความอดอยาก และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายด้าน เพื่อแลกกับความมั่นคงของประเทศ
นักวิเคราะห์มองว่า เกาหลีเหนืออยู่ในภาวะหนีเสือปะจระเข้ ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างจีน รัสเซีย ตลอดจนเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ แต่การทดสอบขีปนาวุธหลายครั้ง รวมถึงระเบิดนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด ได้สร้างความตึงเครียดและส่งผลต่อภาวะทางเศรษฐกิจในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่จีนเองซึ่งกำลังเจริญเติบโตอยู่ ก็อาจต้องสะดุดลง ทำให้องค์การสหประชาชาติตัดสินใจลงมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
การปิดชายแดนเกาหลีเหนือ และยกเลิกข้อตกลงไม่รุกรานเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า เกาหลีเหนือกำลังประสบปัญหาภายใน และอาจเป็นจุดที่ทำให้นายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือต้องแสดงบทบาท เพื่อทำให้บรรดานายพลที่รายล้อม ยังคงจงรักภักดีต่อเขา และประชาชนยังคงศรัทธาอยู่
แนวโน้มข้างหน้าสำหรับนายคิมจองอึนที่ต้องเลือก คือยุติการเผชิญหน้า และร่วมเจรจาแก้ไขความขัดแย้ง แต่อาจต้องแลกด้วยการถูกคณะทหารโค่นอำนาจ หรืออาจเลือกบุกโจมตีเกาหลีใต้ เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง แต่จะทำให้สหรัฐฯเข้าร่วมทำสงคราม และอาจดึงหลายประเทศร่วมสู้รบ ทำให้ความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี กลายเป็นหายนะของโลกก็เป็นได้