ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 123 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 25 จากทั้งหมด 59
  1. #1
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    The Open World Online ประสบการณ์อิสระไร้ขีดจำกัด


    ยินดีต้อนรับสู่ ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ โลกแห่งอิสรเสรีที่คุณจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้ในโลกที่แสนน่าจะให้ค้นหา เกมนี้มีระบบมายด์ แคปเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสามารถเล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ด้วยระบบมายด์ แคปเจอร์ ที่สามารถทำให้คุณเล่มเกมได้ในเวลาหลับโดย 1 วันในเกม เท่ากับ 1 ชั่วโมง ในโลกแห่งความจริง โดยมีข้อบังคับให้ผู้เล่นสามารถออนไลน์ได้สูงสุด 9 ชั่วโมง ต่อการออนไลน์ 1 ครั้ง และจะกลับเข้าไปในเกมได้ในอีก 2 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายนั่นเอง

    ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ เป็นโลกแฟนตาซีที่น่าค้นหา เต็มไปด้วยการผจญภัยโดยตัวละครในเกมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคนหรือมอนสเตอร์ต่างถูกบังคับด้วยเอไอระดับสูง จนบางครั้งคุณอาจเข้าใจผิดว่านั่นเป็นคนจริง ๆ

    **อนึ่ง ทางดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ สนับสนุนให้ทุกคนเล่นเกมแต่พอดี
    ***ข้อแนะนำสำหรับผู้เล่นใหม่ เนื่องจากเกมนี้ให้อิสระแก่ผู้เล่นสูงมาก ดังนั้นจึงขอให้ผู้เล่นใหม่ตรงเข้าไปในเมืองให้เร็วที่สุด และจงระวังผู้เล่นคนอื่นที่เป็นโจรด้วย





    Chapter List

    ตอนที่ 1 การเปลี่ยนแปลง
    ตอนที่ 2 ยอมรับ
    ตอนที่ 3 ล็อกอินครั้งแรกและตายครั้งแรก
    ตอนที่ 4 ฝึก ฝึก ฝึกและเรื่องแปลกใจ
    ตอนที่ 5 มินิบอส!
    ตอนที่ 6 พลังสถิตร่าง
    ตอนที่ 7 แก้แค้นด้วยเขี้ยว
    ตอนที่ 8 ภารกิจที่แสนยืดยาว
    ตอนที่ 9 ทะเลเพลิง
    ตอนที่ 10 ปะทะบอส
    ตอนที่ 11 พานพบ
    ตอนที่ 12 ปริศนา
    ตอนที่ 13 จุติ เทพสายฟ้า
    ตอนที่ 14 Money in the bank
    ตอนที่ 15 วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
    ตอนที่ 16 ภารกิจแห่งป่า
    ตอนที่ 17 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด
    ตอนที่ 18 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด[2]
    ตอนที่ 19 เมืองคนบาป
    ตอนที่ 20 แสงสว่างของผู้หมดหนทาง
    ตอนที่ 21 เผชิญหน้ากับความกลัว
    ตอนที่ 22 ตำนานปะทะตำนาน
    ตอนที่ 23 เมืองแห่งเสียงดนตรี
    ตอนที่ 24 Be Your Self
    ตอนที่ 25 บุกรังหนู
    ตอนที่ 26 ช่วยเหลือ
    ตอนพิเศษ เรื่องวุ่น ๆ ของจิ้งจอกสาวและมังกรน้อย
    ตอนที่ 27 พลังใหม่ 'ผสาน'
    ตอนที่ 28 สู่ป่าเกาลัด
    ตอนที่ 29 สงครามครึ่งชั่วโมง
    ตอนที่ 30 ทบทวน
    ตอนที่ 31 พบกันอีกครั้ง
    ตอนที่ 32 ปฏิบัติการฉกเจ้าหญิง
    ตอนที่ 33 ความจริงที่ไม่โสภา
    ตอนที่ 34 ตรวจจิต ตรวจใจ
    ตอนที่ 35 เปิดเผยตัวตน
    ตอนที่ 36 เบลดมาสเตอร! [ตอนแรก]
    ตอนที่ 37 เบลดมาสเตอร์! [ตอนกลาง]
    ตอนที่ 38 เบลดมาสเตอร์! [ตอนปลาย]
    ตอนที่ 39 พบวิหค
    ตอนพิเศษ ยามตะวันรุ่ง
    ตอนที่ 40 ความจริงที่เปิดเผย
    ตอนที่ 41 เทพอสูร
    ตอนที่ 42 กฎแห่งเทพอสูร
    ตอนที่ 43 พายุสีดำ
    ตอนที่ 44 บ้านต้นไม้บนหลังมังกร



    ขยายสาขามาลงอีกที่นี่ที่หนึ่งนอกจากเว็บเด็กดีกับเว็บแมวครับ หวังว่านิยายเรื่องนี้ของผมจะช่วยให้บอร์คนิยายของเว็บโจ็กเกอร์คึกคักไม่มากก็น้อยนะครับ

    นิยายของผมปกติจะอัพทุกวันอาทิตย์ แต่เว็บนี้ผมจะไล่อัพวันละตอนพร้อมกับรีไรท์แก้คำผิด+เนื้อเรื่องที่พลาดไปเรื่อย ๆ วันละตอนนะครับ

    ก่อนไปก็เปิดรับสมัครแฟนอาทเสมอนะครับ ใครอยากวาดใครวาดได้เลย(จะยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ)

    -------------------------------

    Fan art Corner

    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tohan-kun : 11th March 2014 เมื่อ 16:32 เหตุผล: เพิ่มตอน

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 22 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่1 การเปลี่ยนแปลง

    ตอนที่1 การเปลี่ยนแปลง

    ตอนที่1 การเปลี่ยนแปลง


    ท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังหาสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิตอยู่หรือเปล่า!

    ท่านเป็นอีกคนที่กำลังตามหาประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนใช่หรือไม่!

    นอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ขอเสนอประสบการณ์สุดล้ำจนเกินบรรยาย พบกับเกมออนไลน์ยุคใหม่ที่ไม่เหมือนเกมใดๆมาก่อน

    ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์!!"

    กรุบ ๆ

    เสียงเคี้ยวเวเฟอร์ช็อกโกแลตดังขัดเสียงโฆษณาบนหน้าจอโทรทัศน์ไร้กระจกที่ตั้งขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถบชานเมืองกรุงเทพมหานคร เด็กหนุ่มนามว่า 'เจน' กำลังยืนมองดูโฆษณาฆ่าเวลาเช่นเดียวกับคนอีกหลายคนที่กำลังยืนดูอยู่ใกล้ ๆ

    แม้ว่าเจนจะเป็นผู้ชาย แต่ทั้งรูปร่างหน้าตากลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ใบหน้าของเขานั้นออกดูน่ารักซะด้วยซ้ำจนเด็กผู้หญิงยังต้องอิจฉา ผมสีดำมัดทรงเอาไว้ดูสลวย ดวงตาสีดำออกแดงโกเมนดูน่าหลงใหล ขนาดตัวก็เล็ก แขนและขาก็เรียวบางเหมือนกับเด็กผู้หญิงไม่มีผิด ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็อยู่ในชุดนักศึกษาชายจนคนที่เดินผ่านไปมามองอย่างสงสัยว่าทำไมเด็กผู้หญิงถึงมาใส่ชุดแบบนี้

    มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจนชินไปแล้วสำหรับเจนเพราะเขาเกิดมาพร้อมด้วยใบหน้าและรูปร่างเหมือนผู้หญิงเช่นนี้ทำให้ตกเป็นเป้าสายตามาตั้งแต่เด็ก หลายต่อหลายครั้งที่โดนล้อและโดนแกล้งด้วยเรื่องของสภาพร่างกายที่ไม่เป็นปกติ ถึงรูปร่างหน้าตาจะเป็นผู้หญิงแต่ใจของเจนนั้นเป็นผู้ชายเต็มร้อยทำให้เขาเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอยู่บ่อยครั้งเพราะไปทะเลาะกับเด็กคนอื่นๆที่มาล้อเลียน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจนเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนนัก

    แต่อะไรถึงทำให้คนอย่างเขาต้องมายืนรออยู่ในที่แห่งนี้

    "เฮ้ย เจน! โทษทีที่ทำให้รอ!" เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากร้านขายเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตรงหน้าที่รู้กันว่าเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันแต่กลับตั้งชื่อบริษัทเป็นภาษาเยอรมัน

    "อืม หืม ไม่เป็นไร จะไปกันได้หรือยัง?" เจนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เสียงของเขานั้นคล้ายกับเด็กผู้หญิงจนแยกไม่ออกเลยทีเดียว เด็กหนุ่มที่เรียกเจนพยักหน้าแล้วหันหลังไปช่วยเด็กหนุ่มร่างใหญ่อีกคนหนึ่งยกกล่องกระดาษขึ้นรถเข็นแล้วจึงพากันเดินจากไปจากร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    เด็กหนุ่มคนแรกนั้นไว้หนวดไว้เคราแต่ก็ตัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบไม่ดูน่ากลัวแต่อย่างใด กลับกันมันทำให้เขาดูเข้ากับทรงผมสั้นรองทรงดูเด่นขึ้นมาด้วยซ้ำ เสียแต่ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาไม่ได้หล่อสมาทขนาดให้มีสาวติดตาม เป็นแค่ชายหนุ่มสูงร้อยแปดสิบ มีพุงน้อย ๆ และรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ติดตา 'โจ'

    โจเป็นลูกครึ่งไทย สเปน แม้หน้าตาจะออกฝรั่งไปบ้าง แต่เขาก็พูดภาษาไทยได้ชัดไม่ต่างจากภาษาสเปนเลย แถมยังชอบอาหารไทยอีกซะด้วย เขาค่อนข้างจะเป็นเด็กที่ติดเกมพอสมควรถึงแม้การเรียนของเขาจะไม่ได้แย่ แต่กลับเป็นโปรในเรื่องของเกมชนิดที่ว่าบล็อกของเขาที่คอยแนะนำเกมและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ นั้นมีคนกดติดตามอยู่กว่าครึ่งล้านเลยทีเดียว

    เด็กหนุ่มร่างใหญ่อีกคนที่คอยเข็นรถเข็นมาเองก็เป็นลูกครึ่งอีกเช่นเดียวกัน แต่เป็นเม็กซิกันที่อยู่ในอเมริกาและย้ายมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย 'แจ็ค' เขาเองก็เป็นเด็กหนุ่มที่ชอบเล่นเกมเช่นเดียวกับโจ แต่ไม่ได้มีบล็อก แค่เล่นเป็นกิจวัตรประจำวันเท่านั้น

    ถึงแม้ว่าแจ็คจะเป็นเด็กหนุ่มร่างใหญ่ กล้ามเป็นทรงจนสาว ๆ ควรจะหลง แต่ว่าหน้าตาของเขาก็ดูเจี๋ยมเจี้ยมไม่สู้คนเอาซะเลย จนเป็นสาเหตุให้เขามาเข้าร่วมกลุ่มสามเกลอที่สนิทกันสุดนั่นเอง

    "จะว่าไปนายน่าจะมาเล่นด้วยกันนะ เจน เกมนี้น่าสนุกออก ฉันเห็นคนเล่นมาตั้งเกือบเดือนแล้วยังไม่มีใครบ่นว่าเกมห่วยเลย" แจ็คเอ่ยปากชวนเพื่อน เกมที่เขาบอกก็ไม่ใช่เกมอะไรที่ไหน ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์นั่นเอง

    เกม ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ เป็นเกมที่เปิดใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว โดยใช้ระบบมายด์ แคปเจอร์ ซึ่งจะเหมือนกับถอดจิตเข้าเล่นเกมได้โดยตรง ซึ่งจุดเด่นของเกมนี้ที่ทำให้โด่งดังและไม่เหมือนใครก็คือ ความเป็นอิสระของผู้เล่นที่สามารถจะทำอะไรก็ได้ตามใจ แต่อยู่ใต้กฎบังคับของGm ที่เป็นเสมือนตำรวจในเกม ทว่าผู้เล่นก็สามารถกระทำการใด ๆ ได้หมดแม้จะเป็นเรื่องลับๆระหว่างหนุ่มสาวโดยไม่ถูกห้ามจากระบบใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ว่าผู้เล่นบางกลุ่มที่ทำการเซ็นเซอร์เอาไว้หรือถูกห้ามเนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์

    อีกอย่างที่ทำให้เกมนี้เป็นที่นิยมคือระบบมายด์ แคปเจอร์ ที่ก้าวล้ำกว่าเกมที่ให้ผู้เล่นเหมือนลงไปเป็นตัวละครจริง ๆ ในเกม ไม่ว่าจะเป็นการกิน นอน เข้าห้องน้ำ หรืออาการบาดเจ็บ ซึ่งระบบเช่นนี้ปัจจุบันมีอยู่หลากหลายระบบที่ถูกใช้งานจากเกมเจ้าอื่น ๆ แต่ระบบมายด์ แคปเจอร์ที่ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ใช้นั้นมีจุดเด่นคือระยะเวลาของการเล่นเกม

    ปกติจิตของมนุษย์จะทำงานได้รวดเร็วมากตอนที่กำลังหลับ ทำให้การเล่นเกมในเวลานอนนั้นสามารถเล่นได้ยาวนานเป็นสัปดาห์ในเกมได้ในคืนเดียวที่โลกแห่งความจริง ดังนั้นจึงทำให้เหล่าผู้เล่นใช้เวลาในการนอนหลับพักผ่อนไปกับการเล่นเกมได้อย่างจุใจ โดยที่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังรู้สึกสดชื่นเหมือนกับนอนหลับสนิทมาทั้งคืน โดยทางเกมนั้นไม่จำจัดเวลาเล่นเกม แต่คอยแนะนำให้ผู้เล่นทุกคนเล่นเกมในเวลากลางคืนเพื่อที่จะไม่เป็นผลกระทบต่อชีวิตประจำวันนั่นเอง

    เจนหยุดเดินแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถเข็นที่แจ็คเข็นอยู่จนเด็กหนุ่มหน้าอ่อนโวยวายแต่ก็ยอมเข็นต่อไป

    "ฉันไม่มีเงินไปซื้อของแบบนั้นหรอก แค่เกมปกติที่ต่อเข้ากับทีวีฉันยังมีเงินไปซื้อไม่ครบทุกเกมเลย" เจนบอกตามความจริง ถึงแม้ในยุคปัจจุบันจะมีเกมที่นอนหลับเวลาเล่นได้แต่ก็มีราคาแพงมาก เพราะเทคโนโลยีนี้เพิ่งเกิดมาไม่ถึงห้าปี ทำให้ราคาปัจจุบันนั้นอยู่สูงพอสมควรเลยทีเดียว

    "ก็ขอแม่สิวะ ครอบครัวก็ออกจะมีเงิน แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก" โจว่า "แถมตอนฉันชวนมาทำงานพิเศษก็ไม่ยอมมาทำ ไม่อย่างนั้นได้มาเล่นพร้อมกันทั้งสามคนแล้ว" เป็นจริงอย่างที่โจพูด เพราะวันนี้ทั้งสามคนมาซื้อเครื่องเฮดก็อกเกิ่ลรุ่นล่าสุดที่สามารถรองรับระบบมายด์ แคปเจอร์ได้เพื่อมาเล่นเกม ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ โดยเฉพาะ

    "นายก็รู้ว่าทำไมฉันไม่ทำงานพิเศษ..." เจนพูดเสียงเย็นจนแจ็คต้องรีบเข้ามาปราม

    "เอาน่า โจ นายก็รู้ว่าทำไมเจนถึงไม่ยอมทำงานพิเศษ เอาไว้เดี๋ยวพวกเราช่วยหาเงินในเกมแล้วค่อยเอาไปแลกซื้อเครื่องเฮดก็อกเกิ่ลให้มันทีหลังก็ได้ เห็นว่ามีโปรโมชั่นใช้เงินโกลด์ซื้อเครื่องได้ในราคาพิเศษด้วยนะ" ที่แจ็คพูดนั้นสามารถทำได้เพราะเกมดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ นั้นสามารถแลกเงินในเกมเป็นเงินจริงได้นั่นเอง ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่เกมอื่นๆทำไม่ได้ แต่ที่เกมนี้ทำได้เพราะนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง ซึ่งบริษัทนี้ไม่เพียงแค่มีกิจการอิเล็กทรอนิกส์เพียงอย่างเดียว ยังมีแล็บวิศวะกรรมวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์มากมายหนึ่งในนั้นคือระบบมายด์ แคปเจอร์ ทำให้บริษัทนี้เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
    ทางโจที่เห็นว่าเพื่อนออกตัวให้ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ก็ยังมองตาเพื่อนหนุ่มหน้าหวานไม่กระพริบเพราะทางเพื่อนคนนี้ดันมาจ้องหน้าเขาไม่เลิกมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

    "มองอะไร... ไอ้ตาแบบนั้นไม่ต้องมาใช้กะฉันเลย นายก็รู้ว่าไอ้นั่นมันใช้กับฉันไม่ได้ผล อย่ามาขู่ซะให้ยาก" โจบอกแล้วหันหน้าหนี ดวงตาของเจนที่กำลังมองโจอยู่นั้นถือเป็นอาวุธเด็ดของเขาเลยก็ว่าได้ มันคือดวงตาพิฆาตที่ทำให้ใครต่อหลายคนต้องเผ่นป่าราบมานักต่อนักแล้ว

    เด็กหนุ่มเลิกมองเพื่อนของคนแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ ถึงจะใช้ดวงตาพิฆาตกับโจและแจ็คไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลกับทั้งสองคนนั้นซะทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อยากใช้กับสองคนนี้เพราะทั้งคู่คือเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา

    คนสามคนที่ต่างกันแต่กลับมาเป็นเพื่อนกันได้ อาจจะเป็นเพราะทั้งสามคนมีสิ่งเดียวที่เหมือนกันนั่นก็คือการไม่มีเพื่อน ถึงแม้อาจจะไม่ใช่สาเหตุเดียวกันแต่เมื่อทั้งสามมาพบกันกลับเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด เพราะต่างคนต่างก็คอยรักษาแผลใจให้แก่กันและกันจนเกิดเป็นสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นมา

    หลังจากเจนและเพื่อนจัดการธุระเสร็จแล้วก็พากันขนของขึ้นรถแท็กซี่แล้วตรงไปที่บ้านทันที พวกเขาทั้งสามคนอยู่ในละแวกใกล้เคียงกันทำให้พวกเขาไปไหนมาไหนและกลับบ้านหลังเลิกเรียนด้วยกันเป็นประจำ

    รถแท็กซี่จอดอยู่หน้าปากซอยที่ยังมีระยะทางไกลจากบ้านของพวกเจนพอสมควร สาเหตุเป็นเพราะโจและแจ็คใช้เงินทั้งหมดของตนไปกับเฮดก็อกเกิ่ลจนไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่ และแน่นอนว่าค่าโดยสารทั้งหมดต้องตกเป็นหน้าที่ของเจน ซึ่งจากเงินในกระเป๋าทั้งหมดของเขาก็พากันมาได้เพียงเท่านี้ หลังจากทั้งสามคนยกกล่องเฮดก็อกเกิ่ลลงมาจากท้ายรถแท็กซี่ก็รีบเดินตรงไปที่บ้านทันที

    "พวกนายเป็นหนี้ฉัน....คนละร้อยเจ็ดสิบบาท พร้อมดอกเบี้ยวันละห้าสิบบาท" เจนพูดเสียงลอยๆแต่เนื้อหากลับกระแทกใจคนฟัง

    "เฮ้ย! วันละห้า... เดี๋ยว เขี้ยวไปหรือป่าว เจน" โจรีบพูดขึ้นทันที แต่เขาเองก็พอจะรู้นิสัยเพื่อนตนเองดี

    "แล้วจะหาเงินจากไหนมาปลดหนี้ละเนี่ย" แจ็คบอกกับตัวเอง เงินทั้งเก็บทั้งหมดเขาใช้ไปกับเฮดก็อกเกิ่ลจนหมด ถ้าหากเอาเงินของสัปดาห์นี้มาใช้หนี้มีหวังไม่ต้องกินอะไรกันแล้ว

    หนุ่มหน้าหวานเดินยิ้มไปต่อด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งที่ทำกับเพื่อนๆของตัวเองไว้ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ตรงหน้าของทั้งสามคนถูกล้อมด้วยกลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคน ซึ่งเจนรู้ว่าคนพวกนี้เป็นแก๊งอันธพาลที่อยู่แถวนี้ ปกติแล้วพวกเจนจะนั่งรถเข้าไปในตัวหมู่บ้านที่พวกมันไม่เข้ามายุ่ง

    "วางไอ้กล่องนั่นลงซะไอ้อ้วน แล้วก็ทิ้งกระเป๋าเงินเอาไว้ด้วยถ้ายังอยากกลับบ้านครบสามสิบสอง" ชายร่างสูงคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงต่ำแกมข่มขู่ ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้าของพวกอันธพาลพวกนี้อย่างแน่นอน แจ็คและโจทำท่าจะวางกล่องตามที่โดนขู่แต่เจนห้ามเขาเอาไว้ก่อน เด็กหนุ่มทั้งสองมองเพื่อนด้วยความสงสัยแต่พวกเขาก็พอจะรู้ว่าเพื่อนของเขากำลังคิดอะไรอยู่

    "พวกแกต่างหากที่ยังอยากจะมีแขนขาอยู่ก็รีบไสหัวไปซะ" เจนเอ่ยเสียงเย็นพลางวางกระเป๋าของตัวเองลง ทางหัวหน้าแก๊งได้ยินเสียงของเจนก็หัวเราะในลำคอก่อนจะพูดกลับมา

    "อย่าดีกว่าน้องสาว พวกเราไม่อยากทำร้ายเด็กผู้หญิงหรอกนะ แต่ถ้าจะมาเป็นแฟนพี่ละก็พูดดีๆก็ได้นะจ๊ะ" เมื่อหัวหน้าแก๊งพูดจบ เขาและพวกลิ่วล้อก็พากันหัวเราะอย่างสะใจ โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าในตอนนี้เจนยืนนิ่งไปแล้ว

    "โอ๊ะโอ่ แย่ละ ไอ้บ้านั่นดันพูดคำๆนั่นไปซะแล้ว รีบถอยก่อนเร็วเข้า!" โจรีบหันไปบอกเพื่อนแล้วรีบวิ่งหลบไปอย่างรวดเร็ว

    อีกด้านหนึ่ง เจนที่ยืนเงียบมาพักก็วิ่งพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วจนเจ้าหัวหน้าแก๊งที่กำลังหัวเราะอยู่ไม่ทันตั้งตัว หมัดคู่ถูกปล่อยออกไป หมัดซ้ายชกขมับขวาของหัวหน้าแก๊ง ส่วนหมัดขวาชกเข้าที่บริเวณเอวจนตัวงอ เมื่อได้จังหวะต่อเจนก็ใช้ศอกเสยปลายคางอย่างแรงจนหัวหน้าแก๊งลงไปนอนนิ่งบนพื้นโดยที่ไม่มีโอกาสตอบโต้เลยแม้แต่นิดเดียว

    พวกลิ่วล้อต่างพากันเงียบกริบเมื่อมองไปที่หัวหน้าของพวกตนที่โดนเจนอัดหมอบกองอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ดวงตาพิฆาตที่มักจะถูกปล่อยมาเป็นอันดับแรกกลับถูกเอามาใช้หลังจากออกหมัดเพราะอดใจที่จะชกเจ้าหัวหน้าแก๊งนี่ไม่ได้ พวกลิ่วล้อที่สบเข้ากับดวงตาพิฆาตก็ถึงกับหน้าเสีย พากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วและยังมีบางส่วนลากตัวลูกพี่ของตนหนีไป

    โจและแจ็คที่มองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆด้วยความหวาดเสียว "สุดยอดเหมือนเดิม ไอ้บ้านั่นไปแหย่ใครไม่แหย่ ดันมาแหย่เจ้าเจนที่เรียนทั้งหมัดไทเก็กและหมัดวิงชุนมาแบบนี้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะวะ" โจพูด

    "ดันไปว่าเจนเป็นผู้หญิงแบบนี้คงไม่รอดว่ะ แต่รู้สึกว่าคราวนี้มันจบเร็วไปหน่อยหรือเปล่า เล่นแค่หัวหน้าแก๊งคนเดียวแบบนี้ ปกติเล่นยกแก๊งเลยนี่" แจ็คกล่าวด้วยความสงสัย เพราะเพื่อนคนนี้เวลาน็อตจะหลุดเมื่อมีคนไปพูดถึงตัวเองว่าเป็นเด็กผู้หญิง และจุดจบของคนที่พูดมักจบไม่ค่อยสวยทุกครั้งแถมบางครั้งก็มีลูกหลงไปโดนคนใกล้เคียงที่เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องด้วยก็ตาม บางครั้งทั้งโจและแจ็คเองก็ไม่รอดเหมือนกัน

    โจเองที่เห็นว่าเริ่มผิดสังเกตก็นึกสงสัย เขาและเพื่อนค่อยๆเดินเข้าไปหาเจนอย่างกล้าๆกลัวเพราะเผื่อมีน็อตหลุดก๊อกสอง แต่เมื่อเข้าไปถึงตัวเจนก็ต้องตกใจสุดๆเมื่อเพื่อนหน้าสาวจู่ๆก็ล้มพับลงไปบนพื้น

    "เฮ้ย เจน! แจ็คมานี่เร็วเข้า!!" โจตะโกนอย่างลืมตัวแล้ววิ่งเข้าไปหาเพื่อนอย่างรวดเร็ว เขาพลิกร่างของเจนให้หงายหน้าขึ้นมาก็พบว่าเขาหน้าแดงและตัวร้อนสุดๆ
    "แย่แล้วว่ะ โจ ตัวร้อนแบบนี้หยั่งกะเป็นไข้เลย หวัดนกป่าววะ" แจ็คถามด้วยความสงสัยแต่มือก็คว้าโทรศัพท์กดโทรเข้าไปที่บ้านของเจน

    "นั่นปากหรอนั่นน่ะ รีบๆตามแม่จริยามา แล้วพาหมอนี่ไปโรงพยาบาลด่วนเลย!!"

    ในระหว่างที่โจและแจ็คต่างหาทางช่วยเพื่อนของตนให้ได้ เจนนั้นก็ยังไม่ได้สิ้นสติไปซะทีเดียว เขายังคงมองเห็นว่าเพื่อนของเขาพยายามจะช่วยเขาแค่ไหน แต่ร่างกายของเขานั้นกลับไม่ยอมขยับตามเลยแม้แต่น้อย ตัวก็รู้สึกร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบ สติของเขาก็เริ่มจะเลือนรางไปทุกที คำพูดคำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเจนก่อนที่สติจะดับวูบไป

    "นี่เรา...จะตายแล้วงั้นหรือ"




    "ค่ะ....นี่ไม่ใช่โรคร้าย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของตัวเขาเอง เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ ถ้าหากเสี่ยงทำอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตนะคะ" เสียงหนึ่งดังแว่วเข้าหูเจน เป็นเสียงที่ฟังดูแล้วทำให้เจนรู้สึกว่าเจ้าของเสียงจะต้องเป็นคนที่ฉลาดมาก ฟังแล้วชวนให้นึกถึงนักปราชญ์หรือนักวิทยาศาสตร์ยังไงอย่างนั้น แต่เสียงนั้นกลับดูสาวเกินกว่าที่จะให้ความรู้สึกเช่นนั้น

    "ล..แล้ว ถ้าไม่ทำอะไรเลย เขาจะรอดใช่หรือเปล่าคะ คุณหมอ" เจนจำเสียงนี้ได้ เสียงที่สั่นเครือนี่เป็นเสียงของแม่ของเขาเอง 'จริยา'



    "ค่ะ เขาจะรอดอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าอย่างที่คุณแม่ได้ทราบมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะ....-"

    "คุณหมอชยา ที่ห้อง632ด้วยคะ" เสียงประกาศดังขึ้นมาทำให้เจนไม่ได้ยินว่าคนที่กำลังพูดกับแม่ของเขานั้นพูดอะไร แต่ฟังจากเสียงก็สามารถเดาได้แล้วว่าตอนนี้เขาอยู่ในโรงพยาบาลอย่างแน่นอน

    เจนพยายามเปิดตาขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสีขาวปลอดเชื้อโดยมีหน้ากากช่วยหายใจสวมอยู่ เขาเหลือบไปมองแม่ที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องที่มีแผ่นพลาสติกใสเส้นเล็กๆกั้นเอาไว้ไม่ให้มีอากาศภายนอกหลุดเข้ามา แต่เสียงก็ยังคงสามารถผ่านเข้ามาได้ เมื่อหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆแม่ของเขา ก็พบว่าเป็นหญิงสาวร่างสูงคนหนึ่ง เธอมีผมสีบลอนทองออกซีดเล็กน้อย สวมชุดกาวน์ของหมอและใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าคู่กับกระโปรงรัดรูปสีดำสั้นสูงกว่าหัวเข่ามาเล็กน้อย

    เขาพยายามอ่านป้ายชื่อแต่อ่านออกเพียงแต่ตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเท่านั้นคือ 'Dr.G..' ชื่อที่เหลือเขาตาพร่าเกินไปกว่าที่จะมองต่อ

    "ถ้าแบบนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย แล้วในระหว่างนี้เขาจะฟื้น....หรือรู้สึกเจ็บปวดหรือเปล่าคะ" จริยาถามด้วยน้ำเสียงโล่งใจ แสดงว่าคำตอบที่คุณหมอคนนี้ให้มาต้องพอใจแก่แม่ของเจนมากแน่นอน

    "เอ่อ...ถ้าหากจะปล่อยไปอยู่แบบนี้ เขาอาจจะฟื้นขึ้นมาบ้างแต่เขาอาจจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างมากเลยค่ะ" คุณหมอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงลังเล

    "แล้วคุณหมอจะช่วยอะไรลูกของดิฉันได้หรือเปล่าคะ อย่างให้ยา..-"

    "คุณแม่ ใจเย็นๆก่อนนะคะ คือในกระบวนการนี้ดิฉันไม่คิดว่าการให้ยาใดๆก็ตามจะเป็นเรื่องดี เพราะร่างกายของน้องเจนกำลังปรับสภาพด้วยตัวเองอยู่ นั่นเป็นสาเหตุที่เราจำเป็นต้องให้น้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อเพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพอย่างเต็มที่และมีความเสี่ยงต่อโรคน้อยที่สุด" คุณหมอหยุดไปครู่หนึ่งให้จริยาตามทันแล้วจึงอธิบายต่อ

    "กระบวนการที่เกิดขึ้นกับน้องเจนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่โอกาสเกิดได้น้อยมากเท่านั้นเอง มันเป็นการปรับสภาพร่างกายให้สมดุลซึ่งปกติแล้วกระบวนการนี้จะเกิดและเสร็จขึ้นก่อนเกิดเป็นตัวอ่อนในท้องคุณแม่แล้วล่ะคะ แต่ก็มีที่กระบวนการนี้ไม่เสร็จสมบรูณ์ทำให้เด็กเกิดออกมาอย่างคุณแม่เห็นอยู่ทั่วไป แต่ที่หายากยิ่งคือคนที่เกิดการปรับสภาพร่างกายให้สมดุลหลังจากเกิดมาแล้ว ซึ่งส่วนมากเราจะพบในเด็กทารกหรือเด็กเล็กที่อายุยังไม่เกินเจ็ดหรือแปดปี ซึ่งเราจะสามารถแจ้งให้ผู้ปกครองทราบคะ" เมื่อคุณหมอพูดจบจริยาก็ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่



    "ค่ะ....เอ่อ แล้ว..-"

    "อ่า ขอโทษทีคะ ดิฉันพูดเลยไปนิดหน่อย คือกระบวนการนี้ถ้าหากปล่อยเอาไว้ก็จะกินเวลาหกวันหรืออาจจะหนึ่งสัปดาห์และมีความเสี่ยงที่น้องเจนจะฟื้นและพบว่าความเจ็บปวดในระหว่างที่ร่างกายกำลังปรับสมดุลและแปรสภาพค่ะ แต่.." คุณหมอรีบพูดเมื่อจริยาทำท่าจะถามอะไร "ถ้าให้คุณแม่ยินยอม เราสามารถช่วยเร่งเวลาให้เหลือเพียงสามวันได้"

    "แล้วน้องเจนก็จะไม่รู้สึกเจ็บอะไรใช่มั้ยคะ" จริยาถามอย่างมีความหวัง

    เจนพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่สองคนนี้พูด แต่ก็เหมือนว่าเขาขาดใจความสำคัญบางอย่างไป ในตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาในอกอีกครั้ง ความรู้สึกแบบเดียวที่เขารู้สึกก่อนจะหมดสติไปก่อนหน้านี้



    "เมื่อน้องเขาตื่นขึ้นมาเขาจะไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวของเขาเลยละคะ อ๊ะ แย่แล้ว ดูเหมือนว่าน้องเขาจะฟื้นขึ้นมาแล้ว ต้องรีบทำให้สลบด่วนเลย" คุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆพลางใช้นิ้วกดที่แป้นพิมพ์แสงที่ลอยอยู่ข้างตัว

    "เอ๊ะ เมื่อกี้คุณหมอบอกว่าห้ามใช้ยาไม่ใช่หรือคะ" จริยารีบถาม แต่คุณหมอกลับยิ้มและกดแป้นพิมพ์ต่อเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำของจริยา

    "ไม่ได้มีแค่วิธีเดียวหรอกนะคะที่จะทำให้คนเราสลบได้" เมื่อคุณหมอพูดจบ เจนก็รู้สึกได้ทันทีว่าเหมือนมีถุงอะไรบางอย่างมาครอบหัว อากาศถูกสูบออกจนเขาเริ่มขาดอากาศหายใจเจนพยายามดิ้นรนแต่ร่างกายก็ไม่ตอบสนองใดๆเหมือนกับว่าเขาไม่ใช่เจ้าของมันอีกต่อไป ในคราวนี้ ไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวของเขาทั้งสิ้นก่อนที่สติจะหลุดลอย




    "ฮ้า!!!" เสียงของเจนสูดหายใจเข้าอย่างแรงพร้อมกับยกร่างลุกพรวดขึ้นมาจากบนเตียง เขาพยายามสูดลมหายใจให้ทั่วท้องและสงบสติตัวเองลง ในตอนนี้เขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักคนไข้อีกห้องหนึ่งไม่ใช่ห้องกันเชื้อที่เขาถูกคลุมถุงพลาสติก

    เจนรีบไล่เรื่องสยองขวัญพรรณนั้นออกจากหัวและเริ่มสังเกตรอบๆห้อง นาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบอกเวลาว่าวันนี้คือวันจันทร์ เวลาสิบโมงครึ่ง นั่นหมายความว่าเขาหลับมาเกือบสี่วันถ้าไม่นับช่วงที่ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ มองไปรอบๆห้องก็พบว่าโจและแจ็คต่างก็กำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาในห้อง เจนอดยิ้มไม่ได้เพราะเพื่อนสองคนนี้ทำเพื่อเขามามากซะเหลือเกิน จนเขาคิดจะลดหนี้ที่เป็นดอกเบี้ยออกให้หมดและเริ่มคิดดอกเบี้ยใหม่ตั้งแต่วันนี้

    เจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือของเขา และมั่นใจได้เลยว่ามันเป็นความอบอุ่นจากมือของแม่จริยาอย่างแน่นอน แต่เขาไม่เห็นว่าเธออยู่ในห้องนี้เลย เจนคิดว่าแม่ของเขาคงจะไปหาซื้ออะไรกินตามปกติ

    พอมานึกดูอีกทีว่าในตอนนี้เขาป่วยเป็นโรคอะไรที่ทำให้หลับไปตั้งสามวัน เจนพยายามนึกให้ออกว่าโรคดัง ๆ ชนิดไหนบ้างที่ทำให้เกิดผลแบบนี้ แน่นอนว่าไข้หวัดนกตัดออกไปได้เลย นี่ปีพ.ศ.2678แล้ว มียารักษาโรคไข้หวัดนกมานานจนมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้น้อยมาก แต่ให้มานึกถึงโรคชนิดใหม่ ๆ ก็นึกไม่ออกเลยว่ามีโรคใดที่ทำให้ตัวร้อยเหมือนไฟไหม้และหลับไปถึงสามวันเช่นนี้

    'คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ได้เรียนแพทย์ซะหน่อย เอาไว้ไปถามหมออีกทีละกัน' เจนคิดและยกมือบิดขี้เกียดให้ร่างกายยืดเส้นยืดสาย แต่เวลานั้นเองที่เขาพบกับสิ่งผิดปกติของร่างกายตนเอง

    เจนสังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติเมื่อตอนที่บิดมือขึ้นสูง หน้าอกโค้งนูนที่ผู้ชายไม่ควรจะมีและสิ่งที่ผู้ชายอย่างเจนมีมันกลับหายไป และควรเปลี่ยนคำที่เรียกเจนจาก "เขา" เป็น "เธอ"

    "เฮ้ยยยยยย!!!" เสียงหวานร้องตะโกนดังลั่นห้องปลุกสองหนุ่มให้ตื่นขึ้นมาจากโซฟา

    "โน โน! โตสโตเน โน มาส!!(ไม่ ไม่ ไม่เอาโตสโตเนแล้ว)" โจสะดุ้งเตือนและอุทานออกมาเป็นภาษาสเปนเสียงดังลั่น



    "หือ... อ้าว! เฮ้ โจ ดูนั่น เจนตื่นแล้ว" แจ็คที่สังเกตเห็นจึงหันไปสะกิดเรียกให้โจเห็น

    เด็กหนุ่มทั้งสองลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาเจนที่ในเวลานี้นั่งนิ่งไปแล้ว "ไง เพื่อน ตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง" โจถาม แต่ทันใดนั้นเองมือเรียวยาวที่ในตอนนี้ยิ่งเหมือนผู้หญิงเข้าไปอีกก็กระชากร่างของเด็กหนุ่มให้เข้าไปใกล้และตะโกนถามด้วยเสียงดัง

    "นี่แกทำอะไรกับตัวของฉัน!!!!

    จบตอนที่1

    -------------------------

  4. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #3
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    ทุกที่ที่มีเธอ
    กระทู้
    361
    กล่าวขอบคุณ
    724
    ได้รับคำขอบคุณ: 342
    ท่าทางผู้แต่งเก่งน่าดูเลยนะครับ ผมจะมาโพสภายหลังนะ

    สำหรับคำเกริ่น ผมอยากให้เพิ่มความสละสลวยของภาษาทำให้น่าติดตามมากขึ้นกว่านี้หน่อยนะครับ รู้สึกว่าคุณจะใช้คำแนวราบเรียบเกินไป

    ว่าแต่ เว็บแมวนี่มีคนชอบอ่านนิยายประเภทไหนเหรอครับ ผมเคยลงแต่เด็กดี

  6. #4
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 2 ยอมรับ

    ตอนที่ 2 ยอมรับ

    "เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ๆ ใจเย็น ๆ ก่อน เจน ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่ฉันไม่ใช่คนที่ทำให้เธอเป็นผู้หญิงซักหน่อย" โจบอกแต่ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่าเขาเพิ่งหลุดปากคำต้องห้ามสำหรับเจนไปซะแล้ว

    "เมื่อกี้....แกพูดว่ายังไงน้าาาาาาาาา!!!" เด็กหนุ่มที่กลายเป็นเด็กสาวง้างมือขึ้นสูงเตรียมจะลงขวานโดยที่แจ็คทำอะไรไม่ได้เลยหรืออาจะไม่กล้าทำเพราะตอนนี้ดวงตาพิฆาตถูกใช้อย่างเต็มที่ ส่วนโจนั้นวิญญาณหลุดลอยไปเรียบร้อย

    "อ๊ะ ตื่นแล้วหรือจ๊ะ เจนลูกแม่" โชคดีของโจ ที่เวลานั้นเองจริยาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับหญิงสาวผมทองในชุดกาวน์คนหนึ่งที่ดูคุ้นตาเจนมาก

    "แม่! นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้" จริยาเดินเข้าไปหาแล้วดึงตัวเจนเข้าไปกอดแน่นก่อนที่จะหันไปพูดแล้วลูบเส้นผมของลูกสาวที่เป็นอดีตลูกชายอย่างแผ่วเบา ปล่อยให้โจเป็นลมลงไปนอนล้มพับอยู่บนพื้น

    "ไม่เป็นอะไรแล้วนะลูก เอาไว้ให้คุณหมออธิบายดีกว่านะจ๊ะ" จริยาพูดจบแล้วหันไปหาหญิงสาวที่สวมชุดกาวน์อยู่ข้าง ๆ เธอเดินเข้ามาหาแล้วยื่นมือไปให้เจน

    "ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันด็อกเตอร์ เกอร์ธูท นอยช์วานสไตล์ เป็นหมอเจ้าของไข้เธอ"

    "นอยช์....คุ้น ๆ อ๊ะ หรือว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่นั่น" เจนหลุดปากออกมา เพราะไม่นึกถึงว่าคนที่มีนามสกุลในชื่อของบริษัทอันโด่งดังจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ และยังมาบอกว่าเป็นหมอ อีกต่างหาก

    "ถูกต้องแล้ว ฉันเป็นเจ้าของบริษัทนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ แต่เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับเวลานี้ เอาล่ะลองบอกฉันซิ เธอรู้สึกยังไงบ้าง" เกอร์ธูทถามพร้อมทั้งยื่นหน้าเข้ามาหาเจนจนเธอรู้สึกอึดอัด

    "เอ่อ....ก็ปกติดี ไม่สิ! ไม่ได้ปกติซักหน่อย ทำไมตัวผมถึงกลายเป็นผู้หญิงแบบนี้ได้! เธอใช่มั้ยที่ทำแบบนี้กับฉันน่ะ" เจนพูดอย่างเกรี้ยวกราดแต่จริยาปรามเอาไว้ก่อนที่แม่คุณจะลงไม้ลงมือกับคุณหมอคนดี

    "อ่า ขอโทษที ฉันนี่ชอบเอาแต่พูดแต่เรื่องของตัวเองอยู่ตลอดเลย เอาล่ะ!" เกอร์ธูทบอกแล้วจึงลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง "สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ คืออาการร่างกายปรับสมดุลของผู้ที่เป็นอินเตอร์เซ็ก"

    "อิน..อะไรนะ?" เด็กสาวถามด้วยความสงสัย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินชื่อนี้

    "อินเตอร์เซ็กคืออาการที่บอกถึงความผิดปกติทางร่ายกายโดยหนึ่งคนที่มีความเป็นไปได้ที่เป็นทั้งเพศชายและหญิง อย่างเช่นคนที่มีรูปร่างและจิตใจเป็นเพศหญิงแต่กลับมีอวัยวะของเพศชาย แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นกับเธอคืออาการที่ร่างกายเกิดเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับเพศและมันก็ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศใดที่มีมากกว่าภายในร่างกาย แน่นอนว่ากรณีของเธอคือฮอร์โมนเพศหญิง ไงล่ะ" เกอร์ธูทอธิบาย เจนพยายามตามให้ทันและพอเข้าใจได้บ้าง

    "ต..แต่ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับผม" เธอพูดเสียงสั่น การเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับเธอ ตลอดมาเธอพยายามจะเป็นผู้ชายให้สมศักดิ์ศรีเพื่อที่จะล้มล้างคำปรามาสที่เธอโดนล้อมาตั้งแต่เด็ก

    "อืม...ความจริงเคสนี้เกิดขึ้นน้อยมากสำหรับคนที่เป็นอินเตอร์เซ็ก คนที่มีอาการแบบนี้และเราค้นพบมีอยู่ไม่ถึงสิบคนเลยด้วยซ้ำ บางทีอาจจะเป็นเพราะการกระตุ้นจากภายนอกก็เป็นไปได้ อย่างเช่นอารมณ์แปรปรวนหรือการใช้แรงงานเยอะ ๆ ....ช่วงนี้เธอไปออกกำลังที่ไหนมาหรือเปล่า" เกอร์ธูทหันไปหาคำตอบจากเด็กสาว ในตอนนี้ในหัวของเจนมีภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหลมาเป็นฉาก ๆ เพราะสิ่งที่เกอร์ธูทบอกมานั้นเกิดขึ้นครบถ้วนเลยทีเดียว

    "โถ่เอ้ย! เพราะตัวเราเองแท้ ๆ" เจนพูดกับตัวเองพร้อมทั้งกำหมัดอย่างเจ็บใจ การที่เธอกลายมาเป็นผู้หญิงแบบนี้มันเหมือนกับว่ากำลังตอกย้ำสิ่งที่เธอพยายามต่อต้านมาตลอดหลายปี น้ำตา ค่อย ๆ ไหลรินออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้นของเด็กสาว

    มือบางคว้าใบหน้าของเจนให้เข้ามาซุกที่อก จริยากอดลูกสาวของเธอแน่น "ไม่ว่าลูกจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง แต่ยังไงลูกก็จะเป็นลูกของแม่อยู่เสมอนะ เจนลูกแม่"

    น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังสะท้อนลึกเข้าไปในใจของเจน ใบหน้าที่คอยปลอบปลอบประโลมเธอมาตลอด คอยให้กำลังใจและดูแลเธอมาและยังคงทำต่อแม้ตัวของเจนจะกลายเป็นแบบนี้แต่ความ อ่อนโยนนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย

    "ใช่แล้ว ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ เจน" แจ็คเองก็ไม่ปล่อยให้เพื่อนของตนรู้สึกโดดเดี่ยว พยายามให้กำลังใจ เจนได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

    "ถูกต้องแล้ว เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อนหรอกจริงมั้ยพวก" โจที่ฟื้นขึ้นมาได้บอกและยกมือตีกับแจ็คอย่างชอบใจ เจนรู้สึกซาบซึ้งใจกับมิตรภาพที่สองคนนี้มีต่อเธอมาก ในตอนนี้เวลานี้ เป็นเวลาที่ พิสูจน์มิตรภาพที่ดีที่สุด จริยา แจ็คและโจ สามคนนี้จะเป็นคนที่สำคัญต่อเธอที่สุดตลอดไป

    "ว่าแต่ต่อไปนี้พวกเราจะเรียกนายว่ายังไงดีล่ะ พวกเรายังไม่อยากโดนหมัดหรอกนะ จะให้เรียกเป็นผู้ชายเหมือนเดิมเดี๋ยวก็โดนเข้าใจว่าเป็นทอ..แอ๊ฟ!" ยังไม่ทันที่โจจะพูดจบประโยคก็โดนหมอนปาเข้าใส่เต็มหน้า ส่วนคนปานั้นก็นั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง

    "ต...ตามใจพวกนายสิ ฉันเป็นแบบนี้ไปแล้วจะเรียกยังไงก็ช่าง" ใบหน้าเขินอายเวลาที่เจนพูดนั้นดูน่ารักจนจริยาอดดึงเข้าไปสวมกอดอีกครั้งไม่ได้ หลังจากที่เจนยื้อตัวเองหลุดออกจากแม่ของตนแล้วก็พูดขึ้นอีกครั้ง

    "แต่ยังไงมันก็มีปัญหาอยู่อีกนะ จะทำยังไงกับที่มหาลัยล่ะ ฉันกลายเป็นผู้หญิงแบบนี้จะทำยังไง ไหนจะเรื่องระเบียนบ้านอีก เป็นเรื่องยุ่งแน่ ๆ"

    "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง" เกอร์ธูทพูด

    "จะจัดการยังไง นี่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐบาลเลยนะ ถ้าขืนพวกนักวิทยาศาสตร์รู้เข้าล่ะก็มีหวังเจนโดนจับตัวไปทดลองแน่" โจกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ทำเอาใบหน้าของเจนซีดลงเพราะกลัวว่าสิ่งที่เพื่อนของเธอพูดจะเกิดขึ้นกับเธอจริง ๆ เหมือนที่เคยดูในภาพยนตร์

    "มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะ เจ้าบ้า!!" เจนตวาดใส่พร้อมทั้งเขวี้ยงหมอนไปอีกครั้ง
    "คือประมาณว่าเพื่อนของฉันสามารถจัดการเรื่องนี้ให้ได้โดยจะไม่มีทางรู้ไปถึงหูของรัฐบาลของประเทศไทยอย่างแน่นอน แต่ถ้าเธอยังไม่มั่นใจฉันก็จะช่วยจัดการเรื่องความปลอดภัยให้เธอได้นะ" เกอร์ธูทพูดอย่างมั่นใจ จากในฐานะที่เธอเป็นเจ้าของบริษัทอย่างนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว เธอเองก็คงมีเส้นสายอยู่ไม่น้อยเป็นแน่

    "ขอบคุณค่ะคุณหมอ แต่คุณช่วยเหลือพวกเรามากเหลือเกิน และดิฉันเองคิดว่าคงไม่มีเงินจะพอจ่ายค่ารักษาทั้งหมดในตอนนี้..-" จริยาพูดอย่างจริงใจ แต่น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัดเพราะครอบครัวของเจนและจริยานั้นมีกันเพียงแค่สองคน พ่อของเจนเสียไปตั้งแต่เธอยังเด็ก งานที่จริยานั้นถึงจะพอหาเลี้ยงชีพได้แต่เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะมีพอใช้จ่ายค่ารักษาทั้งหมดได้

    "เรื่องนั้นไม่จำเป็นหรอกคะ โรงพยาบาลนี้เป็นหนึ่งในสาขาของบริษัทนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ ทันทีที่น้องเจนถูกส่งตัวมาที่นี่เราก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นอะไร โชคดีนะคะที่โรงพยาบาลของเราอยู่ใกล้บ้านของคุณจริยาที่สุด ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทางดิฉันขอไม่เก็บเป็นเงินแต่จะเก็บเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ..." เกอร์ธูททิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจจนเจนอดรู้สึกสยองไม่ได้

    "ค..คงไม่คิดจะเอาตัวผมไปผ่าตัดใช่มั้ยครับ" เจนพูด ทางเกอร์ธูทได้ยินก็ถึงกลับหลุดหัวเราะออกมาเล็ก ๆ

    "ฮะ ๆ ไม่ใช่หรอกจ๊ะ แค่จะขอเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของร่างกายต่อไปอีกซักหน่อยนะ อืม....แล้วยังต้องแก้ไขเรื่องนิสัยผู้ชายด้วยสินะเนี่ย" คุณหมอสาวพูดทำให้จริยาเองก็นึกขึ้นมาได้

    "จริงด้วยสิคะ น้องเจนอุตส่าห์กลายเป็นเด็กผู้หญิงแถมน่ารักขนาดนี้ แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายน่าเสียดายแย่" คุณแม่สาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดาย จนเจนเริ่มรู้สึกไม่ดีตะหงิด ๆ

    "เอาอย่างนี้เป็นไงคะ น้องเจนรู้จักเกม ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์หรือเปล่า" เกอร์ธูทถามด้วยน้ำเสียงสดใส

    "อ่า ครับ ก่อนหน้านี้เจ้าสองคนนั้นก็ไปซื้อเฮดก็อกเกิ่ลมาเล่นนี่นา" เจนพูดแล้วหันไปมองเพื่อนหนุ่มทั้งสองคน

    "งั้นดีเลย เดี๋ยวฉันจะส่งเครื่องเฮดก็อกเกิ่ลรุ่นพิเศษให้ รุ่นนี้ฉันจะดัดแปลงให้คอยตรวจสอบข้อมูลร่างกายของเธอและส่งมาให้ฉันพร้อม ๆ กับที่เธอเล่นเกมนะ แต่ยังไงเธอก็คงต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลอย่างระเอียดทุก ๆ สัปดาห์อยู่ดีเพื่อความความแน่ใจ ตกลงตามนี้นะคะคุณจริยา"

    "แน่นอนคะคุณหมอ" จริยาตอบรับคำของเกอร์ธูทเสียงใส

    "อ๊ะ ไม่ต้องเรียกคุณหมอก็ได้ค่ะ เรียกฉันเกอร์ธูทก็ได้นะคะ" คุณหมอสาวตอบอย่างเป็นมิตร แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันต่อไปอย่างถูกปากถูกคอ สองคนนี้ทั้ง ๆ ที่พบกันเพียงครั้งแรกแท้ ๆ กลับสนิทได้ถึงขนาดนี้ ดูท่าชีวิตของเจนในอนาคตคงจะเป็นเรื่องที่เกินจะคาดคิดซะแล้ว


    วันต่อมาเจนก็ออกจากโรงพยาบาลในสภาพเป็นเด็กสาวตัวเล็กหน้าตาน่ารักโดยมีจริยาและเกอร์ธูทไปหาซื้อเสื้อผ้ามาให้ใส่มากมายหลายชุด เจ้าตัวที่รู้ว่าปฏิเสธไม่ได้จึงจำใจใส่และปล่อยให้คุณแม่และคุณหมอทำตามใจ ในขณะที่เธอกำลังเดินออกจากโรงพยาบาล เจนก็ถูกสายตาของผู้ชายหลายคนจับจ้องเป็นตาเดียวเนื่องจากหน้าตาของเธอที่เดิมนั้นก็น่ารักอยู่แล้ว ยังได้ชุดมาเสริมอีกจนเป็นใคร ๆ ก็ต้องมองอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าเธอนั้นรู้สึกอายจนหน้าแดงไปหมดและรีบขึ้นรถที่เกอร์ธูทเตรียมไว้ให้ทันทีโดยไม่รีรอ

    เมื่อเจนกลับมาถึงบ้านตัวเองก็พบว่าห้องของเธอนั้นถูกตกแต่งซะใหม่ จากเดิมที่เป็นห้องธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ในเวลานี้กลับถูกทาด้วยสีชมพูสดใส ไม่เพียงแค่นั้น ทั้งตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะทำงานต่างก็เป็นสีชมพูทั้งสิ้นชนิดเรียกได้ว่าชมพูไม่ถามคนใช้เลย แน่นอนว่าเจ้าตัวโวยวายลั่นบ้านแต่ในเมื่อคนแต่งเป็นสองสาวที่เจนพูดคำว่า 'ไม่' ไม่ได้ จึงจำต้องอยู่ห้องนั้นไปก่อนละหวังเอาไว้ ว่าจะค่อย ๆ แต่งให้กลับมาเหมือนเดิมทีหลัง เจนรีบตรงไปที่เตียงนอนเป็นอันดับแรกเพราะวันนี้แม้เวลาจะยังอยู่ที่เที่ยงวัน เธอที่โดนทั้งแม่จะคุณหมอจับนั่งใส่ชุดกับเจอเรื่องวุ่น ๆ ตั้งแต่เช้าก็รู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน

    'เฮ้อ....ชีวิตต้องสู้ แต่ถ้าเจอแบบนี้ทุกวันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ' เด็กสาวคิดก่อนที่จะลืมตาขึ้นแล้วเริ่มสังเกตห้องของตน เจนเหลือบไปเห็นที่คาดผมอันใหญ่สีเขียวอยู่บนโต๊ะ เธอหยิบมันขึ้น มาและเห็นคำว่า Head Goggle พิมพ์ติดอยู่บนนั้น

    "อะไรเนี่ย กล่องที่เจ้าพวกนั้นใหญ่เบ้อเริ่ม แต่เจ้าเฮดก็อกเกิ่ลดันอันเล็กแค่นี้เนี่ยนะ" เจนพูดกับตัวเองแล้วลองสวมมันดู ทันใดนั้นเองก็มีหน้าจอแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ มันทำการจดจำ เจ้าของโดยมีชื่อของเธอและใบหน้าปรากฏขึ้นจากนั้นมันก็ดับลงไป แต่ก่อนที่เจนจะได้ทำอะไรต่อเธอก็ได้ยินเสียงของจริยาเรียกหา

    "เจน มาทานข้าวเที่ยงกันก่อนสิลูก"

    "จะไปเดี๋ยวนี้ละครับ" เจนตอบแล้วจึงเดินออกไปจากห้องโดยที่ยังสวมเฮดก็อกเกิ่ลเอาไว้บนตัวอย่างลืมตัว

    เมื่อลงมาถึงห้องครัวก็พบว่าจริยาได้เตรียมกับข้าวเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว โดยข้าวเที่ยงวันนี้เป็นขนมจีนน้ำยาป่า หนึ่งในอาหารโปรดของเจน เธอเลือกที่จะกินอาหารที่เรียบง่ายมากว่าจะเป็นอาหารหรูๆด้วยเหตุผลเดียว เพราะมันได้กินบ่อยกว่าเท่านั้นเอง

    "หืม ลูกใส่เฮดก็อกเกิ่ลบนหัวแล้วน่ารักดีนะ ดูสิของแม่ก็มีเหมือนกัน ดูน่ารักมั้ย" จริยาถามพร้อมกับขยับให้เห็นเฮดก็อกเกิ่ลสีชมพูบนหัวของเธอให้เห็นซึ่งดูเหมาะกับเธอมากทีเดียว ประกอบกับที่จริยาอายุเพียงแค่สามสิบกลาง ๆ และยังดูสาวกว่าอายุมากด้วย

    "อืม สวยฮะ ว่าแต่ด็อกเตอร์เกอร์ธูทให้เฮดก็อกเกิ่ล****าด้วยหรอ หรือว่าแม่จะเล่นเกมกับผมด้วย" เจนถามด้วยความสงสัย

    "เปล่าซักหน่อย คุณเกอร์ธูทเขาให้แม่เอาไว้เพื่อที่จะได้คุยกันต่างหาก เจ้านี่นะเขาบอกว่าใช้แทนโทรศัพท์ได้เลยนะรู้มั้ย" จริยาบอก เฮดก๊อกเกิ่ลนั้นนอกจากจะใช้เล่นเกมแล้วยังสามารถใช้ติดต่อกันโดยเห็นหน้าคนคุยจากจอแสงได้อีกด้วย ซึ่งข้อจำกัดของมันก็คือสามารถคุยแค่คนที่ใช้เฮดก็อกเกิ่ลเหมือนกันเท่านั้น

    ทั้งคู่เริ่มทานอาหารเที่ยงโดยคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไปตามประสาแม่ลูก ทั้งสองคนนี้ปกติแล้วจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จนเรียกได้ว่าเจนเป็นคนติดแม่ก็ว่าได้ ดังนั้นหลัง ๆ มานี่เธอจึงพยายามตีตัว ออกห่างโดยไปไหนมาไหนกับพวกโจบ่อย ๆ แต่ทั้งสองคนก็ยังคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนเดิมโดยที่ความสนิทสนมไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

    "จริงสิ เจน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลูกก็ลองพูดให้เหมือนเด็กผู้หญิงหน่อยได้มั้ยลูก" จริยาพูดขึ้นในขณะที่กำลังล้างจาน เจนซึ่งกำลังดูทีวีอยู่ถึงกับสะดุ้งตัวโหยง

    "แต่ว่า..."

    "น่านะ ทำให้แม่ชื่นใจหน่อยนะ" จริยาหันมาและยื่นหน้าเข้ามาหาพร้อมกับส่งเสียงออดอ้อนจนเจนต้องยอมอย่างเสียงไม่ได้

    "ก็ได้ครั....ค่ะ"

    "ว้ายยยยย น่ารักจังเลย!!" จริยาร้องพร้อมคว้าตัวลูกสาวมากอดจนชื่นใจแล้วจึงหันกลับไปล้างจานต่ออย่างอารมณ์ดี เจนที่เห็นดังนั้นก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ พร้อมกันนั้นเอง เฮดก็อกเกิ่ลของเธอก็ฉายจอแสงขึ้นมาอีกครั้ง ตัวอักษรภาษาไทยปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอบอกว่ามีสายเรียกมาจากโจ อวาเรส และยังถามอีกว่าจะรับสายหรือไม่

    "เอ่อ...รับสาย" เมื่อพูด ใบหน้าของโจก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่ทันที

    "ไงเจน กลับถึงบ้านแล้วสินะเป็นยังไงบ้างเพื่อน" โจถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง พอเจนทำท่ากำลังจะตอบโจก็ขัดขึ้นซะก่อน "อ๊ะ เดี๋ยวนะ เรียกเจ้าแจ็คมาคุยด้วยกันเลย เอาล่ะติดต่อ แจ็ค โลเปส" ไม่นานหลังจากที่โจพูด รูปภาพของแจ็คก็ปรากฏขึ้นมาข้างๆโจ เธอเองสังเกตได้ว่าเฮดก็อกเกิ่ลของทั้งคู่นั้นไม่เหมือนเธอที่เป็นที่คาดผม ของโจและแจ็คกลับเป็นเหมือนกับหูฟังที่คลุมหูด้วยหนังสีขาว

    "ทำไมเฮดก็อกเกิ่ลของพวกนายเป็นแบบนั้นล่ะ ของฉันทำไมดันได้เป็นที่คาดผม" เจนถามด้วยความสงสัยปนอิจฉา

    "ก็มันมีให้เลือกสองแบบไง ส่วนใหญ่พวกผู้ชายก็เลือกใช้หูฟังนี่ล่ะ ฟันธงได้เลยว่าหมอเกอร์ธูทตั้งใจส่งของผู้หญิงที่เป็นที่คาดผมให้เธอแน่ๆ" แจ็คบอก

    "ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ จริงสิ บอกยอมรับนี่หน่อยซิ ส่งข้อเสนอล็อกอินหมู่ เกมดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์" โจพูดแล้วที่หน้าจอของเจนก็มีช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆขึ้นมาโดยมันบอกไว้เหมือนกับที่โจพูดไว้ไม่ผิดเพี้ยน เธอได้ยินเสียงแจ็คตอบตกลงเธอก็เลยว่าตาม

    "ตกลง ..แล้วอะไรคือล็อกอินหมู่ล่ะ" เด็กสาวถามเพราะเธอนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทั้งเกมดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์หรือเจ้าเฮดก็อกเกิ่ลเลยแม้แต่น้อย

    "เอาเถอะ เดี๋ยวเธอก็รู้เองนั่นล่ะ เดี๋ยวพวกเราค่อยล็อกอินเข้าเกมอีกทีตอนสามทุ่มนะจะได้ไม่เสียเวลา ตอนนี้ฉันขอแนะนำว่าให้ไปหาข้อมูลของเกมกันก่อนดีกว่า เกมนี้รายละเอียดเพียบเลย โดยเฉพาะเธอ เจน ทำความเข้าใจกับเฮดก็อกเกิ่ลด่วนเลย เดี๋ยวถึงเวลาแล้วยังเข้าเกมไม่เป็นขึ้นมาละจะเสียเวลา" โจพูดแล้วเขาก็ส่งลิ้งสู่กระดานข่าวสารของเกมมาและตัดการติดต่อทันที


    เจนเก็บลิ้งนั้นเอาไว้แล้วออกคำสั่งให้เปิดคู่มือเฮดก็อกเกิ่ลอ่าน ปกติแล้วเจนค่อนข้างเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สนใจล่ะก็ อย่างเก่งก็ได้แค่อ่านผ่าน ๆ เท่านั้นเอง เช่นเดียวกันกับหนังสือคู่มือเฮดก็อกเกิ่ลที่ เธอพยายามถ่างตาอ่านแทบตาย เธอก็รู้เพียงแค่วิธีการเข้าเกมและเข้าเว็บไซด์เท่านั้น อีกอย่างที่เธอรู้ก็คือเครื่องเฮดก็อกเกิ่ลนั้นจะต้องติดตั้งแยกอีกเครื่องภายในบ้านหลังจากปิดหนังสือคู่มือไปเธอก็เรียกหน้าเว็บไซด์กระดานข่าวสารของเกม ดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์ทันทีโดยตัดสินใจอ่านจากส่วนคู่มือเบื้องต้นก่อน

    เกม ดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์นั้นต่างจากเกมอื่น ๆ ตรงที่เวลาเพิ่มระดับของผู้เล่นนั้นนอกจากได้ค่าประสบการณ์จากการจัดการกับมอนสเตอร์ตามปกติแล้วแล้ว ยังสามารถได้เพิ่มจากการทำภารกิจต่างๆที่อยู่ในเกมอีกด้วยแต่มีข้อจำกัดอยู่ว่าจะสามารถเพิ่มระดับได้ทีละ 1 ระดับเท่านั้น ดังนั้นถ้าหากฆ่ามอนสเตอร์ที่มีระดับสูงกว่าผู้เล่นมาก ๆ หรือได้ค่าประสบการณ์จากภารกิจขั้นสูงก็จะเพิ่มระดับได้เพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้นไม่มีการเพิ่มมากกว่าหนึ่งระดับ แต่ก็สามารถได้ค่าประสบการณ์เพิ่มจากการจัดการมอนสเตอร์หลาย ๆ ตัว หรือได้จากความชำนาญในการต่อสู้ของผู้เล่น ซึ่งตรงจุดนี้จะถูกประมวลผลโดยซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แล้วจะทำการเพิ่มค่าประสบการณ์ให้ผู้เล่น ซึ่งจุดนี้ทำให้คนที่มาเล่นเกมต่างถูกใจกับความแปลกใหม่เป็นอย่างมาก

    แล้วระดับของผู้เล่นยังถูกแบ่งออกเป็นสี่ยศ นั่นก็คือ ทหาร ขุนนาง ราชา เทพเจ้า ซึ่งการจะเลื่อนระดับในแต่ละยศก็ต้องมี ระดับเต็ม 100 ซะก่อนจากนั้นถึงจะเปลี่ยนยศได้ ซึ่งความยากก็สุดๆที่สามารถเพิ่มนะดับได้เพียงทีละระดับทำให้จนถึงตอนนี้ ในเกมมีคนที่ระดับสูงสุดเพียงแค่ราชา ระดับ60 เท่านั้นเอง จากระยะเวลา 1 เดือนในเกมที่เปิดให้เล่นซึ่งเทียบกับเวลาในเกมก็ คือ 1 ปีก็ถือได้ว่าเร็วมากสำหรับผู้เล่นคนนี้

    ส่วนอาชีพในเกมนั้นมีมากมายหลากหลาย โดยทุกคน สามารถรับอาชีพได้มากกว่าหนึ่งอาชีพด้วย ประมาณว่าใครอยากจะเป็นอะไรก็เป็นได้ เป็นกี่อย่างก็ได้ตามต้องการแต่แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลกับการเพิ่มระดับด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่ชำนาญในการใช้ความสามารถของอาชีพทั้งหมดของตน ก็จะกลายเป็นว่าตนเองนั้นอ่อนปวกเปียกซะยิ่งกว่าคนเริ่มเล่นใหม่ซะอีก ดังนั้นคนส่วนมากก็จะเลือกที่จะรับอาชีพกันหนึ่งหรือสองอาชีพเท่านั้น

    โลกของเกม ดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์นั้นแบ่งออกเป็น 4 ส่วน โดยจะแบ่งออกตามทวีปหลักในโลกจริงๆก็คือ อัลเทเชียคือเอเชีย ยูโรปาก็คือยุโรป ไลเทเชียคือทวีปอเมริกาทั้งหมด และสุด ท้ายคือทารันทา เป็นสถานที่ที่ไม่เคยมีผู้เล่นบุกเบิกมาก่อน ทั้งสามทวีปนั้นก็ยังแบ่งผู้เล่นอยู่ตามประเทศอีกด้วย ทำให้โลกของเกมนี้กว้างขวางมากเลยทีเดียว แต่ความเป็นไปได้ที่จะได้เจอชาวต่างชาติก็ยังมีอยู่ ดังนั้นเกมนี้จึงออกแบบให้มีการแปลภาษาอัตโนมัติทำให้ไม่ว่าใครพูดภาษาอะไรก็สามารถเข้าใจกันได้ทั้งหมด

    เจนอ่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเกมจนตกเย็นจากนั้นจึงทานอาหารเย็นที่จริยาเตรียมเอาไว้ให้ และแน่นอนว่าเป็นของโปรดของเธออีกตามเคย หลังจากทานเสร็จเธอก็ตัดสินใจที่จะไป อาบน้ำ ถึงแม้ในตอนแรกจะมีปัญหาอยู่เล็กน้อย เพราะเธอเองยังมีจิตใจที่เป็นผู้ชายอยู่ จะให้มาจ้องร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กสาวถึงแม้จะในตอนนี้จะเป็นร่างกายของตัวเองแล้วก็ตามที เจนก็ยังรู้สึกที่จะอายไม่ได้

    หลังจากอาบน้ำเสร็จเจนก็ตรงไปที่ห้องนอนและล้มลงเตียงอย่างเหนื่อยล้า เธอต้องรีบปรับตัวให้เร็วที่สุด เพราะถ้าแค่อาบน้ำยังเป็นแบบนี้ทุกวันล่ะก็ในอนาคตเธอก็คงหมดหวังที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขแล้ว

    เจนหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างเตียง มันบอกเวลาว่าตอนนี้สองทุ่มครึ่งแล้ว เธอหยิบเฮดก็อกเกิ่ลมาสวมและทำการติดต่อไปหาโจทันที

    "ไง กำลังคิดจะโทรไปพอดี" ภาพของโจปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอโดยมีแจ็คปรากฏขึ้นข้างๆ

    "ฉันอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเกมแล้ว ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเพิ่มระดับเท่าไหร่เลย" เจนบอก

    "อ่า เรื่องนั้นฉันเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน เอาไว้ไปถามเจ้าหน้าที่ในเกมดู ว่าแต่พวกเราจะล็อกอินกันเลยมั้ย" โจถาม แต่แจ็คแย้งขึ้นมา

    "ตอนนี้หรอ ยังไม่สามทุ่มเลยนะ"

    "ไม่เป็นไร ๆ ความจริงจะเข้าเร็วหรือช้าก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะยังไงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ" โจพูด จริงอย่างที่เขาว่าเพราะยังไงตอนนี้เจนก็ไม่มีอะไรจะอ่านในกระดานข่าวสาร ของเกมอีกแล้วด้วย

    ทั้งสามตกลงที่จะล็อกอินเข้าไปในเกมจึงทำการตัดการสื่อสาร เจนปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวลงนอน

    "เชื่อมต่อ ดิ โอเพ่น เวิร์ด ออนไลน์" เจนพูด ทันใดนั้นหน้าจอแสงก็ขึ้นบอกว่าทำกำลังการเชื่อมต่อ พร้อมกันนั้นเธอก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาอย่างฉับพลัน เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งจนฝืนเปิดอยู่ไม่ไหวแล้วราตรีก็มาเยือนเธออย่างช้า ๆ

    'ขอให้สนุกกับดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์' ตัวหนังสือบนจอแสงขึ้นเป็นอย่างสุดท้ายก่อนที่มันจะหายไป ทิ้งให้ห้องตกอยู่ในความมืดมน

    จบตอนที่2



    -------------------------

    ตอบคุณsantisook01 นะครับ สำหรับตรงคำเกริ่นความจริงแล้วนั่นไม่ใช่คำเกริ่นอ่ะครับ แต่เป็นบทนำ ส่วนสำหรับความสละสลวยของภาษาในนิยายเรื่องนี้ผมไม่คิดเขียนให้มันสวยขนาดนั้นอ่ะครับ เพราะตอนที่ผมแต่งผมคิดว่าตอนที่ผมอ่านนิยายผมไม่ค่อยชอบภาษาสละสลวยเท่าไหร่เพราะอ่านเข้าใจยาก เอาภาษาอ่านง่าย ๆ สนุก ๆ น่าจะดีกว่าอ่ะครับ

    สำหรับเรื่องเว็บแมว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าคนที่นั่นชอบนิยายแนวไหนบ้าง ผมแค่อยากให้คนอ่านนิยายผมเยอะ ๆ ก็เลยลงหลาย ๆ ที่เท่านั้นเองครับ

  7. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  8. #5
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่3 ล็อกอินครั้งแรกและตายครั้งแรก

    ตอนที่3 ล็อกอินครั้งแรกและตายครั้งแรก

    เมื่อเจนรู้สึกตัวขึ้นเธอก็พบว่าในตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องนอนของเธออีกต่อไป เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าตัวเธออยู่ในห้องสีขาวไร้กำแพงกว้างสุดลูกหูลูกตา หันไปอีกทางก็พบพวกโจกำลังเดินเข้ามาหา โดยทั้งคู่สวมชุดสีขาวเนื้อผ้าเบา เมื่อสังเกตตัวเองก็พบว่าเธอเองก็อยู่ในชุดเดียวกัน

    "รู้สึกเป็นยังไงบ้าง สำหรับการออนไลน์ครั้งแรก" โจถาม

    "รู้สึกไม่ต่างจากปกติเลย นี่พวกเรากำลังอยู่ในโลกออนไลน์จริง ๆ หรือเนี่ย" เจนรู้สึกทึ่งมากสำหรับประสบการณ์ออนไลน์ครั้งแรกของเธอ และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเล่นเกมที่สามารถเล่นเป็นตัวละครได้สมบรูณ์แบบเช่นนี้ เดิมทีนั้นเธอเล่นแต่เกมรุ่นเก่าที่ต้องใช้ทีวีในการแสดงผล ถึงเกมรุ่นใหม่ที่สามารถเล่นได้อย่างเหมือนจริงออกมาเกือบสี่ปีและมีอยู่หลายสิบเกมแล้ว แต่เกมรุ่นเก่าก็ยังคงเป็นที่นิยมสำหรับคงที่มีฐานะต่ำอยู่

    "ว่าแต่พวกนายมาได้ยังไงเนี่ย ปกติเวลาสร้างตัวละครกันเขาสร้างกันแค่คน...อ้อ นี่เพราะไอ้ล็อกอินร่วมที่ให้กดนั่นล่ะสิ" เจนว่าพลางนึกถึงข้อตกลงที่เด็กหนุ่มส่งมาให้ก่อนหน้านี้

    "ถูกต้องแว้ว พวกเรารีบพาเธอไปสร้างตัวละครกันดีกว่า จะได้รีบ ๆ เข้าไปเล่นเกมกัน" โจพูดแล้วรีบผลักเจนเดินไปด้านหน้าโดยมีแจ็คเดินรั้งท้ายตามมา

    เมื่อเดินไปซักพักเจนก็มองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีผมสีบลอนทองมัดเป็นมวย ดวงตาสีเขียวดูน่ารัก และอยู่ในชุดผ้าบางสีขาวทำให้เธอดูอย่างกับนางฟ้าไม่มีผิด เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

    "สวัสดีค่ะ คุณเจนและเพื่อน ๆ ฉันชื่อเมลฟีน่า ด็อกเตอร์เกอร์ธูทขอให้ฉันมาช่วยอธิบายข้อมูลของเกมนี้คุณคุณฟังค่ะ" เธอแนะนำตัวเอง โจได้ยินจึงยกมือขึ้นถาม

    "อ่า งั้นขอถามเรื่องการเพิ่มระดับหน่อยได้มั้ยครับ ขอแบบเข้าใจง่าย ๆ หน่อยนะครับ พอดีในกระดานข่าวยังอธิบายไม่ค่อยเข้าใจ" โจถาม

    "เข้าใจแล้วล่ะ คงต้องบอกสิ่งที่ไม่มีอธิบายในกระดานข่าวสารก่อนสินะคะ เอ...เนื่องจากเกมนี้ไม่ได้มีค่าประสบการณ์เป็นตัวเลขตายตัว โดยในแต่ละระดับจะนับเป็นเปอร์เซ็นต์ และมอนสเตอร์แต่ละตัวจะให้ค่าประสบการณ์ไม่เท่ากันเนื่องจากระดับของมอนสเตอร์ที่สามารถพัฒนาได้ ความชำนาญในการจัดการมอนสเตอร์ของผู้เล่นและผู้เล่นจะไม่ได้ค่าประสบการณ์จากมอนสเตอร์หรือผู้เล่นที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าอีกด้วยค่ะ และสุดท้ายก็คือผู้เล่นสามารถเพิ่มเลเวลจากมอนสเตอร์หนึ่งตัวต่อหนึ่งเลเวลค่ะ" เมลฟีน่าอธิบาย

    "ถ้าอย่างงั้นก็แปลว่าถ้าหากพวกเราทำภารกิจที่ให้ค่าประสบการณ์มาก ๆ หรือจัดการมอนสเตอร์ที่มีระดับมากกว่าเราเยอะ ๆ ก็เพิ่มระดับได้ทีละระดับอยู่ดีน่ะสิ" แจ็คว่า

    "ใช่ค่ะ ค่าประสบการณ์ที่เกินมาในการเพิ่มระดับจะถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด แต่ถ้าหากมีกลุ่มอยู่ล่ะก็จะสามารถแบ่งค่าประสบการณ์ไปให้คนในกลุ่มได้ค่ะ แต่ถึงยังไงพอเล่นไปซักพักหนึ่ง การเพิ่มจะดับก็จะยากขึ้นจนต่อให้จัดการมอนสเตอร์ที่มีระดับต่างกันกว่าสามสิบระดับก็ยังได้ค่าประสบการณ์ไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยล่ะค่ะ อย่างน้อยถ้าหากคุณจัดการมอนสเตอร์หลาย ๆ ตัวในครั้งเดียวก็ยังสามารถเพิ่มเลเวลได้มากกว่าครั้งละหนึ่งระดับนะคะ และยังมีโบนัสจากมอนสเตอร์ระดับบอสด้วยค่ะ" นางฟ้าอธิบาย

    "แล้วอะไรคือความชำนาญหรือครับ มันดูที่ตรงไหน" คราวนี้เจนเป็นคนถามบ้าง เมลฟีน่ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ

    "ความชำนาญก็คือความชำนาญของคุณเองนั่นแหละค่ะ ไม่ใช่สถานะในเกม ถ้าหากคุณมีฝีมือด้านการใช้อาวุธในโลกจริง ในเกมนี้คุณก็จะมีความชำนาญในการใช้อาวุธสูงทำให้พวกผู้เล่นเหล่านี้ค่อนข้างจะได้เปรียบมากเลยทีเดียวค่ะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะคะ ที่นี่มีเวลาที่คุณจะฝึกอยู่เยอะและยังมีสถาบันฝึกสอนตามเมืองหรือภารกิจที่ได้พบNpcพิเศษที่เป็นผู้ฝึกสอนเก่ง ๆ อยู่ไม่น้อย ดังนั้นถึงจะสู้ไม่เก่งแต่ไม่เกินหนึ่งเดือนในเกมคุณก็สามารถฝึกตัวเองให้สามารถออกไปผจญภัยได้แล้วล่ะค่ะ" นางฟ้าพยายามอธิบายเมื่อเห็นใบหน้าเบื่อโลกของโจ เป็นความจริงที่มันค่อนข้างจะแปลกที่เกมนี้ตั้งใจจะให้ผู้เล่นมีความรู้ทักษะจริง ๆ แทนที่จะเน้นไปให้ผู้เล่นเล่นเกมอย่างเกมอื่น

    "อืม ความจริงนี่ก็สมกันกับชื่อเกมดีนะ เปิดโอกาสให้เราทำได้ทุกอย่างแต่ระบบช่วยเหลือผู้เล่นก็น้อยเหมือนกัน" แจ็คบอก

    "ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกคะ อันนี้เป็นแค่เรื่องความชำนาญ ถ้าเป็นเรื่องทักษะอาชีพและทักษะติดตัวสามารถเรียนผ่านสถาบันหรือหนังสือทักษะ หรือได้ตามระดับโดยไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกเหมือนกับเกมอื่น ๆ นั่นล่ะคะ และระบบช่วยเหลือผู้เล่นอื่น ๆ อย่างช่องเก็บของก็ยังมีอยู่ รับรองว่าไม่ลำบากแน่นอนค่ะ" เมลฟีน่าบอกเพื่อให้ทั้งสามคนสบายใจ เธอหยุดเพื่อให้ทั้งสามคนถามแต่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ "ถ้าหากไม่มีคำถามฉันก็ขอเริ่มสร้างตัวละครของคุณเจนต่อเลยนะคะ"

    เมื่อพูดจบก็มีกระจกบานใหญ่ปรากฏขึ้นมาด้านหน้าของเจน โดยบนกระจกก็มีปุ่มเล็ก ๆ ที่ใต้ปุ่มนั้นมีรูปส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าแปะอยู่

    "ปุ่มพวกนี้เอาไว้สำหรับปรับใบหน้า ปกติแล้วจะสามารถปรับได้ไม่เกิน สิบเปอร์เซ็นต์ แต่..-"

    "แจ็คจับเจ้าเจนไว้ ฉันรู้ว่ายัยนี้เหมาะกับหน้าแบบไหน" โจรีบเข้ามาที่หน้ากระจกก่อนที่เมลฟีน่าจะพูดจบ

    "เฮ้ย นี่แกคิดจะทำอะไรของแกหาาาาา!! เฮ้ยยย! แล้วแกมาจับทำไมหะแจ็ค ปล่อยช้านนนนนน" เจนโวยวายเสียงดัง เธอพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของเพื่อนร่างใหญ่ แม้เธอจะหมัดหนัก รู้วิชาการต่อสู้แต่ก็ไม่อาจสู้พละกำลังของแจ็คได้อยู่ดี

    "โทษทีวะเพื่อน พอดีฉันเองก็อยากเห็นหน้าที่โจมันทำให้เธอเหมือนกัน" แจ็คตอบพลางยิ้มอย่างชอบใจ ขณะเดียวกันนั้นโจก็เริ่มกดโน้นกดนี้อย่างช่ำชอง แต่ที่เจนเห็นนั้นมันตรงกันข้ามชัด ๆ

    "เสร็จแล้ว! ผลงานชิ้นโบแดงเลยนะเนี่ย" โจเอ่ยอย่างภูมิใจ

    "โห สุดยอดไปเลยโจ อย่างกับโฉมงามกับเจ้าชายอสูรเลย แต่เป็นอสูรนะ ไม่ใช่โฉมงาม วะฮ่าฮ่าฮ่า!" แจ็คและโจหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ปล่อยให้เจนล้มลงคุกเข้าบนพื้นด้วยความเจ็บใจเพราะในตอนนี้หน้าของเธอนั้นแปลกประหลาดจนดูไม่เป็นผู้เป็นคนเลยแม้แต่น้อย ดวงตาแต่ละข้างย้ายไปอยู่บนหน้าผาก ปากก็เฉดูน่าเกลียด จมูกก็โตและมันวับ ผมก็ชี้ฟูเหมือนกับโดนไฟช็อต เมลฟีน่าเองก็อดขำไปกับใบหน้าของเจนในเวลานี้ไม่ได้

    "หนอยยยแนะไอ้แจ็ค ไอ้โจ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ แล้วฉันจะเปลี่ยนหน้าให้กลับมาเหมือนเดิมได้มั้ยเนี่ย" เจนพูดด้วยความเหนื่อยใจ

    ไม่เป็นไรค่ะ ด็อกเตอร์เกอร์ธูทกำฉับฉันมาเลยว่า 'ห้ามเจนเปลี่ยนแปลงใบหน้ากับชื่ออย่างเด็ดขาด และอยู่ในเกมก็อย่าลืมฝึกมารยาทความเป็นเด็กผู้หญิงด้วย' บอกมาแบบนี้ล่ะคะ" เมลฟีน่าพูดคำตามที่เธอถูกกำชับให้มาบอก เจนก็พอจะเข้าใจได้แล้วสำหรับเรื่องแรก แต่ไอ้อันหลังนี่คงเป็นแม่ของเธอคงไปบอกคุณหมอตัวดีแน่ ๆ เลยถึงได้มาจ้ำจี้จ้ำไชถึงในเกมแบบนี้ เจนลุกขึ้นและรีบเปลี่ยนใบหน้าของตัวเองให้กลับเป็นเหมือนเดิม จากนั้นเธอก็ไปพูดแกมบังคับ (แบบสุดๆ) ให้ทั้งโจและแจ็คห้ามปรับแต่งใบหน้าตัวละครและชื่อเช่นเดียวกับเธอ

    "ต่อไปก็เรื่องสถานะร่างกายของตัวละครนะคะ โดนปกติแล้วจะวัดจากค่าพื้นฐานตามร่างกายจริง ๆ ของตัวผู้เล่น เพื่อความสมจริงของเกมค่ะ" เมลฟีน่าพูดแล้วเธอก็กดอะไรบางอย่างลงบนหน้าจอแสงด้านหน้าของเธอ เพียงครู่หนึ่งหน้าต่างสถานะของทั้งสามคนก็ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าของแต่ละคน

    ชื่อ:เจน
    อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ชั้นทหาร ระดับ 1
    สถานะตัวละคร
    พลังชีวิต 105/105 พลังเวทมนตร์ 107/107
    ค่าความอิ่ม 100/100 ค่าความเหนื่อย 100/100

    สถานะพื้นฐาน
    พลังโจมตี 15 ความฉลาด 7
    พลังป้องกัน 3 พลังป้องกันเวท 8
    ความเร็ว 6 ความอดทน 5
    ความแม่นยำ 4 โชค 9

    "อืม ทำไมดูน้อยจัง พลังโจมตีแค่สิบห้าเอง" เจนมองสถานะของตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างสงสัย โจที่ได้ยินค่าสถานะของเจนถึงกับต้องหันมามองอย่างตกใจ

    "หา! สิบห้า นั่นมันเกินค่ามาตรฐานของคนปกติแล้วนะเว้ย ตอนเริ่มเกมทั่วไปก็มีแค่เก้าก็ถือว่าสูงมากแล้ว ไหนมาดูซิ พลังป้องกันเวทแปด โชคเก้า สถานะระดับท็อป ๆ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า"

    "หืม แต่ของนายเองก็พอ ๆ กับฉันนี่ ถึงจะไม่ถึงเก้าซักอัน แต่ก็ไม่มีอันไหนต่ำกว่าเจ็ดเลย" เจนพูดเมื่อหันไปมองหน้าต่างสถานะของโจแล้ว จากนั้นเธอจึงหันไปดูของแจ็คบ้าง "โห นายเองก็มีพลังโจมตีเท่ากับฉันเลยนี่นา"

    "ไหนดูซิ ค่าพลังป้องกันทั้งสองอย่างและพลังป้องกันเวทก็เกินสิบด้วย แต่ค่าความฉลาดมีแค่หนึ่งเองแฮะ" โจพูดเสริม

    "แล้วไงล่ะ ถ้ารวมแล้วค่าสถานะของฉันมากกว่าใครเพื่อนนะเว้ย!" แจ็คกล่าวโอ้อวดตนเอง แต่โจก็ไม่ยอมแพ้จนทั้งคู่ก็เริ่มปะทะคารมกัน เจนที่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับสองคนนี้ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเดี๋ยวทั้งสองคนก็คงจะเลิกไปเอง เธอจึงหันไปสนใจกับค่าสถานะตัวละครต่อ

    "ค่าสถานะพวกนี้มันคืออะไรหรือครับ...คะ" เจนต้องรีบเปลี่ยนคำลงท้ายหางเสียงเมื่อเห็นสายตาของเมลฟีน่า เพราะถ้าหากเจนยังพูดเป็นผู้ชายต่อไปมีหวังเรื่องนี้คงรู้ไปถึงหูจริยาและเกอร์ธูทอย่างแน่นอน และถ้าหากเป็นเช่นนั้นเกอร์ธูทอาจส่งใครมาคุมความประพฤติเธอในเกมก็เป็นได้

    "ค่าสถานะพวกนี้ใช้วัดความแข็งแกร่งของร่างกายตัวละครค่ะ อย่างพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์เป็นค่าพื้นฐานหนึ่งร้อย บวกกับสถานะพื้นฐานความอดทนและความฉลาดจะเท่ากับพลังชีวิตและพลังเวททั้งหมดค่ะ ส่วนพลังโจมตีและพลังป้องกันนี่จะเป็นค่าพื้นฐาน จะเพิ่มอีกเมื่อสวมใส่อาวุธและพลังป้องกัน ความเร็วนั้นจะขึ้นอยู่กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ ถ้าหนักเกินไปหรือดูเทอะทะ ความเร็วก็จะลดลง ส่วนค่าสถานะที่เพิ่มมากกว่าหนึ่งอย่างคือความอดทนและความฉลาด ความอดทนนอกจากเพิ่มพลังชีวิตแล้วยังช่วยทำให้ค่าความอิ่มและค่าความเหนื่อยลดช้าลง อีกสองสถานะที่เหลือคงไม่จำเป็นต้องอธิบายนะคะ...อ้อ อีกอย่างหนึ่ง คือค่าสถานะพื้นฐานทั้งหมดไม่เพิ่มจากเพิ่มระดับแต่สามารถเพิ่มได้จากการฝึกฝนนะคะ เว้นก็แต่ค่าโชคที่หาทางเพิ่มยากหน่อย แต่ปกติแล้วค่าพลังนี้จะไม่เพิ่มเลยล่ะค่ะ" เมลฟีน่าอธิบายยาวเหยียดแต่ก็ทำให้เจนได้ความรู้มาไม่น้อย

    หลังจากที่สองหนุ่มทะเลาะกันจนเบื่อแล้วจึงเข้ามาสมทบกับเจนและเมลฟีน่า ถึงจะบอกว่าทะเลาะกันแต่ก็เป็นแค่มีปากเสียงธรรมดาตามประสาเพื่อนเท่านั้น เมลฟีน่าเอ่ยปากถามพวกเจนอีกครั้งว่ามีอะไรสงสัยอีกมั้ย ทั้งสามคนส่ายหน้าเป็นคำตอบเพราะต้องการที่จะเข้าไปสัมผัสโลก ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ ซะเต็มแก่แล้ว

    "ถ้าอย่างนั้นก่อนไปด็อกเตอร์เกอร์ธูทฝากให้ของรางวัลกับพวกคุณค่ะ เป็นกล่องปริศนาสีทองคนละกล่อง....เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ" เมลฟีน่าถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสามคนจ้องมองกล่องกระดาษสีทองที่ปรากฏออกมาตรงหน้าอย่างแปลก ๆ สามหน่อมองหน้ากันก่อนที่โจจะเป็นคนพูดออกมา

    "คืออย่างนี้นะครับ พวกเราไม่ค่อยอยากได้ไอ้พวก เอ่อ...ของแถม ของรางวัลพวกนี้เท่าไหร่ พวกเราอยากหาของพวกนี้เองในเกมมากกว่า"

    "ใช่ครับ ได้มาตั้งแต่แรกแบบนี้มันโกงน่ะครับ" แจ็คเสริมคำพูดของโจโดยมีเจนพยักหน้าเห็นด้วย เมลฟีน่าแปลกใจกับความคิดของทั้งสามคนมากเพราะไม่มีใครเคยปฏิเสธของเริ่มต้นสำหรับไอดีระดับโกลด์มาก่อน โดยปกติแล้วคนที่จะได้ไอดีระดับโกลด์ได้จะต้องซื้อเครื่องเฮดก็อกเกิ่ลแบบแพลทตินั่มเท่านั้น ซึ่งสเป็คเครื่องไม่ได้ต่างอะไรกันกับรุ่นปกติเลย เพียงแค่มีลวดลายตกแต่งเพิ่มเติมโดยที่ราคาสูงกว่าปกติสองเท่า ซึ่งเจนได้ไอดีของเธอเป็นระดับโกลด์เพราะเกอร์ธูทเป็นคนจัดการให้ และยังเผื่อแผ่ของรางวัลไปให้สองหนุ่มที่เป็นไอดีธรรมดาอีกด้วย

    "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณเมลฟีน่าช่วยสุ่มที่เกิดให้พวกเราไปอยู่ในสถานที่ที่ทำให้พวกเราแปลกใจได้ก็แล้วกัน ถ้านั่นไม่เกินคำขอนะ..คะ" เจนพูดเมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้าทำหน้าลำบากใจ

    "จะดีหรือคะ ถ้าเกิดสุ่มไปเจอมอนสเตอร์ระดับสูงขึ้นมาเดี๋ยวก็ตายหรอก" เมลฟีน่าร้องถามอย่างตกใจ

    "เรื่องแค่นั้นสบายใจเถอะครับ ถ้าหากเจอบอสล่ะก็ ผมก็ได้โอกาสแสดงฝีมือของผู้กล้าโจให้มันเห็นไปเลย" โจบอกพร้อมแอ็คท่าอย่างมั่นใจ

    "แสดงไปตายอนาถอ่ะสิ ฉันว่านายน่ะแค่สู้กับมอนสเตอร์ยังลำบากเล้ย อย่างที่นายไปลากพวกมอนสเตอร์ระดับต่ำมาใส่ฉันในเกมนั่นไง" แจ็คพูดทับถม จนทั้งสองเริ่มจะมีปากเสียงกันอีกครั้ง เจนที่อยากจะรีบเล่นเกมเร็ว ๆ ก็ต้องลงมือห้ามศึกทั้งคู่ก่อนจะหันไปพูดกับเมลฟีน่าอีกครั้ง

    "เรามาเล่นเกมออนไลน์แบบนี้ จะตายซักสิบครั้ง ยี่สิบครั้งมันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร แล้วอีกอย่างพวกเราเพิ่งระดับหนึ่งเองด้วย ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว" เจนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมลฟีน่ามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง เธอยิ้มแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะใช้มือกดลงหน้าจอแสงด้านหน้าของเธออย่างช้า ๆ

    "ถ้าอย่างนั้นฉันขอเลือกให้ก็แล้วกันนะคะ ที่นี่รับรองว่าจะต้องชอบใจพวกเธอแน่นอนค่ะ" เมลฟีน่าพูดแล้วใช้นิ้วกดลงบนหน้าจอแสงของเธออีกครั้ง ร่างของทั้งสามคนก็เริ่มที่จะเปล่งแสงออกมา

    "พอเข้าเมืองแล้วอย่าลืมไปรับอุปกรณ์เริ่มต้นที่อาคารระบบนะคะ แล้วก็ขอให้โชคดีนะ" นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเมลฟีน่าที่เจนได้ยินก่อนที่เธอจะรู้สึกเหมือนตัวถูกยกไปโดยสายลมแรง

    ในห้องทำงานของเกอร์ธูท เธอกำลังคุยกับชายสองคนในห้องสีน้ำตาลที่ถูกตกแต่งด้วยตู้เอกสารมากมายซึ่งบรรจุผลงานของด็อกเตอร์สาวเอาไว้ โดยกระดาษแผ่นหนึ่งนั้นมีค่าหลายล้านเพราะในนั้นมีแบบแปลนของเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ มากมายซึ่งคิดค้นโดยตัวเกอร์ธูทเอง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำยุคกว่าปัจจุบันมากเลยทีเดียว

    ดังนั้นชายทั้งสองคนที่มาคุยกับเกอร์ธูทก็น่าจะมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย เพราะการที่คนระดับอย่างเกอร์ธูทที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกและซีอีโอควบกับผู้ก่อตั้งนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์มาคุยกันอย่างเป็นการส่วนตัวเช่นนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง แต่ดูจากสีหน้าของทั้งสามที่ยิ้มแย้มราวกับเพื่อนสามคนกำลังพูดคุยกันนั้นคงอนุมานได้ว่าพวกเขาไม่ได้คุยกันเรื่องของธุรกิจเป็นอย่างแน่

    เวลานั้นเองเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของชายหนุ่มผมทองก็ดังขัดการสนทนาของทั้งสามเอาไว้

    "โทฮาน บอกแล้วว่าเวลางานอย่าเปิดโทรศัพท์ไง" เกอร์ธูพูดแต่น้ำเสียงของเธอก็ไม่ได้สนใจนัก

    "ขอโทษที พอดีเบอร์คนในครอบครัวน่ะ ว่าไงเมล" ชายหนุ่มตอบคำแล้วจึงหันไปพูดกับคนที่ติดต่อมา

    "หึ ก็แปลกดีนะ พวกเรามาอยู่ในยุคที่ทันสมัยขนาดนี้แล้ว เจ้านี่ยังใช้มือถืออยู่เลย" ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้น เขาดูมีอายุมากพอสมควรจนผมสีดำของเขาเริ่มมีเส้นผมสีขาวแซมขึ้นมา แต่ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาจนสาว ๆ หลงเสน่ห์ได้ไม่ยาก

    "มันก็ใช่ว่าทุกคนจะมีเฮดก็อกเกิ่ลใช้ซะเมื่อไหร่ คนทั่วไปก็ยังใช้มือถืออยู่เหมือนกันแหละน่า นายนี่ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้" เกอร์ธูทตอบ ประจวบเหมาะกับที่ชายหนุ่มผมทองวางสายโทรศัพท์พอดี

    "เมลโทรมาน่ะ เรื่องที่เธอขอให้ช่วยจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เห็นว่าเจ้าสามคนนั้นไม่รับของแถมที่เธอส่งไปให้ แต่ขอเป็นสุ่มสถานที่เกิดแทน" ชายหนุ่มบอก เขาเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะด้านหน้าขึ้นดื่ม

    "หืม....อุตส่าห์ให้ของไปฟรีแต่กลับไม่รับ ของจากฉันคนนี้เนี่ยนะ เด็กคนนี้นี่น่าสนใจจริง ๆ ฮิฮิฮิ" เกอร์ธูทพูดพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายจนชายหนุ่มทั้งสองเคลื่อนตัวออกห่าง

    "เวลาเธอทำสีหน้าแบบนี้ล่ะฉันไม่ชอบเลยจริง ๆ ฉันล่ะสงสารเด็กพวกนั้นซะแล้วสิ ว่างั้นมั้ย มาลิก" ชายหนุ่มผมทองพูดแล้วหันไปหาชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

    "ใช่ ยัยนี่ยิ้มแบบนี้ทีไรมีวุ่นทุกที"


    เจนรู้สึกได้ถึงลมพัดแรงปะทะเข้าไปหน้า เธอพยายามเปิดตามองเพื่อให้รู้ว่าตัวเองนั้นอยู่ที่ไหน แต่ถ้าให้กลับไปเปลี่ยนอดีตได้เธอคงไม่อยากเปิดตามองเพราะในเวลานี้เธอกำลังตกจากท้องฟ้าสูงจนไม่เห็นพื้นดิน เมฆสีขาวต่างพุ่งผ่านตัวเธอก้อนแล้วก้อนเล่าจนมองตามแทบไม่ทัน

    "ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!" เสียงหวานร้องตะโกนดังลั่น เธอรีบมองหาอะไรที่จะช่วยเธอได้แต่ใจมันเต้นกระเส่าจนคิดอะไรไม่ออก ประกอบกับเธอก็เป็นโรคกลัวความสูงด้วยทำให้ตอนนี้เธอดูลนลานสุด ๆ จนไม่เป็นอันทำอะไร

    "วู้ววววว!! ใจเย็น ๆ น้องสาว พี่มาแล้วไม่ต้องกลัว!" เสียงของโจดังขึ้นด้านหลังของเธอ ทันใดนั้นร่างโจก็บินโฉบผ่านตัวเธอไปอย่างรวดเร็ว โจแสดงให้เห็นถึงท่วงท่าการบินอย่างหวาดเสียวทั้งตีลังกา หมุนตัว 360 องศา จากนั้นเขาก็กางมือออกแล้วตัวของเขาก็พุ่งขึ้นผ่านตัวของเจนไปอีกครั้ง ถ้าเป็นปกติเจนก็คงรู้สึกประทับใจแต่ตอนนี้เธอกำลังร่วงลงสู่พื้นด้วยความเร็วสูงจนคิดอะไรไม่ได้แล้ว

    "ไม่เป็นไรนะเจน เธอไม่ต้องกลัวหรอกเพราะก่อนเธอจะฟื้นขึ้นมาพวกเราก็ตกลงมาได้ซักพักใหญ่แล้วล่ะ" แจ็คที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหาพูดขึ้นและพยายามปลอบใจเธอแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

    "ม..หมายความว่ายังไง อี้!!" เจนร้องเมื่อตัวของเธอทำท่าจะหมุนตามแรงลมจนแจ็คต้องรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อน

    "นี่จับมือฉันเอาไว้ เฮ้..โจ มารวมกลุ่มกันก่อนดีกว่า!" เด็กหนุ่มตะโกนเรียกเพื่อนของตนที่กำลังพุ่งผ่านกลุ่มเมฆแล้วตรงเข้ามาจับมือเพื่อนทั้งสองเอาไว้ ทั้งสามคนจับมือกันเป็นลงกลับจนดูคล้ายกับกำลังกระโดดร่ม เสียแต่ว่าไม่มีร่มชูชีพให้กางเท่านั้นเอง

    จากที่แจ็คเล่าเมื่อเขาฟื้นขึ้นก็พบว่าพวกเขาทั้งสามกำลังร่วงหล่นจากฟ้า ในตอนแรกเขาและโจที่ฟื้นขึ้นมาพร้อม ๆ กันก็ไม่ต่างไปจากเจน แต่เมื่อเวลาผ่านได้ไปซักพักก็พบว่าพวกเขายังลงไม่ถึงพื้นซักที และพอมาคิดได้ว่านี่เป็นแค่เกมความกลัวก็มลายหายไปสิ้น ความคะนองกลับมาแทนที่ซึ่งโจก็ได้โอกาสทำหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นแสดงทาทางบินผาดโดนจนชำนาญ ถ้าให้นับเวลามาถึงตอนที่เจนตื่นขึ้นมาก็ราว ๆ ครึ่งชั่วโมงแล้ว

    "เธอเป็นอะไรไปหรือเปล่าเจน หน้าดูซีด ๆ ชอบกลนะ เอ๊ะ! นั่น เห็นพื้นดินแล้ว!!" โจตะโกนบอก เจนได้ยินดังนั้นก็รีบหันไปมอง เธอเห็นผืนป่าสีเขียวกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เด็กสาวรีบปิดตาและบีบมืออย่างแรงด้วยความหวาดกลัวจนเพื่อนหนุ่มทั้งสองคนที่จับมือเธออยู่ก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดตาม ๆ กัน

    ก่อนที่ทั้งสามจะพุ่งตัวลงพื้นป่า ก็มีกลุ่มเมฆสีเงินเคลื่อนตัวเข้ามาบังทั้งสามเอาไว้เสียก่อน แต่ก็เมฆยังไงก็เป็นแค่ก้อนเมฆ ร่างของสามสหายพุ่งผ่านเมฆก้อนนั้นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย เจนรู้สึกได้ว่ามีก้อนอะไรบางอย่างมากระแทกและติดอยู่ที่ท้องของเธอ แต่เวลานี้ในหัวของเธอไม่คิดแม้แต่จะเปิดตามองเพราะความกลัวกำลังครอบงำอย่างหนัก พวกเจนหลังจากผ่านกลุ่มเมฆมาได้ก็พุ่งลงใส่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีใบขนาดใหญ่มาก มันช่วยดูดซับแรงกระแทกและชะลอความเร็วได้อย่างดีเยี่ยมแต่ทั้งสามก็ยังคงตกลงสู่พื้นด้วยความเร็วสูงอยู่และด้วยความเร็วระดับนี้พวกเขาคงไปเกิดใหม่อย่างแน่นอน

    โชคยังดีที่ใบไม้ใบสุดท้ายที่ทั้งสามกระแทกนั้นหนากว่าใบอื่น ๆ มันช่วยเบี่ยงร่างของทั้งสามแทนที่จะหล่นลงพื้น ไปหล่นลงบ่อโคลนตมที่อยู่ใกล้ๆแทน

    แผละ! แผละ! แผละ!

    เสียงกระแทกติดๆกันของสามสหายดังไปทั่ว เจนพยายามตะเกียกตะกายเอาตัวเองขึ้นมาก็พบว่าบ่อโคลนนี้ลึกเพียงแค่เข่าเท่านั้น เธอมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าในตอนนี้ตัวเองหลุดมาอยู่ในใจกลางป่าแห่งหนึ่งที่เงียบสงัด ไร้ร่องรอยของผู้คนหรือแม้แต่ผู้เล่น เสียงของสัตว์ป่าทั้งที่เธอรู้สึกคุ้นและเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกดังสะท้อนให้ได้ฟังอยู่พัก ๆ นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเลยถ้าไม่นับที่ต้องร่วงลงมาจากฟ้า

    "วู้ว!! นี่มันมันส์สุดยอดจริง ๆ เฮ้ย แจ็ค เดี๋ยวพวกเราสร้างตัวใหม่แล้วไปให้คุณเมลฟีน่าเขาส่งพวกเรากลับมาอีกรอบดีมะ" โจเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    แผละ!

    "อีกรอบบ้าอะไรล่ะ! ถ้ารู้แบบนี้ให้เขาส่งเข้าเมืองไปตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว" เจนเขวี้ยงก้อนโคลนใส่เต็ม ๆ หน้าของโจจนเขาจมโคลนไปอีกรอบ เจนพยายามจะขึ้นจากบ่อโคลนนี้แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ที่ท้องของเธอ เมื่อคลำดูก็พบว่ามันมุดไปอยู่ใต้เสื้อเรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอล้วงมันออกมาก็พบว่ามันมีลักษณะกลมคล้ายกับไข่ มีลวดลายสีฟ้าและสีขาวดูงดงามมากแม้จะเปื้อนโคลนก็ตาม

    "นั่นอะไรน่ะ" โจถาม

    "ไม่รู้สิ เกมนี้กดดูรายระเอียดสิ่งของ..- อ๊ะ" ยังไม่ทันที่เจนจะพูดจบ หน้าต่างเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาข้าง ๆ ของสิ่งนั้น มันเขียนเอาไว้ว่า

    ไข่ก้อนเมฆ ระดับS
    ไข่ของมอนสเตอร์ สามารถใช้ประกอบเป็นอาหารได้

    "ไข่ก้อนเมฆ เอาไว้กินหรอเนี่ย" เจนพูด

    "เฮ้ย เดี๋ยวนะ นั่นมันของหายากระดับSไม่ใช่หรือนั่น อย่าคิดเอาไปกินเชียวนะ ไข่นั่นถ้าเอาขายล่ะก็ได้ไม่ต่ำว่าห้าสิบล้านโกลด์เลยนะจะบอกให้" โจรีบบอก เพราะสิ่งของระดับSนั้นถือเป็นของแรร์ โดยแบ่งได้เป็น E ระดับต่ำสุดไล่ไปถึงA ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดที่ร้านค้าระบบมีขายระดับที่สูงกว่านี้จะต้องหาเอาจากมอนสเตอร์หรือไม่ก็ตีโดยNPCพิเศษหรือผู้เล่นเท่านั้น ซึ่งไข่ที่เจนถืออยู่เรียกได้ว่าเป็นระดับสูงสุดเลยทีเดียว

    "อ๊ะ ฉันก็ได้เหมือนกัน ผลอิกดราซิล ระดับS ด้วยแหนะ สงสัยได้มาตอนตกมาจากต้นไม้แน่เลย" โจพูดขึ้นพร้อมกับชูผลไม้สีเหลืองดูเปรี้ยวปากให้เห็น

    "อะไรกัน ทำไมพวกนายถึงได้ของกันหมด มีแต่ฉันที่ไม่ได้คนเดียวล่ะเนี่ย!! โถ่" โจพูดอย่างน้อยใจ แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นก้อนหินก้อนหนึ่งลอยอยู่ด้านหน้าของเขา เมื่อหยิบขึ้นมาและตรวจสอบดูเขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ "เฮ้ย! ไม่เอาน่า! ไข่โคลนตม ระดับA แจ็ค! เอามาเปลี่ยนกันเดี๋ยวนี้เลย"

    "เรื่องเด้ะ นายได้ก้อนโคลนนั่นก็เหมาะกับนายดีแล้ว เฮ้ย! ไปไกล ๆ เลยนะ โจ" แจ็คพูดเมื่อเห็นโจกำลังคลานเข้ามาหาอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าหื่นกระหาย

    เจนที่กำลังหาทางเก็บของอยู่จึงพยายามหาที่เก็บไข่ใบนี้ลงในชุดของเธอ ทันใดนั้นเองก็มีหน้าจอปรากฏขึ้นมาด้านหน้าเธออีกครั้งโดยมันเขียนเอาไว้ว่า

    ช่องเก็บของ [ตัวละคร] จำนวน 0/10 ช่อง

    เมื่อเจนนำไข่ก้อนเมฆไปวางทาบลงไป ไข่ก็หลุดออกจากมือเธอไปอยู่ในช่องเก็บของตรงหน้า โดยมันกินพื้นที่ไป 1 ช่องของช่องเก็บของของเธอ เจนพบว่าระบบเก็บของของเกมนี้จะใช้พื้นที่เก็บของ 1 อย่างต่อ 1 ช่องโดยไม่นับขนาดของสิ่งของ ซึ่งเป็นอีกอย่างที่ช่วยอำนวยความสะดวกในเกมขึ้นไม่น้อย

    เมื่อเจนลองทดลองใช้คำสั่งอื่นในหัวบ้าง ก็พบว่าเธอสามารถเรียกเมนูต่าง ๆ ได้โดยแค่คิดเท่านั้น เมื่อเธอลองเปิดหน้าต่างทักษะขึ้นมาก็พบว่าเธอมีทักษะอยู่ในนั้นหนึ่งทักษะ เจนจึงลองดูรายระเอียดอย่างไม่รีรอ

    ทักษะ ตรวจสอบ ไม่ใช้พลังเวท
    ทักษะพื้นฐาน สามารถใช้ตรวจสอบมอนสเตอร์และผู้เล่นได้ แต่ถ้าหากเป้าหมายมีระดับมากกว่าผู้ใช้เกิน 20 ระดับ จะสามารถตรวจสอบได้เพียงแค่ชื่อกับยศและระดับเท่านั้น

    เจนเริ่มทำความเข้าใจกับวิธีการใช้ทักษะทันทีโดยลองกับโจที่ยังคงไล่ตามเอาของจากแจ็คให้เป็นหนูทดลองทักษะของเธอ

    โจ ชั้นทหาร ระดับ 1
    อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ฉายา ไม่มี
    เลือด 74/108 พลังเวท 108/108

    เมื่อเข้าใจกับวิธีการทำงานของทักษะแล้วจึงไปหยุดโจและแจ็คไม่ให้ทะเลาะกันก่อนที่จะพากันขึ้นจากบ่อโคลนอย่างยากลำบาก

    "เฮ้อ เปียกหมดเลยแถมเลอะโคลนแบบนี้เป็นการเริ่มการเดินทางที่ไม่ค่อยหน้าประทับใจเท่าไหร่เลยว่ามั้ย" แจ็คพูดพลางสะบัดก้อนโคลนออกจากตัว

    "ไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว พวกเรารีบหาทางออกไปจากที่นี่กันดีกว่า ถ้ามืดแล้วมันยิ่งอันตราย" เจนบอก เพราะตามปกติของเกมทั่วไปแล้ว มอนสเตอร์ตอนกลางคืนนั้นดุร้ายกว่ามอนสเตอร์ตอนกลางวันเสมอ ในตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มที่จะเคลื่อนลงจากหัวแล้ว ยิ่งอยู่ในป่าก็จะยิ่งมืดเร็วเป็นพิเศษอีกด้วย

    "ใช่ นี่ยังดีนะที่พวกเรายังไม่เจอมอนสเตอร์ ถ้าหากมาเจอกันตอนนี้ล่ะก็..." ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค โจก็เงียบไปซะดื้อ ๆ จนเพื่อนอีกสองคนมองหน้าเขาด้วยความสงสัย ปรากฏว่าในตอนี้เด็กหนุ่มกำลังมองค้างไปยังด้านหลังของพวกเธออยู่ เมื่อมองตามไปก็พบว่าด้านหลังของเจนนั้นมีไดโนเสาร์ดูคล้ายกับไทแรนโนซอรัสแต่ยืนด้วยสี่เท้าและมีผิวสีแดงสดทั้งตัวกำลังยืนจ้องพวกเขาอยู่ ขนาดของมันนั้นสูงพอ ๆ กับตึกสามชั้นเลยทีเดียว แค่หัวของมันก็สามารถกลืนคนสามคนได้อย่างสบาย ๆ เท้าทั้งสี่ของมันมีกรงเล็บคมกริบ ส่วนหางของมันถึงจะไม่มีอาวุธแต่ดูจากขนาดแล้วถ้าใช้ฟาดล่ะก็ ต้นไม้ต้นใหญ่พวกนี้ก็คงโค่นเอาได้ง่าย ๆ

    เจนรีบใช้ทักษะตรวจสอบทันที มันขึ้นมาว่าล้มเหลวและแสดงเพียงแค่ชื่อกับระดับเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เจนมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว

    แกรนคริโนซอ ชั้นขุนนาง ระดับ 80



    "โอ้ เวรกรรม" เจนหลุดปากออกมา ทันใดนั้นเจ้าแกรนริโนซอก็ส่งเสียงคำรามลั่นป่าแล้ววิ่งตรงมาหาทันที ต้นไม้ตันใหญ่กลายสิบต้นที่ยืนลำขวางอยู่โดนมันชนเพียงแค่ทีเดียวก็ล้มระเนระนาดเป็นแถว บางต้นถึงกับหักเป็นสองท่อน บางต้นก็ถึงกับโดนชนจนรากหลุดขึ้นมาบนพื้นดิน เพียงแค่เห็นขนาดนี้ก็พอจะรู้ว่าพละกำลังของมันนั้นมีมากขนาดไหน เจนและแจ็ครีบกระโดดหลบไปอีกทางส่วนโจนั้นก็รีบวิ่งไปอยู่หน้าบ่อโคลนแล้วตะโกนเรียกเจ้าไดโนเสาตัวยักษ์เสียงดัง

    "เฮ้ย!! มาทางนี้สิวะไอ้งี่เง่า!!" โจตะโกนแล้วเขวี้ยงไข่โคลนตมใส่หน้าแกรนคริโนซออย่างแม่นยำ ถึงแม้จะสร้างความเสียหายไม่ได้ แต่ก็สามารถเรียกความสนใจจากแกรนคริโนซอได้อย่างดีเลยทีเดียว มันหันไปหาโจแล้วร้องคำราม จากนั้นมันก็ตะกุยเท้าวิ่งเข้าใส่โดยอ้าปากโชว์ฟันที่แหลมคมหลายสิบซี่เตรียมที่จะเขมือบเจ้าคนที่มาดูถูกมัน

    เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เด็กหนุ่มจะกลายเป็นอาหารของแกรนคริโนซอ โจแสยะยิ้มเล็กน้อยแล้วย่อตัวก่อนที่จะกลิ้งตัวหลบฟันอันแหลมคมไปได้อย่างหวุดหวิด ส่วนไดโนเสาตัวใหญ่ที่เมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันพลาดเป้าก็พยายามจะหยุดและหันกลับไป แต่เนื่องจากมันวิ่งมาด้วยความเร็วและมันก็พยายามที่จะเลี้ยวอย่างกะทันหัน มันจึงล้มลงและพุ่งไถลลงไปในบ่อโคลนตรงหน้าอย่างหยุดไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่บ่อโคลนบ่อนั้นมันตื้นเกินกว่าที่จะทำให้แกรนคริโนซอจมลงไปได้ มันจึงลุกขึ้นมาและมองไปยังโจที่ตอนนี้หน้าเริ่มซีดเป็นไก่ต้มแล้ว

    ก๊าซซซซ!!!

    แกรนคริโนซอคำรามเสียงดังอีกครั้งแล้วเริ่มตะกุยเท้าเข้าหา แต่ทันใดนั้นก็เหมือนกับเป็นโชคดีของโจ เมื่อมันเริ่มตะกุยเท้า ร่างของมันก็เริ่มจมลงเรื่อย ๆ เหมือนกับถูกโคลนดูด มันพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นมาจากบ่อโคลนแต่สุดท้ายกลับยิ่งทำให้ตัวเองจมเร็วขึ้นไปอีก ถึงอย่างนั้นมันก็สามารถพาตัวเองมาถึงขอบบ่อใกล้กับที่โจยืนอยู่ได้แต่นั่นก็ทำให้มันจบเหลือเพียงแค่หัวเท่านั้นที่ยังโผล่ขึ้นมาเหนือโคลนดูด ดวงตาของมันมองโจด้วยความเคียดแค้นก่อนที่มันจะจมลงบ่อโคลนไปจนหายไป

    "วู้ว! ปะ..เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้เลย" โจร้องตะโกนด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่สามารถปิดน้ำเสียงสั่นๆเอาไว้ไม่ได้

    "เป็นไปอย่างที่คิดบ้าอะไร นั่นมันยศขุนนาง ระดับแปดสิบเชียวนะ ถ้าโชคไม่ช่วยบ่อโคลนนี่ไม่กลายเป็นบ่อโคลนดูดขึ้นมามีหวังพวกเราไม่รอดกันหมดนี่ล่ะ" เจนพูดด้วยน้ำเสียงตกใจพร้อมกับส่งไข่โคลนตมที่โจเป็นคนปาล่อเจ้าแกรนคริโนซอไปในตอนแรกคืนเจ้าของ ถึงเธอจะพูดตวาดใส่โจแต่เธอเองก็รู้สึกโล่งใจที่เพื่อนของเธอรอดมาได้

    "ลีลาระห่ำสุดยอดมากเลยเพื่อน ว่าแต่ทำไมตอนที่พวกเราตกลงไปไม่เห็นโดนดูดเหมือนเจ้านั่นเลย" แจ็คถาม เพราะพวกเขาอยู่ในนั้นกันตั้งนานแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

    "คงเพราะพวกเรามีน้ำหนักไม่มากเท่า หรือไม่ก็เพราะว่าพวกเราไม่ได้ทำให้โคลนมันดูด.....ไม่ก็แค่โชคดี" เจนตอบตามความจริง เธอสังเกตเห็นในตอนที่แกรนคริโนซอเริ่มจมลงครั้งแรกเป็นเพราะมันวิ่งตะกุยเท้าเข้ามาหาโจ แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่โจและแจ็คไล่กวดกันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงเป็นเพราะความโชคดีเท่านั้นล่ะที่ทำให้พวกเธอรอดมาได้

    ยังไงก็ตาม ผู้กล้าโจก็ทำผลงานเอาไว้ได้อย่างเยี่ยมยอดอีกตามเลย" เด็กหนุ่มพูดเสียงเก๊กหล่อพร้อมกับแอ็คท่าจนเจนและแจ็คอดหมั่นไส้ไม่ได้ เจนรีบวิ่งเข้าไปเขกกะโหลกแรง ๆ ทีหนึ่งโดยมีแจ็คเดินตามมาสมทบ แต่สีหน้าของเขาดูเหมือกำลังมีอะไรข้องใจอยู่

    "นายมีอะไรหรือเปล่าแจ็ค" เจนถาม

    "อ่า....มันเหมือนกับว่ามันขาดอะไรไปบางอย่าง โจ มันมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่าตอนที่เจ้านั่นจมลงไปน่ะ อย่างระดับหรือมีเสียงประกาศบอกว่าฆ่ามันได้" แจ็คถามด้วยความสงสัย เพราะพวกเขาทั้งสามคนนั้นล็อกอินร่วมเข้ามาด้วยกัน ทำให้พวกเขาอยู่ในกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าเกม แต่กลับไม่ได้ค่าประสบการหรือมีประกาศบอกอะไรเลยแม้แต่น้อย โจที่ได้ยินดังนั้นจึงเปิดหน้าต่างตัวละครขึ้นมาดู

    "ไม่มีค่าประสบการณ์ ไม่มีอะไรเลย....แปลกจังแฮะ" โจเอ่ยด้วยความสงสัย ทั้งสามมองหน้ากันก่อนที่จะหันไปมองจุดที่แกรนคริโนซอจมหายไปเป็นตาเดียวกัน

    ตูม!!! ก๊าซซซซซซ!!

    เสียงระเบิดของบ่อโคลนดังสนั่นพร้อมกับร่างของแกรนคริโนซอพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปากอันใหญ่โตที่มีฟันคมกริบพุ่งเข้าใส่พวกเจนอย่างไม่ทันตั้งตัว โดยที่พวกเธอยังไม่ทันได้ตกใจเสียด้วยซ้ำ เจนก็รู้สึกเจ็บที่ต้นแขนและท้องอย่างสุด ๆ ก่อนสติจะหลุดลอยหายไป


    เจนรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีและพบว่าตัวเองมาอยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่ง บริเวณรอบ ๆ มีกอไผ่ขึ้นเป็นแถวเป็นแนวยาวจนพูดราวกับว่าพวกเธอกำลังถูกต้นไผ่พวกนี้ล้อมอยู่ ไม่นานนักโจและแจ็คก็ฟื้นขึ้นมาสมทบกับเจน

    "ที่นี่ที่ไหนเนี่ย พวกเราตายแล้วใช่มั้ยเนี่ย" โจเอ่ยแล้วพยายามลุกขึ้นพร้อมกับสังเกตไปรอบๆ

    "ไม่น่าใช่อ่ะ โจ ถ้าเราตายระบบจะถามว่าเราจะล็อกเอาท์หรือเปล่า แต่นี่กลับมาโผล่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้" แจ็คบอก เพราะตามปกติแล้วเมื่อผู้เล่นตายแล้วทางระบบจะถามผู้เล่นว่าจะล็อกเอาท์เพื่อรอเวลาเกิดหรือไม่ ซึ่งถ้าตอบตกลงระบบก็จะทำการล็อกเอาท์ให้ผู้เล่น ซึ่งผู้เล่นสามารถรอเวลาเพื่อกลับไปเล่นใหม่อีกครั้งได้ในอีก 1 ชั่วโมง แต่ถ้าตอบไม่ ผู้เล่นจะถูกส่งไปอยู่โซนรอเกิดอีกที่หนึ่งซึ่งจะต้องรอตามเวลาเกิดปกติ 1 ชั่วโมงในเกม เว้นจะโดนผู้เล่นหรือมอนสเตอร์ระดับบอสหรือมินิบอสฆ่าซึ่งจะเพิ่มเวลาเกิดอีกตามระดับของมอนสเตอร์ ส่วนถ้าหากโดนผู้เล่นด้วยกันฆ่าจะเพิ่มเวลาเกิดอีกครึ่งชั่วโมงซึ่งปกติแล้วผู้เล่นมักจะล็อกเอาท์ออกไปรอดีกว่าเพราะถ้านับเวลาตามในเกมก็จะเป็น 1 วันนั่นเอง

    "แล้ว....พวกเราอยู่ไหน" เจนถามขึ้นลอยๆ เพื่อนทั้งสองเองก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

    เจนและสองหนุ่มเริ่มออกเดินไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ทอดยาว แต่เดินไปเท่าไหร่พวกเธอก็ไม่เจอหนทางที่จะออกไปจากที่นี่เลย ท้องฟ้ามืดครึ้มทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานยังสว่างอยู่เลยแท้ๆ เจนบอกไม่ได้เลยว่าทิศไหนเป็นทิศเหนือใต้ ไร้ซึ่งดวงดาว แสงอาทิตย์มืดสลัวแต่มิอาจบอกได้ว่าดวงอาทิตย์อยู่ทางใด ในตอนนี้เจนมีหนทางเดียวคือเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

    "นายแน่ใจนะว่าเราไม่ได้ติดบัคของเกมเข้า แบบประมาณหลุดมาอยู่ในบัคเกมแล้วล็อกเอาท์ออกไปไม่ได้ประมาณนี้" เจนพูด

    "เฮ้ย ไม่ใช่หรอกน่า อย่าพูดให้คิดสิยัยบ้า" โจกล่าว ถึงไม่อยากยอมรับแต่เขาเองก็เริ่มจะหวั่น ๆ ว่าเจอกับบัคของเกมเข้าซะแล้ว

    "ถ้าคิดในแง่ดี พวกเราอาจจะได้มาเจอภารกิจพิเศษของเกมเข้าก็ได้" แจ็คบอกอย่างมั่นใจ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เพื่อนอีกสองคนรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเลย

    "ภารกิจอะไร เดินจนขาลากหรือไง" โจกัด

    "ตลกมากเลย โจ ฮากริบเลยว่ะ" แจ็คกัดตอบ

    เจนและสองหนุ่มเธอไปอีกซักพักก็พบกับบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง บริเวณรอบ ๆ มีบ่อน้ำเล็ก ๆ และสวนขนาดย่อม ๆ อยู่ใกล้กัน บ้านนั้นทำจากไม้ทั้งหลัง มีลักษณะเหมือนบ้านจีนโบราญ ไม่มีลวดลายเหมือนกับบ้านทั่วไปแต่การที่มันมาตั้งอยู่ในป่าไผ่แห่งนี้ทำให้มันดูมีมนต์ขลังอยู่ไม่น้อย ถัดไปเป็นลานกว้างที่มีพื้นพูดเป็นกระเบื้อง ลวดลายบนพื้นเป็นลายหยินหยางขาวดำดูน่าเลื่อมใสยิ่งนัก กอบกับธรรมชาติและลมพัดเอื่อยๆทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง ด้านหน้าบ้านมีคนคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอยู่ จากที่เจนมองดูเขาเป็นชายชราสูงกว่าเธอไม่มาก เขามีศีรษะเกลี้ยงเกลาและไว้หนวดยาวจนถึงหน้าอก

    "ดูนั่นมีบ้านคนอยู่ตรงนั้นด้วย รีบไปดูกันเถอะ" เจนว่าแล้วรีบเดินนำพวกโจไปทันที

    เมื่อเข้ามาใกล้ก็พบว่าชายชราตรงหน้ากำลังยืนหลับตาเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ เขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนจนเจนเริ่มคิดว่าเขาอาจจะเป็นรูปปั่นไม่ใช่คนจริง ๆ

    "เฮ้ย นั่นมันตาแป๊ะเซียงเพียวอิ้วนี่หว่า..-โอ้ย!!" โจพูดขึ้นเมื่อเดินมาสมทบกันเจน แต่เขากลับโดนก้อนหินจากไหนไม่รู้ปาเข้าใส่หน้าผากอย่างแม่นยำ เมื่อเจนหันไปมองจากต้นทางพบว่าชายชราตรงหน้ากำลังโยนเห็นก้อนเล็ก ๆ สามก้อนในมือแสดงว่าเขาเป็นคนปาก้อนหินใจเพื่อนของเธอแต่เขากลับยังไม่ได้ลืมตาเลยด้วยซ้ำแสดงให้เห็นถึงฝีมือที่ลึกล้ำยิ่ง

    "เธอควรมีมารยาทต่อคนที่มีอายุมากกว่าเธออย่างฉัน จริงๆเล้ย เด็กสมัยนี้ไร้มารยาทกันจริง ๆ" ชายชราพูด น้ำเสียงของเขาราบเรียบแต่เจนรู้สึกได้ที่แรงกดดันที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรง

    "ท..ท่านเป็นใครกัน" เจนถามด้วยความหวั่นเกรง ถ้าหากให้สู้กันเธอคิดว่าต่อให้ทั้งสามคนรุมก็ไม่อาจจะรับมือได้เกินห้าวินาที

    "ฉันมีชื่อว่าหมิงเต๋อ และฉันคืออาจารย์ของพวกเธอ"

    จบตอนที่3


  9. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  10. #6
    AEFIL,MNNOOO
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    DPP SIU
    กระทู้
    744
    กล่าวขอบคุณ
    2,128
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,818
    มาให้กำลังใจครับ เรื่องสนุกน่าติดตามครับ
    อ่านดีไม่มีสะดุด
    บอร์ดนิยายชักจะคึกคักแล้ว
    ถ้ามีเวลา ก็แวะไปดูเรื่องอื่นๆในบอร์ดด้วยนะครับ ฮ่าฮ่า
    3 Coins DPP

  11. #7
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่4 ฝึก ฝึก ฝึกและเรื่องแปลกใจ

    ตอนที่4 ฝึก ฝึก ฝึกและเรื่องแปลกใจ

    สามสหายมองหน้ากันด้วยความสงสัยเนื่องจากยังคงรู้สึกงง ๆ เพราะจู่ ๆ หมิงเต๋อสลายแรงกดดันไปและมาบอกว่าตัวเองเป็นอาจารย์ของพวกเธอซะอย่างนั้น


    หมิงเต๋อมองเด็กสามคนตรงหน้าที่กำลังมึนงงก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

    "ก็พวกเธอผ่านบททดสอบของฉันแล้วไงล่ะ ตอนนี้พวกเธอก็ได้รับภารกิจฝึกวิชากับฉันแล้ว เข้าใจหรือยัง"

    "อ๋อ...." สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียงจนหมิงเต๋ออยากจะเอาหินเขวี้ยงใส่อีกซักก้อนแต่ก็ต้องยั้งใจเอาไว้ก่อนเพราะไม่อย่างนั้นมีหวังเขาคงได้ฆ่าลูกศิษย์หน้าใหม่อย่างแน่นอน

    "แล้วพวกเราผ่านบททดสอบกันตอนไหนหรือครับ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน" แจ็คเอ่ยปากถามเพราะสุดท้ายที่เขาจำได้คือโดนแกรนคริโนซอเขมือบลงท้องไป

    "พวกเธอผ่านภารกิจลับของฉันที่เมื่อตามที่ผ่านการทดสอบข้อแรกสำเร็จก็จะส่งพวกเธอตรงมาหาฉันทันที บททดสอบที่หนึ่งคือพวกเธอต่อสู้กับศัตรูที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเธอ...เฮ้อ พอกันทีกับไอ้การพูดสำบัดสำนวน" หมิงเต๋อถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ


    "เอาเป็นว่าบททดสอบคือพวกเธอจะต้องต่อสู้กับกับมอนสเตอร์ที่มียศสูงกว่าหนึ่งระดับโดยที่ไม่คิดจะหนี สองคือลีลาการต่อสู้ของพวกเธอต้องถูกใจฉัน และสามเธอมีความมุ่งมั่นไม่ออกจากเกมจนมาหาฉันเจอที่นี่ นั่นล่ะแบบทดสอบของฉันสามข้อและพวกเธอผ่านมาได้แบบ...เฉียดฉิว" หมิงเต๋อพูด

    เจนตกใจกับบททดสอบที่พวกเธอผ่านมาอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความยากที่เกินกว่าคนที่เพิ่งเริ่มเล่นจะทำได้สำเร็จอย่างเช่นบททดสอบแรก การที่จะเจอกับมอนสเตอร์ที่มียศขุนนางขึ้นไปได้ตั้งแต่แรกนั้นแทบเป็นไปไม่ได้และไม่ว่าใครถ้าเจอมอนสเตอร์ที่เก่งกว่าตัวเองขนาดนั้นก็ต้องหนีก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว


    แต่ที่ยากของจริงคือบททดสอบที่สอง คือต้องสู้ให้หมิงเต๋อยอมรับในฝีมือ เจนพยายามคิดว่าถ้าหากเป็นสถานการณ์อื่นพวกเธอจะสามารถหาทางสู้กับมอนสเตอร์ระดับแกรนคริโนซอได้มั้ย ส่วนบททดสอบสุดท้ายก็ยิ่งแล้วใหญ่ ใคร ๆ ที่เจอแบบนี้ก็คงต้องล็อกเอาท์ออกมาจากเกมก่อนอย่างแน่นอน เจนมารู้ทีหลังจากหมิงเต๋อว่าถ้าหากล็อกเอาท์ระหว่างทำบททดสอบสุดท้ายล่ะก็จะเข้ามาในนี้ไม่ได้อีกและจะถูกส่งตัวไปยังเมืองเริ่มต้นโดยทันที

    หมิงเต๋อกวักมือเรียกให้ทั้งสามคนเข้ามาด้านในบ้านซึ่งพวกเจนต่างก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบว่า การตกแต่งบ้านดูสบายตาไม่ได้หรูหราอะไรออกจะดูว่างเกินไปด้วยซ้ำ มีโต๊ะกลมตัวเล็ก ๆ กับเก้าอี้ตัวหนึ่งวางอยู่ อีกด้านเป็นห้องนอนที่มีเตียงของหมิงเต๋อตั้งอยู่โดยเป็นเพียงเตียงผ้าเล็ก ๆ เท่านั้น ชายชราเดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วเรียกให้พวกเจนมายืนอยู่ตรงหน้า

    "เอาล่ะ ต่อจากนี้เป็นเรื่องสำคัญ พวกเธออยากจะเรียนวิชากับฉันหรือเปล่า" หมิงเต๋อถามพลางเทน้ำชาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะลงบนแก้วแล้วยกดื่ม เจน โจ และแจ็คมองหน้ากันอย่างสับสน

    "พวกเรานึกว่าท่านรับพวกเราเป็นลูกศิษย์แล้วซะอีก" แจ็คพูด

    "ความจริงมันก็ใช่ พวกเธอผ่านบททดสอบของภารกิจลับแล้วก็สามารถเป็นลูกศิษย์และเรียนวิชาจากฉันได้ แต่ตอนนี้ฉันถามเธออยู่....ว่าอยากจะเป็นลูกศิษย์ฉันหรือเปล่า" หมิงเต๋อวางแก้วชาลงแล้วพูดต่อ


    "วิชาที่ฉันสอนพวกเจ้าต่อจากนี้ฉันรับรองว่ามันจะเหนื่อยยากลำบากจนพวกเธออยากจะเลิก แต่เมื่อตอบตกลงแล้วจะไม่มีวันหวนคืนอีก ถ้าหากยังจะดื้ออยู่อีกละก็...คุกเข่าลงต่อหน้าฉันซะ"

    หมิงเต๋อต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อทั้งสามคนต่างคุกเข่าลงกันอย่างพร้อมหน้า สายตาทั้งสามจ้องมองชายชราตรงหน้าอย่างแน่แน่ว

    "ศิษย์ทั้งสามน้อมรับคำสั่งอาจารย์ครับ/ค่ะ" เจนกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง เช่นเดียวกับโจและแจ็ค พวกเธอไม่รู้หรอกว่าชายชราตรงหน้านี้จะเก่งแค่ไหนหรือสอนอะไรพวกเธอ แต่เมื่อเป็นถึงภารกิจลับเช่นนี้แล้วจะปฏิเสธไปก็ใช่อยู่



    หมิงเต๋อยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยนกับสิ่งที่เด็ก ๆ ตรงหน้าทำ เขารู้ว่าเด็กพวกนี้เลียนแบบตามหนังกำลังภายในเพื่อทำให้เขาประทับใจ แต่สิ่งที่หมิงเต๋อชอบในตัวของเด็กพวกนี้คือการที่ไม่หวั่นในความลำบาก ถึงแม้ว่าทั้งสามจะมีปัญหาเรื่องมารยาท แต่เขามั่นใจว่าเด็กพวกนี้จะเป็นลูกศิษย์ในแบบที่เขาต้องการอย่างแน่นอน

    "ดี! ต่อจากนี้พวกเธอจะต้องฝึกวิชากับฉันเป็นเวลาสองเดือน เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีละ" หมิงเต๋อพูดแล้วลุกขึ้นยืน

    "เฮ้ย! เดี๋ยวสิ พวกเราอยู่ในเกมได้แค่เก้าวันในเกมเท่านั้นเองนะครับอาจารย์" โจพูดอย่างตกใจ

    "เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา ในตอนนี้พวกเธออยู่ในมิติเฉพาะ 'บ้านในสวนไผ่' ในนี้สองเดือนเท่ากับห้าวันในเกมและจำเอาไว้อีกอย่าง ต่อจากนี้พวกเธอจงเรียกฉันว่าอาจารย์หมิง"

    "ทราบแล้ว อาจารย์หมิง!" สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง โดยที่ไม่รู้เลยว่าพวกเธอนั้นกำลังพบเจอประสบการณ์นรกสุดขั้ว


    ทางด้านโลกแห่งความจริง จริยาที่กำลังเตรียมตัวนอนก็คิดจะแวะไปหาเจนที่ห้องนอนของเธอ จริยาแง้มประตูเข้าไปก็พบว่าในห้องมืดสนิท ลูกสาวของเธอกำลังนอนอยู่บนเตียงโดยสวมที่คาดผมสีเขียวเอาไว้บนหัว ใบหน้าของเจนยามหลับนั้นน่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุดในใจของจริยา แม้ในตอนนี้ลูกสาวของเธอจะเป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่เด็กผู้ชายเช่นเดิม แต่ใบหน้ายามหลับในสายตาของจริยาก็ยังคงเป็นเจนลูกรักหัวแก้วหัวแหวนของเธอคนเดิม ความรักที่เธอมอบให้กับเด็กคนนี้และความรักที่เธอได้รับกลับมายังคงแน่นแฟ้นและหอมหวานเช่นเคย

    ในตอนที่จริยาได้ข่าวว่าเจนจากแจ็คเธอก็ใจหายวาบ เธอทิ้งงานของตัวเองแล้วรีบตรงไปโรงพยาบาลทันที ลูกของเธอคนนี้เป็นคนเดียวที่เธอเหลืออยู่นับตั้งแต่สามีของเธอเสียไปตั้งแต่เจนยังเด็ก ถ้าหากเจนจากไปอีกคนจริยาคงทนอยู่ต่อไปไม่ได้เช่นกัน ยังดีที่เจนมาอยู่ในมือของเกอร์ธูทได้ทันเวลา ถ้าไม่อย่างเธออาจจะเสียดวงใจของเธอไปแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากความเจ็บปวดที่เจนอาจทนไม่ไหวหรือรัฐบาลที่พบความผิดปกติของเจนแล้วเอาตัวเธอไปถ้าหากรู้เรื่องเข้า

    นึกถึงอยู่ก็โผล่มาพอดี หน้าจอแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอจากเฮดก็อกเกิ่ลที่ยังสวมอยู่ มันบอกว่าเรียกมาจากเกอร์ธูท นอยช์วานสไตล์

    "ไงจ๊ะ เกอร์ธูท เดี๋ยวแปปนึงนะ พอดีเจนกำลังเล่นเกมอยู่ เดี๋ยวเสียงดังจะปลุกน้องเจนตื่น" จริยาพูดแล้วค่อยเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมส่งยิ้มไปให้เจนก่อนปิดประตูลงเบา ๆ


    "มีอะไรหรือจ๊ะ โทรมาซะดึกเลย"

    "ก็ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ พอดีวันนี้ฉันนะ..." เกอร์ธูทพูดเสียงสดใส หลังจากนั้นจริยาก็เดินไปที่ห้องของเธอ โดยระหว่างทางทั้งสองก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระระหว่างผู้หญิงสองคนคุยกัน ทั้งจริยาและเกอร์ธูทรู้สึกชะตาต้องกันเพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งสองพบกันก็สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี เวลาเพียงแค่ห้าวันทั้งคู่ก็สนิทกันอย่างกับคบกันมาเป็นปีจริยาเองก็รู้สึกเป็นพระคุณมากอยู่แล้วทำให้เธอรู้สึกไว้ใจเกอร์ธูทอย่างสุดหัวใจ

    "พูดถึงเจน วันนี้ตอนที่ฉันฝากของไปให้เด็กคนนั้นกับเพื่อน ๆ แต่เด็กนั่นกลับไม่ยอมรับซะอย่างนั้นน่ะ" เกอร์ธูทพูด น้ำเสียงของเธอดูไม่ค่อยพอใจนัก

    "แหม ก็ช่วยไม่ได้นี่ เด็กคนนั้นเวลาเล่นเกมกับเพื่อน ๆ ชอบเล่นแบบเอาจริงเอาจังกันน่ะ เห็นโจบอกว่าจะต้องเล่นให้ยากที่สุดจะได้วัดระดับเกมได้ว่าสนุกมากแค่ไหน"จริยาพยายามบอกเหตุผล เกอร์ธูทส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อยแต่จริยารู้ว่าเพื่อนใหม่ของเธอคนนี้ไม่ได้โกรธเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

    "อืม จริงสิ จริยา เธอเคยคิดอยากจะไปดูน้องเจนในเกมบ้างหรือเปล่า" เกอร์ธูทถามคำถามที่ทำให้จริยาต้องส่งเสียงขึ้นมาอย่างแปลกใจ

    "เห?"



    กลับมาทางพวกเจนที่ต้องฝึกหนักนรก ในเดือนแรกพวกเธอต้องพบกับการฝึกวิ่งขึ้นเขาที่จู่ๆก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ หมิงเต๋อให้พวกเธอวิ่งขึ้นลงเขาตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งทุก ๆ วันจะมีการถ่วงน้ำหนักโดยจะให้ใส่เสื้อที่หมิงเต๋อเตรียมเอาไว้ ซึ่งน้ำหนักของมันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทุกวันซึ่งก็กินเวลาไปทั้งเช้าและทำให้พวกเจนแทบจะต้องคลานไปกินอาหารเที่ยง


    ช่วงบ่ายก็จะเป็นการฝึกความไวและความคล่องตัว หมิงเต๋อให้พวกเจนกลุ่มเสาไม้ซึ่งมันก็มาปรากฏอยู่ที่ลานหยินหยางเพียงชั่วข้ามคืน เจนพยายามวิ่งผ่านกลุ่มเสาที่ว่านั่น แต่ระยะห่างของเสาแต่ละต้นแคบมากจนเธอต้องลดความเร็วลงเพื่อที่จะไม่ชนกับเสาจนเจ็บตัว ส่วนทางโจและแจ็คนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเดินเลยทีเดียวกว่าจะผ่านไปได้ หมิงเต๋อที่เห็นว่าทั้งสามคนชักช้าจึงเร่งโดยการเอาน้ำร้อนไปสาดใส่ซึ่งได้ผลอย่างกับแมวโดนน้ำร้อนลวกเลยทีเดียว แต่ก็ทำให้ทั้งสามเคลื่อนตัวเร็วขึ้นเป็นผลที่น่าพอใจหมิงเต๋อยิ่ง

    พอตกเย็นก็จะเป็นการฝึกช่วงสุดท้ายของวันและมันก็เป็นแค่การนั่งใต้น้ำตกที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ใกล้บ่อน้ำที่หมิงเต๋อกำลังตกปลาอยู่ ตอนแรกโจรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเป็นแค่การฝึกนั่งธรรมดาเท่านั้น คงไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมากนักแต่พอไปนั่งได้เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเขาก็ต้องเปลี่ยนใจทันทีเพราะแรงกระแทกของน้ำที่โดนตัวเขาแรงมหาศาลเหมือนกับกำลังโดนกระทืบไปทั้งตัวแถมน้ำยังเย็นจัดทำให้รู้สึกจะหนาวตายซะให้ได้ ยังไม่พอหมิงเต๋อบังคับให้ต้องนั่งอยู่อย่างนี้ถึงสามชั่วโมง กิจวัตรประจำวันเช่นนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนเข้าเดือนที่สอง

    ในเวลาเช้ามืดเจนตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติ แต่เมื่อเธอมองไปรอบ ๆ กลับไม่พบตัวของเพื่อนอีกสองคนที่ปกติจะตื่นช้ากว่าเธอเสมอ เจนที่คิดว่าตัวเองไปสายแล้วจึงรีบอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวให้เสร็จแล้วรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านและก็พบเพื่อนสองคนกับภาพที่เธอต้องเอากลับไปเป็นฝันร้ายอีกนาน

    "แฮ่ แฮ่ แฮ่ แฮ่" เสียงของโจและแจ็คประสานกันอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทั้งสองคนทำท่าพ่นลมหายใจออกมาทางปากและโยกตัวไปมาอย่างน่าเกลียดจนเจนต้องรีบหันหน้าหนีก่อนที่เธอจะอ้วกใส่ และเธอก็พบกับหมิงเต๋อกำลังยืมมองทั้งสองคนหน้านิ่ง

    "เอ่อ....อรุณสวัสดิ์ค่ะอาจารย์หมิง ขอโทษค่ะที่ตื่นสาย" เจนพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ

    "อืม อรุณสวัสดิ์ ไม่ต้องขอโทษหรอก เธอไม่ได้สายหรอก ฉันบอกสองคนนั้นไม่ต้องปลุกเธอเองล่ะ" หมิงเต๋อพูดโดยไม่ได้หันไปมอง

    "แล้ว...เอ่อ โจกับแจ็คกำลังทำอะไรกันอยู่หรือคะ" เจนถามและกลัวว่าเธอเองจะต้องไปทำตามสองคนนั้น

    "ก็พอดีเมื่อวานเห็นสองคนนั้นมานั่งร้องเพลงกัน ฉันก็เลยจับมาฝึกพลังปอด เอามาสูดอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้าให้เต็มที่ไปเลย" ตามที่หมิงเต๋อบอกทำให้เจนนึกย้อนกลับไปเมื่อวานก่อนที่เธอจะเข้าไปอาบน้ำ เธอเห็นเพื่อนของเธอทั้งสองคนกำลังนั่งร้องเพลงที่มีคอรัสเป็นหายใจฟังดูเซ็กซี่เป็นเสียงหนุนเนื้อเพลง แต่พอเธอมาฟังเสียงติด ๆ กันและเห็นภาพแบบนี้เข้าก็เริ่มฟังดูขยะแขยงแทนซะแล้ว

    "เอาล่ะ เจน ตามฉันมาด้านในบ้าน แล้วสองคนทำต่อไปอย่าหยุดล่ะ" หมิงเต๋อสั่งก่อนที่จะเดินนำเจนเข้ามาด้านในบ้าน


    เธอเดินตามไปที่โต๊ะกินข้าว ชายชรารินน้ำชาให้เจนและตัวเองก่อนจะส่งถ้วยชาไปให้เด็กสาวและยกถ้วยของตัวเองขึ้นดื่ม

    "ฉันได้ยินมาจากสองคนนั้นว่าเธอเคยฝึกวิชาการต่อสู้มาก่อน จริงหรือเปล่า" หมิงเต๋อถามแล้วยกชาขึ้นดื่มอีกครั้ง

    "ค่ะ ศิษย์เคยฝึกไทเก๊กกับวิงชุน แต่ไม่ได้เรียนจริง ๆ จัง ๆ หรอกค่ะ วิงชุนเคยฝึกด้วยตัวเองตอนเด็ก ๆ ส่วนไทเก๊กก็รำตามแม่ตอนเช้าที่สวนสาธารณะเท่านั้นเองค่ะ"เจนบอก ในตอนที่เธอฝึกวิงชุนนั้นเพราะอยากฝึกเอาไว้จัดการกับคนที่มาล้อเลียนเธอสมัยเด็ก ๆ ส่วนไทเก๊กเธอก็มารำเป็นเพื่อนแม่ในช่วงออกกำลังกายตอนเช้าเฉย ๆ ตอนแรก ๆ เธอเองก็รำตามไปอย่างงู ๆ ปลา ๆ แต่พอรำไปเรื่อยๆแลครูฝึกที่คอยรำในตอนเช้ามาช่วยฝึกเธอ จึงทำให้ตอนนี้เธอรำเก่งกว่าจริยาเสียอีก

    "ดี แค่นั้นก็ดีแล้ว อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าเธอคงสามารถเรียนวิชาการป้องกันตัวจากฉันได้ ไม่เหมือนกับสองคนนั้นที่ไม่ได้เหมาะกับการฝึกวิชาต่อสู้อย่างเธอนะสาวน้อย" หมิงเต๋อบอกกับเจนจนเธอรู้สึกสงสัย

    "หมายความว่ายังไงหรือคะ"

    "เพื่อนของเธอ โจ นายคนนี้เขามีร่างกายพอใช้ได้แต่ไม่ได้สนใจในการต่อสู้ประชิดตัวที่ฉันสามารถสอนให้ได้ เพราะว่าเขาต้องการจะเล่นเป็นสายเวทมนตร์ ส่วนแจ็คเองก็ดูท่าจะรู้เชิงมวยอยู่เหมือนกัน ไม่เหมาะจะมาเรียนมวยอื่นซ้ำซ้อนกันนะ เธอว่ามั้ย" หมิงเต๋อว่าแล้วรินชาให้ตัวเอง

    "แล้วทำไมตอนที่ตอบรับอาจารย์พวกนั้นถึงได้..-"

    "ก็นั่นน่ะสิ 'ทำไม' กันนะ" หมิงเต๋อพูดขัดและเน้นเสียงตรงคำว่าทำไมโดยเฉพาะ

    ทันใดนั้นเองเจนก็คิดได้ว่าทำไม ตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก ตลอดเวลาที่เธอเป็นเพื่อนกับสองคนนี้ก็เหมือนกับว่าทั้งคู่ต่างรู้ใจเธอไปหมดไม่ว่าเธอต้องการอะไร และหลายต่อหลายครั้งที่เกือบจะมีเรื่องกับพวกที่เข้ามาล้อเจน ก็ได้สองคนนี้พาเลี่ยงให้ซึ่งบางครั้งเธอก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นจนเธอมารู้อีกทีภายหลัง



    "ถ้าหากคนปกติทั่วไปที่มาเล่นเกมอย่างนี้คงไม่คิดจะมาฝึกในสิ่งที่ไม่ได้มีประโยชน์กับตัวเองหรอก...อย่างน้อยก็ไม่ได้มีประโยชน์ตรง ๆ อย่างโจล่ะนะ ถ้าเป็นคนทั่วไปตอนนี้คงได้เก็บระดับเพิ่มเลเวลอะไรของพวกเธอไปนานแล้ว" หมิงเต๋อพูดแล้วเว้นช่วงให้เด็กสาวได้คิดก่อนจะพูดต่อ


    "สองคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีมากนะเจน ถึงจะเป็นคนแปลก ๆ ไม่ค่อยมีมารยาท แต่ไว้ใจได้ จงอย่าทำให้พวกเขาผิดหวังในตัวเธอ" หมิงเต๋อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


    เขาเคยสอนลูกศิษย์มามากแต่ทุกคนล้วนที่จะต้องการเก่งในวิชา จนหลายครั้งที่ศิษย์ในสำนักมาทะเลาะกันด้วยความอิจฉาที่คนอื่นเก่งกว่าตัวเอง เขาเปิดโรงฝึกเพื่อสร้างคนที่สามารถตามอุดมการณ์ของเขาได้แต่กลับไม่พบเลยแม้แต่คนเดียว



    จนกระทั่งมีคนติดต่อให้เขามาช่วยในเรื่องเกมออนไลน์ซึ่งในตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยสนใจ แต่เมื่อรู้ว่าเขาสามารถพบกับคนทั้งโลกได้ผ่านเกมนี้เขาก็ตอบตกลงทันที เพื่อที่จะตามหาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับเขา คนที่นำพลังไปใช้เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง

    "ทราบแล้วค่ะ อาจารย์หมิง" เจนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    "ต่อไปเราก็มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เธอคิดหรือยังว่าจะใช้อะไรเป็นอาวุธหลัก" หมิงเต๋อถาม เจนมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่คิดหาคำตอบ

    "คงจะใช้ดาบล่ะมั้งคะ ในใจอยากใช้ดาบสวย ๆ แบบยุโรปอยู่เหมือนกัน แต่ดาบคาตะนะของญี่ปุ่นก็เท่ห์ดี" เจนนึกคิดภาพตัวเองในขณะถือดาบไปสู้กับมอนสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นดาบชนิดใดก็ดูดีทั้งนั้นจนเธอเลือกไม่ถูก

    "อืม เอาแบบนี้ละกัน เดี๋ยวฉันจะสอนพื้นฐานการใช้ดาบให้ อาจจะแถมทักษะดาบให้อีกนิดหน่อย แค่นี้คงโอเคนะ" หมิงเต๋อทำท่าครุ่นคิดแล้วจึงเสนอมา เจนรีบตกลงรับทันทีเพราะเธอเองอยากจะฝึกดาบเร็ว ๆ


    ชายชรายิ้มรับแล้วชี้มือไปยังห้องที่อยู่ด้านหลัง เจนเดินไปที่ห้องนั้นและเธอก็พบว่ามันเป็นห้องเก็บของ ในนั้นมีของแปลกประหลาดมากมายไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้รูปร่างประหลาดตา ขวดน้ำยาหลากสีนับร้อยขวด ยังไม่นับของจำพวกกระดูกสัตว์และเขาสัตว์แปลก ๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่ที่ต้องตาเจนคือชั้นวางดาบที่มีดาบอยู่หลายสิบเล่มมีทั้งดาบแบบยุโรปที่เจนชอบ ดาบญี่ปุ่นหลายแบบอีกทั้งกระบี่ของจีนและอีกหลายชนิดที่เจนไม่รู้จัก

    "เลือกมาหนึ่ง เอาเล่มที่เธอคิดว่าใช่ที่สุดมาแล้วไปเจอข้าที่ลานกว้าง" หมิงเต๋อว่าแล้วเดินออกไปจากบ้านปล่อยให้เจนเลือกอาวุธได้ตามใจ

    เจนลองหยิบดาบมาถือดูอยู่หลายเล่มแต่ก็ยังไม่เจอเล่มที่พอใจซักที เธอลองถือดาบยุโรปด้ามเงินมาเล่มหนึ่งแล้วตรวจสอบรายระเอียดของดาบดู

    ดาบเหล็กกล้า ระดับ E
    พลังโจมตี: 20
    ดาบเหล็กธรรมดา มีรูปทรงสวยงาม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้ดาบ
    *ไม่สามารถเสียหายได้
    *ไม่สามารถนำออกจาก 'บ้านในสวนไผ่' ได้


    เจนวางดาบลงแล้วหยิบเล่มต่อไปขึ้นมาดู แต่ก็ยังไม่เจอเล่มไหนที่รู้สึกเหมาะมือซักเล่มเดียว จนกระทั่งเธอหยิบดาบขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง เพียงแค่จับเธอก็รู้สึกว่ามันต่างจากเล่มอื่นโดยสิ้นเชิง ให้ความรู้สึกแน่นกับมือของเธอและมีน้ำหนักเบา ดาบเล่มนี้เป็นดาบญี่ปุ่นอยู่ในฝักดาบสีดำ เธอลองชักมันออกมาจากด้ามก็พบกับใบมีดสีฟ้าลายครามที่สวยจับใจ

    ดาบเหล็กฟ้า(ผนึก) ระดับ E
    พลังโจมตี: 15

    กรุณาปลดผนึกเพื่อดูรายระเอียด
    *ไม่สามารถนำออกจาก 'บ้านในสวนไผ่' ได้

    เจนแปลกใจว่าทำไมถึงมีคำว่าผนึกอยู่หลังชื่อแถมพลังโจมตีก็น้อยมากกว่าดาบปกติเสียอีก แต่ใจของเธอกลับบอกให้เธอเลือกดาบเล่มนี้และเธอไม่คิดว่าจะมีดาบเล่มอื่นที่เหมาะมือเธอเท่าดาบเล่มนี้อีกแล้ว เจนเก็บดาบเข้าฝักแล้วเดินไปสมทบกับหมิงเต๋อด้านนอก เมื่อออกไปเจนก็พบว่าตอนนี้แจ็คและโจกำลังนั่งหอบอยู่ข้างบ่อน้ำ สงสัยว่าพวกเขาคงทำท่าประหลาดนั่นอยู่นานทีเดียวกว่าเธอจะมาเจอเข้า พอหันไปที่้ลานกว้างซึ่งกลุ่มเสาที่เจนเคยฝ่าได้หายไปแล้ว เป็นหมิงเต๋อที่กำลังยืนรออยู่ใจกลางลานด้วยท่าทางสงบนิ่ง

    "ได้แล้วค่ะอาจารย์หมิง" เจนบอกเมื่อเธอเดินมาถึงลานกว้าง

    "ไหนดูซิ โอ้! ตาถึงไม่เบานี่" หมิงเต๋อเอ่ยชมเมื่อเห็นดาบที่เจนหยิบมา

    "แต่มันบอกว่าผนึกอยู่ มันคืออะไรหรือคะ" เจนถามด้วยความสงสัย

    "ก็ไอเท็มผนึกไง ดาบเล่มนั้นฉันเก็บไว้มานานแล้วแต่ไม่ได้ไปหาคนปลดผนึกซักที ถ้าหากปลดผนึกก็จะได้ดาบที่ดีกว่าเดิมมาก...อืม ดาบเล่มนั้นถ้าฝึกเสร็จแล้วเธอก็เอาไปก็แล้วกัน" หมิงเต๋อว่า

    "จริงหรือคะ ขอบพระคุณมากค่ะ อาจารย์หมิง" เจนกล่าวอย่างดีใจพร้อมเอาดาบมาเหน็บไว้ที่เอว

    "เอาล่ะ มาเริ่มฝึกกันดีกว่า ชักดาบขึ้นมา" หมิงเต๋อว่า เจนทำตามคำสั่ง เธอชักดาบขึ้นมาแล้วตั้งท่าอย่างทะมัดทะแมงแต่ในสายตาของอาจารย์อย่างหมิงเต๋อแล้วเขาถึงกับต้องส่ายหน้าและเข้าไปแก้ท่าให้กับเจน

    "ถ่างขาให้มากกว่านี้ ขาขวานำขาซ้าย นั่นล่ะ แขนอย่าตรึงแข็ง อ่า..ใช่แล้ว แบบนั้นล่ะ" หมิงเต๋อพูดพลางใช้เท้าเขี่ยขาให้เจนตั้งท่าถูกต้อง


    จากนั้นหมิงเต๋อก็เริ่มฝึกดาบให้กับเจนตัวต่อตัว โดยหมิงเต๋อให้เจนใช้ดาบฟันตัวเขาให้โดน แต่ไม่ว่าเจนพยายามอย่างไรก็ไม่เฉียดตัวหมิงเต๋อเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอได้รู้ว่าถึงแม้ที่ผ่านมาเธอเคยต่อสู้มามากเพียงใดเคยฝึกวิชามาแค่ไหน แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าคนที่เก่งกว่ามากแล้วก็ไร้ประโยชน์ ทำให้ไฟกำลังใจของเจนเริ่มลุกโชนพยายามจะพัฒนาฝีมือของตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้นกว่านี้

    ในช่วงแรกของการฝึกในเดือนที่สองกับหมิงเต๋อ เจนได้ฝึกดาบทั้งวันโดยมีหมิงเต๋อคอยให้คำแนะนำอยู่ไม่ขาดซึ่งช่วยให้ฝีมือของเธอพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนในบางครั้งเธอก็เกือบจะโจมตีโดนหมิงเต๋อได้แต่ก็ถูกกันเอาไว้ได้อยู่ดี วิชาดาบที่เจนได้เรียนรู้นั้นไม่ได้ต่างไปจากในหนังกำลังภายในที่เธอเคยดูเลยแม้แต่น้อย แต่หมิงเต๋อบอกกับเธอเอาไว้ว่าความจริงแล้วมันไม่ได้เวอร์เหมือนกับในหนังที่มีพลังอะไรแปลก ๆ แต่พอมาอยู่ในเกมนี้ก็ทำให้พลังเหล่านั้นเป็นจริงขึ้นมาได้แต่เขาบอกว่าเจนควรฝึกพื้นฐานให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยไปติดสันใจทีหลังว่าจะฝึกอะไรต่อไป ส่วนแจ็คและโจก็ได้การฝึกที่แตกต่างกันไปแต่เจนเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสองไปฝึกอะไรเพราะเห็นว่าถูกหมิงเต๋อให้ไปฝึกที่อื่นจนไม่ได้กลับมาบ้านตลอดเดือน

    เมื่อเวลาผ่านไปใกล้จะสิ้นเดือน ระหว่างที่เจนและหมิงเต๋อฝึกดาบกันอยู่ซึ่งในตอนนี้หมิงเต๋อหันมาใช้ดาบโจมตีกลับบ้างแล้ว ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงของแจ็คและโจเดินกลับมาจากภูเขาใกล้ ๆ

    "พวกเรากลับมาแล้ว!" เสียงของโจตะโกนด้วยน้ำเสียงแสดงความเหนื่อยล้าออกมาอย่างชัดเจน สภาพตัวของเขาก็โทรมมากซึ่งดูจากชุดที่เคยเป็นสีขาวกลับกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว เช่นเดียวกับโจที่ชุดของเขาก็เละไม่ต่างกัน

    "เร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะ ทำดีมากเลยทั้งสองคน" หมิงเต๋อหยุดมือจากการฝึกเจนแล้วหันไปกล่าวชมทั้งสองคน

    "อาจารย์หมิงให้สองคนนี้ไปฝึกอะไรหรือคะ" เจนถามเมื่อเห็นสภาพของทั้งคู่

    "ความลับ เธอยุ่งเรื่องฝึกของเธอเองไปดีกว่านะ เวลานี้สองคนนี้ได้จบการฝึกของฉันเรียบร้อยแล้วนะ รู้ไว้ซะด้วย" หมิงเต๋อบอก เจนตกใจมากเพราะทั้ง ๆ ที่สองคนนี้ต้องฝึกด้วยตัวเองกลับผ่านการฝึกก่อนเธอเสียอีก

    "หา! ได้ไง พวกนายผ่านได้ยังไงกันเนี่ย" เจนร้องด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

    "โทษทีน้องสาว คนบางคนก็มีพรสวรรค์ที่คนบางคนไม่มีนะน้อง ฮ่าฮ่าฮ่า" โจหัวเราะเสียงดังโดยมีแจ็คเสริมด้วยอีกคน จนทำให้เจนที่ฟังอยู่ถึงกับฟาดดาบของเธอใส่เป็นเหตุให้ทั้งสองคนต้องกระโดดหลบหนีตายอย่างจ้าละหวั่นแล้ววิ่งเข้าบ้านไป ปล่องให้เจนที่หอบหายใจอย่างแรงเพราะโมโหมองตามด้วยความแปลกใจเพราะทั้งคู่สามารถหลบดาบของเธอได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังทำไม่ได้เลยแท้ ๆ

    "แปลกใจล่ะสิใช่มั้ย สองคนนั้นถึงไม่ได้เหมาะกับการฝึกเหมือนกับเธอ แต่พวกเขามีความตั้งใจไม่ต่างไปจากเธอเลย ฉันก็เลยให้พวกเขาไปฝึกพื้นฐานแล้วเขาไปทดสอบกับบททดสอบที่เหมาะกับพวกเขา ฝีมือก็เลยสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดแบบนี้ล่ะ" หมิงเต๋อกล่าว

    "แล้วฉันจะได้มีโอกาสรับการทดสอบแบบนั้นบ้างหรือเปล่าคะ" เจนถาม หมิงเต๋อยิ้มแล้วจึงค่อยๆเดินและตั้งท่าดาบขึ้นอีกครั้ง

    "เธอกำลังทดสอบอยู่มาตั้งแต่ที่ได้ดาบเล่มนั้นมาแล้ว" ว่าจบ หมิงเต๋อก็เป็นฝ่ายโจมตีด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ เขาแทงดาบใส่อย่างรวดเร็วจนเจนเอี้ยวตัวหลบแทบไม่ทัน หมิงเต๋อเมื่อเห็นว่าโจมตีพลาดก็เปลี่ยนการโจมตีเป็นฟาดดาบใส่จากดานข้าง เจนรีบยกดาบเข้ากันแล้วดีดดาบกลับไปหวังจะโจมตีแต่ก็ต้องรีบกลับมาป้องกันอีกครั้งเมื่อดาบที่เจนดีดกลับไปนั้นหมิงเต๋อไม่ได้ต้านแรก แต่กลับใช้แรงของมันหมุนตัวกลับมาแทงเจนอีกครั้ง

    เจนที่เห็นว่าหมิงเต๋อคราวนี้เอาจริงกว่าครั้งก่อน ๆ เธอก็เริ่มคิดหาวิธีสู้โดยเป็นฝ่ายบุกก่อน เจนยกดาบเหล็กฟ้าขึ้นแล้วฟาดดาบใส่อย่างต่อเนื่องจนหมิงเต๋อไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ เพราะทันทีที่ดาบของเจนถูกกันได้เธอก็รีบถอนดาบกลับมาแล้วหมุนตัวฟันทันที การโจมตีที่ต่อเนื่องและดุดันทำให้หมิงเต๋อแอบยิ้มอยู่น้อย ๆ เพราะการที่แจ็คและโจกลับมานั้นสร้างแรงกดดันให้แก่เจนมากทีเดียว พอเขาบอกว่าทั้งสองคนฝึกเสร็จแล้วก็ยิ่งกดดันเข้าไปอีก เขาต้องการแรกกดดันนั้นเปลี่ยนเป็นแรงผลักให้เจนพัฒนาฝีมือได้อย่างรวดเร็วจนเธอเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา เทคนิคที่เจนใช้สู้กับหมิงเต๋อก่อนหน้านี้เป็นแค่การสู้เพื่อที่จะเรียนรู้วิชาดาบมาจากหมิงเต๋อ แต่ไม่ใช่การสู้เพื่อจะเอาชนะ

    หมิงเต๋อรับดาบของเจนแล้วดีดกลับไปหาเจ้าของ ทันใดนั้นเจนก็ใช้เทคนิคเดียวกันกับหมิงเต๋อก่อนหน้านี้ที่ใช้พลังจากฝ่ายตรงข้ามให้เป็นกระโยชน์ เธอใช้ปลายเท้าเป็นหลักหมุนตัวแล้วแทงดาบใส่อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหันไปอีกที หมิงเต๋อก็หายไปแล้ว

    แปะ แปะ แปะ แปะ แปะ

    "เก่งมาก เก่งมาก ๆ" เสียงของหมิงเต๋อดังขึ้นที่ด้านหลังของเจน เธอตกใจมากเพราะเมื่อรู้เธอยังไม่เห็นชายชราคนนี้อยู่เลยแท้ ๆ

    หมิงเต๋อตบมือให้โดยวางดาบอยู่ใกล้ตัวก่อนที่จะผายมือให้เจนเดินตามมา

    "ฝีมือของเธอเยี่ยมยอดมาก เธอผ่านการทดสอบแล้วล่ะ" หมิงเต๋อกล่าว

    "แต่ท่านอาจารย์ ฉันยังโจมตีท่านไม่โดนเลยนะ" เจนว่า หมิงเต๋อที่ได้ยินดังนั้นจึงยกแขนเสื้อให้ดู และพบว่ามีส่วนหนึ่งขาดแหว่งไป

    "ในตอนแรกเธอสู้โดยต้องการจะเรียนรู้วิชาจากฉัน ไม่ได้สู้ตามแบบของตัวเอง ถ้าเธอยังสู้แบบนั้นต่อไป ต่อให้ฝึกจนตายยังไงก็ไม่มีทางโดนตัวฉันได้" หมิงเต๋อกล่าวแล้วไปหยุดอยู่ที่บ่อน้ำ "เมื่อครู่นี้เธอสู้โดยมีพลังที่ผลักดันเธอจนใช้พลังที่เป็นของตัวเธอเองออกมา.... การที่เธอมาฝึกกับฉันไม่ใช่เพื่อเรียนวิชาดาบของคนอื่น แต่มันเป็นการเรียนรู้เพื่อที่จะตามหาตัวเองต่างหาก"

    หมิงเต๋อพูดพร้อมกับมองลงไปยังบ่อน้ำ เงาของน้ำสะท้อนมาให้เจนเห็นถึงตัวเธอที่กำลังมองกลับมา ใบหน้าที่คุ้นตาแต่นั่นเป็นใบหน้าที่เธอไม่เคยชอบ จนกระทั่งมาพบกับพวกโจ จนมาถึงเวลานี้อาจจะเป็นอย่างที่หมิงเต๋อบอกเธอ เธอมัวแต่พยายามตามคนอื่น เธอไม่เคยลองที่จะเข้าใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย

    "แล้วศิษย์ควรทำยังไงดี" เจนถามขึ้นโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเธอถามไปด้วยเหตุผลอะไร หมิงเต๋อยิ้มและเอามือลูบหัวของเจนอย่างอ่อนโยน

    "ก็แค่....ยอมรับตัวตนของตัวเองให้ได้ แค่นั้นก็พอแล้ว" เมื่อพูดจบหมิงเต๋อก็ทิ้งให้เจนอยู่คนเดียวแล้วเดินเข้าบ้านไป ส่วนเจนที่ได้คำแนะนำของหมิงเต๋อก็ยิ้มขึ้นมาบาง ๆ ก่อนจะเดินตามอาจารย์ของตนไปพร้อมกับเธอที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่รู้ไม่ว่าเธอนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างน้อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

    ในที่สุดการฝึกระยะเวลาสองเดือนของหมิงเต๋อก็มาถึงวันสุดท้าย ตอนนี้หมิงเต๋อกำลังดื่มชาอยู่บนโต๊ะกินข้าว ส่วนพวกเจนนั้นก็นั่งอยู่บนพื้นด้านหน้าของชายชราอย่างเงียบ ๆ โดยใช้สายตาคุยกันเองด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

    "วันนี้ฉันจะขอถามคำถามพวกเธอหนึ่งข้อ ถ้าตอบได้ ฉันก็จะให้รางวัลคนละหนึ่งชิ้น สนใจมั้ย" หมิงเต๋อกล่าวทำให้พวกเจนมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น "เอาล่ะ คำถามคือ จากที่พวกเธอฝึกวิชากับฉันมาตลอดสองเดือนในมิตินี้ พวกเธอได้ฉุกคิดอะไรบ้างหรือเปล่า...หืม หรืออาจจะมีคำถามที่อยากจะถามฉันบ้างมั้ย"

    เด็กทั้งสามคนได้ยินคำถามแล้วก็มองหน้ากันอย่างงงงวย เพราะพวกเธอไม่เข้าใจเลยว่าหมิงเต๋อต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่ทันใดนั้นเองแจ็คก็ทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

    "เอ่อ...ที่บ้านผมเปิดเป็นค่ายมวยสากลอยู่ เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่พ่อแม่ผมจะต้องคอยดูแลค่ายทั้งวันจนไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย อาจารย์หมิง ท่านมาทำอะไรในเกมหรือครับแล้วสำนักของอาจารย์ในโลกแห่งความจริงล่ะครับไม่ต้องไปดูแลหรือครับ" แจ็คถาม เพราะขนาดที่บ้านเขาเป็นค่ายฝึกเล็ก ๆ เท่านั้น มีคนมาฝึกในยิมอยู่ไม่ถึงสิบคนแต่เขาเองก็ยังต้องไปช่วยที่บ้านดูแลค่ายฝีกด้วย เขาคิดไม่ออกเลยถ้าหากสำนักของหมิงเต๋อจะเป็นอย่างไรถ้าหากเจ้าสำนักมานอนเล่นเกมออนไลน์แบบนี้

    "ถามดีมาก ส่วนคำตอบของคำถามนั้นคือ เป็นเพราะฉันปิดสำนักของตัวเองแล้วยังไงล่ะ" หมิงเต๋อตอบแล้วยกชาดื่มอย่างสบายใจ

    "แต่ผมไม่เข้าใจ ย่าที่บ้านผมอายุเกือบแปดสิบแล้ว พอ ๆ กับอาจารย์หมิงเลย ...ผมไม่ได้ว่าอาจารย์แก่นะแต่คุณย่าผมตอนนี้ชอบนั่งอยู่เฉย ๆ ดูทีวีเหมือนกับคนแก่ทั่วไปมากกว่า แต่อาจารย์ทั้ง ๆ ที่สำนักก็ปิดไปแล้ว แต่ทำไมยังมาสอนพวกเราในเกมอีก" โจถาม หมิงเต๋อดื่มชาจนหมดแก้วแล้วจึงหันมาตอบคำถาม

    "นั่นก็จริง มันก็น่าคิดนะว่ามั้ย" หมิงเต๋อถามกลับไป แจ็คแล้วโจหันหน้ามองด้วยอย่างไม่เข้าใจ แต่เจนกลับมีความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว ความคิดที่เธอไม่เคยคิดว่าเธอจะคิดได้มาก่อนและมันเป็นความคิดที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพูดออกมา

    "เอ่อ.....อาจารย์หมิงคะ ท่านเป็นเอไอใช่หรือเปล่าคะ" เจมถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แจ็คและโจหันไปมองเจนเป็นตาเดียวเพราะจู่ ๆ มาถามอะไรแบบนี้ แต่หมิงเต๋อกลับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

    "ถูกต้องแล้ว ฉันคือปัญญาประดิษฐ์ของหมิงเต๋อ เจ้าสำนักวิชาการต่อสู้ชินหลง" หมิงเต๋อพูดยอมรับออกมาหน้าตาเฉยจนทั้งแจ็คและโจนต่างหันมามองอาจารย์ของตนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เจนเองก็ตกใจเช่นเดียวกันแต่เธอเองก็คิดเอาไว้บ้างแล้ว

    "อะ...อาจารย์เป็นเอไอ ไม่อยากจะเชื่อเลย!" แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจมาก เพราะเขาดูไม่ออกเลยว่าชายชราคนหน้านี้ไม่ใช่มนุษย์ ความจริงแล้วไม่มีใครดูออกเลยแม้แต่น้อย

    "ที่โฆษณาเอาไว้นึกว่าโม้ซะอีก สงสัยจริง ๆ ว่านอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ไปเอาเทคโนโลยีระดับนี้มาจากไหน" โจว่า เพราะถึงในปัจจุบันจะมีคอมพิวเตอร์อัจฉริยะคอยให้บริการตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ยังไงก็ยังเป็นแค่คอมพิวเตอร์ ไม่ได้มีความฉลาดเหมือนกับปัญญาประดิษฐ์เช่นนี้

    เจนมองหน้าอาจารย์ของตนด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ เธอรู้สึกผูกพันกับหมิงเต๋อมากเหมือนกับเป็นศิษย์อาจารย์กันจริง ๆ แต่ต้องกลับมาพบว่าอาจารย์ของเธอกลับเป็นเพียงแค่เอไอเท่านั้น หมิงเต๋อมองหน้าเจนก็รู้ถึงความคิด เขาวางแก้วชาของตนลงแล้วหันไปรินให้ลูกศิษย์ทั้งสามก่อนจะส่งไปให้แต่ละคนโดยตั้งใจส่งให้เจนเป็นคนสุดท้าย

    "อย่าเข้าใจผิดสิเจน ถึงฉันจะเป็นเอไอ แต่หมิงเต๋อก็มีชีวิตจริง ๆ อยู่โลกภายนอก และเขาก็รู้เท่าที่ฉันรู้ว่าพวกเธอพยายามฝึกกันมากแค่ไหน" หมิงเต๋อบอก

    "หมายความว่ายังไงคะ" เจนถาม

    "พวกเรา คือคน ๆ เดียวกัน เขาอยู่โลกแห่งความจริง ทำธุระของตนไปตามภาษาคนแก่ ส่วนฉันอยู่ในนี้ สืบทอดอุดมการณ์ของหมิงเต๋อต่ออยู่ในโลกออนไลน์ ทุกครั้งที่เขานอนหลับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันรู้จะถูกส่งไปยังสมองของหมิงเต๋อ เพราะฉะนั้นถ้าหากเธอพอเจอเขาข้างนอกนั่น รับรองได้เลยว่าเขาจะรู้สึกกับเธอเหมือนที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ไงละ" หมิงเต๋อบอกพลางลูบหัวเจนอย่างเอ็นดู

    “แต่สิ่งที่ฉันอยากจะบอกพวกเธอก็คือ ในเกมนี้ เอไอทุกคนนั้นไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ทำตามที่ถูกโปรแกรมเอาไว้ แต่ทุก ๆ คนจะเป็นเหมือนกับฉันที่ต่างก็มีจิตใจ มีตัวตนเป็นของตัวเอง และถ้าหากตายก็จะไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีก ขอให้จำในจุดนี้เอาไว้ให้ดี” ชายชราบอก เด็กทั้งสามพยักหน้ารับฟัง

    "เอาล่ะ ดีมากที่ตอบคำถามของฉันได้ ตามสัญญา ยื่นมือมาข้างหน้า" หมิงเต๋อพูดแล้วหันไปหาโจจากนั้นจึงยื่นม้วนคัมภีร์กระดาษสีน้ำตาลให้ไป "นี่เป็นม้วนคัมภีร์เวทที่ฉันได้มาจากเพื่อนคนหนึ่ง หวังว่ามันคงจะมีประโยชน์กับเธอ"

    "ส่วนสำหรับเธอ คิดว่าทักษะนี้น่าจะเหมาะกับเธอ" หมิงเต๋อว่าแล้วก็ใช้นิ้วแตะไปที่น้าผาก แจ็คทำท่าดีใจมากเลยทีเดียว จนสุดท้ายเขาก็หันมาหาเจน

    "เอาล่ะเจน ฉันขออนุญาตให้เธอเอาดาบเล่มนั้นออกไปได้ แล้วแถมทักษะอีกหนึ่งทักษะหน่อยก็แล้วกัน" หมิงเต๋อบอกแล้วเอานิ้วมาจิ้มที่กลางหน้าผากของเจน

    คุณได้รับทักษะ ปลดผนึก จากเจ้าของ 'บ้านในสวนไผ่' หมิงเต๋อ ค่ะ

    เสียงประกาศดังขึ้นในหัวของเจน เธอเปิดหน้าต่างและกดดูรายระเอียดทักษะที่ได้มาใหม่ทันที

    ทักษะ ปลดผนึก ใช้พลังเวท 100 ไม่มีระยะเวลาดีเลย์
    ทักษะระดับ S สามารถใช้ปลดผนึกอาวุธที่ถูกผนึกอยู่ได้

    เจนรู้สึกแปลกใจมากกว่าทักษะที่เธอได้มาเป็นถึงระดับ S แต่กลับเป็นแค่ทักษะปลดผนึกเท่านั้นเอง

    "ไหนลองปลดผนึกดาบที่่ให้ไปดูสิ" หมิงเต๋อบอก โจและแจ็คที่ได้ยินก็หันมามองด้วยความสนใจ เจนได้ยินที่หมิงเต๋อพูดจึงนำดาบออกมาแล้วใช้ทักษะปลดผนึกทันที

    คุณทำการปลดผนึกดาบเหล็กฟ้า ระดับ E และได้รับ ดาบมังกรคุซานางิ ระดับ S จำนวน 1 เล่ม

    ดาบมังกรคุซานางิ(ยังไม่ได้ทำสัญญา) ระดับ S
    พลังโจมตี: 500 (-250)
    ดาบในตำนาน มีพลังที่ตัดได้แม้แต่ฟ้าดิน ว่ากันว่าเป็นดาบประจำตัวของเทพบนสวรรค์
    - สามารถโจมตีได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น
    - สามารถใช้ทักษะ ผ่ามิติได้
    - สามารถใช้ทักษะ อัญเชิญอสูร ยามาโตะ โนะ โอโรจิ ได้
    - สามารถใช้ทักษะ ผนึกอสูร ได้
    - สามารถเก็บสัตว์อสูรและมอนสเตอร์ได้ 8 ตัว
    *ไม่สามารถเสียหายได้

    ทักษะ ผ่ามิติ ใช้พลังเวท 525 ระยะเวลาดีเลย์ 10 วินาที
    ทักษะระดับ S (จากอาวุธ) สามารถฟันเป็นคลื่นพลังโจมตีระยะไกลได้ พลังโจมตีเป็นธาตุแสงและไฟ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับพลังโจมตีของผู้ใช้ทักษะ

    เจนถึงกับอึ้งไปเมื่อเธอใช้ทักษะปลดผนึกกับของระดับ E กลับได้ของระดับ S มา ซึ่งเธอเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าทำไมของแบบนี้ถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้

    "ระดับS!! ดาบระดับสูงสุดของเกม! โอ้ให้ตายเถอะ เจน นี่เธอทำบุญด้วยอะไรวะเนี่ย!!" โจพูดด้วยน้ำเสียงตกใจสุด ๆ เพราะเขามั่นใจเลยว่าของระดับ S ยังไม่มีใครครอบครองมาก่อนแน่ ๆ เพราะถ้ามีล่ะก็เขาต้องรู้แล้ว

    "ก่อนหน้านี้ก็ได้ไข่ระดับ S มา แล้วนี่ก็ได้ของระดับสุดยอดอีก คราวหน้าเธอต้องแบ่งพวกเราบ้างแล้วล่ะ" แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉา เจนที่เห็นว่าตัวเองได้ของระดับสูงมาก็หันไปหาหมิงเต๋อทันที

    "อาจารย์หมิง ของแบบนี้ศิษย์รับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ" เจนพูดแต่หมิงเต๋อกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

    "ดาบเล่มนั้นฉันยกให้เธอไปแล้ว อีกอย่างถึงเธอจะคืนฉันมามันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย ได้แต่เก็บเอาไว้ ไม่ได้ใช้อยู่ดี" หมิงเต๋อว่า

    "เธอเก็บเอาไว้เถอะ แค่ใช้มันตามที่ใจเธอต้องการก็พอ"

    "เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมาค่ะอาจารย์หมิง" เจนกล่าว เธอรับดาบนั้นไว้แล้วเก็บลงช่องเก็บของไปอย่างนิ่มนวล

    หลังจากพวกเจนทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเจนจึงเตรียมพร้อมที่จะจากที่และกลับไปยังเมืองเริ่มต้นกันซักที หมิงเต๋อยื่นบัตรสีเขียวทั้งแก่ทั้งสามคนก่อนที่จะออกเดินทาง เจนรับมาและพบว่ามันเป็นบัตรขนาดเล็กเท่าบัตรธรรมดา มีคำว่า 'บ้านในสวนไผ่' อยู่บนนั้น

    "นี่คือบัตรที่เอาไว้ใช้มาที่นี่นะ ถ้ามีปัญหาอะไรหรืออยากมาเยี่ยมก็ใช้บัตรนั่นมาหาฉันก็แล้วกัน วิชีใช้ก็แค่บอกว่าเคลื่อนย้าย มันก็จะส่งพวกเธอมาที่นี่เลย ส่วนวิธีกลับออกไปก็แบบเดียวกัน" หมิงเต๋อบอก

    "ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ขอลาเลยก็แล้วกันนะคะ อาจารย์หมิง ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ" เจนกล่าวลา แล้วทั้งสามก็ใช้บัตรเคลื่อนย้ายตัวเองกลายเป็นแสงหายไป ทิ้งให้หมิงเต๋อยืนส่งด้วยรอยยิ้ม

    "โชคดี....ศิษย์เอกของฉัน"


    พวกเจนปรากฏตัวขึ้น ณ ลานกว้างของเมืองแห่งหนึ่ง สิ่งก่อสร้างในเมืองเป็นตึกไม้ในหมู่บ้านไทย ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านกันไปมากันโดยชุดที่พวกเขาสวมต่างบอกได้เลยว่าเป็นชาวเมืองเพราะสวมชุดไทยกันทุกคน พวกเขาไม่ได้สนใจพวกเจนเลยแม้แต่น้อย เพราะคนที่สวมใส่ชุดผ้าสีขาวของผู้เล่นมือใหม่อย่างพวกเธอนั้นมีมาทุกวัน

    "ในที่สุดก็เข้ามาถึงเมืองเริ่มต้นกันซักที ถ้าจำไม่ผิดนี่คือเมืองไทรีส เกาะเริ่มต้นของประเทศไทย" โจบอก เจนมองไปรอบ ๆ อีกครั้งเพราะบรรยากาศแบบนี้ถึงจะคุ้น ๆ เวลาที่ไปเที่ยงต่างจังหวัดแต่มันก็ไม่ได้เจอกันทุกวัน

    "เอาล่ะ พวกเราจะไปทำอะไรต่อดี" แจ็คถาม

    "ก่อนอื่นมาดูกันก่อนดีกว่าว่าสองเดือนที่พวกเราฝึกมาได้อะไรกันบ้าง" เจนเสนอขึ้นมา อีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วยและไปเปิดดูสถานะของตัวเองทันที

    ชื่อ:เจน
    อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ชั้นทหาร ระดับ 1
    สถานะตัวละคร
    พลังชีวิต 125/125 พลังเวทมนตร์ 114/114
    ค่าความอิ่ม 100/100 ค่าความเหนื่อย 100/100

    สถานะพื้นฐาน
    พลังโจมตี 50 ความฉลาด 14
    พลังป้องกัน 16 พลังป้องกันเวท 13
    ความเร็ว 30 ความอดทน 25
    ความแม่นยำ 11 โชค 9

    ช่องเก็บของ
    ดาบมังกรคุซานางิ(ยังไม่ได้ทำสัญญา) ระดับ S
    พลังโจมตี: 500 (-250)
    ดาบในตำนาน มีพลังที่ตัดได้แม้แต่ฟ้าดิน ว่ากันว่าเป็นดาบประจำตัวของเทพบนสวรรค์
    - สามารถโจมตีได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น
    - สามารถใช้ทักษะ ผ่ามิติได้
    - สามารถใช้ทักษะ อัญเชิญอสูร ยามาโตะ โนะ โอโรจิ ได้
    - สามารถใช้ทักษะ ผนึกอสูร ได้
    - สามารถเก็บสัตว์อสูรและมอนสเตอร์ได้ 8 ตัว
    *ไม่สามารถเสียหายได้


    ไข่ก้อนเมฆ ระดับS
    ไข่ของมอนสเตอร์ สามารถใช้ประกอบเป็นอาหารได้


    ทักษะที่มี

    ทักษะ ตรวจสอบ ไม่ใช่พลังเวท
    ทักษะพื้นฐาน สามารถใช้ตรวจสอบมอนสเตอร์และผู้เล่นได้ แต่ถ้าหากเป้าหมายมีระดับมากกว่าผู้ใช้เกิน 20 ระดับ จะสามารถตรวจสอบได้เพียงแค่ชื่อกับยศและระดับเท่านั้น

    ทักษะ ปลดผนึก ใช้พลังเวท 100 ไม่มีระยะเวลาดีเลย์
    ทักษะระดับ S สามารถใช้ปลดผนึกอาวุธที่ถูกผนึกอยู่ได้

    ทักษะ ผ่ามิติ ใช้พลังเวท 525 ระยะเวลาดีเลย์ 10 วินาที
    ทักษะระดับ S (จากอาวุธ) สามารถฟันเป็นคลื่นพลังโจมตีระยะไกลได้ พลังโจมตีเป็นธาตุแสงและไฟ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับพลังโจมตีของผู้ใช้ทักษะ

    ทักษะ อัญเชิญอสูร ใช่พลังเวท 5000 ระยะเวลาดีเลย์ 6 ชั่วโมง
    ทักษะระดับ S (จากอาวุธ) สามารถอัญเชิญอสูรได้ โดยอสูรที่อัญเชิญมาสามารถได้มาจากทักษะผนึกอสูร หรือ สัตว์อสูรยอมรับเป็นนาย

    ทักษะ ผนึกอสูร ใช้พลังเวท 800 ระยะเวลาดีเลย์ 1 ชั่วโมง
    ทักษะระดับ A (จากอาวุธ) สามารถทำการผนึกอสูรเพื่อใช้งานได้ โอกาสสำเร็จขึ้นอยู่กับระดับของผู้ใช้และความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร

    ช่องเก็บของ [ตัวละคร] จำนวน 2/10 ช่อง


    เจนเห็นว่าค่าสถานะพื้นฐานของตนเพิ่มมาไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วเธอก็หันไปถามคนอื่น ๆ บ้าง

    "พลังโจมตีของฉันอยู่ที่ห้าสิบแหนะ ค่าความเร็วก็พุ่งไปถึงสามสิบแล้ว" เจนบอก

    "ไม่เลว ไม่เลว ของฉันก็พุ่งเกินยี่สิบทุกอย่างแล้วแต่ไม่เกินยี่สิบห้า เว้นอยู่สามอย่าง พลังป้องกันเวทกับความฉลาดนี่พุ่งนำไปสามสิบห้าแล้ว แต่โชคนี่ไม่กระดิกเลย"โจพูดพร้อมกับมองค่าโชคของตนอย่างไม่ค่อยพออกพอใจนัก

    "คล้าย ๆ กันเลย แต่ของฉันเป็นค่าความอดทนกับพลังป้องกัน อย่างน้อยได้ฝึกกับอาจารย์หมิงก็ได้สถานะเพิ่มมาตั้งเยอะ แถมได้ทักษะระดับAมาด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้ว" แจ็คบอก

    "นายได้ทักษะอะไรวะ แจ็ค ฉันได้คัมภีร์มหาเวทระดับSด้วยล่ะ แต่ต้องเป็นอาชีพสายเวทมนตร์ก่อนถึงจะอ่านได้" โจพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

    "ทักษะกำแพงหินน่ะ เพิ่มพลังป้องกันชั่วคราวต่อการโจมตีระยะไกลแปดสิบเปอร์เซ็นต์ และการโจมตีระยะประชิดห้าสิบเปอร์เซ็นต์" แจ็คพูดสรรพคุณอย่างภูมิใจ ถึงแม้เขายังไม่ได้อาชีพสายป้องกันแต่ทักษะนี้ก็มีประโยชน์มากต่ออาชีพทุกสาย แล้วเขาก็หันไปหาเจนและพูดต่อ แต่พูดปลายประโยคด้วยเสียงกระซิบ "แล้วของเธอคงเป็นทักษะปลดผนึกนั่นใช่มะ"

    "ใช่ ระดับ S แหนะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงระดับสูงขนาดนี้" เจนพูดตามความรู้สึก


    ยังไม่ทันที่เจนจะพูดจบก็โดนเพื่อนทั้งสองหิ้วปีกไปจากลานกลางเมืองซึ่งมีผู้เล่นเดินผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก


    "ไอ้คุณเพื่อนครับ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ เธออย่าไปป่าวประกาศบอกใครเด็ดขาดว่าเธอมีทักษะแรร์อยู่ ถ้าหากยังอยากเล่นเกมนี้แบบสงบสุขอยู่" โจพูดเสียงกระซิบจนเจนนึกสงสัยว่ามันจำเป็นต้องทำกับแบบนี้เลยหรือเปล่า


    ทั้งสองพาเจนมายังใต้ถุนของบ้านทรงไทยหลังหนึ่งซึ่งไม่มีใครอยู่ เว้นแต่เพียงเอไอหนุ่มสาวกำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ชายบันได

    "จะบอกฉันได้หรือยังว่าทำไมถึงพูดไม่ได้หะ" เจนถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจที่ถูกลากมา โจมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟังก่อนจะหันมาบอกเธอ

    "ฟังนะ ทักษะนี้น่ะปกติแล้วจะตกลงมอนสเตอร์บอสระดับราชาเท่านั้นแต่ก็ยังไม่ได้มีระดับสูงอย่างของเธอ ทำให้คนที่มี’ทักษะระดับนี้’ ยังไม่มีใครเคยได้เลยด้วยซ้ำนะจะบอกให้" โจพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง

    "ในตอนนี้คนที่มีทักษะชนิดเดียวกันในปัจจุบันก็เป็นแค่ทักษะคลายผนึก ที่ปลดผนึกได้แค่ของระดับ A เท่านั้นเอง ไอ้ทักษะปลดผนึก ระดับ S ของเธอน่ะปลดผนึกของได้ทุกชิ้นได้เลย มันถึงต้องห้ามเธอไปบอกใครไง ลองนึกภาพพวกผู้เล่นเทพ ๆ มาตามตัวเธอให้เข้ากิลด์ด้วยเหมือนกับดาราโดนปาปาราสซี่ตามในทีวีดูสิ" แจ็คเสริม เจนเริ่มจะคิดว่าหมิงเต๋อให้ของขวัญที่คล้ายกับระเบิดแก่เธอซะแล้ว

    เจนสะบัดหัวละความกลัวในใจของเธอออกไปก่อนจะหันไปหาเพื่อนทั้งสองคนด้วยสายตามั่นใจ

    "เรื่องนั้นช่างหัวมันไปก่อนเถอะ ถ้าพวกเราเพิ่มระดับให้เก่งขึ้นจนไม่มีใครมาตอแยเราได้ แค่นั้นก็พอแล้วจริงมั้ย" เจนเอ่ย น้ำเสียงและดวงตาแบบนี้ของเจนพวกเขาไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว และสายตาแบบนี้ละที่ทำให้พวกเขาและเจนผ่านอุปสรรคใด ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้เสมอๆ

    ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าให้กันอย่างรู้ใจ ก่อนทั้งสามจะเริ่มออกวิ่งไปสู่การผจญภัยที่กำลังรออยู่ด้านหน้า

    จบตอนที่4

    -----------------------


  12. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  13. #8
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่5 มินิบอส!

    ตอนที่5 มินิบอส!



    เจนและสองสหายเดินตรงไปยังอาคารระบบเป็นเป้าหมายแรกเนื่องจากเจนยังจำคำของเมลฟีน่าได้ที่ให้ไปรับของสำหรับผู้เริ่มเล่นเกมเป็นครั้งแรก


    อาคารระบบนั้นไม่ได้เป็นทรงไทยเหมือนกับอาคารอื่นใกล้เคียง แต่เป็นตึกคอนกรีตแบบยุคปัจจุบันโดยเป็นอาคารที่ไม่มีหน้าต่างเลยแม้แต่บานเดียว มีป้ายขนาดใหญ่ติดเอาไว้ว่าอาคารระบบทำให้คนที่ตาถั่วขนาดไหนก็สามารถหาเจอได้ไม่ยาก เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่าอาคารระบบนั้นออกแบบมาได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ช่องบริการที่มีมากกว่าห้าสิบช่อง จุดนั่งพักรอสำหรับคนที่กำลังรอคิวและจุดสำหรับผู้ติดตามที่แยกออกมาอีกที่หนึ่ง ซึ่งนั้นมีพื้นพี่กว้างมากโดยจากที่เจนพอเดาดูก็คงประมาณจุคนได้เกือบ ๆ สองร้อยคนเลยทีเดียว



    โชคดีที่เวลานี้ไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการมากนัก พวกเจนหยิบบัตรคิวและถูกเรียกในแทบจะทันที เธอตรงไปยังเคาท์เตอร์ที่มีหมายเลขบนบัตรคิวของเธอปรากฏอยู่แล้วก็พบกับพนักงานชายที่กำลังยิ้มต้อนรับผู้เล่นอย่างมีอัธยาศัยดีนั่งรออยู่



    "สวัสดีครับ คุณเจน อาคารระบบยินดีให้บริการเสมอครับ" พนักงานหนุ่มพูดพร้อมกับมีรูปของเจนปรากฏขึ้นที่หน้าต่างเล็ก ๆ ข้างเคาท์เตอร์



    "เอ่อ....ผม..เอ้ย! ฉันมารับอุปกรณ์เริ่มต้นน่ะค่ะ" เจนพูด พนักงานหนุ่มพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าผ้าใบหนึ่งแล้วส่งมาให้เธอ



    "นี่เป็นกระเป๋าระดับหนึ่ง มีความจุสิบช่องนะครับ คุณเจนสามารถนำกระเป๋านี้คาดเอวได้ หรือจะนำไปใส่ช่องเก็บของตัวละครเพื่อความปลอดภัยก็ได้ครับ ถ้าหากคุณเจนต้องการกระเป๋าที่มีความจุที่มากกว่านี้ก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายอุปกรณ์หรือซื้อจากผู้เล่นทั่วไปก็ได้นะครับ" พนักงานหนุ่มบอก

    "ต่อไปคือของเริ่มต้นด้านในกระเป๋านะครับ จะมีแผนที่ของเกาะนี้ อาวุธเริ่มต้นหนึ่งชนิด โดยคุณเจนสามารถระบุชนิดของอาวุธได้ในตอนเปิดกระเป๋าครั้งแรกนะครับ ส่วนของที่เหลือก็จะเป็นยาเพิ่มพลังชีวิตขนาดเล็ก สิบขวด ยาเพิ่มพลังเวทมนตร์ขนาดเล็ก สิบขวดและข้าวกล่องเริ่มต้นอีกสามกล่องครับ"



    เจนรับกระเป๋าผ้ามาแล้วกล่าวขอบคุณกับพนักงานจากนั้นเธอก็เดินจากไป เมื่อเจนพยายามมองหาโจกับแจ็คที่แยกกันเข้าไปรับของเริ่มต้นก็พบว่าทั้งสองคนยังไม่กลับมา เธอจึงไปรออยู่จุดนั่งพักและเริ่มตรวจสอบของที่ได้มา



    กระเป๋านักเดินทาง [ความจุ: 10ช่อง]

    ระดับ E กระเป๋าสำหรับนักเดินทาง ถูกทำมาด้วยวัสดุทนทานเหมาะสำหรับใส่ของเล็ก ๆ เพื่อการเดินทางระยะไกล



    เจนไม่แปลกใจเลยสำหรับจำนวนของที่ใส่ได้สำหรับกระเป๋าใบนี้ เพราะขนาดของมันเองก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่ากระเป๋าคาดเอวใบเล็กนอกเกมเลย แต่ที่เจนชอบคือความกะทัดรัดและสามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบายนั่นเอง เธอเลิกสนใจตัวกระเป๋าเริ่มที่จะสนของที่อยู่ด้านใน เมื่อเธอเปิดปากกระเป๋าออกมาก็มีเสียงดังขึ้นในหัว



    เนื่องจากท่านได้ทำการเปิดกระเป๋าเริ่มต้นเป็นครั้งแรก ท่านสามารถเลือกชนิดของอาวุธได้หนึ่งชนิดค่ะ



    "ดาบ" เจนเลือกทันทีโดยไม่ลังเล



    ท่านได้รับ ดาบเริ่มต้น ระดับE จำนวน 1 เล่ม



    เจนหยิบดาบขึ้นมาดู พบว่ามันเป็นดาบทรงยุโรปโบราณนอกจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษแต่กลับให้ความรู้สึกเหมาะมือมาก เจนลองดูรายระเอียดของอาวุธดู



    ดาบเริ่มต้น ระดับE

    พลังโจมตี 15

    ดาบธรรมดา เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นใช้ดาบเป็นครั้งแรก



    หลังจากที่ดูดาบเล่มใหม่ของตนจนพอใจแล้ว เธอก็เริ่มตรวจสอบของอย่างอื่นในกระเป๋าต่อ



    แผนที่เกาะเริ่มต้น(ไทรีส)

    แผนที่ที่ช่วยบอกตำแหน่งของพื้นที่ [ไทรีส]



    ยาเพิ่มพลังชีวิตขนาดเล็ก 10 ขวด

    น้ำยารสชาติอร่อยที่สามารถช่วยรักษาบาดแผลได้ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังชีวิตได้วินาทีละ 5 เป็นเวลา 5วินาที



    ยาเพิ่มพลังเวทมนตร์ขนาดเล็ก 10 ขวด

    น้ำยารสชาติอร่อยที่สามารถช่วยฟื้นฟูพลังเวทได้ มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังเวทมนตร์ได้วินาทีละ 5 เป็นเวลา 5วินาที



    ข้าวกล่องเริ่มต้น 3 กล่อง

    ข้าวกล่องรสอร่อย ช่วยฟื้นฟูเรี่ยวแรงให้กลับมาได้ [ใช้สำหรับทานเป็นอาหาร]



    เจนพบว่าสิ่งของจำพวกขวดยาและข้าวกล่องหรือของที่มีจำนวนมาก ๆ นั้นสามารถวางซ้อนทับลงในช่องเดียวในได้ในช่องเก็บของ ทำให้ประหยัดพื้นที่ได้มากเลยทีเดียว ในขณะที่เธอจะดูรายระเอียดของแผนที่ โจและแจ็คก็เดินกลับมา เธอจึงเก็บแผนที่ลงกระเป๋าและนำมันคาดเอาไว้ที่เอวแล้วลุกขึ้นไปหาเพื่อนของตนแล้วพากันเดินออกจากอาคารระบบ



    พวกเจนตรงไปยังประตูเมืองโดนทันที โดยข้างทางต่างมีพ่อค้าแม่ขายตั้งแผงขายของยาวเหยียด มีตั้งแต่น้ำยาเพิ่มพลังชีวิตไปจนถึงอาวุธที่เจนลองดูแล้วน่าจะเป็นอาวุธระดับสูงอยู่พอสมควรในเกาะเริ่มต้นแห่งนี้ พวกเธอทั้งสามคนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ถึงอยากจะซื้อก็ซื้อไม่ได้เพราะในกระเป๋าไม่มีเงินเลยซักแดงเดียว



    เมื่อพวกเจนเดินออกมานอกเมืองก็พบกับทุ่งหญ้ากว้าง มีชายป่าอยู่ไกลออกไปอีกด้านของทุ่ง มีทางเดินยาวตัดผ่านทุ่งหญ้าจากไปถึงป่าแต่ในแถบนี้กลับไม่ค่อยมีคนมากเท่าไหร่ มอนสเตอร์ที่อยู่ในแถบนี้เป็นกระต่ายหลากสีโดยมีทั้งสีน้ำตาล สีขาวและสีดำซึ่งแต่ละตัวต่างก็มีลวดลายไม่ซ้ำกัน พวกมันกระโดดไปมาให้เห็นไปจนทั่วบริเวณแต่กลับไม่มีใครสนใจที่จะจัดการมันเลยแม้แต่น้อยโดยบางทีอาจจะเพราะท่าทางน่ารักของพวกมันเองที่ทำให้รอดชีวิติอยู่ได้ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเจนจึงลองใช้ทักษะตรวจสอบพวกมันดู



    กระต่ายป่า ชั้นทหาร ระดับ 1

    กระต่ายธรรมดา พบได้ตามป่าทั่วไป มีเนื้อน้อยแต่รสชาติอร่อยมาก

    แพ้การโจมตีธาตุไฟ ทนทานต่อการโจมตีธาตุแสง



    เจนมองดูหน้าต่างที่มีข้อมูลมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตอนที่เธอใช้ทักษะตรวจสอบครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้การตรวจสอบสำเร็จเพราะเธอและเป้าหมายของทักษะมีระดับไม่ห่างกันเลย ต่างจากแกรนคริโนซอที่มีระดับแตกต่างกันคนละชั้นเลยทีเดียว



    "พวกเราไม่ต้องสนใจมอนสเตอร์ระดับหนึ่งอย่างเจ้าพวกนี้หรอกเพราะจัดการไปก็ได้แค่พวกขนกับเนื้อ ค่าประสบการณ์ก็ไม่ได้ พวกเราเข้าไปด้านในป่าดีกว่า" โจว่าแล้วจึงเดินนำเจนและแจ็คตรงไปที่ชายป่า



    "ว่าแต่พวกนายสองคนใช้อะไรเป็นอาวุธล่ะ" เจนถามระหว่างที่พวกเธอกำลังเดินเข้าป่า



    "แจ็คใช้ปืนน่ะ ส่วนฉันใช้คทาเวท" โจบอกพลางหยิบอาวุธของตนให้เห็น



    "หา! เกมนี้มีปืนด้วย! แล้วนายใช้เวทได้แล้วหรือไง"เจนถามด้วยความแปลกใจ



    "คุณผู้หญิง ทีหลังหัดอ่านคู่มือให้ระเอียดหน่อยก็ดีนะ" แจ็คบอกพร้อมกับยกปืนไรเฟิ่ลแบบยุคสมัยปี 70 ขึ้นสะพายบ่าเลียนแบบทหารในสมัยนั้น



    ในเกม ดิ โอเพ่น เวิร์ด ออนไลน์ นั้นมีอาวุธหลากหลายมาก แต่เนื่องจากตัวเกมยังอยู่ในยุคโบราณจึงทำให้รูปแบบของอาวุธโบราณตามไปด้วย เช่นปืนของแจ็คที่แม้จะดูได้เปรียบธนูอยู่มากในเรื่องระยะยิง แต่ก็ต้องเสียเวลาเติมกระสุนอยู่มากและยังมีเสียงดังอีกด้วย ต่างจากธนูที่ได้เปรียบเรื่องพลังโจมตีกับความเร็วในการยิง และยังสามารถใช้ลอบโจมตีได้อย่างดีเยี่ยมอีกตางหาก ดังนั้นจึงมีอาวุธให้เลือกมากมายให้ใช้ตามสไตล์ของแต่ละคน



    "ฉันยังใช้เวทมนตร์ไม่ได้หรอก แต่ฉันทำแบบนี้ได้ คอยดูให้ดี" โจพูดพร้อมกับยักคิ้วให้แล้วจึงหันไปหากระต่ายป่าตัวหนึ่งที่กำลังนอนเคี้ยวหญ้าอย่างมีความสุข เขายกคทาของตนขึ้นมา ทันใดนั้นหัวคทาก็เปล่งแสงสว่างออกมาพร้อมกับบอลพลังเวทพุ่งเขาใส่เจ้ากระต่ายผู้โชคร้าย



    เฟี้ยว!! ตูม!



    เป็นโชคดีของกระต่ายป่าตัวนั้นที่มันจ้องมองพวกเจนมาตั้งแต่แรก ทันทีที่ก้อนพลังพุ่งเข้าใส่ มันก็กระโดดหลบอย่างคล่องแคล่วและวิ่งหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว แทนที่จะได้โชว์เพื่อน ๆ โจกลับโดนแจ็คและเจนหัวเราะใส่อย่างสะใจแทน



    "เอาล่ะ พอเลย ๆ หัวเราะกันพอแล้ว เห็นหรือยังว่าคทาเวทพอทำอะไรได้บ้าง" โจพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์



    "ฮะ ๆ โอเค พอเห็นแล้ว ว่าแต่พวกเราจะไปไหนกัน" เจนถามเสียงสั่นเพราะพยายามจะหยุดหัวเราะ แจ็คได้ยินดังนั้นก็หยิบแผนที่ออกมาจากกระเป๋า



    "ตอนนี้เราอยู่ตรงนี้บริเวณชายป่าติดกับเมือง แถวนี้มีแค่มอนสเตอร์ระดับหนึ่งเท่านั้นแหละ พวกเราน่าจะไปที่นี่ ป่าชั้นต้น มีมอนสเตอร์ระดับสองถึงยี่สิบให้เก็บระดับยาว ๆ เลย แต่ที่นั่นคนก็เยอะอยู่เหมือนกัน" แจ็คบอกพลางชี้ไปยังจุดทีมีตัวหนังสือบอกเอาไว้ที่เลยจากจุดสีแดงที่แสดงให้เห็นว่าพวกตนอยู่ไปนิดหน่อย



    "แล้วถ้าพวกเราเดินเข้าไปอีกล่ะ คนจะน้อยกว่านี้หรือเปล่า" เจนถามเพราะเธอไม่ค่อยชอบอยู่ในที่ ๆ มีคนเยอะ ๆ ซักเท่าไหร่เพราะถ้าไปเก็บเลเวลตรงนั้นมีหวังได้แย่งกันจนมีเรื่องอีก ถ้าให้เลือกเธอจะไปอยู่ในที่ไม่ค่อยมีคนมากกว่า



    "เข้าไปอีกก็เป็นป่าชั้นกลาง มอนสเตอร์ก็จะมีอย่างพวกวัวป่าระดับยี่สิบเอ็ดถึงสี่สิบ แต่คนก็ยังเยอะอยู่ดีนั่นแหละเพราะแถบนี้มีแต่มอนสเตอร์ที่ไม่โจมตีก่อนทำให้มีคนตั้งหลักกันอยู่แถวนั้นกันเพียบ" แจ็คบอก อีกสาเหตุหนึ่งทีคนส่วนใหญ่ไปตั้งหลักกันแถวนั้นก็เพราะเป็นจุดเดียวในบริเวณใกล้เคียงที่สามารถตั้งแค้มป์ได้อย่างปลอดภัย ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงสามารถเก็บระดับกันแถวนั้นได้ทั้งวัน



    "เฮ้อ....ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปหาจุดอื่นที่คนน้อย ๆ ดีกว่า ถึงจะเจอมอนสเตอร์ที่โจมตีก่อนก็ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเราผ่านการฝึกกับอาจารย์หมิงมาได้แล้วคงไม่เกินฝีมือ จริงมั้ย" เจนบอก เพื่อนทั้งสองคนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจึงพากันเดินไปยังจุดที่ทั้งสามตกลงจะไปเก็บเลเวลกัน



    เมืองไทรีสเป็นเมืองเริ่มต้นที่อยู่บนเกาะเช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ของแต่ละประเทศ จนคนส่วนใหญ่มักจะเรียกชื่อเกาะตามเมืองเริ่มต้นอย่างเช่นที่นี่ เกาะไทริส โดยเกาะแห่งนี้มีขนาดใหญ่และมีภูมิประเทศคล้ายกับประเทศไทยที่ร้อนชื้น ดังนั้นบนเกาะจึงเต็มไปด้วยป่าและภูเขาสูง อย่างเช่นป่าสามชั้นซึ่งเป็นจุดเก็บระดับยอดนิยมของเกาะไทริส เพราะเนื่องจากมีมอนสเตอร์อยู่มากและไม่โจมตีก่อน แล้วยังมีจุดที่สามารถตั้งเต้นค้างคืนได้โดยไม่ถูกมอนสเตอร์โจมตีกลางดึกอีกด้วย ซึ่งปกติแล้วผู้เล่นที่จะตั้งแค้มป์ค้างคืนนั้นจะต้องพบกับมอนสเตอร์ที่ดุร้ายและแข็งแกร่งกว่าตอนกลางวันรวมทั้งโจมตีก่อนด้วย ทำให้ต้องมีคนมาคอยเฝ้ายามสลับกันตลอดคืนเพื่อนความปลอดภัย ยกเว้นเพียงในจุดที่ถูกประกาศว่าปลอดภัยในการตั้งแค้มป์เท่านั้น



    สถานที่ที่พวกเจนกำลังเดินทางไปนั้นมีชื่อว่าป่าผลิใบ โดยมอนสเตอร์ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็มีระดับพอ ๆ กันมอนสเตอร์ที่ป่าชั้นกลางคือระดับยี่สิบถึงสี่สิบ แต่ที่ทำให้คนมีคนมาเก็บระดับแถวนี้ไม่มากก็เพราะมอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นหมาป่าที่โจมตีก่อน และจิ้งจอกที่จะรุมถ้าหากมีใครไปโจมตีมันนั่นเอง แต่ในทางกลับกันมอนสเตอร์พวกนี่ก็ให้ค่าประสบการณ์ที่มากกกว่ามอนสเตอร์ในระดับเดียวกันอยู่เยอะเลยทีเดียว



    เมื่อพวกเจนมาถึงป่าผลิใบก็พบกับจิ้งจอกอยู่หลายสิบตัวกำลังดมกินของอาหารอยู่ เจนเห็นดังนั้นจึงเปิดหน้าต่างช่องเก็บของตัวละครและเตรียมจะหยิบดาบระดับSของเธอ แต่โจก็รีบมาห้ามเอาไว้ก่อน



    "เดี๋ยวเจน นั่นเธอกำลังเอา....ของนั่น.. ออกมาใช้ใช่หรือเปล่า" โจถามโดนพยายามพูดเป็นเสียงกระซิบให้เจนได้ยินคนเดียว



    "ใช่สิ ดาบดีขนาดนั้นเก็บเอาไว้ก็น่าเสียดายออก" เจนพูดตามความจริง



    "ฟังฉันนะ เธอจำที่ฉันบอกเธอเรื่องทักษะระดับ S ของเธอได้มั้ย นี่ก็เหมือนกัน ถ้าขืนเธอใช้ดาบระดับนั้นให้คนเห็นละก็ มีหวังโดนโจรดักปล้นไม่ก็โดนมีคนมาแอบขโมยไปแน่ ทางที่ดีใช้ดาบเริ่มต้นไปก่อนดีกว่า เอาไว้ระดับสูงพอที่จะใช้ทักษะของดาบได้เต็มที่ค่อยเอามาใช้ก็ยังได้" โจบอก จริงอยู่ว่าเกมนี้ถ้าผู้เล่นฆ่าผู้เล่นด้วยกันจะไม่มีของตก แต่ผู้เล่นสามารถเปิดช่องเก็บของของผู้เล่นคนอื่นได้ด้วยทักษะขโมย แต่ถ้าหากอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็จะมีคำสั่ง ใช้ของเพื่อน อยู่เพื่อสามารถใช้อาวุธหรือน้ำยาเพิ่มพลังของเพื่อนได้ในยามฉุกเฉิน



    ที่โจเป็นห่วงจริง ๆ ก็คือถ้าหากมีคนรู้ว่าเจนมีดาบระดับ S ล่ะก็ เธอคงถูกตามรังควานจนกว่าจะได้ของที่ต้องการอย่างแน่นอน



    "ถ้านายว่าอย่างนั้นก็ตามใจก็แล้วกัน" เจนพูดยอมอย่างทำใจ แต่เธอก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักเพราะเธอเคยเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนอย่างเช่นตอนที่พวกเธอทั้งสามกลับมาจากตอนที่ซื้อเครื่องเฮดก็อกเกิ่ล ถึงในตอนนั้นเธอจะจัดการไปได้ด้วยฝีมือของเธอแต่ในตอนนี้เธออยู่ในเกมที่หากระดับต่ำกว่าก็มีโอกาสชนะยาก ดังนั้นเธอจึงตั้งมั่นเอาไว้ในใจว่าเธอจะไล่ตามจัดการเจ้าคนที่ทำตัวแบบนี้ให้หมด และก็แอบหวังเล็ก ๆ ว่าจะเจอในอีกเร็ว ๆ นี้



    เจนเปลี่ยนจากที่จะนำดาบคุซานางิเป็นดาบเริ่มต้นออกมาแทน เช่นเดียวกับพวกโจที่นำอาวุธของตนออกมาเตรียมพร้อมไว้



    "ว่าแต่นายใช้ทักษะที่ได้มาได้หรือยังล่ะ แจ็ค" เจนถาม แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ



    "พลังเวทมนตร์ไม่พอน่ะ ทักษะระดับ A จะใช้ได้ตั้งแต่ระดับหนึ่งคงไม่สมกับเป็นทักษะระดับสูงนะ ว่ามั้ย" แจ็คถามกลับ



    เจนพยักหน้าเข้าใจก่อนที่เธอจะไปเห็นหมาป่าตัวหนึ่งกำลังยืนจ้องมองพวกเธออยู่ไม่ไกล เจนชี้ให้แจ็คและโจเห็น ทั้งสองพยักหน้าเข้าใจแล้วเตรียมอาวุธพร้อมโจมตี ส่วนเจนรู้ว่าตัวเองต้องเป็นคนเข้าปะทะเนื่องจากเธอเป็นคนเดียวที่มีอาวุธโจมตีระยะประชิดนั่นเอง



    ขนของหมาป่าชันขึ้นสูงให้รู้ว่ามันก็เตรียมพร้อมที่จะสู้ด้วยเช่นกัน มันส่งเสียงขู่พร้อมกับก้าวเท้าของมันเข้ามาหาเจนอย่างช้า ๆ แต่ก็คอยระวังการโจมตีของแจ็คและโจที่ในตอนนี้มันไม่เห็นเงาของทั้งคู่แล้ว ซึ่งทั้งสองต่างก็หาจุดที่ตัวเองจะโจมตีจากมุมสูงได้อย่างปลอดภัย โดยโจขึ้นไปอยู่ต้นไม้ใกล้ ๆ ในขณะที่แจ็คซุ่มยิงอยู่ในระยะไกล



    เจนรู้ดีว่าเพื่อนทั้งสองกำลังทำอะไรเพราะเธอเคยเล่นเกมกับทั้งคู่มาหลายเกม ถึงจะไม่ใช่เกมออนไลน์เสมือนจริงแต่การที่เธอเกาะติดทั้งสองไม่ว่าจะเป็นตอนที่แนะนำเกมหรือเล่นแฉเทคนิคก็ทำให้เธอได้ซึมซับแผนการต่อสู้ของทั้งสองมาได้เป็นอย่างดี และนี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ลองสู้กับทั้งสองด้วยจริง ๆ หลังจากมั่นใจว่าทั้งคู่เข้าประจำที่แล้วเธอก็ใช้ทักษะตรวจสอบกับมัน



    หมาป่า ชั้นทหาร ระดับ 20

    หมาป่าธรรมดา มักอยู่รวมกันเป็นฝูง ขนของมันสามารถนำไปขายร้านอุปกรณ์ได้

    แพ้การโจมตีธาตุไฟ ทนทานต่อการโจมตีธาตุดิน



    ดาบยาวถูกวาดออกมาด้านหน้าเพื่อวัดระยะห่างจากเจนกับหมาป่าซึ่งมันก็หยุดเดินเข้ามาหาและค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างๆอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกับเจน สายตาของเธอจับจ้องไปที่เจ้าหมาป่าอย่างไม่ละสายตาและคอยดูการเคลื่อนไหวของมันเพื่อคอยหาจังหวะโจมตี



    เจ้าหมาป่าเป็นฝ่ายที่เริ่มโจมตีก่อน มันกระโจนใส่เจนอย่างรวดเร็ว เธอตกใจกับความเร็วของมันจึงสมาธิขาดไปครู่หนึ่งจนถูกมันกระแทกเข้าจนล้มลงไปนอนกับพื้นโดยมันยืนคร่อมร่างของเธออยู่ แต่เจนยังตั้งสติทันใช้ดาบดันต้านเอาไว้ก่อนที่จะถูกเขี้ยวของมันขย้ำเต็มคอ



    "จะทำอะไรก็รีบทำเข้าซี่!!" เจนตะโกนเสียงดังให้เพื่อนทั้งสองได้ยิน ยังไม่ทันขาดคำบอลพลังเวทก็พุ่งเข้ากระแทกมันกระเด็นไปออกไปจากตัวของเธอ เจนรีบลุกขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่ก่อนที่เจ้าหมาป่าจะตั้งตัวได้ทัน เธอฟาดดาบเข้าใส่มันแต่พลาดเพราะมันกระโดดหลบไปแต่ก็ฝากรอยแผลไว้ที่ลำตัวของมันเป็นทางยาว เมื่อตั้งตัวได้มันก็หันไปมองเจนด้วยความแค้นแล้วมันก็พุ่งเข้าใส่เจนอีกครั้งโดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเองเลยแม้แต่น้อย



    คราวนี้เจนเตรียมพร้อมอย่างดี เธอกลิ้งตัวหลบแล้วใช้ดาบแทงเข้าที่คอของมันและตวัดออกมาอย่างแรงจนเลือดกระฉูดออกมาจากปากแผล ร่างของเจ้าหมาป่าฟุบลงกับพื้นเหมือนไร้เรี่ยวแรงแล้วก็กระตุกอย่างน่ากลัว จากนั้นมันก็หยุดลงแล้วเสียงประกาศบอกให้เจนรู้ว่าเธอจัดการมันได้แล้ว



    คุณจัดการ หมาป่า ชั้นทหาร ระดับ 20



    ระดับของคุณเพิ่มจากระดับ 1 เป็นระดับ 2



    คุณได้รับทักษะ การใช้ดาบขั้นต้น จากการใช้อาวุธประเภทดาบจัดการมอนสเตอร์



    เนื่องจากเกมนี้การจัดการกับมอนสเตอร์นั้นไม่ได้ค่าประสบการณ์ที่แน่นอนเนื่องจากผู้เล่นจะได้ค่าประสบการณ์เพิ่มจากการจัดการด้วยฝีมือที่เฉียบขาด และในบางครั้งมอนสเตอร์ก็สามารถเพิ่มระดับของตัวเองโดยจัดการมอนสเตอร์ตัวอื่นหรือผู้เล่นที่มีระดับมากกว่ามันได้ซึ่งอย่างหลังนั้นมีโอกาสน้อยมาก


    เจนได้ยินว่าเธอได้ทักษะใหม่จึงรีบตรวจสอบก่อนในทันที



    ทักษะ การใช้ดาบขั้นต้น ระดับ 1

    ทักษะพื้นฐาน ช่วยเพิ่มพลังโจมตีเมื่อใช้อาวุธเป็นดาบ



    เจนประหลาดใจเล็กน้อยที่เธอจัดการเจ้าหมาป่าตรงหน้าแล้วระดับของเธอกลับเพิ่มขึ้นมาได้ แต่เมื่อมาคิดดูอีกทีคงเป็นเพราะระดับที่ต่างกันถึงสิบห้าระดับก็ไม่แปลกที่จะเพิ่มระดับง่าย ๆ เช่นนี้ และทักษะที่ได้มาใหม่นั้นเป็นทักษะติดตัวที่แสดงผลตลอดเวลา เธอมองร่างของหมาป่าอย่างแปลกใจเพราะมันยังไม่หายไปเหมือนเกมทั่วไป



    "ทำไมร่างของเจ้านี่มันถึงไม่ยอมหายไปซักทีล่ะ" เธอหันไปถามโจที่กำลังปีนลงต้นไม้



    "ก็เอาไว้ให้เธอแล่เนื้อไงล่ะ แต่ถ้าเธอปล่อยเอาไว้พักหนึงเดี๋ยวก็หายไปเอง ถ้าไม่อยากรอเธอก็ไปปรับตรงหน้าต่างระบบเอาก็ได้นะ" โจบอก



    เนื่องจากเกม ดิ โอเพ่น เวิร์ด ออนไลน์ นั้นมีการเปิดกว้างให้ผู้เล่นทำอะไรได้อย่างหลากหลาย รวมถึงการเก็บของจากมอนสเตอร์ที่เปิดให้ผู้เล่นฮาร์ดคอร์หรือผู้ที่ต้องการได้รับประสบการณ์ที่ผู้เล่นสามารถทำการแล่เนื้อออกจากร่างไร้วิญญาณของมอนสเตอร์ได้ แต่ถ้าหากผู้เล่นมีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดหรือต้องการจะให้ของตกแบบเดิมก็สามารถปรับให้เป็นปกติได้เช่นกัน



    เจนเองนั้นไม่ได้พิสมัยการแล่เนื้อสด ๆ นัก เธอจึงรีบเปิดหน้าต่างระบบแล้วรีบเปลี่ยนให้ของตกตามปกติทันที ร่างของหมาป่ากลายเป็นแสงแล้วมีของตกอยู่แทนที่และเธอก็เก็บขึ้นมาทันที



    คุณได้รับ หนังหมาป่า 1 ผืน

    คุณได้รับ เขี้ยวหมาป่า 2 ชิ้น

    คุณได้รับ เนื้อหมาป่า 5 ชิ้น



    เจนจัดการนำเอาของเก็บใส่กระเป๋าแล้วหันไปหาโจที่กำลังเดินตามเธอมา



    "ของที่ตกต่างคนก็ต่างเก็บเลยก็แล้วกันนะ แล้วค่อยมาแบ่งกันทีหลัง.....แล้วแจ็คล่ะ" เจนถามเพราะไม่เห็นตัวเพื่อนของตนเลย



    "หมอนั่นแอบซุ่มอยู่แถวนี้ล่ะ ว่าแต่ระดับของฉันเพิ่มเป็นระดับสองแล้ว เธอล่ะ" โจถามกลับไป



    "เหมือนกันเลย ฉันว่าเจ้าแจ็คเองก็เหมือนกัน มาดูกันดีกว่าว่าระดับเพิ่มแล้วมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง" เจนพูแล้วก็เปิดหน้าต่างสถานะตัวละครออกมาทันที





    ชื่อ:เจน

    อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ชั้นทหาร ระดับ 2

    สถานะตัวละคร

    พลังชีวิต 105/175 พลังเวทมนตร์ 214/214

    ค่าความอิ่ม 100/100 ค่าความเหนื่อย 100/100



    สถานะพื้นฐาน

    พลังโจมตี 50 ความฉลาด 14

    พลังป้องกัน 16 พลังป้องกันเวท 13

    ความเร็ว 30 ความอดทน 25

    ความแม่นยำ 11 โชค 9



    เจนพบว่าค่าพลังชีวิตของตนเองเพิ่มมาถึง 50 และค่าพลังเวทมนตร์เพิ่มมาถึง 100 เลยทีเดียว แต่ค่าสถานะอื่นนอกจากนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย



    "เยี่ยม พลังเวทของฉันเพิ่มมาตั้งเท่าตัวแหนะ บอลพลังเวทลูกหนึ่งก็กินพลังเวทมนตร์ไปตั้งยี่สิบห้าแล้ว แบบนี้ค่อยยิงได้จุใจหน่อย" โจว่า แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้ทำอะไรต่อ ระดับของทั้งคู่ก็พุ่งขึ้นเป็นระดับสามอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งเจนและโจไม่ได้จัดการมอนสเตอร์เลยซักตัว



    "เฮ้ พวก ฉันว่าเราแยกย้ายกันไปกันไปก่อนดีกว่ามั้ย เมื่อกี้ฉันเพิ่งจัดการกับกวางตัวเบ่อเริ่มได้ตัวหนึง ยิงเข้าไปที่ลูกตาเต็ม ๆ เลย มอนสเตอร์พวกนี้รับมือไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ถ้าพวกเราแยกไปฉันว่าน่าจะเร็วกว่านะ" เสียงของแจ็คดังขึ้นในหัวของเจน นี่คือระบบสื่อสารในกลุ่มของผู้เล่น โดยไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ถ้าอยู่ในกลุ่มเดียวกันทุกคนก็สามารถคุยกันได้อย่างไร้ปัญหา ถึงแจ็คเคยคิดว่าเกมนี้จะมีระบบช่วยเหลือผู้เล่นค่อนข้างน้อย แต่เจนก็ดีใจที่อย่างน้อยเกมนี้ก็ยังมีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นเกมบ้าง



    "ฉันเห็นด้วย เอาไว้พวกเราระดับถึงยี่สิบแล้วมาเจอกันที่นี่ก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผ่านระบบสื่อสารกลุ่มนะ" โจบอกกำหนดการณ์ แล้วจากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มแยกย้ายไปหาทำเลเหมาะ ๆ สำหรับตัวเองทันที



    เจนเดินแยกออกไปแล้วเริ่มมองหาจุดที่มีมอนสเตอร์เยอะ ๆ เพื่อจะเก็บระดับ เธอพบกับกวางป่าระดับยี่สิบที่เธอก็สามารถจัดการได้ไม่ยากเย็นนักแม้จะมีระดับที่ห่างกันมากก็ตาม นั่นเป็นเพราะพลังโจมตีของเธอที่พุ่งทะลุไปถึง 50 นั่นเอง ซึ่งปกติแล้วคนที่จะมีพลังโจมตีได้ขนาดนี้ก็ต้องฝึกมานานพอสมควรหรือไม่ก็ต้องมีระดับถึงยี่สิบห้าเลยทีเดียว



    เมื่อเจนเดินไปต่อก็พบกับหมาจิ้งจอกเป็นจำนวนมาก แต่เธอไม่คิดจะโจมตีมันถึงแม้ของที่ตกจากมอนสเตอร์จะถูกพวกมันวิ่งฉกไปทุกชิ้นเลย นั่นก็เพราะมันจะรุมโจมตีคนที่ทำร้ายเพื่อนของพวกมันอย่างไร้ความปราณีทันที และเธอเองก็เห็นตัวอย่างมาไม่น้อย อย่างเด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่มาเก็บระดับใกล้ ๆ กับเธอ เขาโจมตีพลาดไปโดนจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้าจนโดนกองทัพจิ้งจอกรุมจนกลายเป็นแสงไปอย่างรวดเร็ว โดยทิ้งของเอาไว้บนพื้นซึ่งเจนก็ไม่มีโอกาสได้เก็บไปเลยเพราะเหล่าจิ้งจอกนั้นได้คาบของที่ตกอยู่ไว้แล้ววิ่งหนีหายไปทันที



    จนถึงตอนนี้เธอมีระดับพุ่งขึ้นมาถึงระดับสิบแล้วในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถือว่าไวพอควรเลยทีเดียว เพราะเธอเก็บระดับกับมอนสเตอร์ระดับที่ห่างกันอยู่ค่อนข้างมากและยังได้ค่าประสบการณ์ที่แบ่งจากกับพวกโจอีกด้วยทำให้เวลาเธอจัดการกวางหรือหมูป่าแถวนี้ก็ทำให้ระดับของเธอเพิ่มขึ้นมาทันที แต่มอนสเตอร์ธรรมดาเหล่านี้ก็เริ่มให้ค่าประสบการณ์น้อยลงแต่ก็ยังถือว่าเยอะอยู่ดีถ้าหากไปเก็บเลเวลที่อื่น



    ส่วนทักษะการใช้ดาบขั้นต้นก็เพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 15 แล้วก็หยุดลงเหมือนกับว่าการที่เธอสู้กับมอนสเตอร์สัตว์เหล่านี้จะไม่ได้ช่วยเพิ่มฝีมือในการใช้ดาบของเธออีก เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะตอนนี้ที่เธอสนใจคือระดับของตัวเธอเองมากกว่า



    เจนเดินตรงเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ แต่น่าแปลกเพราะว่าเธอเจอแต่จิ้งจอกและสัตว์กินหญ้าทั่วไปเท่านั้นเอง นับตั้งแต่หมาป่าตัวนั้นแล้วเธอก็ไม่เจอมอนสเตอร์ตัวไหนที่โจมตีก่อนอีกเลย รวมทั้งเธอก็ไม่เจอหมาป่าตัวอื่นเลยแม้แต่ตัวเดียว



    "แปลกจังแฮะ ไปอยู่ไหนหมดนะพวกหมาป่านั่น" เจนพูดขึ้นลอย ๆ แล้วมองหาหมาป่า คราวที่แล้วเธอพลาดท่าให้เพราะตกใจ แต่เธอเองก็มั่นใจว่าคราวนี้เธอจะไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน



    ในตอนนั้นเองที่เธอเห็นหมาป่าตัวหนึ่งกำลังยืนขู่จิ้งจอกตัวหนึ่งอยู่ จิ้งจอกตัวนั้นเธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังบาดเจ็บจากขนสีขาวเปื้อนเลือดของมัน เจนรู้สึกว่าจิ้งจอกตัวนี้จะดูแปลก ๆ เพราะขนของมันเป็นสีขาวแทนที่จะเป็นสีน้ำตาลอย่างจิ้งจอกทั่วไป และเจ้าหมาป่าเองก็มีขนสีแดงแทนที่จะเป็นน้ำตาล



    "มาสู้กับคู่ต่อสู้ที่ฝีมือสูสีกันดีกว่ามั้ย เจ้าหมาป่า" เจนพูดเสียงดังแล้วเดินเข้าไปหาหมาป่าอย่างไม่เกรงกลัว ดาบในมือถูกวาดออกมาข้างตัวเตรียมพร้อมจะจู่โจมทุกเมื่อ



    หมาป่าแดงและจิ้งจอกขาวต่างหันมามองผู้มาใหม่ตาไม่ขยับ เมื่อเจ้าหมาป่าเห็นว่าเจนนั้นดูท่าทางไม่ค่อยเก่งนักมันก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังเจนทันที ปล่อยให้จิ้งจอกขาวที่บาดเจ็บที่ขาจนไม่สามารถเคลื่อนไหวเอาไว้ที่เดิม



    ทางจิ้งจอกขาวเองก็ส่งเสียงเห่าอันแหลมเล็กของมันเหมือนกับจะบอกว่าให้รีบหนีไป เจนพอรู้ว่ามันพยายามสื่อสารกับเธอ เด็กสาวส่งยิ้มไปให้แล้วหันกลับมามองคู่ต่อสู้ของเธอแล้วจึงใช้ทักษะตรวจสอบเพื่อประ****คู่ต่อสู้ตรงหน้า



    [มินิบอส] หมาป่าขนแดง

    ชั้นทหาร ระดับ 39

    หมาป่าระดับกลาง มีนิสัยดุร้าย มักอยู่ตามลำพัง มีความไวและพลังโจมตีสูงมาก ขนสามารถนำไปขายได้

    แพ้การโจมตีธาตุน้ำ ทนทานต่อการโจมตีธาตุไฟและดิน



    เมื่อเจนเห็นว่าหมาป่าตัวนี้เป็นถึงระดับมินิบอสที่เก่งกว่าหมาป่าที่เธอเคยเจอมาก แต่เธอเองก็มีความมั่นใจว่าเธอไม่แพ้มันอย่างแน่นอน โดยความรู้สึกของเธอนั้นรุนแรงมากเพราะเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้มันช่างคล้ายกันกับเหตุการณ์ที่เธอเจอก่อนที่จะได้มาเล่นเกมนี้ซะเหลือเกิน



    กรร



    หมาป่าขนแดงส่งเสียงขู่และก้าวเท้าไปรอบตัวเจนคล้ายกลับว่ากำลังหาจังหวะจู่โจม เจนที่เห็นดังนั้นก็ไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เธอจำคำที่หมิงเต๋อบอกเธอเอาไว้ขึ้นใจแล้วพุ่งตัววาดดาบใส่หมาป่าขนแดงทันที



    เจ้าหมาป่าที่เห็นเจนเข้าโจมตีมันจึงรีบกระโจนใส่ตัวมันบ้าง เจนเอี้ยวตัวหลบการโจมตีของหมาป่าขนแดงไปได้อย่างฉิวเฉียดแล้วสะบัดดาบใส่เข้าเต็ม ๆ ขาของมันแต่กลับไม่สามารถเรียกเลือดจากมันได้เลยแม้แต่น้อย



    'โจมตีไม่เข้า!' เจนคิดในใจอย่างตื่นตระหนก เพราะเมื่อครู่เธอโจมตีโดนเข้าเต็ม ๆ ถึงจะไม่ใช่การโจมตีอย่างเต็มที่แต่มันควรจะต้องมีบาดแผลบ้าง ที่เธอรู้สึกได้จากการโจมตีนั้นเหมือนกับว่าเธอกำลังฟาดดาบใส่หินชัด ๆ



    เจนรีบทิ้งระยะห่างและหันไปมองหมาป่าขนแดงและพบว่าร่างของมันในตอนนี้ส่องสว่างเล็กน้อย เธอมั่นใจเลยว่ามันใช่ทักษะเสริมพลังป้องกันอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอเลยคิดจะถ่วงเวลาไปก่อนเพราะระดับของเธอและหมาป่าขนแดงตัวนี้ห่างกันเกินไป ถ้าให้สู้กันตรง ๆ เธอคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน



    แต่เจนก็คิดผิดอีกครั้งเมื่อเธอคิดว่ามันใช้ทักษะเพิ่งพลังป้องกันอย่างเดียว เจ้าหมาป่าขนแดงพุ่งเข้าใส่เจนอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิมจนแทบมองไม่ทัน ยังโชคดีที่เจนมีสัญชาตญาณไวและยกดาบมาป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้แต่ก็ทำให้เธอกระเด็นล้มลงไปกับพื้น ดูท่าทางทักษะที่มันใช้จะไม่ใช่แค่ทักษะเพิ่มพลังป้องกันอย่างเดียวซะแล้ว



    ในเวลานี้เจนต้องเพิ่งฝีมือของเธออย่างเดียว เนื่องจากเธอนั้นยังไม่มีทักษะที่ช่วยในการต่อสู้เลย และในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาไปหยิบดาบคุซานางิจากช่องเก็บของตัวละครของเธออีกด้วย เธอนึกแค้นใจตัวเองที่ไม่ย้ายดาบมาใส่เอาไว้ในกระเป๋าของเธอเพื่อที่จะสามารถหยิบออกมาได้อย่างทันท่วงที



    ทางเจ้าหมาปาขนแดงที่เห็นว่าเจนเสียเปรียบอย่างเต็มประตูจึงวิ่งเข้าใส่เด็กสาวอย่างรวดเร็วทันทีเพื่อหวังจะจัดการเหยื่อที่หลงทางมาให้เสร็จ ๆ ไปแล้วไปจัดการเหยื่ออีกตัวที่มันทิ้งเอาไว้



    แต่แล้วเจนก็ทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจเขวี้ยงดาบใส่เจ้าหมาป่าที่วิ่งเข้ามา แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงที่เหนือกว่าด้วยการฉีกตัวหลบออกข้างอย่างรวดเร็ว ทว่าสิ่งที่มันไม่ได้คาดเอาไว้คือหมัดลุ้น ๆ ของเจนที่ตามมาจนหลบไม่ทัน



    ผลั้ก!



    หมัดของเจนเข้าเป้าเต็มๆแต่นั่นทำให้เธอรู้สึกเจ็บอยู่ไม่น้อย เจนรีบวิ่งแล้วกระโดดพุ่งตัวใส่อย่างแรงจนมันกระเด็นล้มลงไป เจนตัดสินใจเมื่อสู้ด้วยกำลังเอาชนะไม่ได้ เธอก็จะสู้ด้วยทักษะการต่อสู้ที่เธอมีทั้งหมดแบบทุ่มสุดตัว เจนกดคอของหมาปาขนแดงไว้กับพื้นด้วยมือทั้งสองข้างแล้วใช้เข่ากระหน่ำแทงลงไปที่ท้องของมันอย่างไม่ยั้ง



    ดั่งโชคช่วยเพราะทักษะเสริมพลังของเจ้าหมาป่าขนแดงนั้นหายไปพอดี ทำให้การโจมตีของเจนนั้นได้ผลอย่างชะงัก เจ้าหมาป่าขนแดงที่รู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็พยายามจะดิ้นให้ตัวเองหลุดออกจากพันธนาการ แต่มันกำลังอยู่ในท่านอนหงายไม่สามารถหาหลักยันได้ อีกทั้งที่เจนแทงเข่าไปที่ท้องทำให้เรี่ยวแรงที่เคยมีเริ่มหายไป



    จนในที่สุดเจนก็หมดแรงเช่นเดียวกัน เธอผละออกมาจากร่างของเจ้าหมาป่าขนแดงที่นอนน้ำลายฟูมปากอยู่บนพื้นแล้วรีบไปหยิบดาบของเธอที่อยู่ไม่ไกล เมื่อหันกลับมาก็พบว่ามันกำลังพยายามลุกขึ้นมาให้ได้จนเธอชื่นชมความเร็วในการฟื้นตัวและความอึดของมันที่มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก่อนที่เจ้าหมาป่าขนแดงจะได้ทำอะไรต่อ เด็กสาวก็ควงดาบหนึ่งรอบแล้วแทงลงไปกลางกระหม่อมทะลุหัวในครั้งเดียว



    ร่างของเจ้าหมาป่าขนแดงแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนก่อนที่จะกลายเป็นแสงไปท่ามกลางสายตาของจิ้งจอกขาวที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา



    คุณจัดการหมาป่าขนแดง ชั้นทหาร ระดับ 39

    ระดับของคุณเพิ่มจาก 10 เป็น 11

    คุณได้โบนัสเนื่องจากกำจัดมอนสเตอร์ระดับมินิบอส

    ระดับของคุณเพิ่มจาก 11 เป็น 12



    คุณได้รับทักษะ การต่อสู้มือเปล่า จากการใช้มือเปล่าจัดการมอนสเตอร์



    คุณได้รับ หนังหมาป่าขนแดง 1 ผืน

    คุณได้รับ เขี้ยวหมาป่าชั้นสูง 4 ชิ้น

    คุณได้รับ เนื้อหมาป่า 5 ชิ้น

    คุณได้รับหนังสือทักษะ เสริมพลังกาย 1 เล่ม

    คุณได้รับ มีดขนแดง 1 ด้าม



    เจนเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อได้ยินว่าเธอเพิ่งจัดการมอนสเตอร์ระดับสูงไป เธอรีบตรวจสอบของที่ได้มาอย่างตื่นเต้นโดยเฉพาะหนังสือทักษะและอาวุธใหม่ที่ดูจะถูกใจเธอมากที่สุด



    ทักษะ เสริมพลังกาย ใช้พลังเวท 50 ระยะเวลาดีเลย์ 5 นาที

    ทักษะระดับ E สามารถเสริมพลังโจมตี พลังป้องกันและความเร็วขึ้นสองเท่าได้ชั่วขณะหนึ่ง



    มีดขนแดง ระดับ D

    พลังโจมตี 40

    มีดขนาดเล็กเหมาะสำหรับใช้แทงและเฉือน มีขนาดเหมาะมือและซ่อนได้อย่างง่ายดาย

    - มีโอกาสโจมตีแล้วศัตรูได้รับสถานะ 'เลือดไหล'



    ถือได้ว่าของที่เจนได้มานั้นมีค่าไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอาวุธระดับ D ในเกาะเริ่มต้นนั้นพูดได้ว่าหายากและราคาสูงเอาการสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเล่น และหนังสือทักษะที่ตกจากมอนสเตอร์นั้นก็ถือเป็นของแรร์เลยทีเดียว



    หลังจากที่เก็บของต่างๆเข้ากระเป๋าเริ่มต้นแล้ว เธอก็เหน็บมีดขนแดงเอาไว้ที่สายคาดกระเป๋าเผื่อเอาไว้ และเก็บดาบลงฝักพร้อมทั้งกับเหน็บเอาไว้อีกข้างจากนั้นจึงตรวจสอบสถานะของตัวเอง



    ชื่อ:เจน

    อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ชั้นทหาร ระดับ 12

    สถานะตัวละคร

    พลังชีวิต 675/675 พลังเวทมนตร์ 1214/214

    ค่าความอิ่ม 74/100 ค่าความเหนื่อย 49/100



    สถานะพื้นฐาน

    พลังโจมตี 50 ความฉลาด 14

    พลังป้องกัน 16 พลังป้องกันเวท 13

    ความเร็ว 32 ความอดทน 25

    ความแม่นยำ 11 โชค 9



    จากเมื่อครู่เจนพบว่าค่าความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นมาถึงสองเลยทีเดียว แต่สถานะอื่น ๆ กลับไม่ได้ขยับเพิ่มขึ้นตามนอกจากพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเพิ่มระดับเท่านั้น



    หลังจากสำรวจของและสถานะของตนเสร็จแล้วเจนก็หันไปหาจิ้งจอกขาวที่ยังคงนอนอยู่ที่เดิม โดยดวงตาของมันนั้นหลับสนิทราวกับว่ามันยอมรับในชะตากรรมของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจนเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาก่อนที่จะหยิบขวดยาเพิ่มพลังชีวิตออกมาแล้วเทลงไปบนแผลของจิ้งจอกน้อยตรงหน้า



    เจ้าจิ้งจอกขาวลืมตาดูสิ่งที่เจนทำอย่างแปลกใจและหันหน้ามองดูหน้าของเจนสลับกับแผลของตน หลังจากที่ยาหมดขวดเจนก็มองดูบาดแผลของจิ้งจอกขาวที่กำลังค่อย ๆ สมานกันอย่างน่าอัศจรรย์ เจ้าจิ้งจอกขาวลุกขึ้นและสะบัดขาของมันดูแล้วยืนมองเจนด้วยความสงสัย



    "เอ้า มัวยืนอะไรอยู่อีกล่ะ รีบไปซะ เดี๋ยวก็เจอเจ้าหมาป่าเมื่อกี้เข้าอีกหรอก" เจนพูดพลางสะบัดมือไล่ เจ้าจิ้งจอกน้อยกระโดดหลบไปยังพุ่มไม้ใกล้ ๆ ก่อนที่จะโผล่หัวออกมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะมุดกลับเข้าพุ่มไม้ไปอีกรอบ



    เจนมองดูการกระทำของจิ้งจอกขาวอย่างรู้สึกเอ็นดู เธอชื่นชมเกมนี้มากเลยทีเดียวที่สามารถเลียนแบบความอยากรู้อยากเห็นของสัตว์ได้เป็นอย่างดี และทำให้มันรู้สึกน่ารักน่าชังไม่น้อย จนตัวเจนเองที่มีรสนิยมที่ชอบสัตว์ตัวเล็ก ๆ อยู่แล้วอยากจะจับเจ้าจิ้งจอกน้อยมากอดให้เต็มรัก



    เธอฟังเสียงของจิ้งจอกขาววิ่งผ่านพุ่มไม้ไปจนเธอไม่ได้ยินอีก ก่อนที่จะหันไปติดต่อเพื่อนของเธอผ่านระบบสื่อสารกลุ่ม



    "แจ็ค โจ นี่เจนนะ ฉันระดับสิบสองแล้ว พวกนายระดับเท่าไหร่กันแล้ว" เจนถาม



    "หา! สิบสองแล้ว ทำไมเธอถึงระดับแซงฉันไปแล้วล่ะ ในกลุ่มมันแบ่งค่าประสบการณ์เท่ากันไม่ใช่หรือ" แจ็คถามขึ้นอย่างสงสัยใคร่รู้



    "เมื่อกี้ฉันจัดการมอนสเตอร์ระดับมินิบอสไปน่ะเลยได้โบนัสเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง แถมได้หนังสือทักษะกับอาวุธมาใหม่ด้วยล่ะ" เจนบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ



    "มินิบอส! เธอจัดการตัวอะไรไปน่ะ เป็นกวางหรือหมูป่า" โจเดา



    "หมาป่าขนแดงน่ะ ฉันได้หนังสือทักษะเสริมพลังกายมาน่ะ ว่าจะลองเรียนดูเลย" เจนตอบ



    "เรียนเลยก็ดีนะ ทักษะนี้มีขายในร้านหนังสือทักษะในเมืองแต่มีราคาแพง อีกอย่างทักษะนี้เหมาะกับสายโจมตีระยะประชิดแบบเธออยู่แล้วล่ะ" โจว่า ที่เขารู้ได้นั้นเพราะเขาได้ทำการศึกษามาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นข้อมูลต่าง ๆ ในเกมหรือเหตุการณ์ภายในเกมปัจจุบัน



    "เข้าใจแล้ว ฉันจะพักกินข้าวซักหน่อย อืม... ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เอาไว้ซักบ่ายสามถ้าระดับยังไม่ถึงยี่สิบล่ะก็ไปเจอกันหน้าทางเข้าป่าผลิใบนะ" เจนว่าพลางเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาดูเวลาในเกม โดยมีนาฬิกาบอกเวลานอกเกมด้วย มันบอกว่าตอนนี้เวลานอกเกมนั้นตีสองกว่า ๆ แล้ว



    เจนหันไปมองรอบๆว่าเผื่อมีตัวอะไรอยู่แถวนี้ก่อนที่จะหาที่นั่งพัก เธอเลือกเป็นใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีร่มเงาสามารถบังแดดได้เป็นอย่างดี เจนล้มตัวลงนั่งและหยิบข้าวกล่องเริ่มต้นขึ้นมากินทันที คำแรกที่เข้าปากไปนั้นบอกได้เลยว่ามันมีรสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ต้องบอกว่านี่ยังสู้รสชาติอาหารฝีมือแม่ของเธอไม่ได้



    ในขณะที่เจนกินข้าวกล่องนั้น เธอก็หันไปศึกษาหน้าต่างระบบ ที่นอกจากจะมีนาฬิกาบอกเวลาแล้ว ยังมีส่วนล็อกเอาท์จากเกมด้วย อีกด้านหนึ่งที่เป็นส่วนปรับเซ็นเซอร์ที่แบ่งเป็นส่วนย่อยซับซ้อนมาก อย่างเช่นนอกจากส่วนแล่เนื้อมอนสเตอร์แล้วยังมีส่วนที่เกี่ยวกับคู่รัก เช่นจูบหรืออะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น เจนรีบปิดหน้าต่างระบบลงทันทีพลางคิดในใจว่าเกมนี้มันจะเหมือนจริงไปไหน



    'จุดนี้ต้องเป็นฝีมือของหมอเกอร์ธูทแน่ ๆ ไม่มีใครบ้าพอจะใส่ของแบบนี้ลงมาในเกมหรอก' เจนคิดในใจระหว่างส่งข้าวกล่องคำสุดท้ายเข้าปากไป เมื่อจัดการข้าวกล่องหมดแล้วเจนก็เก็บกล่องเปล่าลงกระเป๋า



    ทันใดนั้นเองเจนก็รู้สึกได้ว่ามีตัวอะไรบางอย่างล้อมเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอรีบชักดาบเริ่มต้นออกมาทันทีเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ เสียงของพวกมันเคลื่อนตัวอยู่ในพงหญ้าดังไปรอยตัวของเจนแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว เธอค่อย ๆ ขยับตัวหลังชิดต้นไม้เพื่อป้องกันการถูกลอบโจมตีพลางคิดนึกโทษตัวเองอยู่ในใจที่ไม่ระวังและลืมเรียนทักษะจากหนังสือทักษะอีกด้วย



    หมาป่าขนสีดำตัวหนึ่งเดินออกมาจากพงหญ้าด้านหน้าของเจน มันมีขนาดพอ ๆ กับหมาป่าขนแดงเลยดีเดียว เจนรีบใช้ทักษะตรวจสอบมันทันที



    หมาป่าขนดำ

    ชั้นทหาร ระดับ 35

    หมาป่าระดับกลาง มีนิสัยดุร้าย มักอยู่รวมกันเป็นฝูง มีความไวและพลังโจมตีปานกลางแต่ความอันตรายของมันคือจำนวนฝูงของมัน

    แพ้การโจมตีธาตุไฟ ทนทานต่อการโจมตีธาตุดิน



    ไม่ใช่มันแค่ตัวเดียวที่เดินออกมาจากพงหญ้า แต่เป็นหมาป่านับสิบยี่สิบตัวที่เดินออกมา มันส่งเสียงขู่พลางเดินล้อมรอบตัวเจนและต้นไม้โดยที่ไม่เข้ามาโจมตีก่อนทำให้เจนรู้ได้ทันทีว่างานนี้ไม่หมูซะแล้ว



    จบตอนที่5



    -------------------
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tohan-kun : 30th December 2013 เมื่อ 00:17

  14. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  15. #9
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 6 พลังสถิตร่าง

    ตอนที่6 พลังสถิตร่าง



    ก้อนพลังเวทสีฟ้าพุ่งจากไม้คทาของโจตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว มันเป็นมอนสเตอร์ขนาดใหญ่โดยมีความสูงราว 8 เมตร มันมีรูปร่างคล้ายกิ้งก่าแต่ตัวของมันเป็นต้นไม้ทั้งตัว และไม่ได้มีเพียงโจคนเดียวที่กำลังโจมตีมันอยู่ คนกลุ่มใหญ่เลยทีเดียวที่กำลังรุมโจมตีมอนสเตอร์ตัวนี้อยู่รวมทั้งแจ็คที่กำลังใช้ปืนยิงจากระยะไกลพร้อมทั้งลองใช้ทักษะตรวจสอบดู



    อสูรพฤกษา

    ชั้นทหาร ระดับ 50



    โจไม่แปลกใจนักที่เพื่อนของเขาบอกมาว่าตรวจสอบล้มเหลวเพราะมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ตรงหน้านี้เป็นถึงมอนสเตอร์ระดับบอสของป่าแห่งนี้เลยทีเดียว อีกทั้งมันยังมีจุดเกิดที่ค่อนข้างชัดเจนและช่วงเวลาเกิดที่แม่นยำนั่นคือ 1 วัน ต่อ 1 ตัว จึงทำให้เป็นที่นิยมและมีคนจำนวนมากได้มารอดักจัดการมันกันอยู่ทุกวัน



    สำหรับโจและแจ็คที่มีระดับเพียงแค่ 11 นั้นไม่อาจต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับนี้ได้แน่นอน แต่เขาก็รู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนี้ปกติแล้วผู้คนบนเกาะเริ่มต้นนั้นจะรวมตัวกันเป็นคนหลายกลุ่มเพื่อช่วยกันจัดการมันตัวเดียว ถึงแม้จะได้ค่าประสบการณ์น้อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะของที่ตกจากมันนั้นจะมีมากตามคนที่มาจัดการมันเลยทีเดียว และราคาที่สามารถขายได้จากร้านค้าระบบมากโขอยู่ในช่วงเริ่มต้นเช่นนี้



    โจและแจ็คต่างพยายามโจมตีอสูรพฤกษาจากระยะไกลเช่นเดียวกับหลายคนที่สามารถโจมตีได้จากระยะไกลได้ ส่วนคนที่โจมตีระยะประชิดนั้นทำหน้าที่หลอกล่อให้อสูรพฤกษาไม่ไปหาพวกโจมตีระยะไกลซึ่งเป็นฝ่ายทำความเสียหายหลักและหาโอกาสโจมตีไปเรื่อย ๆ



    หลังจากที่รุมโจมตีอยู่นาน ในที่สุดอสูรพฤกษาก็ล้มลงและกลายเป็นแสงไป ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จัดการไม่ได้เป็นโจหรือแจ็คเพราะว่าไม่ได้เป็นคนตีเป็นคนแรก แต่พวกเขาก็ได้ค่าประสบการณ์ทำให้เพิ่มระดับจากเดิมที่เขาพยายามเก็บระดับให้ทันเจนจนตอนนี้พวกเขามีระดับอยู่ที่ 13 แล้ว



    โจและแจ็ครวมกลุ่มกันจากนั้นจึงเดินเข้าไปยังจุดที่อสูรพฤกษาล้มลงซึ่งบริเวณนั้นมีคนอยู่กันเป็นจำนวนมาก ต่างคนต่างเก็บของที่ตกไปโดยทั้งคู่หยิบของของตัวเองขึ้นมาแล้วไปหาจุดนั่งพักใกล้ ๆ



    "เอาล่ะ นี่คงพอสำหรับค่าที่พักคืนนี้" โจพูดแล้วเก็บกิ่งไม้ที่ตกมาจากอสูรพฤกษาลงกระเป๋า เช่นเดียวกับแจ็ค



    "ทำไมนายไม่ให้เจนมาช่วยจัดการอสูรพฤกษาด้วยล่ะ แค่นี้พอแค่ค่าที่พักของเราสองคนเท่านั้นเอง ของอย่างอื่นจะขายได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้" แจ็คถามด้วยความสงสัย เพราะตอนก่อนี่เขาทั้งคู่จะเข้าไปร่วมโจมตีอสูรพฤกษานั้นเขาจะติดต่อไปหาเด็กสาวแล้วแต่เพื่อนของเขาห้ามเอาไว้ก่อน



    "จะให้มาก็ช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก พวกที่เข้าไปโจมตีระยะประชิดส่วนใหญ่น่ะมีระดับสามสิบขึ้นไปทั้งนั้นล่ะ อย่างยัยนั่นเข้าไปล่ะก็มีหวังตายแน่ ๆ" โจบอกพลางหยิบแผนที่ขึ้นมาดู พบว่าจุดที่บอกว่าเจนนั้นยังไม่ขยับไปจากที่เดิมเลยนับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่คุยกัน



    "เจน ได้ยินหรือเปล่า นี่โจนะ" เด็กหนุ่มพูดแต่ไม่มีเสียงตอบรับ



    "สงสัยกำลังสู้อยู่หรือเปล่าถึงตอบกลับไม่ได้.....หรือไม่ก็เผลอหลับไปแล้ว" แจ็คบอกความคิดของตน



    "คงจะอย่างนั้น แต่จากที่ดูในแผนที่ ยัยเจนเข้าไปในจุดที่ลึกของป่าพอสมควรเลย ถ้าเดินเข้าไปอีกมีหวังเจอพวกหมาป่าขนดำรุมกินโต๊ะแน่" เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างกังวลจนทำให้แจ็คสงสัย



    "ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ เจนออกจะเก่งคงพอเอาตัวรอดได้มั้ง"



    "ถ้าตัวต่อตัวน่ะ หมาป่าดำระดับน้อยกว่าหมาป่าขนแดงซะอีก แต่ปกติแล้วหมาป่าดำชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ อย่างน้อย ๆ ก็สิบตัวขึ้นไป แถมแต่ละตัวระดับอย่างต่ำก็ปาเข้าไปอยู่ที่ระดับสามสิบห้า ต่อให้คนที่มีระดับสี่สิบไปเจอยังลำบากเลย" โจบอก แต่เมื่อเขาติดต่อเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้เขาเลยไม่ได้คิดใส่ใจและหันไปคุยกับเพื่อนของตนต่อโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจนกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก







    กลับมาที่เจน เธอพยายามหาทางรอดไปจากสถานการณ์นี้ให้ได้ แต่เนื่องจากจำนวนของหมาป่าดำที่มีมากเกินไป ต่อให้เธอหยิบดาบคุซานางิออกมาใช้ได้ทันเวลาก็ยังไม่รู้ว่าเธอจะรอดไปหรือเปล่าเลย พวกหมาป่าดำนั้นเองก็ใช่ว่าจะประมาท มันคอยสังเกตเจนต่อสู้กับหมาป่าขนแดงมาตั้งแต่ต้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ทำให้มันรู้ว่าเด็กสาวตรงหน้านี้ไม่ได้รอดมาด้วยโชคแต่เป็นฝีมือที่วัดจากที่ตาเห็นไม่ได้



    เจนพยายามลองหาทางหนีแต่พวกหมาป่าดำล้อมเธอเอาไว้หมดทุกทางจนเธอหมดหวังจึงคิดจะสู้ตายกับหมาหมู่เหล่านี้ แต่ตอนนั้นเองที่เจนนึกได้ถึงทางรอดอีกหนึ่งทาง แต่ถ้าหากเธอพลาดล่ะก็นั่นหมายถึงความตายของเธออย่างแน่นอน



    เด็กสาวจ้องตาหมาป่าดำตัวที่อยู่ข้างหน้าเธอตาไม่ขยับ มันเองก็จ้องตาเธออย่างไม่ประมาทเช่นกัน ทันใดนั้นเองเจนตัดสินใจปาดาบของเธอใส่หมาป่าดำแต่แน่นอนว่าหมาป่าดำกระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย ทว่าเจนไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อโจมตีแต่เป็นการหลอกล่อ ทันทีที่หมาป่าดำเสียสมาธิ เจนก็หันหลังแล้วคว้ามีดขนแดงออกมาและเริ่มปีนต้นไม้ขึ้นไปทันที



    เธอใช้มีดแทงลงไปในต้นไม้เพื่อช่วยในการไต่ขึ้นไปเพราะต้นไม้ต้นนี้มีลำต้นที่หนาแต่ไม่มีที่ให้ปีนขึ้นไปได้เลย เมื่อขึ้นมาได้ระยะหนึ่งแล้วเจนก็เหลือบไปเห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่พอสมควร เธอตรงไปที่กิ่งนั้นทันทีเพราะแขนของเธอเริ่มจะหมดแรงซะแล้ว



    เมื่อเจนขึ้นมานั่งบนกิ่งไม้ได้อย่างปลอดภัยแล้วเธอก็หันลงไปมองด้านล่าง เห็นพวกหมาป่าดำนั้นเห่าใส่เธออย่างโกรธเกรี้ยวโดยมีดาบเริ่มต้นที่เธอปาใส่นอนนิ่งอยู่ไม่ไกล ถึงจะต้องสละดาบไปแต่ในตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะโดนโจมตีแล้ว เจนคิดในใจ



    เมื่อขึ้นมาบนต้นไม้เธอก็มองเห็นได้อีกมุมมองหนึ่ง พบว่าหมาป่าดำพวกนี้มีกันเกือบร่วม 20 ตัว และจัดวางกองกำลังได้อย่างดีมากโดย 15 ตัวนั้นมาล้อมเธอไว้ ส่วนอีก 5 ตัวนั้นอยู่รอบนอกคอยระวังภัยว่าใครจะมาลอบกัดพวกมันและกันเป้าหมายหรือก็คือเจนหนีออกไป ไม่แปลกใจเลยว่าหมาป่าดำนั้นมีความอันตรายกว่าหมาป่าขนแดงที่เป็นถึงมอนสเตอร์ระดับมินิบอส นั่นก็เพราะมันสู้ด้วยหัวไม่ได้สู้ด้วยกำลัง



    "ขึ้นมาก็ยังหาทางรอดไม่ได้อยู่ดีแฮะ เรียกพวกโจมาช่วยดีกว่า" เจนพูดกับตัวเอง



    "เจน ได้ยินหรือเปล่า นี่โจนะ" เสียงเรียกของเพื่อนเธอดังขึ้นในหัวประจวบเหมาะพอดี เจนกำลังจะตอบไปแต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังที่ทำให้เธอต้องหวั่นไหว



    เปรี้ยะ



    หัวของเด็กสาวหันไปตามเสียงทันควัน มันคือเสียงแตกของไม้บนกิ่งที่เธอนั่งพักอยู่ และในเวลานี้ก็สายเกินไปแล้วที่เธอจะขยับตัวหนีไปจากที่นี่



    เปรี้ยะ ครืน!



    กิ่งไม้ขาดออกจากลำต้นและร่างของเจนก็ตกลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง เหมือนกับเวลาเดินช้าลงกะทันหัน มือน้อยพยายามไขว้คว้าหาที่จับแต่ได้มาเพียงแค่ความว่างเปล่า เจนมองดูเหล่าหมาป่าดำกำลังเตรียมตัวกระโดดขึ้นมาหาเธอบนอากาศโดยไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่เป็นทุกตัวที่กำลังเตรียมพุ่งเข้าหาเธอ



    ในห้วงเวลานี้ในใจของเจนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เด็กสาวหลับตาสนิทและเอาแขนป้องกันตัวเองเอาไว้ ในหัวมีเพียงคำคำเดียวที่ปล่อยหลุดปากเธอออกมา



    "ช่วยด้วย"



    ทันใดนั้นเองเจนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นตาบอด ภาพที่เธอเห็นกลายเป็นความมืดมิดอย่างรวดเร็ว และสิ่งสุดท้ายที่เธอรู้สึกก่อนจะหมดสติไปคือร่างของเธอกำลังร่วงหล่นไปอย่างไม่รู้จบ







    เจนฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในหนองน้ำตื้น ๆ แห่งหนึ่ง มองไปรอบ ๆ ก็พบว่าบ่อน้ำที่เธออยู่นั้นมีต้นไม้ล้อมรอบโดยพื้นน้ำสะท้อนแสงจันทร์เต็มดวงอย่างสวยงามราวกับว่ามีดวงจันทร์อยู่สองดวงก็มิปาน



    เมื่อหันไปอีกทางเธอก็พบกับหินก้อนหนึ่งวางอยู่กลางหนองน้ำ มันเป็นหินก้อนกลมสีเทาซึ่งถ้าหากสายตาของเจนไม่ฝาดไปล่ะก็ ก้อนหินนั่นเรืองแสงได้ด้วยตัวเอง แต่พอลองดูอีกทีเธอก็คิดว่าคงเป็นเพราะแสงจากดวงจันทร์มากกว่า



    "นี่เราอยู่ไหนเนี่ย นี่เราตายแล้วงั้นหรือ" เจนถามตัวเองแล้วนั่งลงอย่างหมดแรง แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฟังดูมีอำนาจดังขึ้นด้านหลังของเธอซึ่งเป็นทิศที่มีหินก้อนใหญ่วางอยู่



    "ท่านยังไม่ตายหรอก"



    เจนรีบหันไปตามเสียงทันที และเธอก็ถึงกับใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อตรงหน้าเธอในตอนนี้คือจิ้งจอกสีทองตัวใหญ่พอ ๆ กับอสูรพฤกษาเลยทีเดียว มันกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินโดยที่เจนไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ และหางขนาดใหญ่ทั้ง 9 แผ่ขยายออกไปเหมือนกับรัศมีดูทรงอำนาจ



    ร่างของมันมีแรงกดดันมหาศาลที่หมาป่าดำหรือหมาป่าขนแดงเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งแกรนคิโนซอก็ยังทำให้เจนรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะรู้สึกกดดันมหาศาลแต่เจนก็ใช้ทักษะตรวจสอบไปโดยไม่รู้ตัว



    เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง ทามาโมะ มาเอะ

    ชั้นเทพเจ้า ระดับ 40



    เจนรู้สึกหมดเรี่ยวแรงทันทีเมื่อรู้ว่าเธอได้พบกันมอนสเตอร์ระดับเทพเจ้าที่ไม่เคยมีใครเคยพบมาก่อนในเกมเท่าที่รู้ในกระดานข่าว ขนาดหมาป่าเธอยังพยายามแทบตายกว่าชนะมาได้ นับประสาอะไรกับมอนสเตอร์ระดับเทพเจ้าที่สามารถเป่าให้เธอกลายเป็นเถ้าธุลีได้ในพริบตาเดียว



    "ท่านไม่ต้องกลัวไป ไม่มีวันที่ข้าจะทำร้ายคนที่เป็นผู้มีพระคุณของข้าได้หรอก" เสียงของจิ้งจอกเก้าหากดังฟังดูนุ่มนวลพร้อมกับแรงกดดันที่สลายหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทางจิ้งจอกเก้าหางเห็นว่าเด็กสาวตรงหน้ามีสีหน้าคลายความกังวนลงจึงแนะนำตัวเอง



    "ข้ามีนามว่า ทามาโมะ มาเอะ ได้โปรดเรียกข้าว่า มาเอะ"



    "เอ่อ....ฉันชื่อเจน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" เจนบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนถึงจะมาจากจิ้งจอกตัวใหญ่แต่นั่นก็ทำให้เธอวางใจได้บ้าง



    "ว่าแต่เมื่อกี้หมายความว่ายังไงหรือคะ ที่ว่าท่านเป็นฉัน เอ่อ...เป็นผู้มีพระคุณน่ะ" เจนถามด้วยความสงสัย



    "เพราะท่านเป็นผู้ที่ช่วยบุตรสาวของข้าเอาไว้ ออกมานี่ซิ คิทซึเนะ" มาเอะพูดแล้วหันไปหาลูกสาวของตนที่ยังยืนหลบอยู่ด้านหลัง



    เจนจำจิ้งจอกตัวนั้นได้ทันทีเพราะว่าขนสีขาวของจิ้งจอกน้อยที่เธอช่วยเอาไว้ยังติดตาของเธออยู่ในความทรงจำ ถึงแม่ของมันจะพูดแล้วแต่ดูท่ามันก็คงจะขี้อายไม่กล้าเข้ามาหาเจนซักที จนมาเอะต้องใช้หางหนึ่งดันตัวลูกสาวของตัวเองให้เข้ามาหา



    " มีมารยาทหน่อย ขอบคุณพี่เขาสิ คิทซึเนะ" มาเอะบอก คิทซึนะหันหน้าไปมาแล้วมองหน้าเจน จากนั้นจึงก้มหัวลงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู



    'น่ารักจัง...' เจนคิดในใจแต่ความรู้สึกรักสัตว์ตัวเล็ก ๆ ของเธอก็แสดงออกมาทางใบหน้าอย่างชัดเจน



    "เนื่องจากท่านได้ช่วยคิทซึเนะเอาไว้ ไม่ว่าท่านอยากได้อะไรขอให้บอกเรามาได้เลย" มาเอะบอกจ้องจดจ้องไปที่เจนด้วยสายตาเฉียบคม ทางเจนที่ได้ยินดังนั้นจึงมองไปที่คิทซึเนะตัวน้อยอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันกลับมาที่คิทซึเนะด้วยท่าทางสบาย ๆ



    "แต่ว่าท่านช่วยฉันเอาไว้แล้ว ท่านก็ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรแล้วนี่คะ" เจนบอก มาเอะมองเธอด้วยความแปลกใจ



    "ท่านไม่ต้องการสิ่งตอบแทนอย่างนั้นหรือ" มาเอะถาม



    "ก็ฉันช่วยหนูคิทซึเนะไว้ ท่านช่วยชีวิตฉันเอาไว้ เพราะฉะนั้นแล้วพวกเราก็หายกันสิ" เจนพูดด้วยหน้าตาเรียบเฉยอีกครั้งราวกับว่าเป็นเรื่องปกติซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับมาเอะไม่น้อย ที่ผ่านมานั้นมีผู้คนมากมายที่เคยมาอยู่ที่นี่ด้วยหลาย ๆ สาเหตุ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเพราะช่วยชีวิตคิทซึเนะเหมือนกับเจนก็ตาม แต่ทุกคนที่สามารถมาที่นี่ได้ต่างก็ต้องการรางวัลตอบแทนกันทั้งสิ้น



    ตามปกติแล้วที่นี่คือกับดักมรณะของเหล่าผู้เล่น ซึ่งผู้ที่เข้ามาที่นี่และถามถึงสิ่งตอบแทนจะถูกมาเอะจัดการไปในพริบตา แต่ในคราวนี้กลับมาพบคน ๆ แรกที่ไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนต่างจากที่เธอเคยพบมาโดยสิ้นเชิง



    มาเอะมองดูเจนอย่างพิจารณาอีกครั้งซึ่งในตอนนี้เด็กสาวกำลังเข้าไปลูบหัวของคิทซึเนะและจิ้งจอกน้อยก็ให้ลูบหัวโดยง่าย ตอนนั้นเองที่มาเอะนึกอะไรบางอย่างออกแล้วเผยรอยยิ้มบางบนใบหน้า



    "ถ้าเป็นอย่างนั้น.. ท่านช่วยรับฟังคำขอร้องของข้าหน่อยได้หรือไม่" มาเอะเอ่ยปากถาม ทางเจนที่ได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย



    "เนื่องจากข้านั้นโดนผนึกด้วยมหาเวทโบราณอยู่ที่นี่มาแสนนาน ถึงจะสำแดงพลังได้บางส่วนแต่ก็ไม่อาจมีพลังมากพอที่จะทำลายผนึกออกไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นข้าอยากจะขอฝากคิทซึเนะไปกับท่าน เพื่อช่วยหาวิธีคลายผนึกลง" มาเอะบอก เจนที่ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าตกใจเพราะไม่นึกว่าจู่ ๆ มาเอะจะมาขอให้เธอช่วยทั้ง ๆ ที่เธอมีระดับเพียงแค่ 12 เท่านั้น



    "เอ๋! จะดีหรือคะ ฉันเองไม่ได้เก่งเท่าไหร่ ถ้าหากเจอพวกหมาป่าดำแบบเมื่อกี้อีกล่ะก็มีหวังไม่รอดแน่ ๆ" เจนบอก



    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะข้าจะให้พลังแก่ท่าน เพื่อตอบแทนที่ท่านช่วยชีวิตลูกสาวของข้าและเพื่อจิตใจที่ดีงาม บริสุทธิ์ของท่าน" ว่าแล้วร่างของมาเอะก็เปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง หางทั้ง 9 ส่ายไปมาอย่างทรงอำนาจ พลังมหาศาลถูกมารวมกันอยู่ตรงหน้าเจนเป็นก้อน ก่อนที่พลังนั้นจะพุ่งเข้าสู่ร่างของเจนไปอย่างรวดเร็ว



    เจนรู้สึกได้ทันทีถึงพลังมหาศาลที่ไหลเข้ามาสู่ร่างของเธอ ความรู้สึกเหมือนกับร่างแทบจะระเบิดออกมาด้วยพลังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดจนพูดแทบไม่ออก แต่ทันใดนั้นเองความรู้สึกเจ็บปวดนั้นก็หายไปและพลังออร่าสีทองก็มาปกคลุมร่างของเธอเอาไว้สร้างความอบอุ่นให้เธอก่อนที่มันจะสลายหายไปพร้อมกับเสียงประกาศดังขึ้นในหัวของเธอ



    คุณได้รับทักษะ พลังสถิตร่าง จากเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง ทามาโมะ มาเอะ



    ทักษะ พลังสถิตร่าง ใช้พลังเวท 1000 หลังจากใช้ทักษะแล้วใช้พลังเวท 100 ต่อ 1 นาทีเพื่อรักษาสภาพ ระยะเวลาดีเลย์ 1 วัน[นับเวลาเริ่มวันใหม่เป็นดวงตะวันขึ้นฟ้า]

    ทักษะระดับ S หลังจากใช้ทักษะนี้แล้ว ผู้ใช้จะได้รับพลังมหาศาลซึ่งพลังจะแตกต่างกันไปตามมอนสเตอร์ผู้ให้พลัง

    - พลังสถิตร่างเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง



    เจนตกใจมากเมื่อในตอนนี้เธอได้รับทักษะใหม่มาอีกครั้ง และก็เป็นทักษะระดับ S อีกด้วย ดูแล้วท่าทางจะทรงพลังไม่เบาเลยทีเดียว



    "พังสถิตร่างจะทำให้ท่านใช้พลังส่วนหนึ่งของข้าได้ ข้ารับรองว่าเจ้าพวกหมาป่าสวะเหล่านั้นจะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป" มาเอะบอก เจนเองก็รู้สึกเช่นนั้น ต่อให้เจอหมาป่าดำอีกซักสามสี่เท่าในเวลานี้เธอก็มั่นใจว่าจะจัดการได้อย่างแน่นอน



    "สุดยอดไปเลย ขอบคุณมากค่ะท่านมาเอะ" เจนกล่าวขอบคุณแล้วหันไปอ่านทักษะอย่างระเอียด



    "...เจน ข้าขอถามหน่อยได้หรือเปล่า ตอนที่ข้าผสานพลังลงไปในร่างท่าน ข้ารู้สึกได้ถึงพลังอีกขุมหนึ่ง เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าข้ามาก ไม่ทราบว่าท่านได้พลังนั้นมาจากไหนหรือ" มาเอะถาม เพราะในตอนที่เธอพยายามผสานพลังของเธอเข้ากับร่างของเจน เธอสัมผัสได้ถึงพลังอีกขุมและพลังนั่นก็พยายามต่อต้านพลังของมาเอะ แต่สุดท้ายแล้วพลังของมาเอะก็ข่มพลังนั่นได้ในที่สุด แต่พลังที่มาเอะรู้สึกได้นั้นเธอมั่นใจเลยว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเธอมากนัก อาจจะเป็นเพราะพลังนั้นหลับไหลอยู่เลยทำให้เธอผสานพลังลงไปในร่างของเจนได้



    เจนที่ได้ยินคำถามของมาเอะก็มีสีหน้าแปลกใจก่อนจะหันไปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้แล้วจึงหยิบดาบคุซานางิออกมาจากช่องเก็บของในตัวของเธอ



    "คงจะเป็นเพราะดาบเล่มนี้ล่ะมั้งคะ ฉันได้ตอนไปฝึกวิชามาน่ะ" เจนพูดพลางยื่นดาบไปให้มาเอะดู



    "ดาบคุซานางิ! มิน่าล่ะข้าถึงได้พลังขนาดนั้นจากนั้น.. เอ๊ะ ท่านยังไม่ได้ทำสัญญากับดาบเลยนี่" มาเอะพูดด้วยความตกใจก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าดาบนั้นยังไร้เจ้าของ



    "พอดีฉันไม่รู้ว่าจะทำสัญญากับดาบมันต้องทำยังไงน่ะ พอดีเพื่อน ๆ ของฉันบอกว่าอย่าเพิ่งใช้ก็เลยเก็บเอาไว้ก่อน ความจริงฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำสัญญาแล้วจะมีอะไรแตกต่างไปหรือเปล่าด้วยน่ะ" เจนพูดตามความจริง



    "ถ้าท่านทำสัญญากับอาวุธขึ้นสูงอย่างดาบคุซานางิเล่มนี้ ท่านจะสามารถใช้พลังของดาบได้อย่างเต็มที่ และดาบจะคอยปกป้องท่านจากอันตราย อีกอย่างหนึ่งคือถ้าหากดาบเล่มนี้ถูกขโมยไปโดยผู้ที่ทำสัญญาไม่ยินยอม ดาบจะทำลายผู้ที่ขโมยและจะบอกให้ท่านรู้ได้ค่ะ" มาเอะบอก



    "เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้นแปลว่าถึงทำสัญญาแล้วก็ยังโดนขโมยได้อยู่ดีน่ะสิ" เจนพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจปนผิดหวัง



    "ค่ะ แต่ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ ถ้าหากท่านทำสัญญากับดาบเล่มนี้แล้วล่ะก็ ไม่มีใครที่จะต้านทานพลังของดาบคุซานางิได้อย่างแน่นอน ถ้ามีคนขโมยดาบเล่มนี้ไป ไม่เกินหนึ่งวันดาบเล่มนี้จะกลับมาหาท่านเอง" มาเอะบอกอย่างมั่นใจ เพราะพลังของดาบคุซานางินั้นความจริงแล้วเหนือกว่าเธอมาก



    "แล้วจะทำสัญญายังไงหรือคะ" เจนถาม มาเอะยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะตอบ



    "ดาบแต่ละเล่มจะมีวิธีการทำสัญญาไม่เหมือนกัน บ้างก็มีคำใบ้หรือมีผู้บอกเมื่อได้มา แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองดาบที่จะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ดาบทุกเล่มนั้นเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต้องทำให้ดาบยอมรับในตัวของผู้ครอบครอง.. ไม่ใช่ด้วยฝีมือหรือกำลัง แต่เป็นจิตใจค่ะ" มาเอะเสริมเมื่อเห็นสีหน้าของเจนเมื่อได้ยินว่าจะต้องลำบาก



    "ลองวิธีง่าย ๆ ดูแล้วกัน ท่านลองพูดกับดาบดูสิคะ" มาเอะเสนอความคิด เจนมองหน้าของเทพอสูรจิ้งจอกด้วยความสงสัยก่อนจะหันมามองดาบตรงหน้า



    "เอ่อ.... ดาบจ๋า นายจะยอมรับในตัวของฉันแล้วทำสัญญากันไหม" เด็กสาวพูดเสียงเพี้ยนเพราะรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังเพี้ยนไปแล้ว มีใครที่ไหนคุยกับดาบของตัวเองแต่ถ้าให้มานึกดูอีกทีนี่มันอยู่ในเกม อะไรก็อาจเป็นไปได้



    ทันใดนั้นเองที่ดาบคุซานางิตรงหน้าก็เปล่งแสงขึ้นมาก่อนดาบจะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าหายลับไป ก่อนที่จะพุ่งกลับมาเข้าหามือของเจนได้อย่างแม่นยำ



    ท่านได้ทำสัญญาอาวุธ ดาบมังกรคุซานางิ ได้อย่างสมบรูณ์แล้ว



    หลังจากเสียงประกาศดังขึ้นในหัวของเจนอีกครั้ง เธอก็รู้สึกได้ทันทีถึงพลังที่พลุ่งพล่านเข้ามาในร่างของเธอ แต่คราวนี้ไม่ได้เหมือนกับตอนที่มาเอะใส่พลังเข้ามา แต่รู้สึกเหมือนกับน้ำที่ไหลเข้ามาทีละน้อยแต่มาเรื่อย ๆ



    "ทรงพลังอย่างที่คาดเอาไว้จริง ๆ ยิ่งกว่าพลังเต็มที่ของข้าซะอีก" มาเอะพูดอย่างพอใจ ทางเจนที่สัมผัสได้ถึงพลังของดาบว่ามันทรงพลังขนาดไหน เธอจึงหันไปมองที่มาเอะสลับกับดาบบนมือของเธอแล้วจึงถามขึ้น



    "ถ้าดาบเล่มนี้ทรงพลังขนาดนั้น มันจะสามารถคลายผนึกของท่านได้หรือเปล่านะ" เจนถามด้วยน้ำเสียงสงสัยก่อนที่จะเดินเข้าไปหามาเอะที่ในตอนนี้กำลังมองดูเด็กสาวตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก



    เมื่อเจนเข้าประชิดหินสีเทาเธอก็รู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นผนึกที่คุมขังมาเอะเอาไว้อย่างแน่นอน หลังจากที่เจนได้รับพลังของมาเอะมาแล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่ในหินก้อนนี้ที่มหาศาลมาก แต่ถ้าเทียบกับพลังของดาบคุซานางิแล้วนั้นถือว่ายังห่างชั้นกันมากนัก



    เจนยกดาบขึ้นสูงและเสียบลงไปในก้อนหินจนมิดด้าม ทันใดนั้นหินผนึกก็เปล่งแสงออกมาสว่างจ้าพร้อมกับเสียงร้องของมาเอะ เจนรีบชักดาบออกมาทันทีเพราะนึกว่าเธอไปทำร้ายเทพอสูรจิ้งจอกเข้า



    ร่างจิ้งจอกทองสลายกลายเป็นแสงละอองกระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมกันนั้นแสงจากดวงจันทร์ก็เปล่งประกายทอลงมาที่ผืนน้ำสว่างจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่นานนักประกายแสงสีทองก็เริ่มจับตัวกันเป็นร่างมนุษย์ตรงหน้าหินผนึกที่กำลังเปล่งแสงสว่างจ้า เมื่อแสงของหินผนึกหายไป ร่างที่อยู่ตรงหน้าเจนคือสาวงามร่างสูงในชุดยูกาตะสีเหลืองทองสวยงามเข้ากันกับผมสีทองยาวและแผ่สยายไปบนผืนน้ำดูสง่างามยิ่ง ดวงตาสีเหลืองลืมตาขึ้นมามองดูเด็กสาวตรงหน้าด้วยความอบอุ่น



    "ขอขอบคุณท่านจริง ๆ ที่ช่วยคลายผนึกนี้ได้ ในที่สุดข้าก็ได้พลังทั้งหมดกลับคืนมา และยิ่งกว่านั้น คืออิสรภาพของเหล่าเผ่าพันธุ์จิ้งจอกทั้งหลาย" หญิงสาวตรงหน้าพูด แล้วทันใดนั้นแสงจันทร์ก็เผยให้เห็นถึงจิ้งจอกนับพันตัวที่กำลังนั่งล้อมรอบไปอยู่ทั่วบริเวณจนทำให้เจนรู้สึกกลัวไม่น้อยทั้ง ๆ ที่มีดาบคุซานางิอยู่ในมือ



    "เจนหาต้องกลัวไม่ ท่านที่ช่วยปลดปล่อยข้าให้เป็นอิสระ ลูกหลานของข้าจะไม่โจมตีท่านอย่างแน่นอน ต่อไปนี้เผ่าพันธุ์จิ้งจอกจะเป็นพันธมิตรของท่านและจะช่วยเหลือท่านกับพวกพ้องของท่านเสมอ แล้วถ้าหากท่านมาเจอข้าอีกครั้งในทวีปอัลเทเชียล่ะก็ ข้าจะให้สิ่งตอบแทนแก่ท่านอย่างแน่นอน" มาเอะพูดอย่างตื้นตันใจ



    "เอ๋! หมายความว่าที่นี่ไม่ได้อยู่บนเกาะไทริสงั้นหรือเนี่ย" เจนพูดขึ้นอย่างตกใจเพราะเธอนึกว่าที่นี่เป็นที่ไหนซักที่บนเกาะเริ่มต้นซะอีก



    "ไม่ใช่หรอกค่ะ ข้าดึงตัวท่านจากเกาะไทริสมายังที่นี่เอง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อเจนประสงค์จะกลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะส่งท่านกลับไปที่เดิมได้ทันที" มาเอะพูดพร้อมกับยกชายเสื้อมาป้องปากด้วยท่าทางน่ารัก



    "นี่กี่โมงแล้วเนี่ย ตายล่ะนี่เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว ไอ้พวกนั้นไม่ยอมติดต่อมาเลย แบบนี้ถ้าไม่รีบกลับล่ะก็มีหวังได้นอนกลางป่าแน่" เจนพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะในตอนกลางคืนนั้นประตูเมืองจะปิด ใครที่เข้าเมืองมาไม่ทันจะต้องอยู่ด้านนอกเมืองไปจนกว่าจะเช้า ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่นั้นจะคำนวณเวลาจะเมืองไว้ก่อนเสมอ ถ้าไม่ทันล่ะก็จะไปหาที่พักตรงจุดปลอดภัยเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เจอกับมอนสเตอร์ในเวลากลางคืน



    "ถ้าอย่างนั้นข้าของฝากคิทซึเนะด้วยนะคะ" มาเอะบอกพร้อมกับอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาให้กับเจน



    "เอ๋! แต่ว่าฉันคลายผนึกให้แล้วนะคะ ไม่ต้องให้คิทซึนะมาด้วยก็ได้..-"



    "ลูกสาวของข้านั้นซนมากเลยค่ะ เวลาใดที่ข้าเผลอล่ะก็ชอบหนีออกไปเที่ยวตลอดเวลาและครั้งนี้โชคดีที่มีเจนช่วยเอาไว้ ถ้าหนีไปอีกคราวหน้าอาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ก็ได้ ถ้าหากมีท่านคอยดูแลข้าก็อุ่นใจ เอาเป็นว่าข้าขอร้องก็แล้วกันนะคะ" มาเอะบอกพร้อมกับยื่นคิทซึเนะไปให้ ซึ่งจิ้งจอกน้อยก็ส่ายหางด้วยความดีใจ



    เจนได้ยินดังนั้นจึงหันมามองหน้าคิทซึเนะก่อนจะยิ้มรับแล้วอุ้มตัวจิ้งจอกน้อยมาจากมือของมาเอะ



    "ถ้าอย่างนั้นก็ขอฝากตัวด้วยนะ สหายตัวน้อย" เจนว่าแล้วใช้มือลูบหัวของคิทซึเนะเบา ๆ และมันก็ตอบเธอด้วยการใช้ลิ้นเลียแก้มของเธอจนเธอรู้สึกจั้กจี้



    ท่านได้รับสัตว์เลี้ยง จิ้งจอกขาว คิทซึเนะ



    "ในตอนนี้คิทซึเนะยังไม่มีพลังอะไร รวมทั้งพูดและแปลงกายเป็นมนุษย์ไม่ได้ แต่ถ้าเจนช่วยให้เธอแข็งแกร่งขึ้นล่ะก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน และในอนาคตข้าเชื่อว่าเธอจะมีประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อยค่ะ" มาเอะบอกพลางจ้องมองลูกสาวของตนเลียใบหน้าของผู้มีพระคุณอย่างชอบอกชอบใจ



    หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วเจนที่ในตอนนี้นำดาบคุซานางิมาเหน็บไว้กับสายคาดกระเป๋าแทบดาบเริ่มต้น แล้วนำคิทซึเนะใส่เอาไว้ที่กลางอกของเธอโดยได้เสื้อคลุมสีเทาตัวหนึ่งมาจากข้าวของที่เหล่าจิ้งจอกขโมยมาซึ่งมันเป็นเสื้อคลุมระดับ E ธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษนักแต่สามารถซ่อนตัวจิ้งจอกน้อยได้อย่างมิดชิดและยังไม่ทำให้เจนรู้สึกเคลื่อนไหวลำบากอีกด้วย



    หลังจากปล่อยให้แม่ลูกล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว เจนพร้อมทั้งคิทซึเนะในอกเสื้อก็ออกมายืนรอเพื่อให้มาเอะส่งตัวพวกเธอกลับไปยังเกาะไทริสอีกครั้ง



    "เมื่อท่านมาถึงทวีปอัลเทเชียและมาที่ยามะไตล่ะก็ ให้ท่านมาที่เทือกเขาไทโกคุ พวกเราจะรอคอยการมาของท่านและเหล่าสหายเสมอ" มาเอะพูดแล้วเธอยกมือขึ้นมาแล้วจึงทำท่าเป่าลมหายใจใส่เจน



    ทันใดนั้นเองเจนก็รู้สึกถึงแรงลมปะทะเข้าใบหน้า แต่ไม่ได้รู้สึกรุนแรง มันกลับรู้สึกอบอุ่นและอ่อนเบาราวกับว่าเธอกำลังลอยไปพร้อมกับสายลม ไม่นานนักเจนก็รู้ตัวอีกทีว่าในตอนนี้เธอกลับมาอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิมแล้ว



    เจนหันมามองที่ตัวต้นไม้เห็นรองมีดแทงตอนที่เธอปีนหนีหมาป่าดำขึ้นไป แต่เมื่อหันไปมองรอบ ๆ กลับไม่เห็นเงาของหมาป่าดำแม้แต่ตัวเดียว ทว่าทันใดนั้นเอง คิทซึเนะที่ยังอยู่ในอกเสื้อคลุมก็ส่งเสียงเห่าขึ้นมาพร้อมกับดึงตัวเจนไปด้านหน้า



    ตอนนั้นเองที่เจนเห็นหมาป่าดำกลับมาอีกครั้ง โดยมันยังคงรักษาแผนจากโจมตีแบบเดิมโดยส่งกำลังส่วนใหญ่มาและให้ส่วนน้อยคอยอยู่ด้านนอก



    แต่ในตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ทั้งความมั่นใจที่เพิ่มสูงขึ้นและอาวุธใหม่ที่ในตอนนี้เจนมั่นใจว่าจะเอาชนะได้อย่างแต่นอน



    "เอาล่ะ ไหน ๆก็ไหน ๆขอลองทักษะใหม่หน่อยก็แล้วกันนะ เอาทักษะนี้ล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าจะทำอะไรได้" เจนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแล้วเธอก็ใช้ทักษะพลังสถิตร่างทันที



    ทันทีที่เริ่มใช้ทักษะ เจนรู้สึกถึงพลังที่พุ่งออกมาจากร่างกาย ร่างของเธอถูกออกร่าสีทองปกคลุมพร้อมกันออร่านั้นก่อตัวขึ้นเป็นเงารูปหางของจิ้งจอกทั้งเก้าเหมือนกับว่าเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า



    "สุดยอด!! แบบนี้ล่ะลุยได้มันมือแน่!" เจนเอ่ยขึ้นอย่างสะใจพร้อมทั้งชักดาบออกมาและพุ่งตัวหมายจะจัดการหมาป่าดำที่ในเวลานี้ยืนนิ่งไม่กล้าขยับเพราะรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลมาจากเด็กสาวที่เคยเกือบตกเป็นเหยื่อของพวกมัน



    แต่ก่อนที่หมาป่าดำที่เป็นจ่าฝูงจะได้ทำอะไร ร่างของมันก็ถูกผ่ากลายเป็นสองท่อนในดาบเดียว เจนทึ่งในพลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล สมแล้วจริง ๆที่เป็นทักษะระดับ S แต่หลังจากเจนจัดการหมาป่าตัวแรกเสร็จแล้วก็ไม่อยู่เฉย เธอพุ่งเข้าปะทะกับหมาป่าทั้งฝูงทันที เสียงร้องโหยหวนของหมาป่านับสิบตัวดังลั่นป่าไปหมด พวกหมาป่าที่อยู่ด้านนอกการต่อสู้ได้ยินเสียงเห่าหอนของเพื่อนในฝูงของตนก็ตัดสินใจรีบวิ่งหนีหายเข้าไปในป่า และตัวที่ไม่ได้อยู่ภายใต้เงาคมดาบของเจนก็พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอดสุดชีวิต



    คุณจัดการหมาป่าดำ ชั้นทหาร ระดับ 35 เป็นจำนวน 13 ตัว

    ระดับของคุณเพิ่มจาก 12 เป็น 20



    ทักษะ การใช้ดาบขั้นต้น เพิ่มจาก ระดับ 15 เป็น 30



    คุณสามารถเปลี่ยนอาชีพได้แล้ว โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากกระดานข่าวหรือติดต่ออาคารระบบ



    ภายในไม่ถึงนาทีเจนจัดการหมาป่าดำไปได้เกือบหมดฝูง เธอรู้สึกทึ่งกับความสามารถและพลังที่พุ่งสูงขึ้นมาขนาดนี้จนไม่อยากจะเชื่อ ทันใดนั้นเองที่เธอหันมองรอบ ๆ เห็นว่ามีแต่ความมืดรอบตัว เธอหันไปมองของที่ตกอยู่บนพื้นอย่างเสียดายก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าตรงกลับไปยังเมืองไทริสเพราะเธอไม่อยากจะอยู่ในที่มืด ๆ กลางป่า จึงตัดสินใจใช้พลังทั้งหมดที่มีมุ่งหน้าตรงกลับไปยังเมืองโดยทิ้งของที่ตกจากหมาป่าดำเอาไว้บนพื้น



    แต่โดยที่ไม่รู้เลยว่าในความมืดนั้น มีคนคนหนึ่งได้เฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมดแล้ว



    จบตอนที่ 6 พลังสถิตร่าง



    ------------------------------------




  16. #10
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    ทุกที่ที่มีเธอ
    กระทู้
    361
    กล่าวขอบคุณ
    724
    ได้รับคำขอบคุณ: 342
    เป็นกำลังใจต่อไปครับ อ่านไหลลื่นดี

  17. #11
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 7 แก้แค้นด้วยเขี้ยว

    ตอนที่ 7 แก้แค้นด้วยเขี้ยว



    "ม่ายยยยยยยย!" เสียงของเด็กสาวดังพร้อมกับร่างบางร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าด้วยความเร็วสูง เธอพยายามหาทางชะลอความเร็วลงแต่ว่าเธออยู่บนกลางอากาศไม่อาจมีสิ่งใดที่จะช่วยเธอได้ พลังเวทมนตร์ของเธอก็หมดแล้ว เจ้าตัวน้อยในอกเสื้อของเธอก็คงช่วยอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน



    ในตอนที่เจนพุ่งตัวจากจุดที่เธอปะทะกับหมาป่าดำนั้นเธอจะวิ่งทะลุป่าโดยใช้วิธีการกระโดดสูงเพื่อมองหาทิศทางที่ถูกต้อง แต่กลับกลายเป็นว่าร่างของเธอพุ่งขึ้นฟ้าราวกับบินได้ ดังนั้นเจนจึงพยายามพาตัวเองพุ่งกลับไปยังเมืองไทริสด้วยความเร็วสูง



    แต่เนื่องจากพลังเวทของเธอที่มีอยู่น้อยนิด หลังจากที่ได้บินอยู่บนฟ้าอยู่นาทีเดียว ออร่าแสงสีทองสลายหายไปแล้วร่างของเธอก็พุ่งลงสู่พื้นเมื่อปราศจากพลังสถิตร่าง เจนยกมือขึ้นขัดกันที่หน้าอกเพื่อปกป้องคิทซึเนะจากอาการบาดเจ็บโดยไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บหนักหรือไม่



    โครม!!



    ร่างของเจนพุ่งเข้าลงพุ่มไม้ขนาดใหญ่เสียงดัง โชคดีอย่างเหลือเชื่อเมื่อเธอตกลงมาที่พุ่มไม้แห่งนี้ พลังชีวิตของเธอลดลงถึง 700 เลยแม้จะมีพุ่มไม้รับแรงกระแทก ถ้าหากเธอลงพื้นแข็ง ๆ ล่ะก็รับรองได้เลยว่าเธอคงตายแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย



    "อู้ย เจ็บเป็นบ้า ดีนะที่ระดับเพิ่มพลังชีวิตก็เพิ่มตาม ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ตกเมื่อกี้ไม่รอดแน่ ๆ ....แล้วหนูเป็นอะไรหรือเปล่า" เจนพูดกับตัวเองแล้วจึงหันไปพูดกับคิทซึเนะที่อยู่ในอกเสื้อ



    "โฮ่ง!" เสียงของจิ้งจอกน้อยตอบรับอย่างสดใส บ่งบอกว่ามันไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

    หลังจากสำรวจไปรอบ ๆ แล้วแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นเธอตกลงมาที่นี่ เจนจึงจัดการนำดาบคุซานางิเก็บเข้าช่องเก็บของตัวละครเพื่อความปลอดภัยและจะได้ไม่เป็นจุดสนใจ จากนั้นเธอจึงเดินกลับไปยังประตูเมืองไทริสโดยมีจิ้งจอกน้อยอยู่ในอกเสื้อ



    ไม่นานนักเจนก็เดินทางมาถึงเมืองไทริสแล้วก็พบว่าประตูเมืองปิดไปเรียบร้อยแล้ว บริเวณรอบข้างมีคนมากมายกำลังตั้งเต็นท์นอนพักอยู่เป็นกลุ่ม ๆ อีกด้านหนึ่งดูเหมือนจะเป็นกลุ่มพ่อค้ากำลังเปิดร้านขายของจำพวกเต้นท์และถุงนอน หรือของจำพวกอาหารจากในเมืองซึ่งก็มีคนเข้าไปดูไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เจนนั้นไม่มีเงินติดตัวเลยซักแดงเดียวจึงเป็นอันอดไป



    เจนตัดสินใจติดต่อกลับไปหาพวกโจกลับพบว่าทั้งสองคนนั้นไม่ตอบกลับมา เมื่อดูในแผนที่เมืองไทริสก็พบว่าทั้งคู่อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเรียบร้อยแล้ว ทำให้เจนมั่นใจเลยว่าทั้งคู่ต้องหลับไปแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งเธอไม่ลืมที่จะเก็บแค้นนี้เอาไว้ชำระวันหลังเมื่อเจอกัน



    หลังจากเดินดูไปทั่วแล้วเจนจึงตัดสินใจว่าตนคงต้องนอนอยู่นอกเมืองอย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ แต่ในตัวของเธอมีแค่หนังมาป่าและเขี้ยวหมาป่าที่พวกพ่อค้าที่เป็นผู้เล่นไม่ค่อยรับซื้อกัน และเนื้อหมาป่าที่เก็บเอาไว้ตอนนี้ก็เน่าเสียหมดแล้วจนเธอต้องทิ้งมันไป



    เด็กสาวคิดจะหาที่นอนไกลออกมากลุ่มผู้เล่นซักหน่อย เพราะไม่ต้องการให้คนมารบกวนหรือมาขโมยคิทซึเนะตอนที่เธอหลับซึ่งนี่เป็นความคิดแรกในหัวของเธอเลยทีเดียว และอีกอย่างในเกาะเริ่มต้นแห่งนี้บริเวณหน้าประตูเมืองไม่มีมอนสเตอร์ที่โจมตีก่อนอยู่ จะมีก็เพียงพวกจิ้งจอกซึ่งในเวลานี้พวกมันต่างก็ทำท่าเป็นมิตรกับเจน บางครั้งถึงกับจะคอยช่วยปกป้องเธอจากผู้เล่นคนอื่นด้วยซ้ำไป ดังนั้นเจนจึงวางใจได้ว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรมารบกวนแน่นอน



    เจนเลือกจะไปพักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนักจากประตูทางเข้าเมืองนัก ในตอนที่เธอกำลังจะนั่งลงนั้นเองก็มีเสียงเรียกจากด้านหลังของเธอ



    "ไงจ๊ะน้องสาว สนใจจะไปพักที่เต้นท์ของพวกเรามั้ยจ๊ะ" เจนหันไปมองตามเสียง พบเป็นกลุ่มผู้เล่นที่แต่งตัวให้เห็นชัดเจนว่าพวกนี้เป็นนักเลงอย่างแน่นอน

    เธอมีประสบการณ์กับคนจำพวกนี้เป็นอย่างดีขนาดฟังแค่เสียงก็รู้แล้ว เอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าของที่ใส่อยู่เกือบทั้งตัวของคนพวกนี้จะต้องได้มาจาการปล้นหรือไม่ก็ขโมยมา



    คนพวกนี้มากันสี่คน โดยทุกคนนั้นมีอาวุธครบเครื่องทั้งระยะประชิด ระยะไกลและเวทมนตร์ รวมถึงตัวชนที่ดูท่าทางแล้วมีพลังป้องกันไม่น้อยเลยทีเดียว เจนลอบตรวจสอบพลังเวทมนตร์ของตัวเองพบว่าฟื้นฟูขึ้นมาเพียงแค่ 100 เท่านั้น และถ้าในตอนนี้เธอนำยาฟื้นพลังเวทมนตร์ขึ้นมาดื่มมันก็จะกลายเป็นว่าเธอตัดสินใจจะสู้กับคนพวกนี้ทันที



    "อยู่ตัวคนเดียวแถวนี้มันอันตรายนะจ๊ะ มากับพวกพี่สิรับรองว่าปลอดภัย" โจรคนเดิมพูดอีกครั้งพร้อมกับเดินเข้ามาหาเจนด้วยท่าทางสบายใจ เจนมั่นใจว่าพวกมันใช้ทักษะตรวจสอบเธอแล้วอย่างแน่นอน คนที่มีระดับ 20 นั้นถือว่าไม่ได้สูงนักในเกาะเริ่มต้นถือได้ว่าเป็นระดับทั่วไป รวมทั้งการแต่งตัวของเจนนอกจากเสื้อคลุมที่ได้มาจากมาเอะแล้วทั้งชุดของเธอก็เป็นชุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง



    "ถ้าให้ยอมไปกับพวกแกล่ะก็ ฉันขอยอมสู้กับหมาป่าทั้งคืนดีกว่า ไอ้พวกสวะ" เด็กสาวเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับชักมีดขนแดงออกมา แต่แทนที่พวกโจรจะกลัวอย่างที่เจนตั้งใจ พวกมันกลับทำตาโตเมื่อมองมาที่มีดในมือ



    "เฮ้ยดูนั่น มีดขนแดง ตกจากมินิบอสในป่าผลิใบนี่หว่า หรือว่าบางทียัยนี่อาจจะเก่งก็ได้" โจรคนหนึ่งที่มีอาวุธเป็นธนูกล่าว



    "แล้วไงวะ ยัยนั่นมีแค่คนเดียว พวกเรามีตั้งสี่คน รีบจัดการไปซะแล้วก็แย่งมากก็จบเรื่อง" โจรร่างใหญ่ที่มีโล่ติดอยู่ด้านหลังบอกแล้วจึงพยักหน้าไปยังโจรที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มซึ่งมีอาวุธเป็นดาบเล่มยาวดูน่ากลัว



    "เอาละสาวน้อย พวกเราเปลี่ยนใจแล้ว เธอไม่ต้องมากับพวกเราก็ได้แต่รีบส่งมีดเล่มนั้นมาให้พวกเราดีกว่า แล้วก็ส่งของทุกอย่างที่เธอมีมาด้วยนะถ้าหากยังรักตัวกลัวตายอยู่"



    ทันทีที่โจรหัวหน้ากลุ่มพูดจบก็เหมือนกับเส้นเอ็นสุดท้ายของความอดทนของเจนได้ขาดสะบั้นลงไป ดวงตาพิฆาตของเจนได้ถูกใช้ออกมาด้วยความเคยชิน เหล่าโจรทั้งสี่ที่รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลออกมาจากเด็กสาวตรงหน้าถึงกับผงะก้าวถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับชักอาวุธออกมา ทางเจนที่เห็นว่าดวงตาพิฆาตของเธอใช้ได้ผลแม้จะอยู่ในเกม และดูเหมือนจะได้ผลกว่าโลกแห่งความจริงอีกด้วย ซึ่งเธอก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงในหัว



    คุณได้รับทักษะ จิตคุกคาม เนื่องจากใช้ดวงตาข่มขู่ศัตรู



    เจนรู้สึกทึ่งในเกมนี้มากที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ทุกอย่างก็ถูกนำมาทำให้กลายเป็นทักษะซะสิ้น แต่ในเวลานี้สิ่งที่เธออยากจะทำต่อไปไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องทักษะ แต่เป็นเจ้าพวกโจรสี่คนที่กำลังยืนหัวหดอยู่ตรงหน้าเธอ



    เด็กสาวรีบใช้จังหวะที่พวกโจรทั้งสี่กำลังตกใจจากจิตคุกคามของเธอพุ่งเข้าใส่คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งโจรคนนี้ก็มีฝีมืออยู่ไม่เบาเพราะเขาสามารถตั้งสติขึ้นมาได้ก่อนที่เจนจะเข้าประชิดตัว เขารีบชักดาบออกมาแล้วฟาดไปยังเจนซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหา แต่แล้วทันใดนั้นร่างของเธอก็เปล่งแสงขึ้นแล้วก็เร่งความเร็วขึ้นมาอีกจนหลบดาบของโจรหัวหน้ากลุ่มได้อย่างฉิวเฉียดพร้อมกันนั้นมีดขนแดงก็แทงเข้าไปที่ท้องของโจรได้อย่างแม่นยำ



    "อ้ากกก!! จะมัวรอดูอีกนานมั้ย จะให้ฉันตายก่อนหรือไงวะ รีบฆ่านังนี่ซะ!!" หัวหน้าโจรตะโกนสั่ง เจนที่เห็นว่ามีดจัดการไม่ได้ในทีเดียวจึงรีบถอยออกมาตั้งหลักก่อน ลูกธนูและบอลไฟพุ่งเข้าใส่ตัวเธออย่างรวดเร็วแต่เจนก็สามารถหลบได้อย่างสบาย ๆ จากทักษะเสริมพลังกายที่ยังคงมีผลอยู่



    ในขณะเดียวกันนั้นโจรที่มีโล่ก็หยิบอาวุธออกมาพร้อมกับโล่ของตน อาวุธของเขาเป็นขวานขนาดใหญ่ดูน่าเกรงขามมาก เขาเข้าประชิดตัวของเจนทันทีแล้วฟาดสุดแรงเกิด ถึงแม้เจนจะหลบได้อย่างไม่ยากเย็นนักแต่ร่องรอยบนพื้นที่ขวานเล่มยักษ์ฝากเอาไว้นั้นบอกเธอว่าถ้าหาโดนเข้าล่ะก็คงไม่รอดอย่างแน่นอน



    ตอนนั้นเองที่โจรหัวหน้ากลุ่มยกขวดยาขึ้นดื่มแล้วใช้น้ำยาส่วนที่เหลือสาดเข้าไปที่แผลถูกแทง ในเวลาไม่นานบาดแผลก็หายไปอย่างน่าประหลาดในสายตาของเจน เขาชักดาบของตนขึ้นมาแล้วย่างสามขุมตรงเข้ามาหาเด็กสาวที่ถูกรุกอยู่ฝ่ายเดียว



    "เธอหาเรื่องผิดคนแล้วยัยบ้า ไม่มีใครที่นี่กล้ามีเรื่องกับกิลด์พิฆาตราชา กิลด์อันดับสี่ของเกมนี้หรอกจำใส่หัวของเธอเอาไว้ซะ!" โจรหัวหน้ากลุ่มโจรตะโกนลั่นซึ่งทำให้เจนเดาได้ทันทีเลยว่าพวกนี้จะต้องสังกัดอยู่ในกิลด์ที่ว่ามาแน่นอน



    เจนเคลื่อนตัวหลบไปมาแล้วกระโดดถอยออกมาเพื่อสร้างระยะห่าง ถ้าหากเธอได้สู้กับคนพวกนี้ตัวต่อตัวล่ะก็เธอมั่นใจว่าคนพวกนี้ไม่เกินฝีมือเธออย่างแน่นอน แต่พอมารวมตัวกันทำให้ต่างคนต่างปิดจุดอ่อนของกันและกันทำให้เจนยากที่จะเอาชนะ ในระหว่างที่เธอกำลังหาทางสู้อยู่นั้น จิ้งจอกน้อยในอกเสื้อก็กระโจนออกมาแต่ยังดีที่เจนคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ถึงอย่างนั้นคิทซึเนะก็เห่าใส่พวกโจรด้วยความดุร้ายเท่าที่มันพยายามจะทำได้



    "ดูนั่นสิ ยัยนี่มีสัตวเลี้ยงด้วยว่ะ ฮ่ะ ๆ" โจรที่เป็นนักเวทชี้แล้วหัวเราะ



    "หมาจิ้งจอกมีขนสีขาวซะด้วย เฮ้ยพวกแก อย่าทำร้ายไอ้หมานั่นนะโว้ย ถ้าจับเอาไปขายได้ล่ะก็รับรองรวยเละโว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า!!" โจรหัวหน้ากลุ่มสั่งอีกครั้งพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาเจนอย่างไม่เกรงกลัว



    ในตอนนี้ทักษะเสริมพลังกายหมดฤทธิ์ได้แล้ว ถึงไม่อยากจะใช้แต่ดูท่าดาบคุซานางิจะเป็นทางรอดเดียวของเจนในเวลานี้เสียแล้ว ถึงจะไม่มีพลังเวทพอที่จะใช้ทักษะอะไรก็ตาม แต่เธอก็ยังคิดว่าดาบเล่มนี้คงสามารถสร้างความได้เปรียบกลับมาให้เธออีกครั้ง เจนนำคิทซึเนะเก็บเข้าไปในอกเสื้อพร้อมทั้งเก็บมีดขนแดงลงกระเป๋า



    แต่ในระหว่างที่เธอกำลังจะเปิดช่องเก็บของตัวละครอยู่นั้นเอง ก็มีคลื่นแสงพุ่งมาจากด้านในป่าเข้าปะทะโจรที่เป็นนักเวทกลายเป็นแสงไป สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังผู้ที่มาใหม่เป็นตาเดียว เขาอยู่ในชุดคลุมสีน้ำตาลปิดบังเสื้อที่เขาใส่อยู่แต่ถ้ามองชุดชุดเกราะขาสีแดงที่มองดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นชุดเกราะระดับสูงอย่างแน่นอน และดาบเล่มใหญ่ที่อยู่ในมือของเขานั้นแผ่ออร่าออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ดาบธรรมดาอย่างแน่นอน



    "แกมันพยัคฆ์แดง จีโอ! ทำไมผู้เล่นระดับสูงถึงมาอยู่ที่นี่ได้!" หัวหน้าโจรพูดอย่างตกใจเพราะลูกน้องของเขาตายไปเพราะผู้เล่นคนนี้ถือว่ามีฝีมืออยู่อับดับต้น ๆ ของเกมเลยทีเดียว ในตอนนี้ไม่มีทางเลยที่หัวหน้าโจรจะสู้กับเขาคนนี้ได้



    "พอดีฉันมาช่วยเพื่อนเก็บระดับอยู่ที่นี่พอดีน่ะ ว่าแต่เมื่อกี้ได้ยินว่าพวกแกอยู่กิลด์พิฆาตราชาสินะ แถมยังมารุมผู้หญิงคนเดียวอีก หน้าไม่อายเลยจริง ๆ พวกแกเนี่ย" จีโอพูดพลางนำดาบของตนพาดไหล่ของตัวเองแล้วเดินเข้าใกล้ด้วยท่าทางสบาย ๆ



    "นี่ไม่ใช่เรื่องของแกจีโอ อย่ามาสะเออะ" หัวหน้าโจรโต้กลับอย่างไม่เกรงกลัว



    "ฉันเองก็ไม่อยากจะยุ่งกับพวกแกนักหรอก แต่มาเห็นพวกโจรกระจอกมารังแกเด็กผู้หญิงแล้วมันทนไม่ได้น่ะ เอาเป็นว่าพวกแกรีบไสหัวไปจากที่นี่ก่อนที่คุณผู้หญิงตรงนี้จะอารมณ์เสียดีกว่านะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วฉันคนนี้จะจัดการพวกแกแทน" ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มที่ชื่อจีโอตวัดดาบอีกครั้งสร้างเป็นคลื่นพลังเช่นเดียวกันกับที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พุ่งเข้าโจมตีโจรที่เป็นนักธนูกลายเป็นแสงตามเพื่อนไปอีกคน



    พวกโจรที่เหลืออยู่เพียงแค่สองคนเห็นว่าพวกของตนโดนจัดการไปได้โดยที่บุรุษตรงหน้าไม่ได้แทบออกแรงเลยด้วยซ้ำ ทั้งคู่จึงจำต้องถอยกลับไปก่อนแต่ก็ยังไม่ทิ้งลายเอาไว้



    "ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ! อย่าคิดนะว่าแกจะรอดไปได้น่ะ!!"



    หลังจากที่โจรทั้งสองจากไปแล้วจีโอก็เดินเข้ามาหาเจนแล้วยื่นเงินให้มาจำนวนหนึ่ง



    "ดูท่าเธอคงจะยังไม่มีเงินซื้อที่นอนล่ะสิถึงได้ออกมาอยู่คนเดียวที่นี่ รับนี่ไปสิ จะได้เอาเงินไปซื้อถุงนอน " ชายหนุ่มบอก



    เจนมองเงินที่อยู่ในมือของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันหลังให้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา



    "ฉันไม่ได้เป็นคนลงมือเพราะฉะนั้นเงินนั่นก็ไม่ได้เป็นของฉัน แล้วอีกอย่างฉันจำไม่ได้ว่าขอให้คนช่วยตอนไหน" เจนปล่อยคิทซึเนะให้ออกมาแล้วจึงเอาหลังพิงต้นไม้เอาไว้



    "ไม่เอาน่า ฉันก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเท่านั้นเอง เธอรับไปมันก็ไม่เสียหายอะไรซักหน่อยนี่ จริงมั้ย" จีโอยังคงพูดด้วยสีหน้าสบาย ๆ และนั่นไม่สบอารมณ์เจนเอาเสียเลย



    "สิ่งที่เสียหายก็คือศักดิ์ศรีของฉันไง" พูดจบจิตคุกคามก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างของเจนออกมาอย่างรุนแรงซะยิ่งกว่าตอนที่สู้กับพวกโจรซะอีก จนจีโอถึงกับตกใจว่าเด็กสาวคนนี้ที่มีระดับเพียงแค่ 20 กลับมีทักษะจิตคุกคามที่รุนแรงเหมือนกับคนที่อยู่ระดับขุนนางเลยทีเดียว



    "นายรีบไสหัวตามพวกโจรสองคนนั่นไปดีกว่า คราวหน้าคราวหลังถ้าอยากจะโชว์ออฟก็หาคนแสดงมาให้ดีกว่านี้หน่อยนะ" เจนพูดแล้วเดินจากไปพร้อมกับคิทซึเนะโดยไม่ฟังเสียงชายหนุ่มที่พยายามปฏิเสธเลย เมื่อเจนเดินหายลับตาไปชายหนุ่มนามจีโอก็ยิ้มแล้วพูดกับตัวเองเบา ๆ



    "หืม...ชื่อเจนงั้นหรือ เธอนี่น่าสนใจจริง ๆ"





    ทางเจนที่เดินมาซักพักก็รู้สึกง่วงขึ้นมาอีกครั้ง พอตรวจดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ปกติเธอจะนอนเวลาสามทุ่มเป็นนิสัยทำให้ตาของเธอแทบจะปิดเสียให้ได้ เจนจึงตัดสินใจปีนต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะมองหากิ่งไม้ขนาดใหญ่ให้แน่ใจว่าถ้าเธอนอนบนนี้จะไม่หักลงมาอีกเหมือนคราวที่แล้ว



    หลังจากที่มั่นใจเธอจึงใช้เท้าวางพาดลงบนกิ่งไม้แล้วเอาหลังพิงลำต้นพร้อมกับกอดคิทซึเนะซึ่งดูท่ามันเองก็รู้สึกง่วงเช่นเดียวกัน ไม่นานนักหนึ่งคนกับหนึ่งตัวก็ร่วงหล่นลงสู่นิตทรา







    เจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่ เธอค่อย ๆ ปลุกจิ้งจอกน้อยอย่างนิ่มนวลก่อนเธอจะกระโดดลงมาจากต้นไม้ที่เธอนอนอยู่เมื่อคืน ตอนนี้เวลาหกโมงกว่า ๆ เท่านั้น เมื่อเธอกลับไปที่ประตูเมืองพบว่าได้เปิดออกแล้ว แต่คนที่ค้างคืนอยู่ที่หน้าประตูนั้นส่วนใหญ่ยังนอนหลับอยู่ เจนรู้สึกอิจฉาคนที่มีเต้นท์หรือถุงนอนขึ้นมาทันทีเพราะเธอที่นอนอยู่บนต้นไม้นั้นทำให้รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว



    พอลองหยิบแผนที่ขึ้นมาเปิดดูเพื่อหาตำแหน่งของเพื่อนทั้งสองที่ทิ้งให้เธอต้องลำบากมาทั้งคืนก็พบว่าทั้งคู่อยู่ที่โรงแรม แน่ล่ะว่าเธอไม่คิดจะติดต่อไปเพื่อปลุกสองคนนั้นเด็ดขาดเพราะแบบนั้นมันจะเป็นการปราณีเกินไป เป้าหมายแรกของวันนี้สำหรับเจนคือการแก้แค้น!



    ในห้องของโรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองไทริส สองหนุ่มแจ็คและโจต่างนอนหลับกันอย่างสบายอารมณ์ แสงแดดเบา ๆ พร้อมกับลมเย็น ๆ ยามเช้าพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างช่วยให้รู้สึกเย็นสบายจนไม่อาจทำให้ทั้งสองอยากลุกขึ้นจากเตียง แน่นอนว่าทั้งคู่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นเพราะเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำจึงสามารถตื่นได้แต่เช้า หากแต่เพียงแค่สายลมและความนุ่มของหมอนที่รั้งตัวทั้งคู่เอาไว้ เตียงผ้าที่นุ่มราวกับปุยนุ่นเป็นสัมผัสที่ยากจะยั้งใจ แต่หารู้ไม่ว่าฝันร้ายของทั้งคู่กำลังเข้ามาใกล้ทุกขณะ



    เสียงเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับเสียงฝีเท้าเบาดังเช่นของผู้หญิง ทำเอาให้โจคิดว่าโรงแรมระดับหนึ่งดาวที่เขามาพักอยู่นี่มีบริการส่งอาหารถึงห้องด้วยงั้นหรือ ครั้นจะลืมตาขึ้นดูก็รู้สึกว่าเปลือกตามันช่างหนักเหลือเกินจึงปล่อยเอาไว้ให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนตนแล้วกัน แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่แจ็คคิดอยู่เช่นเดียวกัน



    เสียงฝีเท้าหยุดลงพร้อมกับเสียงปิดประตูอีกครั้ง ในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งที่คุ้นหูทั้งคู่และเป็นเสียงที่จะทำให้พวกเขาไม่มีวันลืมอีกเลยว่าอย่าลืมเพื่อนเด็ดขาด



    "จัดการเลยคิทซึเนะ กัดอย่าให้เหลือ!"



    "แง่ง!!" สิ้นเสียง โจรู้สึกเจ็บสะท้านไปถึงดวงใจ ตาสว่างขึ้นมาทันทีพร้อมกับร้องออกมาเสียงดังลั่นจนแจ็คที่นอนอยู่ข้าง ๆ ลุกพรวดขึ้นมามองเห็นภาพของเพื่อนกำลังถูกลูกสุนัขจิ้งจอกที่มีขนสีขาวกัดก้นเต็ม ๆ คำ โดยมีเพื่อนสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์พร้อมระเบิดตลอดเวลายืนมองด้วยความสะใจ



    ทางโจที่พยายามจะสลัดคิทซึเนะให้หลุดออกจากก้นตัวเองก็ถึงกับลงไปนอนกลิ้งบนพื้นอย่างเจ็บปวดรวดร้าวพร้อมดิ้นไปมาและหวังว่าจะให้จิ้งจอกน้อยที่มีเขี้ยวคมกริบและกัดเจ็บสุด ๆ นี้หลุดออกไปโดยเร็ว ในที่สุดคิทซึเนะก็ปล่อยโจไปแล้ววิ่งกลับมายืนอยู่ข้างเจน แจ็คมองตามจิ้งจอกขาวมาและมองขึ้นไปที่หน้าของเจนแล้วก็พบกับดวงตาพิฆาตกำลังจ้องมาที่ตัวเขา นั่นทำให้แจ็ครู้ทันทีว่าตัวเองกำลังจะเจออะไร



    "ไม่มีวันซะล่ะ!!" พูดจบเด็กหนุ่มร่างใหญ่ก็พุ่งตัววิ่งหนีออกไปทางประตูอย่างรวดเร็ว



    "ตามไปเลยคิทซึเนะ อย่าให้หนีไปได้!" เจนสั่ง



    "โฮ่ง!" จิ้งจอกน้อยขานรับแล้วพุ่งตามไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ไม่นานนักเจนก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากนอกหน้าต่างทำให้เธอรู้ว่าคิทซึเนะทำงานได้สำเร็จลุล่วงแล้ว



    "นะ....นี่เธอเข้ามาได้ยังไงกันเนี่ย" โจถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงปนโมโห



    "ลืมไปแล้วหรือยังว่าพวกเราอยู่กลุ่มเดียวกัน ฉันเข้ามาแล้วถามที่หน้าเคาท์เตอร์ว่าพวกนายอยู่ห้องไหน เขาก็บอกหมายเลขห้องมาเลยยังไงละ คราวหลังจะทิ้งเพื่อนหนีมานอนก็ไล่ฉันออกจากกลุ่มก่อนก็ดีนะ" เจนพูดด้วยท่าทางโมโหสุด ๆ แล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนฟุบหน้าลงบนเตียง



    โจที่เห็นว่าเพื่อนของเขาเพลียมากโดยฟังจากน้ำเสียงของเธอที่ฟังดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัดจึงไม่คิดจะแก้เผ็ดเธอที่มาปลุกด้วยวิธีการที่เจ็บแสบขนาดนี้



    "แล้วเธอได้ไอ้ตัวฟันแหลมมาจากไหนกันล่ะเนี่ย กัดเจ็บเป็นบ้าเลย" โจพูดพลางลุกขึ้นบิดตัวไปมาให้หายเมื่อย



    "อย่ามาเรียกคิทซึเนะแบบนั้นนะ ที่พวกนายโดนก็เพราะความผิดของตัวเองนั่นแหละ จะมาหาเรื่องกันหรือไง" เสียงของเด็กสาวเอ่ยทั้ง ๆ ที่ยังคงฟุบหน้าอยู่บนเตียง จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้โจฟังรวมทั้งเรื่องทักษะสถิตร่างด้วย



    "หา! ได้ทักษะระดับ S มาอีกแล้ว! นี่เธอทำบุญด้วยอะไรกันแน่เนี่ย" โจพูดด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เพราะทักษะระดับ S นั้นถือว่าเป็นทักษะชั้นสูงมาก ๆ คนทั่วไปที่จะได้ทักษะนี้กันนั้นปกติจะอยู่ช่วงปลายของยศขุนนางแล้วหรือไม่ก็ยศราชา การที่ทั้งโจและเจนต่างก็ได้ทักษะระดับ S มาตั้งแต่เริ่มเกมนั้นถือว่าโชคดีสุด ๆ ไปเลยทีเดียว



    "แต่กว่าจะได้มาก็เล่นเอาแย่ไปเหมือนกันนะ" เจนบอกพลางคิดกลับไปเมื่อตอนที่เธอคุยกับมาเอะ ถ้าหากเธอโลภมากขออะไรล่ะก็ เธอคงกลายเป็นศพไปอย่างแน่นอน



    "ว่าแต่วันนี้จะไปทำอะไรต่อดีล่ะ"



    "ทำอะไรต่องั้นหรือ คงจะไปเก็บระดับต่อนั่นล่ะ ภารกิจในเมืองเริ่มต้นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรมาก แถมค่าตอบแทนก็น้อยกว่าไปจัดการมอนสเตอร์นอกเมืองซะอีก เพราะอย่างนั้นก็เลยไม่ค่อยมีคนทำภารกิจกันเท่าไหร่ เว้นแต่พวกที่จะเล่นเป็นอาชีพสายพ่อค้าหรือสายที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้...ประมาณนั้นอ่ะนะ" โจพูดตามที่เขาอ่านในกระดานข่าว ตามตรงแล้วเขาเองก็แปลกใจที่จะมีเล่นเข้ามาเล่นเกมออนไลน์เสมือนจริงเพื่อจะขายของ ไม่ได้มาเล่นเกม แต่พอมาคิดดูแล้วว่าเกมนี้สามารถแลกเงินในเกมเป็นเงินจริงนอกเกมได้โดยอัตราส่วน 10,000 โกลด์ต่อ 100 ดอลลาร์ และนั่นเป็นเงินเกือบ 3000 บาทเลยทีเดียว



    "วันนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากเลย ไม่ค่อยอยากออกไปเก็บเลเวลนอกเมืองด้วย นายรู้มั้ยว่าในเมืองมีภารกิจอะไรบ้าง แล้วก็อีกอย่าง ฉันมีระดับยี่สิบแล้ว เอาไว้พวกนายระดับขึ้นมาพอ ๆ กับฉันก่อนค่อยออกไปเก็บเลเวลด้วยกัน" เจนเงยหน้ามาพูดแล้วฟุบลงไปนอนเช่นเดิม



    "หา! ยี่สิบ! นี่เธอไป..- ก็ได้ ก็ได้!" โจชะงักเมื่อเห็นสายตาพิฆาตที่จ้องขึ้นมาที่เขา "ภารกิจในเมืองนี้ส่วนใหญ่จะมาจากร้านค้าต่าง ๆ ร้านขายอาวุธ ร้านขายยา อะไรพวกนี้ รายระเอียดภารกิจก็จะเป็นการช่วยเหลือทางร้านอย่างช่วยขายของ ปรุงยาตามสั่ง ตีดาบให้ได้ระดับที่นายช่างต้องการ แต่ถึงจะมีค่าตอบแทนเป็นเงินบ้าง แต่อย่างที่ฉันบอก ยังไม่คุ้มถ้าเทียบกับไปล่ามอนสเตอร์นอกเมือง"



    เจนดันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นแจ็คก็เดินเข้ามาพร้อมกับคิทซึเนะที่กระโดดขึ้นมาบนตักของเจนและส่ายหางไปมาอย่างชอบใจ



    "วิ่งไวแถมกัดเจ็บเป็นบ้า นี่เธอไปหาเจ้าตัวนี้มาจากไหนเนี่ย" แจ็คกล่าวพร้อมกับทิ้งตัวนั่งข้างเพื่อนสาว



    "เอาไว้ให้โจเล่าให้นายฟังก็แล้วกัน เอาล่ะ พวกนายพอมีเงินเหลือบ้างมั้ย" เจนถาม เพื่อนทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความสงสัย



    "พวกเรามีเหลือจากเงินจ่ายค่าห้องพักอยู่สองสามร้อยโกลด์ ว่าแต่เธอจะเอาไปทำไม" แจ็คถามพร้อมกับยื่นถุงเงินไปให้



    "ฉันอยากจะเปลี่ยนชุดน่ะ เข้ามาเล่นในเกมฉันเองก็อยากจะแต่งตัวให้ดูเหมือนหน่อย อย่างที่นายทำไง" เจนพูดและหันหน้าไปหาโจ



    "ก็ช่ายนะ... แต่เสื้อผ้าแต่ละชุดมันราคาแพงอยู่นา เงินแค่นี้ซื้อได้แค่หมวกเองล่ะมั้ง" โจว่า



    "เอาไว้ฉันคิดหาทางแก้ทีหลังก็แล้วกัน ไว้จะใช้คืนที่หลังนะ ขอบใจมาก!" เด็กสาวพูดแล้วอุ้มจิ้งจอกน้อยเก็บเอาไว้ในอกเสื้อก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เพื่อนสองคนอยู่ในห้องกับรอยแผลที่แก้มก้น





    หลังจากออกมาจากโรงแรมที่พวกโจพักอยู่ ที่แรกที่เธอมุ่งไปคือร้านขายเสื้อผ้าซึ่งร้านนี้จะอยู่แยกจากร้านขายอุปกรณ์ป้องกัน เพราะเสื้อผ้าเป็นแค่ชุดที่ใส่เอาไว้กันความหนาวและให้ดูดีแต่ค่าพลังป้องกันต่ำเรี่ยดิน ต่างจากเครื่องป้องกันที่มีค่าพลังป้องกันสูงกว่ามาก แต่ข้อดีของเสื้อผ้าพวกนี้คือเสียค่าซ่อมเพียงแค่ 10 โกลด์เท่านั้น



    เจนเข้าไปในร้านก็เหมือนหลุดมาอยู่ในยุคโบราณ เพราะแต่ละชุดที่อยู่ในร้านเป็นชุดไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโจงกระเบน โสร่ง กางเกงเล ชุดผ้าฝ้าย แต่ละอย่างเป็นสิ่งที่เจนไม่คิดว่าจะมาเจอในเกมได้เลย แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่เธอกำลังอยู่ในหมู่บ้านไทยถ้าเกิดลืมกันไปแล้ว



    เด็กสาวคนหนึ่งนุ่งโจงกระเบนสีชมพูสดใสและสวมเสื้อผ้าบางสีขาวดูน่ารักในแบบไทย ๆ เธอตรงเข้ามาหาเจนอย่างรวดเร็วทันทีที่เจนเข้ามาในร้าน



    "สวัสดีค่ะ สนใจชุดอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ อยากลองสวมชุดผ้าไหมดูมั้ยคะ" เด็กสาวพูดเสียงสดใจ ดวงตาบ๊องแบ๊วจ้องมาที่เจนจนเธอเองก็อดใจเต้นไม่ได้



    "อะ..เอ่อ คือว่า..-"



    "หรือว่าอยากจะใส่ชุดแบบฉัน ดีเลยค่ะ หน้าตาดีอย่างคุณลูกค้าเนี่ยรับรองว่าต้องออกมาดูสวยแน่ ๆ!" เด็กสาวยังคงพูดต่อไปจนเจนไม่กล้าขัด แต่เธอจำเป็นต้องพูดก่อนที่จะไหลไปตามกระแสของเด็กสาวคนนี้



    "คือฉันอยากจะมาซื้อชุดหน่อยน่ะคะ ขอแค่ชุดธรรมดาใส่สบาย ๆ ก็พอ" ทันทีที่เจนพูดออกไป ใบหน้าสดใสของแม่ค้าตัวน้อยก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย



    "เฮ่อ...ทำไมถึงไม่ค่อยมีคนสนใจชุดไทยเลยนะ ทั้ง ๆที่ออกจะสวยขนาดนี้แท้ ๆ" เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่และทำเป็นเหมือนกับว่าเจนไม่ได้อยู่ตรงหน้า



    เด็กสาวยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ โดยเกี่ยวกับชุดไทยและทำไมถึงไม่มีคนซื้อ ไม่ว่าเจนจะพยายามพูดขอซื้อเสื้อผ้าเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าเด็กสาวคนนี้จะสนใจเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายเจนก็เลยงัดไม้ใหม่ขึ้นมาเล่น



    "เมื่อกี้เห็นพูดถึงชุดไทย ไม่ค่อยมีคนสนใจซื้อหรอคะ" เจนรู้ว่าตัวเองมาถูกทางแล้วเพราะทันทีที่เธอพูด สายตาของเด็กสาวก็หันมามองทันที



    "ก็ใช่น่ะสิ เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยสนใจในชุดไทย ๆ กันเลย ดูสิทั้ง ๆ ที่ออกจะน่ารักขนาดนี้ ถ้าเด็กอายุประมาณนี้มาใส่ล่ะก็ไปที่ไหนใคร ๆ ก็ต้องมองโดยไม่ต้องแต่งตัวโชว์เนื้อโชว์ตัวเลยแท้ ๆ" จากที่มองดู ในร้านแห่งนี้มีแค่เจนและเด็กสาวตรงหน้าเท่านั้นและเธอเป็นคนเดียวที่สวมชุดไทย ทำให้เจนแน่ใจได้เลยว่าร่างที่เด็กสาวตรงหน้าใช้นั้นไม่ใช่ร่างจริงของเธออย่างแน่นอน



    "แบบนี้แสดงว่าไม่ค่อยมีคนเข้ามาซื้อเสื้อผ้าในร้านสินะ" เจนหาเรื่องคุยกลับไป เพราะถ้าปล่อยให้เจ้าของร้านสาวพูดอยู่คนเดียวมันก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ แต่เมื่อเธอพูดออกไปสาวน้อยเจ้าของร้านกลับตีหน้าเครียดใส่เธอแทน



    "ใช่ซะที่ไหนล่ะ คนเข้ามาซื้อของก็มีอยู่ตลอดนั่นแหละ แต่มีคนที่ซื้อชุดไทยน้อยเกินไปต่างหากล่ะ" เด็กสาวพูดเสียงดังพร้อมกับพูดต่อไปทำนองว่าเธอพยายามปรับให้ชุดดูเข้ากับในเกมแล้ว ทั้งดูน่ารักและเคลื่อนไหวสะดวกแต่ยอดขายชุดไทยก็ยังคงน้อยกว่าชุดปกติที่เธอขายอยู่ดี



    ก่อนที่เจนจะต้องยืนทนฟังคำบ่นของเด็กสาวเจ้าของร้านที่ดูท่าคงอีกยาวอย่างแน่นอน เธอก็รีบพูดเสียงดังเพื่อจัดการกับธุระของเธอเป็นอันดับแรก



    "ฉันอยากจะขายของหน่อยน่ะ พวกนี้จะได้เงินเท่าไหร่หรือคะ" เจนถามพร้อมกับเปิดหน้าต่างและนำของที่เธอเก็บจากหลังจากจัดการหมาป่าขนแดงได้เป็น หนังหมาป่าขนแดง 2 ผืน เขี้ยวหมาป่าชั้นสูง 6 ชิ้นเนื้อหมาป่า 10 ชิ้นซึ่งเนื้อหมาป่าทั้งสิบชั้นนั้นดูจะมีสีอมเขียวดูน่าขยะแขยง ต่างจากตอนที่เก็บมาลิบลับเลย



    เด็กสาวเจ้าของร้านเหลือบตามองแล้วถอนหายใจก่อนจึงบอกราคาของที่เจนนำมาขาย



    "เนื้อพวกนี้มันเน่าแล้ว เธอเอาทิ้งไปเถอะ ไม่มีใครซื้อหรอก ส่วนเขี้ยวนี่ร้านฉันก็รับซื้อนะ แต่ถ้าอยากได้ราคาดีกว่านี้ให้เอาไปขายร้านอุปกรณ์ป้องกันดีกว่า ...อื้ม! หนังหมาป่าขนแดง นี่ฉันให้ราคาผืนละสามร้อยโกลด์ ปกติมีแต่คนมาขายหนังกวางไม่ก็หนังหมูป่าหรือหนังหมาป่าธรรมดา ไม่ได้เห็นของดี ๆ อย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะเนี่ย" เจ้าของร้านพูดอย่างอารมณ์ดีถึงแม้จะไม่ได้ขายเสื้อชุดไทยอย่างที่หวัง แต่การที่เห็นวัตถุดิบดี ๆ นั้นก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน



    "ฉันอยากจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ซักชุดน่ะ เงินในตอนนี้ของฉันพอหรือเปล่า?"



    "อืม.. เธอมีแค่เก้าร้อยโกลด์เอง คงจะซื้อได้แค่เสื้ออย่างเดียวเท่านั้นแหละ แต่ปกติฉันขายชุดเป็นเซตเท่านั้นนะ แค่เสื้อหรือกระโปรงอย่างเดียวน่ะฉันไม่ขายหรอก" เด็กสาวเจ้าของร้านพูดพร้อมกับกอดอกมองเจนที่ในเวลานี้เริ่มคิดหนักว่าจะทำอย่างไรดี เด็กสาวเจ้าของร้านมองหน้าเจนอยู่ครู่หนึ่งแล้วเธอก็ปิ้งความคิดหนึ่งขึ้นมา



    "ฉันมีข้อเสนอให้เธออย่างหนึ่ง ถ้าเธอรับทำฉันจะยกชุดให้เธอชุดหนึ่งโดยไม่เสียเงินเลยซักโกลด์เดียว สนใจมั้ยจ๊ะ" ทันทีที่เจนได้ยินข้อเสนอที่ไม่อาจตอบปฏิเสธได้ แน่นอนว่าเจนตอบรับทันที



    "จริงหรอ! ทำสิ ๆ!" เสียงสดใสดังขึ้นต่อหน้าสาวน้อยผู้มีรอยยิ้มมีเลศนัย ภายหลังเจนต้องกลับเอาไปคิดว่าดีแล้วหรือที่เธอตอบรับไปแบบนี้





    จบตอนที่ 7 แก้แค้นด้วยเขี้ยว

    --------------------------------





  18. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  19. #12
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 8 ภารกิจที่แสนยืดยาว

    ตอนที่ 8 ภารกิจที่แสนยืดยาว



    บอลพลังเวทนับสิบลูกพุ่งเข้าใส่เป้าหมายอย่างจังแต่นั่นก็ไม่สามารถจะล้มหมาป่าขนน้ำเงินระดับ 25 ที่อยู่กันเป็นฝูงได้ แต่ก็ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวได้ช้าลงได้อย่างมาก และนั่นเองเป็นสิ่งที่โจต้องการ



    ปัง! ปัง! ปัง!



    เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในป่าผลิใบและทันทีที่เสียงปืนเงียบลง หมาป่าขนน้ำเงินก็ต้องล้มลงแล้วกลายเป็นแสง ทิ้งขนและเขี้ยวเอาไว้บนพื้น



    ในตอนนี้โจและแจ็คมีระดับอยู่ที่ 19 แล้ว ใกล้ที่จะตามเจนทันไปทุกขณะ อีกทั้งฝีมือการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ของโจก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน ในตอนแรกเขาสามารถยิงบอลพลังเวทได้ทีละลูกเท่านั้นแต่ในตอนนี้เขาสามารถยิงได้ทีละหลายสิบลูกในเวลาเดียวกันและสามารถยิงได้โดยไม่ต้องใช้คทาเวทอีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นผลที่ได้จากทักษะ ผู้ใช้เวทฝึกหัดที่สูงถึงระดับ 50 แล้วนั่นเอง



    ทางแจ็คนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า นอกจากเขาพัฒนาทักษะ นักแม่นปืนไรเฟิ่ลสูงขึ้นมากเช่นกัน เขายังได้ทักษะมาอีกคือ ทักษะ ยิงจุดตาย ที่มีความสามารถโจมตีใส่จุดอ่อนของศัตรูด้วยอาวุธระยะไกลทุกชนิด ทำให้เขาสามารถยิงเข้าไปที่จุดตายของมอนสเตอร์ได้บ่อยครั้งจนเหล่ามอนสเตอร์บางตัวถึงกับตายด้วยกระสุนนัดเดียว และค่าความแม่นยำของเขาเองก็พุ่งสูงขึ้นมากอีกด้วย



    เหตุที่ทักษะของทั้งสองคนขึ้นสูงได้เร็วกว่าเจนก็เพราะว่าทั้งสองนั้นใช้อาวุธบ่อยกว่านั่นเอง ถึงแม้เจนจะใช้ดาบจัดการมอนสเตอร์ระดับสูงกว่าอย่างหมาป่าดำเป็นจำนวนที่ไม่มากไม่น้อย แต่เนื่องจากเธอใช้ดาบระดับ S และจู่โจมมันในตอนที่ใช้ทักษะพลังสถิตร่าง ทำให้เหล่าหมาป่าดำตายในดาบเดียว ดังนั้นจึงไม่ได้ถือว่าเป็นการฝึกใช้ดาบและไม่ได้ค่าประสบการณ์พิเศษด้วยนั่นเอง ทางโจและแจ็คที่เก็บระดับตามอย่างคนทั่วไปจึงสามารถพัฒนาทักษะการใช้อาวุธของตนได้สูงกว่าจะมีประสิทธิภาพกว่ามาก



    "เฮ้อ พักกันซักหน่อยเถอะแจ็ค ฉันเริ่มเหนื่อยแล้วว่ะ" โจพูดหลังจากเก็บของที่ตกจากมอนสเตอร์เสร็จ เขาเดินไปตบไหล่เพื่อนแล้วจึงนั่งพิงต้นไม้โดยมีเพื่อนของเขานั่งข้าง ๆ



    "อิจฉายัยเจนจังเลยน้า ได้ทักษะระดับ S มาเพียบ แถมระดับยังนำพวกเราไปด้วยอีก แบบนี้มีหวังตามไม่ทันแหง ๆ" แจ็คบ่น



    "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า เก็บระดับไปซักพักเดี๋ยวพวกเราก็ตามทัน อีกอย่างภารกิจในเมืองเริ่มต้นมีแต่ภารกิจที่ค่าตอบแทนเป็นอุปกรณ์กับเงินเท่านั้นแหละ พวกที่ให้ค่าประสบการณ์น่ะมีอยู่ไม่มากแถมแต่ละภารกิจก็ให้ค่าประสบการณ์น้อยนิดเดียว ระดับของยัยนั่นไม่ขยับไปไหนแน่นอน" โจคาดการณ์ เขาศึกษาเกมนี้มาอย่างดีสมเป็นเป็นมืออาชีพเลยมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไล่ตามระดับของเจนทัน



    หลังจากทั้งสองพักจนหายเหนื่อยแล้วจึงเริ่มเก็บระดับต่อไป พวกเขาเดินเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าเขาผ่านป่าผลิใบเข้าสู่เขตป่าเทพารักษ์มาแล้ว ซึ่งปกติจะไม่มีผู้เล่นในเกาะเริ่มต้นคนไหนมาที่ป่านี้ เนื่องจากมอนสเตอร์ทุกตัวในป่าแห่งนี้อยู่ถึงระดับ 40 - 50 ซึ่งสูงสุดบนเกาะเลยทีเดียว และกอปรกับที่พวกมันจะโจมตีก่อนและมีจำนวนมาก ทำให้ผู้เล่นที่หลงเข้าไปต่างก็ตายออกมาเสมอ



    แต่ทั้งสองแสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์คอันทรงพลังที่สามารถจัดการกับเหล่ามอนสเตอร์ได้อย่างไม่ยากเย็นนักถึงแม้ระดับจะห่างกันมากก็ตาม โจและแจ็คใช้วิธีค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆพร้อมทั้งกำจัดมอนสเตอร์ที่เข้าจู่โจมทั้งคู่ ด้วยบอลพลังเวทที่พุ่งเข้าใส่อย่างกับปืนกลจนทำให้ไม่ว่ามอนสเตอร์ตัวไหนต้องชะงักลงอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นถึงเป็นหน้าที่ของแจ็คที่จะใช้ทักษะยิงจุดตายจัดการปิดฉากพวกมอนสเตอร์ ถ้าหากมอนสเตอร์ที่เข้าจู่โจมมีพลังป้องกันสูงจนไม่ตายจากทักษะของแจ็ค ทั้งคู่ก็ถอยร่นไปแต่โจก็ยังคงการโจมตีเอาไว้อยู่ในขณะที่แจ็คคอยเฝ้าระวังมอนสเตอร์ที่จะเข้ามาโจมตีจากทิศทางอื่นและหาจังหวะจัดการไปพร้อมกัน การทำแบบนี้ทำให้ทั้งคู่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเวลาที่กว่าจะเข้ามาถึงที่นี่ก็กินเวลาไปทั้งเช้าเลยทีเดียว



    ภายในเวลาไม่นานทั้งคู่ก็ต้องหาที่พักที่ปลอดภัยอีกครั้งเพราะมอนสเตอร์นั้นเข้ามาโจมตีทั้งคู่ไม่หยุดเลยทีเดียว เมื่อได้จังหวะโจจึงรีบหลบออกไปก่อนที่จะมีมอนสเตอร์ตัวไหนเห็นพวกเขาเข้า แต่ด้วยระดับและการที่ทั้งคู่จัดการมอนสเตอร์ได้อย่างเฉียบขาดทำให้พวกขาได้ค่าประสบการณ์มาไม่น้อยเลยทีเดียว ในตอนนี้ทั้งคู่มีระดับแซงเจนขึ้นไปที่ 25 แล้ว



    โจและแจ็คหลบมอนสเตอร์ไปกินข้าวกล่องเริ่มต้นที่พวกตนเหลืออยู่กล่องสุดท้ายจากเมื่อวานบนต้นไม้ โชคดีที่พลังเวทของแจ็คเพิ่มขึ้นมามากทำให้โจมตีได้เป็นระยะเวลานาน และปืนเริ่มต้นของแจ็คก็ไม่จำเป็นต้องมีกระสุนอีกด้วย ถ้าหากพวกเขาสามารถรักษารูปแบบต่อไปได้เช่นนี้ล่ะก็ มอนสเตอร์พวกนี้ก็คงไม่ครนามือของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย



    "เฮ้ โจ พวกเราลองเข้าไปลึกกว่านี้อีกดูมั้ย เผื่อจะได้เจอพวกที่ให้ค่าประสบการณ์ดีกว่านี้หน่อย" แจ็คถามเพื่อนของตนเพราะเขารู้สึกว่าระดับเริ่มขึ้นช้าลงแล้ว โดยพรายต้นไม้ มอนสเตอร์ระดับ 30 มีรูปร่างเป็นตอไม้เดินได้ที่พวกเขาเก็บระดับกันอยู่บริเวณนี้ได้ให้ค่าประสบการณ์เพียงแค่ตัวละ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้เขาได้ถึงตัวละ 15 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว



    เกมดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์นั้นเปิดโอกาสให้มอนสเตอร์สามารถพัฒนาตัวเองได้ ดังนั้นการเข้าไปด้านในลึกของป่านั้นจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเนื่องจากอาจจะได้พบมอนสเตอร์ระดับสูงที่พัฒนามาจากมอนสเตอร์ที่อยู่บริเวณนั้นและไม่ถูกจัดการโดยผู้เล่น เอไอ หรือมอนสเตอร์ตัวอื่น แต่พวกเขาเก็บระดับมาได้ซักพักแล้ว โจสังเกตถึงมอนสเตอร์ที่ไม่เคยพบเจอจากในกระดานข่าวมาก่อนว่าอยู่บนเกาะนี้อยู่หลายตัว เมื่อดูในแผนที่ก็พบว่าตัวเองนั้นหลุดมาจากจุดที่ตั้งใจไว้ไกลโขเลยทีเดียว แต่ว่าเขาเองก็เก็บระดับอยู่ที่นี่มาได้ซักพักแล้วและยังไม่เพี้ยงกล้ำเลย ค่าประสบการณ์ตัวละ 5 เปอร์เซ็นต์ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นการที่จะไปเสี่ยงหามอนสเตอร์ตัวใหม่ข้างหน้านั้นก็น่าสนใจไม่น้อย จนในที่สุดโจเองก็คิดจะลองเสี่ยงดูเช่นกัน



    หลังจากพักจนพลังเต็มเปี่ยมแล้วทั้งคู่ก็เริ่มเดินทางต่อไป พวกเขาเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง แต่พอเดินเข้าไปลึกขึ้น พวกเขากลับไม่พบเจอมอนสเตอร์เลยแม้แต่ตัวเดียว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังมีพรายต้นไม้เข้ามาอยู่เลยแท้ ๆ โจคิดว่าเป็นเพราะเข้าเขตแดนมอนสเตอร์ตัวอื่น ทำให้พรายต้นไม้ไม่กล้าตามมาและมอนสเตอร์ที่อยู่ในเขตแดนใหม่นี้ก็คงกำลังซุ่มโจมตีอยู่แถว ๆ นี้ ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ถูกเพียงครึ่งเดียว



    เดินมาได้ซักพักสภาพป่าโดยรอบก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นป่าทึบ แสงอาทิตย์เวลาเที่ยงวันยังไม่อาจสาดแสงทะลุลงมาสู่พื้นดินในป่าแห่งนี้ได้ มีเพียงความมืดและความเงียบงันปรากฏอยู่รอบตัวไม่มีแม้แต่เสียงนกหรือเสียงแมลงจนดูน่าวังเวงอย่างกับป่าช้า



    "โจ นี่พวกเราอยู่ที่ไหนกันน่ะ ใช่ป่าผลิใบหรือเปล่าเนี่ย ไม่เห็นจะมีตัวอะไรโผล่มาเลยซักตัว" แจ็คถามด้วยความสงสัยพลางมองไปรอบๆอย่างไม่ไว้วางใจ



    "อา...พวกเราอยู่ในป่าเทพารักษ์แล้ว นี่คงจะเป็นชั้นในของป่าที่ยังไม่มีใครเคยเข้ามาถึงล่ะมั้ง คิดว่านะ" โจบอกพลางมองไปรอบ ๆ และหันมองดูแผนที่อยู่หลายครั้ง



    เกาะไทริสที่แม้จะเป็นเกาะเริ่มต้น แต่ขนาดของเกาะก็แทบจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นเกาะเพราะมีพื้นที่กว้างขวางมากและมีภูมิประเทศหลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นป่าซึ่งกินพื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะ ภูเขา ทะเลสาป ทะเลทราย และอื่น ๆ ขาดก็เพียงหิมะเท่านั้น ด้วยพื้นที่ขนาดนี้นั่นเองทำให้ไม่เคยมีใครออกสำรวจได้ทั่วเกาะมาก่อน และมอนสเตอร์ระดับสูงสุดบนเกาะก็มีระดับเพียงแค่ 50 เท่านั้น ทำให้ผู้เล่นที่มีระดับถึง50 แล้วไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อและนั่งเรือไปที่ทวีปหลักกันหมดนั่นเอง



    "หา! ป่าเทพารักษ์ นี่พวกเรามาทำบ้าอะไรกันในนี้เนี่ย! ถ้าเกิดไปเจอมอนสเตอร์ระดับสี่สิบห้าสิบเดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งคู่หรอก!" แจ็คหันไปว่าโจอย่างตกใจ



    "เฮ้ย พูดแบบนี้ได้ยังไง แกนะที่เป็นคนเสนอมาเองนะเว้ย" โจเถียงกลับ



    "ก็ตอนนั้นไม่รู้นี่หว่าว่าพวกเราอยู่ที่ไหน นายเป็นคนดูแผนที่ไม่ยอมบอกกันแบบนี้ถ้าเกิดพวกเราตายขึ้นมาล่ะก็เป็นความผิดของนาย โจ" แจ็คเถียงกลับไปอีก ทั้งคู่ทะเลาะกันได้แม้แต่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแม้จะอยู่ในสถานที่ที่ควรจะเงียบเสียง แล้วตอนนี้เจนที่ปกติจะเป็นคนห้ามทัพก็ไม่ได้อยู่ด้วยทำให้เสียงทะเลาะดังไปทั่วป่า ถ้าหากพวกโจจะโดนมอนสเตอร์รุมจัดการในตอนนี้ล่ะก็ไม่แปลกใจเลย



    ทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้น มันเป็นเสียงของสัตว์ป่าที่ฟังดูคุ้นหูโจและแจ็คอย่างมาก เสียงต้นไม้ล้มระเนระนาดดังมาเป็นทาง ชายหนุ่มทั้งสองคนหยุดโต้เถียงกันแล้วรีบหันไปยังทิศที่เสียงดังมา เมื่อรู้ว่านั่นเป็นตัวอะไร ใจของพวกเขาก็ร่วมไปถึงตาตุ่ม เพราะตรงหน้านั้นคืออสูรพฤกษา และยังมีถึงสามตัวด้วยกัน โจและแจ็ครู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่สันหลัง ขนาดตัวเดียวยังต้องใช้คนหลายร้อยคนช่วยกันรุม แล้วนี่มีถึงสามตัวด้วยกัน ไม่มีทางเลยที่ทั้งคู่จะมีโอกาสรอดไปได้แต่นี่จะเป็นเรื่องราวที่จะจารึกชื่อของทั้งคู่ลงบนเกาะไทริสแห่งนี้







    "ว้ายยยยยยย!" เสียงร้องของเด็กสาวดังลั่นร้านขายเสื้อผ้ากลางเมืองไทริส เด็กสาวเจ้าของร้านกำลังจ้องเด็กสาวในชุดผ้าไทยสีเหลืองโดยเธอกำลังทำหน้าตายที่สุดในชีวิต



    "น้องเจนที่แต่งชุดไหนก็ขึ้นจริงๆ ขอพี่ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ซีกสองสามรูปหน่อยนะ ฮิฮิ ได้น้องมาเป็นแบบให้อย่างนี้ช่วยจุดประกายความคิดได้ดีจริงๆเลย หู้ยยย! คิดแบบชุดได้เป็นสิบๆแล้ว" เด็กสาวเจ้าของร้านพูดแล้วก้มหน้าร่างแบบชุดที่อยู่ในหัวลงกระดาษตรงหน้าไฟแลบจนดูเหมือนกับว่าเธอกำลังใช้ทักษะเลยทีเดียว



    ข้อเสนอที่เจนได้รับมาคือให้เป็นนางแบบลองชุดในร้านซักหน่อย เนื่องจากเด็กสาวเจ้าของร้านออกแบบชุดมามากมาย แต่กลับไม่มีเด็กสาวหรือลูกค้าคนไหนเลยมาซื้อชุดไทยที่เธอออกแบบเลย ดังนั้นเธออยากจะหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองโดยหาคนมาใส่ชุดไทยของเธอ แต่ไม่มีใครตอบรับภารกิจนี้บนกระดานภารกิจของเมืองเลย ครั้นจะให้เธอแต่งเองก็ไม่ได้ผล ดังนั้นพอเจนตอบรับภารกิจเธอจึงดีใจมากและจับเด็กสาวใส่ชุดแล้วชุดเล่าตั้งแต่เช้า



    เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงวันก็ดูเหมือนว่าเด็กสาวเจ้าของร้านพอใจแล้ว เธอให้เจนเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดเริ่มต้นตามเดิมและแน่นอนว่าเด็กสาวรีบเปลี่ยนอย่างไวก่อนจะตามเด็กสาวเจ้าของร้านไปยังห้องรับรองของร้านที่อยู่ด้านหลัง



    "แหม ขอบคุณมากเลยนะ พอดีเธอใส่ชุดไหนก็ขึ้นไปหมด เลยติดลมไปหน่อย" เด็กสาวบอกแล้วจึงยกแก้วน้ำส่งให้เจนซึ่งเธอก็รับมาอย่างโดยดี



    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" เจนตอบตามมารยาท แต่คิดในใจว่าต่อให้ตายเธอก็จะไม่มีวันทำภารกิจแบบนี้อีกเด็ดขาด



    เหมือนกับว่าเด็กสาวตรงหน้ารู้ความคิดของเจน เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะหันไปดึงเชือกข้าง ๆ เจนสังเกตเห็นว่ามีผ้าม่านสีแดงล้อมรอบอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเด็กสาวเจ้าของร้านดึงเชือกจนสุด ผ้าม่านก็เปิดออกมาให้เห็นชุดที่อยู่ด้านในนับร้อยชุด มันไม่มีเพียงแค่ชุดไทยเท่านั้น มีชุดจากหลายเชื้อชาติมากและเนื้อผ้าก็ดูราคาแพงไม่น้อยเลยทีเดียว



    "พวกนี้คือชุดที่ดีที่สุดของร้านฉันเอง เธอจะเลือกชุดไหนไปก็ได้ตามใจเลย เป็นค่าเสียเวลา" เด็กสาวเจ้าของร้านบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้



    เจนกล่าวขอบคุณแล้วลุกขึ้นมองดูชุดเหล่านั้นด้วยความตะลึง ในตอนแรกเธอไม่นึกว่าภารกิจเล็กๆแบบนี้จะให้สิ่งตอบแทนที่มีราคาขนาดนี้ด้วยซ้ำความจริงแล้วทั้งภารกิจและของตอบแทนส่วนใหญ่นั้นจะมีของตอบแทนที่ไม่ค่อยแน่นอนนัก ขึ้นอยู่กับตัวคนมอบภารกิจว่าจะให้แบบไหน บางครั้งภารกิจที่ยากจนเกินจะทำได้กลับมีค่าตอบแทนที่น้อยจนดูไม่คุ้ม ครั้งนี้ที่เจนได้ค่าตอบแทนระดับสูงเช่นนี้ก็เป็นเพราะเด็กสาวเจ้าของร้านได้มอบภารกิจมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครมาทำ พอเจนมาโดยไม่ได้ดึงใบภารกิจจากกระดานเลยและยังตอบรับในทันทีจึงเป็นที่ถูกใจของเด็กสาวไม่น้อย



    เจนเดินตรงไปเลือกเสื้อแขนยาวสีขาวที่ทำจากผ้าฝ้ายดูใส่แล้วเย็นสบายและเลือกกางเกงขายาวสีขาวเช่นเดียวกันแต่เป็นขากระบอกดูเข้าสมัยพร้อมทั้งเลือกรองเท้าบูทสีดำมาด้วยอีกหนึ่งคู่



    "อ้าว ทำไมเธอถึงเลือกชุดแบบนี้มาล่ะ" เด็กสาวเจ้าของร้านถามเพราะชุดที่เธอเลือกมานั้นเป็นของผู้ชาย เด็กสาวรู้สึกเสียดายนิด ๆ ที่เจนไม่ได้เลือกชุดผู้หญิง



    "ชุดแบบนี้เอาไว้ใช้เดินทางนะ เคลื่อนไหวสะดวกดี” เจนให้เหตุผล แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดของเธอ



    เด็กสาวเจ้าของร้านพยักหน้าเข้าใจแล้วทั้งคู่บอกลากัน จากนั้นเจนก็เดินออกมาจากร้านขายเสื้อผ้าพร้อมกับชุดใหม่ของเธอ เจนตัดสินใจที่จะสวมเสื้อคลุมที่ได้มาจากมาเอะทับชุดที่ได้มาใหม่ พอเธอสวมมันก็พบว่าสีเทาเข้ากับสีเสื้อได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวและยังไม่เป็นจุดสนใจอีกด้วย



    เนื่องจากชุดที่เธอได้มาจากเด็กสาวเจ้าของร้านขายเสื้อผ้านั้นดูมีราคามากจนอาจจะทำให้คนอื่น ๆ มองเธอว่าเป็นผู้เล่นระดับสูงหรือนำเงินจากภายนอกเข้ามาในเกม ซึ่งมีแต่ผู้เล่นที่มีเงินถังเท่านั้นที่จะซื้อเสื้อผ้าแบบนี้มาเพราะนอกจากราคาที่สูงลิบแล้ว ก็ยังไม่มีความสามารถอะไรอื่นอีกนอกจากใส่เพื่อความสวยงามเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาแล้วถ้าจะซื้อชุดเกราะคุ้มกว่าในเรื่องพลังป้องกัน การที่เจนสวมชุดคลุมทับทำให้ไม่เป็นจุดเด่นและช่วยให้ไม่เสี่ยงที่จะโดนพวกโจรดักปล้นอีกด้วย



    เจนนำดาบคุซานางิออกมาเหน็บอยู่ข้างเอวและเตรียมพร้อมใช้ตลอดเวลา ในตอนนี้เธอคิดจะใช้ดาบเล่มนี้อาวุธหลักแล้วเพราะถึงในตอนนี้เธอยังมีระดับต่ำอยู่ แต่ถ้าหากใช้ดาบเล่มนี้ช่วยในการเก็บระดับล่ะก็เธอมั่นใจว่าเธอจะเพิ่มระดับขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็วอย่างแน่นอน ถึงแม้เธอจะลืมไปว่าเธอจะไม่ได้ค่าประสบการณ์เพิ่มจากความเฉียบคมในการจัดการมอนสเตอร์และพลาดโอกาสในการพัฒนาทักษะการใช้ดาบขั้นต้นของเธอไป



    เจนพบว่าในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว เธอจึงหาที่นั่งใต้ต้นไม้ใกล้ลานกลางเมืองเพื่อนั่งกินข้าวกล่องเริ่มต้นที่เหลืออยู่ในกระเป๋า โดยเธอแบ่งให้คิทซึเนะกล่องหนึ่งและเธอก็กินเองอีกกล่อง ในระหว่างที่เธอกำลังกินก็คิดไปด้วยว่าเธอต้องไปหาซื้อข้าวกล่องมาตุนเอาไว้



    หลังจากกินเสร็จแล้วและกำลังนั่งพักให้อาหารย่อย เจนก็หยิบดาบคุซานางิขึ้นมาตรวจดูว่าหลังจากทำสัญญาแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง



    ดาบมังกรคุซานางิ ระดับ S [ผู้ทำสัญญา เจน]

    พลังโจมตี: 500 (-250)

    ดาบในตำนาน มีพลังที่ตัดได้แม้แต่ฟ้าดิน ว่ากันว่าเป็นดาบประจำตัวของเทพบนสวรรค์

    - สามารถโจมตีได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น

    - สามารถใช้ทักษะ ผ่ามิติได้

    - สามารถใช้ทักษะ อัญเชิญอสูร ยามาโตะ โนะ โอโรจิ ได้

    - สามารถใช้ทักษะ ผนึกอสูร ได้

    - สามารถเก็บสัตว์อสูรและมอนสเตอร์ได้ 8 ตัว

    *ไม่สามารถเสียหายได้



    เจนเห็นว่ามีชื่อของเธอปรากฏขึ้นมาด้วย แต่ก็ต้องแปลกใจว่าทำไมข้อมูลยังบอกว่าพลังโจมตีของดาบยังมีอยู่แค่ครึ่งเดียวอยู่ ทั้ง ๆ ที่เธอทำสัญญาแล้ว บางทีมาเอะอาจจะบอกเธอไม่หมดเกี่ยวกับเรื่องการทำสัญญาดาบ เธอจึงคิดเอาไว้ว่าเย็นนี้เมื่อเธอเจอเพื่อนของเธอจะลองถามดู



    พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ยังไม่ทันที่เจนจะคิดอย่างอื่น เธอก็เห็นโจและแจ็คปรากฏตัวขึ้นที่ใจกลางลานกว้างซึ่งเป็นจุดเกิดของเมืองไทริสและจุดบันทึกสำหรับการวาปผ่านทักษะของอาชีพสายเวทมนตร์ เจนมั่นใจว่าทั้งสองไม่ได้กลับมาที่เมืองนี้เพราะใช้ของหรือเวทมนตร์แน่นอน เพราะบนหน้าของทั้งสองมันเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน



    "โจ แจ็ค!" เจนส่งเสียงเรียกเพื่อนทั้งสอง และพวกเขาก็เดินมาอย่างว่าง่านถึงแม้ดูท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี "ว่าไง พวกนายทำหน้าแบบนี้คงตายกลับมาล่ะสิ"



    "ก็ใช่น่ะสิ อยู่ดีไม่ว่าดีเจ้าแจ็คอยากจะเข้าไปลุยในส่วนลึกของป่า..- เดี๋ยวสิ นี่เธอเอาชุดนี้มาจากไหนน่ะ เจน" โจถามด้วยน้ำเสียงสงสัย เพราะเมื่อเช้าพวกเขาทั้งสามคนต่างสวมชุดเริ่มต้นกันอยู่เลย



    "นี่หรอ ฉันได้มาจากทำภารกิจที่ร้านขายเสื้อผ้าไง เท่ห์ใช่มั้ยล่ะ" เจนถอดเสื้อคลุมเพื่อจะอวดชุดใหม่ของตน ถึงเธอไม่ค่อยชอบเวลาที่คนอื่นในเมืองมองเธอเป็นตาเดียวเพราะชุดนี้ แต่มันเทียบไม่ได้เลยดับความรู้สึกสะใจที่ได้เอามาอวดเพื่อนของเธอ



    "แต่ว่าชุดมันดู เอ่อ... ดูแมนไปหน่อยหรือเปล่า" แจ็คว่า เพราะดูจากชุดที่เจนอยู่ในตอนนี้ แทบจะไม่ต่างจากเดิมตอนก่อนที่เธอจะกลายเป็นผู้หญิงเลย อันที่จริงก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากแต่แรกอยู่แล้ว



    "นั่นสิ แม่เธอกับคุณหมอคนนั้นบอกให้เธอเล่มเกมนี้เพื่อที่จะทำให้เธอคุ้นกับการเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือไง" โจเสริม เจนไม่สนใจคำเตือนของเพื่อนเธอและพูดพร้อมทำท่ากอดอก



    "ฉันอยู่ในเกม จะทำเรื่องอะไรมันก็เรื่องของฉันน่า"



    "แต่ฉันว่าอย่างน้อยเธอก็อย่าพูดให้เหมือนผู้ชายแบบเมื่อก่อนดีกว่านะ ถ้าทำอย่างนั้นแล้วถ้าเกิดเธอยังทำตัวไม่เหมือนเด็กผู้หญิงเข้าเดี๋ยวก็โดนแม่จริยาโกรธเอาหรอก แล้วอีกอย่างฉันว่าเธอเหมาะจะเป็นผู้หญิงมากกว่าว่ะ..-โอ้ย!" ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจบ เจนก็ปากล่องข้าวที่ทานเสร็จแล้วใส่โจทันทีที่ได้ยินประโยคหลังสุด แต่เขาเองก็พูดได้มีเหตุผล ถ้าหากเธอยังไม่เปลี่ยนแปลงนิสัยตามที่จริยาและเกอร์ธูทต้องการแล้วก็อาจจะมีปัญหาตามมาก็ได้ แม่ของเธออาจไม่เท่าไหร่ แต่คนหลังต่างหากที่เจนรู้สึกกังวล



    "ระ...รู้แล้วล่ะน่า เรื่องแบบนี้มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปสิ ว่าแต่ตอนนี้พวกนายระดับเท่าไหร่แล้วล่ะ" เจนรีบเปลี่ยนเรื่อง



    "ตอนนี้พวกเราระดับยี่สิบสี่แล้วนะ ความจริงก็ยี่สิบห้าแล้วล่ะแต่ตายมาก็เลยโดนลดระดับ ดีที่พวกเราให้เงินทั้งหมดเอาไว้ที่เธอ ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็มีหวังหมดตัวแน่ ๆ" แจ็คว่า



    การตายในเกมนี้มีบทลงโทษแตกต่างกันไป โดยความหนักของบทลงโทษจะขึ้นอยู่กับการตาย ถ้าหากโดนมอนสเตอร์ธรรมดา ยศทหารและขุนนางฆ่า จะถูกลดระดับ 1 ระดับ และเงินที่อยู่ในตัวทั้งหมดจะตกลงมา รวมถึงมีโอกาสที่อุปกรณ์สวมใส่จำพวกชุดหรือแม้แต่กระเป๋าจะเสียหายด้วย ถ้าหากถูกมอนสเตอร์ระดับราชาและเทพเจ้าฆ่าล่ะก็ จะถูกลดระดับถึง 5 ระดับ รวมถึงเงินทั้งหมดในตัวจะตกลงมาเช่นเดียวกันและความเสี่ยงที่อุปกรณ์สวมใส่จะเสียหายก็สูงขึ้นมากด้วย แต่ถ้าหากเป็นมอนสเตอร์บอสล่ะก็ บทลงโทษก็จะแตกต่างกันออกไปตามระดับของมอนสเตอร์ตัวนั้น



    อย่างเช่นบอสอสูรพฤกษา ระดับ 50 คนที่ถูกมันฆ่าจะถูกลดระดับถึง 5 ระดับ และความเสี่ยงที่อุปกรณ์สวมใส่จะเสียหายก็สูงกว่าการถูกมอนสเตอร์ระดับทหารจัดการซะอีก แต่สาเหตุที่โจและแจ็คถูกอสูรพฤกษาจัดการมาและลดระดับเพียงระดับเดียวนั้นเป็นเพราะว่าอสูรพฤกษาทั้งสามตัวนั้นไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับบอสนั่นเอง ถึงแม้ว่าในป่าผลิใบมันจะเป็นมอนสเตอร์ระดับบอส แต่ในป่าเทพารักษ์นั้นเป็นหนึ่งในหลายๆที่อยู่ของมอนสเตอร์ระดับสูงบนเกาะ ดังนั้นจึงมีพวกมันอยู่เต็มป่าเทพารักษ์เลยทีเดียว



    เจนตกใจกับความเร็วในการเก็บระดับของเพื่อนทั้งสองมาก เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถเก็บระดับแซงหน้าเธอไปแล้ว ทั้งที่ความจริงนี่เป็นเรื่องปกติเนื่องจากพวกเขาเข้าไปจัดการมอนสเตอร์ในป่าที่มีระดับสูงกว่ามากเช่นเดียวกับตอนที่เจนจัดการหมาป่าขนดำและทำให้ระดับเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ที่ทั้งสองทำถึงจะดูเก่งมากแต่ถ้าหากผู้เล่นทั่วไปจับกลุ่มกันมาก ๆ และฝึกการโจมตีอย่างมีระบบล่ะก็สามารถทำอย่างพวกโจได้เช่นเดียวกัน



    "สุดยอดไปเลยพวกนายเนี่ย แล้วจากนี้พวกนายจะไปลุยต่อใช่หรือเปล่า"



    "แน่นอนอยู่แล้วสิพวกเราไม่ปล่อยให้ตัวที่จัดการเราลอยนวลไปได้หรอก" โจพูดด้วยท่าทางขึงขัง



    "ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้พวกนายโชคดีก็แล้วกัน ช่วงนี้ฉันขอทำภารกิจอยู่ในเมืองดีกว่า พวกนายเอาเงินนี่ไปสิ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง" เจนพูดแล้วส่งเงินทั้งหมด 900 โกล์ดให้โจจากนั้นเธอก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรออกแล้วจึงเอ่ยปากถาม "จริงสิ นายรู้มั้ยว่าทำไมดาบ..ของฉันทำสัญญาแล้วมันถึงยังลดพลังโจมตีได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ล่ะ"



    "อืม...ไม่รู้เหมือนกัน เพราะอาวุธในระดับของเธอไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อนว่าเคยมีคนได้ แต่ถ้าให้ฉันคิดล่ะก็นะ มันคงจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ใช้พลังของดาบได้อย่างเต็มที่ ยิ่งเป็นดาบที่มีเพียงเล่มเดียวแล้วล่ะก็ บางทีอาจจะต้องถึงกับทำภารกิจให้มันยอมรับเลยก็ได้นะ" โจแสดงความคิดเห็น เพราะข้อมูลของดาบระดับ S นั้นไม่มีใครเคยมาเปิดเผยในกระดานข่าว ทำให้สิ่งที่โจรู้มีเพียงแค่ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น



    เมื่อเพื่อนของเธอทั้งสองจากไปแล้วเจนก็มานั่งคิดดูว่าเธอต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะสามารถใช้พลังของดาบได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะใช้ทักษะทั้งหมดได้ก็ตาม แต่เมื่อพลังโจมตีของดาบที่โจบอกว่าน้อยเมื่อเทียบกับอาวุธระดับAแล้ว ถ้ายังมีพลังโจมตีแค่ครึ่งเดียวอีกล่ะก็อาจจะเป็นปัญหาในภายหลังก็ได้



    แต่พอคิดไปคิดมา ในตอนนี้บนเกาะเริ่มต้นคงมีมอนสเตอร์ไม่มากที่สามารถทนพลังโจมตีของดาบเล่มนี้แม้จะมีพลังโจมตีเพียงครึ่งเดียวก็ตาม เจนจึงเก็บเรื่องดาบเอาไว้ในใจก่อนและเริ่มทำภารกิจในต่อไป



    ในช่วงบ่ายเจนไปรับทำภารกิจที่ร้านขายชุดเกราะและเครื่องป้องกัน โดยเจ้าของร้านนั้นให้เธอไปตีเครื่องป้องกันอะไรก็ได้มาหนึ่งอย่างโดยจะต้องมีคุณภาพดีพอที่เจ้าของร้านพอใจด้วย ถึงจะดูว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ยากมาก แต่ความจริงแล้วนี่ถือว่าเป็นภารกิจที่ง่ายมากเลยทีเดียว เพราะแค่ผู้เล่นตีชุดเกราะระดับต่ำมาได้ก็สามารถผ่านภารกิจนี้ไปอย่างง่าย ๆ เลย



    ภายในร้านไม่ได้มีเพียงแค่เจนคนเดียวที่เข้ามาทำภารกิจ มีผู้เล่นหลายสิบคนต่างทำภารกิจแตกต่างกันไปทั่วร้าน บ้างก็พยายามขัดชุดเกราะให้เป็นมันวาว บ้างก็ทุบชุดเกราะที่บุบลงไปให้กลับมาเป็นทรงเดิม บ้างก็กำลังหลอมซากเครื่องป้องกันให้กลายเป็นเหล็กเหลวเพื่อที่จะได้ทำเป็นชุดเกราะตัวใหม่ บรรยากาศที่มีผู้เล่นมากมายรวมถึงเอไอชาวบ้านหลายสิบคนกำลังทำอุปกรณ์เพื่อที่จะนำมาขายหน้าร้านแบบนี้มันช่างต่างกับร้านขายเสือผ้าที่ร้างไม่มีคนแม้กระทั่งเอไอที่จะมาทำชุดขาย



    เจนพอใจมากกับการปลอมตัวของตน เพราะก้าวแรกที่เธอเข้ามาด้านในร้าน เจ้าของร้านขายเครื่องป้องกันก็สั่งให้เธอไปหลอมเศษเหล็กตามภารกิจที่ได้รับมาทันที และยังทิ้งท้ายด้วยคำปรามาสว่าเธอเป็นหนุ่มหน้าสวยอย่างกะผู้หญิง ดูท่าทางไม่มีเรี่ยวแรงจะทำงานนี้ไม่ไหว เจนไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย ยังดีใจด้วยซ้ำไปเพราะว่าทั้งเจ้าของร้านและคนอื่น ๆ รวมทั้งพวกผู้เล่นในตอนนี้ต่างมองเธอเป็นผู้ชายอีกครั้งหนึ่งแล้ว



    เจนทำภารกิจนี้อยู่เพียงแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้นเพราะภารกิจของเธอนั้นง่ายมากเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่น เธอได้คุยกับผู้เล่นที่เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขาต้องตีเครื่องป้องกันเข่ามาคู่หนึ่ง ซึ่งตอนที่เธอเริ่มทำภารกิจนั้นเด็กหนุ่มก็ใกล้ที่จะเสร็จแล้ว แต่เมื่อพอคุยกับเด็กหนุ่มคนนั้นเธอก็ได้รู้ว่าเขาต้องการที่จะเป็นอาชีพช่างตีเหล็กที่สามารถสร้างอาวุธและเครื่องป้องกันได้ อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ผสมระหว่างสายอาวุธและสายประดิษฐ์ เพราะสามารถเก็บระดับได้ด้วยตัวเองและสามารถสร้างสิ่งของได้เช่นกัน



    เด็กหนุ่มคนนี้ทำภารกิจเพื่อที่จะเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นในการเปลี่ยนอาชีพเป็นช่างตีเหล็ก เพราะภารกิจแบบนี้จะสามารถรับได้เพียงครั้งเดียว เขาจึงพยายามทำของที่เจ้าของร้านสั่งออกมาอย่างสุดความสามารถ เมื่อเขาทำเสร็จแล้วแต่ก็ยังคงไม่ค่อยพอใจกับผลงานของตนเองนัก เขาจึงส่งเครื่องป้องกันเข่าให้กับเจนและบอกให้เธอหลอมมันตามภารกิจของเธอ การทำอย่างนี้ไม่ผิดและยังช่วยให้ผู้เล่นสามารถฝึกเพื่อเพิ่มระดับทักษะได้อีกด้วย



    เจนสงสัยว่าเอไอชาวบ้านมาทำอะไรที่นี่จึงเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มซึ่งกำลังหลอมเหล็กขึ้นมาใหม่ เขาบอกมาว่าเอไอเหล่านี้ก็ต้องเรียนรู้เพื่อที่จะทำอาวุธหรือเครื่องป้องกันเช่นเดียวกันกับผู้เล่น ชาวบ้านหลายคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นศิษย์ของเจ้าของร้านกันทั้งนั้น พวกเขาเป็นคนทำเครื่องป้องกันที่นำไปขายในร้าน ถ้าหากขาดพวกเขาไปล่ะก็ พวกผู้เล่นสายบู้คงจะไม่มีเครื่องป้องกันระดับต่ำใช้ตอนเริ่มเกมอย่างแน่นอน



    ในช่วงที่เจนกำลังหลอมเหล็กนั้น เธอได้ยินเสียงโวยวายมาจากด้านนอก แต่เสียงนั้นดูท่าจะไม่ใช่เป็นเสียงของคนกำลังทะเลาะกัน แต่เหมือนเป็นเสียงของคนกำลังป่าวประกาศอะไรซักอย่างซึ่งดูท่าทางจะมีคนสนใจไม่น้อยเสียด้วยดูจากผู้เล่นจำนวนหนึ่งที่เลิกสนใจภารกิจของตนและออกไปดู แต่เจนคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องของเธอและเธอเองก็ไม่อยากเจอเรื่องยุ่งๆในวันนี้แล้วด้วย เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาหลอมเหล็กของเธอต่อไปโดยไม่ทราบเลยว่าคนที่กำลังตะโกนปาวๆอยู่ในตอนนี้นั้นคือเพื่อนของเธอนั่นเอง



    ถึงจะเป็นการกิจง่าย ๆ แต่ก็กินเวลาถึงเย็น เจ้าของร้านเอ่ยปากชมว่าเธอตั้งใจทำภารกิจของเธอดีมากและไม่วอกแว่กต่อสิ่งรบกวนรอบข้าง เธอได้เครื่องป้องกันเขาที่ทำจากเหล็กเป็นค่าตอบแทนสำหรับภารกิจ และเงินอีก 500 โกลด์สำหรับความตั้งใจ เจนแลบลิ้นเลียปากตัวเองให้กับลาภที่ลอยเข้าปากมาง่าย ๆ เพราะว่ามีผู้เล่นและเอไอจำนวนไมน้อยที่หยุดกิจของตนและออกไปฟังโจป่าวประกาศซึ่งเจนยังไม่รู้ เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงทำงานของตนต่อไป



    เจนติดต่อไปยังเพื่อนของตนว่าตอนนี้อยู่ไหนแต่ทั้งคู่ตอบกลับมาทำนองว่าวันนี้จะนอนพักด้านนอกเมือง ให้เธอพักในเมืองคนเดียวไปเลยไม่ต้องรอ ดังนั้นเจนจึงตรงไปยังโรงแรมที่พวกโจพักอยู่และตรงขึ้นไปห้องทันที คืนนี้เจนเสียเงินเพียงแค่ค่าอาหารเท่านั้นเพราะเธอนอนในห้องของสองหนุ่มซึ่งพวกเขาจ่ายค่าห้องไปสำหรับสามวันเลยทีเดียว



    เวลาล่วงเลยไปอีกสองวันกว่าเจนจะทำภารกิจครบทั้งเมือง เธอได้ทักษะมากมายจากร้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นการตีเหล็ก ปรุงยา ทำอาหาร ซึ่งทักษะเหล่านี้ล้วนเป็นโบนัสจากการที่ทำภารกิจต่างๆที่มีค่ากว่าเงินและสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่เป็นสิ่งตอบแทนจากภารกิจซะอีก สำหรับเจนซึ่งเป็นสายบู้อย่างแน่นอน การทำภารกิจเช่นนี้ปกติจะเป็นพวกสายประดิษฐ์หรือซัพพอร์ทซะมากกว่า แต่เธอก็คิดว่าทักษะเหล่านี้จะมีประโยชน์กับเธอในอนาคตอย่างแน่นอน



    เจนลองตรวจสอบดูว่าตลอดสองวันมานีเธอได้อะไรมาจากภารกิจทั้งหมดในเมืองไทริสบ้าง



    เสื้อผ้าไหม ระดับ B

    พลังป้องกัน: -

    ชุดผ้าทำจากใยไหม กันลม กันแดด กันหนาวได้อย่างดี

    -มีคุณสมบัติช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกเย็นสบาย



    กางเกงบุรุษ ระดับ B

    พลังป้องกัน: -

    กางเกงทรงเข้าสมัย ใส่แล้วทำให้รู้สึกเก๋ไก๋ไม่เบา



    สนับเข่าเหล็ก ระดับ E

    พลังป้องกัน: 5

    เครื่องป้องกันเอาไว้สำหรับป้องกันเข่าจากอาการบาดเจ็บ



    ดาบเหล็กกล้า ระดับ E

    พลังโจมตี: 13

    ดาบทั่วไปสำหรับทหารและชาวบ้าน สามารถใช้ตัดและแทงได้อย่างดี



    ตำราการปรุงยาขั้นเริ่มต้น ระดับ E

    หนังสือที่รวมรวมวิธีการปรุงยาอย่างถูกวิธี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเรียนรู้การปรุงยา



    กล่องรักษาของสดขนาดเล็ก ระดับ E [ความจุ 0/10]

    กล่องนี้สามารถเก็บรักษาวัตถุดิบที่สามารถนำมากินให้คงสภาพสดอยู่ได้

    *ไม่สามารถเก็บเข้ากระเป๋าเดินทางได้

    *ไม่สามารถเก็บเข้าช่องเก็บของตัวละครได้



    นอกจากนี้เจนยังได้ของจำพวกยาเพิ่มพลังชีวิตมาอีกจำนวนหนึ่งและเงินมาทั้งหมด 8000 โกล์ด เงินจำนวนนี้ถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าก็ถือว่าหาได้ไม่ยาก เพราะของป่าที่พวกโจเก็บได้ก่อนตายเมื่อสองวันก่อนนั้นสามารถขายทั้งหมดได้เงินมาถึง 2400 โกล์ดเลยทีเดียว ถ้ามาเทียบเวลาแล้วล่ะก็จะเห็นได้ว่าการออกไปเก็บระดับล่าวัตถุดิบนั้นได้เงินเยอะกว่ามาก



    'เงินแค่นี้ก็น่าจะพออยู่ได้ซักสัปดาห์ล่ะนะ ว่าแต่ตอนนี้ใกล้ได้เวลาจะต้องล็อกเอาท์ออกจากเกมแล้วด้วยสิ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกโจจะเป็นยังไงบ้างนะ' เจนคิดในใจพลางติดต่อไปหาเพื่อน ๆ ของเธอ



    "โจ นี่ฉันเองนะ ตอนนี้พวกนายอยู่ไหนกันน่ะ ใกล้เวลาจะต้องล็อกอินออกจากเกมแล้วนะ" ทั้งโจและแจ็คไม่ตอบ พอเจนจะลอกเรียกอีกครั้งเธอก็ได้ยินเสียงของโจที่ฟังดูท่าทางเหนื่อยหอบ



    "รู้แล้ว รู้แล้ว! แฮ่ก..แฮ่ก เธอล็อกเอาท์ออกไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป" พูดจบโจก็ตัดการติดต่อไปทันที ทำให้เจนรู้สึกสงสัยมากว่าทั้งสองคนไปทำอะไรกันแน่ตลอดสองวันที่ผ่านมาเพราะทั้งคู่ไม่ได้กลับมาที่ห้องอีกเลย



    เจนพักความคิดเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแล้วจึงไปหาโรงแรมแห่งใหม่เข้าพัก เธอไปเจอโรงแรมขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่เป็นบ้านทรงไทยหลังใหญ่ ด้านในนั้นมีพนักงานหญิงชายมากมายแต่งชุดไทยคอยให้บริการอยู่ แม้ตัวโรงแรมจะเป็นบ้านไม้แต่ก็ให้ความรู้สึกหรูหราไม่น้อยเลยทีเดียว เจนตรงไปยังที่พนักงานต้อนรับโดยสายตายังคงชื่นชมความงามของตัวโรงแรมแห่งนี้



    "สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการค้างกี่คืนคะ" พนักงานหญิงถามเมื่อเจนเดินมาถึง



    "เอ่อ..ไม่ทราบว่าที่นี่คิดค่าพักคืนละเท่าไหร่หรือ พอดีกลัวกว่าเงินจะไม่พอจ่ายน่ะ" เจนถาม



    "โรงแรมของเราคิดค่าเข้าพักคืนละห้าร้อยโกลด์ล่ะ นี่รวมเป็นค่าห้องธรรมดาและอาหารสามมื้อต่อวันแล้วนะคะ แต่ถ้าเป็นห้องแบบพิเศษจะเป็นราคาคืนละสามพันโกลด์ค่ะ" เจนได้ยินราคาที่พักที่สูงจนน่าตกใจ เธอรีบเลือกเข้าพักห้องธรรมดาทันทีพลางคิดว่าใครมันจะบ้าพักห้องระดับพิเศษกัน ราคาแพงตายชัก



    เมื่อบริกรหนุ่มนำทางเธอมายังห้องพักของเธอ เจนก็ต้องรู้สึกทึ่งมากกับสภาพห้อง เพราะมันดูสวยงามมากเลยทีเดียว เตียงไม้ดูยิ่งใหญ่ราวกับเป็นราชาและท่าทางนอนสบายที่สุด ห้องถูกตกแต่งด้วยผ้าสีทองดูสว่างไปหมด อีกทั้งห้องอาบน้ำในตัวที่เป็นฝักบัวแบบทันสมัย เจนคิดว่าถ้าหากมันเป็นบ่อน้ำตักแบบสมัยโบราณล่ะก็บางทีอาจจะเข้าอารมณ์ไปอีกแบบก็ได้



    เธอกระโดดลงไปบนเตียงพร้อมกับคิทซึเนะที่วิ่งออกสำรวจห้องไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความรู้สึกแรกต่อเตียงนี้คือความนุ่มจนเหมือนกับว่าเตียงกำลังจะดูดกลืนเธอไปได้เลย อีกทั้งกลิ่นหอมดอกมะลิที่ฟุ้งไปทั่วห้องก็ชวนนอนหลับซะนี่กะไร



    โฮ่ง! โฮ่ง!



    เสียงร้องของคิทซึเนะเรียกความสนใจของเจน เมื่อหันไปดูเจนก็พบว่าคิทซึนะกำลังดมขวดน้ำหอมอยู่ในห้องน้ำ ดูท่าทางมันจะชอบไม่น้อยเลย เจนเองก็คิดขึ้นมาได้ว่าในตอนนี้คิทซึเนะเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอแล้ว บางทีอาจจะมีหน้าต่างบอกรายระเอียดของมันอยู่ก็ได้



    ไวเท่าความคิด หน้าต่างสัตว์เลี้ยงปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเจนทันที



    สัตว์เลี้ยง จิ้งจอกขาว คิทซึเนะ

    ยศ ทหาร ระดับ 15

    ค่าประสบการณ์ 34%



    ในหน้าต่างนั้นยังมีแถบอื่นๆอีกมากแต่อย่างเช่นทักษะ พลังพิเศษ แต่ทั้งสองแถบนั้นกลับว่างเปล่าเนื่องจากตัวคิทซึเนะนั้นไม่มีทักษะอะไรเลย พอดูที่แถบค่าสถานะก็เห็นว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้มีค่าสถานะต่ำเกือบทุกอย่าง เว้นแต่ความเร็วที่สูงถึง 40 แต่นั่นก็ยังทำให้เจนเป็นห่วงอยู่ดีว่าอาจจะเกิดอันตรายกับคิทซึเนะขึ้นได้



    เมื่อคิดได้ดังนั้นเจนก็กดแบ่งค่าประสบการณ์ครึ่งหนึ่งให้กับคิทซึเนะทันที เมื่อทำแบบนี้แล้วถ้าหากเจนจัดการมอนสเตอร์ได้ ค่าระสบการณ์ครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของคิทซึเนะทันที แล้วถ้าหากเธอได้ค่าประสบการณ์จนเพิ่มระดับล่ะก็ ค่าประสบการณ์ที่เหลือก็จะตกเป็นของคิทซึเนะเช่นกัน เว้นแต่เพียงโบนัสจากการจัดการมอนสเตอร์ระดับบอสหรือมินิบอสที่เจนจะเป็นผู้ได้เพียงผู้เดียวถ้าหากเธอเป็นคนจัดการมัน



    เมื่อแน่ใจว่าจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจนก็บอกกับคิทซึนะให้ทำตัวดี ๆ ระหว่างที่เธอไม่อยู่ โชคดีที่ค่าห้องจะรวมค่าอาหารในแต่ละวันเอาไว้ด้วย ซึ่งเจนสั่งให้พนักงานเอาอาหารมาให้คิทซึเนะในระหว่างที่เธอไม่อยู่ด้วยจึงวางใจได้ว่าจิ้งจอกน้อยคงไม่ต้องทำหิวอย่างแน่นอน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเธอไม่ลืมอะไรเธอจึงนอนลงบนเตียงและหลับตาลงพร้อมล็อกเอาท์ตัวเธอออกจากเกม เพื่อกลับไปใช้ชีวิตสู่โลกแห่งความจริง



    จบตอนที่ 8 ภารกิจที่แสนยืดยาว
    ------------




  20. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  21. #13
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 9 ทะเลเพลิง

    ตอนที่ 9 ทะเลเพลิง



    แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามาในห้องนอนสีชมพูผ่านหน้าต่าง เจนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆและพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ในความรู้สึกของเธอนั้นมันเหมือนกับว่าเวลาได้ผ่านมายาวนานเหลือเกิน เมื่อเธอนอนหลับในเกมและตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกแห่งความจริง ชีวิตของเธอมันช่างราวกับเป็นความฝัน สิ่งที่อยู่ในเกมคือความจริง แต่จิตใต้สำนึกบอกเธอว่าในตอนนี้เธอกำลังอยู่ในโลกแห่งความจริง



    ประตูห้องถูกเปิดออกมาโดยจริยาซึ่งเธออยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีเหลือง มือข้างซ้ายถือตะหลิวอยู่ เจนได้กลิ่นไก่ทอดลอยมาเตะจมูกอย่างชัดเจน ดูท่าอาหารเช้าวันนี้คงจะเป็นข้าวผัดอเมริกัน



    "อ๊ะ ตายจริง นี่เราตื่นเร็วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่ลูก" จริยาถาม เจนเกาหัวอย่างงุนงงแล้วหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องซึ่งบอกเวลาหกโมงเช้า



    "ก็นอนตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม ถ้าตื่นสายก็แย่แล้วล่ะแม่ อีกอย่างเฮดก็อกเกิ่ลมีระบบที่ช่วยปลุกเจนหลังจากออกจากเกมอยู่แล้วด้วย" เด็กสาวบอกกับแม่ของเธอแล้วจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย



    เจนและจริยามีนัดที่จะต้องไปสวนสาธารณะในทุกๆเช้าเพื่อออกกำลังกายโดยการรำไทเก๊ก หลังจากที่เจนทานข้าวเช้าเสร็จแล้วเธอก็เดินทางออกจากบ้านไปยังจุดหมายซึ่งอยู่ไมไกลจากบ้านของเธอนัก



    ในเวลานี้เจนสวมชุดฝึกแขนยาวสีดำซึ่งเสื้อตัวนี้เป็นเสื้อที่เธอซื้อเก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นเด็กผู้ชาย ยังดีที่จริยาไม่ได้เอาเสื้อตัวนี้ไปพร้อมกับเสื้อผ้าของผู้ชายตัวอื่น ๆ ของเธอ เจนอดนึกไม่ได้ว่าทั้งจริยาและเกอร์ธูทจะมีชุดออกกำลังกายแบบไหนมาแทนชุดนี้ถ้าหากจริยาตัดสินใจไม่เก็บมันเอาไว้



    สวมสาธารณะที่นี่มีขนาดไม่ได้ใหญ่โตเหมือนสวนสาธารณะชื่อดังที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร แต่ในเวลาเช้าเช่นนี้ผู้คนก็นิยมจะมาที่นี่เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ถึงคนส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุที่มาเดินออกกำลังกายตอนเช้าก็ตาม



    เจนและจริยาตรงไปหาชายหนุ่มวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดผ้าสีขาวและกางเกงขายาวสีดำแบบคนจีนใส่กัน เขามีหน้าตาที่เรียกได้ว่าดีในระดับหนึ่ง จึงทำให้มีสาวทั้งวัยรุ่นมาเรียนกับเขาเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีคนไม่น้อยที่มาเพื่อต้องการจะออกกำลังกายเช่นเจนและจริยา



    "อรุณสวัสดิ์ค่ะอาจารย์ศักดิ์ เช้านี้อากาศดีนะคะ" จริยาเอ่ยทักเมื่อเธอและลูกสาวมาถึงลานออกกำลังกายของสวนสาธารณะ



    "อรุณสวัสดิ์ครับคุณจริยา วันนี้ก็ยังสวยเหมือนเดิมนะครับ" ชายหนุ่มเอ่ยตอบ เจนค่อนข้างแน่ใจว่านั่นไม่ใช่การทักทายแบบปกติอย่างแน่นอน



    จริยานั้นสวยจนใคร ๆ ที่เห็นก็ต้องตกหลุมรัก บวกกับนิสัยที่เป็นคนกันเองจึงทำให้มีแต่คนชอบเธอกันทั้งนั้น ที่ผ่านมามีชายหนุ่มรุมตอมจีบเธอย่างกับดอกไม้ยามเช้า แต่ก็มีเจนที่คอยเป็นหนามแหลมคอยป้องกันเอาไว้ไม่ให้แตะต้อง สำหรับอาจารย์ศักดิ์หรือศักดิ์ดานั้นเจนก็คิดว่าเขาเป็นคนค่อนข้างใช้ได้ หน้าตาหล่อเหลาแถมนิสัยดี มีชาติตระกูลมาจากครอบครัวเจ้าของบริษัทนำเที่ยวระดับโลกซึ่งเป็นหลักประกันว่าคอยดูแลแม่ของเธอได้อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเป็นคนตัดสินใจ แต่หากเป็นจริยาที่ต้องเป็นผู้เลือกว่าจะทำอย่างไรต่อไป



    แต่ในความคิดเจนแล้ว เธอไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับแม่ของเธอทั้งนั้น



    "สบายดีแล้วหรือเจน เห็นว่าป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลไปเกือบสัปดาห์เลยนี่" ศักดิ์ดาหันมาคุยกับเจนหลักจากคุยกับจริยาจบแล้ว



    "ม...ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ" เจนพูดแต่กลับไม่ยอมมองหน้าคนที่คุยด้วย นี่เป็นอีกอย่างที่เธอเป็นห่วงอยู่ ในเกมเวลาเธอจะคุยกับใครพูดคำลงท้ายคะขาเธอก็ไม่รู้สึกอายเท่าไหร่ แต่มาคุยกับคนที่รู้จักมันเป็นอีกเรื่อง



    ศักดิ์ดามองหน้าเจนด้วยความฉงน เขาเจอเจนหลายครั้งและคุยกันก็หลายหน เจนเป็นคนที่พูดน้อยอยู่ทุนเดิมอยู่แล้วแต่ไม่เคยที่จะเลี่ยงสายตาคนที่กำลังคุยกับเธอ จนในบางครั้งเขานี่แหละที่ต้องเป็นคนหลบสายตาอันแข็งกร้าวนั่นซะเอง



    "ดูแปลก ๆ ไปนะเราน่ะ มีอะไรหรือเปล่า ไม่สบายใจตรงไหนปรึกษาฉันได้นะ คนกันเองอยู่แล้ว" ศักดิ์ดาบอกพร้อมเข้ามาตบไหล่เบา ๆ แต่ก่อนที่จะได้แตะต้องตัว เจนก็ก้าวเท้าหลบอย่างรวดเร็วจนอาจารย์หนุ่มถึงกับแปลกใจ



    "โห เร็วมากเลยนี่เราน่ะ ไม่เจอกันพักเดียวเร็วขึ้นเยอะเลยนี่ อย่างกับไปฝึกกับใครมาเลย" ที่เจนก้าวเท้าหนีนั้นเป็นผลมาจากการฝึกความเร็วในการตอบสนองกับหมิงเต๋อซึ่งเจนเองก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะทำได้ นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอฝึกในเกมจะสามารถนำมาใช้นอกเกมได้จริง ๆ



    ในระหว่างที่เจนกำลังทึ่งกับความสามารถของเธอที่เพิ่มขึ้นมาเพียงคืนเดียว ศักดิ์ดาก็เข้าไปคุยกับจริยาซึ่งกำลังเตรียมพร้อมที่จะออกกำลังกาย



    "รู้สึกเหมือนว่าเจนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะครับเนี่ย ถ้าเทียบกับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วล่ะก็เธอยังตามความเร็วของผมยังไม่ทันเลย"



    'หือ'



    "แหม ไม่หรอกค่ะ เจนก็ยังเป็นลูกสาวของฉันเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ สงสัยเป็นเพราะทำกายภาพบำบัดในโรงพยายามนั่นแหละค่ะ" จริยาพูดออกมาน้ำเสียงระรื่น



    "แม่!" เจนพูดเสียงดังพยายามจะกลบเสียงของจริยา แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ หันมาสนใจสิ่งที่แม่ของเธอพึ่งบอกไปมากขึ้น



    "เจนเป็นเด็กผู้หญิงหรอกหรอ แต่เห็นเมื่อก่อนบอกว่าเป็นเด็กผู้ชายอยู่เลยนี่นา"



    "ไม่รู้สิคุณ อยู่กันมาตั้งหลายปีก็ไม่เคยถามคุณจริยาเรื่องนี้เลย เห็นหน้าตาสวยน่ารักตั้งแต่ฉันก็นึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงมาตั้งนานแล้วนะ" แม่บ้านสองคนหันไปคุยกัน เป็นการเริ่มจุดฉนวนประเด็นร้อยที่ทำให้ไม่ว่าใครต่อใครจับจ้องมาที่เจนเป็นสายตาเดียว



    โดยเฉพาะศักดิ์ดาที่ควรจะรู้สึกแปลกใจมากที่สุดเพราะเขาเป็นคนฝึกไทเก๊กให้แก่เจนมานานต่อจากปู่ของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าสายตาที่ใช้มองคนของเขสจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่

    "เอ๋ พวกคุณแม่พูดอะไรกันครับเนี่ย เจนก็เป็นเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือครับ พูดกันแบบนี้เดี๋ยวเจนเขาก็เสียความมั่นใจในความเป็นหญิงหมดสิครับ" ศักดิ์ดาพูดเสียงดังและคิดว่าตัวเองกำลังช่วยให้เจนไม่ต้องรู้สึกอาย แต่คำพูดของเขานั่นแหละที่ทำให้เด็กสาวแทบอยากจะเอาหน้าลงไปมุดดินให้รู้แล้วรู้รอดไป



    กลายเป็นว่าอาจารย์ศักดิ์ผู้ที่ใช้เวลาอยู่กับเจนมากพอสมควร กลับเข้าใจว่าเจนเป็นผู้หญิงตั้งแต่ ไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกอายหรือเศร้ากับศักดิ์ดาดี





    หลังจากผ่านวิกฤตซึ่งผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล เจนก็กลับมาที่บ้านและจัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จสิ้นแล้วจึงลงมาเปิดโทรทัศน์ตามปกติ ส่วนจริยานั้นก็ออกไปทำงานหลังจากหยุดดูแลเจนไปสัปดาห์หนึ่ง



    เจนเปิดดูรายการไปเรื่อย ๆ ผ่านไปเห็นข่าวการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศตะกันออกกลาง ในตลอดหลายร้อยปีที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดนี้ สงครามก็ยังคงเกิดขึ้นกับในโลกส่วนที่ยังไม่มีความเจริญเข้าไปถึงราวกับว่ามันเป็นของที่คู่กัน ความขัดแย้งต่าง ๆ นานาไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อและผลประโยชน์ยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากมาตลอด ถึงแม้เจนจะไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ แม้ในยุคที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่ก็มีบางจุดของโลกที่ยังไม่มีไฟฟ้าเข้าไปถึงอยู่ด้วย



    เจนปิดโทรทัศน์ลงแล้วเธอจึงเปิดดูกระดานข่าวสารของเกมผ่านเฮดก็อกเกิ่ล แล้วจากนั้นจึงต่อภาพเข้ากับโทรทัศน์ด้านหน้าของเธอ ถึงเทคโนโลยีจะไปไกลเพียงไหน แต่สำหรับเจนแล้วดูหน้าจอใหญ่ ๆ แบบโทรทัศน์ยังดีกว่าจอแสงเล็ก ๆ ด้านหน้ามากนัก



    กระดานข่าวเกมดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์นั้นมีขนาดใหญ่มาก โดยเป็นศูนย์ข่าวร่วมจากผู้เล่นทั่วโลกตั้งแต่เรื่องภารกิจต่าง ๆ จนไปถึงข้อมูลของมอนสเตอร์หรืออาวุธ แม้กระทั่งเทคนิคการเอาตัวรอดหรือการเล่นในแต่ละอาชีพ แต่เนื่องจากเกมนี้มีอาชีพให้เลือกนับไม่ถ้วน จึงมีข้อมูลของอาชีพที่มีคนนิยมเล่นกันเท่านั้น



    อีกส่วนหนึ่งคือส่วนข้อมูลเบื้องต้นในเกมที่เจนอ่านมาบ้างแล้ว เจนเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงหรืออสูรติดตามเพื่อที่จะนำไปปรับใช้กับคิทซึเนะ จิ้งจอกน้อยของเธอ



    ระบบสัตว์เลี้ยงของเกมนี้ไม่ต่างจากเกมอื่นๆคือการที่จะได้มาต้องกำราบมอนสเตอร์หรือทำให้ยอมรับได้ โดยมอนสเตอร์ตัวนั้นจะเชื่อฟังขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ผู้เล่นมีให้โดยไม่เกี่ยวกับระดับ และความสัมพันธ์นี้ไม่มีระบุเป็นตัวเลข ดังนั้นถ้าหากผู้เล่นทำตัวไม่ดีต่อสัตว์เลี้ยงก็อาจจะทำให้สัตว์เลี้ยงหนีไปได้



    ผู้เล่นสามารถนำสัตว์เลี้ยงช่วยต่อสู้ได้ แต่มีข้อควรระวังคือถ้าหากสัตว์เลี้ยงตาย จะไม่สามารถคืนชีพได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าหากผู้เล่นตาย สัตว์เลี้ยงจะเป็นอิสระ สามารถหนีหายไปได้หรือจะตามผู้เล่นกลับมาที่เมืองก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากผู้เล่นมีอุปกรณ์เก็บสัตว์เลี้ยงเช่นแหวน สร้อยคอ หรืออะไรก็ตามที่มีความสามารถเก็บสัตว์เลี้ยงได้ เมื่อผู้เล่นตาย สัตว์เลี้ยงก็จะถูกเก็บเข้าไปในอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ



    การเพิ่มระดับของสัตว์เลี้ยงนั้นเหมือนกับผู้เล่นทุกประการ รวมถึงการเพิ่มยศด้วยโดยเมื่อมอนสเตอร์คู่หูได้รับการเพิ่มระดับ ในบางครั้งจะเปลี่ยนรูปร่างภายนอกเพื่อให้เหมาะสมกับการต่อสู้ในระดับที่รุนแรงยิ่งขึ้นไป หากผู้เล่นที่ต้องการเสียงเพื่อความสวยงามก็มักจะไม่ปรับเพื่อแบ่งค่าระสบการให้หรือไม่ก็เก็บระดับให้สูงแต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนยศ



    หลังจากศึกษาอย่างถี่ถ้วนแล้วเจนจึงกลับไปเปิดหน้ากระดานข่าวสารของเกาะไทริส ก่อนที่เธอจะเข้าไปเจนก็สังเกตเห็นว่าในแต่ละประเทศที่เล่นเกมนี้ต่างมีเกาะเริ่มต้นของประเทศตัวเอง แต่หลังจากเข้าสู่ทวีปหลักแล้วผู้เล่นจะรวมกันเป็นทวีปเดียวกันในแต่ละโซนที่ผู้เล่นอาศัยอยู่ในโลกจริง อย่างเช่นเจนอยู่ในประเทศไทย เกาะเริ่มต้นคือไทริส เมื่อเธอเข้าทวีปหลัก ทวีปที่เธอจะได้ไปคือทวีปอัลเทเชียนั่นเอง



    เจนเปิดดูข้อมูลเกาะไทริสและพื้นที่เก็บระดับทั่วทั้งเกาะแล้วเริ่มวางแผนที่จะไปเก็บระดับเนื่องจากเธอทำภารกิจเสร็จทั้งเมืองแล้ว โดยจะตั้งเป้าหมายว่าจะเก็บระดับให้ถึง 50 ก่อนที่จะล็อกอินครั้งต่อไปให้ได้เลย



    ตกเย็นหลังจากเจนและจริยาทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว เจนก็ขึ้นไปบนห้องกันทีและติดต่อไปหาพวกโจก็พบว่าทั้งสองคนนั้นเข้าไปในเกมก่อนแล้ว นะบอกให้เจนเก็บระดับไปคนเดียวเลย ไว้เสร็จธุระแล้วจะติดต่อไปหา เจนไม่รู้ว่าทั้งสองทำภารกิจหรือมีอะไร แต่ในมือไม่เกี่ยวกับเธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก เจนล้มนอนลงบนเตียงแล้วจึงหลับตาลงช้าๆแล้วเอ่ยปากก่อนจะหลับไป



    "เชื่อมต่อ ดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์"





    เจนลืมตาขึ้นมาในห้องที่โรงแรมโดยมีคิทซึเนะนอนอยู่ข้าง ๆ เธอ เจนค่อย ๆ ลุกขึ้นพยายามไม่ให้จิ้งจอกน้อยตื่นแต่ดูท่าจะสัมผัสไวซะจริง ๆ เพียงแค่เจนขยับเพียงเล็กน้อย คิทซึเนะก็หันมามองหน้าพร้อมกระดิกหางด้วยความดีใจ



    หลังจากเช็คเอาท์ออกมาจากโรงแรมเจนก็มุ่งตรงไปยังร้านขายอาหารและจัดการซื้อเสบียงมาให้พร้อม เธอยังไม่ลืมไปซื้อเต็นท์เอาไว้สำหรับนอนกลางป่าด้วย ประสบการณ์นอนกลางป่าเธอมั่นใจได้เลยว่ามันคงไม่ได้สะดวกสบายเช่นเดียวกับนอนบนต้นไม้และเจนก็ไม่คิดจะพบเจอประสบการณ์แบบนั้นอีกแล้ว



    เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วเจนก็นำแผนที่ออกมาเปิดดู ในเวลานี้โจและแจ็คยังอยู่ในป่าจุดเดิมตั้งแต่ก่อนล็อกเอาท์ออกไป เจนจึงไม่คิดจะไปรบกวนและหาจุดมั่งหมายอื่น เธอเลือกจะตรงไปที่ภูเขาทางเหนือของเกาะเพราะนอกจากจะมีคนไปเก็บระดับน้อยเนื่องจากความยากลำบากในการปีนเขาแล้วมอนสเตอร์บนนั้นก็มีระดับสูงทั้งนั้น ซึ่งมอนสเตอร์ทั่ว ๆ ไปยังมีระดับสูงถึง 30 เลยทีเดียว



    "ตอนนี้พวกโจก็คงกำลังเพิ่มระดับของตัวเองอยู่ ฝีมือของพวกนั้นไม่ธรรมดาซะด้วย ถ้าขืนมัวชักช้ามีหวังตามไม่ทันแน่ ๆ คิทซึเนะ มาพยายามด้วยกันเถอะนะ" เจนพูดกับตัวเองแล้วหันไปพูดกับจิ้งจอกน้อย คิทซึเนะเห่ารับแล้วทั้งคู่ก็เริ่มออกเดินทางขึ้นเขาไป



    หลังจากที่เจนออกเดินทางไปพักหนึ่ง โจและแจ็คพร้อมทั้งคนมากมายเกือบร้อยกว่าคนได้ปรากฏตัวขึ้นที่กลางเมืองไทริสซึ่งทุกคนนั้นมีสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าตายมายกก๊ก



    "เอาล่ะทุกคนฟังทางนี้ ขอให้ทุกคนเอาของไปขาย จากนั้นเอาเงินไปฝากธนาคารพร้อมทั้งอาวุธและเครื่องป้องกันทั้งหมดแล้วกลับมาใช้ของเริ่มต้นแทน ถ้าพวกเราจะจัดการพวกมันได้ มันจะต้องเป็นเพราะความสามัคคีของพวกเรา ไม่ใช้อาวุธที่ทรงพลัง มาแสดงให้เห็นกันเลยว่าระหว่างมนุษย์กับมอนสเตอร์ ใครมันจะแน่กว่ากัน!!" โจตะโกนเสียงดัง เหล่าผู้คนมากมายต่างโห่ร้องตะโกนตอบเสียงอย่างห้าวหาญ เด็กหนุ่มคนนี้ไปทำอะไรมากันแน่นะ?





    เจนเดินทางขึ้นมายังบนเขา ระหว่างทางเธอก็พบกับมอนสเตอร์อย่างพวกกวางภูเขาหรือหมาป่าภูเขาเข้ามาให้เธอฝึกฝีมือดาบอยู่เรื่อย ๆ แต่เพราะดาบมีพลังโจมตีสูงมากจึงทำให้เจนสามารุจัดการพวกมันได้ในดาบเดียว ทักษะดาบจึงไม่กระดิกและค่าประสบการณ์ก็ได้น้อยมาก เพียงแค่ตัวละ 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นทั้ง ๆ ที่มอนสเตอร์พวกนี้มีระดับมากกว่าเธอตั้ง 10 เลเวล ควรจะได้ค่าประสบการณ์มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป



    นั่นก็เป็นเพราะค่าประสบการณ์ครึ่งหนึ่งของเจนที่แบ่งไปให้คิทซึเนะครึ่งหนึ่งนั่นเอง แต่เจนไม่ได้สนใจนักเพราะด้วยพลังโจมตีของดาบคุซานางิและเจนพอจะสู้ได้อย่างไม่ต้องออกแรงมานัก เธอจึงไล่จัดการเก็บเรียบตั้งแต่หมาป่าภูเขาจนไปถึงผีเสื้อยักษ์เลยทีเดียว



    เจนและคิทซึเนะมุ่งหน้าขึ้นเขาไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับจัดการมอนสเตอร์ไปด้วย โดยคิทซึเนะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคอยจัดการมอนสเตอร์ที่หลุดรอดจากการโจมตีของเจนและคอยคาบของที่ตกมาให้เจน จึงทำให้วันนี้เธอมีสัมภาระเต็มกระเป๋าเลยทีเดียว



    เมื่อพ้นตีนเขามาก็เจอกับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เจนมองเห็นวัวกำลังกินหญ้าอยู่ฝูงหนึ่ง มันมีหนังสีน้ำตาลและมีเขาอันแหลมคมชี้ไปด้านหน้า เจนใช้ทักษะตรวจสอบจากระยะปลอดภัยเพื่อดูว่านั่นคือตัวอะไร



    วัวกระทิงภูเขา

    ชั้นทหาร ระดับ 40

    เป็นวัวกระทิงที่อาศัยอยู่ในแถบหุบเขา มีนิสัยไม่ดุร้ายแต่จะตื่นตัวเมื่อมีภัยเข้ามาใกล้ มักอยู่รวมกันเป็นฝูงโดยหนึ่งฝูงมักจะมีจ่าฝูงอย่างน้อยหนึ่งตัวเสมอ มีพลังโจมตีและพลังป้องกันสูง แพ้การโจมตีธาตุไฟ ทนทานต่อการโจมตีธาตุดิน



    เป็นมอนสเตอร์ในแบบที่เจนกำลังต้องการเลยทีเดียว ตอนนี้เธอมีระดับอยู่ที่ 32 แล้ว ส่วนทักษะการใช้ดาบขั้นต้นก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 25 จากการสู้พวกมอนสเตอร์มาก่อนหน้านี้ และถึงแม้ค่าสถานะพื้นฐานจะไม่ได้เพิ่มแต่พลังชีวิตกับพลังเวทมนตร์นั้นพุ่งสูงขึ้นมากทำให้เจนมั่นใจว่าถ้าหากพลาดพลั้ง ตอนนี้เธอก็คงพอจะใช้ทักษะที่มีเอาตัวรอดได้แน่นอน



    "เอาล่ะ ขอลองทักษะนี้ดูหน่อยก็แล้วกัน มีพลังเวทเพิ่มขึ้นมาแบบนี้คงพอใช้ได้ซักสามสี่ครั้งล่ะนะ" พูดจบเจนก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาฝูงวัวกระทิงภูเขา เธอหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้นและเล็งไปยังตัวที่กำลังกินหญ้าห่างออกมาจากฝูง



    เธอเขวี้ยงก้อนหินโดนหัวของกระทิงตัวนั้นอย่างแม่นยำ เจ้ากระทิงภูเขาหันมามองผู้ที่ลอบโจมตีมันและตะกุยเท้าเข้าใส่ทันที เสียงฝีเท้าดังเป็นจังหวะพร้อมทั้งท่าทางดุดันของกระทิงภูเขาทำให้เจนเริ่มหวั่นใจนิด ๆ



    เมื่อเข้ามาใกล้เจนก็กระโดดหลบเขาที่มันขวิดใส่ได้อย่างเฉียดฉิว ในระหว่างที่กระทิงภูเขากำลังพยายามหยุดและหันกลับมาหาเจน เธอก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ให้หลุดลอยไป เจนตวัดดาบใส่ขาหลังทั้งสองข้างจนเจ้ากระทิงล้มตัวลงนั่ง แต่มันก็มีพลังในการฟื้นฟูอันน่าเหลือเชื่อเพราะมันลุกขึ้นยืนในแทบจะทันที



    เห็นดังนั้นเจนก็จึงรีบฟาดดาบใส่ลำตัว พยายามสร้างความเสียหายให้มากที่สุด แต่ก็ต้องรีบกระโดดหลบออกไปเมื่อกระทิงภูเขาหันมาใช้เขาของมันขวิดใส่จนไม่สามารถโจมตีต่อได้



    สายตาของทั้งคู่กำลังดูเชิงกันและกัน เจนรู้สึกทึ่งมากเพราะนี่เป็นมอนสเตอร์ตัวแรกที่ตั้งแต่ที่เธอใช้ดาบคุซานางิมาและไม่ตายในการลงดาบเพียงครั้งเดียว ซึ่งเธอโจมตีมันเกือบสิบครั้งแล้วแต่ดูท่าทางเจ้ากระทิงยังแข็งแรงดีอยู่เลย



    เลือดจากปากแผลบนลำตัวและขาหลังหยุดไหลแล้ว แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของมอนสเตอร์ระดับ 40 ที่มอนสเตอร์ระดับต่ำลงมาเทียบไม่ได้ ทั้งพลังการฟื้นตัวและพลังโจมตีมหาศาลจนไม่อาจประมาทได้



    'มาเจอกระดูกแข็งเข้าแล้วแฮะ ค่อยดีหน่อย แบบนี้สิถึงน่าสนุก' เด็กสาวคิดในใจแล้วพุ่งตัวเข้าใส่ก่อนที่กระทิงภูเขาจะฟื้นตัวได้มากกว่านี้ เจนฟาดดาบใส่แต่มันกลับใช้เขารับเอาไว้ได้อย่างน่าทึ่ง เมื่อเห็นว่าการโจมตีไม่เป็นผลเธอก็กระโดดไปด้านข้างเพื่อเข้าโจมตีจากจุดบอด แต่กระทิงภูเขาก็ไม่ได้โง่ ทันทีที่เจนกระโดดไปที่ข้างตัวของมัน เจ้ากระทิงก็กระโดดหันท้ายให้และใช้เท้าหลังดีดใส่เต็มแรง



    เด็กสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกดีดใส่กระเด็นลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น พลังชีวิตของเธอลดไปเกือบ 500 แถมทั้งเจ็บทั้งจุกจนแทบลุกขึ้นมาไม่ได้ แต่พอเห็นเจ้ากระทิงวิ่งตะกุยเท้าเข้าใส่เธออีกรอบ เจนจำต้องฝืนกลั้นกลืนความเจ็บปวดเอาไว้และกลิ้งตัวหลบออกไปด้านข้าง



    ลมพัดมาจากแรงกระแทกมหาศาลของกระทิงภูเขาที่เจนหลบได้อย่างฉิวเฉียด เจนรีบลุกขึ้นแล้วรีบตามไปจัดการเจ้ากระทิงที่ต้องตั้งหลักใหม่อีกครั้ง เธอพุ่งตัวและฟาดใส่ขาหลังของมันเป็นรอบที่สอง ทว่ารอบนี้ร่างของเธอเปล่งแสงขึ้นเป็นผลมาจากทักษะเสริมพลังกายที่ถูกใช้



    เพียงดาบเดียวขาหลังทั้งสองข้างก็ถูกตัดขาดออกจากร่าง เลือดสีแดงไหลรินออกจากร่างใหญ่โตอย่างไม่อาจจะห้ามได้ เจ้ากระทิงล้มแต่ก็พยายามจะหันหน้ามาสู้พร้อมทั้งส่งเสียงร้องให้ฝูงของตนมาช่วย



    เจนไม่ปล่อยให้เจ้ากระทิงได้ทำอะไรต่อ เธอปรากฏตัวที่ด้านหน้าของกระทิงภูเขาด้วยความเร็วจนแทบมองไม่ทันพร้อมทั้งใช้ดาบตวัดตัดหัวของกระทิงภูเขาให้ขาดออกแล้วจึงกลายเป็นแสงไปอย่างรวดเร็ว



    คุณจัดการวัวกระทิงภูเขา ชั้นทหาร ระดับ 40 เป็นจำนวน 1 ตัว

    ระดับของคุณเพิ่มจาก 32 เป็น 33

    ทักษะ การใช้ดาบขั้นต้น เพิ่มจาก ระดับ 25 เป็น 28



    เจนนั่งพับลงไปบนพื้นด้วยความเหนื่อยหอบ แต่เธอก็รู้สึกดีที่จัดการกระทิงภูเขาไปได้อย่างสูสี เพราะที่ผ่านมาการจัดการมอนสเตอร์ทั้งหลายได้อย่างง่ายดายเกินไปมันทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสนุกเลยกับการเดินทางครั้งนี้ ถึงเจนไม่ได้เป็นคนที่เลือดร้อนบ้าคลั่งหรือชื่นชอบการต่อสู้ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นพวกที่ชอบความสบายขนาดจนต้องใช้อาวุธที่เกือบจะเรียกได้ว่าโกงเกมเลย



    ทั้งเจน โจและแจ็คต่างต้องการเล่นเกมนี้อย่างเสมอภาคกับผู้เล่นคนอื่น ๆ เพื่อลิ้มรสชาติความสนุกของเกม ดังนั้นการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อได้ของหรือความสามารถเหนือกว่าคนอื่นจึงเป็นสิ่งที่ทั้งสามคนสัญญาต่อกันว่าจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด แต่สิ่งที่ได้มาหลังจากเข้าเกมแล้วอย่างเช่นทักษะระดับ S ที่เจนและโจได้มานั้นถือว่าได้มาอย่างแฟร์ ๆ เพราะทั้งคู่ต่างจ่ายไปด้วยความพยายามเพื่อที่จะได้มันมา ทว่าเมื่อเจนมาดูดาบคุซานางิที่อยู่ในมือเธอนั้นมันกลับเป็นอีกเรื่อง



    ดาบระดับสูงที่จัดการมอนสเตอร์ได้โดยจากวาดดาบเพียงครั้งเดียวดูท่าจะเกินไปหน่อยสำหรับเจน ตอนแรกเธอคิดว่าจะนำดาบเล่มนี้ไปฝากธนาคารเอาไว้และกลับไปใช้ดาบธรรมดาเหมือนเดิม แต่หลังจากที่พบกระทิงภูเขาแล้วความคิดของเธอก็เปลี่ยนไป พลังของดาบไม่ใช่สิ่งที่จะตัดสินผลการต่อสู้ แต่เป็นคนที่สู้ต่างหากที่จะชี้ชะตานั้น



    เจนลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวที่จะไปจัดการกับกระทิงภูเขาตัวต่อไป แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมามองหาเหยื่อก็พบว่าในเวลานี้เธอต่างหากที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อซะเอง ดูท่าเสียงร้องของกระทิงภูเขาก่อนที่จะตายได้เรียกกระทิงทั้งฝูงให้เข้ามาหา แถมยังมีกระทิงตัวใหญ่ที่เจนอดจะใช้ทักษะตรวจสอบกับมันไม่ได้เพราะทั้งขนาดตัวและเขาของมันใหญ่กว่ากระทิงภูเขาตัวอื่น ๆ กว่ามากเลยทีเดียว



    จ่าฝูงวัวกระทิงภูเขา

    ชั้นทหาร ระดับ 45

    วัวกระทิงภูเขาที่มีหน้าที่คอยควบคุมฝูงทั้งฝูง จึงทำให้มันมีร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแกร่งกว่ากระทิงภูเขาทั่วไป



    ฮูมมมม!!



    เสียงร้องคำรามของจ่าฝูงเรียกสติของเจนให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ร่างกายไปไวกว่าความคิด เจนตั้งท่าดาบขึ้นอีกครั้งแล้วตวัดไปด้านหน้าอย่างรุนแรงพร้อมกับมีคลื่นดาบสีขาวพุ่งเข้าใส่จ่าฝูงกระทิงภูเขาที่กำลังพุ่งเข้าใส่



    ผ่ามิติ!!



    ทักษะแรกของดาบคุซานางิถูกใช้ไปอย่างไม่รู้ตัว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเจนไม่ได้ตั้งใจใช้หรือมันจะถูกลดความสามารถลงไปหรือไม่ เมื่อคลื่นพลังดาบพุ่งเข้าปะทะจ่าฝูงกระทิงภูเขา มันหยุดชะงักลงแต่กลับไร้บาดแผลภายนอกโดยสิ้นเชิง เธอรีบเก็บดาบลงฝักและเริ่มโกยอ้าวอย่างรวดเร็วเพราะเพียงแค่หัวหน้าฝูงตัวเดียวเธอก็ไม่รู้ว่าจะรับมือได้ยังไงแล้ว แต่คราวนี้มันมาพร้อมกันทั้งฝูง ถ้าหากไม่รีบหนีล่ะก็เธอคงไม่เหลือชีวิตรอดไปจนถึงวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน



    'นึกว่าทักษะเมื่อกี้แรงแล้วนะ แต่ไหงกลับทำอะไรมันไม่ได้ล่ะเนี่ย ตายแน่ ๆ งานนี้' เด็กสาวคิดในใจพร้อมกับมองหาทางหนีจากสถานการณ์นี้ แต่ที่ ๆ เธออยู่เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เหมาะสำหรับพวกกระทิงภูเขาวิ่งเล่นเป็นอย่างมาก แต่ไม่เพราะสำหรับในการซ่อนตัวเลยซักนิดเดียว



    ในขณะที่สถานการณ์กำลังเลวร้ายลง คิทซึเนะก็กระโดดออกมาจากอกเสื้อของเจนทำให้เด็กสาวต้องหยุดวิ่งเพราะเป็นห่วงเจ้าจิ้งจอกน้อย



    "คิทซึเนะ กลับมานะ!" เจนร้องตะโกน แต่ทว่าคิทซึเนะกลับทำบางสิ่งที่เหลือเชื่อมากที่เจนไม่เคยคิดมาก่อน



    คิทซึเนะที่กำลังหันหน้าเผชิญกับจ่าฝูงกระทิงภูเขาซึ่งมีระดับห่างชั้นกันมากซึ่งระดับของคิทซึเนะในตอนนี้คือ 28 แต่ก็ไม่อาจสร้างความแตกต่างได้เลยแม้แต่น้อย ทว่าดวงตาสีเหลืองกลับดูมั่นใจมาก ทันใดนั้นเองคิทซึเนะก็พ่นเพลิงสีน้ำเงินออกมาจากปากเป็นวงกว้าง เปลวเพลิงติดกับใบหญ้าที่มีอยู่เต็มไปหมดและลุกลามจนขว้างกั้นระหว่างพวกเจนกับฝูงกระทิงภูเขา



    เหล่าฝูงกระทิงที่วิ่งตะบันมาก็ตกใจกับไฟขนาดใหญ่จนต้องรีบหยุดและหนีหายกระจัดกระจายไปไม่เป็นทางรวมถึงตัวจ่าฝูงด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าเปลวเพลิงของคิทซึเนะจะไม่สามารถทำอันตรายกับพวกกระทิงภูเขาได้ แต่ถ้าหากใช้ให้ถูกสถานการณ์ เพียงแค่อาวุธที่แย่ที่สุดก็สามารถกลายเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้



    "เก่งมากเจ้าตัวน้อย ฉันว่าตอนนี้พวกเราก็หายกันแล้วนะ" เด็กสาวหันไปพูดกับคิทซึเนะและลูบหัวเบาๆอย่างชื่นชม จากนั้นทั้งหนึ่งคนและหนึ่งตัวก็พากันออกไปจากทุ่งหญ้าแห่งนี้โดยไม่หันกลับมามองสิ่งที่ทั้งคู่ได้ทำลงไปเลยแม้แต่น้อย



    ไฟจากเพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะนั้นเดิมทีเป็นของมาเอะแต่เพียงผู้เดียวที่สามารถใช้ได้ แต่เนื่องจากคิทซึเนะเป็นผู้สืบทอดสายเลือดมาโดยตรงทำให้ตัวคิทซึเนะเองก็สามารถใช้ทักษะนี้ได้เช่นกัน ความจริงพลังของมันสามารถกวาดล้างฝูงกระทิงได้ในคราเดียวด้วยด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากคิทซึเนะก็ยังคงเป็นแค่ลูกจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ทำให้พลังของเปลวเพลิงลดถูกลดลงอย่างมากแต่ก็ถือว่ารุนแรงอยู่สำหรับมอนสเตอร์ระดับ 28 อย่างคิทซึเนะ



    ไฟลุกลามจนไม่อาจควบคุมได้ เปลวเพลิงเผาไหม้ทุ่งหญ้าที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีไปเรื่อย ๆ จนฝูงกระทิงหลายฝูงต่างวิ่งหนีตายกันอลหม่าน ในที่สุดไฟก็บีบให้ฝูงกระทิงภูเขาต้องละจากถิ่นฐานของมันที่อาศัยมานานลงมาจากภูเขา เหล่าจ่าฝูงทั้งหลายที่ไม่ค่อยได้มาเจอกันบ่อยนักต่างมาปรึกษากันว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น สุดท้ายก็สรุปได้ว่าเป็นฝีมือมนุษย์ที่มาทำลายบ้านของพวกมัน เมื่อเห็นดังนั้นทุกฝูงก็ต่างพร้อมใจกันเดินทางลงเขาและมุ่งสู่เมืองมนุษย์ด้วยสาเหตุเดียว



    แค้นนี้ต้องชำระ!!



    ทว่าหัวหน้าฝูงตัวหนึ่งกลับติดต่างออกไป มันต้องการที่จะกลับไปตามคนที่จัดการลูกฝูงของมัน แต่เนื่องจากมันเป็นเพียงเสียงส่วนน้อยและมันเพิ่งได้ขึ้นมาแทนจ่าฝูงตัวเก่าได้ไม่นานนัก จึงทำให้จ่าฝูงตัวอื่นๆไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมันมากนักและพากันมุ่งหน้าลงไปยังเมืองไทริสโดยไม่สนใจต่อเสียงร้องของมันเลยแม้แต่น้อย



    กระทิงภูเขาแม้จะอาศัยแยกกันเป็นฝูงไปอยู่ทั่วทุ่งบนภูเขาแห่งนี้ แต่ทุก ๆ ฝูงต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกันจนเป็นหนึ่งสังคมใหญ่ จ่าฝูงแต่ละฝูงจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มคล้ายกับสภาเพื่อที่จะคอยดูแลลูกฝูงตัวอื่น ๆ เมื่อมีจ่าฝูงตัวไหนตาย ก็จะเป็นหน้าที่ของจ่าฝูงตัวอื่น ๆ ที่จะเลือกจ่าฝูงตัวใหม่จากฝูงนั้นเอง แต่กระทิงหนุ่มที่ถูกเลือกนี้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากจ่าฝูงตัวอื่น ๆ ก็เพราะว่ามันเป็นคนฆ่าจ่าฝูงของมันเอง แต่ครั้งจะเลือกให้ตัวอื่นมาเป็นแทนก็ไม่มีตัวใดที่เหมาะไปกว่ากระทิงหนุ่มตัวนี้อีกแล้ว



    จ่าฝูงหนุ่มที่รับคลื่นพลังผ่ามิติของเจนเข้าไปได้แต่ยืนมองฝูงของมันจากไปและตัวมันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เวลานี้สิ่งที่มันต้องการจากเจนไม่ใช้การล้างแค้นแต่เป็นการต่อสู้กับเด็กสาวมากกว่า แม้ว่าตัวมันจะมีอายุค่อนข้างน้อยในการที่จะเป็นจ่าฝูง แต่ตัวมันแข็งแกร่งมากในบรรดาจ่าฝูงกระทิงภูเขาด้วยกัน ตลอดเวลาที่มันดำรงตำแหน่ง มันไม่ได้ความช่วยเหลือจากฝูงอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย และจุดที่มันอยู่ก็เป็นจุดที่มีอาหารอยู่น้อยที่สุดในทุ่งจึงทำให้มันไม่ค่อยรู้สึกผิดนักที่ไม่ตามฝูงของมันที่จะเลือกรวมฝูงกับฝูงอื่นแทนที่จะตามผู้นำอย่างตัวมันเอง



    ในตอนนี้มันมีจุดมุ่งหมายใหม่แล้ว ครั้งเมื่อตัวมันเป็นจ่าฝูงก็คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดแล้ว แต่พอมาเจอกันเจนที่มีพลังที่สามารถหยุดการพุ่งชนของมันได้ มันมีความมั่นใจกับพละกำลังของมันมากแต่กลับถูกหยุดด้วยการวาดดาบเพียงครั้งเดียว มันจึงตั้งใจมั่นว่าจะตามหาเด็กสาวคนนั้นและต่อสู้ให้รู้ผลแพ้ชนะให้จงได้



    มันหันกลับไปหาทะเลเพลิงที่อยู่ด้านหลังก่อนจะตะกุยเท้าอย่างรุนแรงและพุ่งเข้าใส่ไฟที่กำลังลุกโหมอย่างรุนแรงโดยไร้ซึ่งความกลัวและความลังเล โดยไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตของมัน





    จบตอนที่ 9 ทะเลเพลิง

    -------------------------------




  22. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  23. #14
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 10 ปะทะบอส

    ตอนที่ 10 ปะทะบอส



    เวลาเที่ยงวัน ณ เมืองไทริสซึ่งมีแต่ปกติสุข ชาวเมืองและเหล่าผู้เล่นต่างดำเนินชีวิตตามปกติแต่หารู้ไม่ว่าปกติสุขนั้นกำลังหายไปเร็วกว่าที่ใคร ๆ คิดเอาไว้มากนัก



    ควันไฟโพยพุ่งมาจากภูเขาทางทิศเหนือของเกาะ มันมีขนาดใหญ่มากจนเห็นได้อย่างเด่นชัด เศษขี้เถ้าจำนวนมากปลิวลงมาในเมืองราวกับเม็ดฝนที่ไร้ชีวิตปกคลุมเมืองจนมีบรรยากาศขาวโพลนไปทั่วบริเวณ



    ในขณะที่ผู้เล่นต่างคิดว่ามีกิจกรรมขึ้นและต่างก็ติดต่อคนรู้จักซึ่งไปเก็บระดับให้กลับมาที่เมือง ก็มีชายชราคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาที่ลานกลางเมืองพร้อมตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ในที่สุดผู้เล่นสาวคนหนึ่งก็เข้าไปหาชายชราเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น



    "คุณปู่ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะ ค่อยๆเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น" ชายชราไม่ตอบแต่เงยหน้าขึ้นฟ้าและตะโกนเสียงดัง



    "อาเพศ!! ลางร้าย!! วันมหาวิปโยค!! นี่คือสัญญาณว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ทุก ๆ คนหลบไปอยู่ในบ้าน ห้ามออกมาเด็ดขาด!!" ชายชราว่าแล้วรีบปัดมือของผู้เล่นสาวทิ้งไปและรีบวิ่งเข้าบ้านของตนไปอย่างรวดเร็ว ชามเมืองคนอื่น ๆ รวมถึงทหารยามต่างก็ร้องตะโกนด้วยความตื่นกลัวและวิ่งเข้าที่พักที่ใกล้ที่สุดท่ามกลางความสับสนของเหล่าผู้เล่น



    เพียงในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง ทั้งเมืองก็ไม่มีชาวบ้านหรือทหารคนไหนออกมานอกเมืองเลยแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งร้านค้าทั้งหลายต่างก็ปิดลงทั้ง ๆ ที่ฟ้ายังสว่างอยู่ เหล่าผู้เล่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็รีบเร่งให้คนรู้จักรีบกลับมาที่เมืองโดยด่วนเพราะคิดว่าคงเป็นกิจกรรมอะไรซักอย่าง



    ทันใดนั้นเองที่ใจกลางเมืองก็มีกลุ่มแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เมื่อแสงหายไปกลายเป็นโจและแจ็คกับกลุ่มผู้เล่นหลายสิบคนกำลังยืนหน้าเครียดอยู่เนื่องจากพวกเขาตายมาหลายรอบจนระดับลดลงไปเยอะแล้ว เมื่อพวกเขากลับมาถึงเมืองก็พบว่าถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้าสีขาวไปทั่วทั้งเมืองแบบนี้ความรู้สึกโมโหพลันกลายเป็นความสงสัยทันที



    "เฮ้ยนี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ โจ ชาวเมืองทุกคนหายไปไหนหมด ร้านค้าระบบทั้งหมดก็ปิดหมดเลย" แจ็คบอก ทันทีที่เขามาถึงและพบกับความผิดปกตินี้เขาก็รีบมองหาเอไอที่เป็นชาวเมืองก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อที่จะสืบหาข้อมูลของเหตุการณ์นี้ แต่ก็พบว่าไม่มีเลยแม้แต่ทหารเฝ้ายาม



    ผู้เล่นหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่า หนูส่งข่าว ทันทีที่กลับมาถึงเมืองเขาก็ไปคุยกับเพื่อนที่อยู่ในเมืองและคนอื่น ๆ ทันทีจากนั้นเขาก็กลับมาหาโจเพื่อบอกข่าวสารที่ได้มา



    "ฉันไปคุยกับคนอื่นที่อยู่ในเมืองตอนเกิดเรื่องมาแล้ว เขาเล่ามาว่าตอนเที่ยงวันนี้...ใช่ ตอนที่พวกเราตายนั่นล่ะ เห็นว่าจู่ ๆ ก็มีกลุ่มควันไฟมาจากทางภูเขาแล้วก็ตามมาด้วยขี้เถ้าพวกนี้ จากนั้นก็มีคนแก่ในหมู่บ้านมาโวยวายอะไรก็ไม่รู้ จากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ คนในเมืองทุกคนต่างเอาแต่หลบอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกมาด้วย"



    "เอาล่ะรู้แล้ว นายช่วยตรวจสอบในกระดานข่าวทีว่ามีกิจกรรมอะไรที่เมืองเริ่มต้นอื่นหรือเปล่า ส่วนแจ็ค นายรีบพาคนอื่น ๆ ไปเตรียมพร้อม ฉันว่าท่าทางมันเริ่มไม่ค่อยดีแล้วล่ะ" โจหันไปพูดกับเพื่อนทั้งสองคนแล้วรีบติดต่อไปหาเพื่อนสาวทันทีเมื่อเห็นว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนบนแผนที่



    "เจน นี่โจนะ เธอไปทำอะไรบนภูเขานั่นน่ะ"



    "ทำไมหรือโจ ก็เห็นว่าที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาฉันก็เลยมาเก็บระดับที่นี่ จะได้ฝึกใช้ดาบและทักษะไง" เสียงของเจนตอบกลับมา จากนั้นเสียงของเธอก็ดังเหมือนร้องตกใจและกำลังวิ่งหนีบางสิ่ง "แย่ล่ะ เจ้าพวกเสือพวกนี้มันตามตื้อไม่เลิกซักทีแฮะ โจ! ฉันจะอยู่บนเขานี้ซักสองวันนะแล้วจะรีบลงไป ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ"



    ไม่ทันที่โจจะได้ถามอะไรต่อเจนก็ตัดการติดต่อไป พอเขาจะติดต่อไปอีกครั้งก็ถูกผู้เล่นคนหนึ่งที่เดินทางไปกับพวกโจตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก



    "แย่แล้ว!! ที่ประตูเมืองทางเหนือมีวัวกระทิงมากันเป็นกองทัพเลย ท่าทางกำลังเหมือนกับพวกมันมีเป้ามาที่นี่ด้วย ถ้าหากปล่อยเอาไว้มีหวังเมืองนี้ได้พังทั้งเมืองแน่"



    "ว่าไงนะ! โถ่เอ้ย ยัยเจนนะยัยเจน เธอไปทำอะไรเข้าล่ะเนี่ย" เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วจึงวิ่งตามกลุ่มผู้เล่นไปยังประตูเมืองทางเหนือทันที







    Gm หรือเกมมาสเตอร์ของเกมดิ โอเพ่นเวิลด์ออนไลน์ นั้นทำงานโดยมีหน้าที่ดูแลความสงบในเกม นอกจากดูแลความปลอดภัยภายในเมืองแล้วยังมีหน้าที่เฝ้าระวังด้วย เพราะถ้าหากสิ่งก่อสร้างในเมืองอย่างตึกราบ้านช่องทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตึกของทางระบบหรือบ้านของชาวเมือง เจ้าหน้าที่จะต้องเป็นคนรับผิดชอบซ่อมแซมทั้งหมด



    ในเกมนี้ไม่ได้มีระบบซ่อมแซมที่จะเสกให้สิ่งต่าง ๆ ให้กลับมาเหมือนเดิมในเวลาไม่นานได้ ทุกสิ่งจะต้องถูกสร้างใหม่ด้วยมือเท่านั้น แต่ที่เป็นส่วนดีก็คือในเกมนี้มีเวทมนตร์ที่ช่วยในการเร่งสร้างอาคารต่าง ๆ ได้หรือถ้าหากโชคดีก็สามารถทำให้ตึกทั้งหลักกลับมาดีดังเดิมได้ในพริบตาด้วยเวทมนตร์ระดับสูง หรือบางทีนอกจากเวทมนตร์แล้วยังใช้อย่างอื่นที่มีอยู่แค่ในเกมเช่นมอนสเตอร์มาช่วยสร้างด้วยนั่นเอง



    ดังนั้นเพื่อที่จะจับตามองในแต่ละเมืองได้ ศูนย์ปฏิบัติการของGm จึงอยู่ในเกมด้วยเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในเกมซะทีเดียวเพราะไม่มีทางเข้าใดในเกมจะนำมาสู่ที่นี่ได้ มีเพียงเจ้าหน้าที่GM หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีทักษะเข้ามายังศูนย์ปฏิบัติการของGmได้ ดังนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่จึงสามารถไปที่ไหนก็ได้ในเกมและกลับมาที่ศูนย์โดยการวาปนั่นเพื่อเป็นการทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วนั่นเอง



    ภายในห้องสังเกตการเมืองไทริส เหล่าGm สามชีวิตต่างกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยเพราะพวกเขาเองก็คิดว่ากำลังมีกิจกรรมที่เมืองนี้แต่กลับไม่มีใครแจ้งพวกเขาเลยแม้แต่น้อยทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นคนดูแลเมืองนี้แท้ ๆ



    "อะไรกันเนี่ย ดูสิ ขี้เถ้าตกจนขาวไปหมดเลย แบบนี้มีหวังพวกต้นไม้กับมอนสเตอร์รอบเมืองได้ตายกันหมดแน่" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดอย่างหนักใจ



    "เฮ้ย ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า พวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบแค่ภายในเมือง ถ้าหากเรื่องเกิดนอกเมือง ถ้าไม่เกี่ยวกับผู้เล่นหรือพวกเอไอล่ะก็ ไม่เห็นพวกเราจะต้องไปสนเลย" เจ้าหน้าที่อีกคนบอก พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบแค่ภายในเมือง ส่วนด้านนอกเมืองจะเป็นหน้าที่ของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ถูกเรียกว่า 'แคสซีโอเปีย' ซึ่งชื่อนี้จะถูกจำกัดให้รู้แค่ภายในเท่านั้น ทางนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ไม่เคยมีการเปิดเผยถึงชื่อนี้ต่อสาธารณะชนมาก่อน



    "ใช่ อย่าไปสนเลย ถึงจะดูหนักขนาดนี้นะ เดี๋ยวคอยดูแคสซีโอเปียจัดการ พวกขี้เถ้าพวกนี้ก็จะหายไปหมดไม่เกินวันนี้หรอก พวกเราสิที่ต้องมาจัดการพวกที่อยู่ในเมือง เละขนาดนี้สงสัยคงต้องลงไปจัดการแบบทั้งวันทั้งคืนเลยมั้งเนี่ย" เจ้าหน้าที่คนที่สามบอกพลางหันไปคุยโทรศัพท์ที่เพิ่งเรียกเข้ามา



    "ครับ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ... เอาล่ะ ผมติดต่อไปยังเมืองอื่นๆดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเมืองเริ่มต้นที่ไหนก็ไม่มีกิจกรรมจัดทั้งนั้น แล้วข้างบนก็บอกมาว่าไม่ได้มีกิจกรรมอะไรในตารางที่จัดขึ้นที่เมืองไทริสด้วย"



    "อ้าว ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นฝีมือของแคสซีโอเปียไม่ก็เป็นฝีมือของผู้เล่นน่ะสิ ใครนะที่ทำแบบนี้ลงไปได้" เจ้าหน้าที่คนที่สองพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะเขานึกภาพตัวเองต้องไปตามเช็ดตามล้างในเมืองแล้ว ถึงจะใช้เวทมนตร์ช่วยได้แต่ก็คงใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว ในตอนนั้นเองที่เจ้าหน้าที่คนที่หนึ่งซึ่งกำลังดูภาพของเมืองอยู่ก็ส่งเสียงดังโวยวายขึ้นมา



    "เฮ้ย! เวรแล้วไง พวกกระทิงภูเขามันมาทำไมกันที่เมืองวะเนี่ย" เสียงเรียกเข้าหูเจ้าหน้าที่อีกสองคนจนต้องเบนหน้ามาดูยังภาพบนจอแสงที่เจ้าหน้าที่คนแรกดูอยู่



    "สองร้อย...สามร้อย นี่มันบ้าไปแล้ว กระทิงภูเขากว่าสิบฝูงมารวมตัวกันแบบนี้ ทิศทางที่พวกมันกำลังตรงไปคือไทริสแบบนี้มีหวังเมืองได้พินาศแน่" เจ้าหน้าที่คนสองบอกแล้วรีบหันไปติดต่อเบื่องบนทันที



    "ไอ้เมืองน่ะไม่เท่าไหร่ พวกผู้เล่นกับเอไอในเมืองสิจะแย่" เจ้าหน้าที่คนที่สามพูดและเปิดภาพภายในเมืองให้ขยายใหญ่ขึ้นมา



    ในเวลานี้ในเมืองต่างเกิดความโกลาหลไปทั่ว ผู้เล่นต่างสับสนเพราะการมาของกองทัพกระทิงภูเขาโดยไม่ได้รับการเตือนมาก่อน โดยเฉพาะเหล่าผู้เล่นใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นและที่แย่ยิ่งกว่าคือผู้เล่นใหม่เหล่านี้มีมาเรื่อยๆอีกด้วย แต่ท่ามกลางความโกลาหลนั้นเองที่มีวีรบุรุษปรากฏตัวขึ้นมา ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดผู้เล่นใหม่เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ กำลังตะโกนบอกให้ทุกคนตรงไปยังประตูเมืองทางด้านเหนือเพื่อป้องกันเมือง ในตอนแรกนั้นไม่มีใครทำตามเลยแม้แต่คนเดียว แต่พอเขาตะโกนพูดปลุกขวัญกำลังใจก็สามารถกล่อมให้ทุกๆคนเข้าร่วมสู้ได้ด้วยความสมัครใจ โดยในเวลานี้ผู้เล่นหลายร้อยคนต่างกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเมืองและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ



    "ดูนั่น พวกผู้เล่นกำลังขึ้นไปช่วยปกป้องเมืองแล้ว" เจ้าหน้าที่คนแรกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น



    "หมอนั่นใครกัน คนที่ไว้หนวดคนนั้นน่ะ แค่พูดนิดพูดหน่อยจากผู้เล่นใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกลับมาช่วยสู้เพื่อปกป้องเมืองแบบนี้"



    "จะเป็นใครก็ช่างเถอะ ข้างบนบอกมาว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแคสซิโอเปีย นี่เป็นการกระทำของพวกมอนสเตอร์ส่วนสาเหตุนั้นกำลังสืบหาอยู่ แล้วยังบอกมาด้วยว่าถ้าหากเมืองพังไปล่ะก็ พวกเราจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเลยด้วย" เจ้าหน้าที่คนที่สองบอก



    "สาธุ ขอให้พวกผู้เล่นป้องกันเมืองได้สำเร็จด้วยเถ้ออออ" เสียงสวดอ้อนวอนของเจ้าหน้าที่คนแรกร้องดังลั่นห้องและนั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่เจ้าหน้าที่ทั้งสามคิดตรงกัน เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นล่ะก็บางทีเวลาที่พวกเขาใช้เก็บกวาดเมืองหลังจากนี้สองสัปดาห์ในเกมอาจจะกลายเป็นสองสัปดาห์ในโลกจริง ๆ ก็ได้





    ทางด้านของเจนที่พบเสือโคร่งภูเขาเข้า ในตอนที่โจติดต่อมาเธอกำลังหลบซ่อนตัวจากพวกมันอยู่ แม้ว่ามันมีระดับเดียวกับกระทิงภูเขาก็จริงแต่ด้วยความที่เธออยู่ในถิ่นของพวกมันและมันยังมีจำนวนมากอีกด้วยทำให้เจนจำเป็นต้องหลบซ่อนด้วย และเสือโคร่งภูเขานี้มีความแข็งแกร่งมากจนเจนไม่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ



    ตอนที่โจติดต่อมาทำให้พวกเสือโคร่งได้ยินเสียงและพบเจอเธอบนต้นไม้สูง พวกมันกระโดดตามขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับกำลังวิ่งอยู่บนพื้นดิน เจนที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดการติดต่อกับโจแล้วรีบหนีไปทันที ในระหว่างที่กำลังกระโดดไปมาบนต้นไม้เธอก็ตวัดดาบส่งพลังผ่ามิติเข้าใส่พวกมันแต่ด้วยความเร็วของเสือโคร่งภูเขาทำให้ยากที่จะโดนได้ ถึงเจนจะมีพลังเวทอยู่มากถึง 3000 กว่า ๆ แต่ทักษะนี้ก็กินพลังเวทไปมากจนเธอต้องเก็บสำรองพลังเวทเอาไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน



    ในที่สุดเจนก็วิ่งหลุดออกมาจากป่าที่เป็นเขตอาศัยของเหล่าเสือโคร่งภูเขามาได้ซึ่งกินเวลาจนถึงเย็นเลยทีเดียว หลังจากตรวจให้แน่ใจแล้วว่าบริเวณที่เธออยู่จะไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนมายุ่งแล้วเธอจึงตั้งเต็นท์สำหรับคืนนี้และรวบรวมฟืนไฟสำหรับตอนกลางคืน เมื่อกางเต็นท์เสร็จเจนก็ตั้งฟืนแล้วหันไปหาคิทซึเนะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ



    "ขอแรงหน่อยนะ" เจนว่า เมื่อจิ้งจอกน้อยได้ยินดังนั้นจึงพ่นไฟสีฟ้าใส่กองฟืนที่เจนตั้งเอาไว้ เพลิงสีฟ้าลุกโชนให้แสงสว่างโดยรอบได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว



    ถึงเจนจะมีเสบียงเป็นข้าวกล่องที่ซื้อมาเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว แต่เธอก็อยากจะลองทำอาหารในเกมดูซักหน่อย ในตอนนี้เธอเองก็ยังมีเนื้อวัวกระทิงอยู่อีกด้วยมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกอยากลองขึ้นมา เจนนำเนื้อสันในออกมาจากกล่องรักษาของสดจากนั้นจึงใช้มีดขนแดงตัดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และใช้มีดเสียบแทนไม้ย่างไฟ



    เพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะแรงกว่าไฟธรรมดามาก เพียงแค่เจนนำเนื้อไปใกล้เพียงครู่เดียวก็สุกแล้ว เธอลองกัดชิมคำเล็กก็ได้ลิ้มรสความนุ่มของเนื้อวัวสดๆ รสหวานของเนื้อไหลเข้าปากลงไปในลำคออย่างรวดเร็ว แต่เธอยังคิดว่าถ้าหากมีเครื่องปรุงล่ะก็อาจจะทำให้เนื้ออร่อยได้กว่านี้อีกแน่นอน



    หลังจากทานจนอิ่มแล้วเธอก็พาคิทซึเนะเข้าไปนอนในเต็นท์โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตานับสิบกำลังมองพวกเธออยู่ในเงามืด รอคอยที่จะมาจัดการเหยื่อที่ไม่ระวังตัวที่โชคร้ายหลงเข้ามาในป่าของพวกมัน เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันนั้นลิ้มรสเลือดมานักต่อนักแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือชาวเมืองก็ตาม และในครั้งนี้เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวอีกด้วย พวกมันมั่นใจว่าคืนนี้จะมีอาหารตกถึงท้องกันทุกตัว



    แต่พอจะก้าวเข้าไปที่บริเวณที่แสงไฟส่องถึง มันกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาในจิต มันมองไปยังกองไฟสีฟ้าที่กำลังลุกโชนอยู่มันยิ่งรู้สึกได้ว่าไม่ควรเข้าใกล้กองไฟนั้นอย่างเด็ดขาด ถึงอาหารมันจะอยู่ตรงหน้าแล้วแต่กลับเข้าไปไม่ได้เพราะความกลัวอยู่เหนือกว่าความรู้สึกใด ๆ นั่นก็เป็นเพราะเพลิงจิ้งจอกมีพลังที่จะไล่มอนสเตอร์ที่เป็นสัตว์ป่าได้นั่นเอง แต่ว่าพลังนี้ส่งผลต่อมอนสเตอร์สัตว์ป่าที่มีระดับ 50 ลงมาเท่านั้น มอนสเตอร์ที่อยู่ในเงามืดเห็นว่าตนนั้นทำอะไรไม่ได้พวกมันก็ตัดสินใจรออยู่ด้านนอกจนกว่ากองไฟจะดับลงและดูจากความแรงของเปลวเพลิงนี้คงอีกไม่นานนัก



    สิ่งที่พวกมันต้องทำคือรอ อีกไม่นานมันจะได้ลิ้มรสเลือดสดๆของมนุษย์สาวอย่างแน่นอน!



    เวลาผ่านไปเลยเที่ยงคืนมานิดหน่อย กองไฟที่มีเพลิงจิ้งจอกลูกโชนเริ่มจะดับลงเพราะฟืนถูกเผาไหม้จนหมดแล้ว ความจริงเจนคิดเอาฟืนใส่ไว้เผื่อแล้วให้ไฟอยู่ได้จนถึงเช้าแต่เนื่องจากเพลิงจิ้งจอกนั้นเผาไหม้ได้รุนแรงกว่าไฟธรรมดามาก เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงฟืนที่สามารถอยู่ได้จนถึงเช้าได้สบาย ๆ กลับถูกไหม้จนเกือบจะมอด มอนสเตอร์ในเงามือต่างรอโอกาสนี้อยู่ แต่ก่อนที่กองไฟจะดับลง เพลิงสีฟ้าก็ลุกโชนขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างน่าตกใจ เหล่ามอนสเตอร์ในเงามืดที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาถูกแสงต้องจนเผยใบหน้าที่ซ่อนอยู่ออกมา



    ใบหน้าที่ปรากฏเป็นใบหน้าของเสือตัวใหญ่แต่ดวงตาของมันมีสีเขียวเรืองแสงดูน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวว่าคือมันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์มาก พวกมันคือเสือสมิงนั่นเอง ทั้งแขนและขาของมันมีขนปกคลุมอยู่ ส่วนมือและเท้ายังเป็นกรงเล็บของเสืออยู่เช่นเดิม ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเสือทั่วไปคือเมื่อมันเจอเข้ากับแสงไฟจากเพลิงจิ้งจอกกลับเหมือนว่าถูกเผาไหม้ทั้งๆที่ไม่ได้เฉียดใกล้กองไฟเลยแม้แต่น้อย พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนและพยายามจะกลับไปหลบในเงามืดอีกครั้ง



    คิทซึเนะค่อย ๆ เดินออกมาจากเต็นท์ของเจนอย่างช้าๆและกวาดสายตามองไปรอบ ๆโดยที่ไม่ได้ตื่นตระหนกกับพวกเสือสมิงเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพลิงจิ้งจอกนอกจากจะมีพลังในการขับไล่มอนสเตอร์ที่มีระดับ 50 แล้ว มันมีพลังที่สามารถใช้กำจัดมอนสเตอร์ที่เป็นวิญญาณและพวกอันเดทได้อย่างรุนแรงมากเลยทีเดียวและดูท่าทางเสือสมิงเหล่านี้จะเป็นมอนสเตอร์ที่เป็นเผ่าวิญญาณอย่างแน่นอน



    จิ้งจอกน้อยดูพอใจอย่างมากที่พวกเสือสมิงวิ่งหนีไปอย่างตื่นกลัวเช่นนั้น จริงอยู่ที่เพลิงจิ้งจอกทำอะไรพวกเสือโคร่งภูเขาไม่ได้ แต่พอเข้ามาในเขตนี้เธอก็รู้สึกได้ทันทีถึงพลังวิญญาณของมอนสเตอร์เจ้าถิ่นที่นี่ คิทซึเนะรู้ทันทีว่าเพลิงของเธอสามารถใช้ขจัดมอนสเตอร์ที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ได้



    เธอรอจนเจนหลับไปและรอจนกว่ากองไฟที่จุดไว้ใกล้ดับ เมื่อกองไฟรี่แสงลงจนเหล่าเสือสมิงนี้เข้ามาใกล้มากพอ คิทซึเนะก็เร่งพลังไฟให้พุ่งขึ้นมาอีกครั้งจนสามารถไล่พวกมันไปได้ ความจริงแล้วเพลิงจิ้งจอกนั้นสามารถบังคับให้ดับลงได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ถ้าหากดับเร็วไปมันก็จะดูน่าสงสัยทำให้คิทซึเนะรอเวลาเช่นเดียวกับพวกเสือสมิงกำลังเช่นเดียวกัน



    หลังจากให้แน่ใจแล้วว่ากองเพลิงจิ้งจอกจะไม่ดับลงเป็นครั้งที่สอง คิทซึเนะก็ก้าวเข้าสู่เงามืดอย่างช้าๆ หลังจากนั้นทั้งคืนก็มีเปลวไฟสีฟ้าพุ่งไปมาในป่าตลอดทั้งคืนจนมอนสเตอร์ในบริเวณใกล้เคียงต้องคอยตื่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นและเตรียมหนีถ้าหากมีภัยมาถึงตัว แต่หารู้ไม่ว่าเป้าหมายของเพลิงนั้นได้ถูกจัดการจนหมดป่าไปแล้ว









    รุ่งเช้าเจนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกได้ถึงหางที่มีขนนุ่มนิ่มจนเธอยกมือลูบคลำมันอย่างอดใจเอาไว้ไม่ได้ ถึงแม้เมื่อคืนพวกเสือจะส่งเสียงร้องดังลั่นป่าแต่เจนกลับไม่ตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นเพราะคิทซึเนะใช้หางมาปิดหูของเจนเอาไว้นั่นเอง พอคิทซึเนะออกไปล่าก็พยายามให้แน่ใจว่าพวกเสือสมิงจะไม่เข้ามาใกล้บริเวณเต็นท์ของเจนและส่งเสียงดังจนทำให้เจ้านายของเธอตื่นขึ้นมา



    "อรุณสวัสดิ์คิทซึเนะ ฮ้าว..." เด็กสาวอ้าปากกว้างจนหมดคราบสาวสวย ส่วนจิ้งจอกที่ถูกทักก็เห่าตอบเสียงใสตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



    เจนออกมาจากเต็นท์และนำข้าวกล่องออกมากินโดยแบ่งกันคิทซึเนะคนละกล่อง ในระหว่างที่เธอกินข้าวก็ตรวจสอบทักษะของตนเพื่อที่จะวางแผนต่อสู้ให้ดีกว่าเดิม ทว่าเธอต้องกลับตกใจจนทำช้อนตกลงพื้นเมื่อเห็นระดับของเธอที่พุ่งพรวดขึ้นมาในคืนเดียว



    ชื่อ:เจน

    อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ชั้นทหาร ระดับ 45

    สถานะตัวละคร

    พลังชีวิต 2325/2325 พลังเวทมนตร์ 4514/4514

    ค่าความอิ่ม 52/100 ค่าความเหนื่อย 100/100



    ถึงค่าสถานะจะเท่าเดิม แต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดีเพราะจู่ๆระดับก็พุ่งขึ้นมาจนเธอไม่สามารถจะเก็บระดับแถวนี้ได้อีกต่อไปเนื่องจากมอนสเตอร์ที่อยู่แถว ๆ นี้ทั้งหมดนั้นมีระดับสูงสุดคือ 45 นั่นเอง พอลองตรวจสอบคิทซึเนะดูก็พบว่าเธอมีระดับขึ้นมาสูงเท่ากับเจนเช่นเดียวกัน



    "เป็นไปได้ยังไง....นี่เธอทำอะไรไปหรือเปล่าหือ คิทซึเนะ" เจนเอ่ยปากถามพลางลูบหัวจิ้งจอกน้อยอย่างเอ็นดู คิทซึเนะเห่าตอบแล้วก้มหน้าลงกินข้าวกล่องต่อไปอย่างเงียบ ๆ



    ในตอนแรกเจนคิดจะเก็บระดับอยู่ที่นี่จนถึง 45 แล้วกลับไปพาพวกโจมาด้วยเพราะว่าเธอไม่คิดว่าในตอนนี้เธอจะรับมือกับมอนสเตอร์ระดับ 50 ได้ เพราะเธอได้อ่านมาจากกระดานข่าวสารว่ามอนสเตอร์ระดับ 50 บนเกาะเริ่มต้นนั้นเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่สามารถกำจัดได้เพียงตัวคนเดียวอย่างเช่นอสูรพฤกษา มีคนกล่าวว่าพวกมันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ธรรมดาระดับ 80 ในทวีปหลักเสียอีก จึงเห็นได้ว่าเวลาคนที่มารวมตัวเพื่อจัดการกับอสูรพฤกษานั้นมีจำนวนนับร้อยเลยทีเดียว



    แต่เธอต้องเปลี่ยนแผนเนื่องจากเธอเก็บระดับได้เร็วกว่าที่คิด ทำให้เจนอยากจะลองไปสู้กับมอนสเตอร์ระดับ 50 เพียงตัวคนเดียวดู เพราะถึงยังไงถ้าหากเธอสู้ไม่ไหว เธอก็สามารถใช้ทักษะหนีออกมาได้อย่างทันเวลาอยู่แล้วทำให้เจนมีความรู้สึกมั่นใจอยู่ไม่น้อย ประกอบกับเรื่องระดับของเธอที่คิดว่าจะต้องเป็นฝีมือถึงคิทซึเนะอย่างแน่นอน ทำให้เจนคิดว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้เองก็มีฝีมืออยู่ล้นตัวเลยทีเดียวและคงสามารถช่วยเธอได้อย่างแน่นอน



    หลังจากเก็บเต็นท์เสร็จเจนและคิทซึเนะที่ตอนนี้ออกมาเดินเองแล้วก็มุ่งขึ้นเขาต่อไป ระหว่างกำลังเดินขึ้นไปบนเขาเจนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่มีมอนสเตอร์มากวนใจเลย ต่างจากพื้นที่ก่อนหน้านี้มากที่เธอโดนพวกเสือโคร่งหินเขาไล่กวดตั้งแต่เข้าไปในอาณาเขตของมันโดยที่ยังไม่ได้ตั้งตัว ถึงแม้เธอจะพอรู้ว่าคิทซึเนะแอบไปจัดการมอนสเตอร์ในป่าตอนที่เธอกำลังนอนหลับอยู่แต่เธอไม่รู้ความจริงที่ว่าคิทซึเนะเพิ่งล้างบางเสือสมิงไปทั้งป่าแบบนี้ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะมีพวกมันตัวใหม่เกิดมา และการล้างบางเมื่อคืนยังส่งผลให้มอนสเตอร์อื่น ๆ ในบริเวณนี้ต้องถ่างตาตื่นกันทั้งคืน พอถึงรุ่งเช้าจึงไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนมากวนใจพวกเจนเลยซักตัวเดียว



    ไม่นานนักเจนก็มาถึงยอดเขา เธอพบกับวิวที่สวยงามจนเกินคำอธิบาย ทั้งก้อนเมฆรวมกับผืนป่าทอดยาวลงไปเบื้องล่างมันให้ความรู้สึกผ่อนคลายจนเธอหายกังวลให้หลายต่อหลายเรื่อง เธอพนันได้เลยว่าเธอคงไม่พบกับภาพนี้ในโลกจริงอย่างแน่นอน เธอปล่อยใจให้ตามสายลมที่พัดใส่หน้าให้ลอยเป็นอิสระ เจนนั่งลงแล้วหยุดคิดเรื่องการเก็บระดับซักพัก และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศนี้



    มันน่าแปลกที่ช่วงเวลาก่อนหน้าที่เธอรู้สึกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเธอ แต่หลังจากมาเล่นเกมนี้เธอกลับรู้สึกคลายความกังวลไปมาก อาจจะเป็นเพราะเวลาที่เธอใช้ในเกมซึ่งห้าให้นับจริงๆก็สองเดือนกว่าๆแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเธอคิดเรื่องอื่นตลอดเวลาที่อยู่ในเกมแทนที่จะไปหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง เจนรู้สึกดีใจที่หมอเกอร์ธูทส่งเกมนี้มาให้เธอถึงแม้คุณหมอคนนี้จะทำให้เธอรู้สึกแปลกๆก็ตาม



    "เอาล่ะ! ไปกันเถอะคิทซึเนะ ถ้าหากไม่รีบมีหวังโจกับแจ็คแซงหน้าพวกเราไปแน่เลย" เจนหันมาพูดกับจิ้งจอกของเธอ คิทซึเนะเห่าตอบแล้วเดินตามเจนไปทันที



    แต่เมื่อเจนเดินไปเพียงสามก้าว เธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากก้อนหินกองใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เจนยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจนเธอล้มลงไปบนพื้น ทันใดนั้นเธอก็รู้ว่าสิ่งที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวนี้มาจากตัวอะไรและเธอก็ไม่พลาดที่จะใช้ทักษะตรวจสอบในทันที



    โกเลมหินผา

    ชั้นทหาร ระดับ 50

    มอนสเตอร์ระดับบอส เป็นโกเลมผู้ปกปักษ์แห่งขุนเขา มีหน้าที่กำจัดผู้บุกรุกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมอนสเตอร์



    มอนสเตอร์บอสระดับห้าสิบที่มีขนาดสูงเกือบยี่สิบเมตร บางทีโชคของเธอในด้านการพบเจอมอนสเตอร์ระดับสูงจะมีค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว



    "โอ้ตายล่ะ ทำไมฉันถึงเจอแต่พวกอึด ถึกแบบนี้ล่ะ ขอเจอบอสที่เป็นกระต่ายเชือดง่ายๆบ้างไม่ได้หรือไงเนี่ย!" เด็กสาวร้องตะโกนแล้วรีบกระโดดหลบก้อนหินก้อนใหญ่ที่โกเลมหินผาขว้างมาอย่างแรง



    คิทซึนะหลบแล้วพุ่งตรงไปหาศัตรูของเจ้านายของเธอแล้วพ่นเพลิงจิ้งจอกใส่ ไฟปะทะเข้ากับร่างของโกเลมเข้าอย่างจังแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้มากนัก เจ้าโกเลมก้าวเท้าของมันเข้ามาหาเจนที่ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้อีกครั้ง เธอวาดดาบออกไปด้านข้างแล้วตวัดใส่เจ้าโกเลมอย่างรุนแรง



    ผ่ามิติ!!



    คลื่นดาบพุ่งเข้าปะทะร่างของโกเลมทำให้มันชะงักลงแต่ก็เหมือนกับตอนที่เธอใช้กับกระทิงหินเขา มีเพียงแค่รอยดาบบนตัวของโกเลมเท่านั้น มันก้มลงมองที่อกของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเจนด้วยท่าทางที่ยัวะสุด ๆ



    โก!!!!!



    โกเลมหินร้องตะโกนดังลั่น คราวนี้มันไม่ได้แค่ก้าวตรงมาทางเจนอย่างช้าๆตามเคยแล้ว มันวิ่งตรงมาในขณะที่เจนและคิทซึเนะพยายามโจมตีใส่ทั้งใช้ผ่ามิติและเพลิงจิ้งจอก แต่ทุกสิ่งกลับไม่ได้ผลและยิ่งทำให้มันโกรธมากว่าเดิมด้วยซ้ำ



    "เยี่ยมไปเลย ทักษะระดับ S โจมตีไม่เข้า!" เด็กสาวตะโกนเสียงดังอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อโกเลมหินผาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เจนจึงมีทางเลือกเดียวคือวิ่งหนี



    เจนและคิทซึเนะพยายามจะวิ่งหนีลงจากเขากลับพบว่าก้อนหินที่โกเลมหินผาขว้างมาก่อนหน้าที่ขวางทางเธออยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือความตั้งใจของมัน ตอนนี้เธอมีเพียงแค่สองทางนั่นก็คือสู้ตายไม่ก็หนีไปทางหน้าผา เจนคิดในหัวอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเธอใช้ทักษะพลังสถิตร่างก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน และด้วยพลังเวทที่เพิ่มขึ้นมาแม้ว่าเธอจะใช้มันไปกับทักษะผ่ามิติจนเหลือไม่ถึงครึ่ง แต่พอคำนวณแล้วก็ยังสามารถใช้พลังได้อย่างมากก็เกือบ 20 นาที พอถมไปที่จะหาที่ลงพื้นดิน



    แต่มาถึงที่แถมยังเจอมอนสเตอร์ระดับ 50 อย่างใจหวังแล้ว จะให้คนอย่างเจนหนีน่ะหรือ....ฝันไปเถอะ!



    เจนหันหน้าไปเผชิญกับโกเลมหินผาอย่างไม่เกรงกลัว ร่างของเธอสว่างขึ้นด้วยทักษะเสริมพลัง เจนพุ่งตัวอย่างรวดเร็วผ่านกองหินไปยังโกเลมซึ่งกำลังวิ่งเข้ามา โกเลมหินผาเห็นผู้บุกรุกมาหามันเอง มันหยุดวิ่งแล้วฟาดแขนของมันใส่ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเจนฉีกตัวหลบไปอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นไปบนแขนของมัน โกเลมหินผาพยายามใช้แขนอีกข้างปัดเจนลงไปแต่เธอก็พุ่งตัวขึ้นกลางอากาศแล้วฟาดดาบใส่ใบหน้าของมันเข้าเต็ม ๆ



    เคล้ง!!



    เป็นอย่างที่เจนคาดเอาไว้ไม่ผิด ดาบคุซานางิทำได้เพียงแค่ฝากรอยแผลเล็กๆเอาไว้บนผิวหินของมันเท่านั้น โกเลมหินผาร้องตะโกนด้วยความโกรธแล้วฟาดมือมายังศัตรูที่บังอาจมาทำร้ายมัน เจนรีบกระโดดหลบลงมาจากหัวของโกเลมหินผาทันทีทำให้มือของมันฟาดเข้ากับใบหน้าเข้าเต็ม ๆ จนมันเดินเซถอยหลังไป



    'สู้ไม่ไหว ฟันไม่เข้า' เจนคิดพลางถอยห่างออกมาเพื่อทิ้งระยะ ถึงเจ้าโกเลมจะตบโดนหน้าตัวเองแต่เมื่อดูแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนักและการโจมตีของเจนและคิทซึเนะต่างไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย



    การกระทำเมื่อครู่ของเจนยิ่งไปทำให้โกเลมหินผายิ่งโมโหมากกว่าเดิม มันร้องตะโกนก้องแล้วทุบพื้นอย่างโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นเองก้อนหินขนาดเล็กจำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นด้านหน้าของเด็กสาวอย่างกับกระสุนปืน เจนโยกตัวหลบอย่างรวดเร็วด้วยผลของทักษะเสริมพลังกายที่ยังอยู่ทว่าไม่นานนักพลังของทักษะก็หายไป เจนรู้สึกทันทีว่าร่างกายของเธอช้าลงอย่างมาก ก้อนหินที่ยังคงพุ่งเข้าใส่เธออย่างต่อเนื่องเริ่มจะเฉียดโดนตัวเธอบ้างแล้ว



    เจนรู้ว่าถ้าหากปล่อยไปอย่างนี้ล่ะก็เธอคงแพ้แน่ แต่ในตอนนี้เธอไม่มีทักษะไหนแล้วที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้แก่โกเลมตัวนี้เลย ความหวังสุดท้ายของเจนคือพลังสถิตร่างเท่านั้น



    เจนกระโดดออกฉากหลบมาอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ เธอพลาดโดนก้อนหินสองสามก้อนเข้าที่แขนจนรู้สึกเจ็บไปหมด ในตอนนี้แขนข้างซ้ายของเจนรู้สึกเจ็บจนไม่สามารถถือดาบได้แล้วแต่เธอก็ยังคิดในแง่ดีอยู่ว่ายังจะพอมีทางรอดไปได้



    ไม่นานนักกระสุนลูกหินก็หยุดลง เจนเอนตัวเล็กน้อยเพื่อแอบดูว่าเจ้าโกเลมกำลังทำอะไรอยู่ ใจของเด็กสาวก็ต้องตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันกำลังยกก้อนหินขนาดใหญ่และเตรียมที่จะโยนใส่เธอ



    "เฮ้ย!! ไม่เอานะ!" เจนตะโกนแล้วใช่ทักษะพลังสถิตร่าง ตัวของเธอเปล่งออร่าสีเหลืองทองออกมาแล้วเธอก็พุ่งตัวเข้าประชิดร่างโกเลมอย่างรวดเร็วและฟาดดาบใส่เข้าเต็มๆ



    ต่างจากครั้งที่แล้วดาบคุซานางิสามารถทำความเสียหายให้กับโกเลมหินผาได้แต่ก็ยังน้อยนักถ้าหากจะจัดการบอสตัวนี้ลง ถึงจะฝากบาดแผลเอาไว้บนร่างของมันได้แต่เจนก็ค่อนข้างมันใจว่าพลังเวทต้องหมดก่อนอย่างแน่นอน



    เจนทำตามสิ่งที่หัวของเธอคิดออกเป็นอย่างแรก เจนใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาบินฉวัดเฉวียนไปมาพร้อมทั้งใช้ดาบฟันจนมีรอยผ่าเต็มตัวของโกเลม จากนั้นเธอก็พุ่งตัวขึ้นไปเหนือหัวของโกเลมแล้วฟาดดาบลงมาสุดแรง เจ้าโกเลมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและทิ้งก้อนหินหลุดจากมือและกระแทกตัวตัวเอง เจ้าโกเลมยืนเซไปมาทำให้นี่เป็นโอกาสของเจน เธอบินถอยไปตั้งหลักแล้งพุ่งเข้ากระแทกเจ้าโกเลมจนเดินถอยหลังไปให้ตกจากหน้าผา เจ้าโกเลมพยายามต้านแรงเอาไว้ ทำให้เจนเจนต้องเร่งพลังขึ้นมาอีก



    ออร่าสีทองเปล่งแสงจ้า เจนร้องตะโกนและผลักออกไปสุดแรง พลังมหาศาลที่แม้แต่มอนสเตอร์ระดับบอสยังไม่อาจต้านทานได้ดันร่างหินขนาดใหญ่ของโกเลมหินผาจนตกลงไปในเหวลึกด้านล่าง เจนลอยตัวอยู่บนขอบผาอย่างเหนื่อยหอบจนได้ยินเสียงกระแทกพื้นเสียงดังแต่กลับไม่มีเสียงประกาศว่ามันตายแล้ว



    เจนไปรับคิทซึเนะแล้วตามโกเลมหินผาลงไปพบว่ามันนอนนิ่งอยู่บนพื้น ดินรอบ ๆตัวมันแตกกระจายจากแรงกระแทกที่รุนแรงมากจนทำให้เจนแปลใจว่ามันยังคงรอดอยู่ได้ เจ้าโกเลมส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ ดวงตาของมันถึงแม้จะดูอ่อนแรงแต่ก็ยังคงแข็งกร้าวไปด้วยพลังชีวิตที่เหลือล้น



    เด็กสาวที่ยังคงร่างพลังสถิตเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางลอยตัวและลงไปที่หน้าอกของโกเลมที่นอนอยู่บนพื้น เธอยกดาบขึ้นมาและรวมพลังไปที่ดาบจนกลายเป็นแสงสีทองเข้มดูทรงพลังมาก เจนเรียนรู้วิธีใช้ทักษะนี้มาตอนที่เธอใช้ดาบฟันตัวของโกเลมหินผา ยิ่งเธอใส่พลังไปที่ตัวดาบมากเท่าไหร่ พลังทำลายก็จะเพิ่มขึ้นมากตามแต่ก็ต้องแลกด้วยพลังเวทที่ลดลงอย่างรวดเร็ว



    "ช้าก่อน ท่านผู้กล้า" โกเลมหินผาพูดขึ้นพยายามจะคุยกับเจน แต่ทว่า



    ตูม!!



    เจนฟาดดาบลงไปเต็มลงที่ใบหน้าของโกเลมจำทำให้หัวของมันกระจายเป็นชิ้นๆ ร่างของมันกลายเป็นแสงพร้อมกับเสียงประกาศในหัวของเจน



    คุณจัดการโกเลมหินผา ชั้นทหาร ระดับ 50 เป็นจำนวน 1 ตัว

    คุณได้โบนัสเนื่องจากกำจัดมอนสเตอร์ระดับบอส จาก 45 เป็น 47

    ทักษะ การใช้ดาบขั้นต้น เพิ่มจาก ระดับ 30 เป็น 48



    "เอ๊ะ เมื่อกี้รู้สึกเหมือนจะมีใครพูดด้วย....โจ เมื่อกี้นายเรียกมางั้นหรือ" เจนติดต่อไปหาเพื่อนเพราะนึกว่ามีคนเรียกโดยไม่ได้สงสัยเลยว่าไอ้ตัวที่อยากจะคุยกับเธอจริงๆแล้วน่ะเป็นโกเลมที่เพิ่งถูกระเบิดหัวไปเมื่อกี้



    "หะ ป่าวนี่ แต่เธอติดต่อมาก็ดีแล้ว ตอนนี้เธอระดับเท่าไหร่แล้วล่ะ" โจถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ท่าทางสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตลอดหลายวันจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว



    "ตอนนี้ฉันระดับห้าสิบกันแล้วนะ ฉันกับแจ็คจองตั๋วเรือที่จะไปทวีปหลักให้แล้ว รีบกลับมาที่เมืองเร็วเข้าเถอะ"



    "แต่ฉันยังระดับไม่ถึงห้าสิบเลยนะ" เจนบอกเพราะเธอคิดจะอยู่ต่ออีกซักวันเพื่อเก็บระดับให้เต็มก่อนเข้าทวีปหลัก



    "ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวเอาไว้ไปเก็บระดับเอาที่ทวีปหลักเอาก็ได้ ถ้าเธอมาไม่ทันก่อนเย็นนี้ล่ะก็จะต้องรอไปอีกสัปดาห์หนึงเลยนะ ขอล่ะบอกฉันทีว่าเธออยู่ใกล้ๆเมือง" เสียงของโจฟังดูหงอยๆเพราะกลัวจะพลาดเรือออก เจนเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานขนาดนั้นเช่นกัน แต่ว่าระยะทางจากที่นี่ซึ่งเป็นอีกด้านของภูเขากับเมืองไทริสมันค่อนข้างที่จะไกลมากเลยทีเดียว



    "ไม่รู้สิโจ ตอนนี้ฉันอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองพอสมควรอ่ะนะ เอาเป็นว่าฉันจะรีบกลับไปก็แล้วกัน" เจนบอกแล้วรีบตัดการติดต่อทันที เจนตรวจสอบพลังเวทดูก็เห็นว่าพอจะคงสภาพทักษะนี้ได้อีกเกือบห้านาที เมื่อเห็นดังนั้นเจนจึงหยิบขวดยาเพิ่มพลังเวทขวดสุดท้ายมาดื่มรวดเดียวหมดแล้วเธอก็อุ้มคิทซึนะและพุ่งตัวออกไปทันที



    ระหว่างทางตาของเจนก็เหลือบไปเห็นวัวกระทิงภูเขาตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กับเสือโคร่งภูเขาอยู่ ห้าต่อหนึ่งแต่กระทิงภูเขาก็ยังสามารถรับมือได้อย่างสูสีแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกระทิงตัวนี้ที่สูงกว่าหัวหน้าฝูงทั่วไปเสียอีก เจนตัดสินใจที่หยุดดูก่อนเพราะของแบบนี้อาจจะหาดูไม่ได้ง่ายๆเลย ถึงกระนั้นเจนก็ยังรู้สึกสงสัยนิดๆว่าทำไมกระทิงภูเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ปกติแล้วมันจะอยู่รวมกันเป็นฝูงและจะไม่ล้ำเขตแดนของสัตว์อื่นเด็ดขาด โดยไม่รู้เลยว่าตัวเธอนั่นแหละที่ทำให้พฤติกรรมของเจ้ากระทิงภูเขาตัวนี้ต้องเปลี่ยนไป



    แต่ไม่นานนักกระทิงภูเขาตัวนั้นก็เสียท่าให้กับเสือโคร่งทั้งห้าตัว เจนเห็นดังนั้นจึงนึกคิดสงสารและอยากจะช่วยกระทิงภูเขาเพราะลึกๆแล้วเธอแอบเชียร์มันอยู่ที่มีใจสู้พวกเสือโคร่งภูเขาแม้จะโดนรุมก็ตาม เจนพุ่งตัวลงไปก่อนที่กระทิงตัวนั้นจะเป็นอะไรไป เสือโคร่งทั้งห้าตัวเห็นมีบางอย่างกำลังพุ่งลงมาจึงหยุดโจมตีกระทิงที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและหันไปมองดู พวกมันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันของพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวมันหลายพันเท่า พวกมันจึงรีบหนีไปก่อนที่เจนจะลงมาถึงพื้นเสียอีก



    เจนมองตามไปอย่างงงงวยเพราะไม่รู้ว่าพลังสถิตร่างของเธอนั้นได้แผ่ออร่าของผู้ที่มอบพลังให้ซึ่งในที่นี้คือเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง มาเอะ ถึงแม้ว่าเจนจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ามาเอะในตอนนี้ แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมานั้นมันไม่ต่างจากมอนสเตอร์ระดับเทพเจ้าเลยแม้แต่น้อย



    เมื่อเจนหันกลับมาก็พบวัวกระทิงภูเขาจมกองเลือดนอนหายใจโรยริน เจนยอมรับว่ามันมีใจสู้จริงๆ และความอึดของมันก็ไม่เป็นสองรองใคร ดวงตาที่มันใช้มองเธอนั้นยังคงรู้สึกของการคุกคามมันพยายามจะลุกขึ้นแต่ขาของมันไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าที่จะทำ เจนจึงตัดสินใจเทยาเพิ่มพลังชีวิตทั้งหมดลงไปบนตัวของวัวกระทิงภูเขา ทำให้แผลของมันเริ่มรักษาตัวเองอย่างช้าๆ เมื่อเจนมั่นใจแล้วว่ามันจะรอดแล้วเธอจึงบินจากไปทันทีโดยมีดวงตาดวงหนึ่งมองตามไปด้วยความแค้นและขมขื่น





    เวลาล่วงเลยไปจนถึงเย็น เจนซึ่งในตอนนี้พลังเวทได้หมดลงแล้วกำลังวิ่งตรงไปยังเมืองไทริสที่ในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยสีขาวของขี้เถ้าจนทำให้เจนนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอไม่อยู่ รวมทั้งภายในเมืองนั้นก็มีความเสียหายอย่างมากแต่ชาวเมืองทุกคนกลับมีใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม และต่างพูดคุยกับพวกผู้เล่นด้วยอัธยาศัยที่ดีมาก ต่างจากก่อนหน้านี้ซึ่งทำกับพวกผู้เล่นเหมือนกับคนอื่นทั่วไป



    "อ้าว ท่านนักผจญภัย ออกไปล่าสัตว์กลับมาเป็นยังไงบ้าง" ทหารชาวเมืองคนหนึ่งทักเจนเมื่อเห็นเธอเดินเข้าเมืองมา



    "เอ่อ...ก็ดี ขอบใจที่ถาม" เจนตอบกลับไปส่งๆเพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี ถึงอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็อยากจะรีบไปขึ้นเรือก่อนที่จะพลาดเที่ยวไป



    "โจ นายอยู่ไหนน่ะ ฉันมาถึงเมืองแล้ว" โจติดต่อหาไปยังเพื่อนของเธอผ่านช่องสื่อสารกลุ่ม



    "ตอนนี้พวกเราอยู่บนเรือแล้ว เธอรีบไปยังประตูเมืองทางทิศใต้ด่วนเลย จะมีท่าเรืออยู่ไม่ไกล" แจ็คเป็นคนตอบ เจนตอบรับแล้วรีบวิ่งไปยังทิศที่แจ็คบอกทันที



    หลังออกมาจากประตูเมืองทิศใต้เจนก็พบกับทุ่งหญ้าเล็ก ๆ ก่อนจะเป็นชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา ท่าเรือขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่และกำลังมีพวกผู้เล่นเดินขึ้นเรือไปเป็นจำนวนมาก ใกล้ๆกันก็เป็นเอไอที่ดูแล้วน่าจะเป็นลูกเรือกำลังขนสัมภาระขึ้นเรือ เรือที่เจนเห็นเป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่พอที่น่าจะสามารถจุคนได้ประมาณห้าร้อยคน ถึงจะบอกว่าเป็นเรือโดยสารซึ่งดูจากรูปทรงแต่มันก็มีปืนใหญ่ติดประจำเอาไว้ตลอดช่วงลำเรือ



    เจนรีบเดินหาพวกโจและพวกทั้งคู่กำลังยืนรออยู่ใกล้ๆทางขึ้นไปบนเรือ เจนรีบไปสมทบและพากันขึ้นไปบนเรือทันที



    "นี่เธอไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงช้านัก" โจถามด้วยน้ำเสียไม่พอใจนิดๆ เพราะถ้าช้าอีกนิดเดียวพวกเขาก็จะพลาดเรือเที่ยวนี้แล้ว



    "ขอโทษที พอดีฉันเดินไปไกลหน่อยน่ะ... เอ๊ะ นี่พวกนายเปลี่ยนชุดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่สิ นายมีเงินซื้อชุดหรูแบบนี้ได้ยังไง" เจนว่าเพราะชุดที่ทั้งคู่สวมอยู่ตอนนี้นั้นดูค่อนข้างหรูหรามากไม่แพ้ชุดของเจนเลยทีเดียว



    โจนั้นสวมผ้าคลุมสีดำสนิทและสวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวสีเดียวกัน แต่ที่น่าแปลกคือเขาสวมรองเท้าผ้าใบที่ไม่น่าจะมีขายในเกมได้ ส่วนทางแจ็คก็เปลี่ยนไปสวมเสื้อแขนกุดสีดำและกางเกงขายาวพร้อมรองเท้าบูทโดยมีปืนสะพายอยู่ที่หลัง



    "นายไปได้รองเท้านั่นมาจาไหนกัน แล้วคทาเวทนายล่ะ เก็บไปแล้วงั้นหรือ" เจนถาม



    "รองเท้านี่เรอะ ฉันได้มาจากร้านเดียวกับเธอนั่นแหละ ส่วนเรื่องคทาเวทน่ะนั้นเอาไปเก็บแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันใช้เวทมนตร์ได้ด้วยมือเปล่าแล้วนะขอบอก" ไม่ว่าเปล่าโจก็เรียกบอลพลังเวทขึ้นมาในมือให้เห็น เจนมองอย่างทึ่งใจส่วนเรื่องรองเท้าถ้าหากเป็นร้านของเด็กสาวคนนั้นล่ะก็เธอคงไม่แปลกใจนัก



    หลังจากนั้นก็ก็ถามถึงเรื่องในเมืองว่ามันเกิดอะไรขึ้น โจจึงค่อยๆเล่าตั้งแต่แรกที่พวกตนไปเจออสูรพฤกษาในป่าถึงสามตัวด้วยกัน หลังจากโดนฆ่าในพริบตาพวกโจจึงระดมคนไปฆ่ามันเป็นจำนวนมากแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากพวกเขามีระดับน้อยเกินไป หลังจากลองอยู่หลายครั้งจนเริ่มที่จะถอดใจก็เหมือนโชคช่วยเพราะจู่ๆที่เมืองก็มีเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นและเมืองก็ถูกกองทัพกระทิงภูเขาหลายร้อยตัวเข้าโจมตี โจจึงระดมคนทั้งเมืองไปป้องกันเมือง ถึงจะกินเวลาไปทั้งวันทั้งคืน พวกผู้เล่นที่มีโจเป็นผู้นำก็สามารถป้องกันเมืองเอาไว้ได้ แถมพวกเขายังได้เพิ่มระดับพร้อมทั้งของจำนวนมากเป็นของแถมอีกด้วยด้วยเหตุนี้กองทัพของโจจึงเตรียมพร้อมทั้งระดับ อาวุธและยา จากนั้นพวกเขาก็กลับไปจัดการอสูรพฤกษาอีกรอบและประสบความสำเร็จ



    "นี่นายทำอย่างนั้นได้ยังไง กลายเป็นผู้นำคนมากขนาดนั้นทั้งๆที่เพิ่งเล่นเกมนี้มาได้ไม่นานแท้ๆ แล้วอีกอย่าง ฉันเคยสู้กับกระทิงนั่นเหมือนกัน แค่ตัวเดียวยังลำบากเลย นายสู้กับพวกมันตั้งเยอะขนาดนั้นได้ยังไง" เจนถามกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ



    "ก็พวกฉันไม่ได้สู้แบบชนมันตรง ๆ น่ะสิ พวกเรามีผู้เล่นที่ใช้ทั้งเวทมนตร์ ธนู ปืนอยู่ตั้งหลายคน กว่าพวกนั้นจะมาถึงประตูเมืองก็จัดการไปได้หลายตัวเลยล่ะ พวกเรายันประตูเอาไว้ทั้งคืน พอรุ่งเช้าพวกเราก็ออกไปจัดการพวกกระทิงที่เหลือรอดอยู่ไม่กี่ตัว ช่วงหลังนี่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเลยล่ะ" แจ็คตอบพร้อมทำท่ายิงปืน



    "ส่วนที่ฉันทำได้ยังไงน่ะหรือ ง่ายนิดเดียว.... ก็เพราะฉันไม่ได้เล่นเกมนี้เป็นเกมแรกน่ะสิ" โจว่าแล้วขยิบตาให้กับเจน



    ก็จริงอย่างที่เพื่อนชายของเธอบอก แม้โจเคยเล่นเกมเสมือนจริงมามากและหลายเกมเขาก็เป็นหัวหน้ากิลด์หรือหัวหน้าสมาคมที่ต้องคุมคนเป็นจำนวนไม่น้อย จึงไม่แปลกนักที่โจจะสามารถรวบรวมในยามคับขันเช่นนี้ได้



    หลังจากคุยกันจนหายข้องใจแล้วพวกเจนก็พากันไปยังห้องพักของตนที่จองเอาไว้ในขณะที่เรือก็เริ่มจะออกจากท่าและมุ่งตรงไปยังทวีปหลักซึ่งการผจญภัยกำลังรอพวกเจนอยู่



    อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาที่ท่าเรือของเกาะไทริสก็มีข่าวลือมาว่ามีวัวกระทิงภูเขาตัวหนึ่งที่แข็งแกร่งมากจนไม่มียามคนไหนสามารถหยุดมันได้ มันวิ่งทะลุประตูเมืองทิศเหนือแล้วมุ่งไปสู่ทิศใต้ จากนั้นมันก็ว่ายน้ำข้ามทะเลตามเรือโดยสารที่เพิ่งแล่นออกไปจนเป็นที่ฮือฮาของเหล่าพวกผู้เล่นกันมาก แต่ไม่นานนักข่าวก็เริ่มซาลงไปจนไม่มีใครพูดถึงมันอีก แต่หารู้ไม่ว่าในอีกไม่ถึงปีจะมีแต่คนพูดถึงมัน ทว่าในชื่ออื่นที่ไม่มีใครนึกมาก่อนว่ามันคือวัวกระทิงตัวเดียวกัน





    ในห้องของGm ประจำเมืองไทริส เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนต่างกำลังคุยกันอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้



    "ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกผู้เล่นใหม่จะสามารถป้องกันเมืองจากกองทัพวัวกระทิงภูเขาระดับสี่สิบได้" เจ้าหน้าที่คนแรกพูด



    "ยังไม่รวมถึงพวกจ่าฝูงระดับสี่สิบห้าอีกกว่าสิบตัวนะ เจ้าพวกนี้น่ะตายก่อนลูกฝูงซะอีก" เจ้าหน้าที่คนที่สองเสริม



    "ต้องชมฝีมือของผู้เล่นคนนั้นจริงๆ ถ้าหากเขาไม่ช่วยนำคนเข้าสู้ล่ะก็ ป่านนี้เมืองคงไม่เหลือซากแล้วล่ะ" เจ้าหน้าที่คนแรกบอก ถึงประตูเมืองจะพังจนทำให้มีกระทิงบางตัวเข้ามาทำความเสียหายอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์มันก็ออกมาดีกว่าเมืองพินาศอยู่มากทีเดียว



    "ใช่ ผมว่าเขาดูมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ไม่น้อยเลยนะ สั่งให้จัดการจ่าฝูงก่อน พอกำจัดได้แล้วพวกลูกฝูงก็สู้ไม่เป็นขบวนเลย ถ้าหากหมอนี่ตั้งล่ะกิลด์ล่ะก็คงดังแน่ๆ"



    ระหว่างเจ้าหน้าที่สองคนคุยกัน เจ้าหน้าที่คนที่สามกลับนั่งเงียบพิมพ์บางอย่างในจอแสงตรงหน้าแล้วกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดจนเพื่อนร่วมงานหันมาทัก



    "เป็นอะไรไป GMโอ ทำหน้าอย่างกับโดนลดเงินเดือนไปได้" เจ้าหน้าที่คนแรกเอ่ยถาม Gmโอหันมาครู่หนึ่งก่อนจะชั่งใจว่าจะบอกดีมั้ยแต่ในที่สุดเขาก็บอกไป



    "ผมลองสืบค้นของมูลของเขาดู พบว่าเขาเป็นนักเล่นเกมอาชีพ เป็นผู้นำสมาคมในหลาย ๆ เกม ถึงทุกเกมที่เขาเล่นสมาคมของเขาจะไม่ดังเพราะเขาเล่นได้ไม่นาน แต่ก็ถือว่าเป็นสมาคมที่มีอนาคตไกลมากเลยทีเดียว...แล้วอีกอย่าง"



    "อีกอย่างอะไร" เจ้าหน้าที่คนที่สองถามเมื่อเห็นว่าGmโอเงียบไป



    "เขาเป็นหนึ่งในสามรายชื่อผู้เล่นที่ต้องจับตามองที่เพิ่งเพิ่มมาใหม่โดยระดับบิ้ก ๆ สั่งลงมา" GMบอกแล้วกดเปิดหน้าต่างให้เพื่อนร่วมงานเห็นถึงใบหน้าของโจพร้อมทั้งเจนและแจ็ค



    "ทำไมกัน พวกนี้เป็นพวกโกงเกมงั้นหรือ หรือว่าเป็นพวกผู้เล่นแบล็กลิสจากเกมอื่น" เจ้าหน้าที่คนแรกถาม แต่จากท่าทางของสามคนนี้แล้วเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น



    "ไม่รู้เหมือนกัน เบื้องบนสั่งมาว่าพวกนี้อยู่ในระดับปลอดภัย แค่ให้จับตาดูและส่งไฟล์ภาพเคลื่อนไหวของทุกกิจกรรมของผู้เล่นภาพตรงกลางทั้งหมดมาด้วย..- ผู้ปกครองของผู้เล่นอนุมัติแล้ว" Gmโอรีบเสริมเมื่อเพื่อนร่วมงานจะแย้งว่านั่นผิดกฎหมายในการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่เขาก็ยังสงสัยว่าพ่อแม่บ้านไหนจะให้บริษัทดูรูปลูกของตัวเองเล่นเกมได้ทั้งวัน



    ในขณะเดียวกันนั้นในโลกแห่งความจริง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งดูรูปของเจนที่กำลังคุยกับเพื่อนทั้งสองอยู่บนดาดฟ้าเรือที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทวีปหลัก เกอร์ธูทยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกดโทรหาจริยาด้วยเฮดก็อกเกิ่ลของเธอ



    "ว่าไงจ๊ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" เธอถาม



    "ตอนนี้สร้างตัวละครเสร็จแล้วล่ะ เกอร์ธูทจะเข้ามาเล่นเมื่อไหร่งั้นหรือ อ้อ! แล้วก็ขอบใจมากเลยนะที่มีชุดให้เลือกมากขนาดนี้ เห็นเจนบอกว่าตอนแรกจะต้องใส่ชุดเริ่มต้นสีขาวเท่านั้น แต่นี่มีแต่ชุดน่ารัก ๆ เต็มไปหมดเลย" เสียงจริยาถามกลับมา ดูท่าเธอจะรู้สึกชอบใจไม่น้อยเลยทีเดียว



    "ถ้าเธอชอบฉันก็ดีใจล่ะ เดี๋ยวพอเธอเข้าไปในเกมแล้วฉันจะไปพบเธอเองล่ะ แล้วเจอกันจ๊ะ" เกอร์ธูทว่าแล้วตัดสายทิ้งไป จากนั้นเธอจึงเดินไปที่เตียงนอนในห้องทำงานของเธอ



    "เชื่อมต่อ แคสซิโอเปีย"





    จบตอนที่ 10 ปะทะบอส



    ------------------




  24. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  25. #15
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 11 พานพบ

    ตอนที่้ 11 พานพบ



    นับตั้งแต่เดินทางออกมาจากเกาะไทริสก็เข้าสู่วันที่ 3 แล้วที่พวกเจนอยู่บนเรือโดยสารนี้ ในตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีเรือโดยสารไปยังทวีปหลักเพียงแค่สัปดาห์ละเที่ยวเท่านั้น คงเป็นเพราะความเร็วในการเดินทางที่คาดคะเนไม่ได้นั่นเอง อย่างในวันแรกที่เจนออกเดินทาง เพียงไม่กี่ชั่วโมงเรือก็เจอเข้ากับเขตไร้ลม กว่าเรือจะขยับไปต่อได้ก็ต้องรอจนเกือบเที่ยงคืน โชคยังดีที่ในเวลานี้ยังไม่เจอพายุซัดหรือมีมอนสเตอร์เข้ามาโจมตี โดยเฉพาะโจรสลัดที่มักจะมาดักโจมตีอยู่เสมอ แต่ดูท่าทางคราวนี้โชคจะเป็นของเจนที่การเดินทางค่อนข้างราบลื่นถ้าเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทริสแล้วล่ะก็



    เจนคุยกับลูกเรือของเรือลำนี้ดู เขาเล่าว่าความจริงเรือสามารถแล่นได้เร็วกว่านี้มากถ้าหากดัดแปลงให้มีใบพัดใต้ลำเรือที่ใช้พลังงานจากผลึกเวทมนตร์ แต่เนื่องจากต้นทุนการตัดแปลงเรือและผลึกเวทมนตร์นี้มีราคาสูงมาก ถ้ามาลองคิดดูกับค่าซ่อมบำรุงและราคาตั๋วในตอนนี้ที่มีราคาถึง 1000 โกลด์แล้วมันไม่คุ้มจ่าย



    จากคำที่ลูกเรือบอก ไม่บ่ายก็เย็นวันนี้เรือจะเทียบท่าเมืองซีโปซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอัลเทเชียและเป็นจุดเทียบท่าของเหล่าผู้เล่นจากเกาะเริ่มต้นจากหลายสิบประเทศทำให้เจนอดใจไม่ได้ที่จะรอเห็นเมืองแห่งนี้ ในเมื่อเวลานี้ยังไม่มีอะไรทำ เจนเวลานี้อยู่ในห้องพักกับเพื่อนอีกสองคนก็ค้นกระเป๋าและตรวจสอบดูว่าเมื่อตอนที่เธอจัดการโกเลมหินผานั้นคิทซึเนะเก็บอะไรมาให้บ้าง



    ผลึกจิตวิญาณแห่งดิน ระดับ C

    ผลึกที่บรรจุพลังแห่งธาตุดินเอาไว้



    เจนหันไปหาคิทซึเนะเป็นนัยว่ามีอะไรอีกหรือเปล่า แค่จิ้งจอกน้อยส่ายหน้าเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เจนสื่อมา เธอถอนหายใจออกหนัก ๆ แล้วมองของที่ได้มาอย่างพิจารณาว่ามันคุ้มมั้ยที่เธอลงแรงไปตั้งขนาดนั้น



    "ถืออะไรอยู่น่ะเจน" แจ็คถาม



    "ของที่ได้จากตอนที่ไปจัดการกับบอสโกเลมน่ะ เป็นผลึกวิญาณแห่งดิน แถมได้มาแค่ก้อนเดียวด้วย ไม่คุ้มเอาซะเล้ย" เจนว่าแล้วโยนของไปให้แจ็คดู



    "บางครั้งถึงจะเป็นบอสแต่ก็ให้ของไม่ดีเหมือนกันนะ อย่างอสูรพฤกษาที่พวกฉันไปจัดการก็ให้แค่ของเอาไว้ขายเท่านั้นเอง ไม่มีของอะไรที่ดีไปกว่าระดับ D เลยแม้แต่ชิ้นเดียว" โจบอก ทางแจ็คมองผลึกอย่างพิจารณาแล้วหันมาหาเจน



    "ฉันขอได้มั้ยผลึกก้อนนี้น่ะ"



    "ก็ได้นะ.. ว่าแต่นายเอาไปทำไมงั้นหรือ" เจนถามกลับ



    "ฉันจะลองเอาไปทำกระสุนปืนธาตุดูน่ะ เอาไว้เปลี่ยนอาชีพเมื่อไหร่จะได้ใช้อาวุธได้หลากหลายหน่อย แจ็คบอกพลางเก็บของใส่ในกระเป๋า



    "ขอบใจนะ เอาไว้จะใช้คืนให้ทีหลัง"



    "ไม่เป็นอะไรหรอก ถึงฉันเก็บเอาไว้มันก็ไม่ได้ใช้" เจนว่าแล้วลองค้นของดูอีกครั้ง คราวนี้เธอหยิบของที่อยู่ช่องเก็บของตัวละครของเธอมานานมากจนเธอเองก็ลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่



    "แล้วตกลงไข่นี่เอาไปทำอะไรได้เนี่ย นายพอรู้บ้างหรือยัง โจ"



    "อืม ฉันลองไปถามจากพวกอาชีพเลี้ยงสัตว์อสูรดูแล้ว การฟักไข่ถ้าหากไม่ได้ฝักโดยวิธีธรรมชาติโดยพ่อแม่ของมันล่ะก็ ไข่ที่เราได้มามันก็ไม่มีทางฝักหรอก... แต่! มีแต่นะ ถ้าหากมีตัวกระตุ้นล่ะก็มันก็อาจจะทำให้ไข่ฝักออกมาได้" โจรีบพูดเมื่อเห็นสายตาของเจนที่มองไปยังไข่อย่างไม่ค่อยพอใจ เขาเองก็หวั่นนิด ๆ ว่าเพื่อนสาวคนนี้หากรู้ว่าฝักไข่ออกมาไม่ได้คงจะเอาไข่ระดับ S นี้ไปกินเข้าซะจริง ๆ แน่



    "แล้วพวกเราจะใช้อะไรเป็นตัวกระตุ้นล่ะ"



    "ก็ได้หลายอย่างนะ ใช้พลังเวทก็ได้ หรือจะใช้ของที่มีระดับสูง ๆ ก็ได้ บางครั้งถ้าใช้ของยิ่งดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่สัตว์เลี้ยงที่ออกมาจากไข่จะดีกว่าที่ควรจะได้ด้วยล่ะ....อย่างผลอิกดราซิลของไอ้แจ็คมันก็ถือว่าไม่เลวนะ" โจว่าแล้วหันไปมองเพื่อนของเขาที่หันมามองเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง



    "ไม่ไม่ ฉันกะเก็บเอาไว้ใช้อย่างอื่น....โจ สายตาอย่างนั้นหมายความว่ายังไงน่ะ เดี๋ยว! เธอก็ด้วยอีกคนหรอเจน" แจ็คเริ่มยืนขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนวางไข่ลงบนโต๊ะแล้วเข้ามายืนประจันหน้าตน เขาเริ่มมองหาทางหนี แต่อยู่ในห้องเล็ก ๆ แบบนี้คงหนีไปไหนไม่ได้



    ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทำอะไร เจนก็พุ่งไปขวางไม่ให้เขาออกจากห้องได้



    "จะเอายังไงดี โจ" หันถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนแจ็คต้องรีบแย้ง



    "เฮ้ย จะไม่มาปรึกษาทางนี้กันก่อนหรือ"



    "ฉันรู้วิธีขโมยของจะกระเป๋าผู้เล่น ฉันมั่นใจว่าอย่างไอ้แจ็คมันต้องเก็บของเอาไว้ในนั้นแน่ ๆ เพราะอย่างนั้นเธอจัดการเรื่องใช้แรงก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องของเอง" โจว่า



    "เฮ้ย ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แล้วทั้งตากับหูก็ไม่ได้บอดด้วย! วางแผนอะไรได้ยินหมดแล้วนะเว้ย"



    "เอาล่ะ แจ็ค....พวกเรามาเพิ่มระดับทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ากันดีกว่า" เมื่อเจนพูดจบเธอก็พุ่งเข้าใส่แจ็คในทันที เพื่อนหนุ่มคนนี้ถึงแม้จะมีบ้านเป็นค่ายฝึกมวยแต่ก็ใช่ว่าจะสู้เจนได้ หมัดแรกของเจนพุ่งเข้าใส่ท้องน้อย แจ็คตัวงอเป็นกุ้งตามแรงหมัดที่ไม่ธรรมดา ถึงจะไม่ค่อยเจ็บอย่างที่เห็นแต่เขาจุกสุด ๆ เลย



    "ฮู้ หมัดเดียวเพิ่มระดับทักษะเป็นสิบเลยนะเนี่ย" เจนว่าด้วยน้ำเสียงระรื่นแล้วกระโจนเข้าใส่พร้อมกับจับล็อกแขนใส่ท่าครอสอาร์มเบรคเกอร์ทันที แจ็คร้องเสียงดังลั่นห้องพลางดิ้นพล่านเพื่อจะทำให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ ส่วนมืออีกข้างก็ตบพื้นรัวเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าตนนั้นยอมแพ้แล้ว แต่เหมือนกับว่าจะแกล้งกันเพราะคนที่มีหน้าที่ต้องขโมยของนั้นยืนมองอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ลงมือทำอะไรอยู่แม้แต่น้อย



    "ไอ้โจ! ช่วยด้วย! ไอ้โจ ช่วย อ้ากกกกกก!!" เสียงร้องโหยหวนดังไม่ยอมหยุด โจหันมาหาคนเรียกและค่อย ๆ เดินเข้าไป จากนั้นจึงบรรจงใช้มือเปิดกระเป๋าที่คาดเอวแจ็คอยู่เพื่อหยิบผลไม้สีเหลืองขึ้นมา



    ถึงแม้ว่าโจจะได้ของไปแล้วแต่เจนกลับไม่ยอมปล่อยให้แขนของแจ็คให้หลุดไปได้ง่าย ๆ



    "ปล่อยสิเจน โอ้ยย! ปล่อยได้แล้ว ไอ้โจมันได้ของไปแล้วไง อ้ากกกกกกก!!"



    "นายเองก็สู้หน่อยซี่ กล้ามแขนก็ใหญ่ออกขนาดนี้แท้ ๆ ฉันสู้แรงนายไม่ได้หรอกน่า ออกแรงนิดเดียวก็หลุดแล้ว ลองดูสิ" เจนส่งเสียงบอกแต่ดูเหมือนไม่เห็นผลของแจ็คยังคงดิ้นพล่านแทบเป็นแทบตาย จนในที่สุดเธอจึงจำเป็นต้องปล่อยแขนของแจ็คให้เป็นอิสระก่อนถ้าไม่เช่นนั้นคงต้องเสียเงินค่ารักษาแขนซึ่งบนเรือนี้ก็แพงอยู่



    ทางโจที่ได้ผลอิกดราซิลไปก็เริ่มคั้นมันจนได้เป็นน้ำสีเหลืองใสดูคล้ายน้ำเลมอน โจแบ่งเป็นสามขวดโดยของแจ็คเยอะที่สุด ส่วนของเจนและเขาเองนั้นเท่ากัน



    "เอานี่รับเอาไว้ ใช้เป็นน้ำจะคุ้มกว่าใช้ทั้งผลนะ แล้วก็เจน อย่าเพิ่งใช้ที่นี่จะดีกว่า เอาไว้พวกเราเริ่มออกเดินทางนอกเมืองค่อยลองฟักดู" โจว่าแล้วยื่นของไปทั้งเพื่อนทั้งสอง เจนและแจ็ครับเอาไว้แล้วใส่ช่องเก็บของตัวละครทันทีโดยที่แจ็คนั้นพึมพำไม่ได้ศัพท์แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังพูดอะไร



    “อ่ะ ดูนั่นสิ!" เจนพูดแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก



    เรือจากเกาะเริ่มต้นเกาะอื่นปรากฏให้เห็นสู่สายตา ไม่ใช่แค่เรือลำเดียวแต่เป็นเรือหลายสิบลำกำลังล่องเทียบข้างกันเพื่อไปสู่จัดหมายเดียว เมืองท่าซีโป



    ทั้งสามคนเดินขึ้นมายังดาดฟ้าเรือพร้อมกับผู้เล่นอีกหลายคนที่ต้องการจะขึ้นมาชมความงามของบรรยากาศยามโพล้เพล้ของเมืองท่าแห่งนี้ ด้านข้างเรือที่พวกเจนอยู่ทั้งสองด้านมีเรือที่เป็นลักษณะเช่นเดียวกันกำลังแล่นขนาบไล่เลี่ยกันมา เจนทราบได้ทันทีว่านั่นคือเรือที่มาจากเกาะเริ่มต้นเกาะอื่น เจนมองไปจนถึงขอบฟ้าเห็นเป็นเรือกำลังตามกันมาใต้ท้องฟ้าสีม่วงครามนั้นมันสวยงามไปอีกแบบ และเรือทุกลำต่างก็กำลังมุ่งไปยังเมืองที่ส่องสว่างแม้ดวงอาทิตย์ยามเย็นคงส่องแสง



    เมืองซีโปที่เจนมองจากเรือนั้นเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มาก ขนาดของท่าเรือจอดได้นับร้อยลำ พื้นของบริเวนจอดเรือนั้นเป็นก้องหินสีขาวทำให้เห็นจากทีเจนอยู่อย่างชัดเจน ในขณะที่เรือกำลังแล่นตรงเข้าไปยังท่าเรือของเมืองซีโป ก็มีเรืออีกหลายลำที่กำลังแล่นสวนมาเช่นเดียวกัน ทั้งผู้เล่นและชาวเมืองที่อยู่บนเรือต่างโบกมือไปมา เจนและพวกโจก็โบกมือตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร



    เมื่อเรือจอดเทียบท่าพวกเจนก็พากันเดินลงมาพบกันผู้คนมากมายที่ลงมาพร้อมกันกับเรือลำอื่น ๆ ที่เข้าเทียบท่า เรือบางลำก็เพิ่งเข้าเทียบในขณะที่คนบนเรือต่างมีสีหน้าตื่นเต้นที่จะรอพบเมืองแห่งใหม่จนทนรอแทบไม่ไหว คนที่ลงมาจากเรือนั้นมีหลายรูปร่างหน้าตา บางคนมีตาตี่เหมือนกับมาจากเมืองจีน บางคนตาโตเหมือนออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะหันไปทางไหนเจนก็พบว่าตนนั้นเหมือนกับหลุดมาอยู่ในต่างประเทศอย่างไรอย่างงั้นเลย พอเข้ามาด้านในตัวเมืองก็พบกับสิ่งก่อสร้างรูปทรงจีนโบราณแต่บางลวดลายของอาคารก็ทำให้เจนคิดว่าน่าจะเป็นของสิงคโปร์หรืออินโดนีเซียมากกว่า



    เจนตรงไปยังโรงแรมของเมืองก่อนเพราะว่าโจบอกเอาไว้ตั้งแต่อยู่บนเรือว่าให้รีบจองห้องพักก่อนเพราะว่าในช่วงที่ผู้เล่นเดินทางมาถึงเมืองเช่นนี้โรงแรมทั้งหลายจะถูกจองจนเต็มไวมาก ดังนั้นโจจึงนำพวกเจนไปยังโรงแรมที่ใกล้ที่สุด โรงแรมที่โจพาเข้าไปนั้นเป็นโรงแรมระดับสองสามดาว ไม่หรูหรามากนักแต่ก็ไม่ดูแย่ไปกว่าโรงแรมที่เจนเคยเข้าพักเมื่อตอนอยู่บนเกาะเริ่มต้นซักเท่าไหร่ พวกเธอเข้าพักอยู่ในห้องใหญ่ซึ่งเป็นห้องเดียวที่เหลืออยู่ ห้องนี้มีอยู่สองเตียงประกอบด้วยเตียงคู่หนึ่งเตียงและเตียงเดี่ยวอีกหนึ่งเตียง ทำให้เจนยึดเตียงเดี่ยวไปเป็นของเธอโดยบริยายและให้เพื่อนหนุ่มทั้งสองนอนเตียงใหญ่ไป



    หลังจากนำสัมภาระไปเก็บไว้บนห้องแล้วเจนก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นจึงชวนเพื่อนทั้งสองคนออกไปเดินเล่นในเมือง



    เมืองนี้แบ่งแยกเป็นสามส่วน ส่วนแรกก็คือท่าเรือซึ่งส่วนนี้จะมีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากที่นี่จะมีเรือโดยสารเข้าออกอยู่ตลอดแล้วยังมีเรือประมงทั้งของผู้เล่นและชาวเมืองที่กลับมาจากการทำประมงในทะเลจะนำปลามาคัดแยกขายกันสดๆที่นี่อีกด้วย ดังนั้นจึงมีผู้เล่นมากมายที่สนใจปลาสายพันธุ์แปลก ๆที่มีเฉพาะในเกมนี้และชาวเมืองที่อยากจะซื้อเพื่อไปทำอาหารซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมือง



    ส่วนถัดมาคือส่วนธุรกิจที่มีคนเดินไม่ต่างจากส่วนแรก ประกอบด้วยร้านค้าต่าง ๆ มากมายหลายรูปแบบตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายอาวุธ เสื้อผ้าหรือเครื่องป้องกัน ร้านขายของเวทมนตร์ที่โจนั้นให้ความรู้สึกสนใจมากแต่เข้าไปในตอนนี้ก็ยังไม่มีประโยชน์เพราะยังไม่ได้รับอาชีพสายเวทมนตร์ ร้านขายเครื่องประดับที่เจนไม่คิดจะเฉียดเข้าไปใกล้แต่ร้านค้าประเภทนี้ได้รับความนิยมจากสาว ๆ มากมายจนแน่นขนัด ร้านอาหารที่มีอยู่ตั้งแต่ระดับร้านอาหารข้างทางทั่วไปจนไปถึงร้านระดับห้าดาวที่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้ากันเป็นเดือน ๆ บางร้านผู้เล่นหรือชาวเมืองทั่วไปยังไม่สามารถเข้าไปได้เลยด้วยซ้ำ และร้านค้าแผงลอยที่เปิดโดยผู้เล่นและชาวเมืองก็มีอยู่ไปทั่วเช่นกัน ที่ขาดไม่ได้ก็คืออาคารระบบกับโรงแรมก็ตั้งอยู่ในส่วนนี้ สุดท้ายก็คือส่วนที่อยู่อาศัยของชาวเมืองรวมถึงจวนว่าการของเจ้าเมืองแห่งนี้อีกด้วย



    "ไอ้ปราสาทใหญ่ๆที่ตั้งอยู่ตรงนั้นมันคืออะไรหรือ โจ" เจนถามและชี้ไปยังป้อมปราการที่ตั้งถัดออกไปจากท่าเรือโดยแยกเป็นอีกส่วนหนึ่งแต่ดูแล้วก็น่าจะยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้



    "นั่นก็คือปราการของกิลด์ที่ครอบครองเมืองนี้อยู่ไงล่ะ"



    "ปราการ? กิลด์?" เจนถามเสียงสูงแสดงให้เห็นว่าเธอสงสัยมากเพียงไหน แจ็คหันหน้ามามองเจนอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตนนัก



    "เอาจริงเรอะ... นี่เธออยู่กับพวกเรามานานขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ว่าปราการที่เอาไว้ให้กิลด์ครอบครองมีไว้เพื่ออะไรอีกหรือเนี่ย" แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างผิดหวัง



    "ฟังนะ ในแต่ละเมือง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ๆ นะ จะมีปราการที่เป็นเหมือนอย่างที่เธอเห็นนี่แหละ ปราการไหนที่กิลด์ตีได้ก็จะได้รับปราการเป็นที่กำการของกิลด์ นอกจากนั้นภายในปราการยังมีขุมทรัพย์มหาศาลและยังได้สิทธิ์ในการลงดันเจี้ยนลับของเมืองอีกด้วย แน่นอนว่าเข้าได้เฉพาะสมาชิกกิลด์เท่านั้น แต่นี่ยังไม่รวมถึงการได้กำไรเป็นจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์ของรายได้จากทั้งเมืองอีกด้วยนะ"



    "ยังมีอีก ว่ากันว่าในแต่ละปราการจะมีความลับบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่ บ้างก็เป็นอาวุธ บ้างก็ว่าเป็นพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ บ้างก็ว่าเป็นมอนสเตอร์บอส ระดับเทพเจ้าที่หลับใหลอยู่ในปราการ" โจเสริม



    "แล้วตอนนี้ใครครองปราการนี้อยู่ล่ะ"



    "กิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ครอบครองปราการของเมืองซีโปอยู่ กิลด์นี้เป็นถึงกิลด์อันดับสองของเกมเลยเชียวล่ะ และที่นี่ก็ไม่ใช่ที่เดียวที่ปราการนี้ครอบครอง" แจ็คเป็นคนตอบ แต่ชื่อของกิลด์นี้กลับทำให้เจนรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก พาลไปนึกหน้าของคนที่ไม่ยากจะนึกถึงเข้าอีกด้วย



    "อ๋อ...กิลด์ของไอ้คนขี้เก๊กนั่นน่ะเอง" เด็กสาวพูดพึมพำแต่ก็ยังดังพอที่เพื่อนสองคนได้ยิน



    "หืม นี่เธอเคยเจอคนจากกิลด์นี้มาแล้วงั้นหรอ" แจ็คถาม



    "ช่างเถอะ พวกนายไม่ต้องรู้นั่นแหละดีแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า" รีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำไปทันที ปล่อยให้เพื่อนหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างงง ๆแล้วรีบตามไป



    พวกเจนทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารระดับสามดาวแห่งหนึ่ง ตอนนี้ทั้งสามคนมีเงินรวมกันแล้วได้ประมาณ 30,000 โกลด์ โดยมีเงินของเจนอยู่ในนั้น 9,000 โกลด์ จากขายของที่ได้มาจากตอนไปเก็บระดับบนภูเขามา เงินอีกส่วนเป็นของแจ็คกับโจที่เหลือจากเสื้อผ้าของทั้งคู่ซึ่งนั่นหมายความว่าเงินที่ทั้งสองได้มานั้นมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว



    เจนสั่งอาหารทะเลซึ่งเป็นอาหารจานเด็ดของเมืองนี้ แต่ราคาของมันกวนใจของเธอไม่น้อยเลยเช่นเดียวกัน ขนาดร้านอาหารสามดาวยังมีราคาสูงถึงจานละ 1,000 โกลด์ เจนไม่อยากจะไปนึกถึงเลยว่าถ้าเป็นร้านอาหารระดับห้าดาวจะมีราคาขนาดไหน(มีเสียงกระซิบมาจากโจว่าแค่ซุปก้นจานก็ราคาเป็นหมื่นแล้วสำหรับร้านอาหารห้าดาว)



    เจนลองลิ้มรสชาติของอาหารทะเลดูและพบว่ามันสดมากๆ ความอร่อยของกุ้งที่กัดลงไปดังกรุบกรุบในปากทำเอาให้เธออดใจสั่งจานที่สองต่อไม่ได้ เช่นเดียวกันกับโจและแจ็คที่ตอนนี้ล่อไปจานที่สี่แล้ว



    หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จซึ่งทำเอาทั้งสามกระเป๋าแห้ง พวกเจนตรงกลับไปยังโรงแรมทันทีเพราะกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองแวะซื้ออะไรอีกจนไม่มีเงินจ่ายค่าที่พัก



    พอกลับมาถึงที่พักซึ่งห้องของพวกเธอมีการตกแต่งได้ดูหรูหราสมราคา ห้องสีฟ้าโทนเขียวทำให้ดูสบายตามาก หลังจากสลับกันอาบน้ำเสร็จเจนก็ไปกระโดดลงบนเตียงของพวกโจเพื่อคุยเล่นกันก่อนนอน แจ็คนั่งเอาหลังพิงเตียงอยู่ในขณะที่โจกำลังดูกระดานข่าวบนเก้าอี้ใกล้ ๆ ส่วนเตียงของเจนนั้นอยู่อีกด้านของห้องด้วยเหตุผลส่วนตัว



    "เอาล่ะฉันถามไอ้หนูมาแล้ว เสาเวทมนตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดของเมืองนี้อยู่ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ หมอนั่นส่งตำแหน่งแถมมาในแผนที่ด้วย แบบนี้ฉันก็คงได้อาชีพจอมเวทไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่" โจพูดในขณะที่มือของเขากำลังกดดูข่าวบนหน้าจอแสงตรงหน้า



    "ของฉันอาชีพมือปืนต้องไปเปลี่ยนที่ทวีปไลเทเซีย ที่ทวีปนี้ไม่มีแหล่งขายปืนแบบที่ฉันต้องการเลย แต่เดี๋ยวจะไปลองดูในตลาดเผื่อว่ามีพ่อค้าเอามาขายในเมือง" แจ็คบอกแล้วหันไปหาเจนที่กระโดดอยู่บนเตียงกับคิทซึเนะ "แล้วเธอล่ะเจน คิดเอาไว้หรือยังว่าจะเล่นเป็นอาชีพอะไร"



    เจนหยุดกระโดดบนเตียงของทั้งคู่แล้วนอนหันหน้ามามองพลางครุ่นคิดตอบคำถาม



    "ไม่รู้สิ ฉันเองก็ยังไม่ได้นึกเหมือนกัน ว่าแต่เมืองนี้จะเปลี่ยนอาชีพอะไรได้บ้างล่ะ" เจนถาม โจได้ยินเพื่อนเอ่ยก็หันไปเปิดกระดานข่าวสารทันที



    "อาชีพที่เปลี่ยนได้ทุกที่อย่างพวกพ่อค้า นักบวช แต่อย่างเธอคงไม่ค่อยสนใจ"



    "ผ่าน ไม่สน" เสียงของเจนพูดเสริม



    "ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ตัดอาชีพสายเวทมนตร์ออก ก็คงจะเป็นชาวประมง"



    "อ่าอ่ะ"



    "ไม่ งั้นก็ลองช่างตีเหล็ก"



    "ผ่าน"



    "งั้นลองดูทหารพิทักษ์เมือง"



    "ไม่เอา"



    "ไม่สนงั้นก็ต่อไป..." โจพูดเสนออาชีพที่พอจะเปลี่ยนได้ในเมืองนี้มาหลายสิบอาชีพ แต่ทุกอาชีพนั้นไม่เข้าตาเจนเลยแม้แค่น้อย



    "เฮ้อ นี่ฉันไล่อาชีพที่จะเปลี่ยนได้แถวนี้เกือบจะหมดแล้วนะ อืม... ฉันว่าอาชีพนี้เธอต้องชอบแน่ นักดาบ เป็นไง จะลองดูมั้ย?" โจเสนอแต่เพื่อนสาวกลับให้คำตอบที่น่าแปลกใจ



    "ไม่เอา ไม่สนใจ"



    "อ้าว เธอใช้ดาบเป็นอาวุธไม่ใช้หรือ?" แจ็คหันหน้าไปถาม



    "นั่นก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นนักดาบซักกะหน่อย" เจนตอบแล้วกลิ้งตัวไปบนเตียงพร้อมกับคิทซึนะอย่างเพลิดเพลิน



    "ถ้าอย่างนั้นลองผู้ฝึกอสูรดูเป็นไง อย่างตอนนี้เธอก็มีจิ้งจอกนั่นแล้วด้วย ไปลงทะเบียนเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่สมาคมในเมืองก็ได้แล้ว" แจ็คเสนอ



    "ไม่เอาหรอก อาชีพนั้นไม่ได้ใช้ดาบเป็นอาวุธหลักนะ" เจนว่าทำให้แจ็คต้องเปิดกระดานข่าวสารไปอ่านดูรายระเอียดของอาชีพดูบ้าง



    "ถ้าอย่างนั้นนี่ก็อาชีพสุดท้ายแล้วล่ะ โจรสลัด ฟังดูเป็นไง" คราวนี้โจเป็นคนเสนอความคิด เจนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เธอลองจินตนาการภาพตัวเองให้เป็นโจรสลัดสุดเท่ห์กำลังล่องเรือไปบนท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวของเธอในทันที



    "เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเป็นจะเปลี่ยนอาชีพเป็นโจรสลัด ทักษะส่วนใหญ่ก็ใช้ได้แค่ในทะเลสิ ไม่เอาดีกว่า"



    "ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะเสนออะไรดีแล้วล่ะเจน" โจว่าแล้วปิดหน้าต่างแสงลง



    "ทางนี้ก็เหมือนกัน หมดไอเดียแล้ว" แจ็คเสริมแล้วตะเกียกตะกายขึ้นไปนอนบนเตียงกับเจนโดยมีคิทซึเนะนอนแทรกกลาง



    "ช่างเถอะ เล่นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวฉันก็หาอะไรถูกใจได้เองนั่นแหละ ขอบใจพวกนายมากนะ" เจนบอกและทุบไหล่ของแจ็คเบา ๆก่อนที่ลุกกระโดดลงจากเตียง



    "คืนนี้ฉันไปนอนก่อนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์นะ"



    "ฝันดีเจน" โจตอบ



    "ฝันดีเหมือนกัน" แจ็คว่า เจนโบกมือลาแล้วตรงไปยังเตียงของเธอ หัวถึงหมอนเพียงครู่เดียวเจนก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเธอนั้นหนักอึ้งและหลับไปในเวลาไม่นาน







    เจนตื่นเช้ามาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นเต็มที่ เธอตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนเพื่อนสองคนที่เธอมั่นใจว่าตอนนี้คงยังไม่ตื่นอย่างแน่นอน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเจนก็มุ่งไปยังเตียงของทั้งคู่และเธอก็ต้องแปลกใจเพราะทั้งคู่ตื่นแล้วและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย



    "ฉันแปลกใจนะเนี่ยที่เห็นพวกนายตื่นเช้ากันแบบนี้" เจนมองพวกโจกำลังทานอาหารเช้าที่ดูเหมือนพวกเขาจะยกขึ้นมาจากโรงอาหารของโรมแรมมากินบนห้อง เจนหยิบมันฝรั่งทอดที่วางอบู่บนเก้าอี้ข้างเตียงมากินชิ้นหนึ่งแล้วนั่งลงบนเตียง



    "พวกเราต้องปรับตัวให้เข้ากับเกมน่ะรู้มั้ย ยิ่งตื่นสายเท่าไหร่เราก็มีเวลาในแต่ละวันน้อยลงเท่านั้น อย่างที่เขาพูดกันว่าตื่นเช้าเป็นกำไรของชีวิตไง" โจพูดอย่างภูมิใจในตัวเอง



    "ว้าว ฉันละทึ่งจริง ๆ ว่าคำนี้ออกมาจากปากนายได้"



    "เอาเป็นว่าพวกเรารีบกินข้าวเช้ากันดีกว่า แล้วเจน ฉันยกของเธอมาให้แล้วอยู่บนโต๊ะโน้น หยุดกินมันฝรั่งของฉันซักที" แจ็คว่าแล้วยกข้าวเช้าของตัวเองหนีก่อนที่จะถูกกินจนหมด







    หลังจากเช็คเอาท์โรงแรมเรียบร้อยแล้วพวกเจนก็ไปจัดการซื้อเสบียงมาเติมให้พอกับการเดินทางระยะไกล ทั้งสามวางแผนที่จะไปเปลี่ยนอาชีพให้กับโจก่อนโดยสถานที่เปลี่ยนอาชีพของโจที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ในสุสานผีดิบซึ่งเป็นแหล่งเก็บเลเวลที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมอนสเตอร์ที่สุสานนั้นเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าและแพ้ธาตุไฟกับธาตุแสงอย่างมากแต่ก็มีความอึดตายยากมากเช่นกัน



    พวกเจนออกเดินทางในตอนสาย ระหว่างทางพวกเธอไม่ค่อยเหงานักเพราะมีผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่มีจุดหมายเดียวกันชวนคุยอยู่ตลอดเวลา เหมาะสำหรับเจนที่ต้องการทดสอบทักษะในการปลอมตัว(?)ของตัวเองว่าจะมีใครดูออกว่าเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เธอชวนคนอื่นคุยกันจนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว



    "พี่เจนได้คิทซึเนะมาตอนอยู่เกาะเริ่มต้นหรือคะ ฮิฮิ น่ารักจังเลย" สาวน้อยคนหนึ่งที่คุยกับเจนจนสนิทสนมเอ่ยถามและก้มลงไปเล่นกับคิทซึเนะซึ่งจิ้งจอกน้อยที่ยอมเล่นด้วยอย่างว่าง่าย



    เธอมีชื่อว่าซินจู เธอมีทรงผมทวินเทลสีชมพูอ่อนและหน้าตาน่ารักเหมือนกับเด็ก ๆ เหมาะกับรูปร่างเล็กของเธอ ซินจูเป็นผู้เล่นจากประเทศจีนซึ่งเพิ่งมาถึงทวีปหลักเช่นเดียวกับพวกเจน เธอใช้อาวุธหลักเป็นไม้เท้าเวทที่มีขนาดใหญ่กว่าคทาเวทที่โจเคยใช้แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ต่างอะไรมากนัก เธอสวมชุดนักเวทแสงสีชมพูบ่งบอกว่าเธอต้องการจะเล่นสายซัพพอร์ทอย่างเห็นได้ชัด



    "อื้ม พี่ช่วยคิทซึเนะมาจากในป่าเลยได้เป็นสัตว์เลี้ยงน่ะ" เจนตอบตามความจริงเพียงครึ่งเดียว เธอตัดสินใจไม่บอกเรื่องที่เธอเจอมาเอะเอาไว้ก่อน



    "ดีจังเลยอ่ะเจน มีทั้งคิทซึเนะที่น่ารักเป็นสัตว์เลี้ยงแถมยังหน้าตาดีด้วย แบบนี้ตอนเข้าไปในเมืองคงโดนสาว ๆ ตามติดแจเลยสิ" หญิงสาวอีกคนพูดขึ้น เธอมีชื่อว่าไมโกะ เป็นผู้เล่นอีกคนในกลุ่มของซินจูแต่มาจากประเทศญี่ปุ่น เธอมีผมสีดำขลับยาวจนถึงกลางหลังเข้ากับใบหน้าคมดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง และรูปร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบของเธอทำให้ใครต่อใครมองตามเธออย่างไม่ละสายตา ไมโกะอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลมีเกราะอกป้องกันเอาไว้ ส่วนช่วงล่างเธอใส่กางเกงขาสั้นสีดำทำให้เหมาะในการเคลื่อนไหวเร็ว ๆ ซึ่งเหมาะกับเธอที่ใช้มีดคู่เป็นอาวุธหลักมาก



    เจนที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ตอบอะไรเพราะนี่เป็นการย้ำว่าเธอปลอมตัวเป็นผู้ชายได้สำเร็จแล้วแต่นั่นกลับทำให้ตอนนี้ดูมีบุคลิกที่น่าหลงใหลเข้าไปอีกจนทั้งซินจูและไมโกะแอบหน้าแดงเล็กน้อย ขนาดผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับพวกเจนก็ยังต้องมองตามเลยทีเดียว



    อีกด้านหนึ่งพวกโจก็กำลังคุยกับเสือซ่อนลายและยูสตาร์ซึ่งเป็นผู้เล่นจากประเทศเกาหลีและมาพร้อมกับพวกซินจู โดยเสือซ่อนลายนั้นมีรูปร่างใหญ่แต่ดูปราดเปรียว เขาสวมชุดเกราะสีขาวที่มีขายอยู่ตามร้านทั่วไปและมีดาบกับโล่เป็นอาวุธซึ่งบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นพวกสายรับการโจมตี ส่วนยูสตาร์นั้นเป็นหนุ่มสวมแว่นตารูปร่างผอมพอประมาณและมีความสูงพอ ๆกับเสือซ่อนลาย เขามีธนูยาวเป็นอาวุธหลักเหมาะกับชุดผ้าสีเขียวที่เขาสวมอยู่มากทีเดียว



    บังเอิญทั้งสองคนนั้นรู้จักกับโจผ่านวีดีโอบล็อกที่โจอัดเอาไว้ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ติดตาม เมื่อทั้งคู่เห็นหน้าโจก็จำได้ทันทีว่าคนตรงหน้านี้คือใคร



    "ผมนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้มาเจอพวกคุณในเกมแบบนี้ ตอนแรกที่คุณโพสข้อความขึ้นไปบนบล็อกผมก็รีบชวนเพื่อน ๆ มาเล่นเกมนี้ทันทีเลย น่าเสียดายเพื่อนในกลุ่มของผมว่างแค่ยูสตาร์คนเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นคงได้ไปเก็บระดับพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยแท้ ๆ เชียว" เสือซ่อนลายบอก น้ำเสียงของเขาดูเกรงใจโจอยู่ไม่น้อย



    "จะมาเรียกคงเรียกคุณอะไรกัน พวกเราไหน ๆ ก็มาเป็นเพื่อนกันแล้วแค่เรียกชื่อกันก็พอแล้ว นายเรียกฉันว่าโจ ส่วนฉันก็จะเรียกนายแค่เสือกับยู จะได้สนิท ๆ กันไว ๆ ไง" โจพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเป็นมิตร ทำให้ทั้งคู่รู้สึกโล่งใจมากเลยทีเดียว



    "อ่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าให้เรียกเด็กที่อายุน้อยกว่าว่าคุณมันก็รู้สึกแปลก ๆ เนอะว่ามั้ย ฮ่าฮ่า" ยูสตาร์พูดติดตลกทำให้การสนทนาของทั้งสี่มีแต่เสียงหัวเราะดังไม่หยุด



    หลังจากทั้งเจ็ดคนทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วก็เข้าร่วมกลุ่มกันทันทีโดยมีโจเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทุกคนก็รีบมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายหรือก็คือสุสานผีดิบโดยตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากพาโจและซินจูไปเปลี่ยนอาชีพได้แล้วจะเข้าไปเก็บระดับต่อเลย



    เมื่อมาถึงสุสานผีดิบพวกเจนก็พบว่าที่นี่นั้นเป็นสุสานที่เป็นสิ่งก่อสร้างรูปทรงแบบตะวันออก ทางเข้าสุสานเป็นเสาไม้ดูคล้ายของประเทศจีนหรือญี่ปุ่นทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว หากไม่ใช้ว่าที่แห่งนี้มีคนอยู่มากกว่าจำนวนมอนสเตอร์ผีดิบที่กระโดดไปมาอยู่ด้านใน



    ทางเข้าของดันเจี้ยนแห่งนี่นั้นมีบรรยากาศคล้ายกับตลาดนัดที่มีพ่อค้าแม่ขายตั้งร้านแผงลอยขายของอยู่เป็นจำนวนมาก ของที่นำมาขายก็มีตั้งแต่น้ำยาเพิ่มพลังชีวิตจนไปถึงอาวุธหรือแม้กระทั้งพ่อครัวมาเปิดร้านอาหารใกล้ให้คนมากินกันก็ยังมี และแน่นอนก็มีคนเปิดโรงแรมให้นอนแต่ก็เป็นเพียงแค่เต็นท์ขนาดใหญ่ที่ด้านในมีฟูกเท่านั้นเอง



    พอเข้ามาด้านในก็ยังไม่วายมีผู้เล่นหลายกลุ่มกำลังป่าวประกาศหาคนเข้าร่วมกลุ่ม บ้างก็ติดป้ายหาอาชีพที่มีคุณสมบัติตามกลุ่มที่ตนต้องการอยู่ไปทั่ว จากดันเจี้ยนที่ควรจะให้บรรยากาศสยองขวัญในตอนนี้กลับไร้กลิ่นอายนั้นไปซะสิ้น



    "ฉันว่าพวกเรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า ยิ่งอยู่ตรงนี้ฉันว่ายิ่งเสียบรรยากาศ" ไมโกะว่า พวกผู้ชายทั้งหลายต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงซินจูคนเดียวเท่านั้นที่ยังรู้สึกกลัวได้ ขนาดเจนที่ไม่ค่อยถูกโรคกับพวกหนังผีนักยังรู้สงสารผีดิบพวกนี้เลยด้วยซ้ำ



    หลังจากเจนเดินผ่านกลุ่มคนที่พยายามดึงสาว ๆ เข้าปาร์ตี้ของตนโดยที่ไม่มีใครมายุ่งกับเธอเลย(ซึ่งเจนก็รู้สึกพอใจไม่น้อย) เจนก็พบกับผีดิบตัวแรกซึ่งกระโดดพุ่งโจมตีใส่เสือซ่อนลายที่เดินนำขบวนเป็นคนแรก



    เสือซ่อนลายเองก็ถือว่าเป็นคนที่เก่งพอตัว เขายกโล่กันมือของผีดิบที่ฟาดเข้ามา เสียงกระทบของมือคนตายประทะกับโล่เหล็กดังลั่น ดูท่าทางพลังโจมตีของมันจะไม่ใช่น้อย ๆ เพราะมันทำให้โล่ของเสือซ่อนลายถึงกับบุบในการโจมตีเพียงครั้งเดียว สีหน้าของเสือตอนนี้ก็รู้สึกประหลาดใจกับเรี่ยวแรงมหาศาลของมัน



    ทหารผีดิบ

    ชั้นทหาร ระดับ 58

    ศพของทหารสมัยโบราณถูกนำมาฝังไว้ยังสุสานแห่งนี้ วิญญาณเหล่านี้ลุกขึ้นมาจากหลุมเพราะห่วงที่ยังมีอยู่ในโลกและไม่อาจกลับไปยังโลกหลังความตายได้

    พลังป้องกันธาตุความมืดและดินสูง แพ้ธาตุไฟและแสงสว่าง



    เจนรีบตรวจสอบจึงรู้ได้ว่าตรงหน้าที่คือทหารผีดิบ ก่อนหน้านี้เธอสั่งให้คิทซึเนะคอยช่วยปกป้องซินจูเอาไว้ถ้าไม่อย่างนั้นผีดิบในสุสานแห่งนี้คงมีชะตาไม่ต่างจากเหล่าเสือสมิงบนเกาะเริ่มต้นอย่างแน่นอน เจนชักดาบของเธอออกมาแล้วพุ่งเข้าฟันทหารผีดิบทันที



    ดาบตัดมือของผีดิบขาดออกจากร่างในชุดเกราะ แต่สีหน้าของมันกลับไม่ได้รู้สึกรู้สากับแขนข้างนั้นเลยแม้แต่น้อย มันหันไปหาเจนผู้ซึ่งทำร้ายมันและฟาดมือเข้าใส่ เจนโยกตัวหลบพร้อมทั้งโจมตีสวนกลับไปจนมีแผลเหวอะหวะดูขยะแขยงแต่น่าทึ่งที่มันกลับไม่ล้มลง



    "อะไรเนี่ย เจ้านี่เป็นอมตะหรือยังไงกัน" เจนถอยออกมาดูเชิงเพราะถ้าหากเธอสู้ต่อไปเธออาจจะเสียท่าได้



    "เจ้านี่พลังชีวิตสูงมาก ทำให้เกิดแผลแค่นั้นฆ่าไม่ได้หรอก มันต้องอย่างนี้" ไมโกะพูดแล้วโยนระเบิดเพลิงใส่ ลูกไฟระเบิดใส่ทหารผีดิบเข้าเต็ม ๆ ร่างของมันเผาไหม้อย่างรวดเร็วแต่ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้นมันก็ยังสามารถเดินเข้ามาหาพวกเจนได้อยู่ จนในที่สุดร่างของมันก็ล้มลงและกลายเป็นแสงหายไป ทิ้งกองกระดูกเอาไว้บนพื้นพร้อมกับเศษผ้านิดหน่อยเท่านั้น



    "โหย ไอ้ตัวผีดิบแบบอึดตายยากแบบนี้ใครจะไปฆ่าได้ล่ะเนี่ย ฉันเองก็โจมตีพวกธาตุไม่ได้ซะด้วยสิ" แจ็คโวยวาย



    "ทางนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะอย่างนั้นพวกเราถึงต้องรีบไปเปลี่ยนอาชีพให้ซินจูเร็ว ๆ ไง เธอจะได้มีเวทสายแสงสว่างที่ช่วยพวกเราได้ เห็นว่าโจเองก็มีคัมภีร์เวทอยู่เหมือนกันนี่ เวทสายไหนหรือ" ยูสตาร์ถาม



    "ไม่รู้เหมือนกัน ฉันได้มาเพราะมีคนมอบให้อ่ะนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเวทมนตร์อะไร หวังว่าคงจะถูกใจฉันล่ะนะ" โจบอกตามความจริงเพราะตอนที่ได้มาจากหมิงเต๋อเขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่านี่คือเวทมนตร์อะไร แค่รู้ว่าเป็นม้วนคัมภีร์เวทระดับ S ก็ดีใจมากแล้ว



    เมื่อได้รู้ว่าอยู่แถวนี้พวกตนยังทำอะไรไม่ได้มากจึงเร่งเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายให้ถึงโดยไว แถวนี้ถึงจะเป็นบริเวณที่ตั้งของสุสานแต่ก็ยังมีคนมาสู้อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีทหารผีดิบไม่กี่ตัวที่มาถึงมือพวกเจน ตัวที่หลุดมาก็จะเป็นหน้าที่ของไมโกะที่จะใช้ระเบิดเพลิงจัดการพร้อมกับเพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะ โดยมีปืนของแจ็คและธนูของยูสตาร์คอยสนับสนุน



    เพลิงจิ้งจอกนั้นสามารถจัดการพวกผีดิบได้อย่างเห็นผลยิ่งกว่าระเบิดเพลิงของไมโกะเสียอีก เพียงแค่ไม่ถึงนาทีเพลิงสีน้ำเงินของคิทซึเนะก็เผาพลาญร่างของผีดิบนับสิบไปได้โดยไม่ทันให้ใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย



    "โอ้ สัตว์เลี้ยงของเธอนี่สุดยอดจริงๆเลย เจน ถ้าแบบนี้พวกเราก็คงไม่ต้องกังวลเท่าไหร่แล้วล่ะ ถ้าหากเราพลาดเมื่อไหร่ล่ะก็ ให้คิทซึเนะมาช่วยก็รอดแล้ว" เสือซ่อนลายกล่าว



    "ให้คิทซึเนะรับหน้าที่จัดการพวกผีดิบไปไม่ดีกว่าหรือคะ พี่เสือ" ซินจูถาม เธอยังคงเกาะหลังเจนแน่น



    "ไม่ได้นะน้องซิน ถ้าทำแบบนั้นพวกเราก็ไม่ได้ฝึกฝีมือกันพอดี การมาครั้งนี้ของพวกเราก็ไม่มีความหมายน่ะสิ ถึงจะทำอะไรไม่ได้มากก็อย่าอู้นะ” เสือซ่อนลายพูดแล้วหันกลับไปหาพวกโจ



    “พวกแจ็คกับยูสตาร์แล้วก็ว่าที่นักเวทคอยโจมตีระยะไกล ไมโกะ เธอคอยคุ้มกันพวกนั้นเอาไว้ดี ๆ นะ ถ้ามีตัวไหนหลุดรอดก็ใช้ระเบิดเพลิงจัดการไปเลย"



    "เข้าใจแล้ว ไว้ใจได้เลย" หญิงสาวตอบพลางโยนระเบิดในมือเล่น



    "ส่วนเจนกับฉันจะพยายามจัดการผีดิบให้มากที่สุด ให้คิทซึเนะจัดการผีดิบที่เข้ามามากเกินไปก็พอนะ ซักสองสามตัวฉันว่าเราสองคนคงยังน่าจะพอสู้ไหวอยู่" เสือซ่อนลายเสริม เจนพยักหน้าเข้าใจแล้วไปถ่ายทอดคำสั่งแก่คิทซึเนะ



    ทั้งเจ็ดคนค่อย ๆ มุ่งหน้าสู่สุสานชั้นในไปเรื่อย ๆ ด้วยการวางแผนการโจมตีอย่างดีทำให้พวกเจนแทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเข้ามาลึกขึ้นและมีผีดิบจำนวนเยอะขึ้นแต่ก็ไม่มีตัวไหนที่หลุดรอดเพลิงจิ้งจอกไปได้ คิทซึเนะเพียงปล่อยผีดิบไปหาเจนกับเสือซ่อนลายทีละสองตัวตามคำสั่ง จากนั้นมันก็ไปช่วยพวกซินจูที่คอยป้องกันตัวเองอยู่ไม่ไกล



    ทว่าเมื่อทุกคนเดินทางเข้ามาจนถึงบ้านทรงจีนหลังใหญ่ที่น่าจะเป็นทางเข้าในสู่ดันเจี้ยนสุสานขุนนาง และยังเป็นสถานที่ที่มีเสาเวทมนตร์ซึ่งเป็นแหล่งที่สามารถเปลี่ยนอาชีพของนักเวททั้งหลาย แต่ที่ผิดปกติคือแถวนี้มีคนหลายกลุ่มมาตั้งเต็นท์อยู่บริเวณทางเข้า แถมพวกนั้นยังมองหน้าคนที่มาเก็บระดับแถวนี้ตาขวางจนหลายคนไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย



    "อะไรกันไอ้พวกนี้ ทำอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของดันเจี้ยนอย่างนั้นแหละ" ไมโกะพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนักเพราะเธอเห็นผู้เล่นชายหญิงคู่หนึ่งจะเดินเข้าไปแต่กลับถูกผู้เล่นพวกนั้นไล่กลับมาโดยไม่ที่สามารถทำอะไรได้



    "เกมนี้ทำแบบนี้กันได้ด้วยงั้นหรือ" เจนหันไปถามโจและเขาก็ยักไหล่ให้เป็นคำตอบ



    "ในเกมนี้ใครจะทำอะไรก็ได้ ถึงภายในเมืองจะมีพวกทหารประจำเมืองกับGm คอยดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ก็เถอะ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่มีคนถูกปล้นหรือขโมยของ การลอบฆ่าในเมืองก็ยังมีให้เห็นอยู่เลย ยิ่งออกมานอกเมืองแบบนี้ไม่มีใครคอยมาคุมเพราะไม่มีกฎอะไรทั้งนั้น พวกนั้นมีคนเยอะมากมันถึงได้ไม่กลัวไงว่าจะมีใครมาหาเรื่อง แต่ดูท่าทางที่พวกนี้มาพักอยู่ในเขตมอนสเตอร์ชุมขนาดนี้ได้ หมายความว่าพวกนี้ก็มีฝีมืออยู่เหมือนกัน" โจอธิบาย ถึงเขาจะไม่พอใจเช่นเดียวกันแต่เขาทำอะไรไม่ได้



    "แล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ ถ้าขืนเป็นแบบนี้พวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยนอาชีพกันพอดีสิคะ คนอื่น ๆ เองก็พลอยลำบากไปด้วยแบบนี้แย่จริง ๆ เลย" ซินจูพูดอย่างไม่พอใจ



    เจนเองก็อยากจะเข้าไปจัดการคนพวกนี้จะแย่ แต่ในนี่คือเกมที่เธอไม่อาจประมาทคนอื่น ๆ ได้เพราะทุกคนสามารถเก่งได้เหมือนกันหมด ถ้าหากทะเล่อทะล่าเข้าไปนั่นอาจจะหมายถึงความตายของเธอก็ได้ และบางอย่างบอกเธอว่านั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุดด้วย



    จบตอนที่ 11 พานพบ



    --------------------




  26. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  27. #16
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 12 ปริศนา


    ตอนที่ 12 ปริศนา



    ในเวลานี้พวกเจนตัดสินใจเก็บระดับกันอยู่บริเวณทางเข้ากันก่อนแล้วค่อยหาทางเข้าไปในดันเจี้ยนทีหลัง เสือซ่อนลายนำพวกเธอไปยังจุดหนึ่งที่สามารถสังเกตการณ์กลุ่มคนที่อยู่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนได้อย่างชัดเจน พวกเจนได้ฝึกฝีมือและเก็บระดับกับทหารผีดิบจำนวนมากแต่เนื่องจากความห่างของระดับมีไม่ต่างกันนักและเจนยังแบ่งค่าประสบการณ์ให้คิทซึเนะครึ่งหนึ่งจึงทำให้ระดับเพิ่มขึ้นมาไม่มาก ในขณะที่คนอื่น ๆ มีเลเวลไปถึง 55 แล้ว แต่เจนเพิ่งมีระดับเพียงแค่ 51 และคิทซึเนะก็ขึ้นมาถึงระดับ 49 เท่านั้นเอง อย่างน้อยตอนนี้ทักษะการใช้ดาบขั้นต้นก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 65 และเปลี่ยนชื่อเป็นทักษะการใช้ดาบขั้นสูงซึ่งช่วยเพิ่มพลังโจมตีของดาบได้มากกว่าเดิม



    เวลาผ่านไปได้พักหนึ่งเริ่มมีคนเข้ามามากขึ้นแต่เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้เป็นผู้เล่นหน้าใหม่เช่นเดียวกับพวกเจนและต้องการจะเข้าไปเก็บระดับด้านในสุสานขุนนาง แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีผู้เล่นกลุ่มนี้คอยเฝ้าทางเข้าอยู่ ต่างจากผู้เล่นหน้าเก่าที่จะอยู่บริเวณอื่นกันมากกว่าเพราะรู้ว่าไม่สามารถเข้าไปได้ ถึงอย่างนั้นเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และตัดสินใจจะรออยู่ในบริเวณนี้เช่นเดียวกับพวกเจน



    "เฮ้ ทุกคนฟังนี่นะ ฉันติดต่อกับเจ้าหนูส่งข่าวที่รู้จักกันตอนอยู่เมืองเริ่มต้น...คนที่ให้ข่าวเรื่องเสาเวทมนตร์ที่นี่ไง เจ้านั่นบอกมาว่าพวกนี้เป็นนักเล่นเกมอาชีพที่คอยเฝ้าดันเจี้ยนที่เป็นแหล่งเก็บระดับดีๆอย่างที่นี่เอาไว้ให้แต่พวกตัวเองและไม่ปล่อยให้ผู้เล่นอื่นเข้าไปเลย แถมไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียวนะ คนพวกนี้มีอยู่ทุกทวีปเลยล่ะ ถึงจะตรวจสอบแล้วว่าพวกนี้เป็นผู้เล่นไร้สังกัด แต่ไอ้หนูบอกใคร ๆ ก็รู้ว่าไอ้พวกนี้มันอยู่ในสังกัดของกิลด์พิฆาตราชา พอจำพวกนั้นได้มั้ย เจน" โจหันไปหาเพื่อนสาวแล้วจึงถาม



    เจนพยักหน้าเบา ๆ พร้อมสังเกตพวกผู้เล่นอันธพาลอยู่ตลอดเวลา ในตอนนี้เนื่องจากมีผู้เล่นมาตั้งที่พักแบบเจนอยู่เป็นจำนวนมากทำให้พวกเธอไม่ต้องคอยกังวลเรื่องทหารผีดิบมาคอยโจมตีบ่อยนัก ถึงตอนนี้จะไม่มีใครกล้าเข้าไปหาพวกผู้เล่นอันธพาลแล้วก็ตาม แต่การที่มีผู้เล่นคนอื่นจำนวนมากมาตั้งแค้มป์กันแถวนี้ก็ทำให้พวกนั้นรู้สึกไม่ค่อยชอบใจอย่างแน่นอน



    เธอเคยพบเจอพวกผู้เล่นที่มีนิสัยแบบนี้มาก่อนแถมยังพบเจอบ่อยยิ่งกว่าในโลกจริง เธอพอจะเดาออกว่าถ้าหากปล่อยเวลาผ่านเลยไปล่ะก็มีปัญหาอย่างแน่นอน และเรื่องแบบนี้เธอมักเดาถูกเสมอซะด้วย ยังไม่ทันไรเจนก็เห็นผู้เล่นสองคนมาคุยกันก่อนที่จะเดินเข้าไปหากลุ่มผู้เล่นที่กำลังสู้กับทหารผีดิบตัวหนึ่งอยู่



    "เฮ้ย! อย่างมาแย่งเหยื่อของข้านะโว้ย!" ผู้เล่นอันธพาลคนหนึ่งตะโกนใส่กลุ่มผู้เล่นเหล่านั้นและฟาดดาบฟันทหารผีดิบจนตายในครั้งเดียว ร่างของมันกลายเป็นแสงปล่อยให้ของตกอยู่บนพื้นแต่ไม่มีใครกล้าเก็บ



    'เอาเข้าแล้วไง' เจนคิดแล้วรีบหันไปหาเพื่อนของเธอ



    "แจ็ค! เจวัน ด่วนเลย"



    เจนพูดรหัสที่รู้กันเพียงแค่พวกเจนสามคนเท่านั้นที่รู้ มันเป็นรหัสที่ใช้เวลาที่พวกเธอเจอนักเลงมาหาเรื่องและให้ทั้งสองคนนั้นหลบไปให้เร็วที่สุดก่อนจะโดนลูกหลง แต่ครั้งนี้เธอหมายถึงให้พาทุกคนหลบไปและพวกโจเองก็เข้าใจดี พวกเขารีบดึงตัวพวกเสือซ่อนลายให้หลบออกไปพร้อมกัน ส่วนเจนนั้นก็รีบเข้าไปในกลุ่มคนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



    "อย่าได้แตะ ของ ๆ ข้าเด็ดขาดเชียวนะโว้ย! ให้มันรู้ซะบ้างว่าแถวนี้มันถิ่นใคร!" ผู้เล่นอันธพาลคนเดิมตะโกนอย่างไม่เกรงกลัว หน้าของเขาแดงอย่างผิดธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด เจนพอจะเดาได้ว่าคนๆนี้กำลังเมาอย่างแน่นอน เมื่อหันไปมองกลุ่มของพวกผู้เล่นอันธพาลและพบว่าพวกนั้นกำลังดื่มเหล้ากันอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย



    "โจ ในเกมนี้มีเหล้าด้วยงั้นหรือ" เจนติดต่อไปทางช่องสื่อสารกลุ่ม



    "มีสิ ลืมไปแล้วหรือไงว่านโยบายของเกมนี้คืออะไร แต่อย่างน้อยเขาก็กำหนดอายุที่จะดะ..-"



    "แค่นั้นก็พอแล้ว" เด็กสาวตัดบท "ทุกคนเตรียมพร้อมเอาไว้เผื่อว่าเกิดเรื่องขึ้นนะ"



    "เข้าใจแล้วเจน ทุกคนพร้อมเรียบร้อย คิทซึเนะก็อยู่ทางนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" เสือซ่อนลายเป็นคนตอบกลับมาทำให้เจนรู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อยเพื่อน ๆ ของเธอจะปลอดภัยเพราะสิ่งที่เธอกำลังจะทำนั้นอาจจะอันตรายอยู่บ้าง



    กลับไปที่ผู้เล่นอันธพาลตอนนี้หยิบของที่ตกอยู่ใส่กระเป๋าของตัวเองอย่างหน้าไม่อาย ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่สังเกตบรรยากาศรอบข้างเลยแม้แต่น้อย สายตานับสิบคู่ต่างจ้องมองมาที่ผู้เล่นอันธพาลเพียงคนเดียวด้วยความไม่พอใจแต่ไม่กล้าลงมือทำอะไรเพราะฝีมือที่เขาเพิ่งแสดงให้เห็นนั้นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามีระดับสูงกว่าพวกผู้เล่นใหม่แถวนี้มาก ส่วนเจนก็กำลังคิดว่าจะหาโอกาสลอบโจมตีหรือจะยุผู้เล่นคนอื่นให้รุมพวกอันธพาลพวกนี้ดีซึ่งนั่นทำให้เธอจะได้ไม่ต้องเป็นจุดสนใจมากนัก



    "ไอ้พวกขี้ขลาด แค่นี้ก็ปอดแหกไม่กล้าเข้ามาซักกะคน แบบนี้เลิกเล่นเกมแล้วออกไปเล่นทำกับข้าวดีกว่ามั้งพวกแกน่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!" ผู้เล่นหนุ่มคนนั้นยังคงพูดไม่หยุด กลุ่มของเขาเองก็ไม่มีใครคิดจะสนใจอีกด้วยแถมยังร่วมหัวเราะอีกต่างหาก เจนพบคนแบบนี้มาก็มากและเธอก็มั่นใจว่าไอ้พวกดีแต่ปากแบบนี้เป็นได้แค่ลูกสมุนเท่านั้น แต่เธอก็ประมาทไม่ได้เพราะถึงแม้ตรงหน้าจะเป็นแค่ลูกน้องชั้นล่างไม่ค่อยมีฝีมือแต่ระดับเป็นตัวชี้วัดชัยชนะได้อย่างมากเลยทีเดียว



    ทันใดนั้นสายตาของเจนก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในดันเจี้ยนพร้อมกับถาดที่มีขวดเหล้าวางอยู่ เธอเป็นเด็กสาวตัวเล็กมีผมสีฟ้าสั้นประบ่าดูน่ารัก โดยวัยของเธอนั้นเจนคิดว่าคงไม่เกิน 14 - 15 ปี เธอสวมชุดค่อนข้างซอมซ่อถ้าเทียบกับผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งมาถึงเกาะเริ่มต้นอย่างพวกเจน เธอสวมชุดผ้าสีดำขาด ๆ โดยไม่มีเครื่องป้องกันอื่นเลยจากที่เจนเห็น



    เด็กคนนั้นนำขวดเหล้าไปส่งให้พวกนักเลงที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ในที่พักของตน พอเธอจะกลับเข้าไปด้านในก็ถูกนักเลงคนหนึ่งขัดขาให้ล้มลงไปบนพื้น เสียงหัวเราะดังออกมาจากกลุ่มอันธพาลดังไปทั่ว ส่วนผู้เล่นชายที่แสดงฝีมือก่อนหน้านี้ก็เข้าร่วมหัวเราะด้วยเช่นกันโดยไม่รู้สึกผิดโดยแม้แต่น้อย



    "เฮ้ย! เดินภาษาอะไร ดูหน่อยสิวะ ขาคนนะเว้ยเดินสะดุดมาได้" เขาเดินเข้าไปหาเด็กสาวแล้วยกขวดเหล้าอยู่เหนือหัวของเด็กสาวและเทรดบนหัวของเธอ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคนรวมทั้งเจนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้น เหล่าผู้เล่นพวกนี้ทำสิ่งผิดกฎหมายได้อย่างหน้าตาเฉย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทารุณกรรมเช่นนี้แล้วด้วย



    สีหน้าของเด็กสาวแสดงถึงความเจ็บปวดออกมา เสียงสะอื้นดังออกมาพร้อมกับเสียงเล็ก ๆ พึมพำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่เสียงหัวเราะกลับดังกว่าทำให้แทบไม่มีใครได้ยินแต่เสียงน้อย ๆ ไม่พลาดหูของเจนไปได้ คลื่นใต้น้ำในจิตใจของเจนเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ความคิดเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็วและมือของเจนเคลื่อนไหวในพริบตา



    มีดพุ่งออกจากมือเรียวปักเข้าที่คอของชายหนุ่มอย่างแม่นยำ แขนที่ถือขวดเหล้าของชายหนุ่มกระตุกหนึ่งครั้งก่อนที่มันจะหลุดจากมือและกลายเป็นแสงหายไปก่อนจะตกโดนหัวของเด็กสาวพร้อมกับร่างของเขา สายตาทุกคู่เวลานี้ต่างมองเจนเป็นสายตาเดียวในขณะที่มือของเธอยังยื่นออกไปเป็นหลักฐานคาตาว่าฝีมือขว้างมีดของเธอนั้นอยู่ในระดับไหน



    "ซวยแล้วไง!" เสียงของโจดังขึ้นในหัวของเจนแต่ในเวลานี้เธอไม่สนใจแล้ว เด็กสาวชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่พวกนักเลงที่ยังไม่ทันได้สติดี เธอแทงดาบเข้าใส่ผู้เล่นที่อยู่ใกล้ที่สุดทะลุหัวใจแล้วดึงดาบออก จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นแสงหายไปโดยที่ไม่ได้ต่อสู้เลยแม้แต่น้อย



    "ฆ่าไอ้เวรนี่ซะ!!" ผู้เล่นอันธพาลคนหนึ่งที่รวมสติได้เร็วกว่าร้องตะโกนและคนอื่น ๆ ก็เริ่มพุ่งเข้าใส่เจนทันที



    ดาบงามถูกใช้ปัดป้องการโจมตีจากอาวุธอื่นได้อย่างรวดเร็ว เจนก้มตัวหลบธนูที่นักเลงคนหนึ่งยิงมาทางเธอและตวัดดาบใส่นักเลงอีกคนที่วิ่งเข้าใส่เธอจนเซล้มลงไปชนคนอื่น ๆ ที่พยายามจะเข้ามาฆ่าเจนจนล้มระเนระนาดตามกันไป ถึงการโจมตีของเจนจะไม่สามารถจัดการพวกนี้ได้ทันทีเนื่องจากความห่างชั้นของระดับ แต่เธอก็ยังสามารถสู้กับคนจำนวนมากกว่าได้อย่างไม่ลำบากนักเพราะแต่ละคนกำลังอยู่ในอาการเมาซึ่งทำให้ความเร็วและความแม่นยำลดลงมาก



    แต่ยิ่งสู้นานเข้าเธอก็เริ่มรับมือได้ลำบากมากขึ้นเพราะสติของพวกนักเลงนั้นเริ่มจะกลับมาแล้ว ทำให้เจนต้องคิดหาทางจัดการพวกนักเลงให้เร็วที่สุด ร่างของเธอส่องสว่างจากทักษะเสริมพลังทำให้เจนเพิ่มความเร็วขึ้นจนพวกนักเลงเริ่มตามไม่ทัน เธอพุ่งผ่านร่างของนักเลงสองคนและตวัดดาบผ่านลำคอของคนแรกพร้อมทั้งใช้หมัดต่อยหน้าของคนที่สองจนล้มลงกองกับพื้นจากนั้นจึงใช้ดาบปักทะลุร่างจนหายเป็นแสงไป





    ผู้เล่นอันธพาลที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายเห็นว่าเพื่อนของตนนั้นตายไปหมดแล้วจึงรีบยกร่างของเด็กสาวซึ่งกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจให้ลุกขึ้นมาและยัดดาบใส่มือเธอ จากนั้นจึงผลักเธอใส่เจนพร้อมตะโกนเสียงดัง



    "รีบ ๆ จัดการมันซะ ไม่อย่างนั้นได้เจอดีแน่" เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็หยิบแผ่นกระดาษขนาดเล็กออกมาแผ่นหนึ่ง เขารีบฉีกมันออกจากนั้นร่างของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เจนที่เห็นดังนั้นจึงวางใจลงถึงแม้จะไม่รู้ว่าชายคนนั้นใช้อะไรถึงหายตัวไปแบบนั้นได้ พร้อมกันนั้นแสงจากร่างของหญิงสาวหายไปเป็นการบอกว่าระยะเวลาของทักษะนั้นได้หมดลงแล้ว



    ทว่าการต่อสู้ยังไม่จบ เด็กสาวตรงหน้าของเจนพูดทั้งน้ำตา


    "ขอโทษนะคะ" แล้วทันใดนั้นร่างของเธอก็หายไปจากสายตาของเจน



    เสียงลมแว่วเข้าหูของเจนทำให้เธอหันไปต้นทางของเสียงโดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นเธอก็เห็นร่างของเด็กสาวกำลังแทงดาบเข้ามาอยู่ตรงหน้า เจนเอียงตัวหลบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ก็หลบไม่พ้นโดนแทงเข้าที่เอวจนทะลุ ความเจ็บปวดเป็นสิ่งแรกที่เจนรู้สึกได้แต่ก่อนที่จะทำอะไรต่อ เด็กสาวก็ถอนดาบกลับและถอยออกไปตั้งหลักอยู่ที่เดิมด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทัน



    'เร็ว! เด็กคนนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมาก' เจนคิดพลางใช้มือขวาถือดาบเตรียมพร้อมสู้และใช้มือซ้ายกุมบาดแผลของเธอที่ในตอนนี้อาการบาดเจ็บกำลังทำให้เธอเสียเปรียบยิ่งกว่าเดิม เจนรู้สึกได้ว่าเรี่ยวแรงของเธอกำลังลดลงเรื่อย ๆ จากเลือดที่ไหลออกจากปากแผล เพียงแค่ยืนจับดาบให้มั่นคงได้ตอนนี้ก็แทบจะหมดแรงแล้ว



    เด็กสาวตรงหน้าไม่ปล่อยโอกาสของเธอให้หลุดลอยไป เธอเริ่มฟาดดาบใส่เจนต่อทันที เจนก้าวเท้าเคลื่อนที่หลบดาบของเด็กสาวอย่างรวดเร็วแต่ความเร็วของเด็กสาวนั้นเหนือกว่าเจนมาก ถึงจะหลบการแทงตรง ๆ ได้แต่ก็ฝากแผลเล็ก ๆ บนตัวของเจนเอาไว้มากมาย แต่ละบาดแผลก็ยิ่งดึงให้เรี่ยวแรงของเจนลดลงอีก เธอรู้ว่าถ้าหากปล่อยเอาไว้แบบนี้เธอจะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน ถ้าหากจะรอดคงต้องใช้ทักษะพลังสถิตร่างที่เจนอยากจะเก็บไว้ในตอนที่ฉุกเฉินกว่านี้แต่ถ้าไม่ใช้เธอคงไม่รอดจากตรงนี้แน่



    ทว่าทันใดนั้นเองเจนก็พลาดสะดุดขาตัวเองล้มลงไปบนพื้น เธอในตอนนี้ไร้ความสามารถในการป้องกันตัวโดยสิ้นเชิงและแน่นอนเด็กสาวตรงหน้าก็ไม่คิดจะให้เจนลุกขึ้นมาอีก เธอพุ่งตัวเข้าใส่และยกดาบขึ้นเตรียมพร้อมจะลงดาบปลิดชีวิตของเจน เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เจนและเด็กสาวสบตากันแต่เจนกลับรู้สึกยาวนานจนเจนสามารถมองเห็นหน้าตาของเธอได้อย่างชัดจน แทนที่เจนจะยกดาบขึ้นพยายามป้องกันตัวเองแต่มือเจนกลับทำอย่างอื่นที่ไม่ควรทำในเวลานั้นที่สุด



    ก่อนที่ดาบจะเรียกเลือดของเจนเป็นครั้งสุดท้าย เสียงปืนก็ดังขึ้นพร้อมกับเด็กสาวยกดาบขึ้นกันกระสุนที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างเฉียดฉิว เธอรีบกระโดดถอยออกไปห่างและหันไปมองยังที่มาของกระสุน



    เด็กสาวมองดูชายหนุ่มร่างโตที่เล็งปืนมาทางเธอโดยมีโจและซินจูเตรียมปล่อยบอลพลังเวทอยู่ข้าง ๆ เสือซ่อนลายและไมโกะวิ่งมาอยู่ด้านหน้าเจนพร้อมทั้งชูอาวุธของตนขึ้นมาเตรียมพร้อมสู้ ส่วนยูสตาร์นั้นก็เข้าไปหาเจนพร้อมทั้งใช้ยาเพิ่มพลังชีวิตรักษาแผลโดยมีคิทซึนะเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง



    "ถ้าหากคิดจะมาทำร้ายเพื่อนเราล่ะก็คิดใหม่ได้นะ" เสือซ่อนลายพูด เขายกโล่บังเจนเพื่อไม่ให้เธอได้รับอันตราย



    เมื่อเด็กสาวเห็นว่าเจนมีคนมาช่วยจึงลดดาบลงแล้วเดินถอยออกไปจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง เด็กสาวเปลี่ยนมือจับดาบให้ด้านคมหันเข้าหาตัวเอง มือน้อย ๆ กดดาบแทงทะลุร่างของตัวเองโดยไร้ความลังเล เลือดซึมออกมาจากร่างและหยดลงสู่พื้นดิน เด็กสาวคุกเข่าลงช้า ๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตามองพวกเจนตรงหน้าด้วยสายตาอาวรณ์ก่อนจะกลายเป็นแสงไป







    หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกเจนพร้อมทั้งผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็พากันเข้ามาด้านในสุสานขุนนาง และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้ชื่อเสียงของเจนเป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้เล่นใหม่เป็นอย่างมากที่กล้าต่อกรพวกผู้เล่นอันธพาลได้ ผู้เล่นหลายคนที่เคยสู้กับคนเหล่านี้ต่างบอกว่าพวกนี้เป็นนักเลงซึ่งนอกจากจะไม่ให้ใครเข้าไปด้านในดันเจี้ยนแล้ว ยังเที่ยวไปรังแกผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั้งปล้นและตามรังควานจนเป็นที่เดือดร้อนกันไปทั่ว



    มีผู้เล่นหลายคนไปแจ้งไปทางGMและขอความช่วยเหลือ แต่เหล่าGmนั้นมีกฎนั่นก็คือไม่สามารถเข้าแทรกแซงการกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเมืองได้ไม่ว่าจะเกิดจากผู้เล่นหรือไม่ก็ตาม เมื่อจะขอให้เหล่าผู้เล่นที่มีระดับสูงมาให้ช่วยแต่พอได้ยินว่าพวกผู้เล่นอันธพาลเหล่านี้อยู่ในสังกัดของกิลด์พิฆาตราชาต่างก็ไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่ง แม้กระทั่งกิลด์สองราชาพยัคฆ์ยังไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย ดังนั้นสิ่งที่เจนทำลงไปนั้นจึงเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากพร้อมทั้งมีคนมาขอบคุณเธอกันขบวนใหญ่ และนั่นทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปทั่วทวีปอัลเทเชียโดยที่เจ้าตัวไม่ทราบเรื่องนี้โดยแม้แต่น้อย



    ตอนนี้เจนกำลังตั้งเต็นท์พักอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของดันเจี้ยนเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน และเจนเองก็ยังต้องพักหลังจากที่บาดเจ็บมาเนื่องจากเสียเลือดมาก ถึงยาเพิ่มพลังชีวิตจะช่วยในเรื่องนั้นแต่อาการเหนื่อยที่แสดงบนแถบค่าสถานะนั้นลดลงมากทีเดียวซึ่งวิธีแก้ในตอนนี้ก็มีวิธีเดียวง่าย ๆ ก็คือนอนพักซักคืน



    พวกเสือซ่อนลายกับพวกโจในเวลานี้กำลังนั่งคุยกันระรื่นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพวกสาว ๆ นั่งอยู่ข้างเจนคอยดูแลอาการอย่างใกล้ชิด คิทซึเนะเองก็นั่งเฝ้าอยู่บนตักไม่ห่าง หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะทำยังไงคิทซึเนะก็ไม่ออกห่างตัวเจนเกินสองเมตรอีกเลย



    "พี่เจนลองกินอะไรหน่อยดีมั้ยคะ บ้านของหนูเปิดร้านอาหารรับรองว่าหนูทำออกมาอร่อยแน่นอนค่ะ" ซินจูบอก เธอกำลังต้มสตูอยู่ในหม้อสนามใบใหญ่ กลิ่นหอมลอยโชยไปทั่วเตะจมูกคนจากเต็นท์อื่นที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้เลยทีเดียว



    "อืม ขอบคุณมากนะซินจู" เจนพูดพึมพำตอบทำให้ซินจูไม่ค่อยชอบใจนักที่เจนไม่สนใจเธอแต่ก็ทำได้แค่ระบายอารมณ์โดยการออกแรงคนหม้อสตูตรงหน้าแทน ในหัวของเจนนั้นมัวแต่คิดถึงใบหน้าของเด็กสาวตรงหน้าที่ยังติดตราตรึงไม่หายไป



    "จะว่าไปพูดถึงเรื่องเมื่อกี้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเด็กคนทำอะไรกันแน่ ทั้งที่โดนทำถึงขนาดนั้นแท้ ๆ กลับยังช่วยพวกมันอีก ทำคุณบูชาโทษชัด ๆ" เสือซ่อนลายพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่พลางตักสตูใส่ปากอย่างเกรี้ยวกราด



    "ใช่ เจอไปตั้งขนาดนั้นเป็นฉันล่ะก็หนีไปจากพวกนั้นตั้งนานแล้ว เผลอ ๆ ฉันคงเลิกเล่นเกมนี้เลยด้วยซ้ำไป อ๋า ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ น้า.." ยูสตาร์ว่าเสียงสูง



    "บางทีเด็กคนนั้นอาจจะเล่นละครและตั้งใจอยากจะสู้กับคนอื่นตั้งแต่แรกแล้ว ใช้พวกนักเลงหาโอกาสให้คนมาเริ่มโจมตีก่อนจะได้บอกว่าเป็นการป้องกันตัว แบบนี้จะไม่มีปัญหาทีหลังด้วยถ้าหากเหตุการณ์แย่อย่างที่เกิดนี้ ส่วนที่ฆ่าตัวตายก็คงเป็นเพราะเห็นพวกเราเยอะขนาดนี้คงสู้ด้วยไม่ไหวล่ะมั้ง" ไมโกะแสดงความคิดเห็นอย่างสมเหตุสมผล



    "แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่แบบนั้นหรอก" เจนพูดขึ้นท่ามกลางกลุ่มสนทนา น้ำเสียงของเธอฟังดูเอาจริงเอาจังกว่าที่ผ่านๆมา



    "ลองคิดดูสิ อย่างที่พวกพี่บอกโดนทำไปตั้งขนาดนั้นใครมันจะทนอยู่ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน..... ฉันอยากจะช่วยเด็กคนนั้น"



    เสือซ่อนลาย ยูสตาร์และไมโกะต่างมองหน้ากันจากนั้นจึงหันไปหาเจน



    "แต่ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงต้องทนอยู่ได้ล่ะ ทางเลือกก็มีอย่างที่ฉันกับยูบอก ไม่มีใครชอบที่จะโดนกดขี่อย่างนั้นหรอกนะ" เสือซ่อนลายว่า



    "ถึงพวกเราจะไปช่วยเธอมันก็มีปัญหาอยู่นะ คนพวกนี้ถึงไม่ได้อยู่ในกิลด์แต่ก็เป็นกลุ่มผู้เล่นที่ได้รับการว่าจ้างมาจากกิลด์พิฆาตราชา กิลด์นี้มีอิทธิพลอยู่ไปทั่วทั้งเกมขนาดกิลด์อันดับหนึ่งหรือกิลด์อันดับสองยังไม่กล้าแตะต้องพวกนี้เลยด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่เป็นกิลด์อันดับสี่ แล้วอีกอย่างพวกเรายังไม่รู้ชื่อของเด็กคนนั้นเลยด้วยซ้ำ จะเริ่มต้นค้นหาก็ยังทำไม่ได้เลย" ไมโกะบอก



    "อามีร่า..." เจนพูดเสียงค่อย



    "หือ?" โจส่งเสียงเพราะเขาได้ยินไม่ค่อยชัด



    "เธอมีชื่อว่าอามีร่า และเธอมีระดับชั้นขุนนาง เลเวลยี่สิบ ถ้าหากในตอนนั้นอามีร่าเลือกที่จะสู้แทนฆ่าตัวตายล่ะก็ ต่อให้พวกเราช่วยกันสู้ก็อาจจะแพ้เธอด้วยซ้ำไป" เจนว่าแล้วแสดงหน้าต่างของทักษะตรวจสอบที่เธอใช้ก่อนจะถูกแจ็คช่วยเอาไว้



    ทุกคนต่างหันมามองที่หน้าต่างที่เจนแสดงเป็นสายตาเดียว เห็นเป็นใบหน้าของเด็กสาวที่ดูดีกว่าที่เห็นล่าสุดมาก แต่ทว่าสีหน้าของเธอกลับดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย และที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าคือที่เจนพูดทุกอย่างเป็นความจริง



    "เป็นไปได้ยังไง ไอ้พวกนักเลงนั่นฉันลองตรวจสอบดูแล้วมีระดับอย่างมากก็แปดสิบ แค่นี้เด็กคนสู้ด้วยมือเปล่ายังไหวเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมกัน.." โจพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเห็น



    "ทำไมหรือคะ ยศขุนนาง ระดับยี่สิบก็เท่ากับระดับร้อยยี่สิบสินะคะ แค่คนเดียวพวกเราช่วยกันสู้ก็น่าจะไม่มีปัญหาไม่ใช่หรือคะ" ซินจูถามเพราะเธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกโจถึงกังวล แม้กระทั้งเสือซ่อนลายและไมโกะเองก็พูดไม่ออกเช่นเดียวกัน



    ความจริงแล้วเจนเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้แต่จากที่เธอเจอเข้ากับมอนสเตอร์ชั้นขุนนางอย่างแกรนคิโนซอรัสแล้ว ขนาดจนบ่อโคลนดูดที่เป็นกับดักแห่งความตายของธรรมชาติยังไม่สามารถฆ่ามันได้ เธอก็พอจะอนุมานได้ว่าผู้เล่นระดับนั้นก็คงจะเก่งกาจไม่ต่างกัน



    "ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ความจริงแล้วเกมนี้เมื่อพ้นระดับห้าสิบไปแล้วการเพิ่มระดับจะเริ่มยากขึ้นมาก ๆ ยิ่งพอไปถึงระดับที่หนึ่งร้อยและทำภารกิจเปลี่ยนยศแล้วก็จะยิ่งเพิ่มระดับยากขึ้นไปอีกและนั่นก็หมายถึงความเก่งกาจกับพลังที่เพิ่มมากขึ้นด้วย" โจบอก "เพราะฉะนั้นต่อพวกเรารุมก็ไม่มีทางที่จะจัดการเด็กอามีร่านั้นได้แน่"



    "ถ้าอย่างนั้นคำถามก็คือทำไมเธอถึงยอมพวกนั้น" แจ็คเริ่มประเด็น



    "และทำไมเธอถึงไม่เอาจริงตอนที่สู้กับเจน" เสือซ่อนลายต่อ



    "สุดท้ายคือทำไมเธอถึงไม่สู้กับพวกเรา...แล้วเลือกที่จะยอมแพ้" ไมโกะพูดจบ ทั้งเจ็ดคนก็ตกไปอยู่ในห้วงความคิดโดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดกันเรื่องนี้อีกเลยในคืนนั้น







    เช้าวันถัดมาพวกเจนทานอาหารเช้าซึ่งซินจูเป็นคงลงมือทำให้ และแน่นอนว่าเป็นอาหารเช้าระดับภัตตาคารที่คนอื่น ๆ ต้องอิจฉา



    เจนตัดสินใจจะเก็บปัญหาเรื่องอามีร่าเอาไว้ก่อนเพราะในตอนนี้ถึงคิดอะไรไปก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ ทางที่ดีเธอควรจะเก็บระดับเปลี่ยนยศให้เท่ากับอามีร่าเป็นอย่างน้อยและตามหาเธอเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง



    หลังจากทานอาหารเสร็จพวกเจนก็เริ่มเดินทางเข้าไปด้านในสุสานขุนนาง ด้านในของสุสานนี้เป็นทางเดินยาวมีทางซับซ้อนไปมาคล้ายเขาวงกต ตามทางมีเพียงตะเกียงไฟเรียงยาวตามผนังที่ติดเพียงบางดวงเท่านั้นแต่ก็ยังพอมีแสงมองเห็นทางเดินต่อไป



    ขุนนางผีดิบนั้นอ่อนแอกว่าทหารผีดิบที่อยู่ด้านนอก สิ่งที่ทำให้มันน่ากลัวกว่าก็คือมันสามารถใช้เวทมนตร์ได้ โชคดีที่อย่างน้อยมันก็ยังแพ้ไฟเช่นเดียวกับญาติผีดิบของมัน ขุนนางผีดิบมีพฤติกรรมที่จะคอยหลบอยู่ในเงามืดคอยซุ่มโจมตีผู้เล่นจนหลายคนต้องเคลื่อนไปช้า ๆ อย่างระมัดระวัง และบรรยากาศที่น่ากลัวต่างจากด้านนอกทำให้คนขวัญอ่อนอย่างซินจูแทบจะไม่ปล่อยชายเสื้อของเจนเลยแม้แต่น้อย



    ขุนนางผีดิบตัวแรกที่พวกเจนเจอนั้นแอบซุ่มโจมตีพวกเธอจากด้านหลัง เป้าหมายของมันเป็นยูสตาร์ที่เดินตามรั้งท้ายซึ่งเขาก็ไม่ทันระวังจึงโดนโจมตีด้วยกรงเล็บคมกริบเข้าเต็ม ๆ เจนที่อยู่ใกล้ที่สุดเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยในทันที เธอยกดาบฟาดเข้าไปที่คอของขุนนางผีดิบเต็มแรง หัวของมันหลุดออกจากบ่าในดาบเดียวแต่ทันใดนั้นมีกรงเล็บจากเงามืดพุ่งมาทางเจนต้องเอียงตัวหลบอย่างรวดเร็ว



    กลายเป็นว่าเจนโดนขุนนางผีดิบวางกับดักเอาไว้เพราะหลังจากเจนหลบการโจมตีของมันแล้วเธอก็รู้สึกอะไรบางอย่างที่ขา เมื่อก้มลงมองดูก็พบว่ามีโครงกระดูกพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินจับขาของเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหนได้ พอเงยหน้าขึ้นมาเจนก็เจอกับขุนนางผีดิบสองตัวกำลังร่ายเวทรอเธออยู่ ทันใดนั้นหอกน้ำแข็งสองแท่งพุ่งเข้าใส่เจนด้วยความเร็วสูง เด็กสาวยกดาบฟาดหอกน้ำแข็งแตกกระจายได้เพียงแค่หนึ่งแท่งแต่ยังมีอีกแท่งที่พุ่งเข้ามาหาเธออยู่ก่อนที่มันจะพุ่งถึงตัวของเจนก็มีลูกไฟสีฟ้าพุ่งเข้าปะทะจนทำให้หอกน้ำแข็งละลายหายไปในพริบตา



    คิทซึเนะซึ่งแน่นอนว่าเป็นคนพ่นเพลิงจิ้งจอกเพื่อปกป้องเจนแต่ความร้อนแรงของเพลิงนั้นไม่หยุดเพียงแค่หอกน้ำแข็งเท่านั้น ลูกไฟพุ่งเผาผลาญขุนนางผีดิบทั้งสองตัวกลายเป็นจุลจนไม่เหลือซาก ทันทีที่ผู้ร่ายเวทตายลง โครงกระดูกที่ยึดขาของเจนอยู่ก็กลายเป็นควันดำหายไป



    "เฮ้ย นั่นมันอะไรกัน ซอมบี้ใช้เวทมนตร์ได้ด้วยงั้นหรือ! ฉันคิดว่ามันจะใช้พวกเวทคำสาปหรืออะไรพวกนั้นซะอีก" โจพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ



    "ใช่ เวทคำสาปมันก็ใช้ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนได้มั้ย ใครก็ได้มาช่วยฉันก่อนเถ้ออออ!" ยูสตาร์ตะโกนเสียงดัง ในตอนนี้เขานอนนิ่งอยู่บนพื้นขยับไปไหนไม่ได้ ท่าทางการโจมตีของขุนนางฝีดิบจะแฝงคำสาปมาจริง ๆ ด้วย



    ซินจูและแจ็ครีบเข้าไปลากตัวยูสตาร์ไปยังที่ปลอดภัยและใช้น้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์แก้คำสาปของขุนนางผีดิบให้ ส่วนเจนนั้นอุ้มคิทซึเนะขึ้นมาและลูบหัวอย่างชื่นชม เธอเดินกลับมารวมกลุ่มกับพวกเสือซ่อนลายแล้วเริ่มออกเดินทางต่อไป



    หลังจากรู้ว่าขุนนางผีดิบทำอะไรได้จึงพยายามเดินทางกันอย่างระมัดระวังมากขึ้น ในช่วงแรกที่พวกเจนเข้ามาด้านในก็มีคนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ยิ่งเดินทางลึกมากขึ้นก็ยิ่งเจอผู้เล่นคนอื่นน้อยลงและยังพบว่าที่นี่ไม่ได้มีขุนนางผีดิบเพียงอย่างเดียวที่อยู่ในนี้ นอกจากทหารผีดิบหลายสิบตัวที่เจอพบแล้วพวกเธอยังเจอมอนสเตอร์ลูกไฟวิญญาณซึ่งตรวจสอบดูแล้วว่าเป็นมอนสเตอร์ที่มีประดับสูงถึง 60 เลยทีเดียว มันก็มีพลังชีวิตสูงมาก นอกจากนั้นโจยังบอกว่าอาวุธทั่วไปก็ไม่อาจทำอันตรายลูกไฟพวกนี้ได้อีกด้วย เมื่อได้ยินดังนั้นไม่ว่าแจ็ค ยูสตาร์หรือเสือซ่อนลายต่างก็ลองทดสอบกันถ้วนหน้าซึ่งผลก็ออกมากลายเป็นอาวุธของพวกเขาต่างไม่สามารถแตะต้องลูกไฟเหล่านี้ได้เลย แต่พอไมโกะจะโยนระเบิดไฟใส่ โจก็รีบห้ามเอาไว้ทันที



    "เดี๋ยวก่อน! คุณผู้หญิง! นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ" โจถามเสียงดังพลางดึงระเบิดออกจากมือสาวมั่น



    "ก็จะลองพิสูจน์ตามที่นายบอกไง ถ้าที่นายพูดถูกระเบิดนี่ก็ทำอะไร..ไม่ได้สิ!" ไมโกะว่าแล้วดึงเอาระเบิดเพลิงของเธอกลับมา



    "ที่ฉันบอกคือการโจมตีปกติ แต่ระเบิดเพลิงมันเป็นการโจมตีธรรมดาซะที่ไหนล่ะ ถ้าใช้พวกเวทมนตร์หรือการโจมตีเป็นธาตุก็ทำร้ายเจ้าพวกนี้ได้นะ แถมถ้าแตะต้องพวกนี้แม้แต่ตัวเดียว มีหวังโดนพวกลูกไฟอื่น ๆ ไล่ตามฆ่าไม่หยุดแน่" โจบอกอย่างเหนื่อยใจพลางวิ่งไปหยุดซินจูที่กำลังจะลองใช้บอลพลังเวทใส่อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ



    "อืม อย่างนั้นถ้าชั้นลองดูก็คงไม่เป็นอะไรสินะ" เจนพูดแล้วลองใช้ดาบคุซานางิจิ้มลูกไฟตรงหน้าดู ทว่าพอดาบแทงทะลุผ่านไป ลูกไฟวิญญาณกลับส่ายไปมาและสลายไป เจนได้ยินเสียงประกาศได้รับค่าประสบการณ์ในหัวเพียงครู่เดียวแล้วทันใดนั้นก็มีร้องโหยหวนดังไปทั่วทางเดิน



    กรี้ดดดดดดดด!!



    "นะ...นั่นมันเสียงอะไรน่ะ!!" เสือซ่อนลายตะโกนโต้เสียงไปพร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างปิดหูของตนเพราะเสียงที่ดังออกมานั้นทั้งดังและแหลมสูงจนทำเอาแก้วหูแทบแตก



    เจนเองก็ต้องรีบเอามืออุดหู แต่พอเสียงนั้นหายไปพวกเจนก็พบกันลูกไฟวิญญาณนับร้อยดวงอยู่ตรงหน้าของพวกเธอยังยังมีอีกนับพันด้านหลังพวกมันจนสว่างไปทั่วทางเดิน เจนจ้องเหล่าลูกไฟตาค้างเพราะมันเยอะมากจนพูดไม่ออก สภาพของเธอนั้นไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกเลยแม้แต่นิดเดียว



    ทันใดนั้นเองเหล่าลูกไฟวิญญาณก็ส่องสว่างขึ้นอีกครั้งและนั่นก็ไม่ได้เป็นสัญญาณดีอย่างแน่นอน



    "วิ่งเร็ว!!" เสือซ่อนลายได้สติก่อนใครเพื่อนตะโกนเสียงดังเรียกสติทุกคนและตะกุยเท้านำโดยไม่รีรอ



    ไมโกะรีบจับมือซินจูออกวิ่งตามแทบจะเวลาเดียวกับที่เสือซ่อนลายตะโกน ส่วนยูสตาร์เองก็ตกใจกับเสียงแล้วเริ่มออกวิ่งตามไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ทางด้านโจและแจ็คต่างก็รีบวิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เท้าของเขาจะทำได้พลางส่งเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกออกมาอย่างลืมตัว ทางเจนเองก็รีบออกวิ่งเช่นเดียวกัน เธอรีบคว้าตัวคิทซึเนะที่กำลังจะหันไปประจันหน้ากับลูกไฟเหล่านั้นและออกวิ่งตามสุดชีวิตโดยมือทั้งสองต่างถือทั้งจิ้งจอกน้อยและดาบของเธอเอาไว้ในมือ



    เหล่าผู้เล่นอื่น ๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่างก็เดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะแสงสว่างที่ยาวไปแทบจะตลอดทางเดินนั้นก็ดึงดูดผู้คนมากพออยู่แล้ว พอเหล่าผู้เล่นเดินเข้าไปดูกลับพบว่าพวกเขาถูกเผาและตายไปในพริบตา มีผู้เล่นนับสิบคนตายจากขบวนลูกไฟวิญญาณเหล่านี้จนกลายเป็นข่าวลือว่าพบบอสระดับเทพเจ้าในสุสาน จนภายหลังจึงไม่มีใครเลยที่กล้าเข้าใกล้ลูกไฟวิญญาณเหล่านี้ทำให้พวกมันได้อยู่กันอย่างสงบสุขไปอีกนานเท่านาน



    หลังจากพากันวิ่งมาพักใหญ่ พวกเจนก็หลบขบวนลูกไฟมาได้ ถึงแม้จะไม่มีใครบาดเจ็บแต่ก็ทำเอาเหนื่อยจนก้าวเท้าต่อไปไม่ได้อีก เจนนั่งหอบลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ในตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าคำอธิบายที่ว่าดาบของเธอสามารถโจมตีได้ทุกอย่างหมายความว่าอะไร ลูกไฟวิญญาณเหล่านี้สามารถโดนโจมตีจากการโจมตีเป็นธาตุเท่านั้นหรือมอนสเตอร์บางชนิดที่จะสามารถโดนโจมตีเพียงอาวุธหรือพลังพิเศษบางประการเท่านั้น แต่อาวุธบางอย่างนั้นสามารถโจมตีได้ทุกอย่างไม่ไม่ข้อยกเว้นอย่างเช่นดาบคุซานางิของเจนที่มีความสามารถนั้น



    "แฮ่ก...คราวหลัง.. ฟังที่ฉัน แฮ่ก..พูดบ้างก็ดีนะ" โจบอกอย่างยากลำบาก ให้บอกกันตามตรง ในชีวิตเขาไม่เคยวิ่งหนีอย่างนี้มากก่อนในชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ในเกมก็ตาม



    "แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่า..แฮ่ก ดาบของฉันมันโจมตีพวกลูกไฟบ้านั่นได้" เจนโต้กลับ



    "เอ๋ ทำไมดาบของพี่เจนถึงโจมตีพวกไฟผีนั่นได้ล่ะคะ" ซินจูถามอย่างสงสัย เรียกสายตาจากอีกสามคนที่ยังไม่รู้มองตามหมายจะคั้นความจริง เจนเห็นดังนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก เวลานี้เธอค่อนข้างจะสนิทกับพวกเสือซ่อนลายแล้วและไม่อยากจะปิดบังไว้เป็นความลับ เธอหันไปขอความเห็นจากพวกโจแต่ท่าทางของพวกเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงดี



    "ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากจะบอกพวกเราก็เข้าใจดี ใครๆก็ต้องมีความลับที่อยากจะปิดอยู่แล้ว จริงมั้ย" เสือซ่อนลายพูด เจนรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เมื่อโจพยักหน้าเชิงอนุญาต เจนจึงลุกขึ้นแล้วส่งดาบไปให้เสือซ่อนลาย



    ชายหนุ่มรับดาบมาอย่างสงสัยแล้วตรวจสอบดู พอได้เห็นว่าดาบที่อยู่ในมือของเขาเป็นดาบอะไรก็ถึงกับต้องทำตาโตแม้ว่าจะทำได้ไม่มากเพราะตาตี่อยู่แล้ว เมื่อเขาส่งดาบต่อไปให้คนอื่น ๆ ก็ต้องทำท่าทางไม่ต่างจากเสือซ่อนลายนัก



    "ดาบระดับ S! ไม่อยากจะเชื่อ ของแบบนี้มาอยู่กับเธอได้ยังไง" ยูสตาร์พูดด้วยน้ำเสียงตกใจพลางยื่นดาบกลับคืนสู่เจ้าของ เจนรับมาและเก็บมันลงฝักก่อนจะตอบ



    "พอดีพวกเราโชคดีได้ภารกิจลับตอนเริ่มเกมน่ะ แจ็คได้ทักษะระดับ A ส่วนโจก็ได้คัมภีร์เวทระดับ S มาเหมือนกัน"



    "ว้าว จริงหรอคะพี่โจ แบบนี้พี่คงได้เป็นจอมเวทที่เก่งแน่ ๆ เลย" ซินจูได้ยินที่เจนบอกแล้วหันไปพูดกับโจด้วยความชื่นชม โดยเจ้าตัวคนถูกชมก็อดไม่ได้ที่จะต้องเก๊กท่าทางให้ดูมีภูมิฐาน



    "ว่าแต่ดาบเล่มนั้นพลังโจมตีแค่สองร้อยห้าสิบเองงั้นหรือ" เสือซ่อนลายถาม



    "อืม เห็นโจก็พูดอย่างนี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าถ้าฉันทำให้ดาบยอมรับในตัวฉันได้ก็จะเพิ่มพลังโจมตีของดาบเป็นห้าร้อยได้นะ"



    "แต่ก็ยังน้อยอยู่ดีนะสำหรับดาบระดับสูง ลองเอาดาบของฉันไปดูสิ ฉันซื้อมาจากที่ซีโป ราคาห้าพันโกลด์เชียวนะ" เสือซ่อนลายว่าแล้วส่งดาบให้ เจนรับดาบมาแล้วลองตรวจสอบดู ปรากฏว่ามันเป็นดาบระดับ B ที่มีพลังโจมตีถึง 350 เลยทีเดียวถึงแม้ว่ามันจะมีน้ำหนักมากไปหน่อยสำหรับเธอแต่ก็รู้สึกเหมาะมือมากทีเดียว



    "จริงด้วยแฮะ แต่คงอาจจะเป็นเพราะทักษะที่ได้มาจากดาบเล่มนี้ก็ได้มั้งถึงทำให้เป็นดาบระดับสูง ยังมีอีกตั้งหลายทักษะที่ฉันเองก็ยังไม่เคยลองใช้ดูเหมือนกัน" เจนบอกพลางนึกถึงทักษะอัญเชิญอสูรที่เธออยากจะลองใช้ดู แต่ในเวลานี้พลังเวทของเธอไม่พอที่จะลองใช้และบางทีอาจจะใช้ไม่ได้ด้วยเพราะดาบยังไม่ยอมรับในตัวเธอ



    "เจ้านายไม่เห็นจำเป็นต้องกังวลไปเลย ไม่ว่าตัวอะไรจะมาล่ะก็ ถ้าหากทำให้เจ้านายต้องเจ็บล่ะก็เดี๋ยวหนูจะจัดการให้เรียบเลย"



    "อืม ขอบจะ..- เอ๊ะ!" เจนพูดแล้วหันไปหาคิทซึเนะ แต่เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าเสียงที่พูดออกมานั้นเป็นเสียงเล็กแหลมน่ารักที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน แถมยังออกมาจากเจ้าจิ้งจอกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธออีกด้วย



    "เอ๋------!!!" เสียงของทุกคนร้องออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจไม่เว้นแม้แต่ตัวเจนเอง



    "คะ..คะ..คิทซึเนะจังพูดได้ด้วยหรือเนี่ย!" ไมโกะพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ เธอมองเจ้าตัวที่ยังเอียงคอด้วยความสงสัยจนเธออดใจจะเข้าไปหาไม่ได้ และเจนเองก็กำลังห้ามตัวเองอย่างสุดๆอยู่เช่นกัน ถ้าหากไม่ติดว่าตอนนี้จู่ ๆ คิทซึเนะพูดขึ้นมาได้แล้วล่ะก็เธอคงจะจับเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ขึ้นมากอดรัดให้หนำใจเลยทีเดียว



    "นะ..นี่ คิทซึเนะ เธอพูดได้แล้วงั้นหรือเนี่ย"



    "ก็ใช่น่ะสิเจ้านาย หนูไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ แถมหนูยังทำได้มากกว่านั้นอีกนะ ดูนี่สิ" คิทซึเนะว่า แล้วจิ้งจอกน้อยก็ลุกขึ้นมา



    ทันใดนั้นร่างของคิทซึเนะก็เปล่งแสงสีขาวออกมาอ่อน ๆ หางที่เคยมีอยู่เพียงหนึ่งกลับกลายเป็นสองก่อนที่ร่างของคิทซึเนะจะเปล่งแสงออกมาจนมองไม่เห็นตัวอีก เมื่อแสงจางลงร่างของจิ้งจอกก็ถูกแทนด้วยเด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเจน



    เด็กสาวคนนี้มีผมสั้นสีขาวเป็นประกายสวยงามเป็นทรงแหวกกลางดูน่ารัก ดวงตาสีเงินที่กำลังมองหน้าของเจนดูแล้วชวนให้เธอนึกถึงมาเอะอย่างบอกไม่ถูก ส่วนชุดที่เด็กน้อยกำลังใส่อยู่นั้นเป็นยูกาตะแขนยาวดูทะมัดทะแมงดี ถ้ามองอย่างผิวเผินก็แทบแยกไม่ออกเลยว่าเด็กตรงหน้าต่างจากเด็กอายุ 10 ขวบตรงไหนเว้นแต่เพียงหูจิ้งจอกคู่หนึ่งที่กระดิกอยู่บนหัวของเธอกับหางที่กระดิกไปมาตรงบั้นท้ายของเธอ



    "เห็นมั้ยเจ้านาย หนูแปลงร่างได้แล้วนะ หนูเก่งหรือเปล่า ฮี่ฮี่" เสียงเล็กๆพูดแล้วกระโจนเข้ากอดเจนที่กำลังทึ่งกับสิ่งที่เห็นอยู่



    "อะ..เก่งจ๊ะ เอ่อ นี่เธอคือคิทซึเนะ เอ้ยไม่สิ นี่เธอแปลงร่างเป็นคนได้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยคิทซึเนะ" เจนถาม



    "ก็ตั้งแต่เจ้านายจัดการเจ้าวิญญาณเร่ร่อนที่ลอยไปมาอยู่นั่นไงล่ะ ความจริงแค่โดนดาบเทพเข้าไปนิดเดียวเจ้าพวกนั้นก็ไปสู่สุขติแล้วแท้ ๆ แถมเมื่อกี้พวกนั้นยังมาเข้าคิวจะให้เจ้านายส่งพวกมันไปสุขติด้วยนะ"



    "หะ..หา! เมื่อกี้อ่ะนะ ดาบเล่มนี้มันทำอะไรแบบนั้นได้ด้วยหรือเนี่ย"



    "ใช่สิเจ้านาย ดาบเล่มนี้มีพลังสูงส่งยิ่งกว่าท่านแม่อีกนะ แค่วิญญาณพวกนั้นแตะต้องโดนดาบก็เหมือนกับโดนส่งวิญญาณแล้ว แต่พวกนั้นมากกันตั้งเยอะ หนูก็กลัวว่าเจ้านายจะเหนื่อยเลยจะไล่พวกนั้นไป แต่เจ้านายดันวิ่งหนีมาซะก่อนก็เลยเหนื่อยเปล่า ๆ เลยสิ" คิทซึเนะวิ่งแล้วหันตัวนั่งลงบนตักของเจนอย่างสบายใจ



    "อะ...อ่า คิทซึเนะจัง จำฉันได้หรือเปล่าจ๊ะ" ซินจูคลานเข้ามาหาคิทซึเนะเพราะทนความน่ารักของเธอไม่ไหว



    "ต้องจำได้สิ พวกเราเล่นอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้วนะพี่ซินจู แถมหนูยังจำคนอื่นได้ด้วย นั่นก็พี่ไม พี่เสือ พี่สี่ตา แล้วเจ้าสองคนที่ทิ้งเจ้านายให้นอนอยู่บนต้นไม้ อย่าคิดนะว่าหนูจะลืมเรื่องนั้น" คิทซึเนะพูดแล้วชี้นิ้วน้อย ๆ ไปเรียงคนก่อนจะหันมาเขม่นใส่โจและแจ็คที่ไม่ได้รู้สึกกลัวเธอเลยแม้แต่น้อยในตอนนี้



    "อ้าว ก็ตอนนั้นมันดึกแล้วนี่น่า อย่างมามองพวกเราอย่างนั้นสิ" แจ็คว่า



    "ช่าย เรื่องมันก็นานมาแล้ว ลืม ๆ ไปเถอะนะ" โจเสริม เขายังไม่ลืมความเจ็บปวดที่ฟันเล็กของเด็กสาวคนนี้เคยทำเอาไว้จนต้องลูบกันอย่างลืมตัว



    "เอาน่า ยกโทษให้สองคนนั้นเถอะนะคิทซึเนะ เธอเองก็จัดการลงโทษพวกนั้นไปแล้วนี่นะ" เจนก้มลงไปพูดกับจ้องจอกน้อยที่อยู่ในร่างเด็กสาว แต่ดูท่าทางที่คิทซึเนะส่งเสียงขู่เล็กๆที่ฟังดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว แต่เธอทำแบบนี้แสดงว่าคงยังไม่หายโกรธง่าย ๆ แน่



    "งั้นเดี๋ยวเอาไว้เข้าเมืองให้สองคนนั้นซื้อของอร่อย ๆ ให้ก็แล้วกันนะ"



    เจนคุยกับคิทซึเนะโดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของผู้เสียหายทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย เมื่อมั่นใจว่าเด็กน้อยคนนี้พอใจกับสิ่งที่ตนได้แล้วเจนจึงเริ่มตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของจิ้งจอกน้อย



    หลังจากลองตรวจสถานะสัตว์เลี้ยงดูแล้วพบว่าคิทซึเนะมีระดับอยู่ที่ 50 พอดี และได้ทักษะใหม่มาอีกทักษะหนึ่งคือทักษะแปลงร่างซึ่งแสดงอยู่ในแถบทักษะสัตว์เลี้ยง ส่วนเรื่องการพูดได้นี่คงเป็นอย่างที่มาเอะเคยบอกเธอเอาไว้ ในตอนนี้คิทซึเนะสามารถใช้เพลิงจิ้งจอกได้เหมือนเดิมแต่แทนที่จะพ่นออกจากปากตามปกติในร่างของจิ้งจอก ตอนนี้เธอสามารถใช้มันได้เหมือนกับร่ายเวทมนตร์และสามารถใช้ได้อย่างหลากหลายรูปแบบมากขึ้นทั้งเป็นลูกไฟลอยอยู่เฉย ๆ เพื่อให้แสงสว่างหรือจะเป็นลูกบอลระเบิดที่เธอเลียนแบบระเบิดไฟของไมโกะ



    "ฉันก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะว่าเมื่อสัตว์เลี้ยงมีระดับที่สูงขึ้นแล้วจะสามารถพูดคุยกับเจ้าของได้ แต่ไม่เคยนึกเคยฝันเหมือนกันว่าจะพูดภาษาคนออกมาแบบนี้แถมยังแปลงร่างได้อีก" ไมโกะพูด



    "อ่า เรื่องแปลงร่างนี่เป็นทักษะของคิทซึเนะอ่ะนะ แต่เรื่องพูดแบบนี้ฉันก็พอจะรู้มาบ้างเหมือนกัน" เจนบอก



    "เอาล่ะ ถ้าพวกเราพักกันพอแล้วก็รีบไปต่อกันดีกว่า จะได้กินข้าวเที่ยงกันที่บริเวณเสาเวทมนตร์ด้วย แถวนั้นเป็นเขตปลอดมอนสเตอร์ด้วย จะได้พักกันสบาย ๆ" เสือซ่อนลายบอกแล้วจึงพากันออกเดินทางกันต่อ



    การเดินทางที่เหลือนั้นค่อนข้างราบลื่นเพราะคิทซึเนะที่ตอนนี้กำลังทดลองการใช้เพลิงจิ้งจอกในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีเหล่าผีดิบเป็นเป้าซ้อมมือ พวกผีดิบไม่ว่าจะเป็นทหารผีดิบหรือขุนนางผีดิบต่างก็ไม่อาจจะทนไฟได้ก็กลายเป็นเถ้าถ่านกันถ้วนหน้า โดยพวกเจนต่างไม่ได้ลงมืออะไรกันเลยซักนิด แต่อย่างน้อยค่าประสบการณ์และของที่ตกจากพวกผีดิบก็ยังตกมาเป็นของพวกเธอ



    ในที่สุดทางเดินยาวก็จบลง พวกเจนพบห้องขนาดใหญ่ซึ่งภายในห้องนั้นเป็นที่โล่งกว้างและยังไม่มีผู้เล่นคนไหนมาถึงยังที่แห่งนี้เลยเนื่องจากขบวนลูกไฟนั้นได้จัดการส่งผู้เล่นทุกคนที่ขวางทางไปเกิดใหม่หมด ในห้องมีเพียงซากโต๊ะกับซากเก้าอี้ไม่กี่ตัววางอยู่ที่มุมห้องและใจกลางคงเป็นสิ่งที่เรียกว่าเสาเวทมนตร์ ในตอนแรกเจนคิดว่าเสาเวทมนตร์คงเป็นเสาหินอะไรซักอย่าง แต่พอเธอมาเห็นจริง ๆ ก็พบว่ามันต่างจากที่เธอคิดเอาไว้มากนัก



    ใจกลางห้องนั้นไม่ได้มีสิ่งใดที่เป็นเสาหินอยู่เลย มีเพียงแค่แสงสว่างพุ่งขึ้นมาจากพื้นและทะลุขึ้นเพดานห้องไป มีหมอกสีขาวบาง ๆ แผ่ออกมาจากเสานั้นแต่เจนไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นเลย เธอรู้สึกอะไรบางอย่างที่คล้ายว่าเธอกลับไปอยู่ในห้องที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นความรู้สึกที่ว่าก็หายไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน



    "ก็สมกับเป็นเสาเวทมนตร์ดีนะ แต่ฉันรู้สึกอะไรแปลก ๆ ด้วย มีใครรู้สึกบ้างมั้ย" เจนถามขึ้น



    "เวทมนตร์ไงเพื่อน เวทมนตร์" โจบอกด้วยท่าทางสบาย ๆ



    ซินจูเป็นคนเริ่มทำพิธีก่อน เธอหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาจากกระเป๋า คัมภีร์ของซินจูนั้นเป็นกระดาษสีขาวดูใหม่กว่าของโจมากนัก เธอเดินเข้าไปที่เสาเวทมนตร์อย่างช้า ๆ แล้วยื่นม้วนคัมภีร์เข้าไปใจกลางของเสาเวทมนตร์แล้วปล่อยมือออก ม้วนคัมภีร์ลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าอัศจรรย์ ทันใดนั้นก็มีตัวหนังสือลอยออกมาจากคัมภีร์นั้นและซินจูก็เริ่มร่ายคาถาตามที่ตัวอักษรที่ลอยอยู่



    เมื่อเด็กสาวเริ่มพูดคำคาถา เสาแสงก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวออกมาและก็มีวงเวทรอบตัวของซินจู ร่างของเธอลอยขึ้นจากพื้นและวงเวทก็เริ่มจะหมุนรอบตัวเธอพร้อมทั้งเปล่งแสงออกมาจนดูคล้ายกับว่าในตอนนี้เธออยู่ด้านในเสาแสงที่เพิ่มขึ้นมาอีกเสาหนึ่ง



    "นี่คือพิธีกรรมทำสัญญากับเวทมนตร์ ปกติแล้วคนที่จะเปลี่ยนอาชีพเป็นสายเวทมนตร์สามารถเปลี่ยนได้ที่โรงเรียนเวทได้เลย แต่ถ้าได้ม้วนคัมภีร์เวทมาอย่างฉันหรือซินจูก็สามารถนำไปประกอบพิธีในโรงเรียนแทนเวทระดับต่ำหรือจะมาทำที่เสาเวทตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลกก็ได้" โจพูด



    "แล้วมันต่างตรงไหนล่ะระหว่างทำพิธีที่นี่กลับที่โรงเรียน" เจนถามกลับไป ทั้งสองกำลังยืนดูพิธีอย่างใจจดใจจ่อโดยมีคิทซึเนะยืนอยู่ข้าง ๆ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นแยกย้ายไปหาที่พักและเตรียมทำอาหารกลางวัน



    "มันต่างกันตรงระดับพลังที่ได้ ถ้าทำพิธีที่โรงเรียนก็จะได้เวทมนตร์ตามที่บอกในม้วนคัมภีร์ แต่ถ้าหากมาทำที่เสาเวทมนตร์ที่อยู่ในดันเจี้ยนหรือที่อื่นอย่างเสานี้ พลังที่ได้จะการทำสัญญาก็จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าปกติและบางครั้งก็จะสามารถยกระดับเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งมากขึ้น แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่ถึงระดับความเข้มข้นของพลังเวทของแต่ละที่ด้วยนะ"



    "อ๋อ ก็เหมือนกับที่ใช้ของที่ดีเท่าไหร่มากระตุ้นให้ไข่สัตว์เลี้ยงฟักที่นายเคยบอกก่อนหน้านี้สินะ" เจนพูดพลางนึกถึงสิ่งที่โจเคยอธิบาย โดยทั้งไข่ก้อนเมฆและน้ำผลอิกดราซิลต่างก็ยังวางอยู่ในช่องเก็บของตัวละครของเธอทั้งคู่



    "ใช่ และอีกอย่างนะ ถ้าไปทำพิธีที่โรงเรียนเวทก็จะได้แค่อาชีพนักเวทฝึกหัดเท่านั้น แต่ถ้ามาทำพิธีข้างนอกก็อาจจะได้อาชีพใหม่ก็ได้ แต่ก็เหมือนเป็นการพนันอยู่เพราะมันมีความเสี่ยงเหมือนกันว่าจะได้อาชีพที่ไม่เหมาะสมกันที่ตั้งใจน่ะนะ" โจอธิบาย ในตอนนี้เสาแสงที่ล้อมรอบตัวซินจูหายไปแล้ว แทนที่ด้วยปีกสีขาวที่ออกมาจากหลังของเธอสร้างความประทับใจให้เจนไม่น้อย ดูท่าทางคัมภีร์ของซินจูเองก็ไม่ใช่ระดับต่ำเช่นกัน



    "ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย เจน" โจพูดขึ้น เด็กสาวหันมามองด้วยความสงสัยก่อนพยักหน้าให้พูดต่อ "เธอรู้สึกตัวหรือเปล่าว่าตัวเธอเปลี่ยนไปนะ"



    "เปลี่ยน? นายหมายความว่ายังไง ฉันเปลี่ยนไปตรงไหน อย่าพูดเชียวนะเรื่องที่ฉัน..." เจนรีบพูดขึ้นมาก่อนแต่โจยกมือปรามไว้



    "เปล่าไม่ใช่เรื่องนั้น...ความจริงมันก็อาจจะเกี่ยวแต่นั่นไม่ใช่ที่ฉันตั้งใจจะถาม เธอลองคิดดูซิว่าเมื่อก่อนเธอเป็นยังไงถ้ามาเทียบกับตอนนี้" เด็กหนุ่มหันหน้ามองเด็กสาวที่ยังคงไม่เข้าใจ



    "เมื่อก่อนเธอเอาแต่ทำหน้าดำคร่ำเครียดเอาอยู่หน้าเดียว ตอนเรียนมัธยมเวลามีใครเข้ามาทักก็ทำหน้ายักษ์เข้าใส่จนไม่มีใครกล้าคุยด้วย ถ้าฉันกับแจ็คไม่เข้าหาเธอก็คงมีคนคิดว่าเธอเป็นใบ้แล้วมั้ง ดูตอนนี้สิ เธอพูดมากขึ้น ไม่ทำหน้าเป็นยักษ์เป็นมาร แถมยังคุยกับคนแปลกหน้าอย่างพวกเสือได้ปกติเลยด้วยซ้ำ และอีกอย่างที่ยืนยันคือจู่ๆเธออยากจะช่วยเด็กอามีร่าคนนั้น ถ้าเป็นเธอเมื่อก่อนน่ะหรือ..เหอะ ไม่มีทาง"



    เมื่อได้ฟังโจบอกเจนก็เริ่มกลับไปคิด เมื่อก่อนเธออาจจะเป็นคนอย่างที่โจเคยพูดจริง ๆ เพราะแผลที่เคยฝังใจสมัยเด็ก แต่หลังจากเกิดเรื่องที่ทำให้เธอกลายมาเป็นเด็กผู้หญิงก็มีเรื่องราวมากมายต่างระดมเทกันมาใส่เธอทำให้ตัวเธอต้องเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ เรื่อง ทัศนคติที่เธอมองคนอื่น ๆ เริ่มเปลี่ยนไปรวมทั้งแผลในใจที่เริ่มสมานกันโดยที่เธอไม่รู้ตัว



    ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างพวกเสือซ่อนลายไม่ได้ง่าย ๆ แน่ แต่ตอนนี้เธอถึงกับต้องการที่จะบอกความลับเรื่องดาบที่พยายามปิดเอาไว้ ถึงแม้ตอนนี้เจนยังไม่บอกพวกเขาเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงแต่ในใจของเธอไม่ได้รู้สึกแย่ถ้าหากพวกเขารู้เรื่องนี้



    "ไม่รู้สิ...คงจะนิดหน่อยล่ะมั้ง" เด็กสาวว่าแล้วยืนพิงตัวของเพื่อนหนุ่มที่หัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วดันตัวเธอกลับ ไม่ยอมให้พิง



    เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดซินจูก็ทำพิธีจนเสร็จเรียบร้อย แสงจากพิธีกรรมทั้งหมดหายไปเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เด็กสาวค่อย ๆ ลอยลงมาสัมผัสกับพื้นหินแล้วจึงลืมตาขึ้น เมื่อซินจูตรวจสอบสถานะของตัวเองและทำหน้าตกใจพยายามเก็บยิ้มเอาไว้ไม่มิดและรีบวิ่งมาหาเจนและโจโดยมีพวกเสือซ่อนลานเดินมาสมทบ



    "พี่เจน พี่โจ! ดูนี่สิคะ หนูได้อาชีพปราชญ์แห่งแสงด้วยล่ะ แถมทักษะเกราะแสงประดับ B ก็เพิ่มเป็นระดับ A กลายเป็นทักษะเกราะเทพพิทักษ์ ด้วยล่ะค่ะ" ซินจูพูดอย่างดีใจเพราะนอกจากเธอได้ทักษะระดับสูงมาแล้ว หลังจากเปลี่ยนอาชีพเธอยังได้ทักษะพื้นฐานของนักเวทสายซัพพอร์ททั้งหมดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นเวทรักษาบาดแผลหรือพิษ แม้กระทั่งเวทแก้คำสาปก็ยังมีด้วยเช่นกัน



    "ไม่เลวนี่ อย่างนี้พวกเราก็วางใจได้หน่อยแล้วล่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็มีนักเวทสายเสริมพลังแล้วก็คงจะสู้ได้ง่ายขึ้นมาบ้างล่ะนะ" เสือซ่อนลายบอก



    "เอาล่ะ! คราวนี้ตาฉันบ้างล่ะ อวยพรให้ด้วยนะ!" โจพูดแล้วเดินตรงไปยังเสาเวทมนตร์



    เพื่อน ๆ ต่างส่งเสียงเชียร์แล้วพากันจับตามองดูโจ ผู้ที่ครอบครองคัมภีร์เวทระดับ S ถึงแม้ในเกมตอนนี้จะมีผู้เล่นจำนวนมากที่มีเวทมนตร์ระดับเดียวกันอยู่ก็ตาม แต่ต่างก็มีระดับยศอยู่อย่างน้อยคือยศขุนนาง ซึ่งมีผู้เล่นอยู่น้อยมากนักที่จะมีเวทมนตร์ระดับสูงในยศทหารเช่นนี้ และทุกคนที่ได้รับในปัจจุบันต่างก็เป็นคนระดับสูงในกิลด์ใหญ่ ๆ หรือไม่ก็เป็นผู้เล่นที่มีคนกล่าวถึงอยู่เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว



    โจยื่นคัมภีร์เข้าไปในเสาเวทมนตร์แล้วปล่อยให้มันลอยอยู่บนนั้นแล้วเริ่มท่องคาถา ทันใดนั้นเองบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป



    แทนที่จะมีวงเวทรอบตัวและมีเสาแสงครอบเหมือนอย่างซินจู ร่างของโจลอยขึ้นสูงมากกว่าเด็กสาวเสียอีก ทันใดนั้นเขาก็ถูกสายฟ้าขนาดใหญ่พุ่งทะลุผ่านร่าง เขาร้องออกมาอย่างน่ากลัวจนเพื่อน ๆ กลัวแทนและพยายามจะเข้าไปหา แต่ก็มีสายฟ้าพุ่งออกมาจากตัวคัมภีร์อย่างต่อเนื่องจนไม่มีโอกาสที่ให้พวกเจนจะเข้าประชิดตัวได้เลย



    ก่อนที่พวกเจนจะได้ทำอะไรต่อร่างของโจก็ระเบิดสายฟ้าออกมาพร้อมกับแสงสว่างจนพวกเจนมองไม่เห็นอะไรอีก





    จบตอนที่ 12 ปริศนา



    ----------------------
    วันนี้ลงสองตอนนะครับเพราะพรุ่งนี้ผมไม่อยู่ในกรุงเทพ คงไม่ว่างจะมาลง

    แล้วก็สวัสดีปีใหม่นะครับ

  28. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  29. #17
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 13 จุติ เทพสายฟ้า

    ตอนที่ 13 จุติ เทพสายฟ้า



    ณ ที่ทำการใหญ่ของกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ เมืองลั่วหยาง

    ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดเกราะสีน้ำตาลดูท่าทางหรูหรามีราคากำลังเดินอย่างรีบร้อน ทางเดินที่เขาเดินผ่านทุกวันในตอนนี้กลับรู้สึกยาวไกลกว่าทุกวันจนเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา



    เมื่อเขาเดินทางมาถึงจุดหมายและเปิดประตูไม้ที่มีหัวพยัคฆ์เป็นกลอนประตูออกมา จากนั้นเขาเดินเข้ามายังห้องซึ่งมีขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งเป็นโทนสีแดงคล้ำ มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดผ้าสีเบจกำลังนั่งอ่านข่าวอยู่บนกระดานข่าวสารหลังโต๊ะทำงานในห้อง ด้านข้างมีชุดเกราะงามสีขาวแขวนอยู่ชั้นวางเกราะ เพียงแค่มองก็อนุมานได้เลยว่าต้องเป็นชุดเกราะระดับสูงหาใดเทียบและมีราคาสูงกว่าชุดเกราะสีน้ำตาลที่เขาสวมอยู่อย่างแน่นอน



    ชายหนุ่มเงยหน้าจากสิ่งที่อ่านอยู่และมองตามไปยังผู้ที่เดินเข้ามาซึ่งมีสีหน้านิ่งตามปกติที่เขารู้จักเด็กหนุ่มคนนี้มานาน



    "มีอะไรงั้นหรือ จีจิน ปกติตอนนี้นายจะไปอยู่กับพวกลูกกิลด์ในเมืองไม่ใช่หรือ" ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยความแปลกใจเล็กน้อย เขามีใบหน้าคมได้รูปจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเทพบุตรลงมาเดินดินเลยทีเดียว ดวงตาสีน้ำตาลลึกล้ำมีประกายเข้ากับผมสั้นสีดำกันอย่างดี



    "พอดีมีข่าวมาจากซีโปครับคุณฟาง เห็นว่ามีผู้เล่นหน้าใหม่ได้ทำการต่อสู้กับพวกคนที่เกี่ยวข้องกับพวกกิลด์พิฆาตราชา จะให้ส่งคนไปดูมั้ยครับ" จีจินบอกด้วยเสียงหอบเพราะต้องการรีบส่งข่าวให้กับชายคนนี้รู้ ตัวเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันกับชายตรงหน้า ใบหน้านิ่งที่อยู่ใต้แว่นตากับดวงตาสีม่วงดูน่าหลงใหล ผมยาวมัดเป็นหางม้าทำให้เด็กสาวมากมายหัวใจละลายมาไม่น้อย



    "หืม...ได้ยินว่าจีโอกลับไปที่เมืองเริ่มต้นนี่ ส่งข่าวไปให้หมอนั่นช่วยเหลือผู้เล่นแถวนั้นซะ และกำชับเอาไว้ด้วยว่าอย่าเพิ่งไปลงมือกับคนของกิลด์พิฆาตราชา" ฟางหรือชื่อเต็ม หย่งฟางตอบแล้วก้มหน้าลงไปอ่านข่าวของตนต่อ



    "เรื่องนั้นคงไม่จำเป็นหรอกครับ ผู้เล่นพวกนั้นจัดการพวกนักเลงได้เกือบหมด แต่ที่ผมอยากแจ้งให้ทราบคือสายข่าวบอกว่าเขาพบ 'อีกา' ที่อยู่ที่นั่นยังไม่กล้าประมือกับผู้เล่นคนนั้นและหนีไปด้วยครับ" เมื่อหย่งฟางได้ยินเพื่อนของตนพูดถึง อีกา ก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างสนอกสนใจ ชื่อนี้เป็นชื่อที่เขาพยายามติดตามข่าวมานานแล้วแต่ยิ่งตามหาเขาก็จับได้เพียงแค่ขนที่ตกทิ้งเอาไว้เท่านั้น



    "หนีไปงั้นหรือ....ได้ชื่อของผู้เล่นที่สู้ด้วยหรือเปล่า" หย่งฟางทำท่าครุ่นคิดก่อนถามขึ้น จีจินพยักหน้าตอบ



    "ผู้เล่นที่ประมือกับอีกามีชื่อว่า เจน ครับ คน ๆ นี้รวมกลุ่มกับผู้เล่นหน้าใหม่เช่นเดียวกันอีกหกคนและมีสัตว์เลี้ยงอีกหนึ่งตัวเป็นจิ้งจอกขนสีขาว จะให้หาข้อมูลเพิ่มมั้ยครับ" จีจินถาม



    ชายหนุ่มคำนวณข้อมูลที่ได้มาในหัวอย่างชั่งใจก่อนพูดขึ้นมา



    "ช่วยหน่อยแล้วกัน ส่งข่าวบอกให้คนในกิลด์คอยมองดูเอาไว้ว่าผู้เล่นนี้ไปที่ไหนบ้างแต่ไม่ต้องให้ใครติดตามไปนะ แค่ให้รายงานเมื่อพบก็พอ....แล้วส่งข่าวนี้ไปให้จีโอด้วย ฉันว่าหมอนั่นต้องชอบแน่ ๆ"



    "จะดีหรือครับ" จีจินถาม เพราะเขาไม่ค่อยมั่นใจในตัวคนที่ชายตรงหน้าพูดถึงนักในเรื่องการทำตามคำสั่ง



    "ดีสิ คราวนี้ปล่อยให้หมอนั่นทำตามใจดู คงไม่เกิดเรื่องหรอก แล้วคอยสอดส่องดูว่ามีสายของกิลด์อื่นมาติดตามคนพวกนี้หรือเปล่า โดยเฉพาะกิลด์วิหคเทเวศ ถ้ามีผู้หญิงในกลุ่มนั้นล่ะก็พวกนั้นคงไม่พลาดที่จะดึงตัวเข้ากิลด์แน่ ๆ" หย่งฟางบอกแล้วยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก



    "แล้วไม่ต้องให้คนดูสายของกิลด์พิฆาตราชาหรือครับ" จีจินถามอีกทั้ง ๆ ที่เขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว



    "ไม่ต้องหรอก....เรื่องแบบนี้พวกลูกน้องของคราวลี่ย์มันไม่พลาดอยู่แล้ว"







    เจนและคนอื่น ๆไม่อาจลืมตาได้เพราะแสงนั้นสว่างมากเกินกว่าดวงตาจะรับไหว เมื่อผ่านไปได้พักหนึ่งแสงก็อ่อนแรงลงจนพวกเธอลืมตาขึ้นมาและพบว่าในตอนนี้โจกำลังลอยตัวอยู่ด้านหน้าเหนือหัวพวกเธอ ร่างของเขามีกระแสไฟฟ้าระเบิดออกมาอยู่ตลอดเวลาอย่างน่ากลัว ดวงตาของโจนั้นดูน่าเกรงขามมากเมื่อเปล่งเป็นแสงสีฟ้าและมีไฟฟ้าเป็นประกาย ผ้าคลุมสีดำลอยปลิวไสวดูท่าทางทรงอำนาจถ้าเขาไม่พูดอะไรออกมาเช่นนี้



    "จงเรียกฉันว่า ธันเดอร์โจ!" ชายหนุ่มว่าแล้วสายฟ้าก็ระเบิดออกมาจากตัวเขาเสียงดังโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ปิดเช่นนี้เสียงก็ยิ่งดังก้องจนทุกคนต้องรีบอุดหูไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าตัวที่เป็นคนปล่อยสายฟ้าออกมา



    "โอ๊ย! โจ! นายทำบ้าอะไรเนี่ย!" เจนตะโกนเสียงดังโดยที่มือยังคงอุดหูอยู่



    "หา! อะไรนะ!" โจตะโกนตอบ ท่าทางหูคงกำลังอื้อเพราะเสียงสายฟ้าระเบิดของตัวเอง



    "ฉันบอก...อ้า!! ช่างมันเถอะ" เจนพูดอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปโมโหโจต่อเพราะเธอรู้จักเพื่อนคนนี้มาดีเกินไป



    "เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตอนทำพิธีนายถึงโดนสายฟ้าผ่าใส่ด้วยล่ะ ตอนซินจูทำพิธีไม่เห็นมีอย่างนี้เลย"



    "มีสิ แค่เพราะเวทของฉันเป็นระดับ S ก็เลยดูอลังการกว่าไง แล้วไอ้ที่ร้องเมื่อกี้ฉันก็ร้องให้มันเข้ากับบรรยากาศเฉย ๆ อ่ะ" โจพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย จนทำให้เจนอดไม่ได้ที่จะตบหัวแรง ๆ ซักที



    "นายนี่มัน...เหลือเกินจริง ๆ" เจนกัดฟันพูดพยายามไม่ทำร้ายร่างกายเพื่อนของตนไปมากกว่านี้



    "เอาล่ะ ๆ พอได้แล้ว แล้วตกลงนายได้อาชีพอะไรมาล่ะ" เสือซ่อนลายถาม การที่ใช้คัมภีร์ระดับ S ในการทำพิธีน่าจะได้อาชีพระดับสูงมากในความคิดของเสือซ่อนลาย



    "ฉันได้อาชีพจอมเวทเทพสายฟ้า แค่ชื่อก็ฟังดูแข็งแกร่งสุด ๆ แล้ว ฮ่าฮ่า!" โจว่าแล้วเปิดดูทักษะของตน



    "ไหนดูซิ... มีเวทไม่มากเท่าไหร่เลยแฮะแถมมีแต่เวทสายฟ้าทั้งนั้นเลยด้วย อย่างน้อยก็มีเวทใช้โจมตีระยะใกล้และไกล แบบนี้ค่อยดีหน่อย"



    "เรื่องนั้นไว้ก่อน พวกเรามากินมื้อเที่ยงกันเถอะ ไว้ดูไปกินไปก็ได้ ฉันเตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว" ไมโกะบอกโดยเธอนำมื้อเที่ยงออกมาแบ่งให้กับทุกคน โดยมื้อนี้เป็นข้าวปั้นฝีมือของเธอเอง



    หลังจากที่โจและซินจูต่างศึกษาทักษะของตัวเองที่ได้มาใหม่อยู่พักหนึ่งพร้อมทั้งทานอาหารกับคนอื่นแล้วจึงเริ่มออกเดินทางกันต่อ พวกเจนเริ่มมุ่งหน้าเข้าไปด้านในของสุสานขุนนางต่อโดยคราวนี้เสือซ่อนลายบอกให้โจและซินจูเป็นคนลงมือก่อนเพื่อเป็นการฝึกฝนไปในตัวด้วย



    ชายหนุ่มเริ่มโจมตีขุนนางผีดิบตัวแรกที่พบโดยไม่มีโอกาสที่มันจะได้ลอบโจมตีพวกเจนเลยเพราะเพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะที่ถูกใช้ออกมาให้แสงสว่างเป็นวงกว้างจนเห็นผีดิบทุกตัวตลอดทางเดิน



    เขาใช้สายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีขุนนางผีดิบตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ด้วยระดับของโจที่สูงถึง 56 แล้วในขณะที่ขุนนางผีดิบยังมีระดับอยู่ที่ 58 เช่นเดียวกับทหารผีดิบ สายฟ้าของโจเผาร่างของขุนนางผีดิบได้ในพริบตาจนกลายเป็นแสงไปทั้ง ๆ ที่ดูจะเป็นแค่เวทสายฟ้าธรรมดาเท่านั้น พวกเจนเองที่เห็นพลังทำลายระดับไม่ธรรมดาก็ถึงกับอึ้งในพลังของโจที่เพิ่มขึ้นมาเหมือนกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว



    "โห นี่นายเล่นใช้เวทระดับสูงตั้งแต่แรกเลยงั้นหรือ อ๋าาา! รู้จักเพลา ๆ มือมั้งซี่ แบบนี้จะเรียกว่าฝึกได้ยังไง" ยูสตาร์พูด



    "ป่าวนะ นี่ฉันใช้เวทโจมตีธรรมดาเท่านั้นเอง เวทสายฟ้าไร้ลักษณ์นี้ใช้ได้ทั้งโจมตีระยะใกล้และระยะไกลแถมยังกินพลังเวทน้อยด้วย แต่ไหงพลังโจมตีถึงได้แรงแบบนี้ล่ะ รายละเอียดทักษะในนี้ไม่เห็นบอกพลังโจมตีเอาไว้เลย" โจพูดพร้อมกันแสดงหน้าต่างให้ยูสตาร์ดู



    "เฮ้ย จริงด้วย แค่เวทธรรมดายังแรงขนาดนี้ ถ้านายใช้เวทระดับสูงไม่ทำเอาดันเจี้ยนนี้พังเลยหรือไงกันเนี่ย"



    "โกงกันหรือเปล่า ขนาดยัยเจนยังไม่มีพลังโจมตีสูงขนาดนั้นเลยนะเว้ย" แจ็คว่าถึงแม้เขาจะยังไม่เคยเห็นเจนใช้ทักษะจากดาบคุซานางิหรือใช้ทักษะพลังสถิตร่างเลยก็ตาม แต่เจนก็ยอมรับว่าเวทมนตร์ที่โจเพิ่งใช้ไปนั้นรุนแรงมากจนเห็นความต่างของคนที่ยังเป็นแค่นักผจญภัยฝึกหัดกับคนที่ได้เปลี่ยนอาชีพแล้วอย่างเห็นได้ชัด



    หลังจากที่เจนหยุดศึกน้ำลายของเพื่อนสนิทของเธอได้แล้วเสือซ่อนลายจึงสั่งให้ซินจูออกมาแสดงฝีมือบ้างแต่ดูท่าทางตัวเธอนั้นไม่มั่นใจเอาซะเลย



    "แต่ว่าพี่เสือคะ ทักษะส่วนใหญ่ที่หนูมีก็แค่พวกทักษะสายสนับสนุนทั้งนั้นเลยนะคะ เวทที่ดูจะใช้โจมตีได้ก็มีแค่เวทเดียวเท่านั้นเอง แถมยังต้องใช้เวลาร่ายเวทนานอีกด้วย" เด็กสาวบอกด้วยสีหน้าแสดงถึงความหวั่นใจไม่น้อย



    "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปช่วยถ่วงเวลาเอง ซินจูก็ลองใช้เวทสนับสนุนดูด้วยก็แล้วกันนะ พร้อมที่จะลองใช้เวทที่ว่านั่นเมื่อไหร่ก็ให้สัญญาณได้เลย" เจนเสนอตัวพร้อมชักดาบออกมาเตรียมพร้อม ซินจูจ้องมาหาเจนด้วยความซาบซึ้งใจ



    "ขอบคุณค่ะพี่เจน ซินจูจะพยายามให้ดีที่สุดเลยค่ะ" เด็กสาวตอบรับอย่างแข็งขัน เจนพยักหน้าให้กำลังใจแล้วจึงหันไปหาคิทซึเนะที่ตอนนี้กำลังมองพวกเจนด้วยความสงสัย



    "เจ้านายกำลังพูดเรื่องอะไรหรือคะ ฟังดูเข้าใจยากจังหนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย" สาวน้อยจิ้งจอกเอนหัวถามด้วยความสงสัย



    "เดี๋ยวฉันจะออกไปสู้กับพวกผีดิบกับพี่ซินจูเขาน่ะ ทำตัวดี ๆ แล้วคอยอยู่ตรงนี้กับพี่ไมนะ" เขาบอกและเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู



    “แค่เจ้าพวกนั้นเดี๋ยวคิทซึเนะใช้ไฟเผาเอาก็ได้ แปปเดียวหนูก็จัดการหมดแล้ว" เด็กสาวไม่พูดเปล่า เธอเร่งเพลิงจิ้งจอกที่ลอยอยู่เหนือหัวจนเปล่งแสงจ้า ทำให้เจนต้องรีบห้ามเอาไว้ก่อนที่จะไม่เหลือผีดิบให้ฝึกฝีมือ



    "ไม่ใช่แบบนั้นคิทซึเนะ ฉันกับซินจูจะออกไปสู้กับผีดิบเพื่อเป็นการฝึกฝีมือ เวลาสู้จริง ๆ จะได้รู้ว่าสู้ยังไง เพราะอย่างนั้นก็อยู่เฉย ๆ ตรงนี้นะ เอาไว้ถ้ามีใครจะโดนทำร้ายค่อยลงมือจัดการเจ้าผีดิบตัวนั้นก็แล้วกัน เข้าใจนะ" ถึงแม้คิทซึเนะจะยังไม่เข้าใจนักแต่เธอก็รับปากว่าจะทำตามที่เจนสั่ง



    เป้าหมายที่เจนเลือกเป็นทหารผีดิบสองตัวที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี เธอพยักหน้าให้ซินจูก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหาผีดิบทั้งสองอย่างไม่เกรงกลัว



    "ข้าแต่พลังแห่งแสงสว่าง จงเพิ่มพลังให้แก่มิตรของข้าด้วยเถิด ไลท์ อิมเพาเวอร์!!" ซินจูร่ายคำเวท ทันใดนั้นเจนรู้สึกได้เลยว่าพละกำลังของเธอเพิ่มขึ้นและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วขึ้นอย่างมาก เผลอ ๆ ยิ่งกว่าทักษะเพิ่มพลังกายของเธอด้วยซ้ำ



    เมื่อเห็นว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นมาเจนก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น เธอพุ่งเข้าหาทหารผีดิบตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและฟาดดาบออกไปที่แขนของมัน แขนที่เน่าเปื่อยของทหารผีดิบขาดออกจากร่างด้วยเพียงการลงดาบเพียงครั้งเดียวทั้ง ๆ ที่มีชุดเกราะคอยป้องกันเอาไว้อยู่ทำให้เห็นได้ชัดว่าพลังโจมตีของเธอก็เพิ่มขึ้นมามากเลยทีเดียว



    เจนจัดการปิดบัญชีตัดหัวของทหารผีดิบตรงหน้าแล้วเข้าปะทะทหารผีดิบอีกตัว คราวนี้เธอตั้งใจให้ทหารผีดิบโจมตีใส่ดูบ้าง ถ้าเป็นตามปกติเมื่อเจนโดนทหารผีดิบโจมตีก็ถึงกับทรุดเลยทีเดียว แต่คราวนี้เจนรู้สึกเหมือนแค่โดนกระแทกแรง ๆ เท่านั้นไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมาก พลังชีวิตที่ลดก็100 ต้น ๆ เท่านั้น แต่ทว่าเมื่อทหารผีดิบเห็นว่าศัตรูของมันตรงหน้าไม่ได้รับบาดเจ็บจึงพยายามจับตัวของเจนเอาไว้ เด็กสาวที่รู้ว่าตนกำลังโดนจับตัวจึงรีบกระโดดถอยหลบออกมาแต่เนื่องจากทหารผีดิบกำแขนเสื้อของเธอเอาไว้แน่นจึงทำให้เสื้อคลุมและเสื้อผ้าฝ้ายด้านในขาดจนเห็นแขนเรียวยาวของเด็กสาว



    ในตอนนี้เจนไม่สนเรื่องเสื้อผ้าของตัวเองโดยแม้แต่น้อย ในหัวของเธอมีแต่ความคิดจะจัดการเจ้าผีดิบตรงหน้าเพียงอย่างเดียว ก่อนที่เจนจะเข้าไปฟาดดาบใส่เข้าผีดิบ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกของซินจูจากด้านหลัง



    "เวทพร้อมแล้วค่ะพี่เจน ตอนนี้ถอยออกมาได้แล้วล่ะค่ะ!" เมื่อได้ยินดังนั้นจึงนึกได้ว่าเธอกำลังช่วยซินจูฝึกอยู่จึงผ่อนคลายอารมณ์ลงแล้วถอยออกมา



    โฮลี่ เซอเคิ่ล!



    สิ้นเสียงบริเวณที่อยู่โดยรอบพวกเจนและพวกเสือซ่อนลายก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า แทนที่เจนจะรู้สึกแยงตาจากแสงนี้กลับรู้สึกสบายตาและอบอุ่นเหมือนกับว่าเธอถูกแสงนี้โอบกอดเอาไว้ แต่มันมีผลตรงกันข้ามต่อพวกผีดิบแบบสุดขั้ว พวกมันร้องเสียงโหยหวนเหมือนกับว่ากำลังโดนไฟแผดเผา ร่างของทหารผีดิบคุกเข่าลงบนพื้นแล้วเงยหน้ามองซินจูก่อนจะมีเงาของทหารในชุดเกราะโบราณหลุดออกมาจากร่างผีดิบและกลายเป็นแสงไป



    "ยอดไปเลยซินจู! แค่ทีเดียวก็จัดการพวกผีดิบได้เป็นสิบเลย" เสือซ่อนลายชมขณะมองเวทของนักเวทย์สาวที่กำลังแผ่ขยายไปจัดการผีดิบตัวอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก่อนจะจากหายไป



    "แบบนี้ถ้าหากเจอพวกผีดิบเยอะ ๆ ล่ะก็ใช้เวทเมื่อกี้ล่ะก็ ตู้ม! เรียบร้อย" แจ็คพูดด้วยความตื่นเต้นแทนคนร่ายบทเวท ซึ่งตอนนี้เธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จากคำชมของคนอื่น ๆ ในกลุ่ม



    "อะ...เอ๋! ฉันไม่เก่งไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ใช้เวทไปแค่ครั้งเดียวพลังเวทมนตร์ของฉันก็หมดแล้ว แบบนี้ใช้เก็บระดับไม่ได้หรอกค่ะ" ซินจูตอบตามความจริง ถึงทักษะนี้จะรุนแรงมากก็ตาม แต่มีผลเพียงแค่มอนสเตอร์ธาตุความมืดและมอนสเตอร์ชนิดอันเดธกับวิญญาณเท่านั้น ถ้าหากปะทะเข้ากับมอนสเตอร์ชนิดอื่นก็ไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย



    "อย่างที่น้องซินพูดนั่นล่ะ อย่างน้อยพวกเราต้องพึ่งตัวเราเองก่อน ทักษะนั้นเอาไว้ใช้จัดการพวกมอนสเตอร์บอสหรือใช้ในยามฉุกเฉินจะดีกว่า ส่วนแค่ผีดิบธรรมดาพวกเราก็คงจัดการกันเองไหว" เสือซ่อนลายพูด



    "อ๊ะ พี่เจนเสื้อผ้าขาดหมดเลย ขอโทษนะคะ เป็นเพราะซินจูร่ายเวทช้าแท้ ๆ" เด็กสาวเอ่ยด้วยใบหน้าเสียใจเมื่อสังเกตเห็นแขนเสื้อของเจน ท่าทางของเด็กสาวทำอย่างกับว่าเป็นคนทำแขนเสื้อของเจนขาดซะเองจนเธอเริ่มลำบากใจ



    "อะ..เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกนะ ซินจู ฉันเองที่คิดจะลองให้ทหารผีดิบลองโจมตีใส่ดู ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกนะ" เจนพูดปลอบจนซินดูมีสีหน้าดีขึ้นมา



    "ขอบคุณค่ะ เอ..ว่าแต่พี่เจนนี่ผิวเนียนดีจังเลยนะคะ ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่ผิวสวยกว่าซินจูซะอีก" คำพูดของเด็กสาวตรงหน้าทำให้เจนต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เจนหันไปมองแขนเรียวยาวของเธอที่เผยออกมาให้เห็นผิวสีชมพูสว่างใสของเธอที่ถูกเปิดเผยออกมา คนอื่น ๆ ที่ได้ยินจึงหันไปมองตามบ้าง



    "จริงด้วย ผิวเนียนจริง ๆ เลยเจน เธอทำยังไงหรือถึงได้ผิวสวยขนาดนี้" ไมโกะถามแล้วเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ



    "หืม ไม่นึกว่านายจะเป็นผู้ชายที่หมั่นดูแลตัวเองแบบยูสตาร์เลยนะเนี่ย อย่างฉันแค่ออกกำลังกายกับกินผักเยอะ ๆ ก็พอแล้ว ใช่มั้ยพี่ยู" เสือซ่อนลายเอ่ยแล้วหันหาไปยูสตาร์



    "ใช่ ฉันเองก็แค่ทาครีมบำรุงบ้างเท่านั้นเองยังไม่ได้แบบนั้นเลยนะเนี่ย ผิวเนียนขาวเป็นสีชมพูอย่างกับผู้หญิงจริง ๆ" เมื่อได้ยินที่ยูสตาร์ว่าและสายตาทั้งสี่คู่จับจ้องมาทางเธอ เจนก็รีบหันข้างก่อนที่พวกซินจูจะนึกอะไรบางอย่างที่เจนพยายามจะปิดบังออกมา



    "อะ..เอ่อ อ๋อ! นี่หรอ มันก็แค่.. เอ่อ" เจนพูดตะกุกตะกัก ในหัวของเธอนั้นขาวโพลนไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรดี เธอโกหกไม่เก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วและก็คงคิดว่าคงจะไม่สามารถทำได้อีกในครั้งนี้



    ชายหนุ่มสองคนมองเพื่อนสาวอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเดินเข้าไปลากเจนออกมาโดยปล่อยให้โจเป็นคนรับหน้าที่เจรจาเอง ถึงเจนจะไม่มั่นใจนักเรื่องที่ให้โจเป็นคนพูดเพราะเธอรู้สึกหวั่นว่าสิ่งที่ออกจากปากเพื่อนคนนี้นั้นจะเป็นอะไรเกินจริงหรือบางอย่างที่เธอจะไม่มีทางทำแน่ ๆ แต่ในตอนนี้เขาคือทางออกที่ดีที่สุดของเจนถึงแม้การบอกความจริงจะทำให้เจนรู้สึกดีกว่าก็ตาม



    "นี่โจ เมื่อกี้นายไปโกหกว่าอะไรงั้นหรือ" เจนถามเมื่อเพื่อนหนุ่มเดินกลับมาหา โจยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องสบาย ๆ แต่มันไม่ได้ทำให้เจนรู้สึกสบายใจขึ้นเลย



    "ก็ไม่มีอะไรมาก บอกแค่ว่าแม่เธอเป็นคนรักสวยรักงามแล้วเห็นเธอหน้าตาเหมือนผู้หญิงก็เลยฝึกนิสัยให้ดูแลตัวเองคล้ายผู้หญิงตั้งแต่เด็ก ถ้าตัดไอ้ตรงที่ 'ตั้งแต่เด็ก' ออกฉันก็ไม่ได้โกหกพวกนั้นซักนิดเลยนะ เรื่องจริงทั้งนั้น" เมื่อได้เห็นที่โจบอกเจนก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าหมอนี่ช่วยเธอไว้โดยไม่ทิ้งปัญหาเอาไว้เหมือนทุก ๆ ครั้งและแน่นอนว่าเมื่อเจนทราบสิ่งที่โจบอกพวกซินจูไปภายหลังเธอก็คงไม่ลืมมาเก็บบัญชีอย่างแน่นอน แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต



    หลังจากที่นั่งพักฟื้นพลังเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเจนก็เริ่มออกเดินทางต่อ คราวนี้การเดินทางยิ่งง่ายเข้าไปอีกเมื่อได้นักเวทตัวจริงมาเป็นกำลังทัพของกลุ่ม ยิ่งมีทั้งเวทสนับสนุนที่สามารถช่วยเหลือได้แทบทุกสถานการณ์และเวทโจมตีที่แม้จะไม่ใช่สายที่พวกผีดิบแพ้โดยตรง แต่เวทสายฟ้าไร้ลักษณ์ของโจก็ทรงพลังมากจนเขาสามารถวิ่งเข้าไปโจมตีระยะประชิดโดยทำใช้มือแตะที่ตัวของผีดิบแล้วปล่อยไฟฟ้าออกจากมือช็อตให้ผีดิบตายในพริบตา



    พวกเจนตกลงกันเอาไว้ว่าจะไม่ไปแตะต้องพวกลูกไฟวิญญาณอีกดังนั้นจึงทำให้พวกเสือซ่อนลายมีระดับขึ้นสูงสุดเพียงแค่ 58 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของพวกผีดิบในตอนนี้ ขณะเดียวกันที่เจนมีระดับเพิ่มมาถึง 55 และ 54 ของคิทซึเนะที่ตามมาติด ๆ ดังนั้นพวกเธอจึงโจมตีเหล่าผีดิบที่เข้ามาโจมตีพวกเธอก่อนเท่านั้น โดยกลุ่มยังคงมุ่งหน้าเดินทางเข้าไปด้านในของสุสานต่อไป



    "ทำไมพวกนายถึงจะไปต่อล่ะ ตอนนี้ระดับของพวกนายถึงจะสู้กับพวกนี้ไปก็ไม่ขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ" เจนหันไปถามเสือซ่อนลายที่เพิ่งจัดการขุนนางผีดิบไปอีกตัวหนึ่ง หลังจากเก็บของเสร็จเขาจึงหันมาหาเด็กสาว



    "เรื่องนั้นฉันรู้แล้วล่ะ แต่จะให้ทิ้งเพื่อนไว้แล้วเดินไปต่อฉันทำไม่ได้หรอก จริงมั้ยพี่ยู" เสือซ่อนลายหันไปถามยูสตาร์ที่เพิ่งยิงธนูพุ่งเข้าปักหัวของผีดิบที่ไมโกะกำลังสู้อยู่



    "ใช่ ๆ ๆ อย่าเพิ่งชวนคุยตอนนี้ได้มั้ยเนี่ย" ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สบอารมณ์เพราะกำลังถูกรบกวนสมาธิ เขาหันกลับมาหรี่ตาเล็งแล้วยิงศรอีกดอกส่งให้ทหารผีดิบให้เป็นแสงตามพรรคพวกของมันไป



    "อย่ากังวลเลยน่าเจน ก็ถือซะว่าให้โจกับซินจูฝึกใช้ทักษะด้วยไง แล้วอีกอย่างที่นี่ก็ไม่ได้มีคนเข้ามานานแล้ว พวกนักเลงคงไม่ได้เข้ามาถึงลึกขนาดนี้หรอก เอาเป็นว่ามาสำรวจถ้ำดูก็ไม่เห็นจะเสียหายนี่นา" ไมโกะว่าและเดินเข้ามาตบไหล่เจนเบา ๆ ซึ่งทำให้เธออุ่นใจมาก คนพวกนี้ทำดีต่อเธอเหลือเกินเหมือนกับว่ารู้จักกันมานานแล้ว เจนไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะพบน้ำใจขนาดนี้ในยุคปัจจุบัน



    "จะว่าไปปกติแล้วตามสุสานพวกนี้มักจะมีของอย่างพวกสมบัติซ่อนเอาไว้อยู่ไม่ใช่หรือ อย่างพวกในภาพยนตร์หรือในเกมอะไรแบบนี้ไง" แจ็คพูดขึ้นมา



    "ใช่ แบบเกมที่เราเล่นกันก่อนหน้านี้ไงโจ ที่มีผู้ชายสวมหมวกหนังถือแส่นั่นน่ะ สร้างเป็นภาคที่สิบแล้วมั้ง" โจเสริม



    "เดี๋ยว ๆ นี่นายหมายถึงตอนไหนกัน" เจนถามด้วยความสงสัย



    "ก็ช่วงที่ออฟไลน์ไง ถามมาได้"



    "นายนี่เหลือเชื่อจริง ๆ ตอนตื่นนายก็เล่นเกม ตอนหลับก็เล่นเกม หัดไปทำอย่างอื่นบ้างสิ"



    "ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้เป็นไง จำที่เราซ้อมกันไว้เมื่อเดือนที่แล้วได้มั้ย เอาไว้ออฟไลน์แล้วพวกเราไปทำกันเลยมั้ย บอกไว้ก่อน นี่ความคิดเธอนะ" โจพูดทำให้เจนนึกถึงความคิดบ้า ๆ ที่เธอเคยคิดจะทำร่วมกับพวกโจเมื่อนานมาแล้ว ไม่คิดว่าเจ้าเพื่อนคนนี้จะจำได้แล้วเอามาใช้กับเธอซะอย่างนั้น



    ในอีกซักพักต่อมาเจนและเพื่อนๆก็พบกับทางตัน ทางเดินที่ควรจะมีต่อถูกซากปรักหักพังขวางทางเอาไว้จนไม่สามารถไปต่อได้ นี่เป็นเส้นทางสุดท้ายที่พวกเธอสำรวจ เส้นทางอื่นนอกเหนือจากนี้ถ้าไม่เจอทางตันก็พบซากแบบเดียวกันนี้ขวางทางเอาไว้อยู่



    "เสาพวกนี้คงหักลงมาเองตามธรรมชาติเหมือนกันที่อื่น ๆ ในส่วนนี้ของสุสานคงสร้างมานานแล้ว ไม้พวกนี้ดูเก่ากว่าตรงทางเข้ามากเลย" ยูสตาร์พูดด้วยท่าทางเหมือนกับเป็นมืออาชีพจนเจนอดสงสัยไม่ได้



    "นายรู้ได้ยังไงน่ะ นอกเกมนายทำงานเป็นนายพรานงั้นหรือ"



    "เปล่า ฉันซื้อหนังสือทักษะตามรอยมาตอนอยู่ที่เมืองเริ่มต้น ทักษะนี้ช่วยให้ฉันสามารถตามรอยของมอนสเตอร์หรือผู้เล่นได้จากร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้ แต่ฉันใช้บ่อยจนทำให้มันเพิ่มระดับและรู้ได้ถึงรายระเอียดของร่องรอยอื่น ๆ ด้วย ตอนแรกฉันก็คิดว่ามันดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ แต่มันก็มีประโยชน์ดีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักสืบไปเลยล่ะ" ยูสตาร์ตอบ ท่าทางเขาชอบทักษะนี้มากเลยทีเดียว



    "แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้พวกเราติดอยู่ในนี้ หาทางไปต่อไม่ได้ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันจะไม่ค้างคืนในนี้แน่" ไมโกะพูด



    "ซินจูก็เหมือนกันค่ะ ตอนนี้รู้สึกเหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว" เสียงใสพูดเสริม ตามจริงเจนเองก็คิดอย่างนั้นอยู่เช่นเดียวกัน เธออยากจะกลับไปในเมืองแล้วซ่อมเสื้อผ้าของเธอจะแย่



    "เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พวกเราก็..-"



    "ตรงนี้มีทางไปต่อด้วยล่ะ" คิทซึเนะพูดขัดเจนขึ้นมา ทุกคนหันไปมองเด็กสาวจิ้งจอกก็พบว่าเธอกำลังยืนอยู่หน้าช่องแคบ ๆ ที่เจนไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นช่องขนาดเล็กที่อาจจะไม่ทันมองได้หากไม่สังเกตดี ๆ



    "เป็นไปได้ยังไง ฉันว่าเมื่อกี้ฉันสำรวจดูแล้วนะว่าไม่มีทางลับตรงไหน" ยูสตาร์ผู้รับหน้าที่เป็นคนนำทางพูดอย่างไม่อยากจะยอมรับว่าตนนั้นพลาดไป



    "ไม่แปลกหรอกที่พี่สี่ตาจะไม่เห็น เมื่อกี้ตรงนี้ถูกลงมนตร์ลวงตาระดับสูงเอาไว้ ถ้าพี่ไม่ใช่จิ้งจอกอย่างหนูหรือพวกทานูกิล่ะก็ไม่มีทางเห็นหรอก" คิทซึเนะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอ



    "หมายความว่ายังไงหรือจ๊ะคิทซึเนะ ที่ว่าจิ้งจอกกับทานูกิน่ะ" ซินจูถาม



    "ท่านแม่บอกว่าพวกเราจิ้งจอกกับพวกทานูกิเป็นเผ่าที่มีพลังแห่งภาพลวงตาสูงที่สุดที่บ้านหนูในหุบเขา เพราะอย่างนั้นท่านแม่เลยสอนให้หนูถึงวิธีคลายมนตร์ลวงตาตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ"



    ทุกคนได้ยินคิทซึเนะพูดก็ถึงกับอึ้ง ไม่เพียงมีพลังที่เทียบได้กับผู้เล่นยศขุนนาง แต่ยังสามารถคลายเวทลวงตาซึ่งเป็นเวทระดับสูงเลยทีเดียว ขนาดผู้เล่นระดับราชาบางคนยังไม่มีทักษะคลายเวทลวงตาเลยด้วยซ้ำ และที่ทุกคนสงสัยยิ่งกว่าคือ 'ท่านแม่' ที่คิทซึเนะพูดถึงคือใคร แม้ว่าเจนจะรู้แล้วแต่เธอก็ไม่คิดจะบอกใครอย่างเด็ดขาดถึงเรื่องของมาเอะ



    พวกเจนตัดสินใจว่าจะเข้าไปยังทางลับต่อ หลังจากผ่านช่องนั้นมาได้อย่างทุลักทุเลเพราะขนาดของมัน โดยเฉพาะสองจอกับเสือซ่อนลายโดยเสือกับแจ็คนั้นติดเพราะทั้งสองตัวใหญ่และมีกล้ามโต ในขณะที่โจติดเพราะขนาดของพุงที่ลอกมาจากโลกจริง



    ตอนนี้เจนหลุดมาอยู่ในทางเดินยาวอีกครั้ง แต่ตรงนี้ต่างจากที่ผ่านมาเพราะผนังโดยรอบนั้นดูสภาพดีกว่ามาก โคมไฟก็ถูกจุดติดทุกดวงตลอดทางเดินยาวที่ไม่มีทางแยกอื่นเลย พวกเจนเดินอยู่บนพรมแดงปููยาวตลอดทางและไม่มีมอนสเตอร์เลยแม้แต่ตัวเดียวในทางเดินนี้จนรู้สึกแปลก ๆ และน่าขนลุก



    พวกเจนเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงห้องกว้าง ครั้งนี้ห้องมีขนาดใหญ่กว้างกว่าห้องที่เจนเจอเสาเวทมนตร์มาก ตรงกลางห้องมีรูปปั้นทหารดินเผายืนอยู่นับร้อยตัวและอีกด้านก็เป็นรูปปั้นคนที่อยู่ในชุดคล้ายกับขุนนางจำนวนพอ ๆ กัน นั่นไม่ทำในเจนรู้สึกวางใจเลยแม้แต่น้อย ใจกลางของเหล่ารูปนั้นเป็นโลงศพขนาดใหญ่และพูดอลังการที่สุดที่เจนเคยพบเพราะมันประดับด้วยเพชรและอัญมณีนับไม่ถ้วน นี่ยังไม่รวมถึงเสาสี่ต้นที่ล้อมโลงศพอยู่นั้นทำจากทองคำทั้งแท่ง



    "ดูนั่นไง สมบัติที่ว่า เห็นมั้ยบอกแล้วไม่มีผิด ฮ่า ๆ !" โจพูดและหันไปตีมือกับแจ็คดังฉาดใหญ่แล้วจึงพากันเข้าไปที่โลงศพนั้นพร้อมกับยูสตาร์ที่ตามไปอีกคน



    "มันง่ายไปหน่อยหรือเปล่า จู่ ๆ ก็มาเจอทางลับที่พาตรงมาถึงคลังเก็บสมบัติแบบนี้เนี่ยนะ" ไมโกะพูดขึ้นด้วยความรู้สึกไม่ดีนัก ซินจูเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันแต่พูดกันตามจริงเธอก็ไม่เคยรู้สึกดีกับที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว



    "มันอาจจะง่ายจริง ๆ ก็ได้ ลองคิดดูสิว่าจะมีใครผ่านเวทลวงตามาได้ ไม่ว่าใครก็คงหาทางผ่านมาไม่ได้ง่าย ๆ แน่ ถ้าไม่ได้คิทซึเนะพวกเราเองก็คงจะกลับเมืองไปแล้ว จริงมั้ย"



    "จริงด้วยค่ะ พี่เสือ" คิทซึเนะพยักหน้าตอบคำเสือซ่อนลายและได้ลูบหัวเป็นรางวัล หางของเธอส่ายไปมาอย่างชอบใจ



    ถึงคิทซึเนะจะพูดอย่างนั้นก็ตามแต่เจนก็ไม่คิดว่ามันจะมีอยู่แค่นั้นอย่างแน่นอน เธอหันไปมองดูรอบ ๆ ว่าเผื่อจะสังเกตเห็นอะไรแต่เธอก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ที่โลงศพในตอนนี้สามหนุ่มกำลังพยายามงัดอัญมณีออกมาจากโลงศพ โดยแจ็คและยูสตาร์ต่างใช้มีดพยายามงัดมันออกมาในขณะที่โจจัดการเสาทองคำ



    เท่าที่เห็นทั้งแจ็คและยูสตาร์ต่างไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักกับอัญมณี ต่างกับโจที่ใช้ทักษะให้เป็นประโยชน์ เขาใช้สายฟ้าคลุมมือแล้วเริ่มหลอมทองให้หลุดออกจากฐานและนำใส่กระเป๋าได้ ในตอนแรกก็ทำไม่สำเร็จจนเด็กหนุ่มต้องเร่งพลังให้สูงขึ้นจนมีแสงแวบวับออกจากมือของเขาไปทั่วห้อง จนในที่สุดโจก็หลอมเสาทองคำทั้งสี่เสาให้กลายเป็นทองคำก้องสี่ก้อนแล้วจึงเก็บใส่กระเป๋าและเข้าไปสมทบพวกยู



    ทว่าทันใดนั้นเองชายหนุ่มทั้งสามก็เหมือนกับถูกพลังบางอย่างกระแทกใส่จนทำให้ร่างลอยกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง พวกเจนที่เหลืต่างชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อมสู้ทันที



    โลงศพที่เคยตั้งอยู่เฉย ๆ นั้นลอยขึ้นสูงเหนือพื้นดินราวกับมีเวทมนตร์ คิทซึเนะแยกเขี้ยวขู่แล้วรีบวิ่งไปด้านหน้าเจนเพื่อปกป้องเจ้านายอย่างรวดเร็วทำให้เธอรู้ว่าคราวนี้เธอเจอเข้ากับบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาเข้าซะแล้ว



    ตูม!!



    โลงศพระเบิดออกอย่างรุนแรง เพชรและ อัญมณีที่เคยล้ำค่าตอนนี้เป็นดั่งกระสุนถูกสาดออกไปทั่วทิศทางจนไม่สามารถหลบได้เลย โชคดีที่ซินจูใช้ทักษะเกราะเทพพิทักษ์ทันทีตั้งแต่เธอได้ยินเสียงระเบิด ก่อนที่เหล่าเพชรและอัญมณีจะทำร้ายพวกเจนและพวกโจที่นอนไม่ได้สติอยู่มุมต่าง ๆ ของห้อง ก็มีโล่ขนาดใหญ่ซึ่งทำจากแสงสีขาวนวลมาขว้างกั้นเอาไว้ กระสุนพุ่งปะทะโล่แล้วกระเด็นออกไปอย่างง่ายดายโดยไม่สามารถฝากไว้แม้แต่รอยขีดข่วน



    พอควันจากการระเบิดจางลงก็ปรากฏร่างสูงในชุดสีม่วง ใบหน้าของร่างนั้นเน่าเฟะ ดวงตาสีดำขลับกำลังจ้องมายังผู้บุกรุกที่กล้ามารบกวนการนอนของมัน แล้วทันใดนั้นมันก็ตะโกนร้องออกมาเสียงดังราวกับเป็นเสียงคำรามของอสูรร้าย เสียงอันแหบห้าวสะท้อนไปทั่วห้องอย่างน่ากลัวแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นกำลังปรากฏต่อหน้าพวกเจนแล้ว



    เหล่ารูปปั้นดินเผาต่างสั่นไปมาทันทีที่ร่างที่ลอยอยู่ตะโกน ไม่ต้องรอนานเกินสงสัยเพราะเหล่าทหารผีดิบและขุนนางผีดิบต่างกะเทาะร่างของมันหลุดออกมาจากรูปปั้น ไม่เพียงเท่านั้นเพราะทางเดินที่พวกเจนผ่านมาก็มีผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเดินตรงหน้ามาเช่นเดียวกัน



    จักรพรรดิผีดิบ

    ชั้นทหาร ระดับ 90

    ราชาของเหล่าผีดิบ มีทั้งความแข็งแกร่งและใช้เวทมนตร์ได้อย่างทรงพลัง เมื่อมันตื่นจักทำลายผู้ที่มารบกวนการนิทราให้สิ้น

    การโจมตีธาตุความมืดไม่มีผล แพ้ธาตุไฟและแสงสว่าง



    "แย่ล่ะ นี่มันมอสเตอร์บอส!! ทุกคนรีบมารวมตัวกันก่อนเร็วเข้า!" เสือซ่อนลายตะโกนเสียงดังและยกโล่ชูขึ้นมาเตรียมต่อสู้ แจ็คและโจต่างรีบวิ่งเข้ามารวมกลุ่มแต่ยูสตาร์นั้นกระเด็นออกไปไกลกว่ามากและในตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าผีดิบซะแล้ว



    "พี่ยู!!" ซินจูตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอนั้นอยู่ในอันตรายจึงจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่ก่อนที่เธอจะออกไปจากกลุ่ม เจนก็จับไหล่ยั้งตัวเธอเอาไว้แล้วพูดขึ้น



    "ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันไปช่วยพี่เขาเอง" ว่าแล้วเจนพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เหล่าผีดิบที่เห็นศัตรูเข้ามาหาถึงที่จึงพุ่งเป้าไปหาเจนแทนแต่ก็ยังมีผีดิบอีกเป็นจำนวนมากที่ยังคงเข้าไปหายูสตาร์โดยที่เขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย



    ผ่ามิติ!!



    คลื่นดาบขนาดยักษ์พุ่งตัดผ่านร่างนับสิบในพริบตา เหล่าผีดิบที่โดนทักษะนี้ไปต่างก็กลายเป็นแสงอย่างไร้ทางป้องกัน เปิดช่องว่างให้เจนวิ่งเข้าไปหายูสตาร์และพยุงตัวเขาขึ้นมาได้



    "หะ เฮ้ย! เมื่อกี้มันทักษะอะไรน่ะเจน!" ยูสตาร์ถามด้วยความตกใจ



    "ทักษะของดาบน่ะ รื่องนี้เอาไว้ก่อน ถ้ารอดแล้วค่อยว่ากัน ตอนพอนี้วิ่งไหวมั้ย" เจนถามกลับเพราะเธอยังต้องรอเวลาอีกครู่หนึ่งเพื่อจะใช้ทักษะได้อีกครั้ง แต่สิบวินาทีมันเหมือนจะนานเกินไปหน่อยเพราะจำนวนมหาศาลของผีดิบนั้นต่างท้วมท้นเข้ามาโดยผ่ามิติของเจนที่ใช้ไปเมื่อครู่นั้นแทบไม่ได้สร้างความแตกต่างเลยแม้แต่น้อย



    ยูสตาร์รู้สถานการณ์ดี เขาพยักหน้าแล้วเตรียมตัวที่จะวิ่งไปสมทบกับพวกเสือซ่อนลาย เจนใช้ผ่ามิติออกไปอีกครั้งผ่าเหล่าผีดิบให้กลายเป็นแสงไปอีกรอบ ทั้งสองออกวิ่งทันทีที่คลื่นดาบพุ่งออกจากดาบแต่เหล่าผีดิบต่างก็ดาหน้าเข้ามากันไม่หยุดจนปิดดั้นทางหนีเอาไว้ ไร้ซึ่งทางรอด



    "วิ่งต่อไปเซ่! หยุดพักทำไมเล่า!!" เสียงของโจตะโกนดังก้อง ทันใดนั้นสายฟ้าสายนับไม่ถ้วนก็พุ่งมาจากด้านหน้าของเจนเผาเหล่าผีดิบนับร้อยให้กลายเป็นเถ้าในครั้งเดียว ตรงหน้าของเธอนั้นเป็นชายหนุ่มที่มีสายฟ้าวิ่งพล่านไปทั้งตัว ดวงตาของเขาเรืองแสงและมีสายฟ้าพุ่งออกมาตลอดเวลา 'ธันเดอร์โจ'



    "มีทักษะแบบนี้ทำไมไม่รีบใช้ตั้งแต่แรกหะ" เจนหันไปถามเมื่อพายูสตาร์มาสมทบกลุ่มอย่างปลอดภัย



    "เธอเองก็เหมือนกันแหละ เมื่อกี้ฉันใช้พลังเวทไปเยอะมากจนเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว เอาไงดีเสือ" โจหันไปหาชายหนุ่มผู้ถือโล่อันใหญ่ที่กำลังพยายามมองสถานการณ์โดยรอบ



    "เจน ทักษะเมื่อกี้ใช้ได้อีกกี่ครั้ง" เสือซ่อนลายถาม



    "อีกประมาณสี่ครั้ง แต่ทักษะนี้มีดีเลย์อยู่สิบวิ ใช้ติดต่อกันไม่ได้ อย่างเร็วฉันก็คงใช้ได้อีกสามครั้งก่อนพวกผีดิบมาถึงตัว ผ่ามิติ!! สองครั้งแล้ว!"



    "ระเบิดเพลิงของฉันก็เหลืออยู่ไม่มากแล้วด้วย มีแผนอะไรก็รีบ ๆ เลยเร็วเข้า" ไมโกะร้องตะโกนพร้อมกับปาระเบิดใส่กลุ่มผีดิบที่ใกล้เข้ามา



    แต่ในขณะที่พวกเจนไม่ทันสังเกต จักรพรรดิผีดิบที่ลอยตัวอยู่นั้นก็กำลังร่ายมนตร์ ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เหนือหัวพวกเธอโดยไม่มีใครมองเห็น แต่เมื่อแจ็คหันไปพบและร้องเตือนก็สายไปซะแล้ว ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่ากับรสบัสกำลังพุ่งเข้าหาพวกเจนโดยไร้ทางหยุดโดยในตอนนี้เจนก็ไม่สามารถใช้ผ่ามิติได้เนื่องจากติดดีเลย์



    แต่ในความสิ้นหวังนั้นเองความหวังก็ปรากฏตัวขึ้น คิทซึเนะพุ่งขึ้นฟ้าและปล่อยบอลเพลิงจิ้งจอกนับสิบลูกเข้าปะทะก้อนน้ำแข็ง ในตอนนี้เธอไม่สามารถร่ายเพลิงจิ้งจอกที่มีขนาดใหญ่สู้กับก้อนน้ำแข็งของจักรพรรดิผีดิบได้ แต่เธอก็ทดแทนด้วยจำนวนเข้าสู้จนน้ำแข็งแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ถึงมีบางก้อนกระทบพวกเจนบ้างแต่ก็บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



    จิ้งจอกน้อยลงสู่พื้นโดยสวัสดิภาพ สายตาของเธอจ้องมองไปที่จักรพรรดิผีดิบที่จ้องมองกลับมาด้วยความโกรธ คิทซึเนะไม่รีรอส่งเพลิงจิ้งจอกเข้าใส่ทันที ร่างของราชาผีดิบโดนเพลิงจิ้งจอกเข้าเต็ม ๆ แต่ก็ยังไม่อาจจะจัดการมันได้เพราะเพลิงสีน้ำเงินที่ไหม้อยู่บนร่างของมันนั้นดับลงจากการสะบัดผ้าคลุมเพียงครั้งเดียว แต่คิทซึเนะก็สามารถสร้างความเสียหายไปให้แก่มันไปไม่น้อย



    "ยอดไปเลยคิทซึเนะ! จัดการเผามันให้เกรียมไปเลย!" เจนชมสัตว์เลี้ยงของเธอ แต่พอเธอสังเกตดูอีกทีก็พบว่าสีหน้าของจิ้งจอกน้อยนั้นดูไม่ค่อยดีนัก



    "หนูเจ็บขาจังเลยอ่าเจ้านาย เหนื่อยด้วย เวทน้ำแข็งเจ้าผีบ้านั่นส่งมาระเบิดมาโดนขาหนูอ่ะ เจ็บจนกระโดดไม่ไหวแล้ว" คิทซึเนะร้องโอดโอย เมื่อเจนก้มลงดูอาการบาดเจ็บก็พบว่าขาของจิ้งจอกน้อยนั้นบวมและห้อเลือดจนดูอาการหนักกว่าที่เด็กสาวพูดซะอีก



    "แย่ล่ะสิ คิทซึเนะมาบาดเจ็บแบบนี้ก็ไม่มีใครไปยันกลับเจ้าผีดิบบนนั้นสิ แค่พวกผีดิบธรรมดา พวกเราก็แทบจะเต็มกลืนแล้ว" โจว่าพร้อมส่งสายฟ้าใส่ทหารผีดิบที่เข้ามาถึงตัวให้กลายเป็นแสงไปโดยส่งเพื่อน ๆ ของมันด้านหลังอีกนับสิบตามไปด้วย



    ในตอนนี้เจนไม่คิดจะส่งคิทซึเนะออกไปสู้กับจักรพรรดิผีดิบอีกอย่างแน่นอน เจนรีบหันไปหาพวกเสือซ่อนลายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



    "พวกนายยันพวกผีดิบเอาไว้จนกว่าซินจูจะร่ายเวทโฮลี่ เซอเคิ่ลเสร็จ เดี๋ยวฉันยันเจ้าผีดิบบ้านั้นเอง"



    "จะบ้าหรือไงเจน ขนาดคิทซึเนะยังบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น เธอออกไปก็สู้มันไม่ไหวหรอก" ไมโกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ แต่ตอนนั้นเองเธอก็มองดูใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มของเจน เธอขยิบตาให้ก่อนที่จะตอบกลับ



    "ไม่เป็นไร ฉันเองก็ยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่เหมือนกัน..." เมื่อพูดจบพวกเสือซ่อนลายก็รู้สึกได้ทันทีถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเหล่าผีดิบก็หยุดโจมตีด้วยเพราะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลจากร่างของหญิงสาวตรงหน้า



    พลังสถิตร่าง เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง!!



    ออร่าสีทองพุ่งออกมาจากตัวของเจน เงาของจิ้งจอกเก้าหางปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าพวกเสือซ่อนลายที่ทำอะไรไม่ถูก พวกโจเองก็ถึงกับอ้าปากค้างถึงแม้เขาจะรู้ว่าเจนมีทักษะระดับ S ที่พวกเขายังไม่เคยเห็นแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้ แม้กระทั่งจักรพรรดิผีดิบก็เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กสาวตรงหน้า



    "ฉันอยู่ในร่างนี้ได้อีกไม่นานนัก ต้องใช้เวลาเท่าไหร่งั้นหรือถึงจะร่ายเวทเสร็จ" เจนในร่างที่ถูกปกคลุมด้วยออร่าสีทองของจิ้งจอกเก้าหางหันมาถาม เด็กสาวยังไม่ตอบและมองค้างไปที่เจนจนไมโกะสะกิดเบา ๆ จนรู้สึกตัว



    "อ๊ะ! ค่ะ! ห้านาทีค่ะ! ขอเวลาห้านาที!" ซินจูตอบ เจนพยักหน้ารับแล้วหันไปหาเสือซ่อนลาย ทั้งสองพยักหน้าให้กันและเจนก็พุ่งเข้าใส่จักรพรรดิผีดิบทันทีก่อนที่มันจะฉวยโอกาสเล่นงานพวกเธอตอนกำลังเผลอ



    "ซินจู หลังจากเธอร่ายเวทเสริมพลังให้ทุกคนเสร็จแล้วก็เริ่มร่ายเวทได้เลย" เสือซ่อนลายตะโกนเสียงดัง



    "เข้าใจแล้วค่ะ!"



    "คนอื่น ๆ ปกป้องซินจูเอาไว้ให้ได้!!"



    "โอ้!!!" ทุกคนตะโกนรับไม่เว้นแม้แค่คิทซึเนะ หลังจากซินจูร่ายเวทเสริมพลังให้กับทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เริ่มร่ายเวทโฮลี่ เซอเคิ่ลทันทีพร้อมกันกับช่วงเดียวกันที่เหล่าผีดิบต่างเริ่มโจมตีอีกครั้ง



    เจนพุ่งเข้าปะทะกับจักรพรรดิผีดิบ เธอเข้าระยะประชิดอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่ามันคงเป็นสายเวทมนตร์เช่นเดียวกับขุนนางผีดิบ ไม่ถนัดการโจมตีระยะประชิด แต่ทันใดนั้นมันก็ชักดาบออกมาจากฝักดาบข้างตัวแล้วฟาดใส่เด็กสาวอย่างรุนแรง เมื่อรู้ว่าตัวเองคำนวณพลาดไปเจนช้าเกินกว่าที่จะหลบแล้ว เจนจึงรีบยกดาบเข้ากันการโจมตี



    เปรี้ยง!!!



    เสียงปะทะระหว่างดาบสองเล่มดังสนั่นไปทั่วและเกิดแรงกระแทกจนต้องถอยกลับไปทั้งสองฝ่ายแต่ดูเหมือนคนที่ถอยไปไกลกว่าจะเป็นฝ่ายจักรพรรดิผีดิบ เจนรีบพุ่งเข้าโจมตีทันทีโดยไม่รอให้ตั้งตัวได้ทัน แต่จักรพรรดิผีดิบก็ยังสามารถยกดาบขึ้นมากันเอาไว้ได้



    ยิ่งนานเข้าเจนก็รู้สึกได้ว่าดาบของจักรพรรดิผีดิบก็เริ่มทวีกำลังและความเร็วมากขึ้น แม้ว่าเจนยังตามความเร็วดาบของจักรพรรดิผีดิบได้ไม่ยากแต่เห็นได้ชัดว่าร่างพลังสถิตนี้เน้นไปที่ความเร็ว เพราะถึงจะเพิ่มพละกำลังขึ้นมามากแต่ก็ยังไม่อาจเทียบกำลังของจักรพรรดิผีดิบได้



    เจนเริ่มคิดหาทางสู้โดยเลี่ยงการปะทะตรง ๆ และบินด้วยความเร็วสูงพร้อมใช้ดาบตวัดใส่เหมือนกับตอนที่สู้กับโกเลมหินผา แต่ว่าเมื่อเธอบินถอยออกห่างเพื่อเพิ่มความเร็วก็ต้องเจอกับหอกน้ำแข็งที่จักรพรรดิผีดิบร่ายขึ้นมาโจมตีใส่ ถึงมันจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ด้วยจำนวนมหาศาลทำให้เจนยากที่จะหลบเลี่ยงและต้องเข้ามาจู่โจมในระยะประชิดที่เธอเสียเปรียบอีกครั้ง



    เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ จักรพรรดิผีดิบก็ยิ่งรุกหนักมากยิ่งขึ้นจนเจนทำได้แค่ยกดาบกันการโจมตีเอาไว้จนมือรู้สึกด้านชาไปหมด ถ้าหากเจนยังไม่หาวิธีเอาชนะได้ในเร็ว ๆ นี้ล่ะก็เธอคงไม่รอดอย่างแน่นอน



    ในขณะเดียวกันนั้นเองพวกเสือซ่อนลายก็เจอเข้ากับฝูงผีดิบก็ไม่ได้มีสถานการณ์ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก แม้โจจะสามารถจัดการพวกผีดิบเหล่านี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ด้วยจำนวนมหาศาลขนาดนี้และพลังเวทของเขาแทบจะไม่เหลือแล้วทำให้สถานการณ์เริ่มที่จะขับขันมากขึ้น คนอื่น ๆ อย่างยูสตาร์และแจ็คที่มีพลังโจมตีไม่มากนักก็แทบไม่ได้สร้างความแตกต่างเลย มีเพียงเสือซ่อนลายและไมโกะที่เก่งกาจในการโจมตีระยะประชิด พอจะทำให้พวกผีดิบออกห่างจากตัวซินจูที่ยังร่ายเวทอยู่ แต่ระยะห่างก็เริ่มแคบลงเรื่อย ๆ เนื่องจากจำนวนของผีดิบ



    ขุนนางผีดิบตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังและใช้เวทให้โครงกระดูกล็อกขาของไมโกะเอาไว้พร้อมกับฟาดกรงเล็บใส่



    "กรี้ดดด!" เธอส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด



    ยูสตาร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงยิงธนูใส่ผีดิบขุนนางที่โจมตีใส่ไมโกะให้ถอยออกห่างจากเด็กสาว ลูกธนูพุ่งเข้าปักที่หัวอย่างจังทำให้มันเซล้มลงไปบนพื้น ในขณะเดียวกันแจ็คก็รีบยกร่างของไมโกะที่ติดคำสาปทำให้ขยับไม่ได้เข้ามาในวงล้อมใกล้กับซินจูแต่มันอาจจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วเมื่อผีดิบได้ฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้ว



    เจนเหลือบไปมองยังพวกซินจูเมื่อเธอได้ยินเสียงร้องของไมโกะ ใจของเธอหายวาบเมื่อเห็นแจ็คกำลังพาร่างของเพื่อนสาวหลบเหล่าผีดิบที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอมองไปที่โจเพื่อเป็นความหวังว่าจะช่วย ทว่าเธอเห็นโจที่กำลังดื่มยาขวดสีฟ้าและปล่อยสายฟ้าใส่กองทัพผีดิบอยู่อีกด้าน ซึ่งจุดที่เขาอยู่นั้นไม่มีทางเลยที่จะไปช่วยพวกไมโกะทัน และอีกเหตุผลหนึ่งที่โจไม่อาจละไปจากที่นี่ได้ก็เพราะซินจูที่อยู่ด้านหลังเขาซึ่งกำลังร่ายเวทอาจเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ



    อีกด้านซึ่งเสือซ่อนลายสู้อยู่เพียงคนเดียวนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าด้านอื่น ๆ นัก ตัวเขานั้นยังไม่มีอาชีพแต่ก็สามารถยันเหล่าผีดิบได้มาถึงขนาดนี้ได้ด้วยโล่และพลังป้องกันสูง แต่เขาเองก็ไม่ได้จัดการผีดิบไปมากนักทำให้มีจำนวนผีดิบอยู่ทางด้านนี้เป็นจำนวนมาก ร่างของเสือซ่อนลายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ ตัวเขาที่เจอการโจมตีจากทหารผีดิบที่รุมดาหน้าเขามา ในขณะที่พวกขุนนางผีดิบนั้นอยู่อีกด้านในฝั่งที่พวกไมโกะเผชิญ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงประสบชะตากรรมเดียวกันไปแล้ว



    ในตอนนี้พลังชีวิตเขาลดลงต่ำมากและบางทีเขาเองอาจจะตายเป็นคนแรกก็ได้โดยไม่สามารถถอยไปไหนได้เลยเนื่องจากร่างน้อย ๆ ของคิทซึเนะที่บาดเจ็บจนไม่สามารถสู้ต่อไปได้อีกนอนอยู่ด้านหลังของเขา



    เมื่อเจนเห็นร่างของคิทซึเนะในหัวของเธอก็ขาวโพลนไปหมด โดยไม่ทันคาดคิดเจนหันหลังให้กับคู่ต่อสู้และยกดาบขึ้นสูงก่อนจะฟาดลงมาพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น



    ผ่ามิติ!!!



    ครั้งนี้ทักษะนั้นต่างจากเคย คลื่นดาบสีทองพุ่งออกจากดาบด้วยความเร็วสูงก่อนกระทบลงพื้นตรงหน้าระหว่างพวกยูสตาร์และเมือซ่อนลาย ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นเป็นวงกว้าง แรงระเบิดทำให้เหล่าผีดิบกระเด็นออกจากพวกเสือซ่อนลายและช่วยพวกเขาได้อย่างเฉียดฉิว เหล่าผีดิบจำนวนมากที่อยู่ใกล้ต่างก็สลายกลายเป็นผุยผงไม่เหลือแม้แต่ซาก ความรุนแรงของทักษะที่จู่ ๆ สูงขึ้นมาขนาดนี้ทำให้ตัวเจนเองแปลกใจมากเช่นกัน



    "เจน ระวัง!!!" เสียงร้องตะโกนของเสือซ่อนลายเรียกสติของเจนให้กลับมา เธอรีบหันกลับไปหาจักรพรรดิผีดิบ แต่เบื้องหน้าของเธอในเวลานี้คือดาบเล่มใหญ่ที่กำลังจะผลาญชีวิตของเธอในชั่วขณะ พลังเวทมนตร์ของเธอลดลงจนเหลือไม่ถึง 300 ไม่ว่าทักษะใดที่ตัวเธอมีในตอนนี้ก็ไม่อาจทำให้เจนรอดไปได้...นอกจากปาฏิหาริย์เท่านั้น



    โฮลี่ เซอเคิ่ล!!



    สิ้นเสียงของซินจู ก็ปรากฏอาณาเขตแสงสีขาวครอบคลุมทั้งห้อง เหลาผีดิบทุกตัวร้องตะโกนโหยหวนไม่เว้นแม้แต่จักรพรรดิผีดิบที่ทิ้งดาบลงสู่พื้นและร้องตะโกนอย่างทรมาน เพียงพริบตาเดียวเหล่าผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วนก็กลายเป็นผง ทิ้งเอาไว้เพียงร่างสีขาวของเหล่าทหารและขุนนางในอดีตซึ่งมองพวกเจนด้วยสายตาอบอุ่นราวกับกำลังกล่าวขอบคุณและร่างเหล่านั้นก็จางหายไป



    เจนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่ทันใดนั้นเองออร่าสีทองที่ห้อหุ้มตัวเธออยู่ก็สลายไปแล้วร่างของเธอก็ร่วงลงสู่พื้นอย่างควบคุมไม่ได้ เจนรู้ทันทีว่าตอนนี้พลังเวทของเธอเพิ่งหมดลง



    "ม้ายยยยยยย!!"



    ตุ้บ!!



    เสียงตะโกนของเด็กสาวดังและตามมาด้วยเสียงกระแทกสู้พื้นกระเบื้อง แขนข้างซ้ายของเจนรู้สึกเจ็บจนขยับไม่ได้เนื่องจากเธอใช้มันเป็นที่กันกระแทก ดีที่เธอลอยอยู่เหนือพื้นไม่สูงมากนักเลยบาดเจ็บแค่เล็กหน่อย ถ้าหากเธออยู่สูงกว่านี้บางทีคงไม่ใช่เจ็บแค่แขนอย่างเดียว



    "อู้ย เจ็บ ๆ ๆ" เจนพูดและลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก



    "พี่เจน! เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ รอก่อนนะคะเดี๋ยวซินจูจะรีบรักษาให้เดี๋ยวนี้ล่ะ" เด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจแล้วรีบวิ่งเข้ามาหา เธอใช้มือประคองเอาไว้ใกล้กับแขนของเจนจากนั้นก็มีแสงสีเขียวส่องออกมาจากมือของซินจู อาการบาดเจ็บที่แขนของเจนก็เริ่มรู้สึกบรรเทาลง



    "ขอบคุณนะ...ทั้งเรื่องแผล ทั้งเรื่องที่ช่วยทุกคนเอาไว้ ขอบคุณมากเลย ซินจู" เจนกล่าว ซินจูยิ้มและหัวเราะเบา ๆ ด้วยความอายและตั้งหน้าตั้งตารักษาแขนของเจนต่อไป โดยพวกเสือซ่อนลายต่างเดินมาสมทบกับพวกเธอ



    แต่ตอนนั้นเองเสียงครางที่คุ้นหูของเจนก็ดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง เด็กสาวรีบคว้าตัวผู้เยียวยาและใช้ตัวเองบังร่างของเธอเอาไว้โดยสัญชาติญาณ เจนมองร่างเน่าเปื่อยตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะว่าจักรพรรดิผีดิบยังรอดอยู่ได้ ร่างของมันในตอนนี้ส่วนใหญ่กลายเป็นเถ้าถ่านคล้ายกับถูกเผา ดวงตาของมันจดจ้องมาที่ซินจูและเจนอย่างโกรธแค้น



    "บะ...บ้าน่า! มันยังรอดอยู่อีกหรอเนี่ย!" เสือซ่อนลายพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ เขาพยายามวิ่งเข้าไปช่วยแต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่สะสมทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าเกินไป



    เจนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน และตอนนี้พลังเวทไม่เหลือพอที่จะต่อกรกับจักรพรรดิผีดิบได้เลย ซินจูเองก็เช่นเดียวกัน



    จักรพรรดิผีดิบยกดาบขึ้นสูงอีกครั้งเตรียมจะฟันอริผู้ที่สังหารเหล่าทาสของมันไปจนสิ้น มันร้องตะโกนสุดเสียงแล้วฟาดลงมาโดยไม่ออมแรง



    กระสุนสายฟ้า!!



    ตูม!!



    เสียงตะโกนดังพร้อมกับก้อนสายฟ้าขนาดเล็กพุ่งเข้าปะทะดาบของจักรพรรดิผีดิบเข้าอย่างจังก่อนที่มันจะทะลุไปพร้อมทั้งทำลายตัวดาบเป็นชิ้น ๆ



    ก้อนสายฟ้าไม่หยุดเพียงแค่นั้น มันพุ่งเข้าปะทะร่างของราชาผีดิบเข้าเต็ม ๆ โดยที่มันไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย เพียงเสี้ยววินาทีพลังสายฟ้าก็พุ่งทะลุร่างของมันไปทิ้งรูขนาดใหญ่พอ ๆ กับลูกบอลและยังพุ่งต่อไปพร้อมทั้งทำลายกำแพงห้องซะกระจุยทิ้งให้พวกเจนมองอย่างไม่เชื่อสายตาในพลังทำลายมหาศาลของกระสุนเวทนั้น



    เมื่อหันกลับไปยังที่มาของเสียงเจนก็พบว่านั่นเป็นฝีมือของโจที่ยืนชี้นิ้วไปยังจักรพรรดิผีดิบโดยมีควันลอยอยู่ที่นิ้วชี้ของเขา โจยกนิ้วมาจรดปากก่อนเป่าเบา ๆ ให้ควันหายไปและทำท่าเก็บซองปืนเลียนแบบคาวบอย



    "กลับลงหลุมไปซะเถอะ ไอ้บ้าเอ้ย!"





    จบตอนที่ 13 จุติ เทพสายฟ้า
    ---------------------------


  30. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  31. #18
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    ทุกที่ที่มีเธอ
    กระทู้
    361
    กล่าวขอบคุณ
    724
    ได้รับคำขอบคุณ: 342
    พึ่งอ่านจบไปสองตอน ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อ่านนิยายแนวนี้มาก่อนก็ตามแต่คงต้องบอกว่า...
    -เนื้อเรื่องสนุกมาก
    -บทบรรยายก็ดีเยี่ยมเห็นภาพได้ชัด
    -การวางโครงเรื่องและความเป็นมาเป็นไปถือว่าลงตัว
    -มีการใช้คำผิดความหมายเล็กน้อยแต่โดยรวมถือว่าดีมาก
    -เรื่องคำเกริ่นที่ผมกล่าวไปตั้งแต่คราวแรกถ้าหากว่าผู้เขียนแก้ได้ก็จะดีมากนะครับ เพราะคำที่ใช้ในเนื้อเรื่องมันดีกว่าที่คุณเกริ่นไว้
    -สิ่งที่ผมชอบที่สุดขณะอ่านคือ "เจน" จากคำบรรยายของคุณคงเป็นคนที่น่ารักจริง ๆ (ฮา)

  32. #19
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 14 Money in the bank

    ตอนที่ 14 Money in the bank



    เจนยังตกใจมองตาค้างอยู่ที่รูขนาดใหญ่บนกำแพง พระจันทร์เต็มดวงปรากฏอยู่บนฟ้าส่องแสงลงมาผ่านรูที่โจทำเอาไว้ ซ้ำร้ายกำแพงนั้นก็เริ่มพังทลายลงมาจนไม่เหลือชิ้นดีจนทำให้เธอมองเห็นป่าเลยออกไปจากบริเวณสุสานได้อย่างชัดเจนจากจุดที่ยืนอยู่ตรงนี้



    "งืม...อืม.." เสียงครางของคิทซึเนะดังขึ้นให้เจนหันไปมอง ตอนนั้นเองเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าจิ้งจอกน้อยได้รับบาดเจ็บอยู่จึงรีบดึงร่างของซินจูเข้าไปหาทันที



    เมื่อไปถึงตัวคิทซึเนะก็พบว่าร่างของเธอนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลจากเหล่าผีดิบและขาของเธอที่บวมจากก้อนน้ำแข็งของจักรพรรดิผีดิบก่อนหน้านี้ แต่ที่น่าแปลกคือบาดแผลทั่วตัวของเธอกำลังประสานตัวกัน ถึงจะช้าแต่แผลขนาดเล็กก็ค่อย ๆ ปิดลงจนหายดี



    "ดูนี่สิพี่เจน แผลพวกนี้กำลังรักษาตัวเองด้วยล่ะ แต่ว่าซินจูยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ" เด็กสาวพูดขึ้น ตอนนี้เธอพลังเวทหมดลงแล้วจึงคว้าน้ำยาเพิ่มพลังสีฟ้าในกระเป๋าและยกขึ้นดื่ม แต่ตอนที่เธอกำลังรอให้พลังเวทฟื้นฟูกลับมาก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนร่างของจิ้งจอกน้อย



    เจนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้านี่เป็นความสามารถพิเศษของคิทซึเนะล่ะก็มันควรจะมีอยู่ในแถบข้อมูลสัตว์เลี้ยง เมื่อลองเปิดดูเจนก็พบว่ามันมีอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ในแถบทักษะของคิทซึเนะมีทักษะใหม่เพิ่มขึ้นมา



    ทักษะ ทายาทแห่งดวงจันทร์ ไม่ใช้พลังเวท ทักษะติดตัว

    ทักษะระดับ S ผู้ที่มีทักษะนี้ได้จะต้องเป็นเผ่าพันธุ์ที่บูชาเทพแห่งดวงจันทร์เท่านั้น จะสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ได้เล็กน้อยเมื่อร่างต้องแสงจันทร์



    "มีทักษะใหม่จริง ๆ ด้วย สงสัยได้มาตอนเพิ่มระดับแน่ เป็นทักษะที่ฟื้นพลังตัวเองได้เมื่ออาบแสงจากพระจันทร์....แต่มันช้าจังเลยแฮะ" เจนว่า เพราะถึงสามารถฟื้นพลังได้แต่ก็เร็วกว่านั่งพักเฉย ๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอหันมาหาเด็กสาวจอมเวทแล้วพูดต่อ



    "ซินจู ช่วยทีนะ"



    เด็กสาวพยักหน้ารับแล้วเริ่มลงมือรักษาทันที เพียงแค่ครู่เดียวบาดแผลทั้งหมดของคิทซึนะก็หายเป็นปลิดทิ้ง รอยบวมที่ขาก็ค่อย ๆ ลดลงจนหายเป็นปกติ ใบหน้าของเธอดูดีขึ้นมามากเพียงแต่ยังไม่ตื่นขึ้นมาเท่านั้นเอง



    อีกด้านพวกโจก็เข้ามาสมทบกับเจนและซินจู หลังจากเด็กสาวรักษาบาดแผลของทุกคนเสร็จแล้วจึงพากันไปเก็บของที่ตกจากผีดิบและผีดิบตัวพ่อที่อยู่ไม่ไกล แน่นอนว่าทุกคนตรงไปหาตัวที่จัดการยากที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก



    "เจ้าผีดิบตัวหัวหน้านั่นจะให้ของอะไรมานะ ถ้าไม่ได้ของดี ๆ ล่ะก็น่าดู" โจพูดขึ้นมาพลางคิดต่าง ๆ นา ๆ ว่าจะได้ของระดับสูง



    "นายทำใจเอาไว้บ้างก็ดีนะ โจ บางทีเกมนี้ก็โหดร้ายอยู่เหมือนกัน จัดการมอนสเตอร์บอสได้แต่ให้ค่าประสบการณ์น้อยนิด แถมยังได้ของธรรมดาอีกต่างหาก" เสือซ่อนลายบอก



    "นายพูดถึงไอ้ตัวอสูรพฤกษาระดับบอสที่เกาะเริ่มต้นใช่มั้ย"



    "ใช่ ไอ้ตัวนั้นแหละ ฉันไปจัดการมันตายกลับมาหลายรอบ ของที่ได้มาขายได้ไม่ถึงห้าร้อยโกลด์แถมค่าประสบการณ์ก็ไม่คุ้มเท่าที่เสียไปด้วย" เสือซ่อนลายบ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ



    "แปลว่านายคงยังไม่รู้เรื่องนี้ล่ะสิ ไอ้อสูรพฤกษาตัวนั้นเป็นแค่มอนสเตอร์พิเศษที่ตั้งให้เป็นระดับบอสเท่านั้นแหละ ความจริงแล้วไอ้ตัวนั้นเป็นแค่มอนสเตอร์ระดับธรรมดาอยู่ป่าลึกเข้าไปอีก และให้ของดีกว่าตัวนั้นกับให้ค่าประสบการณ์มากกว่าด้วย" จากนั้นโจก็ เริ่มเล่าเรื่องราวการผจญภัยของตนและแจ็คที่นำผู้เล่นจำนวนมากไปจัดการอสูรพฤกษา แน่นอนว่าเขาก็ไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องที่เขาป้องกันเมืองจากฝูงกระทิง ซึ่งเจนที่ได้ยินเข้าก็รู้สึกหนาวสันหลังเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้เนื่องจากเธอเองที่เป็นต้นเหตุในเรื่องนั้น



    เจนรีบเดินออกห่างจากทั้งสองคนโดยอุ้มคิทซึเนะที่หลับอุตุขึ้นหลังมาด้วย เมื่อมาถึงจุดที่จักรพรรดิผีดิบสลายไปเจนก็พบกับกระดูกกองเล็กอยู่ข้าง ๆ มีดาบธรรมดาหนึ่งเล่มและผ้าคลุมสีแดงดูหมอง ๆ กองอยู่บนพื้นอีกผืน



    "อ๋าาาา มีของตกมาแค่สามอย่างเอง ดูเหมือนพวกเราจะได้กระดูกของราชาต้องสาปมานะ ส่วนดาบกับผ้าคลุมเป็นไอเท็มปิดผนึก" ยูสตาร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักเพราะของที่ได้มาดูไม่ค่อยคุ้มค้ากับที่เจอฝูงผีดิบรุมซักเท่าไหร่



    "แบบนี้ก็แย่สิ พวกเราไม่รู้จักคนที่มีทักษะคลายผนึกซะด้วย อย่างนี้ก็เสี่ยงไปเจอพวกโจรหลอกรับคลายผนึกของอีก คงต้องเก็บเอาไว้ก่อนล่ะ" ไมโกะพูดพลางยกดาบและผ้าคลุมขึ้นมาดู



    "ไหน ของฉันดูหน่อย" เจนบอกแล้วรับของทั้งสองอย่างมาจากไมโกะ ไอเท็มทั้งสองชั้นในตอนนี้เป็นแค่ของธรรมดาที่ขึ้นเอาไว้ว่าถูกปิดผนึกอยู่ในรายระเอียด เจนใช้ทักษะปลดผนึกกับของทั้งสองทันที



    ดาบอสูรคลั่ง ระดับ A

    พลังโจมตี: 700

    ดาบที่ถูกตีขึ้นโดยเผ่าอสูร ถูกลงอาคมเวททำให้มีพลังทำลายสูงกว่าดาบทั่วไป แต่เนื่องจากดาบทำขึ้นเพื่อเหล่าอสูรจึงมีขนาดใหญ่ ทำให้ใช้ได้ลำบาก ว่ากันว่าผู้ใดที่ไม่ใช่อสูรเป็นผู้ถือครองจะถูกครอบงำด้วยพลังของดาบ

    - เพิ่มพลังโจมตี 100 ต่อศัตรูที่จัดการได้ แต่มีโอกาสจะติดสถานะคลั่งเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน



    ผ้าคลุมปราชญ์เวท ระดับ A

    พลังป้องกัน: 60

    ผ้าคลุมจอมเวทจากดินแดนแห่งเวทมนตร์ มีพลังเปลี่ยนสภาพไปตามเวทมนตร์ที่ผู้สวมใส่ใช้ ช่วยเพิ่มให้เวทมนตร์ที่ร่ายออกมาทรงพลังยิ่งขึ้น

    - เพิ่มพลังเวทมนตร์สูงสุดอีก 1000

    - สามารถผนึกเวทเอาไว้จำนวน 1 บท และสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องร่ายเวท พลังเวทมนตร์และดีเลย์

    - สามารถผนึกเวทเพื่อกำหนดธาตุของผ้าคลุมโดยจะป้องกันการโจมตีจากธาตุนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ ธาตุอื่น ๆ 50 เปอร์เซ็นต์ และธาตุที่เสียเปรียบ 25 เปอร์เซ็นต์

    - ช่วยให้พลังโจมตีของเวทมนตร์ที่ใช้สองเท่าเมื่อเป็นเวทมนตร์ธาตุเดียวกับที่ผนึกไว้บนผ้าคลุม



    "โอ้โห! ทั้งสองอย่างเป็นของระดับ A ซะด้วย ดาบอสูรคลั่งกับผ้าคลุมปราชญ์เวท ฉันว่าก็ไม่เลวนะ" เจนบอกแล้วส่งคืนให้ไมโกะ



    "อ้าว นี่เธอมีทักษะคลายผนึกด้วยหรอเนี่ย แบบนี้ก็สบายแล้วสิ ทีหลังได้ของมาก็เอามาให้คลายผนึกให้ ไม่ต้องไปเสี่ยงโดนพวกหัวขโมยหลอก" ยูสตาร์กล่าว เจนไม่ได้บอกไปว่าทักษะที่เธอมีไม่ใช่แค่ทักษะคลายผนึกธรรมดา แต่เป็นทักษะปลดผนึกที่เวลานี้ทั้งเกมมีเธอเป็นคนเดียวที่มีทักษะนี้ เธอคิดว่าในตอนนี้แค่ดาบกับทักษะอื่น ๆ ที่เธอให้พวกเสือซ่อนลายเห็นก็น่าตกใจพออยู่แล้ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องให้พวกเขารู้สึกตกใจกับทักษะปลดผนึกเพิ่มในตอนนี้



    "หืม ดาบนี่พลังโจมตีสูงมากเลย จะเอาไปใช้ดูมั้ยเจน" เสือซ่อนลายถามหลังจากรับดาบมาดู แต่เจนส่ายหัวปฏิเสธ



    "ไม่ล่ะ ฉันมีดาบใช้อยู่แล้ว คงไม่เปลี่ยนเร็ว ๆ นี้หรอก พี่เสือเอาไปใช้เถอะ"



    "จะดีหรือ ฉันเองไม่ค่อยได้ช่วยสู้อะไรเลยนะ เอาดาบนี่ไปขายก็น่าจะได้เงินมามากอยู่..." เสือซ่อนลายกล่าวอย่างถ่อมตัว เขารู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้เขาไม่สมควรที่จะได้ของระดับสูงเช่นดาบอสูรคลั่งเล่มนี้เลย



    "เอาไปเถอะน่า ยังไงในกลุ่มพวกเราก็มีนายกับเจนแค่สองคนที่ใช้ดาบ ถ้าเอาไปขายมันก็น่าเสียดายออก เอาเก็บไว้ใช้เถอะ" โจบอกจนเสือซ่อนลายตกลงรับดาบไป ถึงดาบจะมีขนาดใหญ่แต่เสือซ่อนลายก็สามารถถือได้ด้วยมือข้างเดียวได้อย่างสบาย ๆ



    ดาบที่เขาถืออยู่เป็นดาบเหล็กเนื้องามรูปทรงยุโรปโบราณ ด้ามจับพันด้วยหนังทำให้เสือซ่อนลายรู้สึกเหมาะมือเป็นอย่างมาก



    "แล้วผ้าคลุมนี่ล่ะ รู้สึกว่าจะเป็นผ้าคลุมสำหรับนักเวทนะ ถ้าอย่างนั้นคนที่ควรจะได้ไปคงจะเป็นโจไม่ก็ซินจูสิ ได้อาชีพแล้วทั้งคู่เลยนี่" แจ็คบอก แต่เมื่อซินจูมองดูรูปร่างของมันก็ทำหน้าเบ้ทันที



    "หนูไม่เอาหรอกนะผ้าคลุมอันนั้นน่ะ ไม่เห็นสวยเลยอ่ะ แถมดูน่ากลัวด้วย" ดูท่าทางรสนิยมของเธอจะอยู่เหนือเกมนี้ซะแล้ว



    "ซินจู ของแบบนี้มันหาไม่ได้ง่าย ๆ นะ ของดีแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากได้" เจนหันไปบอกเด็กสาว แต่ท่าทางของเธอปฏิเสธอยู่ท่าเดียว เจนหันไปมองผ้าคลุมก็พอจะเข้าใจอยู่ว่าทำไม



    ผ้าคลุมปราชญ์เวทเป็นชุดคลุมคล้ายกับที่โจกำลังสวมอยู่ โดยเนื้อผ้าส่วนด้านหน้าจะเป็นสีดำและส่วนของผ้าคลุมสีแดง ชายผ้าก็มีรอยขาดทำให้ดูเก่าโทรมจนไม่น่าใช้จนเหมือนกับของที่ทิ้งแล้ว บริเวณด้านหน้ามีลูกแก้วเวทมนตร์ติดอยู่ตรงหน้าอก ไม่แปลกที่เด็กผู้หญิงรักสวยรักงามอย่างซินจูจะไม่ชอบผ้าคลุมผืนนี้



    "ถ้าอย่างนั้นฉันขอก็แล้วกันนะ ยังไงของแบบนี้ก็เหมาะกับฉันอยู่แล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!" โจหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ เจนรู้สึกหมั่นไส้อยากจะริบผ้าคลุมไปให้ซินจูซะเหลือเกิน ถ้าไม่ติดที่ว่าโจเป็นคนจัดการจักรพรรดิผีดิบล่ะก็



    ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าคลุมของตนทันที เดิมชุดคลุมของโจก็ทำให้เขาดูเหมือนผู้เล่นระดับสูงอยู่แล้ว พอได้ผ้าคลุมมาก็ยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามขึ้นมากเลยทีเดียว ยิ่งตอนนี้โจได้มีเวทมนตร์ที่สุดยอดอยู่แล้วด้วย



    "นี่ ฉันขอกระดูกของราชาต้องสาปได้มั้ย ถึงฉันไม่ค่อยได้ช่วยอะไร แถมยังเป็นตัวถ่วง...-"



    "ถ่วงอะไรกันล่ะคะพี่ไม ถ้าไม่ได้พี่ค่อยช่วย ซินจูก็คงร่ายเวทไม่จบแน่ๆ"



    "ใช่แล้วล่ะ พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็มีหน้าที่กันทุกคน ไม่มีใครเป็นตัวถ่วงหรอก ถ้าเธออยากได้ก็เอาไปเถอะ" เสือซ่อนลายพูดเสริมซินจู



    ไมโกะได้ยินดังนั้นจึงยิ้มให้พร้อมก้มหัวให้กับทุกคนเพื่อเป็นการขอบคุณแล้วจึงเก็บของใส่กระเป๋าไป



    "เอาล่ะ ตอนนี้ของก็แบ่งกันเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือพวกเราก็เก็บของที่ตกอยู่บนพื้นไปขายกันเถอะ พวกเพชรกับอัญมณีที่ระเบิดออกมาเมื่อกี้คงขายได้เยอะน่าดูเลย" ยูสตาร์พูดขึ้น



    แต่เมื่อทุกคนกำลังจะแยกย้ายไปเก็บของที่ตกอยู่ เจนก็ได้ยินเสียงเสียงพูดคุยกันเสียงดังมาจากซากกำแพงที่เวทของโจทำเอาไว้ ท่าทางคนอื่น ๆ เองก็ได้ยินเช่นเดียวกันแต่ตอนนี้โจกลับดูมีท่าทางตื่นตกใจที่สุดอย่างไม่รู้สาเหตุ



    "แย่ล่ะ ทุกคนรีบกลับเมืองเร็วเข้า!" เด็กหนุ่มตะโกนบอก



    "หา พูดอะไรของนายน่ะโจ จะให้ทิ้งของพวกนี้แล้วกลับตอนนี้เนี่ยนะ ไม่มีทางซะล่ะ" แจ็คบอก เจนเองก็เห็นด้วยเช่นกัน ทำไมจะต้องกลับเมืองในตอนนี้ด้วย กองเงินรออยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ไม่มีสาเหตุอะไรที่จะต้องทิ้งมันเอาไว้ คนอื่นเองก็มองอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน



    "ฟังนะ พวกเราเพิ่งจัดการมอนสเตอร์บอสได้นะ แล้วถ้ามีคนมาเห็นพวกเราตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้น คิดดูสิ" โจว่า ในตอนแรกเจนก็ยังไม่เข้าใจที่โจพูด แต่ทันใดนั้นเองเธอก็เห็นภาพของผู้เล่นกิลด์พิฆาตราชาลอยเข้ามาในหัว



    "พวกเราจะโดนปล้น? แต่บางทีถ้าพวกนั้นเป็นแค่ผู้เล่นทั่วไปก็น่าจะไม่มีปัญหาไม่ใช่หรือไง" เจนถาม



    "ฉันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นโจรหรือไม่นะ ถ้าเกิดคนอื่นมาเห็นของมากมายขนาดนี้ตกอยู่บนพื้น ใครๆก็ต้องคิดว่าต้องเป็นมอนสเตอร์บอสแน่ และของที่ตกไปทั่วแบบนี้เป็นเพชรกับของราคาแพงเป็นจำนวนมากแล้วด้วยก็ต้องคิดอีกว่าไอเท็มที่ได้มาบอสจะต้องมีค่ามหาศาลแน่นอน" เสือซ่อนลายที่คิดได้บอกถึงความเห็นของตน



    "ใช่ แล้วในตอนนี้พวกเราก็ไม่พร้อมที่จะสู้กับใครทั้งนั้น พวกเรารีบไปจากที่นี่ก่อนที่จะโดนรุมยำดีกว่าเร็วเข้า" โจว่าแล้วจึงรีบล้วงไปยังกระเป๋าของตนและควานหาอะไรบางอย่าง เขาหยิบแผ่นกระดาษใบเล็ก ๆ ขึ้นมาสามใบก่อนจะส่งให้เจนและแจ็คคนละใบ เสือซ่อนลายเองก็ส่งกระดาษแบบเดียวกันให้คนในกลุ่ม



    กระดาษแบบนี้เจนรู้สึกว่าเคยเห็นมาก่อน มันเป็นกระดาษแบบเดียวกับที่ผู้เล่นอันธพาลที่เจอหน้าทางเข้าสุสานขุนนางนั่นเอง เจนพอจะเข้าใจแล้วว่ากระดาษแผ่นนี้ใช้ทำอะไรและใช้ยังไง



    เมื่อทุกคนได้รับกระดาษ โจก็ฉีกมันออกเป็นสองชิ้น ร่างของโจกลายเป็นแสงหายไปทันที คนอื่นๆทำตามแล้วก็หายไปเช่นเดียวกัน เจนรีบใช้ปากฉีกกระดาษของเธอเพราะมืออีกข้างเธอกำลังใช้อุ้มคิทซึเนะอยู่ เธอรู้สึกเหมือนร่างกำลังลอยอยู่บนฟ้า แสงสว่างส่องเข้าตาของเธอจนมองไม่เห็นอะไรในขณะที่ร่างกำลังกลายเป็นแสงและหายไปจนที่ ๆ เธออยู่



    ร่างของเจนหายไปทันเวลาพอดีที่ผู้เล่นนับร้อยเดินเข้ามาทางซากกำแพง พวกเขาต่างมาดูเพราะเห็นแสงสีฟ้าพุ่งทะลุขึ้นมาจากจุดนี้ เสียงระเบิดของมันดังมากจนไม่มีใครที่อยู่ในบริเวณสุสานผีดิบไม่ได้ยิน คนส่วนใหญ่ไม่กล้ามาที่นี่เพราะกลัวว่าจะเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงอาละวาดหรือเป็นการต่อสู้ของผู้เล่นระดับสูง ส่วนผู้เล่นที่มาดูเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น โดยไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะได้รางวัลสำหรับความกล้าหาญ เมื่อพวกเขาผ่านเข้ามาได้ก็พบกับเพชรและอัญมณีจำนวนมากตกอยู่ไปทั่วบริเวณ นอกจากนั้นยังมีกระดูกและเศษผ้าจากขุนนางผีดิบที่ขายได้ราคาดีตกอยู่ทั่วบริเวณ



    ผู้เล่นเหล่านั้นต่างวิ่งเข้ามาเก็บของกันชุลมุน นอกจากนั้นเขายังส่งข่าวบอกเพื่อน ๆ ของตนอีกด้วยทำให้จุดที่ควรจะเป็นจุดที่ลึกลับที่สุดของดันเจี้ยนแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยผู้เล่นมากมายที่มาค้นหาสมบัติกัน ถึงของราคาแพงอย่างเพชรหรืออัญมณีนั้นหมดไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้วก็ตาม แต่จุดนี้ยังมีไอเท็มธรรมดาที่ตกจากทหารผีดิบกับขุนนางผีดิบอยู่มหาศาลจนเก็บกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ทว่างานรื่นเริงนี้ก็อยู่ได้เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น



    ในช่วงเวลาเดียวกันของอาทิตย์ต่อมา ขณะที่เหล่าผู้เล่นกำลังสำรวจพื้นที่ตามปกติอยู่นั้นก็มีควันสีม่วงปรากฏขึ้น ณ ใจกลางห้อง ผู้เล่นหลายคนต่างนึกดีใจว่ามีกิจกรรมเกิดขึ้นที่นี่จึงเรียกเพื่อนๆให้มารวมตัวกัน โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพียงเวลาไม่นานแต่ก็เพียงพอที่เรียกรวมคนมาจากเป็นจำนวนมาก จักรพรรดิผีดิบก็กลับมาจากโลกแห่งความตายอีกครั้ง แต่ห้องอันเป็นที่พักพิงของมันที่เคยสงบสุขกลับวุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก และวินาทีที่มันปรากฏตัวขึ้นก็ยังถูกรุมโจมตีจากเวทหลายสิบบทและอาวุธนานาชนิด แต่ไม่มีสิ่งใดเลยที่มีพลังโจมตีมากพอที่จะทำอันตรายมันได้



    ทันใดนั้นเองจักรพรรดิผีดิบก็เสกให้เหล่าผีดิบมหาศาลตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นผีดิบที่อยู่ในสุสานขุนนางหรือนอกสุสานต่างผุดขึ้นมาจากพื้นดินจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับมดที่แตกรัง พวกมันต่างพุ่งตรงเข้าจัดการเหล่าผู้เล่นที่ตื่นตะลึงกับจำนวนของผีดิบตรงหน้า เพียงสิบนาที ห้องนั้นก็ไม่เหลือผู้เล่นแม้แต่คนเดียว เหล่าผีดิบยังไม่หยุดเท่านั้น พวกมันตรงไปยังด้านนอกของสุสานขุนนางแล้วเริ่มจัดการผู้เล่นทุกคนที่มันเห็นให้ออกไปจากบริเวณสุสานจนหมดสิ้น จากนั้นเองสุสานผีดิบแห่งนี้ก็เป็นดันเจี้ยนที่ถือว่าอันตรายมากเนื่องจากจำนวนของผีดิบที่มหาศาลและอยู่กันเป็นกลุ่มตลอดเวลา ส่วนจักรพรรดิผีดิบเมื่อมันรู้ว่าสมบัติของมันได้หายไป มันก็ส่งเสียงร้องตะโกนขึ้นดังลั่นฟ้าพร้อมกับร่างของมันพี่พุ่งหายไป จากนั้นก็มีข่าวลือว่าคนที่ครอบครองเพชรและอัญมณีของได้มาจากที่แห่งนี้อยู่ต่างก็ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนเพชรและอัญมณีที่ว่าก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย







    ร่างของพวกเจนปรากฏตัวขึ้นที่ลานใจกลางเมืองซีโป คนทั่วไปต่างเดินทำธุระของตนโดยไม่สนใจพวกเธอเลยซักนิดเพราะภาพที่เหล่าผู้เล่นโผล่ออกมาใจกลางเมืองในสภาพสะบักสะบอมนั้นเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตา ดังนั้นเมื่อมีผู้เล่นส่งเสียงดังที่ใจกลางเมืองเช่นนี้ คนที่อยู่แถวนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือเอไอต่างก็หันมามองเพียงแวบเดียวและเมินไม่สนใจ



    เจนยังรู้สึกมึนไม่หายกับการวาปครั้งแรกของเธอ มันให้ความรู้สึกต่างจากที่เธอถูกส่งเข้าเกมหลังจากสร้างตัวละครเอามาก ๆ เลยทีเดียว หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าคิทซึเนะยังอยู่บนหลังของเธอ จากนั้นเธอจึงหันไปหาพวกเสือซ่อนลายที่กำลังคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น



    "ฟู่! เกือบไปนะ ถ้าเกิดช้ากว่านั้นบางทีพวกเราอาจจะโดนไถไอเท็มไปแล้วก็ได้" เสือซ่อนลายพูดด้วยท่าทางรู้สึกโล่งใจ



    "หรือไม่ก็พลาดโอกาสที่จะได้เงินไปกินของอร่อย ๆ เฮ้อ...คิดแล้วก็ยังเสียดายไปหายเลย" แจ็คว่า ดูท่าทางเขาจะคิดถึงเพชรเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัวว่าเขาเพิ่งรอดจากเขียงไปหยก ๆ



    "เอาน่า ของที่เราเก็บเอาไว้ตั้งแต่ไปถึงสุสานผีดิบมาตั้งแต่ต้นคงขายได้เยอะอยู่เหมือนกันแหละ พวกเราก็ได้ของมาไม่น้อยเหมือนกันนะ" เสือซ่อนลายว่าแล้วจึงพากันไปหายของที่ได้มา



    พวกเจนปรึกษากันว่าจะนำของไปขายให้กับผู้เล่นที่เปิดร้านรับซื้อ เพราะได้ราคาดีกว่าไปขายให้กับพ่อค้าเอไอ เนื่องจากผู้เล่นเหล่านี้จะนำของไปขายต่อให้แก่ผู้เล่นที่เป็นสายประดิษฐ์ซึ่งจะนำของที่ได้มาไปทำเป็นเสื้อหรืออาวุธ ดังนั้นจึงมีร้านค้ารับซื้อของผู้เล่นมากพอ ๆ กับร้านค้าเอไอเลยทีเดียว เสือซ่อนลายพาไปยังร้านค้าแผงใหญ่แผงหนึ่งที่เขาเคยมาขายของจากเกาะเริ่มต้นแล้วได้ราคาค่อนข้างดี เขาบอกว่าได้เงินจากที่นี่ไปซื้อดาบระดับ B ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ และคิดว่าร้านนี้คงยังรับซื้อของในราคาดีอยู่เช่นเคย



    "สองพันโกลด์?...นี่นายให้แค่สองพันโกลด์เองงั้นหรือ ของเยอะขนาดนี้เนี่ยนะ" เสือซ่อนลายพูดเสียงสูงอย่างไม่พอใจกับพ่อค้าหนุ่ม เพราะของที่เขาเพิ่งขายไปนั้นเป็นของที่ทุกคนรวมกันและมีจำนวนรวมแล้วอยู่ร่วมร้อยชิ้นเลยทีเดียว มิหน่ำซ้ำยังรวมไปถึงดาบเล่มเก่าของเขาที่ขายเข้าร้านเพิ่มไปด้วย



    "ใช่แล้วเพื่อน ความจริงของพวกนี้ฉันให้แค่พันสามร้อยโกลด์ก็ถือว่ามากแล้วนะ แต่นายเอาดาบเล่มนี้มาขายด้วยก็เลยเพิ่มให้อีกเจ็ดร้อยโกลด์" พ่อค้าหนุ่มพูดพร้อมยกดาบของเสือซ่อนลายให้ดู



    "แต่ว่าดาบเล่มนี้ฉันซื้อมาตั้งห้าพันโกลด์เลยนะ นายให้ราคามาไม่ถึงพันโกลด์แบบนี้มันจะมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า แล้วของตั้งแต่ทำไมนายถึงตีราคาน้อยแบบนี้ล่ะ มันควรจะได้ถึงหมื่นโกลด์ด้วยซ้ำไป" เสือซ่อนลายโต้อย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกเหมือนถูกโกงเงินไปต่อหน้าต่อตา



    "ถ้านายไม่พอใจก็เอาของไปขายร้านอื่นก็ได้ แต่ฉันรับรองว่านายจะไม่ได้ราคาดีเท่านี้อีกแล้ว" พ่อค้าหนุ่มบอกโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของเสือซ่อนลายซักนิด เขายกดาบเล่มเก่าของนักรบหนุ่มแล้วพูดขึ้น



    "ถ้านายรักษาดาบดี ๆ หรือเอาไปลับให้มันคมซักหน่อยฉันก็อาจจะให้ราคาซักพันโกลด์นะ แต่ดาบของนายมันทั้งบิ่นทั้งทู่จนฟันไม่เข้าแบบนี้มันก็หมดค่าแล้ว"



    เมื่อพูดเสร็จเขาก็แสดงให้เห็นโดยเอานิ้วของตนลูบไปที่คมดาบ แต่ไม่เกิดรอยบาดเลยแม้แต่น้อย เสือซ่อนลายที่เห็นดังนั้นจึงรีบดึงดาบกลับมาตรวจสอบดูแล้วก็พบว่ามันเป็นอย่างที่พ่อค้าหนุ่มพูดจริง ๆ



    "แล้วของพวกนี้ล่ะ ทำไมถึงขายได้น้อยแบบนี้ พวกเราอุตส่าห์หาไปทั้งวันเลยนะ" คราวนี้เจนเป็นคนถาม พ่อค้าหนุ่มเหลือบตามามองเธออย่างไม่ใส่ใจก่อนพูดตอบ



    "แล้วคิดว่ามีแค่พวกนายกลุ่มเดียวหรือไงที่มาขายของเข้าร้านแบบนี้ มีผู้เล่นเป็นพันเป็นหมื่นกลุ่มที่ก็เหมือนนาย ไปล่าของในสุสานผีดิบแล้วเอามาขายให้พวกพ่อค้าแม่ค้า จนตอนนี้ของเริ่มล้นตลาด ราคามันก็เลยตก การตลาดมันก็แบบนี้แหละพวก สรุปว่าตกลงจะขายหรือไม่ขาย" พ่อค้าหนุ่มถามอีกครั้ง เสือซ่อนลายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ววางดาบลงก่อนจะตกลงขายในราคาสองพันหนึ่งร้อยโกลด์ โดยพ่อค้าหนุ่มแถมให้เป็นน้ำใจแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำเห็นแต่ได้ ที่เขาพูดมาเองก็มีเหตุผลอีกด้วย



    "ทำไงดี สองพันโกลด์ยังพักโรงแรมที่เรานอนเมื่อวานยังไม่ได้เลยนะ แบบนี้สงสัยต้องหาโรงแรมราคาถูก ๆ นอนแล้วล่ะมั้งเนี่ย" ยูสตาร์พูดอย่างหมดทางเลือก ต่อให้รวมเงินส่วนตัวทั้งหมดตอนนี้ก็ยังไม่ถึงหมื่นโกลด์ด้วยซ้ำ ความคิดที่จะไปกินอาหารหรู ๆ ก็เป็นอันต้องล้มไป



    แต่ก่อนที่ทุกคนจะเดินจากไป โจก็ร้องขึ้นมาเหมือนกับว่านึกอะไรได้ เขารีบเรียกทุกคนให้กลับมาอีกครั้งแล้วพุ่งไปหาพ่อค้าหนุ่มคนเดิมที่เพิ่งกวาดของลงกล่องวัตถุดิบเสร็จ



    "นี่ นายรับซื้ออย่างอื่นอีกหรือเปล่าเพื่อน" โจถาม เขายังคิ้วไปมาให้เหมือนกับว่าเป็นคนรวย แต่ผ้าคลุมของเขาที่ดูโทรมกลับบอกอีกอย่างหนึ่ง



    "เอ่อ..ก็รับนะ นอกจากพวกวัตถุดิบที่ได้จากมอนสเตอร์แล้วก็ยังซื้ออาวุธปิดผนึก คัมภีร์เวท ทุกอย่างที่นายเสนอมาฉันคิดว่ารับซื้อได้หมดล่ะ" พ่อค้าหนุ่มบอก เขาคิดใจในว่าต่อให้ชายหนุ่มตรงหน้านี้มีอะไรมาขาย เขาก็คงสามารถซื้อได้หมดซึ่งคงมีไม่มากนักหรอก



    "แล้วถ้าหาก....เป็นทองล่ะ นายจะให้ราคาเท่าไหร่" พ่อค้าหนุ่มหูผึ่งขึ้นมาทันทีก็ได้ยินคำว่าทองคำ แต่พอดูสารรูปที่เนื้อตัวสกปรกมอมแมมจากที่ไปลุยสุสานผีดิบมาทำให้เขาไม่คิดว่าโจจะมีของที่พูดจริง ๆ



    "ก็ถ้านายมีทองมาขายจริง ๆ ล่ะก็นะ ฉันจะรับในราคาน้ำหนักกิโลกรัมละสี่หมื่นโกลด์เลย แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องประดับหรือแค่ก้อนทองเล็ก ๆ ล่ะก็ฉันคงต้องลองตีราคาดูอีกที"



    โจลอบยิ้มที่มุมปาก เขาก้มลงหยิบของบางอย่างขึ้นมาวางเอาไว้บนชั้นขายของของพ่อค้าหนุ่มซึ่งทำให้ตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจเช่นเดียวกับพวกเจนที่เห็นมัน โจเพิ่งนำเสาทองคำขนาดยาวประมาณเมตรครึ่งออกมาวาง ผิวของมันส่องแสงสะท้อนจากคบเพลิงดูน่าหลงใหล ท่าทางน้ำหนักของมันจะไม่ใช่น้อย ๆ เลยทีเดียว



    "เอาล่ะ ทีนี้นายลองช่วยตีราคาของให้หน่อยซิเพื่อน ขอราคาที่ทำให้ฉันพอใจหน่อยนะ" โจบอกโดยมีรอยยิ้มยียวนประดับอยู่ที่มุมปากแล้วหันกลับมามองพวกเจนที่ยังตกใจไม่หายในขณะที่พ่อค้าหนุ่มเริ่มตรวจสอบสินค้าโดยไม่พูดไม่จา



    "นะ...นี่นายไปได้ของอย่างนี้มาตอนไหนเนี่ย!" เจนพูดเสียงสูงอย่างลืมตัว เด็กหนุ่มยิ้มให้แล้วตอบกลับด้วยท่าทางสบาย ๆ



    "ก็ตอนที่พวกเราเข้าไปในห้องนั้นไง จำไม่ได้หรือ"



    "อ๋อ ตอนที่ฉันกับแจ็คไปดูที่โลงศพนั่น... อ๋าาา ฉันคิดว่านายเองของนั่นออกมาไม่ได้ซะอีก" ยูสตาร์ว่า เพราะในเกมนี้ไม่สามารถหยิบของที่ถือไม่ได้เข้ากระเป๋าได้ อย่างเช่นเรือ ม้าหรือกล่องสมบัติ เขาที่เห็นเสาทองจึงไม่สนใจเพราะไม่มีความสามารถที่จะนำมันลงมาได้



    "ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันเอาออกมาได้ทั้งสี่ต้นเลยด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า!" ไม่พูดเปล่า โจเปิดกระเป๋าให้ดูและแสดงช่องเก็บของให้เพื่อเป็นการยืนยัน มันมีเสาทองคำอยู่ในนั้นอีกสามต้น เด็กสาวทั้งสองคนของกลุ่มวิ่งเข้าไปกอดโจอย่างลืมตัว โดยที่ชายหนุ่มที่เหลือทั้งสองบวกกับเจนอีกคนต่างยิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบ



    เมื่อเวลาผ่านไปซักพักพ่อค้าหนุ่มก็ตรวจสอบเสาทองคำต้นแรกเสร็จ แต่สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก



    "ว่าไง.. อย่าบอกเชียวนะว่าเสาทองคำนี่เป็นของปลอม" โจถาม



    "เปล่า เสาทองคำของนายเป็นของจริง ของแท้ บริสุทธิ์มากเลยด้วย" พ่อค้าหนุ่มตอบเสียงค่อย



    "ถ้าอย่างนั้นมันมีปัญหาอะไรล่ะ ทำไมนายถึงมีท่าทางแบบนั้น"



    พ่อค้าหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด เขาชั่งใจอยู่พักหนึ่งว่าจะตอบดีหรือไม่ ก่อนสุดท้ายแล้วเขาก็ยอมพูด



    "พูดตรงเลยนะ ฉันวัดน้ำหนักของเสานี้แล้วและประเมินราคาเบื้องต้นดู ฉันคิดว่าคงมีราคาอยู่ที่ห้าล้านโกลด์" เจนได้ยินเสียงจำนวนเงินมากขนาดนี้ก็ถึงกับใจเต้นจนแทบจะร้องออกมาด้วยความยินดี เงินมหาศาลเช่นนี้เธอเคยได้ยินเพียงแค่ในหนังเท่านั้น เธอไม่เคยแตะต้องเงินจำนวนมากมาก่อน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและแน่ใจว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกัน



    "แต่ฉันขอสารภาพตามตรงว่าฉันเป็นแค่พ่อค้าธรรมดาเท่านั้น ทักษะตรวจสอบของฉันระดับไม่สูงมาก อาจจะะตีราคาทองคำของนายต่ำเกินไปก็ได้ แต่ฉันจะให้ราคาเจ็ดล้านโกลด์ซื้อทองคำนี้จากนาย นี่เป็นเงินทั้งหมดที่ฉันมีอยู่ตอนนี้" พ่อค้าหนุ่มพูดออกมาจากจริงใจ โจหันมามองพวกเจนเพื่อขอคำปรึกษา เจนพยักหน้าให้เขาแล้วชายหนุ่มจึงหันกลับมาคุยธุรกิจต่อ



    "เอาอย่างนั้นก็ได้ ถือซะว่าตอนนี้พวกเรากำลังร้อนเงินอยู่พอดีก็แล้วกัน" คำตอบของโจทำให้พ่อค้าหนุ่มมีสีหน้าดีขึ้นมาทันตา



    "แต่ว่านายพอจะมีทางปล่อยของพวกนี้เร็ว ๆ บ้างมั้ย ฉันไม่อยากจะพกของแบบนี้ติดตัวเอาไว้นาน ๆ น่ะ"



    พูดจบ โจก็นำเสาทองคำอีกสามเสาออกมา พ่อค้าหนุ่มตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าเพราะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น แต่เขาก็รีบเก็บอาการอย่างรวดเร็วราวกับเป็นมืออาชีพ



    พ่อค้าหนุ่มครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จนเจนเริ่มคิดที่จะบอกให้โจไปร้านอื่น ตอนนั้นเองพ่อค้าหนุ่มก็เอ่ยปากขึ้นมา



    "ตอนแรกฉันคิดว่าจะให้นายไปขายให้กับพวกพ่อค้าเอไอ แต่คงให้ราคาไม่ดีเท่าไหร่นัก จะให้ไปขายกับพ่อค้าคนอื่นฉันก็กลัวพวกนายจะโดนโกงแล้วพวกนายจะกลับมาเล่นงานฉันแทน" พ่อค้าหนุ่มคาดการณ์จนทำให้เจนอดชื่นชมเขาไม่ได้ แต่ยังไงเรื่องเงินก็ไม่เข้าใครออกใคร ถ้าหากชายหนุ่มคนนี้ซื้อไม่ได้ เจนก็จะบอกให้เพื่อนของเธอเก็บทองเอาไว้ก่อนจะดีกว่า



    "ฉันมีอยู่อีกทางหนึ่ง รับรองว่าจะได้ราคาที่ดีมาก ๆ และมีการรับประกันด้วย แต่อาจจะใช้เวลามากอยู่ คงซักประมาณห้าถึงหกวัน"



    "นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร" ยูสตาร์ถามอย่างสงสัย



    "ฉันกำลังพูดถึงการประมูล ฉันจะเป็นนายหน้านำทองคำที่เหลือของพวกนายไปประมูลขายในตลาด รับรองว่าต้องได้ราคาดีแน่ ฉันขอแค่ส่วนแบ่งนายหน้าห้า..ไม่สิ แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็พอ พวกนายมีน้ำใจมากที่ยอมขายทองให้ฉันทั้ง ๆ ที่ไม่คุ้มราคา ฉันขอแค่ส่วนแบ่งหนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้วฉันจะเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง" พ่อค้าหนุ่มพูดอย่างจริงใจ



    "แล้วพวกเราจะเชื่อใจนายได้ยังไง ไม่ใช่จู่ ๆ นายจะเชิดเอาทองคำไปขายแล้วหนีไปซะล่ะ" เสือซ่อนลายถาม ท่าทางเขายังคงไม่พอใจที่พ่อค้าหนุ่มตีราคาดาบเล่มเก่าของเขาต่ำเกินไป พ่อค้าหนุ่มเข้าใจดีและตอบกลับมา



    "เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าพวกนายตกลงฉันให้นายกรอกใบสมัครตรงนี้เลยว่าให้โอนเงินจากการประมูลสินค้าคือเสาทองคำสามแท่งนี้เข้าบัญชีธนาคารโดยตรง ข้อตกลงเดียวคือหักเงินค่านายหน้าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ทำแบบนี้แล้วถ้าฉันโกง พวกนายก็เอาสัญญาไปยื่นให้กับอาคารระบบได้เลย แล้วพวกนายจะได้ทองคำกลับคืนมา" พูดจบพ่อค้าหนุ่มก็หยิบกระดาษทำสัญญาออกมาให้พวกเจนดู บนนั้นมีหัวกระดาษเขียนว่าเป็นใบสมัครเข้าร่วมส่งของเข้างานประมูล โดยมีสัญญาที่เขียนเอาไว้เข้าใจได้โดยง่ายเหมือนกับที่พ่อค้าหนุ่มพูดทุกประการ



    "นั่นก็น่าสนใจนะ แต่ว่าพวกเราไม่มีบัญชีธนาคารนี่สิ แถมตอนนี้จะมีธนาคารที่ไหนเปิดอยู่ล่ะ" ยูสตาร์ว่า



    "อ้าว พวกนายไม่มีบัญชีธนาคารงั้นหรือ" พ่อค้าหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ



    "ผู้เล่นใหม่อย่างพวกเราไม่มีของอย่างนั้นหรอก ถ้าจะเปิดบัญชีได้ต้องมีเงินอยู่ในธนาคารอย่างน้อยตั้งหมื่นโกลด์ ถ้าไม่ใช่คนที่มีไอดีระดับโกลด์โน้นแหละถึงจะมีบัญชีธนาคารตั้งแต่เริ่ม" คำพูดของไมโกะเข้าหูของผู้มีไอดีระดับโกลด์ทั้งสามคนเข้าเต็ม ๆ



    "เอ่อ...พวกเราบังเอิญมีไอดีระดับที่เธอว่าล่ะ" แจ็คบอก สายตาทั้งสี่คู่รวมพ่อค้าหนุ่มมองพวกเจนด้วยความตกใจ



    "นี่อย่าบอกนะว่าพวกนายซื้อเฮดก็อกเกิ่ลรุ่นแพลตตินั่มมาด้วย นี่รู้หรือเปล่าว่านั่นมันรุ่นหลอกขาย" พ่อค้าหนุ่มเอ่ยปากถาม โจรีบพูดแย้งขึ้นมาทันที



    "เฮ้ย! ฉันไม่ได้ซื้อซักหน่อย แค่ได้ไอดีระดับโกลด์มาโดยบังเอิญเฉย ๆ"



    "เอาล่ะ แล้วพวกเราจะใช้บัญชีใครดีล่ะ ของฉัน ของเจน หรือว่าของโจ" แจ็คเอ่ยปากถามแต่เสียงคำตอบก็ดังขึ้นมาก่อนที่จะมีใครได้ทันคิดด้วยซ้ำ



    "ใช้บัญชีของฉันก็แล้วกัน" เจนพูดเสียงเรียบ



    "เดี๋ยวสิเจน! อย่ามาพูดเองเออเองแบบนี้สิ นี่มันเงินส่วนรวมนะ ต้องให้ทุกคนโหวตกันสิ" โจรีบแย้งแต่ก็เจอเข้ากับดวงตาพิฆาตที่ไม่เจอซะนานก็เงียบปากลงโดยอัตโนมัติ



    "ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าพวกนายทั้งสองคนยังติดเงินฉันอยู่นอกเกมนะ แล้วอีกอย่าง ฉันไม่มีทางปล่อยให้เงินก้อนใหญ่ไปอยู่กับคนมือเติบอย่างพวกนายแน่" เด็กสาวว่าแล้วเบียดแจ็คให้ออกไปจากทางและเซ็นชื่อลงไปในช่องว่างที่พ่อค้าหนุ่มชี้อย่บนกระดาษแบบฟอร์มการประมูล



    "ถ้าเงินอยู่กับพี่เจนแบบนี้พวกเราก็วางใจแล้วล่ะ ใช่มั้ยค่ะพี่เสือ" ซินจูถาม แต่ดูท่าเสือซ่อนลายยังคงรู้สึกลังเลอยู่จนซินจูต้องเข้าไปหยิกให้ต้องรีบตอบออกมา



    "เป็นอันว่าคะแนนโหวตออกมาเอกฉันนะ ฉัน ซินจู เสือแล้วก็เจนโหวตให้เงินอยู่กับเจน" ไมโกะว่า



    "เดี๋ยว มีโหวตให้ตัวเองด้วยงั้นเรอะ แบบนี้มันยุติธรรมมั้ยเนี่ย" โจแย้งขึ้นมาอีก



    "แล้วถ้าอย่างนั้นพวกนายจะโหวตให้ใครล่ะ" เจนเอ่ยปากขึ้นมาขณะกำลังอ่านสัญญาอย่างถี่ถ้วน ถึงเธอรู้คำตอบที่ทั้งคู่จะพูดออกมาอย่างแล้วก็ตาม



    "ต้องโหวตให้ตัวเองแน่นอนอยู่แล้ว" เสียงของโจและแจ็คเอ่ยออกมาพร้อมกัน



    "แล้วพี่ยูจะโหวตใครล่ะ" เสือซ่อนลายถาม ชายหนุ่มตีสีหน้าเรียบเขาเช็ดแว่นตาก่อนจะสวมกลับเข้าที่แล้วพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก



    "จะโหวตให้ใครเงินมันก็ไม่ได้อยู่ที่ฉันอยู่ดีนั่นแหละ"



    ในที่สุดเจนก็ทำสัญญาเสร็จเรียบร้อย ในใบสมัครที่มีสัญญากำกับอยู่มีชื่อของเจนที่เป็นเจ้าของสินค้าและผู้รับเงินผ่านทางบัญชีธนาคาร และมีชื่อของพ่อค้าหนุ่มเป็นชื่อนายหน้า พ่อค้าหนุ่มนำกระดาษแบ่งเป็นสำเนาด้วยทักษะของพ่อค้าและส่งตัวจริงให้กับเจนและเก็บสำเนาเอาไว้เพื่อยื่นให้กับที่ประมูล



    "ขอบใจพวกนายมากจริง ๆ ฉันขอเอาชื่อแมกส์ เทรดดิ่งคอมปานีเป็นประกันเลย ขอเวลาห้าวันแล้วฉันจะติดต่อไปเอง รับรองว่าพวกนายจะไม่เสียใจแน่" พ่อค้าหนุ่มนามแมกส์ให้คำมั่น จากนั้นเขาจึงส่งเงินค่าทองก้อนแรกให้แก่พวกเจนโดยแบ่งให้คนละหนึ่งล้านโกลด์พอดี







    หลังจากทำธุระเสร็จแล้วโจก็นำพวกเจนไปยังโรงแรมที่หรูที่สุดของเมืองทันที



    โรงแรมที่โจนำพวกเจนมานั้นเป็นโรงขนาดใหญ่มาก ดูจากภายนอกแล้วให้ความรู้สึกหรูหรามาก ขนาดบริเวณทางเข้ายังรายล้อมไปด้วยพ่อบ้านในชุดสูทสีดำและเมดในชุดโกธิกยืนต้อนรับอยู่เป็นจำนวนมาก พอเข้ามาด้านในก็พบกับห้องโถงกว้างสีขาวตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงมากมาย มีเหล่าพ่อบ้านและเมดคอยให้บริการอยู่แทบทุกจุดของโรงแรม



    ในตอนแรกสายตาของผู้ทั่วที่อยู่ในโรงแรมแห่งนี้ต่างก็หันมามองพวกเจนด้วยท่าทางสงสัยและแปลกใจ มีบางคนที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งเลยว่ารังเกียจพวกเธอ บางทีอาจจะเป็นเพราะสารรูปที่ดูสกปรก เนื้อตัวต่างเลอะไปด้วยเศษดินเศษไม้เต็มไปหมด แต่เจนก็ยังชื่นชมพนักงานโรมแรมแห่งนี้ที่ต่างทำการต้อนรับพวกเธอโดยไม่สนรูปลักษณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อย สมกับที่เป็นโรงแรมระดับสิบดาวแห่งเดียวของเมือง



    "สวัสดีครับ ดิ เอ็มพีเรียลยินดีต้อนรับครับ มากันเจ็ด...แปดท่านนะครับ ไม่ทราบว่าจะต้องการห้องพักชนิดใดดีครับ" พนักงานหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมาต้อนรับพวกเจนถึงที่ถามอย่างสุภาพ เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งเพราะนับคิทซึเนะเพิ่มที่ยังคงหลับอยู่บนหลังของเจน



    "พวกเราอยากได้ห้องพักใหญ่ ๆ ที่อยู่ติดกันสี่ห้องแบบเชื่อมกันได้นะ" โจบอกโดยไม่ถามความคิดเห็นคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย ซินจูกำลังจะขัดแต่เจนยั้งเอาไว้แล้วบอกให้เงียบ ๆ ไปก่อน



    "ได้ครับ จะรับเป็นเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่ดีครับ"



    "ขอเป็นเตียงคู่ก็แล้วกัน" โจตอบอีกครั้ง โดยที่เพื่อนๆต่างยังคงเงียบไม่เปิดปากใดๆ



    "ทราบแล้วครับ ขอเชิญทางนี้" พนักงานหนุ่มว่าแล้วเดินนำพวกโจไปยังเคาท์เตอร์ด้านใน เขาหันไปคุยกันพนักงานสาวที่ยืนประจำอยู่จากนั้นก็หันมาหาโจอีกครั้งพร้อมกับสมุดเล่มบางที่มีรายชื่อของแขกคนก่อนหน้าเรียงอยู่ไม่มากนัก



    "โปรดเซ็นชื่อตรงนี้ครับ ค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพักคือสามแสนโกลด์ต่อคืนนะครับ ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมค่าอาหารนะครับ สนใจจะสั่งอาหารขึ้นไปทานบนห้องมั้ยครับ?" พนักงานหนุ่มถาม แต่ตอนนี้พวกเจนแทบไม่มีใครจะอยากสั่งอะไรเพราะได้ยินราคาที่สูงลิบลิ่ว ขนาดเจนที่ทำใจเอาไว้ว่าจะต้องเสียเงินเยอะแน่ ๆ ยังตกใจกับราคาที่สูงกว่าที่คาดไว้มาก แต่ผิดกับโจที่คว้าถุงเงินของตนจ่ายไปอย่างไม่ยี่ระพร้อมทั้งบอกให้ยกอาหารขึ้นไปบนห้องอีกด้วย



    พนักงานหนุ่มรับเงินมาแล้วคืนถุงเงินไปให้กับโจก่อนจะผายมือให้เดินตามตนไปยังห้องพัก เมื่อมาถึงห้องเขาก็ใช้กุญแจดอกสีทองไขเข้าไปยังประตูสีขาวบานใหญ่แล้วเปิดประตูออกมา เผยให้เห็นถึงภาพด้านในของห้องและส่งกุญแจให้กับโจโดยไม่ลืมบอกว่าอาหารจะขึ้นมาถึงภายในสิบนาที



    พวกเจนเดินเข้ามาในห้องก็พบกับความรูปหราสุดจะบรรยาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเจนก็พบเครื่องใช้ดูมีราคาแพง ผ้าม่านสีขาวนวลที่ประดับอยู่ตามมุมผนังชวนสบายตา ห้องนี้ห้องใหญ่จนสามารถแบ่งได้ออกอีกสี่ห้อง โดยห้องที่พวกเจนอยู่ตรงนี้เป็นห้องโถงเล็ก ๆ ที่มีโต๊ะตัวใหญ่ตั้งอยู่พร้อมกับเก้าอี้แปดที่นั่งตั้งอยู่ เลยไปอีกนิดเป็นประตูสี่บานที่จะนำไปสู่ห้องนอนซึ่งเป็นเตียงคู่ตามที่โจสั่งโดยในห้องนั้นก็มีห้องน้ำอยู่ในตัวอีกด้วย สบกับที่เสียเงินไปถึงสามแสนโกลด์นับได้ว่าเงินโกลด์ถูกใช้ไปจนคุ้มจริง ๆ



    "โอ้ ว้าว! นี่มันหรูสุด ๆ ไปเลยนะคะเนี่ย ดูโต๊ะนี่สิ เป็นหินอ่อนซะด้วย" ซินจูพูดแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น



    "ดูนี่สิ ผ้าที่เอามาใช้ทำผ้าม่านนี่มันเป็นผ้าเนื้อดีเลยนะ ฉันเคยเห็นที่ร้านขายเสื้อผ้าอยู่ตัวหนึ่ง มีราคาสูงมากเลย" ยูสตาร์บอก เขาไม่กล้าที่แม้จะแตะต้องผ้าม่านสีขาวใกล้ตัว เพราะกลัวว่าจะไปทำให้เปื้อนแล้วต้องจ่ายค่าทำความสะอาด



    "ห้องราคาคืนละเกือบครึ่งล้านแบบนี้ใครมันจะมาพักกันล่ะเนี่ย นี่นายไม่เสียดายเงินบ้างหรือไงกัน" ไมโกะหันไปถามโจ



    "หึหึ ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ไว้ถ้าได้เงินจากการประมูลมาเมื่อไหร่ก็สบายแล้ว"



    "นี่นายลืมไปแล้วหรือยังไงว่าถึงจะได้เงินมาแล้วแต่ก็ไม่ได้อยู่ที่นายอยู่ดี นายจะได้เอาเงินไปใช้สุรุ่ยสุร่ายก็แค่เงินที่ติดตัวนายในตอนนี้เท่านั้นล่ะ" เจนบอกด้วยน้ำเสียงเรียบพลางวางร่างของคิทซึเนะลงบนโซฟาที่มุมห้อง เสียงของโจครวญครางอย่างเศร้าใจเพราะลืมไปว่าตนไม่ได้เป็นคนเก็บเงิน เขาพยายามกล่อมเจนให้แบ่งเงินกันเท่า ๆ กันหลังจากได้เงินจากการะประมูลมาแล้ว ทว่าพวกเสือซ่อนลายเห็นด้วยที่จะให้เจนเป็นคนเก็บเงินทั้งหมดเอาไว้ในธนาคารเพราะปลอดภัยกว่า แต่สุดท้ายแล้วเจนก็บอกให้พวกเสือซ่อนลายไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อที่จะสามารถแบ่งเงินไปไว้ในบัญชีของตนได้ เพื่อที่เวลาต้องการใช้เงินฉุกเฉินจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาติดต่อเจนในภายหลัง



    หลังจากเลือกห้องกันได้แล้วโดยเสือซ่อนลายและยูสตาร์พักห้องเดียวกัน เช่นเดียวกับสองสาวและสองหนุ่มที่เหลือ ส่วนเจนนั้นนอนกับคิทซึเนะไปโดยบริยาย เจนเลือกห้องระหว่างโจและเสือซ่อนลาย เมื่อเธอเข้าไปด้านในก็เห็นเตียงสีขาวดูน่านอนมาก อีกทั้งความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้เจนรู้สึกง่วงเต็มที่ แต่เธอนั้นก็รู้สึกเหนียวตัวเกินกว่าจะนอนได้



    ในตอนนั้นเองคิทซึเนะก็ตื่นขึ้นมา ถึงแม้จะรู้สึกสับสนอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำความเข้าใจได้ทันทีว่าเธอไม่ได้อยู่ที่สุสานผีดิบแล้ว เจนที่เห็นจิ้งจอกน้อยฟื้นแล้วจึงพาเธอเข้าไปอาบน้ำพร้อมกันเลย เจนรู้สึกดีที่ตอนนี้เธอพอจะชินร่างของผู้หญิงจนไม่ค่อยรู้สึกอายเท่าไหร่ ดังนั้นการอาบน้ำให้คิทซึเนะเองก็ไม่ได้เป็นปัญหานักสำหรับเจน โดยที่เหนื่อยก็มีแค่ต้องสอนให้คิทซึนะอาบน้ำในร่างมนุษย์ยังไงและสอนให้รู้จักกับสบู่อีกด้วย ตอนที่เจนสระผมให้กับคิทซึเนะก็นึกได้ว่าคงต้องสอนให้หนูน้อยคนนี้ใช้ช้อนส้อมอีก



    หลังจากอาบน้ำเสร็จเจนก็สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของโรงแรมโดยสวมให้จิ้งจอกน้อยเช่นเดียวกันแต่เธอต้องเจาะรูที่กางเกงเพราะติดหางของหนูน้อย ท่าทางเจนคงจะเสียเงินค่ากางเกงตัวนี้ซะแล้ว



    พอเจนออกมาจากห้องก็พบว่ามีอาหารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นซุปครีม เนื้อย่างและขนมปัง อาหารพื้น ๆ ที่อยู่ในบริการโรมแรมปกติ พวกผู้ชายนั่งรออยู่ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วโดยทุกคนต่างก็อยู่ในชุดสีขาวเช่นเดียวกันเจน ทั้งสองเดินไปนั่งบนที่ว่างแล้วรอหญิงสาวที่ยังคงไม่ออกมาจากห้องของพวกเธอ



    "แหม เธอนี่อาบน้ำนานเหมือนกันนะเนี่ย ชักจะเหมือนผู้หญิงไปทุกทีแล้วนะ" โจที่นั่งอยู่ข้างเจนเอนหัวมาพูดกระซิบกับเธอ



    "ฉันรักษาความสะอาด ไม่เหมือนพวกนายซักหน่อย อีกอย่างฉันอาบน้ำให้คิทซึเนะด้วยก็เลยนานกว่าปกติ" เจนตอบ พยายามไม่สนใจใบหน้ากวนโอ๊ยของเพื่อนคนนี้ เธอรู้ว่าเขากำลังพยายามหยอกล้อเธออยู่ บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องเงินก็ได้



    "เหรอ....ว่าไปแล้วเธอก็ใส่เสื้อตัวนี้แล้วก็ดูเหมาะดีนะ หน้าอกเธอไม่โตเท่าไหร่ เลยดูไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเลยนะเนี่ย" เจนรีบหันไปค้อนใส่โจโดยไม่พูดอะไรตอบ จากนั้นเธอก็รีบกระทืบเท้ากลับเข้าไปในห้องและออกมาอีกครั้งพร้อมกับเสื้อคลุมสีขาวของทางโรงแรม ไม่นานนักซินจูและไมโกะก็ออกมาจากห้องด้วยเสื้อคลุมตัวเดียวกับที่เจนใส่



    ในระหว่างที่กำลังทานอาหารเย็นกันพวกเจนก็ตรวจสอบระดับของตัวเองไปด้วย พบว่าระดับของทุกคนรวมทั้งคิทซึเนะด้วยเพิ่มมาอีกหนึ่งระดับเป็น 59 จากที่จัดการจักรพรรดิผีดิบลงได้ ส่วนโจที่เป็นคนลงมือก็ได้โบนัสเพิ่มอีกระดับเป็น 60 อยู่คนเดียว กลายเป็นว่าในกลุ่มเป็นโจที่มีระดับสูงที่สุด



    สถานะพื้นฐานของเจนเองก็เพิ่มขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะพลังโจมตี ความเร็วและค่าความอดทนที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าค่าสถานะอื่น ๆ ที่รองลงมาก็เป็นค่าพลังป้องกันและค่าความแม่นยำ มีแค่ค่าโชคเท่านั้นที่ยังไม่กระดิกไปไหน แต่เจนก็ยังคงไม่รู้ว่ามันมีเอาไว้เพื่ออะไรกันแน่ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก



    หลังจากทานอาหารเสร็จพวกเจนก็ตกลงจะพูดคุยถึงการเดินทางต่อไปในวันพรุ่งนี้เพราะเหนื่อยกันมาก แล้วทุกคนก็กล่าวราตรีสวัสดิ์ให้แก่กันโดยซินจูกับคิทซึเนะนั้นท่าทางจะกล่าวกันยาวกว่าคนอื่น ๆ เจนถอดเสื้อคลุมออกเหลือแต่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น เธอล้มลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง ความเหนื่อยเข้าจู่โจมตัวเธอทันทีที่ตัวสัมผัสถึงหมอน ก่อนที่จะหลับไปเจนรู้สึกได้ว่าคิทซึเนะเข้ามานอนด้วย เธอยกมือให้จิ้งจอกน้อยในร่างเด็กสาวสอดเข้ามาและกอดกันตัวกลม ถึงเจนจะชอบคิทซึเนะในร่างของลูกจิ้งจอกมากกว่า แต่ในร่างนี้เองก็ไม่เลวนัก เจนคิดก่อนที่เธอและคิทซึเนะจะหลับไปทั้งคู่ในท่านั้น





    เจนตื่นขึ้นมาในเวลาสายของอีกวัน ถึงเมื่อคืนจะไม่ได้นอนกันดึกเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความเหนื่อยสะสมก็ทำให้หลับสนิทยาวถึงเช้าเลยทีเดียว ตอนนี้คิทซึเนะก็ตื่นแล้วและกำลังจ้องลงไปยังถนนเบื้องล่างที่มีผู้คนเดินไปมาด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่าเจ้านายของเธอตื่นแล้วจึงรีบกระโดดกลับขึ้นมาบนเตียง



    "ตื่นแล้วหรือคะ เจ้านาย หนูหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ นะ ๆ" จิ้งจอกน้อยขอร้องพร้อมกับจับชายเสื้อ เจนถอนหายใจแล้วยิ้มก่อนจะรับคำและพากันไปอาบน้ำ



    "นี่คิทซึเนะ คราวหลังเธอเรียกฉันว่าอย่างอื่นได้หรือเปล่า เรียกว่าเจ้านายเดี๋ยวคนอื่นเขาเข้าใจผิดกันพอดี" เจนถามขณะกำลังสระผมให้กับจิ้งจอกน้อย



    "ทำไมล่ะคะ เจ้านาย ก็เจ้านายก็คือเจ้านายของคิทซึเนะ จะให้เรียกอย่างอื่นได้ยังไงล่ะคะ?" เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ด้วยจิตใต้สำนึกของเจนที่กำลังบอกเธอว่าถ้าปล่อยไปอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมาก็เป็นได้



    "เรียกอย่างอื่นเถอะนะ เรียกชื่อ..-"



    "เรียกว่าพี่เจนได้มั้ยคะ พี่ซินจูชอบให้เรียกแบบนี้บ่อย ๆ เจ้านายชอบหรือเปล่าคะ" คิทซึเนะนึกได้แล้วรีบถามขึ้นมาทันที เจนรู้สึกตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก หัวใจของเธอรู้สึกพองโต แถมกลิ่นหวานๆของแชมพูก็หอมหวนขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ทราบสาเหตุ



    "เจ้านายไม่ชอบหรอคะ?" คิทซึเนะถามเมื่อเห็นว่าเจนเงียบไป ทำให้หญิงสาวต้องรีบเรียกสติกลับคืนมาโดยเร็ว



    "อ่ะ.. ชอบสิ ชอบมาก ๆ เลยด้วย"



    "ฮิฮิ พี่เจน พี่เจน" คิทซึเนะหัวเราะคิกคักแล้วพูดชื่อของเจนอย่างชอบใจ ท่าทางเธอเองก็ชอบมิใช่น้อย ซึ่งเจนเองก็รูสึกแปลก ๆ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดีไปอย่าง



    หลังจากอาบน้ำเสร็จเจนก็สวมเสื้อผ้าตัวเก่าของเธอและพบว่าแขนเสื้อข้างขวาที่ยังขาดอยู่ จึงวางแผนเอาไว้ในหัวว่าวันนี้คงต้องเอาไปซ่อมซักหน่อย พอเจนออกมาจากห้องก็พบว่าทุกคนกำลังรออยู่แล้ว



    "อรุณสวัสดิ์เจน เมื่อคืนหลับสบายดีหรือเปล่า" เสือซ่อนลายทักเป็นคนแรก โจและแจ็คหันมาพยักหน้าให้ตามปกติ เจนพยักหน้าตอบทั้งสองคนแล้วหันไปตอบในขณะที่คิทซึเนะวิ่งไปหาพวกซินจู



    "อรุณสวัสดิ์ หัวถึงหมอนก็หลับยาวแบบไม่ต้องฝันเลย สมราคาจริง ๆ"



    "เอาล่ะ ตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้ว วันนี้พวกเราจะไปไหนกันดีล่ะ" แจ็คถาม



    "ว่าแต่พวกนายจะไปไหนกันต่อล่ะ คิดจะเปลี่ยนอาชีพเป็นอะไรกันงั้นหรือ" เสือซ่อนลายถามกลับ เจนคิดว่าถ้าได้ไปด้วยกันต่อก็คงจะน่าสนุกไม่น้อย



    "ฉันยังไม่ได้คิดเลยว่าจะเล่นเป็นอาชีพอะไรดี ส่วนแจ็คเห็นบอกว่าจะเป็นมือปืนหนิ" เจนกล่าว



    "ใช่ ฉันคิดจะไปเปลี่ยนอาชีพที่รีเด็มชั่นทาวน์บนทวีปไลเทเชีย พวกนายล่ะ?"



    "น่าเสียดายจัง พวกเรากะจะไปเปลี่ยนอาชีพให้ไมโกะที่ยามะไตก่อน แล้วฉันกับพี่ยูก็จะไปเปลี่ยนอาชีพต่อที่ยูโรปา ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าไปคนละทางสินะ" เสือซ่อนลายเอ่ย น้ำเสียงฟังดูค่อยลงมากเหมือนกับว่าไม่อยากจะแยกทางกับพวกเจนในตอนนี้



    "เอ๋ พวกเราจะไม่ได้ไปด้วยกันหรอกหรอคะ" ซินจูพูดออกมาอย่างตกใจ ท่าทางของเธอบอกอย่างเด่นชัดมากว่าไม่อยากแยกกลุ่ม



    เจนเองก็ยังอยากอยู่ด้วยกันต่อ แต่ว่าสิ่งแรกที่ผู้เล่นใหม่ต้องทำเมื่อมาถึงทวีปหลักนั่นก็คือการเปลี่ยนอาชีพ เพราะการเก็บระดับต่อไปนั่นจะยากขึ้นมากสำหรับผู้เล่นที่ยังไม่มีอาชีพ อย่างเจนเองถ้าหากไม่มีดาบคุซานางิหรือทักษะระดับสูงก็คงไปไม่รอดตั้งแต่แรกแล้ว ความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากโจและซินจูนั้นทำให้เจนเองก็ต้องเริ่มมองหาอาชีพบ้างแล้ว



    "งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ วันนี้ก็คงต้องแยกกันไปก่อน ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอกันแล้วอีกนี่นา จริงมั้ย" ยูสตาร์พูดปลอบทุกคน ทันใดนั้นเองโจที่เงียบมานานก็พูดขึ้น



    "ถ้าอย่างนั้น วันนี้พวกเราก็มาเที่ยวในเมืองด้วยกันเถอะ อีกคงพักใหญ่กว่าจะได้กลับมาเจอกันอีก"



    "เห็นด้วยค่ะ! รีบไปกันเถอะค่ะพี่เจน ไปซื้อเสื้อใหม่ให้พี่กัน" ซินจูพูดแล้วลากแขนเจนวิ่งออกไปทันที คนอื่น ๆ มองหน้ากันแล้วรีบตามออกไปโดยโจไม่ลืมที่จะไปเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพราะกลัวจะโดนคิดเงินเพิ่ม แน่นอนว่าเขาต้องจ่ายค่ากางเกงของคิทซึเนะด้วย





    ตลอดบ่ายซินจูลากพาเจนไปยังร้านค้านับสิบร้านและยังซื้อเสื้อผ้าให้เธออีกหลายชุด จนบางชุดเธอก็ดูเหมือนจะเธอลืมไปว่าซื้อให้ผู้ชายเพราะมีชุดที่ได้มาเป็นกระโปรงผู้หญิงติดมาด้วย แต่ดูเหมือนในตอนนี้วิญญาณนักช็อปจะสิงเข้าร่างของซินจูไปเรียบร้อย ไม่ว่าเจนจะทักท้วงยังไงเธอก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เป็นอันว่าจากที่จะซื้อชุดให้กลายเป็นคนถือของซะอย่างนั้น ทางพวกเสือซ่อนลายเองก็รู้สึกสนุกไปกับการซื้อของใช้ต่าง ๆ มากเพราะตอนนี้มีเงินให้ใช้แล้ว จึงจัดการซื้อชุดเกราะและเสื้อผ้าใหม่กันถ้วนหน้า คิทซึเนะเองก็ได้ชุดใหม่ ๆ จากที่ซินจูซื้อให้เช่นกัน



    หลังจากซื้อของเสร็จก็พากันไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารสุดหรู แน่นอนว่าคราวนี้โจไม่ได้เป็นเจ้ามืออีกต่อไป แต่เนื่องจากต่างคนต่างมีเงินแล้วจึงสั่งของมาได้ตามใจอยาก หลังจากอิ่มแล้วจึงพากันมานั่งพักกันที่สวนใกล้ลานกลางเมือง



    ตอนนี้เจนสวมชุดใหม่แล้ว เป็นเสื้อแขนยาวสีฟ้าสวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีแดง ส่วนกางเกงเป็นขายาวสีดำซึ่งชุดพวกนี้เป็นชุดที่นำเข้ามาจากโลกจริง เลยทำให้ดูแปลกประหลาดในโลกเกมแฟนตาซีแห่งนี้ เจนไม่ได้ถึงกับไม่ชอบแต่เธอแค่ไม่แต่งตัวแบบนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังสวมรองเท้าสีแดงคู่เดิมของเธอ ขณะที่คิทซึเนะยังสวมชุดเดิมอยู่ถึงแม้จะมีชุดที่ซินจูซื้อให้หลายสิบชุดก็ตาม



    คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนัก ซินจูซื้อชุดนักเวทสีครีมที่เพิ่มพลังปองกันเวทมนตร์มาใส่ และเปลี่ยนคทาให้เป็นแบบที่ช่วยเพิ่มพลังเวทมนตร์ ไมโกะเองก็เปลี่ยนชุดให้ดูคล่องตัวมากขึ้นแต่ทำให้ผู้ชายหันมามองเป็นสองเท่าเพราะดูเซ็กซี่สุด ๆ เสือซ่อนลายได้ชุดเกราะเซ็ท 'เกราะแห่งอัศวิน' มาจากผู้เล่นคนหนึ่งในราคา 150,000 โกลด์ เป็นราคาไม่น้อยแต่ก็คุ้มกับพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้นมากของเกราะนี้



    ยูสตาร์ซื้อเสื้อสีเขียวมาแค่ตัวเดียวเพราะกะจะไปซื้อที่ทวีปยูโรปาซึ่งมีของสำหรับผู้ที่ใช้อาวุธเป็นธนูโดยเฉพาะเยอะกว่า ส่วนแจ็คเองก็รอซื้อของที่ทวีปถัดไปเช่นกัน จึงเหลือแต่โจที่ไม่ได้ซื้ออะไรเลยเพราะเขาใช้เงินไปกับค่าโรงแรมไปแล้วถึง 300,000 โกลด์ เจนยุให้เขาซื้อคทาเวทใช้แต่เขาก็แย้งกลับมาว่าถนัดใช้เวทมือเปล่ามากกว่า



    "พี่เจนคะ พวกเรามาบันทึกเป็นชื่อเพื่อนกันดีกว่า เวลาคุยกันจะได้ติดต่อกันง่าย ๆ" ซินจูพูดขึ้นมาขณะกำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องทั่วไป



    "บันทึกชื่อเพื่อนงั้นหรือ... ก็พอจะเข้าใจนะว่ามันคืออะไรแต่ฉันทำไม่เป็นอ่ะ" เจนว่า เธอพอจะรู้เพราะคล้ายเป็นเกมอื่น ๆ ที่มีระบบนี้แต่ในชื่อที่ต่างออกไป



    "ไม่ยากหรอกค่ะ แค่กดในแถบเมนูเพื่อนในหน้าต่างแล้วพูดชื่อของคนที่จะต้องการบันทึกลงไปแบบนี้ไงคะ" เด็กสาวว่าแล้วเปิดหน้าต่างแสงออกมา "เจน"



    ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเตือนขึ้นในหัวของเจน เด็กสาวเปิดหน้าต่างออกมาและมีคำขอเป็นเพื่อนมาจากซินจู เจนกดรับไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เมื่อเจนเปิดดูแถบรายชื่อเพื่อนก็พบว่ามีชื่อของซินจูอยู่บนนั้นและบอกว่ากำลังออนไลน์อยู่ ทุกคนต่างแลกเปลี่ยนชื่อกันจนครบทุกคนแล้วแยกย้ายกันไป



    พวกเสือซ่อนลายนั้นจะขึ้นขบวนรถม้าด่วนที่วิ่งตรงไปยังเมืองใกล้เคียง ส่วนพวกเจนนั้นจะกลับไปขึ้นเรืออีกครั้งและตรงไปยังทวีปไลทาเชียเลย



    "โชคดีนะทุกคน หวังว่าคงจะได้เจอกันอีกเร็ว ๆ นี้นะ" เจนกล่าวลา



    "หนูขอโทษนะคะพี่ซิน ตอนนี้หนูยังไม่อยากกลับไปที่บ้าน ถ้ากลับไปล่ะก็ท่านแม่คงไม่ให้หนูไปกับพี่เจนต่อแน่เลย" คิทซึเนะพูดด้วยความเสียใจเพราะนึกว่าเป็นเพราะตนทำให้ไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน ถึงซินจูจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ลูบหัวของคิทซึเนะด้วยความเอ็นดู



    "ไม่ได้เป็นเพราะคิทเนะหรอกนะ แค่ตอนนี้พวกเราต้องแยกไปกันธุระกันก่อน ไว้ทำธุระเสร็จพวกเราก็ได้มาเจอกันแล้ว เพราะฉะนั้นอดใจรอกับพี่เจนก่อนนะ" คิทซึเนะพยักหน้ารับอย่างร่าเริง เจนที่เห็นสัตว์เลี้ยงของเธอเชื่อฟังคนอื่นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แต่แล้วเธอก็ถูกมือเรียงของไมโกะคว้าเข้าไปกอดโดยไม่ทันตั้งตัว



    "ขอบคุณมากเลยนะเจน คราวหน้าเจอกันฉันจะเก่งกว่านี้อีก เราจะได้ช่วยกันสู้อย่างสูสีกันซักที"



    "อะ..อื้ม! แล้วฉันจะคอยนะ" เจนที่ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อยตอบ



    ช่วงเดียวกันนั้นเองพวกหนุ่ม ๆ ก็กำลังกล่าวลากันอยู่



    "ขอบใจพวกนายมากเลยนะ ถ้าไม่ได้มาเจอพวกนายฉันคงไม่ได้ทั้งดาบทั้งเงินทั้งเพิ่มระดับได้ไวขนาดนี้ เผลอ ๆ บางทีตอนนี้คงยังเข้าไปในสุสานขุนนางไม่ได้เลยมั้ง ฮ่า ๆ" เสือซ่อนกลายกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง



    "ไม่หรอก นายเองก็เก่งใช่ย่อยนะ ยันผีดิบเป็นกองทัพได้ด้วยตัวคนเดียวน่ะ อีกไม่นานฉันว่านายคงจะเก่งกว่าฉันแน่เลยล่ะ พวกนายเองอย่าเพิ่งไปเข้ากิลด์ใครล่ะ เอาไว้ถ้าฉันหากิลด์ดี ๆเข้าได้หรือไม่ก็ตั้งกิลด์เองเมื่อไหร่ นายก็มาอยู่กิลด์เดียวกันฉันนะ" โจว่าแล้วยื่นมือออกไป เสือซ่อนลายยิ้มแล้วจับมือเอาไว้



    "แน่นอนอยู่แล้ว ฉันจะรอคำเชิญของนายเสมอ" อีกด้านกับสองหนุ่มนักธนูและมือปืนก็กำลังคุยกันอยู่อย่างสนิทสนม



    "แจ็คอ่า คราวนี้พวกเราไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่เลยนะ คราวหน้าที่เราเจอกันพวกเราจะต้องเก่งกว่านี้ เอาให้ทุกคนตะลึงไปเลย เข้าใจมั้ย" ยูสตาร์พูดแล้วเข้าสวมกอดกับแจ็คแบบลูกผู้ชาย



    "แน่นอนเพื่อนเกลอ ไว้เจอกันเมื่อเราเจอกัน" แจ็ครับคำและตบหลังยูสตาร์เป็นมั่นเป็นเหมาะ



    หลังจากนั้นเจนก็เดินไปส่งพวกเสือซ่อนลายที่จุดรถม้าด่วน หลังจากล่ำลากันอีกครั้งพวกเขาก็ขึ้นรถม้าและจากไปโดยมีพวกเจนยืนโบกมือลาอยู่จุดเดิม



    "เอาล่ะ พวกเราก็ไปกันมั่งเถอะ ไม่รู้ว่าเรือจะออกตอนไหนด้วย รีบไปกันดีกว่า" เจนว่า แล้วทั้งสี่ก็เดินไปยังท่าเรือด้วยความรวดเร็ว







    ในตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนห้าโมงครึ่งแล้ว ที่ท่าเรือก็ยังคงคึกคักอยู่เช่นเดิม ผู้คนมากมายต่างเดินไปมาหมายจะทำธุระของตน ร้านค้าปลาที่มีปลาชนิดแปลก ๆ และสดใหม่อยู่ตลอดเวลาก็ต่างเรียกลูกค้าแข่งกันเพราะไม่แค่แย่งลูกค้ากับร้านอื่น พวกเขายังต้องแข่งกับเวลาที่ปลาจะหมดความสดอีกด้วย



    เจนรีบดึงตัวคิทซึเนะจากตลาดปลามาและตรงไปยังบูธขายตั๋วเรือเพราะกลัวจะพลาดเที่ยวเรือสำคัญ แต่ก็รู้สึกโล่งใจเพราะเรือที่จะเดินทางไปทวีปอื่นนั้นมีอยู่ทุกวัน และวันละหลายเที่ยวอีกด้วย ถึงเรือเพิ่งจะออกไปไม่นานแต่เรือเที่ยวต่อไปก็พร้อมที่จะออกในอีกสองชั่วโมง หรือเวลาหนึ่งทุ่มตรงนั่นเอง



    เมื่อเห็นดังนั้นพวกเจนจึงกลับเข้าไปในเมืองแล้วซื้อขนมให้กับคิทซึเนะเผื่อเอาไว้ในตอนออฟไลน์และหาซื้อหนังสืออ่านบนเรืออีกด้วย ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะไปถึงทวีปไลเทเชียแต่ทั้งสามคนต่างก็หาซื้อของแก้เบื่อไปเยอะทีเดียว



    เมื่อใกล้ได้เวลาขึ้นเรือพวกเจนก็กลับมาที่ท่าเรืออีกครั้ง ตอนนี้หกโมงครึ่งแล้วแต่ที่แห่งนี้แสงแดดยังไม่หมดไป ท้องฟ้าสลัวเป็นสีม่วงเหมือนกับตอนที่เจนมาถึงเมืองนี้แต่ทว่าเวลานี้เธอกำลังจะจากเมืองนี้ไปทำให้รู้สึกใจหายเล็กน้อยแต่ใช่ว่าจะไปแล้วไปลับซะหน่อย



    เมื่อมาถึงบริเวณท่าเรือเจนก็เห็นคนมากมายต่างยืนอออยู่จนไม่สามารถเดินขึ้นไปบนเรือได้ เจนพยายามเดินแหวกผู้คนไปด้านหน้าเพื่อนจะได้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอหลุดฝูงคนออกมาเจนก็เห็นผู้เล่นในชุดสีดำจำนวนมากกำลังยืนกั้นคนไม่ให้เข้าไปที่ท่าเรือ แต่ละคนต่างมีอาวุธอยู่ในมือและดูอันตรายไมใช่น้อย ยิ่งดูจากเครื่องป้องกันที่ใส่แล้วเจนมั่นใจว่าคนพวกนี้จะต้องมีระดับเป็นยศขุนนางเป็นอย่างน้อยแน่ ๆ



    "แย่จังเลย ไอ้พวกคนจากกิลด์พิฆาตราชามาปิดท่าเรือแบบนี้พวกเราก็ขึ้นเรือไม่ได้น่ะสิ อีกไม่นานเรือก็จะออกแล้วด้วย" ผู้เล่นคนหนึ่งพูดขึ้น



    "ก็นั่นน่ะสิ เห็นว่าจะแสดงให้เห็นถึงอำนาจของกิลด์ตัวเองเพราะมีคนกล้าไปแหยมกับพวกนี้เมื่อวานไง" ผู้เล่นอีกคนหนึ่งตอบ



    เจนรู้ทันทีว่าพวกมันกำลังประกาศศักดา พยายามวางกำลังเพื่อเอาชื่อเสียงที่โดนเจนทำลายไปกลับคืนมา บางทีมันอาจจะกำลังตามหาเจนด้วยซ้ำในแต่ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนชุดแล้วทำให้ไม่สามารถตามหาด้วยรูปพรรณเดิมได้ และคงไม่มีใครในกลุ่มพวกโจรนั้นจำหน้าพวกเจนได้เพราะเมาไม่ได้สติกันซักคน ส่วนอามีร่าที่เธอสู้ด้วย เจนก็มีความเชื่อมั่นว่าเธอคนนั้นคงจะไม่บอกถึงหน้าตาของเจนไปตรง ๆ อย่างแน่นอน....อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่



    เจนหันหน้ามามองโจและแจ็ค ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่อาจสู้กับผู้เล่นที่มียศสูงกว่าด้วยตัวคนเดียวได้ แต่ถ้าหากแจ็คกับโจที่มีอาชีพระดับสูงมาช่วยล่ะก็อาจจะมีหวัง แต่นั่นคือกรณีที่มีคู่ต่อสู้เพียงคนเดียว ครั้งนี้คู่ต่อสู้มีจำนวนมากกว่า ระดับมากกว่าและยังพร้อมสู้ร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วยทำให้เจนคิดหนัก แต่เธอก็ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเธอได้



    แต่เมืองแห่งนี้ไม่ได้เป็นเหมือนที่สุสานผีดิบที่ไร้เจ้าของ มีแสงปรากฏขึ้นระหว่างเหล่าผู้เล่นและคนจากกิลด์พิฆาตราชา เมื่อแสงจางหายไปก็ปรากฏเป็นชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เขาเป็นชายวัยกลางคน หน้าตาของเขานั้นบอกได้เลยว่าไม่มีการแต่งเติมจากตัวเกมเลยแม้แต่น้อย เจนพอจะเดาได้ว่าเขาเป็นคนไทยจากหน้าตา แต่ชุดที่เขาสวมอยู่นั้นเป็นชุดสูทสีขาวทั้งตัว มีโซ่สีทองห้อยอยู่ระหว่างกระเป๋าเสื้อกับกางเกง เนคไทสีแดงมีตัวหนังสือตัวใหญ่เขียนเอาไว้ว่า GM



    "ทุก ๆ ท่านกรุณาอยู่ในความสงบด้วยครับ" เขาพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบแต่ได้ยินกันทุกคน ผู้เล่นต่างทำตามโดยดีไม่เว้นแม้แต่พวกผู้เล่นจากกิลด์พิฆาตราชาที่แสดงสีหน้าไม่พอใจมาอย่างเด่นชัด



    "ผมคิดว่าทุกคนคงรู้แล้วว่าผมออกมาที่นี่ทำไม... เนื่องจากผู้เล่นจากกิลด์พิฆาตราชาทำการปิดท่าเรือของเมืองซีโป ทำให้เหล่าผู้เล่นและชาวเมืองต้องเดือดร้อนเนื่องจากชาวเมืองไม่อาจทำธุระของตนได้ ผิดกฎข้อที่ห้า ห้ามขัดขวางกิจธุระของชาวเมืองหรือ..-"



    "นี่ไม่ใช่เรื่องของแก ไอ้GM พวกเรามานี่ไม่เกี่ยวกับเอไอพวกนี้ รีบไสหัวไปก่อนจะโดนร้องเรียนว่ามายุ่มย่ามกับผู้เล่นดีกว่า" ผู้เล่นคนหนึ่งจากลุ่มของกิลด์พิฆาตราชาตะโกนขัดGM ดูท่าทางเขาจะเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้ซะด้วย



    GMยังคงยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าของเขานั้นยังเรียบเฉย ดูท่าครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารับมือสถานการณ์แบบนี้ แต่เจนก็ยังมองไม่ออกว่าเขาจะหาทางออกไปได้อย่างไร



    "พวกคุณบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับชาวเมือง แต่สิ่งที่คุณทำนั้นมีผลกระทบต่อชาวเมือง ดังนั้นผมจะขอให้คุณจากไปแต่โดยดี ไม่เช่นนั้นผมคงต้องทำตามกฎและส่งคุณไปยังคุกต่างมิติเพื่อรับการลงโทษเป็นเวลาหกชั่วโมง" GMหนุ่มพูดโดยไม่สนใจเสียงร้องค้านของพวกกิลด์พิฆาตราชาเลยแม้แต่น้อย เหล่าผู้เล่นเองก็เริ่มส่งเสียงคุยกันไปมาพร้อมทั้งรีบเรียกคนในละแวกใกล้เคียงมาดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น



    ตอนนั้นเองเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็บังเกิด ผู้เล่นจากกิลด์พิฆาตราชาคนหนึ่งอดทนไม่ไหวแล้วร่ายเวทใส่GM ลูกไฟระเบิดสีดำพุ่งเข้าหาGMหนุ่มแต่เขาไม่คิดที่จะหลบหรือป้องกันเลยแม้แต่น้อย



    ตูม!!



    เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่วบริเวณ ผู้เล่นที่กำลังมุงอยู่ต่างรีบถอยออกไปเพราะกลัวจะโดนลูกลง เหลือแต่เพียงพวกเจนกับผู้เล่นที่มั่นใจในฝีมือไม่กี่คนยืนอยู่ที่เดิมเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนต่างจับจ้องไปยังจุดที่GMยืนอยู่ เมื่อควันจางหายไปทุกคนก็ถึงกับตะลึงเพราะเขายังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยของอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย พื้นที่รอบๆตัวเขาที่ควรจะเสียหายก็เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น



    'การโจมตีของผู้เล่นไม่มีผลกับ GM!' คำตอบของเหตุการณ์ตรงหน้าผุดขึ้นมาในหัวของเจนทันที คำอธิบายเดียวที่สามารถบอกเล่าถึงสาเหตุของสถานการณ์ตรงหน้าได้ แต่เพราะพลังที่เหนือกว่าผู้เล่นทุกคนเช่นนี้เอง ทำให้GMนั้นไม่สามารถไปยุ่งกับผู้เล่นได้ถ้าหากผู้เล่นไม่ทำผิดกฎ



    "เอาล่ะ ดูเหมือนว่าผู้เล่นของกิลด์พิฆาตราชามีเจตนาจะก่อความวุ่นวายขึ้นในเมือง ถือว่านี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย ขอให้พวกคุณรีบออกจากเมืองไปซะ" GMหนุ่มพูดเสียงเรียบตามเดิม แต่ครั้งนี้เจนจับน้ำเสียงของเขาได้ว่าเอาจริงกว่าทุกครั้ง เมื่อGMประกาศคำขาดมาเช่นนี้ก็ทำให้เหล่าผู้เล่นจากกิลด์พิฆาตราชาทำอะไรไม่ถูก ท่าทางพวกมันคงได้รับคำสั่งมาอีกทีหนึ่ง ถ้าหากทำพลาด พวกมันคงจะโดนลงโทษอย่างแน่นอนแต่ถ้าหากยังลงมือต่อไปก็คงจะโดนGMลงโทษแทน



    "เรื่องนั้นคงไม่จำเป็นหรอกครับ คุณGMประวิทย์ พวกนั้นอยู่ในเมืองของพวกผม ดังนั้นก็ให้พวกผมเป็นคนจัดการเถอะครับ" เสียงฟังคุ้นหูเจนดังขึ้นจากด้านหลังกลุ่มผู้เล่นที่กำลังมุงดูอยู่ พอเหล่าผู้เล่นเห็นว่าเป็นเสียงของใครต่างก็เปิดทางให้โดยดี ทำให้เจนเห็นชุดเกราะสีแดงและดาบยาวดูคุ้นตาและใบหน้าที่ทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งโดยไร้สาเหตุ



    พยัคฆ์แดง จีโอ หนึ่งในสองหัวพยัคฆ์แห่งกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่!!





    จบตอนที่ 14 Money in the bank
    ---------------------------------


    ขอบคุณมากครับที่ชม ผมจะมาลงเรื่อย ๆ นะครับ สำหรับนิยายเรื่องอื่น ๆ ในบอร์ดนั้นผมก็กำลังไล่อ่านอยู่ครับ แต่เป็นเพราะผมต้องแต่งนิยายตอนละสัปดาห์กับช่วงนี้ติดสัมนาที่มหาลัยก็เลยไม่ค่อยว่างอ่ะครับ

  33. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  34. #20
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    ทุกที่ที่มีเธอ
    กระทู้
    361
    กล่าวขอบคุณ
    724
    ได้รับคำขอบคุณ: 342
    พึ่งอ่านไปได้ 4 ตอนครึ่ง ขอบอกว่าหยุดอ่านไม่ได้เลยล่ะครับ เรื่องนี้ รอเวลาว่างอ่านต่อครับ สู้ ๆ นะครับ

  35. #21
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 15 วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

    ตอนที่ 15 วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา



    "คุณจีโอ ถ้าหากคุณจะต้องการจัดการเรื่องนี้เองก็ขอให้รู้เอาไว้ว่า ความเสียหายทั้งหมดทางกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ที่ปกครองเมืองนี้อยู่จะต้องจ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของ...”



    "รู้แล้วน่า ๆ สรุปผมต้องจ่ายทั้งหมด...แล้วก็อย่าลืมกฎข้อแรกใช่มั้ยล่ะ คุณบอกผมตั้งหลายรอบแล้วผมเข้าใจแล้วล่ะ ทีนี้ก็ช่วย..." จีโอบอกแล้วยกมือทำให้บอกให้GMประวิทย์หลบออกไป



    GMหนุ่มที่ถูกพูดแทรกก็ไม่ได้ถือสา และยังยิ้มออกมาครู่หนึ่งก่อนจะตีสีหน้าดังเดิมแล้วก็หายตัวไปราวกับว่าเขาได้ไว้ใจให้จีโอจัดการเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนทางพวกผู้เล่นจากกิลด์พิฆาตราชาที่เห็นจีโอปรากฏตัวออกมาก็ตกอยู่ในสภาพตรึงเครียดมากกว่าตอนเผชิญหน้าGMซะอีก จีโอเห็นว่าGM ไปแล้วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เขาหันมามองพวกคนจากกิลด์พิฆาตราชาเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่เขาจะต้องรับมือคนพวกนี้เพียงลำพัง



    "เอาล่ะพวก ตอนนี้พวกแกคงจะเดาออกใช่มั้ยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น" เขาพูดด้วยท่าทางยโสโอหังและนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เจนไม่ชอบใจนัก ความอวดดีของเขาที่ทำเหมือนกับทุกเรื่องเป็นเรื่องง่าย ๆ "ต่อจากนี้เรื่องที่เกิดขึ้นจะไปได้อยู่สองทาง หนึ่งคือพวกแกถอยกลับออกไปจากเมืองของฉันดี ๆ ทุกอย่างก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเรื่อง ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเจ็บตัว หรือจะเป็นอีกทาง ฉันว่าทางนี้พวกแกทุกคนคงจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ส่วนฉันก็จะได้ออกกำลังนิดหน่อย แต่รับรองว่าไม่ทันที่ฉันจะรู้สึกเหนื่อยหร้อก"



    จีโอยกดาบเล่มใหญ่ด้วยมือเดียวอย่างสบาย ๆ คราวนี้เจนเห็นดาบของเขาได้อย่างชัดเจน มันเป็นดาบใหญ่คมด้านเดียว ส่วนสันดาบเป็นเหล็กสีแดงหุ้มเอาไว้อยู่บางส่วน เช่นเดียวกับที่กั่นดาบและด้ามจับเป็นสีแดงทั้งหมด คมดาบเล่มนี้เป็นเหล็กเลื่อมแดงดูน่าสะพรึง ชุดเกราะของเขาที่เคยหลบอยู่ใต้ผ้าคลุมเมื่อครั้งที่เจนเห็นตอนที่อยู่เกาะเริ่มต้นตอนนี้ไม่ได้หลบซ่อนอีกต่อไป ชุดเกราะสีแดงเพียงแค่อยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรง ผ้าคลุมผืนใหม่ที่ไม่ใช่ผ้าคลุมชุดโทรม ๆ เป็นผ้าคลุมสีดำที่ดูมีอำนาจยิ่งเสริมให้เขาดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น


    "ได้เวลาเลือกแล้วเพื่อน ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะเลือกให้" จีโอพูด ทันใดนั้นแรงกดดันมหาศาลก็พุ่งออกมาจากตัวอย่างรุนแรง เจนที่อยู่ไม่ไกลนักจึงรู้สึกได้ ขนาดเธอที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายยังรู้สึกว่ามันหนักหน่วงมากกว่าที่เธอทำได้เสียอีก ถ้าหากโดนไปตรง ๆ คงทำให้เข่าอ่อนได้อย่างไม่ยากเลย



    ทว่าทางพวกกลุ่มผู้เล่นจากกิลด์พิฆาตราชากลับทำได้ดีกว่าที่เจนคาดเอาไว้ พวกเขาแสดงสีหน้าเครียดออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังคงยืนอยู่ได้ อาวุธในมือพร้อมสู้และพวกนักเวทต่างเริ่มร่ายมนตร์ คนพวกนี้ใจสู้กว่าที่เจนคิด ถ้าหากเป็นเธอคงจะยอมจากไปแต่โดยดีแล้วแต่นั่นมันคงไม่เกิดขึ้นเพราะเจนคงไม่คิดจะทำตัวมีปัญหาในเมืองอย่างที่คนพวกนี้ทำ แต่พอลองคิดอีกทีถ้าหากแค่มีเรื่องกับจีโอล่ะก็คงเป็นไปได้สูงทีเดียว



    ชายหนุ่มในชุดเกราะสีแดงแสยะยิ้มอย่างชอบใจ เขาค่อย ๆ ปลดผ้าคลุมออกอย่างช้า ๆ ทันทีที่ผ้าคลุมสีดำตกถึงพื้นร่างของจีโอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เจนมองไม่ทันด้วยซ้ำว่าเขาหายไปก่อนหรือหลังจากผ้าคลุมตกถึงพื้น แต่เจนรู้ว่าเขาจะไปที่ไหน เมื่อเจนหันไปหาพวกกิลด์พิฆาตราชาก็พบกับจีโออีกครั้ง แต่ผิดจากที่คิดอยู่นิดหน่อย เพราะเขาไม่ได้ลอบโจมตีจากข้างหลัง แต่เป็นการโจมตีตรง ๆ ด้านหน้าเลย



    ตูม!!!



    ชายหนุ่มยกดาบแล้วฟาดลงพื้น ประกายระเบิดเพลิงประทุออกมาจากดาบของจีโอราวกับใช้เวทมนตร์ หัวหน้ากลุ่มและพรรคพวกอีกเกือบสิบคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ตายกลายเป็นแสงในดาบเดียวบ่งบอกให้เห็นถึงพลังที่เหนือล้ำกว่าหลายเท่า ไม่เพียงเท่านั้น จีโอพุ่งตรงไปยังคนที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมตวัดดาบใส่อย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ดาบเล่มยักษ์น่าจะมีน้ำหนักจนไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ง่าย ๆ แต่เขากลับทำได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไวจนตัดร่างของชายหนุ่มคนนั้นขาดเป็นสองท่อน เหล่านักเวทที่ตั้งสติได้ก็รีบโจมตีใส่จีโอทันที เวทนับสิบชนิดต่างพุ่งเข้าใส่ตัวชายหนุ่มยังไม่ปราณี



    ในตอนแรกเจนคิดว่าจีโอคงจะแสดงความแข็งแกร่งของตนที่เวทเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เธอคิดผิดและเด็กหนุ่มก็ทำให้เจนประหลาดใจ เขาก้าวเท้าหลบเวทจำนวนมากด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาเวททั้งหมดพุ่งถล่มตลาดปลาจนเละไปหมด ทว่ามันกลับไม่เฉียดโดนจีโอเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มกลับมายืนอยู่ในจุดเดิมอีกครั้งด้วยท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาส่งยิ้มให้แก่พวกกิลด์พิฆาตราชาที่เหลือซึ่งในตอนนี้พวกเขาต่างหน้าซีดเป็นไก่ต้ม



    สิ่งที่จีโอทำนั้นถึงเจนจะรู้ว่าต้องเป็นผลจากทักษะหรือไม่ก็ค่าสถานะจะระดับที่สูงมาก แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้เช่นนั้น มันต้องเกิดจากการฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วนและประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน อีกหนึ่งจุดที่เจนประเมินจีโอผิดไป เขาไม่ใช่คนที่อวดดี แต่เป็นคนที่มีดีอยู่ล้นตัว



    "เอาล่ะ พวกเรามาพักกันก่อนดีกว่ามั้ย พอดีฉันไม่อยากโดนเทศน์จนหูชากับจ่ายค่าซ่อมแซมเมืองบานตะไท" จีโอว่าแล้วปักดาบลงกับพื้น "เอาเป็นว่าฉันจะให้โอกาสพวกแกให้กลับไปบอกนายของแก และพวกแกต้องฟังให้ชัด ๆ เพราะฉันอยากจะให้แน่ใจว่านายของแกจะไม่เข้าใจผิดไป"


    สีหน้าของจีโอตอนนี้ดูผิดไปจากเดิมราวกับเป็นคนละคน ท่าทางสบาย ๆ หายไปเหลือแต่ชายผู้ที่เป็นที่เคารพของคนนับพัน ชายผู้ที่เป็นผู้นำของกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ ขนาดเจนเองยังลืมอคติที่มีต่อจีโอไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว


    "แกต้องไปเล่าทุกอย่าง..ฉันหมายถึงทุกอย่างจริงๆตั้งแต่เรื่องที่คนของแกโดนผู้เล่นหน้าใหม่เล่นงานที่สุสานนั่น เรื่องที่พวกของแกโดนจัดการยับที่นี่ แล้วบอกด้วยว่าฉันจะรับผิดชอบการกระทำทั้งหมดนั่นเอง ไปพูดให้หัวหน้าของแกฟังอีกว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามคนของกิลด์พิฆาตราชาเข้ามาเหยียบในเมืองที่กิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ปกครองอีก"



    เมื่อพูดจบ ทั้งเหล่าผู้เล่นที่กำลังมุงดูอยู่ก็ส่งเสียงคุยกันอย่างตกใจในสิ่งที่จีโอกล่าวออกมา พวกกิลด์พิฆาตราชาเองก็ดูจะตะลึงไปเช่นเดียวกัน จีโอหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนดาบขึ้นมาจากพื้นและแบกขึ้นหลังก่อนจะพูดในสิ่งที่จะทำให้ทุก ๆ คนแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง



    "อ้อ... ฉันของฝากคำพูดไปบอกคราวลี่ย์ด้วยล่ะกันนะ บอกมันว่า คราวนี้ มันกับฉัน เราจะได้เห็นดีกันแน่...ทุกๆคน ฟังทางนี้!" จีโอหยุดแล้วหันหลังมาพูดกับผู้เล่นคนอื่นที่มุงอยู่ทั่วบริเวณ


    "ขอให้ทุกคนเป็นพยานในสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้ด้วย และส่งต่อข่าวออกไปให้ทั่วทุกดินแดน บอกทุกคนไปว่านับแต่บัดนี้ ผม พยัคฆ์แดง จีโอ แห่งกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ จะขอประกาศสงครามกับกิลด์พิฆาตราชา!!"



    แค่นั้นทุก ๆ คนถึงกับอ้าปากค้างไม่เว้นกระทั่งเพื่อนหนุ่มทั้งสองของเจน ตัวเจนเองก็พอจะรู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่แต่เธอไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าที่เธอคิดแน่ จีโอเลื่อนดาบลงมาข้างตัวแล้วจ้องไปยังกลุ่มของกิลด์พิฆาตราชา พวกมันที่ได้สติต่างก็รีบวิ่งกลับไปที่เรือของพวกตนแล้วออกจากท่าไปในทันที



    เสียงร้องแสดงความยินดีของเหล่าผู้เล่นและชาวเมืองต่างตะโกนก้องไปทั่วบริเวณ แสดงความยินดีที่จีโอสามารถจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้หมดไปได้ แต่ที่น่ายินดียิ่งกว่าคือการประกาศสงครามกับกิลด์พิฆาตราชาที่เป็นชื่อกิลด์ที่ผู้เล่นทุกคนทราบถึงข่าวในทางลบมาตลอด การที่กิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ประกาศสงครามในเมืองที่มีคนหลายร้อยเป็นพยานเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าหัวหน้ากิลด์อย่างจีโอนั้นได้ประกาศเป็นฝั่งตรงข้ามกับกิลด์พิฆาตราชาอย่างเป็นทางการ นี่เป็นสิ่งที่ผู้คนต่างเฝ้ารอมานานแล้ว



    ผู้คนมากมายต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับจีโอกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งเขาก็ต่างยอมให้ทุกคนเข้ามาถึงตัวโดยไม่รู้สึกรังเกียจต่างจากคนที่อยู่ในสถานะสูงหลาย ๆ คน ในชั่วขณะหนึ่งจีโอเหลือบไปเห็นใบหน้าของผู้เล่นคนหนึ่งที่คุ้นตา เหมือนกับว่าเคยพบมาก่อน หน้าตาเหมือนกับเด็กสาวที่เขาเจอมาเมื่อไม่นานมานี้ เพียงแค่ชุดของเธอในตอนนี้กลายเป็นสวมชุดที่ดูคล้ายกับผู้ชาย ครั้นจะตามไปเขาก็ถูกฝูงชนที่ขวางทางจนเคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ เขามองตามไปจนลับสายตาไปทางท่าเรือ





    หลังจากเกิดเรื่องขึ้นพวกเจนก็รีบพากันขึ้นไปบนเรืออย่างรวดเร็วพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่ต่างมีจุดหมายเดียวกัน ทั้งสามตรงไปยังห้องพักในตัวเรือที่ดูหรูหราขึ้นกว่าเรือที่ออกมาจากเกาะเริ่มต้นมาก แน่นอนว่าราคาตั๋วสูงกว่ามากถึง 5000 โกลด์ ความจริงมีเรือที่หรูหรากว่านี้และโจเสนอให้ทุกคนขึ้นไปบนเรือลำนั้นแต่เจนบอกทันทีว่าถ้าหากจะขึ้นเรือลำนั้นก็ซื้อแยกไปเองทำให้โจจำต้องซื้อตั๋วเรือราคาปกติเช่นเดียวกับเพื่อนของเขา



    ภายในห้องเป็นเตียงสี่เตียงตั้งอยู่คนละมุม และมีโต๊ะอยู่อีกหนึ่งตัวเอาไว้เขียนหนังสือหรือเขียนจดหมาย เจนจองเตียงของตัวเองและนำของที่ซื้อมาไปวางเอาไว้บนโต๊ะแล้วกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างหมดแรง



    "ให้ตายสิ ขอวันธรรมดา ๆ ซักวันไม่ได้หรือยังไงกัน ตั้งแต่เข้ามาในเกมนี้ก็มีแต่เรื่องตลอดเลย" เจนว่า



    "นี่เธอเข้ามาเล่นเกมนะ ถ้าอยากจะพักก็ออกไปนอนนอกเกมสิ" โจบอก เขานอนเหยียดขาลงบนเตียงอย่างสบายใจ ถึงจะไม่ได้เป็นเตียงระดับดีเยี่ยมแต่ก็ให้ความรู้สึกสบายไม่ต่างกันนักเมื่อเขารู้สึกเหนื่อยเช่นนี้



    "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมอนั่นจะเก่งสุดยอดขนาดนี้ คิดว่าเป็นแค่ไอ้ตัวอวดเก่งคนหนึ่งซะอีก"



    "นี่เธอหมายถึงใคร จีโองั้นหรือ?" แจ็คถาม



    "ใช่ ฉันเคยเจอหมอนั่นเมื่อตอนที่อยู่ไทริส ตอนที่พวกนายทิ้งฉันกับคิทซึเนะเอาไว้นอกเมืองไง" เจนไม่บอกความจริงทั้งหมด นั่นเป็นเพราะเธอไม่ยอมรับว่าจีโอช่วยเธอเอาไว้จากพวกโจรของกิลด์พิฆาตราชา



    "นี่เธอเคยเจอกับจีโองั้นหรือเนี่ย! ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เคยเล่าให้ฟังกันบ้าง" แจ็คถามด้วยน้ำเสียงตกใจ



    "ฉันเคยเล่าให้พวกนายฟังแล้ว ที่โรงแรมนั่นหลังจากที่คิดบัญชีกับพวกนายตอนเช้านั่นไง"



    "เธอเล่าบอกว่าเจอโจรดักปล้น แต่ไม่ได้บอกว่าเจอหัวหน้ากิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ซักหน่อย"



    "มันเป็นเรื่องของฉัน จะเล่าหรือไม่เล่าให้นายฟังมันก็ไม่เกี่ยวซักหน่อย" เจนว่าแล้วหันไปค้อนใส่จนแจ็คต้องยอมแพ้ไป



    "แต่ก็นึกไม่ถึงเลยนะว่าจู่ ๆ จีโอจะประกาศสงครามกับกิลด์พิฆาตราชาแบบนี้" โจพูดขึ้น



    "ฉันเองก็กำลังสงสัยอยู่พอดี พี่เสือเคยเล่าว่ากิลด์พิฆาตราชามีข่าวเน่าขนาดนั้น เป็นกิลด์อันดับสี่แต่กิลด์อันดับสองเพิ่งมาประกาศสงครามตอนนี้เนี่ยนะ ถ้าให้ฉันเป็นหมอนั่นล่ะก็คงจะเปิดฉากลุยตั้งนานแล้ว" เจนพูด ปฏิเสธที่จะเอ่ยชื่อของจีโอ



    "ก็...ทำไปนานแล้วล่ะ"



    "หะ?" เจนหันไปมองหน้าโจไม่กระพริบ "เมื่อกี้นายพูดว่ายังไงนะ"



    "นี่ไม่ใช่การประกาศสงครามครั้งแรกต่อกิลด์พิฆาตราชาหรอกนะ อย่างกิลด์วิหคเทเวศที่เป็นกิลด์อันดับสาม แถมสมาชิกหญิงล้วนด้วย ฝีมือก็สุดยอดระดับพระกาฬแต่ก็ยังโค่นกิลด์พิฆาตราชาไม่ได้ หรือจะเป็นหย่งฟาง หัวหน้ากิลด์อีกคนของกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ก็เคยประกาศสงครามกวาดล้างเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องเจรจาสงบศึกในที่สุดและยอมจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามเป็นเมืองที่เคยปกครองอยู่หลายเมืองและเงินหลายล้านโกลด์" โจพูดจนเจนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ถ้าหากคนที่ชื่อหย่งฟางนั้นเป็นคนระดับเดียวกับจีโอล่ะก็ ฝีมือก็คงจะไม่ต่างอะไรมาก แต่ก็ยังไม่สามารถสู้กิลด์พิฆาตราชาได้



    "ส่วนกิลด์อันดับหนึ่ง กิลด์หกราชันย์ ฟังชื่อก็คงจะรู้นะว่ากิลด์นี้มีผู้นำกันกี่คน" คงเดาไม่ยาก เจนคิด "หัวหน้ากิลด์สามคนเคยยกทัพไปจัดการเมืองที่ตั้งหลักของกิลด์พิฆาตราชาถึงทวีปยูโรปา แต่ก็ล้มเหลวกลับมา หลังจากนั้นชื่อเสียงของกิลด์พิฆาตราชาก็โด่งดังขึ้นในฐานะเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งมาก และก็ไม่มีกิลด์ไหนเคยประกาศสงครามกับกิลด์นี้อีกเลย แต่เคยมีคนคุยกันในกระดานข่าวว่า ถ้าหากหนึ่งในสามกิลด์นี้ประกาศศึกอีกครั้งล่ะก็ มันจะต้องเป็นศึกใหญ่ที่ตัดสินชะตาทั้งสามทวีปเลยล่ะ"



    ในตอนแรกนั้นเจนคิดว่านี่เป็นแค่เกม เล่นกันสนุก ๆ แต่พอหลังจากได้สัมผัสก็รู้สึกได้ถึงความสมจริงจนแยกไม่ออกจากโลกภายนอกเลยทีเดียว พอมาได้ยินของกิลด์ที่โจเล่าให้ฟังก็ทำให้เจนได้คิดว่านี่ไม่ใช่แค่กลุ่มคนร้อยหรือสองร้อยคนเท่านั้น แต่เป็นการทำสงครามกันจริงด้วยด้วยอาวุธและเวทมนตร์กับคนจำนวนนับล้าน เพราะฉะนั้น จีโอที่เป็นหนึ่งในสองหัวหน้ากิลด์ระดับโลกก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ไม่ได้เก่งแค่ปากอย่างที่เธอคิด ต้องเป็นคนที่เก่งจริง ๆ และมีพรสวรรค์รวมทั้งความพยายามอย่างสูงถึงจะมาอยู่ในจุดนั้นได้



    "ขอบอกตามตรงเลยนะ เจน ฉันว่าเรื่องที่เกิดมาทั้งหมดที่เมืองซีโปนั่น ตามที่ฉันคิดนะ สาเหตุทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะเพียงคน ๆ เดียว" คราวนี้แจ็คพูดขึ้นบ้าง เจนหันไปหาแต่ไม่ได้เอ่ยปากอะไร ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงพูดต่อโดยจ้องไปที่หญิงสาวเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง



    "คน ๆ นั้นที่สู้กับอำนาจที่ไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย คน ๆ นั้นที่หัวหน้ากิลด์ใหญ่อย่างจีโอถึงกับออกตัวประกาศปกป้องไปทั่วโลก คน ๆ นั้นจะต้องเป็นที่จับตามอง ไม่ว่าจะเป็นคนจากกิลด์ดีหรือเลว หรือแม้กระทั่งผู้เล่นยอดฝีมือไร้สังกัด....และคน ๆ นั้นคือเธอ"







    หลังจากผ่านไปสองวันก็ถึงเวลาต้องออฟไลน์ ตลอดเวลาที่เจนอยู่เป็นเพื่อนคิทซึเนะก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปด้วย อาจจะจริงที่แจ็คว่า เธอเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้สงครามนั้นบังเกิดขึ้น ถึงโจจะบอกว่าเธอไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรก็ตาม แต่เธอควรจะรับผิดชอบหรือเปล่า หรือว่าเธอควรจะไปเข้ากิลด์ราชาพยัคฆ์คู่หรือไม่...



    ไม่มีวัน! เธอเข้ามาเล่นเกมนี้เพื่อต้องการจะสนุกกับพวกโจ ไม่ได้จะมายุ่งวุ่นวายเช่นนี้ สงครามจะเกิดก็เกิดไป ถ้าหากมันยังไม่เกี่ยวกับตัวของเธอหรือทำความเดือดร้อนให้กับเพื่อน ๆ ของเธอ เจนก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด ถึงอย่างนั้นเจนก็เห็นใบหน้าของอามีร่าลอยขึ้นมาในความคิด ถ้าเธออยากจะช่วยเด็กคนนั้น บางทีการเข้าร่วมสงครามอาจจะดีกว่าก็ได้



    เจนลูบหัวคิทซึเนะอย่างอ่อนโยนแล้วบอกให้อยู่ในห้องนี้ดี ๆ อีกหกวันจะกลับมา เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างมั่นเหมาะแล้วเจนก็ทำการออฟไลน์ไป ถึงเธอจะเป็นห่วงคิทซึเนะอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังจำต้องทำการออฟไลน์ไปอยู่ดี



    เธอลืมตาตื่นขึ้นมามองเห็นเพดานสีชมพูอ่อนของห้องนอนตัวเอง เจนหันไปมองนาฬิกาที่แหวนอยู่บนผนังบอกเวลาเกือบจะหกโมงเช้าแล้วซึ่งเป็นไปตามที่เจนคาดเพราะเธอออฟไลน์ออกมาก่อนกำหนดเล็กน้อย แต่เธอก็รู้สึกสดชื่นเหมือนปกติ ในระหว่างที่เจนอาบน้ำเธอได้ยินเสียงของจริยาเรียกและบอกว่าพวกโจมาหา เธอจำได้ทันทีว่าพวกเขามาทำไมและนั่นทำให้เธอเริ่มปวดหัวขึ้นมาทันที เมื่อเธอมาถึงห้องกินข้าวก็พบโจและแจ็คนั่งกินรออยู่แล้ว ส่วนจริยานั้นก็กำลังยกจานส่วนของเจนและส่งให้เธอ



    "นี่จ๊ะเจน กินเยอะ ๆ เลยนะ วันนี้ต้องออกแรงเยอะใช่มั้ยจ๊ะ" จริยาพูด ท่าทางไอ้ตัวแสบทั้งสองจะบอกแม่เธอทุกอย่างแล้ว แต่ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วจริยาก็คงจะรู้อยู่ดี



    อาหารเช้าในวันนี้เป็นไข่กวนกับเบค่อนโดยมีขนมปังจานใหญ่ให้ทุกคนหยิบอยู่กลางโต๊ะ อาหารทานง่ายแต่ให้พลังงานไม่มาก จริยาจึงทำไข่กวนเยอะมากเป็นพิเศษซึ่งให้พลังงานสูงที่สุดในอาหารมื้อนี้ หลังจากทานเสร็จแล้วจริยาก็ไปแต่งตัวพร้อมกับออกไปที่สวนสาธารณะพร้อมกับพวกเจน



    "นี่พวกนายขนอะไรมาเยอะแยะเนี่ย" เจนถามเมื่อเธอเห็นโจแบกกระเป๋าสะพายมา แจ็คเองก็ลากกระเป๋าเหล็กสีเทาใบใหญ่ตามมาเช่นกัน



    "ก็ถ้าลำโพงไม่ใหญ่เพลงก็ไม่ดังน่ะสิ ถ้าจะเต้นมันต้องมีเพลงดัง ๆ จริงมั้ย"



    "แล้วเพลงจะดังได้ก็ต้องมีลำโพงใหญ่ ๆ จริงมั้ย โจ" แจ็คพูดและยกมือของตนไปตีกับเพื่อนดังฉาดใหญ่อย่างชอบใจ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจนดีใจด้วยเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นึกได้แต่ด่าทอตัวเองที่ไปยุเพื่อนในเกม ความจริงเธอไม่น่าจะคิดทำเช่นนี้แต่แรกเลยด้วยซ้ำ



    เมื่อหลายเดือนก่อนทั้งสามคนได้เข้าร่วมแข่งขันในเกมเต้นทัวร์นาเมนท์ ซึ่งตอนนั้นพวกเธอเพียงแต่เต้นผ่านเครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวของเครื่องเล่นเกมที่ต่อกับจอโทรทัศน์ แต่น่าทึ่งที่ทั้งสามสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ ถึงจะไม่ได้รางวัลชนะเลิศแต่ก็ถือได้ว่าทำได้ดีเพราะการแข่งขันที่พวกเจนลงแข่งนั้นเป็นการแข่งเกมเต้นระดับโลกเลยทีเดียว แต่ก็ยังเป็นสังคมเล็กที่มีคนอยู่ไม่กี่ล้านคนเท่านั้นที่เล่นเกมนี้



    จนผ่านการแข่งขันมาแล้ว ทั้งสามยังคงมีอารมณ์ที่จะเต้นอยู่และคิดกันว่าจะไปเต้นกันนอกเกมเลยทีเดียว พวกเธอถึงกับตัดต่อเพลงเต้นสนุก ๆ มัน ๆ หลายเพลงและหาท่าเต้นมาเพื่อเพลงนี้โดยเฉพาะ แต่ว่านั่นก็มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วเพราะโจและแจ็คหันไปทำงานพิเศษเพื่อซื้อเฮดก็อกเกิ่ล ในเมื่อเพื่อน ๆ ไม่ได้สนใจเรื่องเต้นแล้วเจนเองก็ไม่ได้ฝึกต่อเช่นกัน ทำให้โครงการนี้ของทั้งสามคนถูกลืมไปแต่ท่าเต้นที่ฝึกกันมาก็จำได้อยู่ติดหัวไปแล้ว



    เมื่อมาถึงสวนสาธารณะ เจนและจริยานั้นก็ไปรำไทเก๊กตามปกติ ปล่อยให้โจและแจ็คกันการเตรียมเครื่องเสียงอยู่ใกล้ ๆ เพราะพวกเขาจะใช้ลานนี้ต่อเนื่องจากที่นี่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนกันสวนสาธารณะดัง ๆ ของกรุงเทพ เป็นเพียงแค่สวนสาธารณะหมู่บ้านที่เอาไว้ให้ชาวบ้านมาออกกำลังกาย พักผ่อนหรือรวมตัวกันในงานหรือนอกเทศกาลเท่านั้น จึงมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมเพียงแค่ลานเดียว



    ในระหว่างที่รำ เจนนั้นไม่ค่อยมีสมาธิซักเท่าไหร่จนอาจารย์ศักดิ์ต้องทักอยู่บ่อยครั้ง เพราะยิ่งเวลาผ่านไปก็ใกล้ได้เวลาที่เธอต้องเต้นต่อหน้าคนมากมาย ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอคิดทำอย่างนี้ได้ยังไง แถมพวกโจนั้นไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงขุดเรื่องนี้มาอีกครั้ง ไม่รู้สึกอายบ้างหรือไง แต่อย่างนั้นพอรำไทเก๊กเสร็จแล้วเวลาก็จะเลยไปช่วงสาย เจนคิดเอาไว้ว่าถึงตอนนั้นคนก็น่าจะน้อยลงแล้ว



    ทว่าเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นไปตามที่เจนคาด วันนี้เป็นวันเสาร์ทำให้คนมาที่สวนสาธารณะมากมาย แล้วเมื่อเห็นพวกโจกำลังตั้งลำโพงอยู่ จึงพากันรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มแม่ๆและอาจารย์ศักดิ์ที่รอดูอยู่เช่นเดียวกัน



    "นี่ พวกนายแน่ใจนะว่าจะทำกันแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพวกนายลืมไปแล้วหรือว่าเต้นกันยังไง" เจนพูดกับเพื่อนของเธอ พยายามตะล่อมให้ทั้งสองถอนตัวให้ได้



    "สบายมาก พวกเราจำได้ทุกท่านั้นล่ะ ถ้าเธอลืม พอเปิดเพลงแล้วเดี๋ยวเธอก็จำได้เองนั้นแหละ" โจพูดแล้วเสียบสายไฟเข้ากับปลั๊ก ในขณะที่โจกำลังยกลำโพงเข้าประจำที่



    พอทั้งสองเช็คเครื่องเสียงเรียบร้อยแล้ว โจก็เปิดกระเป๋าของตนขึ้นมาแล้วเรียกเจนเข้าไปหา เขาส่งถุงพลาสติกสีขาวให้และชี้ไปยังห้องน้ำใกล้ ๆ แต่เมื่อเจนก้มลงดูว่าอะไรอยู่ในถุงก็ต้องส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน



    "นี่นายจะบ้าหรือ เต้นให้คนอื่นดูแบบนี้ก็น่าอายอยู่แล้ว ยังจะให้ใส่ของแบบนี้อีกงั้นหรือ ไม่มีทางซะหรอก" เจนพูด เพราะที่อยู่ในถุงคือชุดที่เจนไม่มีวันจะใส่อย่างแน่นอน



    "ชุดนี้ฉันไม่ได้เป็นคนเตรียมนะ ถึงบอกให้เธอรู้เธอก็ไม่มีทางหาชุดมาใส่แน่อยู่แล้ว พวกเราก็เลยเตรียมแค่ของตัวเองมาเท่านั้นเอง ส่วนคนที่เตรียมชุดนี้ให้เธอยืนโบกมืออยู่โน้น" โจพูดแล้วชี้ไปทางกลุ่มคนด้านหลัง เจนหันไปดูและเห็นแม่ของเธอกำลังยืนโบกมือให้พร้อมกับส่งยิ้มกว้าง ตอนนี้เธอพอจะรู้แล้วว่าชุดนี้มาจากไหน



    เจนเดินตามสองหนุ่มไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ถึงเธอไม่ยากจะใส่แต่ถ้าปฏิเสธล่ะก็เธออาจจะมีปัญหาที่บ้านแน่ การทำให้จริยาโกรธอยู่ในรายการห้ามทำในกฎในบ้านของเจน ถึงเวลาจริยาโกรธจะไม่ได้ทำลายข้าวของหรือตะโกนโหวกเหวกเสียงดังลั่นบ้าน แต่เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้นมาก จริยาเป็นคนประเภทที่โกรธ 'เงียบแต่น่ากลัว'



    เจนหลับหูหลับตาสวมชุดที่จริยาให้มาให้เสร็จไป เพียงแค่อยู่ในชุดนี้ก็ทำให้เธออายจนไม่กล้าออกไปจากห้องน้ำ ขนาดมองตัวเองให้กระจกก็ยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ เจนได้ยินเสียงของโจเรียกเธอจากหน้าห้องน้ำหญิง เธอรู้ว่าต่อให้รอนานแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องออกไปอยู่ดี ดังนั้นเจนจึงสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อทำใจแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ



    โจและแจ็คที่กำลังรอเพื่อนสาวอยู่ ทั้งสองตอนนี้อยู่ในชุดเดียวกัน เป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คขายาวกับแจ็คเก็ตแขนยาว ที่ต่างกันก็แค่สีของเสื้อผ้าโดยโจใส่เสื้อเชิ้ตสีแดงและกางเกงสีดำพร้อมทั้งเสื้อแจ็คเก็ตคลุมสีแดงและดำ ส่วนแจ็คเป็นเสื้อเชิ้ตสีเขียวเท่านั้น



    ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงต้องรอเวลาอีกซักพักเพราะทั้งคู่เห็นชุดที่จริยาจะให้เจนใส่แล้วคงอีกนานแน่กว่าเจนจะออกมา แต่เมื่อเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกก็ทำให้ทั้งคู่แปลกใจไม่น้อยกับตัวเจนในตอนนี้



    "ม...มัวแต่มองอะไรอยู่เล่า รีบๆทำแล้วรีบกลับบ้านเถอะ" สาวน้อยพูดเสียงสูงเพราะรู้สึกเขินอาย เธอกำลังสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวโดยมีเสื้อคลุมกะลาสีแขนกุดสีน้ำเงินพร้อมกับโบกระต่ายสีชมพูที่ปกเสื้อดูน่ารักมาก เธอสวมกระโปรงสั้นสีชมพูเปิดเผยให้เห็นขาวเรียวสวยที่ถุงน่องสีดำปิดอยู่แต่ยังมีพื้นที่สีขาวเล็ก ๆ ระหว่างกระโปรงกับถุงน่องที่ดึงสายตาของสองหนุ่มจนไม่สามารถละสายตาไปได้



    เมื่อเห็นว่าคำพูดของตัวเองไม่สามารถเรียกสติของเพื่อนทั้งสองให้กลับมา เธอจึงยกเท้าที่สวมรองเท้าผ้าใบสีดำเตะเท่าที่กระโปรงจะเอื้อความสูงให้ได้และรีบผลักทั้งคู่ไปยังลานที่เธอรำไทเก๊กซึ่งตอนนี้กำลังจะกลายเป็นฟลอร์เต้นรำของพวกเธอ



    เมื่อไปถึงลานที่ตอนนี้ลำโพงสองตู้ตั้งหันออกไปทางผู้ชมจำนวนมาก ในขณะที่เธอเดินเข้ามายืนอยู่กลางลานแห่งนั้นเธอได้ยินเสียงของคนคุยซุบซิบซึ่งเจนพอจะเดาได้ว่าคงจะพูดถึงเธอและชุดที่กำลังใส่อยู่ ใบหน้าของเจนตอนนี้แดงก่ำเป็นมะเขือเทศเพราะความอาย ไอ้ขาที่กะจะก้าวเท้าหนีก็ดันก้าวไม่ออกเพราะในใจไม่อยากจะยอมแพ้แต่ความอายของเธอนั้นกำลังพุ่งขึ้นมาอย่างสูสีกันเลยทีเดียว



    ในตอนนั้นเองที่แจ็คและโจดึงหัวเธอให้หันมาด้านหลังพร้อมทั้งกอดคอกันเป็นวงกลมเหมือนกับกำลังสุมหัวประชุมกัน



    "เอาล่ะ ฟังนะ แค่ทำตามที่เคยซ้อมมาก็พอ ถึงจะพลาดก็ช่าง แค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ" โจพูดให้กำลังใจ



    "ต..แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าเริ่มยังไง มันทั้งอายทั้งตื่นเต้นจนคิดไม่ออกแล้ว" เจนพูดตามความจริง น้ำเสียงสั่นเพราะตื่นเต้น เสียงหัวใจของเธอเต้นดังจนเพื่อนทั้งสองคนจะได้ยินอยู่แล้ว



    "ไม่เป็นไรน่า ก็อย่างที่โจพูดไง เต้นไปตามเพลงแล้วที่พวกเราฝึกมามันก็จะผุดขึ้นมาในหัวเอง จำความรู้สึกตอนนั้นของพวกเราให้ได้สิ เอาล่ะ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยออกมาช้าๆนะ" แจ็คบอก เจนทำตามคำแนะนำ หัวใจของเธอค่อยๆเต้นช้าลงถึงแม้จะไม่ได้กลับมาเป็นปกติ แต่เธอก็ใจเย็นลงมาก แต่แล้วเธอก็เห็นกล้องจากกลุ่มคุณแม่ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ทำให้ใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง



    "แย่ล่ะ มีกล้องด้วย มีกล้องด้วย มีกล้องด้วย งานนี้แย่แน่ แย่แน่ แย่แน่ แถมฉันแต่งตัวแบบนี้อีก ทุกคนต้องหัวเราะเยาะแน่..-"



    "ใจเย็นน่า เจน สูดหายใจ หายใจ" แจ็ครีบหยุดพร้อมเขย่าตัวของเพื่อนสาวให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติอีกครั้ง



    "ไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอหรอก เชื่อฉันสิ ตอนนี้เธอดูน่า....ดูดีจะตายไป" โจพูด เขาเว้นช่วงไปหน่อยหนึ่งเพื่อเปลี่ยนคำแต่ตอนนี้เจนไม่ทันคิดเรื่องนั้นแล้ว



    "จริงหรือ..."



    "จริงสิ ถ้าไม่เชื่อพวกเราก็ลองหันไปดูเองสิ" คราวนี้แจ็คเป็นคนพูด



    เจนทำตามที่เพื่อนหนุ่มบอกและหันไปดู ตอนที่พื้นที่โดยรอบถูกคนในหมู่บ้านจับจองเพื่อรอดูพวกเจนว่าจะทำอะไร หลายคนที่มีกล้องติดมือมาด้วยหรือจะเป็นกล้องมือถือกำลังเตรียมถ่ายภาพ ไม่มีใครเลยที่กำลังหัวเราะเยาะ มีแต่สายตาอยากรู้อยากเห็นกับสายตาที่คาดหวังในตัวเธออีกหนึ่งคู่จากแม่ที่แสนดีของเธอ



    ในตอนนี้เจนรู้สึกสงบลงอย่างน่าประหลาด เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหันกลับมาหาพวกโจอีกครั้ง



    "เอาล่ะ ฉันรู้ว่าพวกเราไม่ได้พร้อมเหมือนเมื่อก่อน นี่แค่ทำตามที่เธอพูดในเกมเฉย ๆ แต่พวกเราต่างจำความรู้สึกในตอนที่ผ่านเข้ารอบชิงได้ใช่มั้ย" ชายหนุ่มในเสื้อสีแดงพูด เจนบอกได้เลยว่าตอนนี้เขาก็ตื่นเต้นเช่นกัน



    "ใช่เลย ตอนนั้นเราดิ้นกันสุด ๆ เปิดเพลงดังลั่นบ้าน ไม่สนใจว่าใครจะว่ายังไงแค่ขอได้เต้นก็พอ" แจ็คพูดและนึกย้อนกลับไป ในตอนนี้ความรู้สึกที่ว่านั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง



    "ถ้าพลาดก็ทำเหมือนตอนแข่ง ไม่ต้องสนใจเต้นต่อไป เข้าใจนะ แล้วเธอล่ะเจน พร้อมหรือยัง" เพื่อนหนุ่มหันไปถาม คราวนี้เด็กสาวยิ้มให้เป็นคำตอบ



    "จะพูดอีกนานมั้ย เสียเวลา" เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยก็ทำให้เพื่อน ๆ ทั้งสองคนยิ้มออกมา มือของโจและแจ็คที่จับไหล่เจนบีบแน่น เธอเองก็ทำเช่นเดียวกัน



    "จำเอาไว้ พวกเราทำได้!"



    "โอ้!!" ทั้งสามตะโกนปลุกกำลังใจตัวเองแล้วขยับเข้าไปยืนประจำที่ตัวเอง



    ตอนนี้เจนยืนอยู่ตรงกลาง ส่วนแจ็คยืนขนาบข้าง โจนั้นจะมายืนอีกข้างของเจนแต่เขาต้องทำหน้าที่ผู้ประกาศชื่อซะก่อน เขาจึงต้องมายืนอยู่ข้างหน้าเธอ



    "สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน! ผมนั้นได้รับเกียรติจากทุกๆท่านที่จะมานำเสนอความบันเทิงแก่ทุกๆท่านในวันนี้!" โจพูดด้วยเสียงที่ดังกังวาน ถึงน้ำเสียงจะสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นแต่ก็ยังฟังดูมั่นใจ "นักเต้นทรีโอ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล! ที่สุดแห่งยุค! ที่สุดของจักรวาล!! ขอให้ทุกท่านปรบมือต้อนรับ ทริ้ปเปิ้ล เจ!!"



    เสียงปรบมือและผู้คนส่งเสียงร้องดังไปทั่วสวน โจกดปุ่มเล่นเครื่องเสียงแล้วรีบวิ่งกลับมาประจำที่ของตน



    เสียงเพลงเริ่มดังขึ้น จังหวะเริ่มจากช้า ๆ และเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มเนื้อร้อง เพลงนี้เป็นเพลงที่ส่วนใหญ่จะเปิดในงานปาร์ตี้ จังหวะสนุกสนานที่แค่ฟังก็รู้สึกสนุกตาม ท่าเต้นของพวกเจนนั้นไม่ได้เป็นท่าที่ดูโลดโผนหรือดูเหมือนนักเต้นเลยแม้แต่น้อย เป็นเพียงแค่ท่าที่โบกมือไปมาหรือขยับขาซ้ำ ๆ กันเกือบทั้งเพลง เพราะพวกเธอเอาท่านี้มาจากเกมที่เล่นเช่นเดียวกับเพลงที่นำมาเต้นนี้ พวกเธอสามคนไม่ใช่นักเต้นอาชีพจึงยากที่จะคิดท่าเต้นขึ้นมาเองได้



    แต่ถึงอย่างนั้นท่าเต้นของพวกเจนก็เรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังจนไม่ขาดสาย เมื่อขึ้นเพลงที่สองก็ยิ่งมีท่าทางที่เรียกเสียงหัวเราะได้ยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะโยกตัวไปมาเหมือนเก้าอี้โยก หันตัวไปด้านข้างพร้อมกับยกแขนชี้ฟ้า หรือเมื่อขึ้นเพลงที่สามซึ่งเป็นเพลงที่ผู้หญิงร้อง ทำให้ท่าที่เต้นเป็นท่าของผู้หญิงแต่โจและแจ็คยังคงเต้นตาม เรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่ ในขณะที่เจนเต้นแต่ทำให้หนุ่ม ๆ หลิ่วตามองจนไม่กล้าละสายตา



    เพลงต่อไปถูกนำมาเล่นเรื่อยๆ ท่าต่างๆที่ทั้งสามเต้นก็ยิ่งดูตลกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบางเพลงที่มีเว้นช่วงยาวก็เปิดโอกาสให้ทั้งสามเต้นอิสระตามใจชอบซึ่งจุดนี้เรียกเสียงตะโกนชอบใจจากทุกคนดังกระหึ่มอย่างท่าที่ทั้งสามคนมายืนซ้ำกันแล้วโยกแขนไปมาจนดูเหมือนมีหกแขน ในตอนนี้เจนไม่สนอีกแล้วว่าผู้คนจะมองพวกเธอยังไงอีกต่อไป เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้อีก สายตานับสิบคู่ที่มองมาทางเธอทำให้ตัวเจนรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น หัวใจเต้นรัวราวกับว่าจะหลุดออกมาจากอก แต่คราวนี้ไม่เหมือนก่อน แทนที่เจนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่กลับกลายเป็นว่าทุก ๆ คนกลับเป็นแรงผลักดันให้เธอเต้นต่อไปอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย



    กว่าสิบนาทีที่ทั้งสามเต้นท่าเดิมๆ แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย เมื่อจบเพลงเสียงปรบมือดังอย่างไม่ขาดสาย จำนวนคนที่ดูเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้กว่าสองเท่าแต่เจนกลับรู้สึกดีใจมากที่มีคนมาดูเยอะขนาดนี้ ในตอนแรกมันเป็นคนความคิดคึกคะนองของเด็กสามคนที่อยากจะแสดงในสิ่งที่พวกตนชอบให้คนอื่นได้เห็น ถึงจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่คนทั่วไปจะมองว่าไร้สาระหรือเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่การลงมือทำต่างหากที่เป็นเรื่องยาก และผลลัพธ์ของมันนั้นก็คุ้มค่านัก นั่นก็คือความภาคภูมิใจนั่นเอง



    เวลาล่วงเลยจนมาถึงเกือบจะเที่ยงวัน จริยาให้รางวัลกับเจนโดยให้เงินไปทานข้าวเที่ยงนอกบ้าน โดยเธอจะขนลำโพงกลับไปที่บ้านเอง ในตอนแรกเจนจะปฏิเสธเพราะไม่อยากให้แม่ของเธอยกของหนักกลับบ้าน แต่อาจารย์ศักดิ์อาสาไปส่งที่บ้านให้จึงทำให้เจนวางใจและไปกับพวกโจ ซึ่งทั้งสามเดินไปที่ร้านอาหารที่ไม่ไกลมากนัก ในเวลานี้ทั้งสามกลับมาสวมชุดลำลองปกติแล้วแต่ว่าชื่อของพวกเธอ...โดยเฉพาะเจน ต่างรู้ถึงหูทุกคนในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ขนาดที่คุณป้าเจ้าของร้านอาหารที่พวกเธอไปทานข้าวเที่ยงยังเอ่ยปากชมว่าเจนเต้นเก่งมาก แถมยังเอ่ยชมว่าชุดที่ใส่ตอนนั้นน่ารักอีกด้วย



    น่าแปลกที่ตอนเวลาเต้นอยู่บนลานนั้น เจนกลับไม่มีความรู้สึกอายโดยแม้แต่น้อย แต่พอมาถึงตอนนี้เธอกลับแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองทำอย่างนั้นลงไปได้จริง ๆ เจนพยายามลืมๆมันไปซะแล้วรีบทานข้าวมื้อนี้ให้เสร็จไป



    หลังจากทานเสร็จพวกเจนก็ไปจ่ายเงินโดยป้าเจ้าของร้านลดราคาให้เป็นพิเศษ ทั้งสามเดินออกมาจากร้านแล้วตรงไปที่บ้านของเจนทันที โดยเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุด แต่ว่าเมื่อพอเดินเข้าไปในตรอกเปลี่ยวซึ่งเป็นทางลัดยาวตรงไปยังบ้านของเจนซึ่งปกติใช้อยู่ทุกวัน แต่ในวันนี้กลับมีคนยืนรออยู่เป็นจำนวนมาก ละหน้าตาของคนเหล่านั้นก็ดูคุ้นหน้าคุ้นตาเจนไม่น้อย



    ตรงหน้าของพวกเจนเวลานี้คือพวกนักเลงที่ดักปล้นพวกเจนเมื่อหลายวันก่อน และยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายของเจนกลายเป็นผู้หญิงอีกด้วย แน่นอนว่านี่เป็นเหตุผลที่เจนคิดไปเองคนเดียว ใบหน้าของหัวหน้ากลุ่มของนักเลงตอนนี้ยังคงบวมเป็นสีม่วงจากหมัดของเจน ที่คางยังคงมีพลาสเตอร์สีขาวแปะเอาไว้และยังคงมีเฝือกคอสวมอยู่ด้วย ท่าทางยังคงเจ็บหนักแต่สามารถออกมาเดินปร๋อได้แบบนี้คงจะไม่เป็นอะไรแล้ว เจนคิดในใจไม่ได้พูดออกมา



    "เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย! ดูซิว่าใครมา!" หัวหน้านักเลงคนนั้นพูด เขาเดินเอียงเพราะยังบาดเจ็บบริเวณลำตัวอยู่



    "เพราะพวกแกไปเต้นเปิดเพลงเสียงดังอยู่ที่สวยสาธารณะ วันนี้หน้าหมู่บ้านก็เลยไม่มีใครเฝ้า พวกเราจะได้มาจัดการคิดบัญชีแค้นซักที"



    เจนยืนเงียบหันไปมองเพื่อนสองคนอย่างรู้ใจ เพื่อนหนุ่มก้าวถอยหลังไปแต่ยังคงอยู่ไม่ห่างนักเพราะเป็นห่วงเพื่อนที่กลายเป็นผู้หญิงไปแล้วถึงจะจิตใจยังคงห้าวเป็นผู้ชายอยู่ก็ตาม



    "รีบ ๆ เข้ามาซักที มัวแต่พูดเสียเวลา" เด็กสาวพูดแล้วก้าวเท้าเดินออกไปทันที



    เธอจ้องตรงไปยังกลุ่มนักเลงที่ตอนนี้พยายามล้อมเจนเอาไว้ แต่พอเจอเข้ากับสายตาพิฆาตที่แผ่จิตคุกคามมาจนไม่มีใครกล้าเดินเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้เจนก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายรับอยู่อย่างแน่นอน เธอพุ่งตรงเข้าไปยังนักเลงที่อยู่ใกล้ที่สุดและชกเข้าไปที่หน้าเต็ม ๆ จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าหาคนต่อไปโดยไม่รอดูผลงาน เธอพุ่งเข้าถีบนักเลงอีกคนจนล้มลงไปก่อนที่จะถอยมาตั้งหลัก



    ทันใดนั้นเจนรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมันไม่เหมือนเดิม นักเลงทั้งสองคนที่เธอเพิ่งเล่นงานไปนั้นสามารถลุกขึ้นมายืนได้เหมือนกับไม่เป็นอะไรเลย แถมยังดูบาดเจ็บน้อยกว่าที่ควรเป็นอีกด้วย



    โจและแจ็คเมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดแปลกไปก็เริ่มใจเสีย ทั้งคู่ต่างรีบวิ่งตรงมาคว้าตัวเพื่อนสาวแล้ววิ่งทะลุกลุ่มนักเลงที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หัวหน้านักเลงที่อยู่แนวหลังนั้นตั้งสติได้ก่อนใครเพื่อน เขารีบตะโกนบอกให้ลูกน้องไล่ตามไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะทั้งสามพุ่งหายเข้าไปในซอยถัดไปซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยที่พวกนักเลงเหล่านี้ไม่กล้าเข้าไป







    ทั้งสามกลับมาถึงบ้าน โจก็รีบโทรศัพท์หายามหมู่บ้านให้มารีบจัดการพวกนักเลงโดยเร็ว ส่วนเจนและแจ็คนั้นนั่งลงบนโซฟาพยายามคิดให้ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงทำอะไรพวกนักเลงนั่นไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเธอเพิ่งจะอัดหัวหน้าของพวกมันเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว



    "นี่เธอออมแรงเอาไว้หรือเปล่า เจน หรือว่าเหนื่อยหลังจากเต้นไปเมื่อตอนเช้า" แจ็คถาม พยายามช่วยคิดแต่เจนส่ายหน้าเป็นคำตอบ



    "ฉันไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นซักหน่อย แถมข้าวเที่ยงก็กินมาแล้ว และฉันก็ออกแรงเต็มที่เลยด้วย แต่ทำไมพวกนั้นยืนขึ้นมาได้ซะงั้นล่ะ" เด็กสาวพูด เธอมีท่าทางวิตกอยู่ไม่น้อย



    จริยาได้ข่าวจากโจก็รีบเข้ามาหาเจนและถามด้วยความเป็นห่วง แจ็คและโจรู้ดีเพราะถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับเจนอีกล่ะก็ จริยาคงจะหัวใจวายไปเพราะความเป็นห่วงแน่ๆ



    "เป็นอะไรหรือเปล่าเจน เจ็บตรงไหนมั้ย"



    "เจนไม่เป็นอะไรหรอก แม่"



    "เป็นสาวเป็นนางไปมีเรื่องกับพวกนักเลงแบบนั้นได้ยังไงกัน" จริยาติลูกสาวของตัวเอง



    "ก็ไอ้พวกนั้นมาหาเรื่องก่อนนี่นา แต่ไม่เข้าใจเลย ทั้ง ๆ ที่ชกไปเต็มหมดแล้วแท้ ๆ แต่พวกมันกลับยืนขึ้นมาได้เหมือนไม่เป็นอะไรเลย"



    "เรื่องนั้นเดาได้ไม่ยากหรอกเจน" โจว่า เรื่องนี้เขาคิดเอาไว้แล้วว่าซักวันมันคงจะเกิดขึ้นก็เลยพยายามไม่ให้เจนออกจากหมู่บ้าน แต่ไม่นึกถึงเลยว่าพวกนั้นจะเข้ามาหาเรื่องถึงในหมู่บ้านเช่นนี้ "ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงนะ ไม่ใช่ผู้ชาย ตอนนี้เธอไม่มีแรงพอที่จะไปเทียบกับพวกนั้นได้หรอก"



    "เดี๋ยวก่อนโจ แต่ในเกมฉันยังต่อยแจ็คอยู่เลยนะ นายเองก็อยู่ด้วยนี่" เจนว่า เพื่อนหนุ่มพยักหน้ายืนยันเพราะในเกมตอนที่โดนเจนชกนั้นรู้สึกเจ็บไม่ต่างจากเดิมเลย



    "นั่นมันในเกม แต่นี่โลกจริงนะ เพิ่งผ่านมาแค่เกือบสิบวันเองนะตั้งแต่วันนั้นที่เธอล้มลงไป บางทีร่างกายของเธออาจจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็ได้ แต่ฉันว่าเป็นเพราะเธอกลายเป็นผู้หญิงมากกว่าเลยทำให้เรี่ยวแรงของเธอหายไป"



    พอได้ฟังที่โจพูดเจนก็เก็บเอาไปคิด บางทีอาจจะจริงอย่างที่เพื่อนของเธอบอกเอาไว้ การที่ร่ายกายของเธอกลายมาเป็นผู้หญิงทำให้หมัดที่สามารถจัดการผู้ชายตัวใหญ่ได้ในทีเดียวนั้นหายไป เรี่ยวแรงที่เคยมีก็รู้สึกลดลงเช่นกัน ในตอนแรกเจนคิดว่าเป็นเพราะร่างกายกำลังปรับตัว แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลมาได้เธอก็ไม่รู้สึกว่าจะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นมาอีกเลย แม้จะทำกิจวัตรประจำวันตามปกติได้แต่เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับไม่มากเท่าก่อน



    พอคิดได้ดังนั้นเจนก็ผุดลุกขึ้นมาทันที สายตาของเพื่อนหนุ่มทั้งสองและคุณแม่ยังสาวมองตามด้วยความสงสัย



    "ฉันตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่นี้ไปฉันจะออกกำลังกาย เรียกเอาพละกำลังที่เคยมีกลับคืนมา และเพื่อความปลอดภัย พวกนายสองคนจะต้องไปพร้อมกับฉันด้วยจะได้ไม่โดนพวกนั้นดักเล่นงานอีก"



    เสียงค้านดังออกมาจากเพื่อนทั้งสองทันทีที่ได้ยินขอเสนอแกมบังคับของเจน แต่พอเจอดวงตาพิฆาตเข้าก็ไปหุบปากลงทันควัน จะมีอะไรที่เหมือนเดิมสำหรับพวกโจแล้วคงต้องเป็นดวงตาคู่นี้แหละที่ทำให้พวกเขาต้องยอมเพื่อนคนนี้ไปซะทุกอย่าง แจ็คสาบานได้เลยว่าดวงตาพิฆาตของเจนดุดันน่ากลัวกว่าตอนที่เป็นผู้ชายเสียอีก







    เจนกลับเข้าออนไลน์อีกครั้งหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จและดูโทรทัศน์กับจริยา คืนนี้แม่ของเธอบอกว่าต้องรีบนอนแต่หัวค่ำเพราะมีงานต้องทำในวันพรุ่งนี้ จึงเป็นเหตุให้เจนเข้าเกมก่อนพวกโจชั่วโมงหนึ่ง เมื่อเธอเข้ามาก็เห็นคิทซึเนะกำลังนอนหลับอยู่บนกองถุงขนมจำนวนมาก เมื่อลองดูดีๆก็พบว่าของกินที่เจนซื้อมาเผื่อให้จิ้งจอกน้อยตัวนี้ลดลงจนแทบไม่เหลือจนทำให้เธอสงสับว่าคิทซึเนะตัวเล็กนิดเดียวเอาเอาของจำนวนมากพวกนี้ไปไว้ที่ไหนกัน



    เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบว่ามีดวงจันทร์ดวงใหญ่กำลังฉายแสงกระทบลงบนผืนน้ำทะเลเบื้องหน้า เมื่อดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เสียงจากนอกห้องก็มีแค่ลูกเรือเดินตรวจยามตามปกติ ตอนนี้เจนคิดว่าคงมีผู้เล่นไม่มากนักที่กำลังออนไลน์อยู่ เธอจึงตัดสินใจออกไปสูดอากาศบนดาดฟ้าเรือ เจนเดินออกจากห้องโดยไม่ปลุกคิทซึเนะ เดินไปตามทางและถามลูกเรือจนสามารถขึ้นมาบนดาดฟ้าได้ ลมพัดกระแทกเข้าใบหน้า เธอได้กลิ่นเค็มจากน้ำทะเลมากับมัน



    ในตอนนี้เจนกำลังคิดถึงวิธีการต่อสู้ของตัวเอง นอกเกมนั้นเธอพึ่งหมัดของเธอกับทักษะการต่อสู้ที่ฝึกมาทำให้เอาตัวรอดไปได้ไม่ยาก แต่เข้ามาในเกมเธอใช้ทักษะการต่อสู้ที่มีอยู่ก็สามารถทำให้ได้เปรียบผู้เล่นคนอื่น ๆ มากในช่วงแรก แต่มันยังไม่พอ ถึงเธอจะฝึกวิชาดาบจากหมิงเต๋อแล้วก็ตาม พอหันไปมองคนใกล้ตัวก็เห็นว่าโจนั้นมีวิธีการต่อสู้เฉพาะตัว เขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้รุนแรงและมีระยะการโจมตีที่หลากหลาย ทำให้เขาสามารถวางแผนการต่อสู้ได้เยอะมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นนักเวททำให้มีพลังป้องกันไม่มาก จึงรับหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคอยวางแผนอยู่แนวหลัง ในขณะเดียวกัน แจ็คที่ตัวใหญ่ก็พอจะสามารถเป็นตัวชนได้ แต่เขาก็เลือกอาวุธเป็นปืนที่อยู่แนวหลังเช่นเดียวกัน



    ดังนั้นหน้าที่ชนกับคู่ต่อสู้ก็ตกเป็นของเจนโดยบริยาย ในกลุ่มสามคนมีเธอเพียงคนเดียวที่ใช้อาวุธระยะประชิด เมื่อหันไปมองตอนที่รวมกลุ่มกับพวกเสือซ่อนลายเจนก็พบว่าพวกเขาวางแผนการต่อสู้ได้ดีมาก เขาวางหน้าที่ของแต่ละคนอย่างชัดเจน หรืออาจจะเพราะแต่ละคนมีวิธีการต่อสู้ของตัวเองอย่างเด่นชัดก็เป็นได้จึงจัดวางตำแหน่งได้ง่าย ดังนั้นตอนนี้เจนจึงพยายามคิดหาวิธีต่อสู้ของตนเพื่อที่จะนำไปใช้สู้กับมอนสเตอร์หรือพวกผู้เล่นซึ่งในอย่างหลังนี้ เจนมั่นในว่าเธอจะต้องเข้าสู้ด้วยอย่างแน่นอน



    ในตอนนี้เจนรู้แล้วว่าพลังสถิตร่างของเธอนั้นไม่ได้ทรงพลังอย่างที่เคยคิดเอาไว้ ตอนนี้ร่างสถิตเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางนั้นเธอรู้ว่าเป็นร่างที่เน้นในเรื่องของความเร็ว ซึ่งตั้งแต่ที่เธอใช้สู้มอนสเตอร์ระดับบอสอย่างโกเลมหินผาหรือจักรพรรดิผีดิบยังเร็วเทียบเธอไม่ได้เลย แต่ยังห่างไกลจากความเร็วของจีโอที่เธอเห็นเมื่อสี่วันก่อนมากนัก



    มีอยู่สองอย่างที่เจนรู้สึกมั่นใจกับทักษะนี้ก็คือมันสามารถพัฒนาไปพร้อมกับเธอได้ด้วย เจนรู้สึกได้ทุกครั้งที่ใช้ทักษะนี้ว่าพลังได้เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน ถ้าหากเธอมีระดับที่สูงขึ้นล่ะก็เจนมั่นใจว่าคงจะเพิ่มพลังได้มากขึ้นตามอย่างแน่นอน และอีกอย่างหนึ่งที่เจนคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ก็คือทักษะนี้อาจจะสามารถเพิ่มพลังสถิตร่างได้อีกนั่นเอง แต่ทำอย่างไรนั้นเจนก็ยังคงต้องหาคำตอบทีหลัง



    ถึงอย่างนั้นก็ตามเจนก็คิดว่าเธอไม่ควรจะไปหวังพึ่งเอาแต่ทักษะพลังสถิตร่าง เพราะถ้าหากมีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอไม่สามารถใช้ทักษะนี้ได้ตอนต่อสู้คงลำบากอย่างแน่นอน พอมาดูว่ามีทักษะอะไรบ้างก็พบว่าตัวเธอนั้นมีทักษะอยู่ไม่กี่อย่างและมีทักษะที่ใช้ต่อสู้อยู่น้อยมาก แต่ก็มีทักษะที่เจนยังไม่เคยใช้อย่างเช่นทักษะผนึกอสูรที่น่าจะใช้ได้แค่เพียงกับพวกมอนสเตอร์เท่านั้น ทักษะอัญเชิญอสูรที่ในตอนนี้เจนยังไม่มีพลังเวทเพียงพอที่จะสามารถใช้ได้และเธอเองก็ยังไม่มีอสูรจะให้อัญเชิญด้วยซ้ำไป



    พอมาดูทักษะที่เหลือตอนนี้ก็มีเพียงทักษะเพิ่มพลังกายที่เป็นแค่ทักษะระดับต่ำสุดแต่ก็มีประโยชน์มาก เพราะเพิ่มพลังโจมตีและความเร็วถึงสองเท่าแถมยังกินพลังเวทน้อยทำให้ใช้ได้บ่อยอีกด้วย และอีกหนึ่งทักษะก็คือผ่ามิติที่มีความรุนแรงมากและเมื่อใช้คู่กับพลังสถิตร่างก็ยังสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้อีก มีข้อเสียที่เป็นทักษะที่กินพลังเวทมากและมีดีเลย์ทำให้เจนใช้ติดต่อกันไม่ได้แต่เธอก็ยังใช้ได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นจากพลังเวททั้งหมดของเธอ นอกเหนือจากนั้นก็เป็นทักษะที่ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้นั่นก็คือทักษะปลดผนึกกับทักษะตรวจสอบ และทักษะพื้นฐานต่าง ๆ ที่เป็นทักษะติดตัว เธอถอนหายใจออกอย่างน้อยใจเพราะตนนั้นมีทักษะให้ใช้น้อยเหลือเกิน



    สิ่งที่เจนยังไม่รู้คืออาชีพนักผจญภัยฝึกหัดนั้นเป็นอาชีพเริ่มต้นที่มีทักษะตรวจสอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเปลี่ยนอาชีพไปได้แล้วจะมีทักษะอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาตามอาชีพนั้น และเมื่อเพิ่มระดับไปเรื่อย ๆ ก็จะมีทักษะที่รุนแรงและเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน แต่อาชีพนักผจญภัยฝึกหัดนั้นไม่เคยมีใครเล่นเกินระดับ 90 มาก่อนเพราะว่าการเก็บระดับต่อจากนั้นหากไร้ทักษะช่วยเหลือแล้วก็แทบจะสู้ตัวอะไรในระดับเดียวกันไม่ได้เลย ดังนั้นตัวเธอที่มีทักษะอยู่หลายทักษะแถมเป็นทักษะระดับ S อีกด้วยก็ถือได้ว่าโชคดีมากแล้ว



    ในตอนนี้คิดอะไรไปก็คงยังไม่เกิดประโยชน์ เจนยกมือขึ้นสูงแล้วบิดขี้เกียดไปมาแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพักอีกครั้ง บนเตียงของโจและแจ็คนั้นยังว่างเปล่าและในรายการเพื่อนยังไม่ออนไลน์แสดงว่ายังไม่ได้เข้าเกมมา ส่วนคิทซึเนะนั้นยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงเดิม ไม่ได้ขยับไปไหน เจนเองก็เริ่มรู้สึกง่วงนอนแล้วเช่นกัน ท่าทางกิจกรรมที่ทำจากนอกเกมเองก็ส่งผลมาถึงในเกมด้วย เธอนอนลงบนเตียงของเธอแล้วหลับไปในเวลาไม่นาน







    ณ ที่ทำการใหญ่ของกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ หย่งฟางตอนนี้อยู่ในชุดสีเบจตัวเดิมกำลังนั่งอ่านกระดาษรายงานของกิลด์ตามปกติ เขาเปลี่ยนจากอ่านบนจอแสงเป็นทำให้รายงานทุกชิ้นที่เขาได้รับกลายเป็นกระดาษเพราะจะได้เข้ากับสถานที่ ตั้งแต่เขาตั้งกิลด์นี้ร่วมกับจีโอ เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเขาเริ่มไม่ค่อยได้ออกไปจากที่ทำการกิลด์นี้เลยเนื่องจากต้องจัดการเรื่องต่าง ๆ ของกิลด์ไม่ว่าจะเป็นการคลังหรือการจัดกำลังพล ความจริงแล้วเขาอาจจะมีเวลาว่างมากกว่านี้ถ้าหากหัวหน้ากิลด์อีกคนที่ดำรงตำแหน่งคู่กับเขามาช่วยกันทำงานนี้



    ปกติแล้วการตั้งกิลด์เช่นนี้ควรจะมีรองหัวหน้ากิลด์มาช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ไม่รู้ทำไมหลายต่อหลายคนต่างเก่งแต่เรื่องใช้กำลัง ไม่มีหัวในเรื่องตัวหนังสือเช่นนั้น หย่งฟางจึงจำต้องทำงานเพียงคนเดียว โชคดีที่เร็ว ๆ นี้เพื่อนของเขาจากนอกเกมอย่างจีจินเข้ามาเล่นด้วย ทำให้แบ่งเบางานขึ้นเยอะ แต่งานมหาศาลที่เพิ่มเข้ามาทุก ๆ วันเช่นนี้คงยากที่จะทำเสร็จได้เพียงคนสองคน



    ความจริงรองหัวหน้ากิลด์ที่มีอยู่สี่คนนอกจากจีจินก็มีอยู่คนหนึ่งพอจะมาช่วยงานได้ แต่เธอคนนั้นต้องไปคอยคุมสมาชิกกิลด์ที่ไปเก็บระดับ ดังนั้นจึงมีแค่บางโอกาสเท่านั้นที่จะมาช่วยงานเขาได้ ส่วนอีกคนนั้นน่ะหรือ ลืมไปได้เลย นิสัยแย่กว่าจีโอซะอีก ไม่มีทางมาทำงานนั่งโต๊ะแบบนี้ได้หรอก ถึงตอนนี้เขาคิดไปก็เปล่าประโยชน์ หย่งฟางสนใจกับงานตรงหน้าแล้วเริ่มลุยต่อทันทีแต่ก็ต้องหยุดเมื่อจีจินเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยท่าทางตื่น



    "คุณฟาง เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะครับ คุณจีโอเขาเพิ่งประกาศสงครามกับกิลด์พิฆาตราชาไปเมื่อครู่นี้เองครับ" จีจินพูดด้วยน้ำเสียงหอบ ท่าทางเขาคงจะวิ่งมาตลอดทางโดยรักษากฎไม่ใช้พลังในที่ทำการกิลด์ทั้ง ๆ ที่มีเรื่องฉุกเฉินแบบนี้



    "อืม ฉันรู้แล้วล่ะ หมอนั่นส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว" หย่งฟางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สายตายังคงอ่านเอกสารตรงหน้า



    จีจินที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจกับเขามาก เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เลย แต่อีกใจหนึ่งเขาก็รู้สึกโล่งอกเพราะว่าเมื่อเห็นหัวหน้ากิลด์ของเขาสงบนิ่งเช่นนี้แสดงว่าเขาต้องหาทางออกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว



    "การประกาศสงครามครั้งนี้ฉันกับโกปรึกษากันตั้งนานแล้ว แต่จะให้พวกเราเปิดกระดานมันก็คงจะดูไม่ดีในสายตาผู้เล่นทั่วไปถึงกิลด์พิฆาตราชาเป็นกิลด์ที่ชื่อเสียงแย่อยู่แล้วก็เถอะ โชคดีที่ผู้เล่นคนนั้นไปมีเรื่องกับกิลด์พิฆาตราชา พวกลูกกิลด์เลยตามมาหาเรื่องถึงในเมืองทำให้เราใช้เป็นข้ออ้างในการเปิดสงครามได้" หย่งฟางเรียกชื่อนอกเกมของจีโอที่ไม่ค่อยมีใครใช้ในเกมนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาสนิทกับมากเลยทีเดียว



    "แล้วที่คุณจีโอบอกประกาศปกป้องผู้เล่นคนนั้นล่ะครับ ถ้าหากกิลด์พิฆาตราชาอ้างว่าเป็นคนของเราที่ไปหาเรื่องพวกนั้นก่อนเพื่อยั่วให้ทางนั้นบุกเข้ามาและประกาศสงครามล่ะครับ" จีจินเสนอความเห็น หย่งฟางวางกระดาษเอกสารลงแล้วหันไปยิ้มให้กับจีจิน เพื่อนของเขาคนนี้มีความคิดที่ไม่เหมือนใครและยังรอบคอบเสมอ แต่เขาก็เป็นคนที่ซื่อตรงมากจนถือได้ว่าเป็นคนที่คิดมากเกินไป



    "พวกนั้นไม่ทำอย่างนั้นหรอก ถึงต่อให้พวกนั้นทำเรื่องมันก็เกิดไปแล้ว พวกเราประกาศสงครามแล้วและไม่ว่าพวกนั้นจะพูดอะไรก็เหมือนกับเป็นการแก้ตัวเพราะชื่อเสียงของกิลด์ไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรก ต่อให้พิสูจน์ได้ก็ต้องใช้เวลาตามหาตัวผู้เล่นคนนั้นมาถึงจะพิสูจน์ได้ซึ่งก็คงใช้เวลานานจนไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นไปแล้วล่ะ"



    หย่งฟางตอบอย่างถี่ถ้วน เขาคิดเอาไว้อย่างดีแล้วสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุก ๆ อย่างลงตัวและเข้าทางพวกเขาอย่างน่าประหลาด มีเพียงอย่างหนึ่งที่เขายังไม่ได้บอกจีจิน นั่นก็คือคราวลี่ย์ หัวหน้ากิลด์พิฆาตราชาที่น่าจะกำลังรอเหตุการณ์เช่นนี้อยู่เหมือนกัน และก็คงหาทางรับมือเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่เขาพ่ายแพ้อย่างหมดท่าเมื่อสงครามครั้งก่อน







    เรียวแจนยาวชูเหนือหัวของหญิงสาวพร้อมกับบิดขี้เกียดสุดแรง เจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่ คิทซึเนะที่ขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกับเจนตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ยังคงหลับปุ๋ยอยู่ข้างตัวของเธอ เจนหันไปมองที่เตียงอีกสองตัวก็พบว่าเพื่อนของเธอนั้นเข้ามาในเกมแล้วและกำลังนอนกรนเสียงดัง



    ตอนแรกเจนคิดว่าปล่อยให้ทั้งสามนอนต่อไปเพราะตื่นขึ้นมาก็คงไม่มีอะไรทำ แต่ไม่นานนักคิทซึเนะก็ตื่นขึ้นมาและบอกหิวข้าว เจนจึงลุกขึ้นไปปลุกทั้งสองคน จากนั้นไม่นานนักพวกเจนก็พากันลงไปกินอาหารที่โรงครัวบนชั้นลอยของเรือ



    ที่นี่ถือได้ว่าเป็นเรือระดับสามดาวที่หรูหราพอสมควร ทั้งห้องนอนที่นอนสบายใช้ได้ เรือทั้งลำสะอาดและถูกสุขอนามัยรวมไปถึงห้องครัวที่เสิร์ฟอาหารเป็นเวลา โดยพวกเจนขึ้นไปถึงพบว่าอาหารเช้ากำลังตั้งรออยู่บนโต๊ะแล้ว



    "อีกนานมั้ยว่าพวกเราจะไปถึงทวีปไลเทเชีย" เจนถามขึ้นมา เพราะเธอไม่ค่อยชอบการเดินทางบนเรือมากนักเพราะใช้เวลานาน แถมยังไม่ค่อยมีอะไรทำซึ่งผลาญเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ โชคดีที่พวกเธอทั้งสี่ไม่มีใครเมาเรือ ถ้าเกิดว่ามีคนเมาเรือล่ะก็การเดินทางคงไม่น่าประทับใจเท่าไหร่แน่ ๆ

    "คงอีกนานเลยล่ะ จากเมืองซีโปจะต้องล่องเรืออ้อมทวีปไปยังท่าเรือของทวีปไลเทเชียก็กินเวลานานโขอยู่ ยังไงพวกเราก็คงต้องออฟไลน์อีกครั้งอยู่ดีนั่นล่ะ" โจบอกตักตักซุปใส่ปาก



    "นานขนาดนั้นเลยเหรอ! แบบนี้ก็ไม่มีอะไรทำเลยสิ จะให้เข้าเกมมาอ่านหนังสืออย่างเดียวมันก็ไม่ไหวหรอกนะ" เจนบอกพลางนึกถึงหนังสือที่เธอซื้อมาตอนอยู่ที่เมืองซีโป มันเป็นหนังสือการใช้ดาบซึ่งบอกวิธีการใช้ดาบหลากหลายชนิด เธออ่านไปไม่กี่หน้าแต่ก็ทำให้ทักษะการใช้ดาบขั้นสูงเพิ่มเป็นระดับ 70 ได้แล้ว



    "ก็ไม่เชิงจะอย่างนั้นหรอก ปกติแล้วการเดินทางด้วยเรือก็จะเสี่ยงเจอกับมอนสเตอร์จากทะเลอย่างพวกอสูรปลาหรือสัตว์ยักษ์ทั้งหลาย หรืออาจจะเจอพายุจนเรืออับปาง ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะเจอโจรสลัดบุกปล้นเรือด้วย ถ้าหากเอาชนะพวกโจรสลัดได้ล่ะก็จะได้ทรัพย์สมบัติมหาศาลเลย ส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธและเครื่องป้องกันก็เถอะ หรือดีหน่อยก็ได้แผนที่ขุมทรัพย์จากกัปตันเรือโจรสลัดแต่คงยากหน่อยเพราะว่าโจรสลัดทุกคนมียศถึงระดับขุนนางกันหมด ดังนั้นจึงมีแต่คนที่จัดกลุ่มโดยเฉพาะเพื่อมาจัดการกับโจรสลัดถึงจะพอสู้ได้"



    "แล้วก็อีกอย่างหนึ่งนะ เรือข้ามทวีปอย่างนี้มักจะจอดแวะที่เกาะกลางทะเลเพื่อเติมเสบียง ดังนั้นพวกเราก็อาจจะมีเวลาวันหนึ่งหรือมากกว่านั้นในการลงไปเดินดูบนเกาะ" แจ็คบอก เขาไปถามจากลูกเรือก่อนหน้านี้ไม่นานนัก



    "แล้วพวกเราจะแวะลงเกาะอะไรล่ะ"



    "ก็ทุก ๆ ครั้งเรือแต่ละลำจะแวะลงเกาะไม่เหมือนกันนะ แล้วแต่ต้นหนเรือกับกับตันว่าจะแวะเกาะไหน แต่ฉันไปถามมาแล้ว เรือลำนี้กำลังจะไปเทียบท่าเกาะสวรรค์แดนใต้ ซีลาโก"





    จบตอนที่ 15 วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
    -------------------------------------------------


  36. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  37. #22
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 16 ภารกิจแห่งป่า

    ตอนที่ 16 ภารกิจแห่งป่า



    เรือที่พวกเจนอยู่กำลังจอดเข้าเทียบท่าเกาะแห่งหนึ่ง จากบนดาดฟ้าเรือเจนมองเห็นชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา น้ำทะเลใสจนเจนมองเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำไม่ไกลจากท่าเรือที่พวกเจนกำลังเข้าเทียบท่า เป็นชายหาดมีผู้เล่นมากมายกำลังพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะเดินเล่นหรือก่อปราสาททรายอยู่บนชายหาด หนุ่มสาวหลายคนต่างกำลังเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนานในชุดว่ายน้ำบ้าง ชุดวันพีชบ้าง บอกได้เลยว่าหลายคนที่เจนเห็นนี้เป็นผู้เล่นอย่างแน่นอน



    เกาะแห่งนี้มีขนาดใหญ่ แต่ไม่ใหญ่เท่ากับเกาะเริ่มต้น ลูกเรือคนหนึ่งบอกเจนเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้ว่าเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากของทวีปอัลเทเชีย นอกจากเรือโดยสารที่เจนขึ้นมาแล้วยังมีเรือลำอื่นที่มีจุดหมายมาที่เกาะแห่งนี้โดยเฉพาะอยู่ไม่น้อย



    เขายังบอกเธออีกว่าในแถบนี้มีอยู่หลายเกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่นเกาะซีลาโด แต่เพราะเกาะนี้มีผลซีลักส์ซึ่งเป็นผลไม้ที่อร่อยที่สุดทวีปแห่งนี้ซึ่งมีแค่ที่นี่ที่เดียว ดังนั้นจึงมีการกำหนดจำนวนเรือที่จะเข้ามายังเกาะแห่งนี้ ดังนั้นพวกเจนถือว่าโชคดีมากที่มาขึ้นเรือได้ถูกลำ



    ก่อนลงจากเรือ กัปตันเรือประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่าเรือจะเทียบท่าเพื่อเตรียมเสบียงเพียงวันเดียวเท่านั้น ทำให้พวกเจนไม่ต้องไปที่โรงแรมซึ่งบนเกาะนี้มีอยู่เพียงแห่งเดียว



    "เอาล่ะ ไหนๆพวกเราก็ได้มาเที่ยวบนเกาะทั้งที ไปเล่นน้ำทะเลกันมั้ย?" โจพูดขึ้นระหว่างเดินลงมาจากท่าเรือ ผู้เล่นที่อยู่บนเรือหลายคนต่างพากันลงมาชมความงามของเกาะแห่งนี้ แต่ก็มีบ้างที่คิดจะอยู่บนเรือแต่นั่นก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น



    "อย่าเพิ่งดีกว่า พวกเรามีเวลาแค่ก่อนพระอาทิตย์ตกเองนะ ฉันได้ยินว่าที่นี่มีของขึ้นชื่อเป็นผลไม้อย่างหนึ่งที่รสชาติดีที่สุดในอัลเทเชีย พวกเราไปลองกินดูดีกว่า เอาไว้บ่าย ๆ ค่อยไปเล่นน้ำกัน" เจนบอก แต่ความจริงแล้วเธอไม่ค่อยอยากไปเล่นน้ำนักเพราะที่ชายหาดมีคนเยอะเกินไป และอีกอย่างเธอไม่อยากจะใส่ชุดว่ายน้ำซะด้วยเมื่อมีร่างกายแบบนี้



    เมื่อตกลงกันได้ว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อนถึงแม้จะทานข้าวเช้ากันมาแล้วก็ตาม พวกเจนตรงมายังร้านอาหารริมทะเลที่มีชื่อว่ากุ้งมังกรสีรุ้ง ที่นี่เป็นร้านอาหารสามดาวขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ เป็นร้านแบบเปิดโล่งทำให้คนที่เข้ามากินได้กลิ่นน้ำทะเลสดชื่นโชยเข้ามาในเวลารออาหาร ด้วยบรรยากาศที่ดีขนาดนี้ทำให้มีคนอยู่เต็มร้าน เด็กสาวและชายหนุ่มหน้าตาดีมากมายในชุดว่ายน้ำลายดอกสีแดงเดินไปมา คอยยกอาหารที่ลูกค้าสั่งไปอยู่ทั่วร้าน



    "ขออะไรก็ได้ที่ทำจากผลซีลักส์สี่ที่นะ ได้ข่าวว่าที่นี่อร่อยที่สุดเลย" โจพูดหยอกกับพนักงานเสิร์ฟทีนทีที่นั่งลงบนโต๊ะ พวกเจนได้ที่นั่งริมสุดและยังสามารถมองเห็นทะเลได้จากจุดนี้อีกด้วย



    พนักงานสาวยิ้มรับแล้วเดินจากไป เจนรีบหันไปพูดกับเพื่อนตัวดีทันทีที่พนักงานเดินไปไกลจนไม่น่าจะได้ยินเสียงของเธอแล้ว



    "นี่! นายทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมไม่ขอดูรายการอาหารก่อนล่ะ ถ้าเกิดเขาเอาของแพง ๆ มาให้เราจะทำยังไง" เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ



    "ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ที่นี่ไม่ใช่ร้านห้าดาวซักหน่อย ไม่มีของแพง ๆ อย่างนั้นหรอก" โจกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้ความกังวล เจนพอฟังเหตุผลนั้นขึ้นมาจึงปล่อยไปแต่ก็ยังไม่ค่อยพอใจนัก



    "ก็นิสัยของนายเป็นซะอย่างนี้ จะให้ฉันปล่อยให้เงินก้อนใหญ่อยู่กับนายได้ยังไง"



    "ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันว่าเงินที่ได้มาคงมีเยอะอยู่แล้ว ใช้ไม่หมดหรอก"



    "สมมติว่านายใช้เงินซื้อของหมดขึ้นมา แล้วนายจะทำอะไรต่อไป....ใช่โจ นายก็จะมายืมฉันไม่ก็เจน พวกเราสองคนรู้อยู่แล้วว่านายนิสัยห่วยแตกแค่ไหน" แจ็คถามขึ้นแล้วตอบด้วยตัวเอง โจหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพุ่งเข้าใส่ทันที ทันใดนั้นบรรยากาศภายในร้านก็เหมือนจะร้อนระอุขึ้นมากว่าเดิม



    เจนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความเหนื่อยใจแล้วจึงรีบไปห้ามศึกก่อนจะทำความวุ่นวายให้ร้านมากกว่านี้ แม้ว่าทั้งสองจะทะเลาะกันด้วยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง และไม่เคยโกรธกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ว่าการมีเรื่องแต่ละครั้งก็ดูจะผิดกาลเทศะไปซักหน่อย ในที่สุดเจนก็จับทั้งคู่แยกกันพอดีกับที่พนักงานเสิร์ฟกลับมาที่โต๊ะ



    ของที่พนักงานสาวนำมาเสิร์ฟนั้นเป็นน้ำผลไม้สีชมพูอ่อนคล้ายกับน้ำลิ้นจี่ ขอบแก้วประดับด้วยผลไม้เฉือนบาง ๆ เสียบเอาไว้ที่เจนคิดว่าน่าจะเป็นผลซีลักส์ เนื้อของผลไม้ชนิดนี้ดูไปก็คล้ายกับผลเลมอนในโลกจริง แต่มีเนื้อสีชมพูและเปลือกสีฟ้าอ่อนปนชมพูดูแปลกตา



    "น้ำซีลักส์คั้นผสมโซดากับเนื้อผลซีลักส์ฝานบาง ๆ ค่ะ" พนักงานบอกชื่อของน้ำผลไม้ให้ฟัง



    เจนยิ้มและพยักหน้าให้แล้วก้มดื่มโดยไม่รู้ว่าพนักงานสาวคนนั้นเองก็จ้องตัวเธออยู่นานแล้ว พอได้เห็นรอยยิ้มที่เจนส่งให้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะละลาย หน้าแดงเป็นลูกตำลึงแต่ก็ยังคงทนยืนอยู่ด้วยจิตวิญญาณของพนักงานเสิร์ฟ



    'เค้ายิ้มให้กับเราด้วย อ้ายยยย' พนักงานสาวร้องกรี้ดในใจ หัวใจของเธอเต้นรัว ขาที่เคยยืนได้เป็นวันสบาย ๆ กลับเริ่มอ่อนลงและรู้สึกไร้เรี่ยวแรง



    ไม่ใช่แค่พนักงานสาวคนเดียวเท่านั้นที่มองกลุ่มของเจน...ความจริงแล้วแค่เจนกับคิทซึเนะซึ่งจิ้งจอกน้อยถูกนับไปด้วยเพราะมีหน้าตาน่ารักน่ากอด ส่วนอีกสองคนเป็นแค่ตัวเกะกะสายตา ผู้หญิงทั้งร้านไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือเอไอต่างมองใบหน้าของเจนตาไม่กระพริบด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ



    สายตาของพวกเธอที่มองเจนนั้นไม่ต่างไปจากเด็กหนุ่มร่างเล็กที่มีใบหน้างดงามราวกับรูปสลักชิ้นเอกของลีโอนาโด ดาวินชีก็ไม่ปาน บางคนถึงกับชี้นิ้วไปยังเจนอย่างออกหน้าออกตา บางคนถึงกับจะเดินเข้ามาคุยด้วยแต่ก็ไม่รู้จะคุยกันเรื่องอะไรดี ถ้าหากมีกล้องถ่ายรูปล่ะก็เจนคนโดนรุมถ่ายไปเรียบร้อยแล้ว



    ความจริงเกมนี้มีระบบบันทึกรูปซึ่งสามารถนำไปใช้ทั้งในเกมและนอกเกม ในเกมนั้นส่วนใหญ่จะใช้เพื่อบันทึกหน้าไปใช้ตั้งค่าหัว ซึ่งในส่วนนี้ผู้เล่นส่วนใหญ่จะแค่นำชื่อไปยื่นที่อาคารนักล่าค่าหัวกันมากกว่าเพราะใช้ได้เหมือนกันและไม่ยุ่งยากเท่ากับการถ่ายรูป ซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเจนโดนถ่ายรูปผ่านทางระบบนี้เป็นที่เรียบร้อย



    ทั้งสามลองดื่มน้ำซีลักส์ตรงหน้าดู เจนรู้สึกได้ถึงรสเปรี้ยวมาเป็นอันดับแรกแล้วตามด้วยหวานอ่อน ๆ กำลังดีมาพร้อมกับความซ่าของโซดา รสชาติที่แปลกใหม่นี้ทำให้เจนต้องจิบแล้วจิบอีกอย่างแปลกใจ ปกติเมื่อกินน้ำผลไม้รสชาติแบบนี้แล้วจะรู้สึกเลี่ยนหรือเสียวฟัน แต่น้ำซีลักส์กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกนั้นเลย แต่ให้ความรู้สึกเหมือนกับเพิ่งดื่มน้ำเปล่าลงไปเท่านั้นแถมกลิ่นหอมสดชื่นที่ไม่ได้เป็นกลิ่นเปรี้ยวหรือกลิ่นหวานเกินไปก็ทำให้หัวโล่งอีกด้วย



    "สุดยอดไปเลย อร่อยจริง ๆ! สมกับเป็นผลไม้ที่นิยมของทวีปอัลเทเชีย ของแบบนี้กินเท่าไหร่ก็ได้นะเนี่ย" แจ็คพูดออกมาหลังจากดื่มเข้าไปอึกใหญ่



    "ใช่ ตอนแรกฉันคิดว่ารสชาติจะเหมือนกับน้ำลิ้นจี่ซะอีก แถมเจน ลองดูนี่นะ" โจพูดแล้วหันไปหาเธอและเอาหน้าเข้าประชิดแล้วพ่นลมหายใจใส่จมูก เจนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็สูดหายใจเข้าไปเต็ม ๆ แต่ก่อนที่เธอจะง้างหมัดใส่ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อนด้วยความแปลกใจ



    "นี่มัน...ไม่มีกลิ่นเลย เป็นไปได้ยังไงเนี่ย"



    "นี่เป็นความภาคภูมิใจของเกาะซีลาโดเลยล่ะค่ะ ผลไม้ที่มีสรรพคุณแปลกประหลาด รสอร่อย กลิ่นหอมสดชื่นและไม่ทำให้มีกลิ่นปากแถมช่วยดับกลิ่นอื่น ๆ ได้อีกด้วย ถ้าคุณลูกค้าลองเข้าไปในเมืองจะพบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากผลไม้ชนิดนี้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมหรือยาชูกำลังและอย่างอื่นอีกมากมาย" พนักงานสาวบอก พร้อมกันนั้นที่คิทซึเนะวางแก้วน้ำผลไม้ลงบนโต๊ะ



    "พี่เจน น้ำนี่อร่อยจัง หนูขอแบบนี้อีกแก้วนะ" คำพูดของคิทซึเนะทำให้เจนต้องแปลกใจและอดยิ้มไม่ได้ในเวลาเดียวกัน เพราะน้ำผลไม้ที่ได้มานั้นเป็นแก้วที่มีก้นลึกและขนาดใหญ่อยู่พอสมควรนั้นทำให้ชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอนั้นไม่สามารถดื่มหมดได้ในเวลาอันรวดเร็วได้ เด็กสาวคนนี้กลับทำได้ แต่ที่แก้มของเธอก็เลอะเนื้อผลซีลักส์ไปหมดเช่นกัน



    เจนหันไปสั่งแบบเดิมมาเพิ่มอีกชุดและขอแบบกระติกพร้อมหลอดดูดทำหรับเด็กให้คิทซึเนะเผื่อเอาไว้อีกหลายชุดเพราะท่าทางจิ้งจอกน้อยคนนี้จะชอบมากเลยทีเดียว



    "ไม่ทราบว่าปลูกผลซีลักส์ยังไงหรือ ทำไมถึงมีแต่ที่เกาะนี้เกาะเดียวล่ะ" เจนหันไปถามระหว่างรออีกสามคนจัดการกับน้ำผลไม้ของตน พนักงานยิ้มให้และตอบด้วยความยินดีโดยไม่ปิดบัง



    "ที่ต้นซีลักส์ปลูกได้ที่เกาะนี้แห่งเดียวเป็นเพราะว่าต้นซีลักส์จะเติบโตได้เฉพาะในสภาพอากาศและอุณหภูมิที่พอเหมาะเท่านั้นค่ะ ที่นี่ก็มีอากาศที่เหมาะกับผลซีลักส์ต้องการพอดี ก็เลยทำให้ที่เกาะแห่งนี้จึงเป็นที่แห่งเดียวที่สามารถปลูกต้นซีลักส์ได้ค่ะ"



    เจนได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้ารับรู้แล้วยกน้ำผลไม้ในมือขึ้นดื่มอีกครั้ง พนักงานสาวทำท่าชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเจน



    "ความจริงฉันไม่ควรบอกเรื่องนี้ให้กับใครรู้ แต่สำหรับคนหน้าตาดีอย่างคุณเจนแล้วฉันจะบอกให้เป็นกรณีพิเศษเลยก็แล้วกันนะคะ" เธอขยิบตาให้กับเจน เด็กสาวได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้เป็นการขอบคุณพลางคิดว่าพนักงานสาวคนนี้เริ่มมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว



    "มีเรื่องเล่ามาตั้งแต่โบราณของเกาะนี้อยู่ ว่าในป่าลึกเข้าในด้านในของเกาะมีต้นไม้โบราณอยู่ในป่า ว่ากันว่าใครก็ตามที่ผ่านการทดสอบของป่าไปได้จะสามารถขอสิ่งใดก็ได้ตามปรารถนา"



    "จริงหรือเนี่ย ของที่สุดยอดขนาดนั้นแต่ไม่เห็นได้ข่าวของอย่างนี้มาก่อนเลย นี่เรื่องจริงงั้นหรือ" เจนถามด้วยความสนใจ เพื่อนหนุ่มทั้งสองคนเองก็แสดงความสนใจไม่น้อย



    "มันเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่บนเกาะนี้ค่ะ ฉันเองอยู่ที่นี้มาตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้ยินเรื่องนี้มาโดยตลอด ถ้าให้พูดตามจริงแล้วฉันคิดว่าเป็นแค่เรื่องหลอกเด็กมากกว่าน่ะค่ะ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้เพราะไม่มีใครเคยเข้าไปสำรวจในป่าเลย บางทีคุณเจนอาจจะลองเข้าไปดูแล้วขอเมล็ดต้นซีลักส์ที่สามารถปลูกที่ไหนก็ได้ดูสิคะ" พนักงานบอกแล้วส่งบิลค่าน้ำผลไม้ให้ เจนหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าน้ำผลไม้พวกนี้นั้นมีราคาไม่แพงมากอย่างที่โจบอกเอาไว้จริง ๆ



    เจนจ่ายเงินค่าน้ำผลไม้ส่วนของเธอและคิทซึเนะรวมไปถึงส่วนที่ใส่กระติกไม้ให้จิ้งจอกน้อยของเธอกินระหว่างเดินทางต่อด้วย พนักงานสาวรับเงินจากทั้งสามแล้วบอกให้รอซักครู่เพื่อจะนำน้ำผลไม้ใส่กระติกมาให้ทีหลัง ในระหว่างที่กำลังรออยู่พวกเจนก็หันหน้ามาคุยกัน



    "พวกนายได้ยินเมื่อกี้หรือเปล่า ขอสิ่งใดตามที่ปรารถนาเลยนะ" เจนพูดและยิ้มไปยังเพื่อนของเธอ



    "ตอนนี้...จะสิบโมงแล้ว ถ้าหากพวกเรารีบหน่อยอาจจะกลับมาทันขึ้นเรือก็ได้ ไม่รู้ว่าพวกนายทั้งสองคนจะว่าไง แต่ฉันเอาด้วย" แจ็คพูดแล้วหันไปสบตากับเจนอย่างรู้ใจ จากนั้นทั้งสองก็หันมาหาโจที่ยังไม่ได้คำตอบ เด็กหนุ่มเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนกำลังเค้นคำตอบจากตนก็พยักหน้าและแบมือออกมาสองข้างอย่างไร้อารมณ์



    "ถ้าพวกนายสองคนไปกันแล้วจะให้ฉันพูดอะไรได้อีกล่ะ เอาเถอะ ใช่ว่าครั้งนี้พวกเราจะไปเสียเปล่าซักหน่อยล่ะนะ"







    หลังจากที่ได้กระติกไม้ที่มีน้ำผลซีลักส์ของคิทซึเนะมาแล้ว พวกเจนก็พากันออกมาจากร้านอาหารและเดินออกไปนอกเมือง จากแผนที่ซึ่งเจนไปซื้อมาแสดงให้เห็นว่าเกาะแห่งนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ โดยจุดที่เจนอยู่นั้นเป็นส่วนทางตะวันออกของเกาะ โดยประกอบด้วยส่วนที่รองรับนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นส่วนแรกที่เจนมาถึง จากนั้นเป็นส่วนที่พักอาศัยของชาวเกาะแห่งนี้ซึ่งบ้านของพวกเขานั้นเป็นรูปทรงธรรมดาทั่วไปทำจากไม้และหินซึ่งเจนเดาไม่ออกเลยว่าทำได้ยังไงเพราะดูแผ่นหินที่เป็นส่วนกำแพงบ้านนั้นถูกตัดจนเรียบเนียนมากเหมือนกับใช้เครื่องจักรทำ ดีไม่ดีจะเนียนกว่าเครื่องจักรซะอีก



    เมื่อออกมานอกเมืองเจนก็เห็นพื้นที่ส่วนที่ชาวเมืองกั้นเอาไว้ปลูกต้นซีลักส์และผลไม้อื่นๆ ต้นซีลักส์นั้นดูไปก็คล้ายกับต้นแอปเปิลที่มีลำต้นสูงไม่มากนัก แต่มีกิ่งก้านสาขาที่กว้างมากกว่า บนต้นมีใบไม้สีเขียวอ่อนขึ้นทึบและผลซีลักส์ที่มีฟ้าอ่อนปนสีชมพูขึ้นอยู่เต็มต้น เจนมองดูทุ่งผลไม้ที่มีสีสันสดใจมากดูสวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว อีกด้านเธอก็เห็นชาวไร่ที่กำลังใช้เวทมนตร์ยกต้นไม้ขึ้นจากพื้นดินอย่างสบาย ๆ แล้วพาไปลงปลูกอีกหลุมหนึ่งไกลออกไป ไม่ไกลกันนักเป็นเด็กผู้หญิงกำลังใช้เวทมนตร์เก็บผลไม้ใส่ตะกร้าได้อย่างรวดเร็ว การทำไร่ที่แปลกใหม่สำหรับเจนนี้ดูเพลิดเพลินไม่น้อย



    เป้าหมายของพวกเจนในครั้งนี้ค่อนข้างจะระบุได้ลำบาก เพราะเป็นแค่การเดินตามคำบอกเล่า ไม่ได้เป็นภารกิจอย่างที่รับมอบเป็นทางการซึ่งจะระบุเป้าหมายและสถานที่ไว้อย่างชัดเจน แถมด้านหน้ายังเป็นป่าทึบที่ไม่มีใครเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน ผู้เล่นส่วนมากที่มายังเกาะแห่งนี้มักจะมาเพื่อพักผ่อนหรือไม่ก็มาลิ้มรสผลไม้ขึ้นชื่อซะมากกว่า มีจำนวนไม่มากนักที่เข้าไปด้านในป่าแต่ก็ต้องล้มเลิกกลับมาเพราะในป่านั้นทึบมากจนเดินทางได้ลำบากมาก และเมื่อเข้าไปก็เจอกับความร้อนชื้นของป่าแถบนี้เข้าเต็ม ๆ จนไม่สามารถเข้าสำรวจป่าจนทั่วได้



    ส่วนชาวเกาะเองก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องออกเข้าไปในป่า พวกเขาอยู่เท่าที่มีได้ด้วยผลซีลักส์ที่เป็นสินค้าส่งออกหลักของทวีป แถมเกาะแห่งนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่แล้ว ทำให้ทุกคนบนเกาะมีเงินใช้กันไม่ขัดสน



    ในตอนแรกพวกเจนเข้าไปในป่านั้นเจอกับความร้อนจนเหงื่อท่วมตัว แต่แค่นี้พวกเธอทนได้สบายมาก ป่าทึบนั้นเต็มไปด้วยแมลงตัวเล็ก ๆ มากมาย เส้นทางที่พวกเธอใช้นั้นก็เดินทางได้อย่างยากลำบากมากเพราะไม่มีทางเดินให้ใช้ ต้องเดินตัดผ่านหญ้ารกชัฏ แหวกเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้หลายสิบเส้นกว่าจะผ่านไปได้



    มอนสเตอร์ที่อยู่ในป่าแห่งนี้นั้นไม่โจมตีก่อนแต่ก็มีอันตรายอยู่เช่นกัน อย่างลิงกับดักที่จะคอยทิ้งผลไม้ใส่คนที่เข้ามาในอาณาเขตของมัน เจนเองก็ไปเหยียบเปลือกกล้วยที่มันทิ้งเอาไว้จนล้มก้นกระแทก หรือจะเป็นงูผลไม้ที่มีเกล็ดเป็นสีสดใสเหมือนผลไม้ แถมตัวของมันยังปล่อยกลิ่นหอมหวนเหมือนกับผลไม้ออกมาเพื่อล่อสัตว์ป่าที่ชอบผลไม้ให้เข้ามาหามัน แต่พวกเจนไม่ได้เข้าไปยุ่งกับสัตว์พวกนี้นักเพราะมีระดับเพียง 65 และตอนนี้พวกเจนอยากจะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายมากกว่าเก็บเลเวล







    การเดินป่าอันยากลำบากนี้ดำเนินต่อไปได้ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ทำให้เจนรู้ว่าทำไมถึงผู้เล่นคนอื่น ๆ ถึงยอมแพ้กัน อากาศที่ร้อนขนาดนี้รวมกับต้นไม้ขึ้นรกทำให้การเดินทางลำบากขนาดนี้ รวมกับความไม่รู้จุดมุ่งหมายที่จะไปมันก็บั่นทอนกำลังใจไม่น้อยเพราะไม่รู้ว่าจะไปถึงเมื่อไหร่



    "แฮ่ก แฮ่ก...นี่ เจน พอมีน้ำบ้างหรือเปล่า คอฉันแห้งไปหมดแล้ว" โจพูดขึ้นอย่างยากลำบาก คอของเขาแห้งผาก น้ำลายก็เหนียวจนกลืนแทบไม่ลง



    "ฉันมีแต่น้ำซีลักส์ที่ซื้อให้คิทซึเนะมา รับนะ เอ้า" เจนว่าแล้วโยนกระติกไม้ให้กับโจ เขายกขึ้นดื่มแล้วส่งกลับคืนให้เด็กสาว



    "นี่ขนาดแค่เดินมาชั่วโมงกว่า ๆ รู้สึกเหมือนกลับเดินมาทั้งวัน ฉันว่าคงมีผู้เล่นคนอื่นตั้งหลายคนพยายามทำเหมือนกับพวกเราแต่ก็คงยอมถอยกันหมดเพราะแบบนี้แหละ พวกเขาทำไม่ได้พวกเราก็คงไม่สำเร็จเหมือนกัน อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้มีเวลาทั้งวันด้วยนะพวกเรากลับกันเถอะ เจน" แจ็คว่า



    เจนเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ต่อให้เสียเวลาทั้งวันไปก็คงไม่พบต้นไม้โบราณที่พนักงานสาวคนนั้นเล่าให้ฟังเป็นแน่ และบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องโกหกหรือนิทานของคนเก่าคนแก่ของชาวเกาะแห่งนี้ก็ได้ใครจะไปรู้ แต่พอจะพูดเสริมความเห็นของแจ็ค คิทซึเนะก็ชี้นิ้วไปยังทิศหนึ่งซึงตอนนี้เจนไม่รู้แล้วว่าทิศไหนเป็นทิศไหน



    "พี่เจน หนูได้กลิ่นอายของเวทมนตร์มาจากทางนั้นด้วยล่ะ" คิทซึเนะพูดแล้วกลับไปดูดน้ำซีลักส์ต่อ



    "กลิ่นอายเวทมนตร์อะไร ฉันได้แต่กลิ่นเหม็นเขียวไปหมดแล้วเนี่ย" โจพูดน้ำเสียงล้อเลียนและทำท่าสูดจมูกดมไปรอบ ๆ จนทำให้คิทซึเนะแยกเขี้ยวใส่และพุ่งเข้าไปกัดตะลุมบอนจนล้มลงไปกลิ้งบนพื้น



    เจนส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจพลางลากจิ้งจอกตัวน้อยออกห่างจากเพื่อนตัวดีของเธอ ตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะโมโหโจที่ไปแกล้งคิทซึเนะแบบนั้น และความจริงเขาก็โดนจิ้งจอกน้อยของเธอเอาคืนอย่างสาสมไปแล้ว



    ทั้งสี่เดินตามทิศที่คิทซึเนะชี้มาได้อยู่พักหนึ่งก็เจอกับกำแพงต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางกันอยู่ ทั้งสามต่างรู้สึกโล่งอกเพราะพวกเธอมาถึงที่นี่ได้ในที่สุด เห็นทีคงไม่เสียแรงเปล่าท่ำยายามมาจนถึงตรงนี้



    "เก่งมากเลย คิทซึเนะ จมูกไม่ใช่ย่อยจริง ๆ" แจ็คเอ่ยชม ส่วนคนถูกชมนั้นตอนนี้ยืนยิ้มร่าอยู่ข้าง ๆ



    "ใช่ ถ้าไม่ได้จมูกของเธอ พวกเราคงไม่มาถึงที่นี่แน่ ขอบใจมากนะ คิทซึเนะ" เจนกล่าวและลูบหัวจิ้งจอกน้อย ซึ่งเจ้าตัวก็ปล่อยให้มือของเจ้านายของเธอขยี้หัวเธอตามใส คิทซึเนะเองก็ดีใจไม่น้อยเช่นกัน ดูจากหางที่ส่ายไปมาอย่างรวดเร็วของเธอ



    "ช่าย ๆ เก่งมาก ว่าแต่พวกเราจะไปยังไงต่อล่ะเนี่ย เจอกำแพงไม้ขวางอยู่แบบนี้ ฉันว่ากว่าจะพังได้คงเสียทั้งแรงทั้งเวลาไม่น้อยเลย" โจบอก เจนเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ในตอนนี้ค่าความเหนื่อยของเธอลดลงจนเหลือไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าลดลงไปมากกว่านี้ล่ะก็พวกเธออาจจะมีแรงไม่พอที่จะกลับไปที่เมืองก็ได้



    "จะให้หนูใช้ไฟเผามั้ยคะ?" เสียงใสถามพร้อมเสกลูกไฟสีฟ้าขึ้นมา พวกเจนต่างรีบห้ามแทบไม่ทัน ต้นไม้ในป่าแห่งนี้แม้จะติดไฟได้ยากเพราะมีความชื้นสูง แต่ถ้าเป็นเพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะล่ะก็ ต่อให้ป่าใหญ่กว่านี้ก็ไม่มีเหลือ



    "ดูนั่น มีอะไรเขียนอยู่บนนั้นด้วย" แจ็คพูดและชี้ไปบนผนังไม้ใกล้ ๆ



    "แต่ฉันอ่านไม่ออกแฮะ ตัวยึกยือไม่เคยเห็น"



    "ฉันเองก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน แต่ฉันว่าฉันเคยเห็นตัวอักษรแบบนี้ที่ไหนมาก่อนนะ" เจนพยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออก



    "ผ่านเนตรแห่งผู้ร่ายมหามนตรา ประจักอักขราบอกทาง..." เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นเรียกสายตาของทั้งสองคนกับหนึ่งตัวหันไปหาด้วยความแปลกใจ



    "อะไร? ฉันเองก็เป็นนักเวทนะ แค่อักขระเวทแค่นี้ฉันอ่านออกอยู่แล้ว"



    "แต่นี่เป็นอักขระเวทโบราณเลยนะ หนูเคยเห็นตอนที่อยู่ที่บ้านแต่หนูยังอ่านไม่ออกเลย แล้วพี่หนวดจะอ่านได้ยังไง" คิทซึเนะถามกลับเสียงแหลมอย่างไม่เชื่อว่าโจจะอ่านอักขระพวกนี้ได้

    โจที่ได้ยินจิ้งจอกตัวน้อยเรียกเขาว่าพี่หนวดก็ชะงักเล็กน้อยเพราะนึกไม่ถึงว่าตัวเล็กๆจะปากกัดได้แสบขนาดนี้ เขามองไปยังเจ้าของที่คงเป็นคนสอนให้พูดอย่างไม่ต้องสงสัย



    "ก็จากที่เขียนอยู่ บอกว่า 'ผ่านเนตรแห่งผู้ร่ายมหามนตรา' แล้วรู้อะไรมั้ย คัมภีร์เวทที่ฉันเอาไปทำพิธีเพื่อเปลี่ยนอาชีพมันก็เป็นคัมภีร์มหาเวทซะด้วย แบ้ม!! ผู้ร่ายมหามนตรา ฉันเอง!!" โจยกมือแสดงท่าทางน่าหมั่นไส้ออกมาทันที แต่เจนก็ต้องยอมรับว่าถ้าหากไม่ได้โจที่อ่านอักขระโบราณได้ล่ะก็คงไปต่อไม่ได้แล้ว เช่นเดียวกันกับถ้าหากขาดคิทซึเนะไปก็คงไม่มาถึงที่นี่แหมือนเดียวกัน



    "ช่างเรื่องนั้นเถอะน่า รีบอ่านต่อได้แล้ว" แจ็คพูดโดยไม่สนใจโจเลยแม้แต่น้อย จอมเวทหนุ่มหันมองเพื่อนของเขาและมาอ้าปากค้าง



    "นี่ถ้าไม่ได้ฉัน พวกนายก็ผ่านไปไม่ได้นะ หัดสำนึกบุญคุณเอาไว้ซะบ้าง"



    "แล้วไงอ่ะ ถ้านายมามัวแต่พล่ามอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้ไปต่ออยู่ดี ตกลงว่าจะอ่านต่อหรือเปล่า" แจ็คถามหน้าตาย ทำให้โจต้องจำใจหันกลับไปอ่านอักขระบนกำแพงไม้ต่อ แต่เขาก็อดพึมพำก่นด่าเพื่อนของตังเองเบา ๆ ไม่ได้ซึ่งแจ็คก็โต้กลับทุกคำเช่นกัน เจนที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ไอ้เจ้าสองตัวนี้มันจะหยุดทะเลาะกันบ้างได้มั้ยเนี่ย



    "..บอกทาง เส้นทางแสนวกวน ที่แท้จริงมีเพียงหนึ่ง" โจเริ่มอ่านต่อ



    "สติปัญญาเป็นสิ่งนำทาง จงมองและก้าวโดยเร็ว หากเวลาผ่านล่วงเลย นับหกสิบทางออกพลันจักหายไป..." ทันทีที่โจอ่านจบ อักขระที่อยู่ตรงหน้าก็เลือนหายไป กลายเป็นแผนที่เขาวงกตมาแทนที่ แต่ยังไม่ทันไรแผนที่นั้นก็จางหายไปอีกและกำแพงไม้ก็ยกตัวเองขึ้นมา เปิดเผยทางเข้าที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นเขาวงกตอย่างไม่ต้องสงสัย



    "เมื่อกี้จำได้หรือเปล่า? เฮ้ย แจ็ค นายจำได้หรือเปล่า ฉันกำลังมึนเลยไม่ทันได้มอง" โจถามน้ำเสียงตกใจ เช่นเดียวกับแจ็คที่มีท่าทางลนลานไม่ต่างกัน



    "ฉันมัวแต่คิดแปลไอ้สำนวนที่นายพูดอยู่จะไปจำได้ยังไง ไอ้ที่นายอ่านเมื่อกี้ 'นับถึงหกสิบ' ฉันว่าหมายถึงหกสิบวินาทีแหงเลย พอนายอ่านจบ จู่ ๆ ก็มีรูปแผนที่เขาวงกตขึ้นมา ไม่ถึงห้าวิก็หายไปแล้ว แบบนี้่ใครจะจำได้"



    "ฉันจำได้..." เสียงของเจนพูดขึ้นเบาๆเรียกสายตาของพวกเขาหันตามไป "ฉันจำได้! รีบตามมาเร็วเข้า!"



    พูดจบเด็กสาวก็รีบจับมือของคิทซึเนะแล้วก็วิ่งตรงไปยังด้านใน ทำให้เพื่อนหนุ่มทั้งสองคนต้องเก็บคำถามของตนเอาไว้ในใจและวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว



    หลังจากตรงเข้ามาเจนก็พบกับเส้นทางสลับซับซ้อน ด้านหน้าของเจนมีทางแยกเต็มไปหมด แต่เธอกลับเลี้ยวไปทางซ้ายอย่างมั่นใจและตรงต่อไปตามแผนที่ที่ยังอยู่ในหัวของเธอ ถ้าตามตามที่แจ็คบอกนั้นถูกต้องจริงก็แปลว่ามีเวลาไม่มากนัก แต่นั่นอาจจะไม่สำคัญแล้วเพราะในเวลาน้อยกว่านั้นเธออาจจะจำแผนที่ตรงหน้าไม่ได้แล้วก็เป็นได้



    ตอนที่เธอเห็นแผนที่ของเขาวงกตแห่งนี้นั้นมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ซึ่งยากที่จะเดินทางทันภายในเวลา 60 วินาที นั่นหมายความว่าเส้นทางที่แท้จริงจะต้องไม่ใช่ทางที่สลับซับซ้อนมากนัก มันต้องเป็นทางตรงและมีทางแยกไม่มาก เธอกวาดตาเพียงครู่เดียวก็พบกับทางออก แต่ถึงจะรู้แล้วว่าต้องไปทางไหน เจนมีความสามารถจดจำรายละเอียดได้อย่างชัดเจนมากแต่ก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ถ้าหากเธอไม่รีบล่ะก็เธอก็คงจะลืมก่อนเวลาที่ทางออกจะหายไปซะอีก



    เจนวิ่งตรงไปตามทางไม่ยอมหยุดเพราะเวลากำลังกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ จากนั้นเธอก็เลี้ยวขวาตามที่จำได้ในหัวและวิ่งตรงไปตามทางลาดสั้น ๆ ที่จะนำไปสู่ทางออกที่เจนจำได้ แต่ทันใดนั้นเองเธอก็พบทางแยกอีกครั้ง แต่ว่าแผนที่ที่เจนจำเอาไว้ได้เลือนหายไปจากความทรงจำแล้ว เจนรีบพยายามทบทวนสิ่งที่เธอจำได้แต่นึกไม่ออกเลยว่าจะต้องไปทางไหน



    "เจน เร็วหน่อย เวลากำลังจะหมดแล้วนะ" โจเร่ง ยิ่งทำให้เจนต้องรีบตัดสินใจ แต่หากเลือกผิดล่ะก็คงไม่มีเวลาย้อนกลับมาทางเก่าอีกแล้ว



    "จะเลือกอะไรก็รีบเลือกเธอเจน พวกเราเชื่อใจเธออยู่แล้ว" โจบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน



    ในตอนนี้ทุกคนหวังพึ่งการตัดสินใจของเธอแล้ว เจนหายใจออกเบา ๆ ก่อนจะติดสินใจ



    "ฟู่ ขวาร้าย ซ้ายดี! ขวาร้าย ซ้ายดี!.... ไปทางขวาก็แล้วกัน!!"



    "เฮ้ย!" สองหนุ่มอุทานพร้อมกันเสียงดัง แต่พอพวกเขาจะวิ่งไปตามที่เจนพูดกลับต้องชะงักอีกครั้งเพราะเธอใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จับมือของโจและลากคอของแจ็คมาพร้อมกัน ทางที่เธอกำลังไปนั้นไม่ใช้ทางขวาอย่างที่เธอพูด แต่เป็นทิศตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง



    เจนพาโจโดยพ่วงแจ็คมาด้วยมือข้างซ้ายและคิทซึเนะด้วยมือข้างขวาวิ่งตรงมาทางแยกข้างซ้ายจากเมื่อครู่ ในตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าทางที่เธอเลือกนั้นจะถูกหรือไม่ เพราะถ้าหากเธอไม่ไปถึงทางออกให้เร็วที่สุดมันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี จนใกล้จะถึงสุดทางเธอก็มองเห็นทางออกจนได้ แต่ว่าจากที่เธอเห็นทางออกกำลังถูกกิ่งไม้ปิดทางลง ด้วยความเร็วตอนนี้ไม่มีทางเลยที่เจนจะไปทันได้ เมื่อเห็นได้ดังนั้นเจนจึงต้องตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง



    พลังสถิตร่าง เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง!!



    ร่างของเจนเปล่งประกายสีทองขึ้นมาอีกครั้ง เท้าของเธอลอยอยู่เหนือพื้นพร้อมทั้งพาร่างของทั้งสามลอยขึ้นมาด้วย เจนใช้พลังทั้งหมดเร่งความเร็วสูงสุดจนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเป็นภาพช้าเหมือนมีคนกดรีโหมดหยุดเอาไว้ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจกับพลังมหาศาลที่เธอเพิ่งใช้ไปตอนนี้และพาร่างของตัวเองและเพื่อน ๆ พุ่งทะยานผ่านทางออกไปอย่างเฉียดฉิว



    ฟ้าวว!! ตูม!



    เสียงเสียดสีของลมดังแสบหูเจนเป็นสัญญาณให้เธอรีบปล่อยมือทั้งสองข้างออก เพียงพริบตาเดียวร่างของเธอก็พุ่งเข้ากระแทกต้นไม้ต้นใหญ่ เธอรู้สึกทั้งเจ็บ ทั้งมึน ทั้งจุกจนพูดไม่ออก ร่างของเธอร่วงลงสู่พื้นและรู้สึกชาจนแทบขยับไม่ได้ เจนเปิดหน้าต่างสถานะขึ้นมาดูก็พบว่าพลังชีวิตลดไปกว่าครึ่ง ค่าพลังเวทมนตร์ของเธอนั้นก็ลดลงจนเหลือ 0 เรียบร้อยแล้วทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งใช้ทักษะไปเท่านั้น ส่วนค่าความเหนื่อยก็ลดลงจนเหลือแค่ 10



    'อู้ยยยย เจ็บเป็นบ้า... หายใจก็ไม่ค่อยออก..' เจนคิดในใจเพราะไม่มีแรงพอที่จะพูดออกมา



    "เจ้านาย! เจ้านายต้องไม่เป็นอะไรนะ เจ้านายต้องไม่เป็นอะไร" คิทซึเนะเข้ามาถึงตัวของเจนก่อน ใบหน้าของเธอดูตระหนกตกใจมากจนลืมเรียกชื่อของเธอตามที่เคยสอนเอาไว้ มือน้อยๆเขย่าร่างของเจนไปมาพยายามจะเรียกให้เจ้านายของเธอลุกขึ้นแต่ในตอนนี้เรื่องนั้นยังยากเกินไปสำหรับเจน เธอยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆแล้วลูบหัวของคิทซึเนะอย่างแผ่วเบา ความอ่อนโยนจากมือของเจนส่งผ่านไปให้กับจิ้งจอกน้อย เธอเลื่อนมือลงมาปาดน้ำตาของเด็กสาวแล้วพูดปลอบ



    "ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" เสียงของเจนแหบแห้งจนน่าตกใจแต่ใบหน้าของเธอที่คงประดับด้วยรอยยิ้มยังคงเป็นขวัญกำลังใจให้แก่คิทซึเนะเสมอ



    จิ้งจอกน้อยรีบนำกระติกน้ำผลไม้ของตนเอาไปให้เจนดื่ม ทันทีที่เจนได้รับสัมผัสรสชาติเปรี้ยวหวานที่คุ้นเคยอีกครั้งเธอก็รู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เริ่มกลับคืนมา ความเหนื่อยก็เริ่มบรรเทาลงจนน่าแปลกใจ ถึงจะไม่ได้ช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้มากนักแต่ก็มีสรรพคุณที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ายาราคาแพงเลย



    แจ็คเข้ามาพยุงร่างของเด็กสาวให้ลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วพาไปนั่งพักที่โคนต้นไม้ใกล้ๆ



    "ขวาร้ายซ้ายดีงั้นหรือ เจน" แจ็คพูดและส่งน้ำยาเพิ่มพลังให้ เจนรับมายกขึ้นดื่มก่อนตอบคำของเพื่อนหนุ่มคนนี้



    "มันติดนิสัยน่ะ นายก็รู้ว่าปกติฉันไม่เชื่อเรื่องโชคลางเท่าไหร่ แต่กันเอาไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย"



    "แล้วนั่นมันอะไร บอกจะไปทางขวาแต่กลับไปซ้าย" คราวนี้โจเป็นคนพูด ดูท่าทางเขายังคงตื่นเต้นจากเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่หาย



    "ก็เพื่อเป็นการหลอกโชคร้ายไง หลอกให้ไปอีกทางแล้วพวกเราก็รีบไปหาโชคดี" เจนว่าและยิ้มบาง ๆ



    "ช่ายเจน เธอนี่ไม่เชื่อเรื่องโชคลางเอาซะเลย" โจพูดและเลิกคิ้วอย่างเหนื่อยใจจากนั้นเขาก็ทิ้งเจนเอาไว้ที่เดิมและออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบ แจ็คเองก็ตามไปสมทบด้วยเช่นกัน



    คิทซึเนะยังคงอยู่ข้างตัวของเจนไม่ห่าง ราวกลับว่ากลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเธออีก ดังนั้นเจนจึงนั่งอยู่เฉยๆและสังเกตบริเวณโดยรอบจากจุดที่เธอนั่งอยู่



    ในตอนนี้พวกเธอนั้นเหมือนกับว่าหลุดเข้ามาในป่าอีกแห่ง เพราะต้นไม้บริเวณโดยรอบนี้ต่างจากก่อนหน้าราวกับฟ้ากับเหว จากก่อนหน้านี้ที่เป็นป่าดงดิบจนไม่มีใครอยากจะเข้ามา ส่วนที่เจนพักอยู่นี้กลับเป็นป่าสีเขียวอ่อน เธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวราวกับอยู่บนสนามหญ้า ต้นไม้ที่เธอมาใช้อาศัยอยู่นั้นเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีใบขนาดเล็กบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาในแถบนี้ได้อย่างน่าแปลกใจ แสงสลัวตอนนี้ช่วยให้เจนรู้สึกผ่อนคลายได้มาก



    หลังจากที่รู้สึกดีขึ้นมาแล้วเจนก็เข้าไปสมทบกับพวกโจที่ยืนอยู่หน้าพื้นที่กว้างยาวเป็นกว่าร้อยเมตรถ้าหากวันตามสายตาของเจน โดยฝั่งตรงข้ามนั้นมีซุ้มต้นไม้สีเขียวตั้งอยู่ราวกับว่าเชิญชวนให้พวกเจนเข้าไปหา



    "ทางไปต่ออยู่นั่นไม่ใช่หรือ พวกนายยืนรออะไรอยู่" เจนถาม โจเป็นคนบอกคำตอบให้โดยชี้ไปยังพื้นตรงหน้า



    พื้นที่ซึ่งขวางกั้นระหว่างพวกเจนกับซุ้มต้นไม้นั้นไม่ได้เป็นพื้นหญ้า แต่เป็นช่องพื้นไม้สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากสีกันไป ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวปกติ สีเหลือง สีน้ำตาล สีแดง สีม่วงและสีน้ำเงิน แต่ละช่องดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่นัก และคำตอบของช่องเหล่านั้นก็โผล่ออกมาทันที ตรงหน้าพวกเจนมีผลไม้ลูกหนึ่งตกมาจากต้นไม้ใกล้เคียง มันกลิ้งลงและไปหยุดอยู่ที่ช่องสีม่วง ทันใดนั้นพื้นไม้ก็เปิดออกและก็มีดอกไม้ขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาเขมือบผลไม้นั้นหายไปในพริบตาจนทำให้ทั้งสี่คนพร้อมใจก้าวถอยออกมาคนละหลายก้าว



    "โอ้ให้ตาย นี่มันอะไรกันวะเนี่ย"







    จากล่าสุดพวกเจนมาถึงที่นี่ก็ราวบ่ายโมง แต่ตอนนี้เวลาบ่ายสามโมงแล้ว เวลาสองชั่วโมงโดยใช้ไปสูญเปล่าโดยไม่สามารถไปต่อได้เลย เจนและแจ็คต่างนั่งพักอยู่ใกล้กับพื้นที่ช่องสี่เหลี่ยม ขณะเดียวกันโจและคิทซึเนะก็กำลังปาหินเล่นไปที่ช่องสี่เหลี่ยมพวกนั้นเพื่อทำให้มีอะไรแปลกๆโผล่ขึ้นมาให้เห็น



    ตอนนี้นอกจากช่องพื้นไม้สีม่วงที่เจนมั่นใจแล้วว่าเป็นดอกไม้จอมหม่ำ เธอก็รู้แล้วว่าช่องสีอื่น ๆ นั้นทำอะไรได้บ้างอย่างเช่นสีเขียวนั้นจะมีเถาวัลย์หนามจะพุ่งมาจับสิ่งใดก็ตามที่เข้ามาด้านในเขตและดึงหายไป หรือสีน้ำเงินที่จะมีดอกไม้พ่นน้ำเมือกสีฟ้าใส่ ส่วนที่โดนเมือกนั้นเข้าก็มีควันขึ้นฟุ้งและละลายหายไปในเวลารวดเร็ว ส่วนสีเหลืองนั้นจะปล่อยละลองสีเดียวกันออกมาจนเต็มไปทั่วบริเวณซึ่งกินพื้นที่มากพอสมควรจนเป็นช่องที่ควรจะระวังมากที่สุด สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือสีแดงที่จะเปิดให้สิ่งที่เข้ามาในอาณาเขตตกลงไปในช่องนั้นซึ่งคิทซึเนะคิดว่าได้กลิ่นกรดเหม็นเปรี้ยวมาจากช่องนั้นด้วย



    สุดท้ายคือช่องสีน้ำตาลซึ่งทั้งโจและคิทซึเนะลองทดสอบดูแล้วว่าเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดโดยเป็นแค่พื้นไม้ธรรมดา แต่ช่องที่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ไกลเกินกว่าที่จะสามารถกระโดดไปไหว ทำให้ทั้งสี่คนต้องมานั่งจมอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว



    "นี่เธอใช้ พลังสถิตร่างพาพวกเราข้ามไปไม่ได้หรือ" แจ็คถาม



    "ตอนนี้พลังเวทไม่พอ แต่ถึงให้มีพลังเวทเต็มก็ยังติดดีเลย์ทักษะอยู่ดี"



    "แล้วอีกนานมั้ย?"



    "ก็คงราว ๆ พรุ่งนี้เช้า" เด็กสาวตอบน้ำเสียงเรียบ ฟังดูเบื่อหน่าย เจนนั้นไม่ค่อยชอบการรอเท่าไหร่นัก การที่เธอมาเสียเวลาอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่



    ในตอนนี้พวกเจนยังไม่อาจทำอะไรได้เพราะยังติดทางหน้าหน้าไปต่อไม่ได้ ครั้งจะกลับก็ทำไม่ได้เพราะทางที่ผ่านมาได้ปิดลงไปแล้ว ที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือรออยู่เฉย ๆ เท่านั้น



    ทั้งสองหันไปมองดูโจและคิทซึเนะโยนหินใส่พื้นกับดักแก้เบื่อ ก้อนหินของคิทซึเนะปาเข้าไปยังช่องพื้นไม้สีแดง เพียงครู่เดียวพื้นไม้ก็เปิดออกและก้อนหินก็ร่วงลงไปด้าน เสียงชี่เหมือนกับน้ำเดือดดังขึ้นมาและพื้นไม้ก็ปิดลง



    แจ็คกระโดดลุกขึ้นทันทีที่เห็น เขารีบหันไปมองช่องเหล่านั้นโดยรอบพลางส่งเสียงอู้อ้าออกมาทำให้อีกสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ หันไปมองด้วยความสงสัย



    "นี่นายทำอะไรน่ะ คิดอะไรได้แล้วงั้นหรือ" เจนถามขึ้นแล้วเข้าไปยืนข้างๆ เช่นเดียวกับโจและคิทซึเนะที่กำลังเดินเข้ามาหา



    "ดูที่พื้นสิ เมื่อกี้ฉันเห็นตอนที่ก้อนหินตกลงไปในช่องสีแดง มันมีช่วงเวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าที่พื้นไม้จะเปิดออก ฉันว่าฉันน่าจะผ่านมันไปได้นะ"



    "นี่นายจะบ้าหรือแจ็ค นั่นมันกับดักชัด ๆ ทางที่เราจะไปต่อได้มีแต่ช่องสีน้ำตาล นี่หัวนายกระทบกระเทือนหรือเปล่าถึงได้พูดออกมาแบบนี้" โจว่า



    "ไม่ใช่ สีน้ำตาลต่างหากที่เป็นกับดัก นายลองสังเกตดูดีๆสิโจ รอบ ๆ ช่องสีน้ำตาลมีแต่ช่องที่พวกเราต่างรู้แล้วว่าเป็นกับดักที่จะทำงานทันทีที่มีอะไรแตะถึงพื้น แต่ไม่มีช่องสีแดงเลยที่อยู่ใกล้กับสีน้ำตาล"



    เมื่อหันไปสังเกตตามที่แจ็คพูด เจนก็เห็นอย่างนั้นจริง ๆ พื้นที่รอบ ๆ ช่องสีน้ำตาลนั้นถูกล้อมด้วยช่องสีอื่น ๆ และการจะกระโดดไปยังช่องสีน้ำตาลถัดไปนั้นก็มีระยะทางไกลจนมีแค่คนที่มีพละกำลังขาระดับซุปเปอร์ฮีโร่เท่านั้นถึงจะทำได้



    "ทางนั้นพวกเราไม่มีทางจะไปได้อยู่แล้ว แต่ลองดูช่องสีแดงสิ มันสลับกันเป็นฟันปลาจนไปถึงสุดทางเลย"



    "ถึงอย่างนั้นฉันว่าไม่มีใครทำแบบนั้นได้อยู่ดีนะ แจ็ค ระยะทางจากนี่ไปถึงสุดทางก็สองร้อยกว่าเมตรได้เลยมั้ง...นั่นมันครึ่งสนามฟุตบอลเลยนะ"



    "ใช่ อย่างที่เจนบอก ถ้าแค่วิ่งเฉย ๆ สองร้อยเมตรน่ะสบาย ๆ แต่นี่มันวิ่งสลับขาเลยนะ แต่ละก้าวก็ต้องยืดขาสุด ๆ แค่ผิดจังหวะนิดหน่อยก็หมายถึงตายได้นะเพื่อน" โจบอกด้วยความเป็นห่วง แต่เพื่อนของเขากลับยิ้มเหมือนว่านั่นไม่ใช่เรื่องยาก



    "นั่นมันสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าเป็นนักกีฬาล่ะก็แค่นี้ทำกันทุกวันจนชิน แล้วรู้อะไรมั้ยโจ แบ้ม! ฉันเองก็ทำแบบนี้ทุกวันล่ะ" เด็กหนุ่มหันกลับมาล้อเลียนเพื่อนของตน แต่ก่อนที่โจจะเข้าไปทะเลาะด้วย เจนก็รีบห้ามเอาไว้ก่อนเพราะเสียเวลามามากแล้ว



    "แล้วนายแน่ใจหรือเปล่าว่าจะผ่านไปได้" เด็กสาวถาม



    "มันก็ไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ยังไงนี่ก็เป็นทางเดียวที่เหลืออยู่นี่นะ" แจ็คพูดแล้วส่งปืนไรเฟิ่ลของเขาฝากให้เจนเพื่อลดน้ำหนักของตัวเองออก เขายืดเส้นยืดสายอยู่ครู่หนึ่ง



    "ฟู่! เอาล่ะ อวยพรให้ด้วยนะ"



    พอพูดจบแจ็คก็กระโดดไปยังช่องสีแดงที่ใกล้ที่สุด ทันทีทีเท้าของเขาแตะบนพื้นเขาก็รีบก้าวต่อทันทีซึ่งทันเวลาฉิวเฉียดที่พื้นไม้สีแดงเปิดออก แจ็คสับเท้าไปมาอย่างช่ำชองด้วยความเร็วสูง สายตาของเขาจดจ้องกับพื้นไม้สีแดงตรงหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยความที่เข้าตั้งสมาธิอย่างสูงทำให้เขาสามารถรักษาความเร็วไปปกติแต่นั่นก็เรียกเหงื่อให้ออกมาจนชุ่มตัว



    ทางพวกเจนที่กำลังลุ้นจนตัวโก่ง ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสิ่งที่แจ็คพูดนั้นเป็นความจริงมิใช่น้อย การสับขาไปมาในช่องสี่เหลี่ยมนั้นจะต้องใช้ความเร็วและความอดทนที่สูงมาก ถ้าหากช้าไปหรือเร็วเกินไปจนเสียจังหวะก็มีสิทธิ์พลาดได้ทุกเมื่อ ถ้าหากเป็นเจนหรือโจล่ะก็คงไปไม่รอดถึงครึ่งทางอย่างแน่นอน



    แต่ในตอนนี้แจ็คไปได้เกินกว่าครึ่งทางแล้ว อีกไม่กี่สิบเมตรเขาก็จะผ่านไปได้ ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนขากำลังจะระเบิดออกมา การก้าวสับด้วยความเร็วสูงและระยะทางยาวขนาดนี้มันเป็นการทรมานร่างกายตัวเองมากกว่าการออกกำลังกายเสียอีก จากนอกเกมนั้นเขาออกกำลังกายแบบนี้เพียงวันละห้าสิบเมตรเท่านั้นซึ่งเป็นมาตรฐานของการฝึกของที่บ้านเขา ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือผู้มาใช้ยิม ในตอนแรกแจ็คมั่นใจมากกว่าถึงระยะทางจะยาวกว่าเดิมแต่เขาคงจะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้เขากลับเริ่มไม่มั่นใจอย่างนั้นแล้ว



    เป็นโชคดีของเขาที่ก้าวสุดท้ายได้ผ่านพ้นไป แจ็คกระโดดพุ่งข้ามทางเข้าสู่เขตปลอดภัยในอีกฝั่งหนึ่งได้สำเร็จด้วยร่างที่เหงื่อโทรมกาย พื้นไม้ทั้งหมดค่อย ๆ กลายเป็นสีน้ำตาลจนพวกเจนสามารถเดินข้ามไปได้อย่างปลอดภัย



    "สุดยอดไปเลยแจ็ค นายนี่มันไอ้ตัวอึดสุดยอดจริง ๆ" โจพูดอย่างดีใจแล้วเข้าไปตบหลังเพื่อนที่กำลังนอนคว้ำอย่างหมดแรงอยู่บนพื้น



    "ใช่ ทำได้แจ๋วมากเลย แต่ฉันขอแค่ชมนายจากตรงนี้ก็พอนะ ตัวนายในตอนนี้เหม็นสุด ๆ เลย" เจนบอกแล้วส่งน้ำกระติกน้ำซีลักส์ให้เพื่อนของเธอดื่นแก้เหนื่อย ส่วนเจ้าตัวนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพราะไม่มีแรงพอที่จะพูดไหวแล้ว



    หลังจากที่โจดื่มน้ำซีลักส์กระติกสุดท้ายของเจนที่ตอนแรกตั้งใจจะซื้อมาให้คิทซึเนะหมดแล้ว พวกเจนก็ตรงไปที่ซุ้มต้นไม้สีเขียวซึ่งเป็นทางออกเดียวในตอนนี้ ซุ้มนี้เป็นโครงสูงที่เป็นต้นไม้ขึ้นเป็นทางเข้า มีใบไม้เขียวขจีอยู่เต็มโครงซึ่งตั้งอยู่เดี่ยว ๆ ในพื้นที่แห่งนี้ เมื่อเจนมองทะลุไปก็เห็นเป็นป่าอีกแห่งซึ่งต่างจากป่างที่เจนอยู่ในตอนนี้ พอจะเดาได้ว่านี่คงเป็นประตูมิติอะไรซักอย่าง



    ทั้งสี่เดินเข้าผ่านประตูมิติมาพบกับทางเดินยาวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีคำใบ้ ไม่มีพื้นที่แปลกประหลาด เป็นเพียงทุ่งหญ้าภายใต้ร่มเงาจากต้นไม้สูงใหญ่ ใจกลางนั้นเจนเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งที่เธอเคยเห็นมาจนเธอคิดว่าคงใหญ่กว่าต้นไม้ที่เธอเห็นตอนที่เริ่มเล่นเกมซะอีก ส่วนอีกด้านหนึ่งเธอเห็นต้นไม้ดูคุ้นตาอยู่หลายสิบต้น และผลไม้สีฟ้าอ่อนปนชมพูแต่มีขนาดใหญ่กว่าที่เธอเคยเห็นหลายเท่า



    "ผลซีลักส์ยักษ์!! ว้าว!!!" เสียงของคิทซึเนะตะโกนเสียงดังอย่างดีใจและวิ่งเข้าไปหาทันที แจ็คและโจเองต่างก็ตรงเข้าไปหาอย่างสนใจเช่นเดียวกัน



    แต่เจนนั้นกลับสนใจต้นไม้ขนาดใหญ่ตรงหน้ามากกว่า มันเป็นต้นไม้สูงใหญ่ กิ่งก้านสาขาของมันมีความกว้างจนสามารถปกคลุมทุ่งหญ้าทั้งหมดโดยรอบได้ เมื่อเจนเดินเข้าไปถึงก็พบว่าลำต้นของมันมีขนาดใหญ่มากกว่าสิบคนโอบที่บ่งบอกได้ถึงความเก่าแก่ของมันต้องไม่ต่ำกว่าพันปีอย่างแน่นอน



    เพียงครู่เดียวที่เจนสังเกตเห็นแสงที่หางตา เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นเป็นเมล็ดสีเขียวอ่อนอยู่ในรูของตาไม้บนลำต้นกำลังลอยอยู่บนน้ำใส เจนยื่นมือไปหยิบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว



    เมล็ดพันธุ์แห่งบ้านต้นไม้ ระดับ S

    เป็นเมล็ดอ่อนที่สามารถปลูกขึ้นมาโตเป็นบ้านต้นไม้ได้



    ของระดับ S แต่มีคำอธิบายเพียงเล็กน้อยเช่นเดิม ทำให้เจนนึกถึงไข่ก้อนเมฆที่เก็บเอาไว้นานแล้ว เธอเก็บเมล็ดพันธุ์แห่งบ้านต้นไม้เข้าช่องเก็บของแล้วหยิบไข่ออกมาพร้อมกับน้ำผลอิกดราซิลที่ได้มาจากแจ็คเมื่อก่อนหน้านี้



    "เจน!" เสียงเรียกของโจดังขึ้นจากด้านหลังเธอ เขาและแจ็คกำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับสีหน้าที่เบิกบานใจสุด ๆ ส่วนคิทซึเนะนั้นเดินกลับมาตั้งแต่ที่เจนเรียกครั้งแรกแล้วพร้อมกับผลซีลักส์ขนาดใหญ่เท่ากับผลแตงโมสามลูกอย่างสบายอารมณ์



    "ดูนี่สิเจนผลซีลักส์ขนาดบะเหิ่มเลย คุ้มจริง ๆ กับที่ฝ่าด่านพวกนั้นมากได้ โอกาสดี ๆ แบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว" โจพูดด้วยน้ำเสียงระรื่นและชี้ให้เห็นผลซีลักส์ที่อยู่กับคิทซึเนะแต่เจนไม่สนใจเรื่องนั้นนัก เธอรับผลซีลักจากจิ้งจอกน้อยเก็บใส่กระเป๋าและยกไข่ก้อนเมฆและน้ำอิกดราซิลขึ้นมาให้เห็น



    "ฉันว่าที่นี่พวกเราคงฟักไข่พวกนี้ได้แล้วล่ะ ไม่มีใครมาเห็นแน่นอน ว่าแต่จะต้องทำยังไงล่ะถึงจะฝักไข่นี้ได้" เจนถาม



    "ก็แค่เทน้ำลงไปบนไข่เท่านั้นก็พอ" โจบอกพลางหยิบไข่โคลนตมของตนขึ้นมา



    "หา แค่นั้นน่ะนะ นายแน่ใจหรอโจ" แจ็คเป็นคนถามด้วยความสงสัย เพราะมันดูง่ายดายซะเหลือเกิน



    "ก็แค่นั้นแหละ ถึงเกมนี้จะเน้นความเป็นจริงแต่ยังไงมันก็เป็นแค่เกมนะ หรืออยากจะใช้เข็มฉีดเข้าไปในไข่ก็ได้ ไม่มีใครห้ามหรอก"



    เจนพอเข้าใจสิ่งที่โจบอก ถึงเกมนี้จะมีจุดขายที่เน้นความเป็นจริงมาก แต่ถ้าหากมากเกินไปก็คงไม่มีใครชอบเช่นกัน ถ้าหากเจนจะต้องทำอย่างที่โจบอกเพื่อกระตุ้นไข่ให้ฝักจริง ๆ ล่ะก็ เธอคงใช้วิธีฟักธรรมดาแล้วเก็บน้ำอิกดราซิลไว้ใช้อย่างอื่นดีกว่า



    ทั้งสองคนยกขวดน้ำอิกดราซิลขึ้นเหนือไข่ของตน เจนและโจมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้สัญญาณ ทั้งสองเทน้ำจากผลอิกดราซิลลงบนไข่ทั้งสองใบพร้อมกันและถอยห่างออกมาเพื่อรอดูผลที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไปได้พักหนึ่งกลับยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย



    "อะไรล่ะเนี่ย ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยล่ะ" เด็กสาวพูดขึ้นด้วยความแปลกใจแล้วหันไปหาเจ้าตัวต้นคิดที่มีสิทธิ์จะทำให้แจ็คต้องเสียน้ำอิกดราซิลไปฟรี ๆ



    "แต่ว่าตอนที่ฉันอ่านในคู่มือมันบอกแบบนั้นนี่หว่า หรือว่าฉันจะจำอะไรผิดไปหรือเปล่า...อ๊ะ นั่น!" โจพูดด้วยน้ำเสียงตกใจและชี้ไปยังไข่ทั้งสองใบที่เริ่มมีปฏิกิริยา



    ไข่ของโจนั้นดูท่าจะมีปัญหาเล็กน้อยเมื่อมันกลิ้งลงไปตามทางลาดจนทำให้เขาต้องวิ่งตามไปเก็บ ส่วนไข่ก้อนเมฆของเจนนั้นเริ่มส่ายไปมาจนเจจนต้องเข้าไปประคองก่อนที่จะล้มลงไป แต่มันคงไม่เป็นแบบนั้นเมื่อไข่ใบสีขาวของเธอได้กะเทาะออกมาแล้ว



    เจนมองมังกรตัวเล็กสีขาวออกมาจากไข่ตรงหน้า มันเป็นมังกรที่มีลำตัวยาวแบบจีนแต่มีปีกเล็ก ๆ อยู่สี่คู่ระหว่างขาหน้าและขาหลังดูแปลกตา ดวงตาสีน้ำเงินใสของมันมองหน้าของเด็กสาวด้วยความสงสัยแล้วเอียงหัวจนทำให้เธอและคิทซึเนะเอียงตามอย่างไม่ตั้งใจ ตอนนั้นเองเจนได้ยินเสียงในหัวของเธอ



    ท่านได้รับสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ มังกรฟ้า โปรดตั้งชื่อ



    "เอ๋ เอาชื่ออะไรดีล่ะ ชื่ออะไรดี...." เจนคิด เธอนั้นไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน การที่จะตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยงตัวเองแบบนี้ เธอไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงมาก่อนในชีวิต ถึงจะเป็นคนรักสัตว์ตัวเล็ก ๆ มากแค่ไหนก็ตามแต่เธอก็ไม่มีเวลาพอที่จะให้กับสัตว์เลี้ยงของเธอ



    พอได้โอกาสมีสัตว์เลี้ยงกับคนอื่นบ้างในเกมแห่งนี้ คิทซึเนะนั้นก็มีชื่อของตัวเองแล้วจึงไม่มีปัญหา แต่พอมาถึงตามังกรฟ้าตัวนี้เธอนั้นก็คิดหัวหมุนเลยทีเดียวที่จะคิดชื่อให้แก่มัน



    'ตายแล้วคิดไม่ออกเลย ว่าแต่นี่เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะเนี่ย' เจนคิดในใจ ถึงจะเป็นสัตว์เลี้ยงแต่เธอชอบเรียกให้ว่าเป็นคนซะมากกว่า



    "พี่เจน มังกรตัวนี้ได้เป็นสัตว์เลี้ยงของพี่เจน แสดงว่าต้องเธอเป็นน้องสาวของหนูใช่มั้ยคะ" เสียงใสเอ่ยถาม



    "เอ๋ นี่คิทซึเนะดูออกหรอว่าเป็นผู้หญิง" เจนหันไปถามด้วยความแปลกใจ แต่คิทซึเนะกลับมองมาที่เจนด้วยสีหน้าสงสัย



    "ก็ต้องดูออกอยู่แล้วสิว่าน้องเป็นผู้หญิง พี่เจนดูไม่ออกหรือคะ จะให้คิทซึเนะบอกให้ว่ามันต้องดูตรงไหน" จิ้งจอกน้อยเสนอแต่เจนปฏิเสธไปดีกว่าเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าครั้งต่อไปเมื่อเจอมังกร สิ่งแรกที่เจนจะมองหาคือเพศของมันซะอย่างนั้นเอง



    "เป็นผู้หญิงหรอก...ถ้าอย่างนั้นเอาชื่อฟีบีฟังดูเป็นไง" เจนหันไปพูดกับมังกรตัวน้อย มันยังคงมองเจนด้วยความสงสัยอยู่เหมือนกับว่าไม่เข้าใจ



    "ตั้งแต่นี้ไป เธอมีชื่อว่า ฟีบี นะ เข้าใจหรือเปล่า" เจนบอกและเอามือลูบหัวมังกรสีขาวตัวน้อยซึ่งมันก็ร้องอย่างชอบใจงับนิ้วของเจนเบา ๆ แสดงความเป็นมิตร



    "ฉันชื่อว่าเจนนะ ส่วนนี่คือคิทซึเนะ เป็นพี่สาวของฟีบี เข้าใจนะ" เจนพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำแล้วหันไปหาจิ้งจอกน้อยที่มองฟีบีด้วยดวงตาลุกวาว "ตั้งแต่นี้เป็นฟีบีกลายเป็นน้องสาวของคิทซึเนะแล้ว ดังนั้นต้องดูแลน้องดี ๆ เข้าใจนะ"



    "เข้าใจแล้วค่า!" เสียงใสพูดตอบแล้วเข้าไปหาฟีบีที่ตอนนี้กำลังเดินเข้าไปดมตัวของคิทซึเนะด้วยความอยากรู้อยากเห็น



    ในขณะเดียวกันนั้นโจก็เดินกลับมาพร้อมกับบางสิ่งที่คล้ายกับก้อนหินก้อนใหญ่ในมือ



    "เฮ้! โจ! นั่นนายถืออะไรมาน่ะ" แจ็คตะโกนถามเมื่อเห็นตัวเพื่อนของเขาเดินกลับมา



    แต่โจไม่ตอบคำและวางก้อนหินลงบนด้านหน้าของเจนจากนั้นจึงค่อยพูดขึ้นมา "นี่...คือสัตว์เลี้ยงของฉัน"



    "หะ...นี่มันอะไร ก้อนหิน?...หรือว่าเป็นเต่า?" เจนถามและก้มลงไปสำรวจด้วยความสงสัย



    "เปล่า....นี่คือมังกร"



    จบตอนที่ 16 ภารกิจแห่งป่า



  38. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  39. #23
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    GB
    กระทู้
    383
    กล่าวขอบคุณ
    217
    ได้รับคำขอบคุณ: 426
    เข้ามา ปั๊มกระทู้ Go to 300 เป็นกำลังใจครับ

    เห็นแล้ว รู้สึกนับถือความตั้งใจ


    ชีวิตผมทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักที เรียนก็ไม่จบ ก็มีแต่เกมเท่านั้นแหละ ที่เล่นจนจบได้


    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย manmao : 10th January 2014 เมื่อ 13:48

  40. #24
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    386
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 162

    ตอนที่ 17 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด

    ตอนที่ 17 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด



    "หะ นี่นายกำลังบอกว่าเจ้าก้อนหินนี่เป็นมังกรงั้นหรือ ไข่ระดับ A ของนายเนี่ยนะ" แจ็คพูดถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะเกมนี้ถือว่ามังกรเป็นมอนสเตอร์สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเกม มีคนจำนวนไม่มากที่เคยได้ฆ่าพวกมัน และมีจำนวนน้อยยิ่งกว่าที่จะมีอาชีพเกี่ยวกับมังกรหรือมีพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นนี้ สุดท้ายคือยังไม่เคยมีใครพบเจอมอนสเตอร์มังกรระดับบอสมาก่อนเลยในเกม



    "ใช่ เจ้านี่เป็นมังกรหิน พอออกจากไข่มันก็พุ่งลงใส่แตงนี่ทำให้ตัวมันใหญ่ขึ้นมาแบบนี้ แต่ว่ามันไม่คุ้มเลย" โจบอกแล้วยืนแตงใบเล็กสีเขียวอ่อนขึ้นมา เจนรับไปแล้วลองตรวจสอบดู



    แตงโตวันโตคืน ระดับ B

    ผลไม้ที่มีผลช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากใช้กับสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์อสูรจะสามารถทำให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่จะต้องเข้าจำศีลจนกว่าระดับของสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มเป็นตามระดับที่ต้องการ



    "ตัวโตแต่เล่นเข้าจำศีลตั้งแต่เกิดแบบนี้เลยหรือ ฉันเองก็ว่าไม่คุ้ม" เจนบอกแล้วส่งแตงคืนไป แต่โจบอกให้เจนเก็บเอาไว้เพราะไม่อยากจะแตะต้องมันอีก เด็กสาวจึงเก็บผลไม้ใส่กระเป๋าพร้อมคิดว่าอาจจะมีโอกาสใช้มันก็ได้ในอนาคต



    "แล้วนายจะทำยังไงต่อ จะยกเจ้านี้กลับไปที่เมืองงั้นหรือ"



    "เรื่องสิ ฉันเตรียมเอาไว้ตั้งแต่อยู่เมืองเริ่มต้นแล้ว ดีนะที่เจ้านี่ยังเป็นยศทหารอยู่ คงเอาใส่ในนี้ได้" โจว่าแล้วล้วงเอาสร้อยคออกมาจากในเสื้อคลุม เป็นสร้อยเงินธรรมดาที่มีอัญมณีสีเหลืองอำพันเป็นแกนกลางดูราคาไม่แพงมากนัก เขายื่นหินอำพันเข้าหาเจ้ามังกรหินที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าแล้วพูดคำว่าผนึก มันใดนั้นร่างของมันก็กลายเป็นแสงแล้วถูกดูดเข้าไปในสร้อยทันที



    "เฮ้ย! นั่นอะไรวะ! นายทำอะไรกับเจ้าตัวนั้นน่ะ!" เจนตะโกนด้วยความตกใจจนเผลอสบถออกมาโดยไม่ตั้งใจ



    "ใจร่ม ๆ เจน นี่มันเกมนะอย่าลืมสิ ฉันแค่เก็บเจ้าโอร็อกของฉันเข้าไปในสร้อยเฉย ๆ จะได้เดินสบาย ๆ ไง" โจบอก



    "โอร็อก...ฮ่ะ ๆ เซ้นส์ในการตั้งชื่อของพวกนายนี่พอ ๆ กันเลย" แจ็คพูดพลางพยายามกลั้นหัวเราะ



    "เรื่องของฉันน่า" โจโต้กลับแล้วหันมามองฟีบีที่กำลังทำความคุ้นเคยกับคิทซึเนะ



    "เธอเองก็ได้มังกรงั้นหรือ แต่มีลักษณะแบบนี้ดูเด่นมากเลยนะ ฉันว่าเธอเก็บเข้าที่เก็บสัตว์เลี้ยงดีกว่า"



    "แบบสร้อยของนายนั่นน่ะหรือ"



    "ใช่ ฉันซื้อเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมืองไทริสแล้ว...อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้ซื้อเอาไว้"



    เจนให้คำตอบด้วยการส่ายหัว เธอไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยเพราะในตอนแรกนั้นเธอมัวแต่สนใจกับเรื่องอื่นอยู่ อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีของอย่างนั้นอยู่ด้วย ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีของสิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ เธอรีบยกดาบคุซานางิขึ้นมาดูและก็พบว่านอกจากทักษะที่เก่งกล้าแล้ว ยังสามารถเก็บสัตว์เลี้ยงได้ถึง 8 ตัว



    "ฉันเพิ่งนึกขึ้นมาได้ รู้สึกว่าดาบเล่มนี้จะสามารถใช้เป็นที่เก็บมอนสเตอร์ได้ด้วยนะ แถมได้เยอะซะด้วย" เจนบอก



    "ฉันก็ไม่แปลกใจหรอก ดาบระดับนั้นจะมีความสามารถเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้อยู่ก็ถือว่าธรรมดา” โจจ้องมองดูฟีบีที่กำลังหันเดินอยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง



    “ฉันคิดว่าเธอควรจะเก็บมังกร..ฟีบี เข้าไปในดาบไว้ก่อนนะ อย่างคิทซึเนะเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ แต่คนทั่วไปอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเป็นเอไอเพราะเธอมีรูปร่างเป็นมนุษย์ แต่ว่ากับฟีบีแล้วมันต่างกัน คนที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นมังกรนั้นทั่วไปจะเป็นแค่พวกมังกรที่เป็นแบบมังกรยุโรปหรือลำตัวยาวแบบมังกรจีน อย่างมากก็เป็นแค่มังกรธรรมดาเท่านั้น แต่ว่าเฉพาะมังกรที่มีลักษณะเด่นอย่างมีสี่ปีกแบบนี้จะต้องมีคนอยากได้มากแน่ ๆ" โจบอก



    เจนในตอนนี้ก็เริ่มสังเกตข้อนั้นได้เช่นกัน รูปร่างของฟีบีไม่ว่าใครต่างเห็นก็ต้องยากที่จะลืมได้ ไม่ว่าคนที่ต้องการจะเอามันไปเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่นหรือสัตว์อสูรเอาไว้ต่อสู้จะต้องเข้ามาหาเธอ หรือบางที เข้ามาขโมยฟีบีน้อยไปจากเธอ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เจนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น



    "ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคิทซึเนะเองค่ะ หนูเป็นพี่สาวของฟีบี หนูจะปกป้องน้องไม่ให้ใครมายุ่งเด็ดขาดเลย" เสียงใสพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ เธอแสดงสีหน้าที่มุ่งมั่นมากจนเจนยากจะปฏิเสธ แต่ถึงคิทซึเนะออกตัวขนาดนั้นมันก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่าย ๆ



    "แต่ว่าถ้าคิทซึเนะทำอย่างนั้น ก็ยิ่งสร้างปัญหาให้กับเจนนะ ถึงยังไงก็ตาม ถ้าหากฟีบียังไม่สามารถดูแลตัวเองจากคนอื่น ๆ ได้ก็ยังอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้มีคนเห็นในเมือง แล้วอีกอย่าง ราคาของมังกรในตลาดก็สูงอยู่มาก ยิ่งเป็นมังกรเด็กแล้วล่ะก็ยิ่งเป็นที่ต้องการของพวกผู้ฝึกสัตว์อสูรเลยล่ะ" แจ็คบอก



    "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็มีทางเลือกอยู่ทางเดียว จนกว่าพวกเราจะออกนอกเมืองไปหาที่เก็บระดับกันอีกที ฟีบีคงต้องอยู่ในดาบไปก่อน เว้นช่วงที่นอนในเต็นท์หรือในโรงแรมก็คงไม่มีปัญหาถ้าหากยังตัวเล็กอยู่แบบนี้นะ"



    "เอ๋! แต่ว่าหนูอยากอยู่กับฟีบีนี่นา" คิทซึเนะค้านคำของโจ สงสัยเธอคงจะเป็นเด็กสาวติดน้องเข้าซะแล้ว



    "ถ้าอย่างนั้นคิทซึเนะก็เข้าไปอยู่กับฟีบีก็แล้วกันนะ" เจนเสนอ



    "แต่ว่า..." จิ้งจอกน้อยพูดพึมพำ ท่าทางของเธอบอกเจนได้เลยว่าแม้เธออยากจะอยู่กับฟีบี แต่ก็ไม่อยากออห่างจากเจนเพราะกลัวเธอจะเป็นอันตราย



    "ไม่เป็นอะไรหรอกจ๊ะ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น ฉันจะเรียกคิทซึเนะออกมาแน่ ๆ"



    เมื่อได้ยินคำของเจ้านาย คิทซึเนะก็ยิ้มร่าออกมา เจนจัดการยื่นดาบไปด้านหน้าและผนึกทั้งสองเข้าไปในดาบซึ่งก็ไม่ต่างไปจากตอนที่โจเก็บมังกรหินของตนเท่าไหร่นัก



    หลังจากแน่ใจแล้วว่าทั้งคู่ปลอดภัยแล้วเจนก็หันมาหาเพื่อนทั้งสองคนและส่งเมล็ดพันธุ์แห่งบ้านต้นไม้ให้ทั้งสองคนดู



    "ฉันได้นี่มาจากต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ดูท่าทางเรื่องเล่าที่ว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการสงสัยจะไม่เป็นจริงซะแล้ว" เจนบอกแล้วรับเมล็ดคืนมาและเก็บใส่ช่องเก็บของ



    "ใครบอกว่าไม่จริง พวกเราอยากได้ผลซีลักส์ขนาดใหญ่แบบนี้ตั้งแต่ฟังเรื่องนั้นแล้ว แถมพวกเราเก็บมารวมกันก็ได้เป็นร้อยลูก เอาไว้กินได้อีกนาน" โจบอกด้วยท่าทางร่าเริง



    "ลองคิดดูสิว่าถ้าพวกเราเอาไปขายในเมืองจะได้ราคามากแค่ไหร่ กำไรเหนาะ ๆ"



    "นี่แจ็ค นายมีเงินเป็นล้านอยู่กับตัวอยู่แล้ว นี่นายยังจะหาเงินอีกงั้นหรือ" เจนพูด ในตอนนี้เธอไม่รู้สึกต้องการหาเงินเพิ่มเท่าไหร่แล้ว และนอกจากนี้ยังมีเงินอีกจำนวนมากที่พวกเธอจะได้จากการประมูลทองคำที่โจหามาก่อนหน้านี้อย่างไรก็ตาม เจนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากเร็ว ๆ นี้ซักหน่อย



    "เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราต้องการจะเงินนะ มีเอาไว้ก่อนดีกว่าเสียใจ" แจ็คทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่จะนั่งพักก่อนเดินทางออกจากป่าแห่งนี้







    หลังจากที่เจนพักจนหายเหนื่อยแล้ว เธอและพวกโจพากันเดินออกมาจากป่าแห่งนั้นมา โดยเส้นทางกลับนั้นเร็วและสบายกว่ามาก ป่าทึบที่เคยผ่านตอนนี้กลับกลายเป็นป่าสนธรรมดาเท่านั้น ทั้งเถาวัลย์ ทั้งความร้อนชื้นที่เคยสัมผัสกลับหายไปซะสิ้น เมื่อออกมานอกป่าก็พบว่าพวกเจนเดินใช้เวลาเดินทางเข้าไปเป็นชั่วโมง แต่ขากลับออกมาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง ระยะทางที่ใช้เดินก็ไม่ได้ไกลเลยด้วยซ้ำไป



    ตอนนี้เจนไม่คิดจะสงสัยอะไรทั้งนั้นเพราะเธอทั้งรู้สึกเหนื่อยมาก เธอตรงกลับเข้าเมืองโดยแวะซื้อของกินที่เป็นเนื้อหลาย ๆ ชนิดเพื่อจะเอาไว้ให้ฟีบีลองกินดู และก็ไม่ลืมซื้อขนมสำหรับคิทซึเนะและตัวเธอเองด้วย ถึงแม้บนเรือจะมีห้องอาหารเตรียมพร้อมและรสชาติก็ไม่เลว แต่ไม่ค่อยมีของหวานมากนัก และท้องของคิทซึเนะที่สามารถจุของหวานได้มหาศาลก็ทำให้เจนต้องซื้อขนมเอาไว้เยอะ ๆ เลยทีเดียว



    หลังจากใช้บริการห้องอาบน้ำเสร็จแล้วพวกเธอก็ตรงขึ้นเรือทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้เล่นน้ำทะเลอย่างที่หวังไว้ แน่นอนว่าเป็นแค่โจและแจ็คหวังเอาไว้แค่สองคน เจนนั้นไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนคิทซึเนะนั้นมั่วแต่เล่นกับฟีบีอยู่ในห้องจนไม่ไดสนใจเรื่องเล่นน้ำซักนิด



    จากนั้นไม่นานเรือก็ออกจากท่าตามกำหนดการ เจนมองเกาะซีลาโกผ่านกระจกของห้องพักที่กำลังเล็กลงเรื่อย ๆ ถึงเธอจะอยู่บนเกาะไม่นานนักแต่ก็มีเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ซึ่งแต่ละเรื่องก็เป็นที่น่าจดจำจนเจนคิดในใจว่าจะต้องกลับมาที่เกาะนี้อีกครั้งให้ได้เลยทีเดียว



    "เจน มาลองกินนี่สิ เนื้อผลซีลักส์นี่อร่อยยิ่งกว่าน้ำคั้นที่ดื่มบนเกาะอีก" โจเรียกเด็กสาว เมื่อหันไปเจนก็พบว่าทั้งสามรวมถึงฟีบีกำลังกินผลซีลักส์ที่ถูกผ่าเป็นซี่คล้ายกับแตงโมวางอยู่เต็มพื้นห้อง ฟีบีกำลังกัดเนื้อผลไม้สีชมพูอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีจิ้งจอกน้อยที่คืนร่างเดินนั่งกินอยู่ข้าง ๆ ถึงจะไม่กี่ชั่วโมงที่มังกรน้อยเพิ่งเกิดมาและจะเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน แต่คิทซึเนะก็ทำหน้าที่พี่สาวได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว



    ทางฟีบีเองก็ท่าทางปรับตัวได้เร็วมาก ปกติแล้วเธอจะคลุกตัวกับคิทซึเนะเป็นส่วนมาก แต่มังกรน้อยก็ชอบเข้ามาคลอเคลียอยู่กับเจนอยู่เป็นประจำ คงจริงอย่างที่ว่ากันไว้ เมื่อฟีบีเกิดขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอเห็นคือใบหน้าของเจนที่กำลังมองเธอด้วยความตื่นเต้น ในตอนนี้เจนกลายเป็นคุณแม่จำเป็นอย่างเป็นทางการของฟีบีเป็นที่เรียบร้อย เธอได้แต่หวังว่าฟีบีของเธอจะไม่มองโจหรือแจ็คเป็นพ่อเท่านั้นเอง



    เจนรับชิ้นของผลซีลักซ์ที่โจส่งมาให้ มันถูกตัดเป็นเสี้ยวแบบเดียวกับที่ตัดแตงโม เธอลองกัดดูหนึ่งคำ รสเปรี้ยวหวานแผ่ซ่านไปทั่วปาก เธอรู้สึกได้ถึงน้ำผลไม้ที่ทะลักท้วมปากทุกครั้งที่เคี้ยวเนื้อผลไม้ สิ่งที่ผลซีลักส์ดีกว่าแตงโมก็คือมีน้ำมากกว่าและมีเม็ดน้อยกว่าทำให้กินได้อย่างสบายใจ



    "อร่อยจริง ๆ ดีนะที่นายเก็บมาเยอะ" เจนเอ่ยชมแล้วนั่งลงกินข้าง ๆ เพื่อนทั้งสองคน ในขณะที่คิทซึเนะและฟีบีนั่งกินอยู่บนพื้น



    "หึหึ บอกแล้วว่าโอกาสแบบนั้นหาไม่ได้อีกแล้ว" โจว่า เขากัดผลไม้หนึ่งคำแล้วหันไปพูดกับแจ็ค "จากนี้อีกประมาณสามวัน พวกเราคงไปถึงทวีปไลทาเชีย จากนั้นพวกเราก็เดินทางไปที่เมืองรีเด็มชั่นเลยใช่มั้ย"



    "ใช่ ที่นั่นเป็นเมืองที่มีปืนกระบอกเล็กที่ดีที่สุดในเกม ฉันอย่างจะลองหามาใช้ดูบ้าง และจะได้โอกาสเปลี่ยนอาชีพเป็นมือปืนด้วย...แต่ถ้าหากมีอาชีพอะไรที่ดีกว่าก็น่าลอง"



    "แล้วจากเมืองที่เราจะไปเทียบท่าถึงเมืองนั้นอยู่ไกลหรือเปล่า" เจนถาม



    "ไม่ไกลหรอก แต่อาจจะต้องเตรียมการเดินทางอยู่ซักหน่อย เพราะแถวนั้นเป็นทะเลทราย ถึงไม่ใช่ทะเลทรายระอุแบบไม่มีอะไรเลยก็เถอะ แต่สภาพแวดล้อมก็โหดร้ายใช่เล่น" โจเป็นคนตอบ



    "งั้นก็แปลว่าต้องอยู่ไปแบบนี้อีกสามวันงั้นหรือ....เฮ่อ น่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหน่อยน้า อยู่เฉย ๆ แบบนี้มันน่าเบื่อจริง ๆ" เด็กสาวรำพึงขณะก้มลงกินผลไม้ตรงหน้า โจเหลือบมองเล็กน้อยแล้วตอบคำของเธอ



    "ระวังในสิ่งที่เธอขอนะเจน เพราะบางทีมันอาจจะเป็นจริงเข้าซักวันก็ได้..."







    ตูม!!!



    เสียงระเบิดดังก้องจากนอกห้อง เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีเช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองคนและจิ้งจอกน้อย ส่วนฟีบีนั้นยังคงนอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว



    เจนหันไปหาพวกโจและพยักหน้าให้กันก่อนจะหันกลับมาหาคิทซึเนะ







    "เดี๋ยวพวกเราจะออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น คิทซึเนะคอยเฝ้าฟีบีอยู่ตรงนี้นะ"







    "เข้าใจแล้วค่ะพี่เจน" จิ้งจอกน้อยกล่าวตอบและกลายร่างเป็นมนุษย์ทันที ในตอนนี้เธอรู้สึกว่าร่างมนุษย์เช่นนี้แม้จะใช้พลังได้ไม่รุนแรงเท่าร่างเดิมของเธอแต่ก็สู้สะดวกกว่ามาก







    หลังจากมั่นใจแล้วว่าสัตว์เลี้ยงทั้งสองของเจนจะปลอดภัยอยู่ในห้องนี้โดยเจนกำชับเอาไว้ว่าอย่าออกมาจากห้องเด็ดขาด แล้วทั้งสามก็ออกมาพร้อมอาวุธในมือ เจนไม่ลืมคว้าเสื้อโค้ทสีแดงที่ซินจูซื้อมาสวมด้วยเพราะตอนนี้เธอสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเพียงเท่านั้น



    เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง เรือเริ่มส่ายโคลงไปมา เจนสังเกตเห็นว่ามีผู้เล่นจำนวนมากที่ออกมาจากห้องเช่นเดียวกับเธอเพื่อที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้น





    "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย เราโดนโจมตีงั้นหรือ" เจนเอ่ยขึ้นพลางพยายามทรงตัวอย่างยากลำบากจากที่ตัวเรือส่ายไปมา







    "ใช่แล้ว โจรสลัดไงเจน สมพรปากเธอแล้วไง" แจ็คตะโกนบอกแข่งกับเสียงระเบิดจากปืนใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเป็นปืนใหญ่ของเรือลำนี้หรือว่าเรือของโจรสลัดกันแน่







    "โจรสลัดบุกขึ้นเรือมาแล้ว พวกเรารีบไปจัดการพวกมัน เร็วเข้า!" เสียงผู้เล่นคนหนึ่งตะโกนเสียงดังแล้ววิ่งออกไปสู่ดาดฟ้าเรือโดยมีผู้เล่นคนอื่น ๆ อีกหลายสิบคนตามไปด้วย



    แต่ก็มีผู้เล่นไม่น้อยที่เปิดประตูออกมาดูและกลับเข้าไปอยู่ในห้อง แจ็คเคยบอกเอาไว้ว่าในเมื่อมีอีเวนท์โจรสลัดบุกเรือแบบนี้ ที่ๆปลอดภัยที่สุดของผู้เล่นคือในห้องพักของตัวเอง เพราะโจรสลัดจะไม่เข้ามายุ่งในส่วนที่พักของผู้เล่นเว้นแต่ว่าพวกโจรสลัดสามารถยึดเรือได้ ซึ่งมีทางแก้ทางสุดท้ายคือล็อกเอาท์ออกจากเกม เมื่อล็อกอินกลับมาอีกครั้งผู้เล่นก็จะอยู่ในเมืองที่ใกล้ที่สุดนั่นเอง



    สำหรับผู้เล่นที่ต้องการต่อสู้กับโจรสลัด นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุด แต่โจรสลัดไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่ายดายนักเพราะเป็นพวกนี้ไม่ใช่แค่มอนสเตอร์ธรรมดาแต่เป็นเอไอที่เก่งกว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในระดับเดียวกันมาก ซึ่งปกติแล้วเกมนี้จะมีบทลงโทษสำหรับผู้เล่นที่ทำร้ายเอไอเอาไว้อย่างร้ายแรง ทว่าก็มีข้อยกเว้นสำหรับเอไออย่างโจรภูเขาหรือโจรสลัดเป็นต้นที่ผู้เล่นสามารถเข้าสู้ได้อย่างอิสระ และก็มีข้อยกเว้นอยู่ในบางอีเวนท์และบางภารกิจที่จำต้องสู้กับเอไอธรรมดาด้วยเช่นกัน



    พวกเจนตามผู้เล่นคนอื่นไปที่ดาดฟ้าเรือก็พบว่าในตอนนี้เหล่าโจรสลัดกำลังเข้าปะทะลูกกับเรือและเหล่าผู้เล่นกันอย่างสูสี แต่พอเจนตรวจสอบพวกโจรสลัดดูแล้วก็พบว่าคนพวกนี้มีระดับที่สูงกว่าเธอมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทุกคนมียศอยู่ระดับขุนนางกันหมด จำนวนผู้เล่นที่มีอยู่ในตอนนี้ถึงจะมีมากกว่าเหล่าโจรสลัดที่อยู่บนเรือโดยสาร แต่เรือโจรสลัดสีดำที่แล่นขนาบข้างเรืออยู่นั้นยังมีโจรสลัดอยู่อีกเป็นจำนวนมาก



    เจนฟาดดาบเข้าใส่โจรสลัดที่กำลังพุ่งมาทางเธอ โจรสลัดยกดาบขึ้นรับได้อย่างรวดเร็วสมกับที่อยู่ในระดับยศขุนนาง แต่ดาบที่เขาใช้นั้นยังไม่อาจเทียบชั้นกับดาบคุซานางิได้และถูกฟันขาดเป็นสองท่อนได้อย่างง่ายดาย เจนกระโดดหมุนตัวเตะโจรสลัดคนนั้นกระเด็นตกเรือไปและเข้าไปช่วยลูกเรือจัดการกับโจรสลัดที่เหลือทันที



    ทางด้านโจเองก็ยิงบอลสายฟ้าเข้าสกัดพวกโจรสลัดที่กำลังข้ามมาที่เรือโดยสารอย่างต่อเนื่อง แต่ในตอนนี้เขาไม่อยากจะเปิดเผยถึงเวทของตนมากนัก จึงใส่พลังเวทลงไปไม่มากพอที่จะจัดการพวกโจรสลัดได้ในทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าโจจะประเมินโจรสลัดพวกนี้น้อยไป เพราะโจรสลัดที่โดนสายฟ้าของเขาเข้าไปนั้นกลับลุกขึ้นมาสู้ต่อเหมือนกับว่าไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย



    แจ็คนั้นทำได้แค่เพียงใช้ปืนยิงจากระยะไกล สร้างความเสียหายให้กับพวกโจรสลัดไม่ได้มากนัก แต่โชคดีที่ผู้เล่นส่วนมากที่อยู่บนเรือลำนี้มีระดับขุนนางหรือกำลังจะเปลี่ยนเป็นยศขุนนางแล้วทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างสูสี



    บนเรือโดยสารนั้นเต็มไปด้วยแสงสีจากเวทมนตร์ของนักเวทและเสียงการต่อสู้จนดังระงม ผู้เล่นนั้นแม้จะมีระดับน้อยกว่าแต่ก็สามารถต้านทานเหล่าโจรสลัดที่บุกเข้ามาในเรือได้อย่างทัดเทียม



    เจนนั้นแสดงลีลาการใช้ดาบได้อย่างเต็มที่เพราะมีพื้นที่กว้าง เธอฟาดดาบใส่โจรสลัดสองคนตรงหน้าเธอจนดาบโค้งของพวกเขาหักสะบั้นลงในดาบเดียว แล้วเธอก็ยกขาเตะก้านคอล้มพับไปทั้งคู่ ดูเหมือนเธอลืมไปว่าตอนนี้เธอนั้นแต่งตัวยังไม่เรียบร้อย ขาขาวเนียนนั้นต้องตาทั้งผู้เล่นและโจรสลัดหลายคนจนหยุดต่อสู้และมองน้ำลายย้อย ยิ่งตอนที่เจนกระโดดเตะจนเสื้อคลุมสะบัดเผยให้เห็นเอวขาวก็แทบทำให้หัวใจละลาย



    เด็กสาวร่างบางที่ในตอนนี้เธอเปียกไปด้วยน้ำทะเลที่ซัดขึ้นมาจนโชกไปทั้งตัวยังไม่รู้ว่าสายตาของผู้ชายหลายคนกำลังจับจ้องมาที่เรือนร่างอันเซ็กซี่ของเธอ จนท้ายที่สุดผู้เล่นหญิงที่เป็นเพื่อนหรือแฟนสาวต้องมาลากตัวออกไป ส่วนพวกโจรสลัดนั้นก็ถูกจัดการไปอย่างง่ายดาย เป็นผลประโยชน์ให้แก่เหล่าผู้เล่นโดยที่เจนไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย



    แต่แล้วสิ่งที่ทำให้โจรสลัดมีชัยทุกครั้งก็ปรากฏต่อหน้าของพวกเจนและผู้เล่นทุกคน เรือโจรสลัดสีดำที่แล่นเคียงเรือโดยสารนั้นได้เปิดช่องปืนใหญ่ข้างลำเรือออกมา เจนเห็นเป็นปืนใหญ่หลายสิบกระบอกกำลังชี้มาที่เรือที่พวกเธอกำลังยืนอยู่



    ตูม!!!



    เรือถูกปืนใหญ่กระหน่ำยิงจนสั่นสะเทือนไปทั้งลำ ลูกกระสุนสีดำปลิวว่อนไปหมดจนเจนแทบหาที่หลบไม่ทัน ในตอนนี้สภาพเรือโดยสารไม่ต่างไปจากซากเรือที่กำลังรอเวลาจมลงก้นทะเล เหล่าลูกเรือต่างกระโดดลงสู่ผืนทะเลเพื่อเอาตัวรอด บ้างก็ไปปลดเรือพายและหนีไปโดยไม่สนใจผู้โดยสารเลย แม้แต่น้อย แต่เหล่าผู้เล่นเองก็พอจะมองสภาพการณ์ออกแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาต่างส่งข้อความด่วนให้แก่เพื่อนที่อยู่ในห้องพักถึงผลการต่อสู้แล้วรีบกระโดดลงทะเลตามพวกลูกเรือไปเพื่อออกจากพื้นที่การต่อสู้และล็อกเอาท์ออกจากเกม ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เหล่าผู้เล่นที่อยู่ในห้องพักก็คงกำลังออกจากเกมไปเช่นกัน



    แต่เจนกลับทำเช่นนั้นไม่ได้



    "เจน! รีบออกจากเกมเร็วเข้า พวกโจรสลัดยึดเรือลำนี้ได้แล้ว พวกเราสู้ไม่ได้หรอก" โจตะโกนบอกพลางปล่อยบอลสายฟ้าใส่โจรสลัดที่อยู่ใกล้ ๆ



    "ไม่ได้! พวกคิทซึเนะยังอยู่ที่ห้อง ถ้าหากพวกเราไปตอนนี้ ทั้งสองคงไม่รอดแน่!" เจนตะโกนตอบพลางตวัดดาบใส่โจรสลัดที่เธอกำลังต่อสู้ด้วย แต่เขากลับหลบได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เธอรู้สึกได้เลยถึงความแตกต่างของมอนสเตอร์ประเภทสัตว์และเอไอมนุษย์ที่สู้ได้ยากกว่ากันมาก



    "บ้าฉิบ! เดี๋ยวฉันจะไปคุ้มกันสองคนนั้นที่ห้องเอง!" แจ็คตะโกนบอกแล้วถอนร่นกลับไป เจนตัดสินใจที่จะยืนหยัดสู้อยู่ที่นี่เพราะดาบคุซานางินั้นเป็นดาบยาว ในที่แคบ ๆ อย่างบนทางเดินจะทำให้เจนไม่สามารถใช้ดาบได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมองไม่เห็นทางออกไปจากเหตุการณ์ตรงนี้ได้เลย









    ทันใดนั้นเองพวกโจรสลัดก็หยุดโจมตีเข้ามาและยืนล้อมเจนและโจอยู่รอบๆเท่านั้น ทำให้เธอมีโอกาสสังเกตสภาพรอบๆ และก็พบว่าตอนนี้บนดาดฟ้าเรือนั้นเหลือเพียงแค่พวกเธอเท่านั้น ไม่มีผู้เล่นหรือเอไออื่นเลยนอกจากโจรสลัดที่ยังคงล้อมพวกเธอเอาไว้ ไม่โจมตีเข้ามา



    เจนรีบเปิดดูหน้าต่างสัตว์เลี้ยงดูก็รู้สึกโล่งใจเพราะมันแสดงว่าคิทซึเนะและฟีบียังคงปลอดภัย เธอคิดว่าแจ็คเองปลอดภัยก็เช่นเดียวกัน



    "ทำไมพวกมันถึงไม่โจมตีเข้ามา...พวกมันกำลังรออะไรอยู่" เจนหันหลังชนกับเพื่อนหนุ่มและกระซิบถาม



    "ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าพวกนี้จะฆ่าเราล่ะก็ คงทำไปแล้วล่ะ"



    "นายหมายความว่ายังไงน่ะ พวกเรากำลังจะโดนจับเป็นเชลยงั้นหรือ" เด็กสาวถาม ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเธอไม่ยอมแพ้โดยที่ไม่ได้สู้แน่ เจนเตรียมพร้อมใช้ทักษะพลังสถิตร่างทุกเมื่อ



    แต่แล้วเจนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจากเรือโจรสลัด ชายคนหนึ่งโหนเชือกกระโดดข้ามมายังเรือโดยสารด้วยท่าทางช่ำชอง เมื่อเขาเดินเข้ามาหาพวกเจนทำให้เธอได้สังเกตตัวของเขาอย่างชัดเจน



    บุรุษโจรสลัดผู้นี้สวมเสื้อคลุมกัปตันเรือสีแดงยาว ที่เอวผูกด้วยผ้าสีเหลืองดูโทรม ๆ โดยมีดาบเล่มหนึ่งเหน็บเอาไว้อยู่และอีกข้างเป็นปืนพกกระบอกเล็กแบบที่โจรสลัดพกกัน กางเกงขายาวอยู่ในรองเท้าบูทสีน้ำตาลที่เลอะคราบขี้เกลืออยู่แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่บนเรือมาเป็นเวลานานมากเลยทีเดียว



    "ไหน ลองมาดูกันหน่อยซิ พวกเราเจอเข้ากับอะไรกันล่ะเนี่ย" ดวงตาสีน้ำเงินมองสังเกตทั่วตัวของเจนอย่างรวดเร็ว เขาปัดผมสีน้ำตาลยาวไปด้านหลังแล้วค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาพวกเจนด้วยท่าทางสบาย ๆ



    "ขอบอกตามตรงนะ ฉันค่อนข้างประหลาดใจเมื่อยังมีคนที่ยังสู้อยู่ทั้ง ๆ ที่คนอื่นสละเรือกันไปหมดแล้ว ให้ตายสิ ขนาดกัปตันยังทิ้งเรือตัวเองไปเลยนะเนี่ย" เขาพูดเสียงสูง สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่เจนไม่ห่าง



    "คุณเป็นใคร" เจนถามสั้น ๆ และกระชับเสื้อคลุมของเธอ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าร่างของเธอกำลังเปียกโชกจนเห็นรูปร่างที่เป็นผู้หญิงของเธอ ไม่ยากเลยที่จะมีคนดูออกว่าเธอเป็นผู้หญิง เจนทำได้แค่พยายามใช้ตัวของโจบังเธอเอาไว้ และสายตาของบุรุษโจรสลัดคนนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง



    "ชายที่พวกนายกำลังยืนอยู่ตรงหน้านี้คือ กัปตันคิดด์ แห่งเรือโจรสลัดแมรี่วิลเลี่ยม หัดให้ความเคารพหน่อย พรรคพวก...เฮ้ย! โจ นั่นนายงั้นหรือ" เด็กหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาพูดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเจอโจมาก่อน และเขาเองก็เคยพบเพื่อนคนนี้มากแล้วเช่นเดียวกัน



    "ไอ้หนูส่งข่าว! ทำไมนายถึงไปอยู่กับพวกโจรสลัดได้เนี่ย!" โจเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน เขาไม่ได้พบเพื่อนผู้สืบข่าวคนนี้มาตั้งแต่เกาะเริ่มต้นแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันอีกโดยเฉพาะในที่แห่งนี้



    "หือ นี่คนรู้จักของแกหรือ ไอ้หนู" กัปตันคิดด์ถามหนูส่งข่าว



    "ครับ กัปตันเคยจำที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยที่ผมช่วยเมืองไทริสเอาไว้น่ะ โจนี่แหละที่เป็นคนนำทุกคนป้องกันเมืองเอาไว้" หนูส่งข่าวหันไปบอกกัปตันคิดด์ เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแล้วหันมาหาเด็กหนุ่ม



    ในระหว่างที่พวกผู้ชายกำลังคุยกัน เจนก็กำลังตะลึงอยู่กับชื่อของโจรสลัดตรงหน้าที่เธอไม่คิดฝันว่าจะได้มาเจอโจรสลัด วิลเลี่ยม คิดด์ หรือกัปตันคิดผู้ที่มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับขุมทรัพย์ของเขาที่ซ่อนอยู่ เธอเคยทราบเรื่องราวของเขามาบ้างจากหนังสือหรือภาพยนตร์และรู้ว่าเขาเป็นโจรสลัดที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ดังนั้นเมื่อเขามาอยู่ในเกมเช่นนี้ เธอก็มั่นใจว่าเขาคงไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน



    กัปตันคิดด์ [วิลเลี่ยม คิดด์]

    ยศ ราชา ระดับ 50





    เด็กสาวแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นระดับของบุรุษโจรสลัดตรงหน้าถึงแม้จะพอจะคาดเดาจากแรงกดดันที่เธอรู้สึกได้เมื่อครู่ ยิ่งในตอนนี้เธอไม่รู้ว่าพวกโจรสลัดต้องการอะไรจากพวกเธอ และด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ ไม่มีทางเลยที่พวกเจนจะสู้ได้ ต่อให้เธอใช้พลังสถิตร่างและโจใช้พลังเวทเต็มที่ก็ตาม



    ทันใดนั้นกัปตันคิดด์เหลือบตามองไปทางเจนแล้วยิ้มที่มุมปาก



    "ดูเหมือนว่าตอนนี้เพื่อนของนายจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังเจอกับอะไรอยู่นะ ไอ้หนู" ชายหนุ่มพูด



    เจนรู้สึกเสียววาบเมื่อเธอรู้ว่าชายคนนี้สามารถรู้ตัวว่าถูกใช้ทักษะตรวจสอบ แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เจนกังวลมากที่สุด



    "กัปตัน! ดูเหมือนยังมีคนอยู่ด้านในส่วนห้องพักด้วยครับ! แต่มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ยิงปืนกันเอาไว้ไม่ให้เราเข้าไปได้ จะเอายังไงดีครับ!" ลูกเรือโจรสลัดคนหนึ่งตะโกนบอก ใจของเด็กสาวเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว เธอรู้ทันทีว่าลูกเรือคนนั้นกำลังหมายถึงแจ็คและพวกคิทซึเนะที่ยังอยู่ในห้องพัก ซึ่งถ้าหากเกิดอะไรขึ้นพวกนั้นล่ะก็ เจนที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้เลย



    คิดด์หันไปมองลูกเรือก่อนจะหันกลับมาเห็นสีหน้าตื่นตระหนกที่อยู่บนใบหน้าของเจนอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขาใช้มองเด็กสาวนั้นเหมือนกับกำลังมองลึกเข้าไปด้านในจิตใจของเธอและรู้ทุกสิ่งที่เธอกำลังคิด



    กัปตันโจรสลัดแสยะยิ้มมองเด็กสาวแล้วหันไปพยักหน้าให้กับลูกเรือของเขา แต่นั่นก็เป็นการส่งสัญญาณให้กับเจนเช่นเดียวกัน



    พลังสถิตร่างเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง!!



    ร่างสีเหลืองพุ่งเข้าปะทะกับลูกเรือคนนั้นกระเด็นตกทะเลก่อนที่จะพุ่งใส่กัปตันโจรสลัด เจนชักดาบออกมาและฟาดใส่คิดด์ทันทีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ชักดาบของตนออกมากันเองไว้ได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้ความเร็วของเจนในร่างพลังสถิต



    "ฉันไม่มีวันให้แกแตะต้องพวกเขาแน่!!" เด็กสาวตะโกนก้องแล้วเร่งพลังขึ้นมาอีกจนกัปตันคิดด์ต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ด้านโจเองที่เห็นเจนเปิดฉากโจมตีแล้วก็ระเบิดพลังสายฟ้าออกมาจนโจรสลัดหลายคนกระเด็นตกลงน้ำไปบ้างก็นอนนิ่งอยู่บนพื้นเพราะชาจากประแสไฟฟ้า แต่ไม่มีใครกลายเป็นแสงเนื่องจากระดับของโจนั้นยังต่ำเกินไป



    กัปตันคิดแสยะยิ้มออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่สูงส่งจากตัวของเด็กสาวและเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขา นานมาแล้วที่เขารู้สึกได้ถึงคนที่มีพลังมากพอที่จะให้เขารู้สึกตื่นตัวขนาดนี้ได้ แต่เมื่อเขาคิดจะโต้กลับไปก็เหลือบไปเห็นดาบที่เจนกำลังถืออยู่ เขาเลิกตาขึ้นอย่างตกใจก่อนที่จะสะบัดดาบให้เจนกระเด็ดออกไป เมื่อเด็กสาวจะหวนเข้าโจมตีอีกครั้งก็ต้องแปลกใจเมื่อคู่ต่อสู้ตรงหน้ากลับเก็บอาวุธของตนลงในฝัก



    “เอาล่ะ ฉันยอมแพ้แล้ว” บุรุษโจรสลัดพูดแล้วยกมือขึ้นสูงเหมือนกับยอมจำนน



    "คิดจะทำอะไร" เจนถาม เธอยังคงชี้อาวุธไปทางคิดด์อย่างไม่ไว้วางใจ ตัวของเธอยังคงปล่อยพลังของพลังสถิตร่างอย่างต่อเนื่อง



    กัปตันหนุ่มยิ้มและหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนที่จะตอบกลับไป



    "วางใจเถอะ เมื่อกี้ฉันเป็นฝ่ายผิดเอง ต้องขอโทษด้วย" ชายหนุ่มกล่าวตอบอย่างใจจริง "เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ถ้าหากพวกเธอต้องการอะไร ทางกลุ่มโจรสลัดคิดด์จะทำให้...ถ้าหากทำได้"



    เด็กสาวหันไปมองเพื่อนของเธอด้วยความงุนงง แต่โจเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งสองพยักหน้าให้กันแล้วจึงรีบวิ่งกลับไปหาพวกแจ็คเป็นอันดับแรก โดยที่พวกโจรสลัดต่างปล่อยให้พวกเธอผ่านไปโดยไม่ทำอะไร



    หนูที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึงเพราะตลอดหนึ่งเดือนเขาอยู่บนเรือโจรสลัด ไม่เคยมีผู้เล่นคนไหนที่ทำให้กัปตันของเขาเอาจริงได้มาก่อน และก็ไม่เคยมีใครทำให้เขายอมรามือไปได้แบบนี้เช่นเดียวกัน



    "เกิดอะไรขึ้นครับกัปตัน ทำไมถึงจู่ ๆ ก็ยอมพวกนั้นได้ล่ะครับ" หนูส่งข่าวถามอย่างสงสัย ลูกเรือหลายคนพูดคุยพึมพำสนับสนุนคำพูดของหนูส่งข่าว ถึงเขาไม่ได้อยากจะให้พวกโจต้องมาตายด้วยฝีมือของกัปตันเรือของเขาก็ตาม แต่ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังมหาศาลของบุรุษผู้นี้ได้



    "ดาบนั่น...ไม่ใช่ดาบธรรมดา ถ้าหากฉันลงมือล่ะก็มีหวังไอ้ตัวที่อยู่ในดาบนั่นได้ออกมาปกป้องผู้ทำสัญญาแน่ ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นชื่อของกัปตันคิดด์คงจะจบอยู่ในวันนี้อย่างแน่นอน" คิดด์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนหนูส่งข่าวตะลึงงันเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นกัปตันของเขากำลังรู้สึกกลัวเช่นนี้







    เมื่อไปถึงห้องก็พบว่าทั้งสามยังคงปลอดภัยดี คิทซึเนะและฟีบีนั้นนั่งอยู่ในห้องด้วยท่าทางกังวล ส่วนแจ็คนั้นใช้ปืนเล็งออกมาที่ทางเดินไม่ให้ใครผ่านมาได้ พอเจนกลับเข้ามา ก็เกือบจะยิงไปโดยเด็กสาวเข้า ดีที่เธอยังไม่ได้ปลดพลังสถิตร่างออกทำให้เธอหลบกระสุนปืนของแจ็คได้อย่างฉิวเฉียด



    "เฮ้ย! ยัยเจน! ไอ้โจ! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ข้างนอกนั่นมันเกิดอะไรขึ้นน่ะ" เด็กหนุ่มตะโกนถาม แต่เจนไม่สนใจเขาในตอนนี้ เธอพุ่งเข้ามาหาคิทซึเนะและฟีบีก่อนจะดึงทั้งสองเข้ามาสวมกอดด้วยความเป็นห่วง



    "หนูไม่เป็นอะไร ฟีบีก็สบายดีเหมือนกันค่ะ" สาวน้อยจิ้งจอกบอกและสวมกอดเจนแน่น เธอเองก็รู้สึกกลัวไม่น้อย ยิ่งเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงพลังของกัปตันคิดด์ก็แทบจะพุ่งออกไปหา หากแต่เธอยังมีหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวคนใหม่ของเธออยู่ มังกรน้อยเองก็ส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขเมื่อเห็นเจนมาหาตน



    เจนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอปลดพลังสถิตร่างออกแล้วยื่นดาบเข้าหาฟีบีและเก็บมังกรน้อยเข้าไปในดาบ "คิทซึเนะก็เข้ามาในนี้ด้วยนะ จะได้ปลอดภัย"



    "ไม่เอาหรอก! คิทซึเนะก็จะสู้ด้วย หนูไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพี่เจนเป็นอันขาด" จิ้งจอกน้อยพูดเสียงดัง เธอแสดงสีหน้าเอาจริงเอาจังจนเจนไม่อาจปฏิเสธได้



    "แล้วตกลงมันเกิดอะไรขึ้นน่ะเจน เมื่อกี้มีเรื่องกันอยู่ดี ๆ ทำไมกัปตันนั่นถึงได้ยอมง่าย ๆ แบบนั้น" โจถาม







    "ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันติดว่าคงจะเกี่ยวข้องกับดาบคุซานางิแน่ บางทีอาจจะมีพลังอะไรที่ฉันเองก็ไม่รู้จักอยู่ก็ได้" เจนตอบพลางสวมเสื้อผ้าชุดเดิมแล้วเก็บข้าวของเพราะดูท่าทางเธอคงจะโดยสารเรือลำนี้ไปต่อไม่ได้แล้ว





    "ก็เป็นอย่างที่พูดนั่นแหละ ดูเหมือนกัปตันจะกลัวไอ้ตัวที่อยู่ในดาบเล่มนั้นเอามาก ๆ เลยล่ะ" เสียงที่ไม่ได้เป็นของพวกเจนดังขึ้นที่ประตูห้องพัก พอหันไปก็พบว่าเป็นหนูส่งข่าวกำลังยืนอยู่ตรงนั้น



    คิทซึเนะส่งเสียงขู่พร้อมทั้งร่ายเพลิงจิ้งจอกขึ้นในมือ เตรียมพร้อมจู่โจมผู้มาใหม่ทุกเมื่อ แต่ก่อนที่คิทซึเนะจะได้ลงมือทำอะไร ก็เป็นโจที่พุ่งเข้าจับคอเสื้อของหนูส่งข่าวและผลักตัวของเขาชนเข้าประชิดกำแพง



    "นี่แกคิดจะทำอะไรวะ พาโจรสลัดเข้าปล้นเรือโดยสารเนี่ยนะ" โจตะคอกใส่ด้วยความโมโห เด็กหนุ่มร่างเล็กพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือของเขาแต่ก็สู้แรงของโจไม่ได้





    "ใจเย็นก่อนสิวะ! ใครจะไปรู้ล่ะว่าเรือลำนี้จะมีพวกนายเดินทางมาด้วย แล้วนายคิดว่าหากฉันรู้จะทำอะไรได้งั้นหรือไง" หนูส่งข่าวพยายามอธิบาย



    "แล้วทำไมนายถึงไม่ห้ามหัวหน้าของนายล่ะ อย่างน้อยก็อย่าปล้นพวกผู้เล่นก็ยังดี" แจ็คพูด คนฟังได้ยินหันมาถลึงตาใส่และตอบด้วยเสียงดัง



    "ขอโทษทีนะ แจ็ค เป็นโจรสลัดจะให้เลือกปล้นคนนั้น ไม่ปล้นคนนี้ก็มีหวังอดตายกันพอดี แถมกัปตันเรือที่นายกำลังพูดถึงคือกัปตัน คิดด์ เชียวนะ แถมเขามียศราชา ระดับ50 จะให้ฉันที่เป็นแค่โจรล้วงกระเป๋าธรรมดาแถมยังไม่ได้ทำภารกิจเปลี่ยนยศด้วยซ้ำ นายจะให้ฉันไปบอกเค้าว่าอย่าปล้นงั้นหรือ ไม่บอกให้กัปตันคิดเลิกเป็นโจรสลัดไปเลยล่ะ"



    แจ็คถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินว่าผู้ที่มานั้นเป็นใคร เขาหันไปหาเจนและโจเพื่อยืนยันคำกล่าวของหนูส่งข่าวซึ่งทั้งคู่ก็พยักหน้ายืนยัน ชายหนุ่มปล่อยร่างของลูกเรือโจรสลัดลงแล้วกลับเข้าไปเก็บสัมภาระของตน



    "แล้วนายมาที่นี่ต้องการอะไรกันแน่" แจ็คถาม



    "ก็อย่างที่กัปตันคิดด์บอกพวกนายนั่นแหละ ตอนี้เรือลำนี้พังจนไปไหนต่อไม่ได้แล้ว กัปตันเลยเชิญให้พวกนายขึ้นไปบนเรือแมรี่วิลเลี่ยม และจะไปส่งให้ถึงจุดหมายที่พวกนายต้องการเลย...ว่าแต่เธอให้เด็กคนนั้นดับไฟก่อนได้มั้ย เห็นแล้วมันเสียวนะ"



    พวกเจนหันมามองหน้ากันเองก่อนที่หันหันกลับไปหาหนูส่งข่าว



    "ถ้าอย่างนั้นก็ไปบอกกัปตันของนายเลยว่า พวกเราต้องการให้ไปส่งที่ทวีปไลเทเชีย.... แล้วก็บอกไปด้วยว่าพวกเราต้องการค่าทำขวัญด้วย ขอของให้คุ้มกับที่ทำให้การเดินทางของพวกเราต้องล้าช้าแบบนี้หน่อยล่ะ" เจนยื่นคำขาดแล้วหันหลังให้กับหนูส่งข่าว เขามองไปมาระหว่างเด็กสาวที่เขาเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่กล้าเอาเปรียบกัปตันคิดด์ได้อย่างไม่มีใครกล้าทำ เพื่อนทั้งสองคนของเขาที่กำลังตกใจไม่แพ้กัน ส่วนคิทซึเนะนั้นได้ดับเพลิงจิ้งจอกของเธอลงแล้วแต่สายตาก็ยังคงจ้องไปยังเด็กหนุ่มอย่างไม่วางใจ



    ตอนนี้หนูส่งข่าวเดินถอยหลังกลับไปส่งข้อความตามที่ตนได้รับมาถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจนักว่าจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง แต่เจน เพื่อนใหม่ที่เขารู้จักกำชับให้บอกมาตามนั้นเขาก็คงปฏิเสธอะไรไม่ได้



    "นี่เธอประสาทไปแล้วหรือยังไง! พูดไปแบบนั้นมีหวังได้หัวกุดกันหมด!" แจ็คร้องตะโกน ไม่มีทางเลยที่ทั้งสามจะรับมือกับเอไอระดับราชาได้ แค่คิดแจ็คก็รู้แล้วว่าตัวเองจะมีสภาพเป็นยังไง



    "ไม่หรอก ฉันมั่นใจว่าพวกโจรสลัดจะไม่ทำอะไรพวกเราแน่ เจ้าหนูยังบอกเลยว่ากัปตันกลัวอะไรบางอย่างที่อยู่ในดาบคุซานางิ หมอนั่นคงไม่เสี่ยงทำร้ายพวกเราหรอก" เจนพูดแล้วเหลือบมองไปยังดาบของเธอที่นิ่งสงบอยู่ในฝัก เธอมั่นใจว่าต้องเป็นบางอย่างที่อยู่ในดาบเล่มนั้นมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ ฟีบี มังกรน้อยของเธอที่ถูกเก็บเอาไว้ในนั้นอย่างแน่นอน



    "แล้วเธอมั่นใจได้ยังไงว่าไอ้ตัวที่กัปตันคิดด์กลัวจะปกป้องพวกเราหะ" คราวนี้โจถามขึ้นบ้าง เขาเองก็ตกใจเช่นเดียวกันที่เธอกล้าส่งข้อความที่แสดงความไม่พอใจให้กับกัปตันคิดด์อย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น แต่ว่าเธอเองก็เคยฟาดดาบใส่คู่กรณีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ครั้งนี้คงไม่น่ามีปัญหานักถ้าเทียบกันแล้ว



    เจนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งที่แล้วยกนิ้วสองนิ้วขึ้นมาที่แสดงความหมายว่า 'นิดนึง' ให้กับเพื่อนทั้งสอง



    "โอ้ตายละ ทางหนึ่งก็เจอเอไอระดับราชาเจี๋ยนทิ้ง อีกทางก็เจอสิ่งที่เอไอระดับราชากลัวเด็ดหัว ไม่ว่าทางไหนก็มีแต่ตายกับตาย รู้งี้ฉันน่าจะแยกไปนั่งเรือหรู ๆ ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่น่าเลยโจเอ๋ย" ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตัวเอง ทางแจ็คเองก็มีสถานะไม่ต่างกันนัก



    เมื่อเจนเห็นเพื่อนทั้งสองคนกำลังวิญญาณล่องลอย เธอจึงดึงทั้งคู่เข้ามากอดไหล่และตีหลังเบา ๆ เหมือนกับกลุ่มผู้ชายคุยกัน แต่ว่าความจริงนั้นคนหัวหอกจะเป็นหญิงสาวแสนสวยก็ตาม



    "เอาน่า ไม่มีเรื่องพรรณนั้นเกิดขึ้นหรอกน่า เชื่อมือฉันคนนี้ซะอย่าง เคยที่ไหนที่ฉันทำให้พวกนายต้องผิดหวังน่ะ หืม?"



    จบตอนที่ 17 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด
    ------------------------------




  41. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  42. #25
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    ทุกที่ที่มีเธอ
    กระทู้
    361
    กล่าวขอบคุณ
    724
    ได้รับคำขอบคุณ: 342
    ไรเตอร์จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะวาดเจนมาแปะ (ภาพขาวดำนะครับ)


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top