credit:
THAIBIOHAZARD
Hero of the Wounded Knee
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากชายชื่อ Booker DeWitt (เกิดวันที่ 14 เมษายน 1874) ผู้ซึ่งเคยรับราชการเป็นทหารแก่อเมริกา ในปี 1890 ตอนนั้นได้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Wounded knee massacre (โศกนาฎกรรมหมู่ที่ Wounded knee) ขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ ในประวัติศาสตร์ของอเมริกา เป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างอเมริกา และชาวอินเดียแดงท้องถิ่น และในตอนนั้นนาย Booker DeWitt เป็นทหารผู้ทำผลงานได้ยอดเยี่ม ร่วมกับพวกเข้าทะลวงผ่านข้าศึกไปด้วยกัน และได้ชัยชนะมาในที่สุด หลังจากนั้น เขาได้รับสมญานาม Hero of the Wounded Knee (วีรบุรุษแห่งสงคราม Wounded knee) แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ตัดสินใจออกจากการเป็นทหาร และด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดที่ตนได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายอย่างเลือดเย็น เขาจึงไปที่พิธี 'ชำระบาป' ณ ที่แห่งหนึ่ง และตรงจุดนี้เองที่เป็นตัวแปรของทุกอย่างที่จะตามมา (ขอสงวนข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับ Wounded knee เอาไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวจะนอกเรื่องเกินไป ใครสนใจประวัติศาสตร์สามารถหาอ่านได้ใน wikipedia)
Alternate Universe
ออกตัวเอาไว้ก่อนว่าเกมนี้ได้อ้างอิงทฤษฏีเรื่อง Multiverse (จักรวาลคู่ขนาน) ซึ่งเป็นทฤษฏีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จริง ยังเป็นเพียง sci-fi fiction เท่านั้น ซึ่งนับได้ว่าค่อนข้าง fantasy แต่ผมจะพยายามอธิบายให้ make sense ที่สุดตามตรรกะเท่าที่จะเป็นไปได้
ณ ช่วงเวลาที่ Booker DeWitt ได้ไปที่พิธีชำระบาปนั้นเอง จุดนี้ได้กลายเป็น choice ที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตเขาได้อย่างหน้าเท้า เป็นหลังมือเลยทีเดียว ซึ่ง choice ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นก็คือ "รับการชำระบาป และถือกำเนิดเป็นคนใหม่" หรือ "ปฏิเสธการชำระบาป และกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ" ในช่วงยุคนั้นของอเมริกา ความเชื่อเรื่องพระเจ้านั้นค่อนข้างรุนแรง คนที่รับการชำระบาปจะเหมือนได้รับการเกิดใหม่ และมีสิทธิได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลของตัวเองด้วย ซึ่งเป็นหลักฐานในการเกิดใหม่อย่างแท้จริง
ในช่วงเวลาที่ choice กำลังจะถูกเลือกนั้น จักรวาลก็ได้แตกแยกออกเป็น 2 สาย และแตกออกไปอีกเรื่อยๆ กลายเป็น Multiverse ซึ่งถ้าหาก Booker รับการชำระบาป และเกิดใหม่ เขาจะเปลี่ยนชื่อเป็น Zachary Hale Comstock แต่ถ้าหากเขาปฏิเสธการชำระบาป เขาก็จะใช้ชีวิตต่อไปในฐานะ Booker DeWitt และแบกรับสิ่งที่ตนกระทำเอาไว้ต่อไป เพราะเขาคิดว่า แค่การกดหน้าลงไปในน้ำ คงไม่ช่วยให้คนที่เขาฆ่าตายฟื้นคืนมาได้ สิ่งที่เขาเคทำจะไม่อาจถูกลบล้างเพียงแค่การเล่นป่าหี่ของพวกนักบวชหรอก
ตรงจุดนี้ timeline จะถูกแตกออกเป็นแบบนี้ครับ
กรณี รับการชำระบาป จะเกิด timeline แบบนี้ขึ้น
Booker รับการชำระบาป เปลี่ยนชื่อเป็น Comstock เขากลายเป็นบาทหลวงถือศีล คลั่งพระเจ้า และเหยียดชนชาติ ต่อมาได้มีส่วนร่วมในการสร้างเมือง Columbia
แต่ถ้ากรณี ปฏิเสธ จะเกิด timeline แบบนี้
Booker ปฏิเสธรับการชำระ ก็จะใช้ชีวิตต่อไปในฐานะ Booker DeWitt ต่อมาเข้ารับงานเป็นเจ้าหน้าที่ของ Pinkerton(ในปัจจุบัณ รู้จักกันในนาม FBI) แต่ก็ถูกปลดออกเนื่องจากการวิธีการทำงานของเขาเป็นการใช้ความรุนแรงแบบป่าเถื่อน จึงเป็นความเสื่อมเสียขององค์กร ต่อมาก็ได้ทำงานเป็นนักสืบเอกชน แต่งงานและมีลูก แต่ภรรยาก็เสียไปตอนให้กำเนิดเด็ก ด้วยความเครียดเขาจึงกลายเป็นพวกขี้เหล้า และติดการพนัน จึงมีหนี้สินไปทั่ว
ทีนี้เราจะเล่าในส่วนของ timeline ของ Comstock กันก่อน
The Founders and Columbia
หลังจากเขาเปลี่ยนชื่อ เกิดใหม่เป็นชายนาม Zachary Hale Comstock(แซคคารี่ เฮล คอมสต๊อก) เรียบร้อย เขาก็ได้ไปพบกับนักฟิสิกส์ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Rosalind Lutece(โรซาลินด์ ลูเทซ) เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ทดลองเกี่ยวกับ 'ทฤษกีการลอยตัวของควอนตัม' และด้วยการสนับสนุนเงินทุนจาก Comstock และรัฐบาลของอเมริกา เธอก็ได้ประสบความสำเร็จในการหาวิธีที่ทำให้เมืองทั้งเมืองลอยขึ้นไปกลางอากาศได้ ปี 1893 เมืองลอยฟ้า Columbia จึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ ด้วยแรงสนับสนุนจากรัฐบาล ต่อมาจึงได้มีการก่อตั้งกลุ่ม The Founders ขึ้นเป็นผู้นำเมือง ประกอบด้วย Zachary Comstock, Rosalind Lutece, Jeremiah Fink, Saltonstall, Marlowe, Vanderwald, H.Clark, Mr.Flambeau โดยมี Comstock เป็นผู้นำกลุ่ม และต่อมาก็กลายเป็นที่เคารพของชาวเมือง Columbia ในฐานะ 'ศาสดาผู้มองเห็นอนาคต'
*note* ตัวละครเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏในเกมครบทุกตัว แต่มีการกล่าวถึงอยู่ ที่ปราฏจริงๆ ในเกมนั้นมีแค่ Lutece, Comstock, Flambeau และ Fink เท่านั้น
ในตอนแรกชาวอเมริกันดูเหมือนจะภูมิใจในความสำเร็จของ Columbia มาก จึงตั้งใจให้มันเป็นงาน fair ลอยโชว์รอบโลก เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอเมริกา แต่ไม่นานจากนั้น ในปี 1901 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ Boxer Rebellion เป็นความขัดแย้งระหว่างจีน กับอเมริกา ในตอนนั้น ทหารจีนได้จับประชาชนชาวอเมริกันไปเป็นตัวประกันเอาไว้ เรื่องนี้ไปกระตุ้นต่อม Comstock ผู้เป็นพวกเหยียดชนชาติอื่นอย่างรุนแรง สั่ง Columbia ให้ระดมยิงใส่ประเทศจีนจนคนตายนับศพไม่ทัน ทำให้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว Columbia เป็นป้อมปราการรบลอยฟ้านี่เอง แต่ต่อมา แทนที่ Comstock จะได้รับการเชิดชู พวกรัฐบาลของอเมริกา กลับสั่งให้ Comstock หยุดการกระทำอันป่าเถื่อน นอกเหนือคำสั่งของรัฐบาล และเรียกตัว Columbia ให้ลอยกลับลงมาซะ
"No" says the prophet
"We're fine on our own"
Comstock มองว่าเป็นการทำคุณบูชาโทษ จึงปฏิเสธคำสั่งของรัฐบาลอเมริกา และพาเมือง Columbia ของตนลอยหายลับไปในกลีบเมฆ และไม่มีใครรู้ตำแหน่งของมันอีกเลย Comstock เป่าหูชาวเมือง Columbia ว่า เมืองข้างล่างนั้นเป็นเพียงเปลือกของอเมริกา 'อเมริกาที่แท้จริง' นั้นคือ Columbia หนำซ้ำยังเปรียบเทียบว่า Columbia เป็นราวกับ New Eden สรวงสวรรค์ใหม่ที่มีอยู่จริง และเมืองข้างล่างนั้นเป็น Sodom (เป็นชือเมืองปีศาจในคัมภีร์ Bible)
Window between worlds
ย้อนกลับไปหน่อยในปี 1893 ในปีเดียวกันกับที่ Columbia ขึ้นบิน และก่อน Boxer Rebellion จะเกิดขึ้น Rosalind Lutece ได้ทำการทดลองของเธอเกี่ยวกับการเปิด 'หน้าต่าง' เชื่อมไปยังโลกคู่ขนานอื่น และเมื่อเธอประสบความสำเร็จในการสร้างหน้าต่างนั้น เธอก็ได้พบกับ Robert Lutece ซึ่งเธอเรียกเขาว่า 'น้องชาย' ทั้งที่แท้จริงแล้ว Robert Lutece ก็คือตัวของ Rosalind เอง ในอีกโลกหนึ่งที่เธอเกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งในตอนนั้น เทคโนโลยีของเธอทำได้เพียงติดต่อกับโลกคู่ขนานผ่านหน้าต่างเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถสร้างเป็นประตูเชื่อมถึงกันได้ และเมื่อเธอรายงานความสำเร็จนี้ให้กับ Comstock รู้ เขาก็ใช้มันในการมองไปยังอนาคต ทำให้เขารู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมากมาย ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองที่รับคำพยากรณ์ของ Comstock ไป จึงเชื่อในตัวของศาสดาของพวกเขาหัวปักหัวปำ (แน่นอนว่า Comstock ปิดเรื่องเครื่องมือของ Lutece ไม่ให้ชาวเมืองรู้) แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ Jeremiah Fink สามารถใช้มันมองไปยัง timeline อื่นๆ และในอนาคต เพื่อใช้ในการพัฒนาสินค้า วิทยาการของเขา ทำให้เมือง Columbia พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
Lutece มองว่าสิ่งที่ Comstock ทำนั้นผิดจุดประสงค์ของเครื่องมือ เธอจึงไม่ชอบเขาเท่าไหร่นัก แต่เนื่องจากเขาไม่อาจขาดเงินทุนของ Comstock ได้ จึงต้องยอมให้เขาใช้เครื่องต่อไป ในขณะเดียวกัน Rosalind ก็ใช้หน้าต่างในการติดต่อกับ Robert อย่างสม่ำเสมอ และช่วยกันวิเคราะห์เรื่องจักรวาลคู่ขนาน จนต่อมาก็สามารถพัฒนาให้เครื่องมือนั้นสร้างประตูผ่ามิติเชื่อมกับโลกอื่นๆ ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการใช้เครื่องมือนั้นทำนายอนาคตบ่อยๆ จะส่งผลข้างเคียงให้ร่างกายของ Comstock นั้นเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว และทำให้เขากลายเป็นหมัน ไม่อาจมีลูกได้(ในตอนนั้น Comstock มีภรรยาแล้ว) รวมถึงทำให้เขาเป็นมะเร็งด้วย Comstock จึงตระหนักว่าตัวเองคงมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน เขาต้องการทายาทในการรับช่วงต่อบัลลังค์ของเขา แต่ในขณะเดียวกัน ด้วยร่างกายนั้นก็ไม่สามารถมีลูกได้ เขาจึงเหลือทางเลือกเดียว...
นั่นคือ ต้องหา timeline ที่ตัวเองนั้นมีลูกได้ และไปเอาตัวมา
Seed of the Prophet shall sit the throne, and drown in flame the mountains of man
Comstock ออกคำสั่งให้ Lutece ค้นหา timeline ที่ตัวเขานั้นมีลูกได้ และเขาจะไปเอามา และ timeline ที่ว่านั้นเอง ก็คือ timeline เดียวกับที่ Rosalind พบ Robert ...และเป็น timeline เดียวกันกับของ Booker ที่ปฏิเสธการชำระบาปนั่นเอง ขอทวนนิดนึงว่า ในตอนนั้น Booker DeWitt แต่งงานมีลูกแล้ว แต่ภรรยาก็เสียชีวิตในตอนให้กำเนิด ด้วยความเครียดเขาจึงติดเหล้า และการพนัน มีหนี้สินท่วมท้น ในตอนนั้นเองที่ Robert Lutece ช่วย Comstock ในการไปเอาตัว Anna ลูกสาวของ Booker มา โดย Comstock สัญญาว่าจะล้างหนี้สินให้ทั้งหมด เพื่อแลกกับเด็ก ซึ่งประโยคที่ Lutece พูดกับ Booker ในตอนนั้นก็คือ
"Bring us the girl, and wipe away the debt"
และในที่สุด Booker ก็ยอมมอบลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองให้กับ Lutece
ซึ่งไม่นานนักหลังจากที่เขาตัดสินใจ Booker ก็รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำทันที จึงรีบวิ่งไปหาตัว Lutece เพื่อขอยกเลิกข้อตกลง แต่ทันทีที่ไปถึง เขาก็พบว่า Comstock กับ Robert Lutece กำลังจะข้ามเข้าไปยังประตู เพื่อกลับไปสู่ timeline เดิมของตัวเอง (ซึ่งในตอนนั้น Robert ลังเลมากว่าจะไปดีรึเปล่า เพราะกลัวจะพลาด แต่สุดท้ายก็ข้ามไป) Booker เข้าไปยับยั้ง รั้งแขน Comstock ที่ถือลูกตัวเองเอาไว้ แต่จนแล้วจนรอด Comstock ก็เอาตัว Anna ไปได้ในที่สุดและประตูก็ได้ปิดลง แต่เนื่องจาก Booker รั้งแขน Comstock เอาไว้ ทำให้ประตูนั้นปิดในจังหวะที่นิ้วก้อยของ Anna ยังไม่พ้นฝั่งดี ทำให้นิ้วก้อยขวาของเธอขาด และทิ้งเอาไว้ใน timeline ของ Booker ตรงจุดนี้นี่เอง ที่ก่อให้เกิดความไม่สเถียรในจักรวาลของทั้งสองขึ้น เนื่องจากมี "ส่วนหนึ่งของตัวตน" ของคนเดียวกันอยู่ใน timeline ทั้งสองสาย และด้วยเหตุบางประการ มันมอบพลังในการฉีกมิติให้กับ Anna
ต่อมา Comstock ได้ตั้งชื่อเธอให้ใหม่เป็น Elitzabeth และเนื่องจากเธอได้รับพลังฉีกมิติที่เรียกว่า Tear มาอย่างคาดไม่ถึง Comstock จึงตัดสินใจอนุญาติให้ Lutece ทั้งสองทดลองเพิ่มพลังให้ Elitzabeth ด้วยเครื่องมือของตัวเองดู ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ Boxer Rebellion เกิดขึ้น Comstock ก็ได้มีความคิดเรื่องจะทำลาย Sodom เบื้องล่าง โดยอ้างว่าเป็นการล้างโลกเพื่อต้อนรับการกลับมาของพระผู้เป็นเจ้า โดย Comstock ตั้งใจว่า จะให้ Elitzabeth เป็นผู้สืบทอดตำแน่งของเขา และทำแผนการนั้นให้เป็นจริง แต่เมื่อ Comstock ได้มองเห็นภาพจาก timeline อื่นว่า Booker DeWitt จะสามารถหาทางกลับมาช่วยลูกสาวตัวเองได้ในที่สุด Comstock จึงเริ่มหวั่นไหว และนำ Elitzabeth ไปไว้ในหอคอย Monument Island พร้อมกับประกาศให้ชาวเมืองตระหนักถึงการมาของ False Shephard หรือก็คือ Booker โดยข้อสังเกตคือเขาจะมีสัญลักษณ์ AD สลักไว้ที่มือขวา
ในตอนนั้นเองที่ Lady Comstock (ภรรยาของ Comstock) กล่าวหาว่า Elitzabeth เป็นลูกจากการประพฤติชู้สาวระหว่าง Comstock และ Rosalind Lutece โวยวายกล่าวหา Rosalind ยกใหญ่(ในตอนนั้น Lady Comstock ไม่รู้เรื่องที่สามีตัวเองเป็นหมัน เพราะไม่รู้เรื่องเครื่องมือผ่ามิตินั่นด้วย) จน Rosalind อธิบายเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับการเดินทางข้าม timeline ให้ฟัง แต่ก้ดูเหมือน Lady Comstock จะไม่เชื่อเรื่องที่ดูเพ้อเจ้อแบบนั้นเท่าไหร่นัก เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงปี 1909 จนในที่สุดเธอก็เริ่มอดทนอดกลั้นที่เก็บงำความลับจากประชาชนไม่ไหว คิดจะเปิดเผยความชั่วของศาสดา Comstock จึงจำใจปลิดชีวิตของภรรยาตัวเองเพื่อเก็บความลับเอาไว้ แล้วโยนความผิดให้ Daisy Fitzroy สาวรับใช้ของ Lady Comstock (ซึ่งต่อมา Daisy กลายเป็นผู้นำกลุ่มกบฏนาม Vox Popili)
ในขณะเดียวกัน สองพี่น้อง Lutece ที่ในที่สุดก็ได้อยู่ร่วมกัน ก็ได้ทำการทดลองต่างๆ มากมาย รวมไปถึงคอยเก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของ Elitzabeth ไปด้วย โดยพวกเขาได้สร้างเครื่อง Siphon เอาไว้ในตัวหอคอย Monment Island เพื่อให้มันเป็นตัวจำกัดพลังของ Elitzabeth เพราะยิ่งเธอโตขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอันตราย วันหนึ่ง... พวก Lutece ใช้เครื่องมือของตัวเองเปิดมิติไปดูอนาคต และได้เห็นภาพ Elitzabeth ยืนดูเมือง New york มอดไหม้ในกองเพลิง จากการโจมตีของ Columbia ทั้งสองพี่น้องจึงได้รู้ทันทีว่าตัวเองได้ทำข้อผิดพลาดลงไปแล้ว ถึงอย่างนั้น ดูเหมือน Rosalind จะไม่แคร์เท่าไหร่ เรื่องความเป็นความตายของ Sodom ข้างล่าง แต่ Robert นั้นแตกต่างกัน เขาไม่ใช่พวกชาตินิยม และเพื่อยับยั้งไม่ให้อนาคตนั้นเกิดขึ้นจริง Robert จึงยืนคำขาดกับ Rosalind ว่า ถ้าหากไม่ช่วยเขา นำตัว Elitzabeth ไปคืนยัง timeline เดิมที่จากมาล่ะก็ เขานี่แหละจะเป็นฝ่ายกลับไปเอง และทิ้ง Rosalind ไว้ ซึ่งนั่นทำให้ Rosalind ต้องยอมร่วมมือด้วย
Break the Circle of Pain
ในตอนนั้นเอง ที่แผนการส่งตัว Elitzabeth กลับไปยัง timeline เดิมของเธอ ล่วงรู้ไปถึงหูของ Comstock เขาก็ไม่รีรอที่จะติดต่อ Jeremiah Fink ให้ก่อวินาศกรรมเครื่องมือผ่ามิตินั่นซะ ในระหว่างที่พวก Lutece ทำงานอยู่ หรือก็คือให้บอมทิ้งทั้งคนทั้งเครื่อง โดยทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ...จะอย่างไรซะ Fink ก็ทำสำเร็จในการก่อวินาศกรรมนั้น แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ในตอนที่เครื่องมือนั้นระเบิดนั่นเอง พวก Lutece ไม่ได้ตาย กลับกัน... ตัวตนของพวกเขาถูกกระจายไปยังโลกคู่ขนานทุกๆ โลก และนั่นก็ทำให้พวกเขาอยู่เหนือเวลา กลายเป็นสภาพกึ่งเป้นกึ่งตายราวกับผี สามารถเดินทางไปยังที่ไหน เวลาไหนก็ได้ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่สามารถคงตัวตนอยุ่ในโลกความเป็นจริงได้นานนัก และ Robert ก็กลัวว่าถ้าไปทำอะไรที่ก่อให้เกิดผลกระทบ ในตอนที่พวกเขาถูกเข้าใจว่า "ตายไปแล้ว" อาจจะทำให้เรื่องยุ่งยากกว่าเดิม และปัญหาเรื่อง Elitzabeth ก็ยังเคลียร์ไม่จบ Rosalind จึงเสนอคนๆ นึงที่จะมาแก้ปัญหานั้นให้ได้
พวกเขาเดินทางไปยัง timeline ของ Booker DeWitt และเสนอโอกาสที่จะให้เขาได้อยู่กับลูกสาวตัวเองอีกครั้ง โดยให้ Booker ไปพาตัว Elitzabeth กลับมาด้วยตัวเอง แต่ทันทีที่ Booker ก้าวข้ามไปยัง timeline ฝั่งของ Comstock สมองของเขาก็ได้เกิดอาการสับสน เนื่องจากใน timeline นั้น เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ในฐานะ Booker มาก่อน ความทรงจำจึงขาดห้วงไป ตรงจุดนี้ทำให้สมองของเขาเริ่มสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นมาจากอันเก่า และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเหตุการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ โดยเขาเข้าใจว่า "นี่เป็นงานช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ตัวเองไม่รู้จัก จากเมือง Columbia กลับมาที่ New York อย่างปลอดภัย เพื่อแลกกับการปลดหนี้สินของเขา"
และสาเหตุที่เขาสร้างความทรงจำแบบนี้ขึ้นก็เป็นเพราะ เขายังคงจำวันที่ Robert Lutece มาเอาตัวลูกสาวของเขาไปได้ และประโยคที่เขาพูดนั้นก็คือ "Bring us the girl and wipe away the debt" แต่ในตอนนี้ ประโยคนี้ถูกตีความในหัวของ Booker ในอีกความหมายหนึ่งเรียบร้อยแล้ว และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเกม Bioshock Infinite
"The mind of the subject will desperately struggle to create memories where none exist"
- R.Lutece
ต่อมาเมื่อผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ในตอนท้ายเกม ที่ Booker และ Elitzabeth เข้าไปเผชิญหน้ากับ Comstock เขาก็ได้กล่าวหาว่า Booker เป็นสาเหตุให้นิ้วของ Elitzabeth ขาด ซึ่งในตอนนั้น Booker จำอะไรไม่ได้เลยเพราะโดนแทนที่ด้วยความทรงจำใหม่ ด้วยความโมโหจึงฆ่า Comstock ทิ้ง แต่ Elitzabeth ก็เริ่มเคลือบแคลงในตัวของ Booker ว่าอาจจะรู้อะไรบางอย่าง Booker เองก็อยากจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง ทั้งสองจึงตัดสินใจไปทำลายเครื่อง Siphon ใน Monument Island เพื่อจะปลดปล่อยพลังสูงสุดของ Elitzabeth
ทันทีที่เครื่อง Siphon ถูกทำลาย Elitzabeth กลายสภาพเข้าสู่ God mode ในตอนนี้เธอสามารถเปิดประตูไหนก็ได้ที่เธอต้องการ เธอพา Booker ไปยังมิติ Lighthouses (ประภาคาร) ซึ่งเป็นมิติที่ represent ถึงประตูที่เชื่อมไปยัง timeline อื่นๆ ทุกๆ ที่ ทุกๆ เวลา Elitzabeth พา Booker ไปหาความจริงเรื่องในอดีต ซึ่งในที่สุดเขาก็จำได้ทุกอย่าง และรู้ความจริงทั้งหมด ว่าแท้จริงแล้วเขาก็คือคนเดียวกับ Zachary Comstock เรื่องยังไม่จบเพียงเพราะ Comstock ใน timeline ของพวกเขาตาย Elitzabeth ต้องการลบล้างความทุกข์เหล่านี้ออกไปจากทุกๆ timeline ของตัวเอง จะต้องไม่มี Booker คนไหน หรือ Elitzabeth คนไหน ต้องทุกข์ทรมานอีก
เนื่องจาก ในทุกๆ timeline, Booker ก็จะโดน Comstock มาเอาตัวลูกสาวไป ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง เป็นเพราะต่อให้เป็นคนละ timeline กัน แต่ Comstock ก็ยังคงเป็น Comstock ความทะเยอทะยานของเขาที่ต้องการจะมีทายาทก็ยังคงมีเหมือนๆ กัน ในทุกๆ timeline ที่เกิดขึ้น Comstock จะไปแย่ง Anna มาจาก Booker เสมอ ตรงจุดนี้ทำให้อนาคตที่ Booker จะได้อยู่ร่วมกันกับ Anna นั้นถูกขัดขวางไม่ให้สามารถเกิดขึ้นได้ เกิด pattern เดิมๆ อย่างนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ในทุกๆ timeline กลายเป็นวังวนอนันต์ ไม่อาจหนีได้ และวิธีเดียวที่จะพังรูปแบบนี้ลง ก็คือการทำให้ Comstock ไม่มีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก ตรงจุดนี้หลายๆ คนเข้าใจผิด คิดว่า Booker คนปัจจุบัณโดน Elitzabeth กดน้ำตาย แต่ไม่ใช่นะครับ
ในตอนนั้น Booker โดนพากลับไปยังอดีต ซึ่งมุมมองของเขากลายเป็นมุมมองของตัวเองในอดีต (เหมือนเข้าไปเล่นบทเป็นตัวเองในอดีตแทน) แต่ Booker นั้นไม่ได้อยู่เหนือเวลาเหมือน Elitzabeth เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการกระทำของตัวเองได้ จะเห็นได้ว่าต่อให้ Booker ไม่อยากมอบ Anna ให้ Lutece ยังไง เขาก็ต้องทำ เพราะเขาได้ทำมันลงไปแล้ว มีเพียง Elitzabeth ที่กลายเป็นเหมือนพระเจ้าไปแล้วเท่านั้นที่จะแก้ไขทุกยอ่างได้อย่างใจนึก ในตอนนั้นเองที่เธอพา Booker ไปยัง timeline ที่เขาตัดสินใจจะรับการชำระบาป Elitzabeth ก็ได้จับเขากดน้ำลงไปจนสิ้นใจ กลายเป็นว่า timeline ของ Comstock ถุกยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้น เพราะทันทีที่ Booker เลือกที่จะเกิดใหม่ เขาก็ถูกฆ่าทันที
หลังจากนั้น timeline ทั้ง 2 ชุดก็โดนเขียนทับใหม่ Comstock ไม่อาจเกิดขึ้นได้ และ Booker ก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกับ Anna ต่อไปได้ โดยไม่มี Lutece หรือ Comstock เข้ามาเกี่ยวข้อง(ในฉาก post-credit นั่นเอง) ซึ่งนั่นหมายถึง ไม่เคยมีสาวผู้มีพลังฉีกมิติอย่าง Elitzabeth อยู่ และก็ไม่มีเมืองลอยฟ้า Columbia หรือเครื่องมือผ่ามิตินั่นด้วย (เนื่องจาก Lutece ได้เงินทุนจาก Comstock ถ้าเขาไม่มีตัวตนอยู่ จักรวาลที่ Lutece สร้างสิ่งนั้นได้ ก็จะไม่เกิขึ้นเช่นกัน) และทุกอย่างก็จบลงอย่างนั้นเอง
ภาพนี้โชว์ความสัมพันธ์ระหว่าง timeline ของ Comstock กับ Booker นะครับ
- ปี 1890 เกิดเหตุการณ์ Wounded Knee และหลังจากนั้นเขาก็ไปที่พิธีชำระบาป (Baptism) ทำให้แตกออกเป็น multiverse
- ในระหว่าง 1890-1893 จุดไหนสักจุดภายในช่วงปีนี้ Comstock เจอกับ Lutece / ทางฝั่ง Booker ก็แต่งงาน มีลูก เมียตายตอนคลอด ติดการพนันครับ
- ปี 1893 Columbia ขึ้นสู่ฟ้า ในปีเดียวกัน Comstock ก็ไปเอาตัว Anna มา / ทางฝั่ง Booker เจอกับ Robert Lutece และยอมมอบ Anna ให้เพื่อไถ่หนี้หลังจากนั้น Booker ก็ใช้ชีวิตด้วยความเสียใจทีหลังมาโดยตลอด
- ปี 1895 การตายของ Lady Comstock โดยน้ำมือ Comstock เอง และโยนความผิดให้ Daisy Fitzroy
- ปี 1901 เกิดเหตุการ Boxer Rebellion และ Columbia แยกตัวออกจากอเมริกา
- ปี 1909 พี่น้อง Lutece โดนก่อวินาศกรรมโดย Fink, หลังจากนั้นจึงเดินทางข้าม timeline มาเพื่อรับตัว Booker ไปสานต่อภารกิจให้เสร็จ (นี่เป็นการพยายามรอบแรก)
- ปี 1912 นี่เป็นการพยายามรอบที่ 123 เป็น Booker คนที่ 123 ตั้งแต่ทำภารกิจนี้ (เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทำพลาดหมดทุกคน) เริ่มเกม
และภาพนี้ โชว์ timeline ของทั้งสอง หลังจากที่ Booker และ Elitzabeth ทำสำเร็จ และ Timeline ได้รับการ re-written (เขียนทับใหม่)
- ในตอนนี้ Booker ตัดสินใจจะรับการชำระบาป ก็โดน Elitzabeth ฆ่าตายทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ Comstock ถือกำเนิดขึ้น
- หลังจาก timeline โดนเขียนใหม่แล้ว Booker คนปัจจุบัณ ก็ได้กลับเข้าที่เข้าทางใน timeline เดิมของตัวเอง และใช้ชีวิตต่อไปแบบ ติดหนี้ เมียตาย แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่กับ Anna
*NOTE* ในตอนที่ผู้เล่นเจอกับสองพี่น้อง Lutece ในเกมครั้งแรก พวกเขามาขอให้เราโยนหัวก้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าบนกระดานนับคะแนน มีขีดแต้มหัวถึง 123 แต้ม ในขณะที่ไม่มีก้อยเลย
ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นว่า ก่อนหน้านี้ Lutece ได้ส่งตัว Booker จาก timeline อื่นไปยัง timeline อื่นของ Comstock มาแล้วถึง 122 คน แต่ก็พลาดหมด และตอนที่เราเริ่มเล่นนี้ เราก็เล่นเป็น Booker คนที่ 123
Lutece จำเป็นจะต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ timeline ที่ Booker ทำสำเร็จในที่สุด และสาเหตุที่มันออกหัวหมดทุกครั้ง ก็เป็นเพราะหลักการการแตกออกของ multiverse นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมี choice ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ในขณะเดียวกัน การโยนหัวก้อยนั้นไม่ใช่ choice แต่เป็น chance มันมีโอกาส 50/50 ในครั้งที่ Booker คนแรกโยนก็จริง แต่หลังจากนั้นผลลัพธ์กลายเป็น 'คงที่' ตราบใดที่ยังคงเป็น เหตุการณ์เดิม เหรียญเดิม คนโยนคนเดิม ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นย่อมเป็นไปตามครั้งแรกที่โยน เพราะ 'เหตุการณ์นี้ เคยได้ผลลัพธ์ไปแล้ว' และสาเหตุที่ Lutece ยังคงให้ Booker ทดลองโยนในทุกครั้ง ก็เพราะพวกเขากำลังทำลองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ระหว่างให้ความช่วยเหลือ Booker ไปด้วย (สรุปคือ พวกเขาค่อนข้างสนุกกับการได้เป็นผู้อยู่เหนือเวลา)
*NOTE 2* อย่าเข้าใจผิด สิ่งที่ Lutece ทำนั้น ไม่ใช่การจับ Booker โยนเข้าไปใน timeline เดิมของ Comstock เรื่อยๆ เพราะถ้าหากทำอย่างนั้น Comstock ที่เคยรับมือกับ Booker คนก่อนมาแล้ว จะตั้งรับได้ดีกว่า และโอกาสสำเร็จจะน้อยลงเรื่อยๆ สิ่งที่ Lutece ทำก็คือ ถ้าหาก Booker คนแรกที่เขาส่งไปทำพลาด พวกเขาต้องเลิกยุ่งกับ timeline นั้นทันที และหา Booker จาก timeline อื่นอีกคน ส่งไปยัง timeline อีกอันของ Comstock และจับคู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ Booker ที่ทำสำเร็จ (เพราะอย่าลืมว่า Comstock กับ Booker เอง ต่างคนต่างก็มีโลกคู่ขนานของตัวเอง แตกแยกออกไปอีก ดังนั้นจึงไม่ได้มีแค่ Comstock หรือ Booker เพียงคนเดียว รวมไปถึง Columbia ก็มีอยู่หลาย timeline เช่นกัน)