เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 กรณี
คือ
1. หยกยังไม่ตาย หรือว่าไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นแค่ข้อมูลที่ปรากฏในโลกอินเตอร์เน็ต มากจากผู้คิดสรรสร้างเพื่อความจรรโลงใจแค่นั้น
2. หยกเสียชีวิตจริง ในอุบัติเหตุรถยนต์ กรณีนี้เกิดขึ้นได้เป็นปกติของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่คราวเคราะห์แต่อย่างใด แต่เป็นการประมาทของผู้เสียชีวิต หรือ คนอื่นที่เป็นปัจจัยให้เกิดความสูญเสียนั้นมีความประมาท
ผมขอยก กรณีที่ 2 ก่อนแล้วกัน กรณีนี้มาจากการศึกษาความเป็นไปได้ตามหลักพุทธศาสนาและความเชื่อ ยเ้ำว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัมผัสพิเศษที่สามารถหยั่งรู้ หรือได้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของเหล่าสรรพสัตว์แต่อย่างใด
กรณีที่หยกตาย คือยังไม่ไปไหนแน่นอน อันเป็นเหตุเพราะว่า คนในครอบครัว หรือคนอันเป็นที่รักยังมีความอาลัยแก่กัน หรือคุณหยกที่เสียชีวิตนั้นยังมีความอาลัยในโลก จึงทำให้ผลของการหาทางสละไม่ได้นั้น ยังคงเวียนวนอยู่อยู่รอบๆ อนึงคือดวงจิตที่ไม่มีภพภูมิ ส่วนมากชาวบ้าน หรือที่เรารู้จักกันดีเรียกว่าผี
อธิบายต่อ ดวงจิตจำพวกนี้ไปสวรรค์ หรือนรกไม่ได้แน่นอน ได้ไปได้คือ ภูมมนุษย์หรือเดรัจฉาน หรือเกิดเป็นคนใหม่นั้นเอง คือชอบอย่างไรก็ไปเกิดอย่างนั้นโดยประมาณ ตัดเรื่องสวรรค์ หรือนรกได้เลย หากขึ้นไปแล้ว หรือตกลงไปการเกิดครั้งใหม่คงไม่ใช่ในเวลาอันใกล้นี้ อาจะกินเวลากว่า 5000 ปี ถึง 80000 ปีมนุษย์
สาเหตุหลักที่ทำให้เขาไปไหนไม่ได้ วนเวียนอยู่อย่างนี้ เพราะตัวจขกท.แน่นอน ทุกยุคทุกสมัยมีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับความอาลัยแก่กัน จะกลายเป็นพันธนาการให้เขาไปไหนไม่ได้ คือส่วนหนึ่งเขาอาจไปแล้ว แต่ส่วนหนึ่งที่เขาอยู่คือภายในจิตใจของ จขกท. ครับ จะให้เขาปรากฏให้เห็น แต่ความจริง ไม่ใช่ดวงจิตของหยกแน่นอน มันเกิดขึ้นภายในจิตใต้สำนึก กรณีนี้มีให้ศึกษาทั่วไปเรื่ิองเกี่ยวพลังจิต กรณีนี้ด้วยความอาลัยยิ่งจากคนที่รัก อาจส่งผลให้สร้างเขาขึ้นมาด้วยจิตของคนคนนั้นเอง แต่ไม่ใช่จิตของคุณหยกเขาครับ
สิ่งที่อยากจะบอกคือ ปล่้อยวางเถอะ ให้เขาไปสู่ที่ชอบที่ชอบของเขา เพราะทุกสิ่งบนโลกความหมายเหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญคือความดีตอนยังเป็นมนุษย์ ขอให้จดจำความดีของเขาไว้ครับ และปล่อยเขาไปสูสุคติครับผม
ว่าแต่เล่าต่อนะครับ เรื่องผีสนุก เพราะความจรรโลงใจนั้นแหละ