สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น จะเดินทางเยือนซีเรียในวันนี้ เพื่อเจรจาตามที่มีกระแสเรียกร้องเพิ่มมากขึ้นในการเข้าตรวจสอบข้ออ้างของฝ่ายค้านที่บอกว่า รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ขณะที่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาการใช้อาวุธเคมีถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างความวิตกกังวลอย่างใหญ่หลวง ขณะเดียวกัน นายชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ก็ระบุอย่างขึงขังว่า กระทรวงกลาโหมสั่งกองทัพอยู่ในที่ตั้งก่อนความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารต่อซีเรีย แม้ว่าประธานาธิบดีโอบามาจะกล่าวถึงเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
แต่อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้บัญชาการของสหรัฐ เตรียมทางเลือกหลายระดับไว้ให้ประธานาธิบดีโอบามาแล้ว หากเขาเลือกที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อดามัสกัส ฮาเกล กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินระหว่างเดินทางไปยังมาเลเซีย กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบในการเสนอทางเลือกให้ประธานาธิบดีในทุกทางเลือกที่อาจเกิดขึ้น แต่นายฮาเกลปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเรื่องการประจำการเรือรบ เครื่องบิน หรือทหาร ขณะที่ รัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาคิดใช้ขีปนาวุธร่อนโจมตีกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
ถ้อยแถลงของนายฮาเกล มีขึ้น ในขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมคนหนึ่ง กล่าวว่า กองทัพเรือของสหรัฐ จะขยายภารกิจในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยจะมีเรือรบติดขีปนาวุธร่อน เข้าประจำการ
ส่วนอังกฤษก็กล่าวว่า รัฐบาลดามัสกัสใช้อาวุธเคมี และฝรั่งเศสก็เรียกร้องให้ใช้กำลังทหาร หากข้อกล่าวหาดังกล่าวได้รับการยืนยันว่าเป็นจริง ด้านนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น ก็เดินหน้ากดดันด้วยการประกาศว่าจะส่งนายอังเกลา เคน ผู้ช่วยเลขาธิการยูเอ็น เดินทางไปยังกรุงดามัสกัส เพื่อเจรจา ซึ่งเคนมีกำหนดถึงกรุงดามัสกัสวันนี้
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธยูเอ็นในซีเรีย เจอลองดี ถูกสไนเปอร์ ไม่ทราบกลุ่มดักยิงถล่มขบวนรถขณะกำลังเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการใช้อาวุธเคมีโจมตี จนต้องถอยหลังกลับ แต่ให้คำมั่นว่าจะเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวอีก หลังเปลี่ยนรถแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า สหประชาชาติ หรือยูเอ็น แถลงวันนี้ว่า สไนเปอร์ หรือนักแม่นปืน ไม่ทราบฝ่าย ดักยิงขบวนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ยูเอ็น ที่กำลังสอบสวนข้อกล่าวหาการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย ซึ่งรถคันหนึ่งถูกยิงหลายนัด ทำให้ขบวนรถต้องเดินทางกลับ อย่างไรก็ตาม ยูเอ็นให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าสอบสวนให้เร็วที่สุด และอาจเปลี่ยนรถพาหนะด้วย
มาร์ติน เนเซอร์กี โฆษกของนายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น กล่าววันนี้ว่า การยิงเกิดขึ้นในเขตกันชนระหว่างพื้นที่ของฝ่ายกบฏและรัฐบาล และเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวนี้อีกหลังจากเปลี่ยนรถแล้ว
สื่อรัฐบาลซีเรีย ประณามกลุ่มก่อการร้ายฝ่ายค้านเป็นฝ่ายก่อเหตุโจมตี แม้ว่าข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนในเหตุการณ์ที่ต้องสงสัยว่าเป็นการใช้อาวุธเคมีโจมตีในกรุงดามัสกัส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลสหรัฐ ระบุว่า แทบไม่ต้องสงสัยว่า กองทัพซีเรียใช้อาวุธเคมีในการโจมตี ซึ่งตามรายงานระบุว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คนในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏ
รัสเซียเตือนสหรัฐระวัง "ผลกระทบรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง" หากตัดสินใจส่งทหารเข้าไปยังซีเรีย ขณะที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ประกาศกร้าวว่าผู้อยู่เบื้องหลังต้องรับโทษ ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 26 ส.ค. กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า มาจากการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งลาฟรอฟกล่าวเตือนให้วอชิงตันคิดทบทวนอย่างละเอียดและรอบคอบที่สุด ในเรื่องการส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงกิจการในซีเรีย เนื่องจากเป็นการบ่อนทำลายความพยายามของนานาชาติ ที่ต้องการช่วยสร้างสันติภาพในซีเรียลงอย่างสิ้นเชิง
ด้านหนังสือพิมพ์ "เดลี อิซเวสเทีย" ของรัสเซีย ฉบับวันจันทร์ ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ว่าตะวันตกใช้ "สัญชาติญาณไร้สาระ" ในการกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้บงการให้มีการใช้อาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,300 ศพ พร้อมกับเตือนสหรัฐว่า จะไม่มีทางบรรลุ "ความต้องการ" ของตัวเอง ด้วยการส่งทหารรุกรานเข้ามาในซีเรียอย่างแน่นอน
ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น แถลงระหว่างร่วมประชุมที่เกาหลีใต้ว่า การใช้อาวุธเคมีในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ และผู้เกี่ยวข้องทุกคนต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พร้อมกับเผยว่า คณะผู้ตรวจสอบของยูเอ็นเดินทางถึงพื้นที่เกิดเหตุสำคัญนี้แล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากกองกำลังทั้งของฝ่ายรัฐบาลและกบฏ ที่จะหยุดยิงขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทีมงานทุกคนสัญญากับผู้สูญเสียว่า จะทำงานเป็นอย่างดีที่สุด