สื่อนอกแนะรัฐบาลไทย ให้ความสำคัญในการพัฒนาการศึกษา แทนทุ่มงบนโยบายประชานิยม
บลูมเบิร์กเปิดรายงานอ้าง วิลเลียม พีเซก ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ตลาดทุนและการเมืองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แสดงความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรในบทความที่มีชื่อว่า ประเทศไทยควรลงทุนเพื่อพัฒนาคน ไม่ใช่ข้าว (Thailand Needs to Invest in People, Not Rice) โดยระบุว่า นโยบายประชานิยมของรัฐบาล เช่น นโยบายจำนำข้าว รถคันแรก และโครงการเมกะโปรเจค นั้นส่งผลดีทางการเมืองมากกว่าต่อประชาชนส่วนมาก จึงมองว่า ไทยควรหันไปลงทุนด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาประชากรของชาติอย่างจริงจัง หากต้องการหลุดพ้นการ 'กับดักทางการเงินของชนชั้นกลาง'
รายงานระบุว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทย จะพิจารณาปรับลดราคารับจำนำข้าวลง ภายหลังจากหลายฝ่ายออกมาเตือนถึงผลกระทบของโครงการดังกล่าว ซึ่งรวมถึงมูดีส์ อินเวสเตอร์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดัง ที่ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการปรับลดอันดับเครดิตประเทศไทยลง ทว่าท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลไทย ยังกลับมาใช้ราคารับจำนำข้าวที่ 1.5 หมื่นเท่าเดิม เนื่องจาก รัฐบาลยังต้องการรักษาฐานเสียงที่เป็นชาวนาไว้อยู่ดี
ผู้เขียนระบุอีกว่า นโยบายของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกับนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร หรือที่เรียกว่า ทักษิณโนมิกส์ ที่พยายามทุ่มเงินเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากชนชั้นรากหญ้า เห็นได้จากการพิจารณาทุ่มงบประมาณกว่า 7.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2 ล้านล้านบาท) เพื่อลงทุนโครงการพัฒนาการขนส่ง พลังงานและโทรคมนาคม โดยตั้งเป้าเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ภายใต้แผนการดังกล่าว รัฐบาลไทย ไม่มีการพิจารณาลงทุน 'โครงสร้างพื้นฐานทางสังคม' เช่น การส่งเสริมด้านการศึกษาและพัฒนาขีดความสามารถของแรงงาน เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศให้ดีขึ้นแม้แต่น้อย
"นโยบายของทักษิณในการทุ่มเงินให้กับชนชั้นรากหญ้า เปรียบได้เหมือนกับเศรษฐกิจอยู่ในภาวะดีเพียงชั่วคราว เพราะนโยบายเหล่านั้น ไม่ได้ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาล สร้างระบบกฎหมายให้มีความน่าเชื่อถือ หรือลงทุนในทรัพยากรมนุษย์" รายงานระบุ
สอดคล้องกับความเห็นของปีเตอร์ วารร์ นักเศรษฐศาสตร์จากออสเตรเลีย ซึ่งเคยทำวิจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย มองว่า รัฐบาลไทยชุดนี้ มีความเคลื่อนไหวในการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ และปฏิรูปการศึกษาในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ รายงานเตือนอีกว่า หากรัฐบาลไม่เร่งส่งเสริมด้านการศึกษา ตลอดจนถึงพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ เช่นการพัฒนาสินค้าด้านเทคโนโลยีทั้งในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ให้มีความล้ำสมัยมากขึ้น อาจส่งผลให้ประเทศไทย ติดชะงักอยู่กับที่อยู่ในสถานะประเทศที่มีสัดส่วนรายได้ประชาชาติเท่าเดิมต่อไป
"เพราะประเทศไทยกำลังเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรเริ่มลงทุนในอนาคต โดยอาจเริ่มต้นด้วยการทุ่มงบประมาณพัฒนาคน มากกว่าหมดไปกับข้าว หรือให้กับบริษัทก่อสร้าง" รายงานระบุทิ้งท้าย
**ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง http://www.bloomberg.com/news/2013-0...-not-rice.html **
ที่มา: www.posttoday.com อ้างอิงจาก http://board.postjung.com/691146.html