เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา
26th December 2013 00:17
#1
The Open World Online ประสบการณ์อิสระไร้ขีดจำกัด
ยินดีต้อนรับสู่ ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ โลกแห่งอิสรเสรีที่คุณจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้ในโลกที่แสนน่าจะให้ค้นหา เกมนี้มีระบบมายด์ แคปเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสามารถเล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ด้วยระบบมายด์ แคปเจอร์ ที่สามารถทำให้คุณเล่มเกมได้ในเวลาหลับโดย 1 วันในเกม เท่ากับ 1 ชั่วโมง ในโลกแห่งความจริง โดยมีข้อบังคับให้ผู้เล่นสามารถออนไลน์ได้สูงสุด 9 ชั่วโมง ต่อการออนไลน์ 1 ครั้ง และจะกลับเข้าไปในเกมได้ในอีก 2 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายนั่นเอง
ดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ เป็นโลกแฟนตาซีที่น่าค้นหา เต็มไปด้วยการผจญภัยโดยตัวละครในเกมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคนหรือมอนสเตอร์ต่างถูกบังคับด้วยเอไอระดับสูง จนบางครั้งคุณอาจเข้าใจผิดว่านั่นเป็นคนจริง ๆ
**อนึ่ง ทางดิ โอเพ่นเวิลด์ ออนไลน์ สนับสนุนให้ทุกคนเล่นเกมแต่พอดี
***ข้อแนะนำสำหรับผู้เล่นใหม่ เนื่องจากเกมนี้ให้อิสระแก่ผู้เล่นสูงมาก ดังนั้นจึงขอให้ผู้เล่นใหม่ตรงเข้าไปในเมืองให้เร็วที่สุด และจงระวังผู้เล่นคนอื่นที่เป็นโจรด้วย
Chapter List
ตอนที่ 1 การเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2 ยอมรับ
ตอนที่ 3 ล็อกอินครั้งแรกและตายครั้งแรก
ตอนที่ 4 ฝึก ฝึก ฝึกและเรื่องแปลกใจ
ตอนที่ 5 มินิบอส!
ตอนที่ 6 พลังสถิตร่าง
ตอนที่ 7 แก้แค้นด้วยเขี้ยว
ตอนที่ 8 ภารกิจที่แสนยืดยาว
ตอนที่ 9 ทะเลเพลิง
ตอนที่ 10 ปะทะบอส
ตอนที่ 11 พานพบ
ตอนที่ 12 ปริศนา
ตอนที่ 13 จุติ เทพสายฟ้า
ตอนที่ 14 Money in the bank
ตอนที่ 15 วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
ตอนที่ 16 ภารกิจแห่งป่า
ตอนที่ 17 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด
ตอนที่ 18 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด[2]
ตอนที่ 19 เมืองคนบาป
ตอนที่ 20 แสงสว่างของผู้หมดหนทาง
ตอนที่ 21 เผชิญหน้ากับความกลัว
ตอนที่ 22 ตำนานปะทะตำนาน
ตอนที่ 23 เมืองแห่งเสียงดนตรี
ตอนที่ 24 Be Your Self
ตอนที่ 25 บุกรังหนู
ตอนที่ 26 ช่วยเหลือ
ตอนพิเศษ เรื่องวุ่น ๆ ของจิ้งจอกสาวและมังกรน้อย
ตอนที่ 27 พลังใหม่ 'ผสาน'
ตอนที่ 28 สู่ป่าเกาลัด
ตอนที่ 29 สงครามครึ่งชั่วโมง
ตอนที่ 30 ทบทวน
ตอนที่ 31 พบกันอีกครั้ง
ตอนที่ 32 ปฏิบัติการฉกเจ้าหญิง
ตอนที่ 33 ความจริงที่ไม่โสภา
ตอนที่ 34 ตรวจจิต ตรวจใจ
ตอนที่ 35 เปิดเผยตัวตน
ตอนที่ 36 เบลดมาสเตอร! [ตอนแรก]
ตอนที่ 37 เบลดมาสเตอร์! [ตอนกลาง]
ตอนที่ 38 เบลดมาสเตอร์! [ตอนปลาย]
ตอนที่ 39 พบวิหค
ตอนพิเศษ ยามตะวันรุ่ง
ตอนที่ 40 ความจริงที่เปิดเผย
ตอนที่ 41 เทพอสูร
ตอนที่ 42 กฎแห่งเทพอสูร
ตอนที่ 43 พายุสีดำ
ตอนที่ 44 บ้านต้นไม้บนหลังมังกร
ขยายสาขามาลงอีกที่นี่ที่หนึ่งนอกจากเว็บเด็กดี กับเว็บแมว ครับ หวังว่านิยายเรื่องนี้ของผมจะช่วยให้บอร์คนิยายของเว็บโจ็กเกอร์คึกคักไม่มากก็น้อยนะครับ
นิยายของผมปกติจะอัพทุกวันอาทิตย์ แต่เว็บนี้ผมจะไล่อัพวันละตอนพร้อมกับรีไรท์แก้คำผิด+เนื้อเรื่องที่พลาดไปเรื่อย ๆ วันละตอนนะครับ
ก่อนไปก็เปิดรับสมัครแฟนอาทเสมอนะครับ ใครอยากวาดใครวาดได้เลย(จะยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ)
-------------------------------
Fan art Corner
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tohan-kun : 11th March 2014 เมื่อ 16:32
เหตุผล: เพิ่มตอน
รายชื่อสมาชิกจำนวน 22 คนที่กล่าวขอบคุณ:
808080808 , anakin_34 , andylnw27 , apocalyst , black jack sdppd , combadboy , ekapat , HiSoBoY , JasonX , kongzaza , monters123 , Nemisis' , ninjazaa0078 , PheoMetalhead , Phromrat , santisook01 , taone1414 , teerachai212 , Tiair , TunaRep , Xteam , _SaBasTaiN_
26th December 2013 00:25
#2
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
26th December 2013 13:21
#3
ท่าทางผู้แต่งเก่งน่าดูเลยนะครับ ผมจะมาโพสภายหลังนะ
สำหรับคำเกริ่น ผมอยากให้เพิ่มความสละสลวยของภาษาทำให้น่าติดตามมากขึ้นกว่านี้หน่อยนะครับ รู้สึกว่าคุณจะใช้คำแนวราบเรียบเกินไป
ว่าแต่ เว็บแมวนี่มีคนชอบอ่านนิยายประเภทไหนเหรอครับ ผมเคยลงแต่เด็กดี
26th December 2013 14:39
#4
ตอนที่ 2 ยอมรับ
-------------------------
ตอบคุณsantisook01 นะครับ สำหรับตรงคำเกริ่นความจริงแล้วนั่นไม่ใช่คำเกริ่นอ่ะครับ แต่เป็นบทนำ ส่วนสำหรับความสละสลวยของภาษาในนิยายเรื่องนี้ผมไม่คิดเขียนให้มันสวยขนาดนั้นอ่ะครับ เพราะตอนที่ผมแต่งผมคิดว่าตอนที่ผมอ่านนิยายผมไม่ค่อยชอบภาษาสละสลวยเท่าไหร่เพราะอ่านเข้าใจยาก เอาภาษาอ่านง่าย ๆ สนุก ๆ น่าจะดีกว่าอ่ะครับ
สำหรับเรื่องเว็บแมว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าคนที่นั่นชอบนิยายแนวไหนบ้าง ผมแค่อยากให้คนอ่านนิยายผมเยอะ ๆ ก็เลยลงหลาย ๆ ที่เท่านั้นเองครับ
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
27th December 2013 12:33
#5
ตอนที่3 ล็อกอินครั้งแรกและตายครั้งแรก
27th December 2013 16:45
#6
มาให้กำลังใจครับ เรื่องสนุกน่าติดตามครับ
อ่านดีไม่มีสะดุด
บอร์ดนิยายชักจะคึกคักแล้ว
ถ้ามีเวลา ก็แวะไปดูเรื่องอื่นๆในบอร์ดด้วยนะครับ ฮ่าฮ่า
28th December 2013 13:49
#7
ตอนที่4 ฝึก ฝึก ฝึกและเรื่องแปลกใจ
29th December 2013 15:27
#8
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tohan-kun : 30th December 2013 เมื่อ 00:17
30th December 2013 16:18
#9
30th December 2013 17:17
#10
เป็นกำลังใจต่อไปครับ อ่านไหลลื่นดี
31st December 2013 12:13
#11
ตอนที่ 7 แก้แค้นด้วยเขี้ยว
1st January 2014 13:31
#12
ตอนที่ 8 ภารกิจที่แสนยืดยาว
2nd January 2014 12:46
#13
3rd January 2014 16:21
#14
ตอนที่ 10 ปะทะบอส
ตอนที่ 10 ปะทะบอส
เวลาเที่ยงวัน ณ เมืองไทริสซึ่งมีแต่ปกติสุข ชาวเมืองและเหล่าผู้เล่นต่างดำเนินชีวิตตามปกติแต่หารู้ไม่ว่าปกติสุขนั้นกำลังหายไปเร็วกว่าที่ใคร ๆ คิดเอาไว้มากนัก
ควันไฟโพยพุ่งมาจากภูเขาทางทิศเหนือของเกาะ มันมีขนาดใหญ่มากจนเห็นได้อย่างเด่นชัด เศษขี้เถ้าจำนวนมากปลิวลงมาในเมืองราวกับเม็ดฝนที่ไร้ชีวิตปกคลุมเมืองจนมีบรรยากาศขาวโพลนไปทั่วบริเวณ
ในขณะที่ผู้เล่นต่างคิดว่ามีกิจกรรมขึ้นและต่างก็ติดต่อคนรู้จักซึ่งไปเก็บระดับให้กลับมาที่เมือง ก็มีชายชราคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาที่ลานกลางเมืองพร้อมตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ในที่สุดผู้เล่นสาวคนหนึ่งก็เข้าไปหาชายชราเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น
"คุณปู่ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะ ค่อยๆเล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น" ชายชราไม่ตอบแต่เงยหน้าขึ้นฟ้าและตะโกนเสียงดัง
"อาเพศ!! ลางร้าย!! วันมหาวิปโยค!! นี่คือสัญญาณว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ทุก ๆ คนหลบไปอยู่ในบ้าน ห้ามออกมาเด็ดขาด!!" ชายชราว่าแล้วรีบปัดมือของผู้เล่นสาวทิ้งไปและรีบวิ่งเข้าบ้านของตนไปอย่างรวดเร็ว ชามเมืองคนอื่น ๆ รวมถึงทหารยามต่างก็ร้องตะโกนด้วยความตื่นกลัวและวิ่งเข้าที่พักที่ใกล้ที่สุดท่ามกลางความสับสนของเหล่าผู้เล่น
เพียงในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง ทั้งเมืองก็ไม่มีชาวบ้านหรือทหารคนไหนออกมานอกเมืองเลยแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งร้านค้าทั้งหลายต่างก็ปิดลงทั้ง ๆ ที่ฟ้ายังสว่างอยู่ เหล่าผู้เล่นไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็รีบเร่งให้คนรู้จักรีบกลับมาที่เมืองโดยด่วนเพราะคิดว่าคงเป็นกิจกรรมอะไรซักอย่าง
ทันใดนั้นเองที่ใจกลางเมืองก็มีกลุ่มแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น เมื่อแสงหายไปกลายเป็นโจและแจ็คกับกลุ่มผู้เล่นหลายสิบคนกำลังยืนหน้าเครียดอยู่เนื่องจากพวกเขาตายมาหลายรอบจนระดับลดลงไปเยอะแล้ว เมื่อพวกเขากลับมาถึงเมืองก็พบว่าถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้าสีขาวไปทั่วทั้งเมืองแบบนี้ความรู้สึกโมโหพลันกลายเป็นความสงสัยทันที
"เฮ้ยนี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ โจ ชาวเมืองทุกคนหายไปไหนหมด ร้านค้าระบบทั้งหมดก็ปิดหมดเลย" แจ็คบอก ทันทีที่เขามาถึงและพบกับความผิดปกตินี้เขาก็รีบมองหาเอไอที่เป็นชาวเมืองก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อที่จะสืบหาข้อมูลของเหตุการณ์นี้ แต่ก็พบว่าไม่มีเลยแม้แต่ทหารเฝ้ายาม
ผู้เล่นหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่า หนูส่งข่าว ทันทีที่กลับมาถึงเมืองเขาก็ไปคุยกับเพื่อนที่อยู่ในเมืองและคนอื่น ๆ ทันทีจากนั้นเขาก็กลับมาหาโจเพื่อบอกข่าวสารที่ได้มา
"ฉันไปคุยกับคนอื่นที่อยู่ในเมืองตอนเกิดเรื่องมาแล้ว เขาเล่ามาว่าตอนเที่ยงวันนี้...ใช่ ตอนที่พวกเราตายนั่นล่ะ เห็นว่าจู่ ๆ ก็มีกลุ่มควันไฟมาจากทางภูเขาแล้วก็ตามมาด้วยขี้เถ้าพวกนี้ จากนั้นก็มีคนแก่ในหมู่บ้านมาโวยวายอะไรก็ไม่รู้ จากนั้นก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ คนในเมืองทุกคนต่างเอาแต่หลบอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกมาด้วย"
"เอาล่ะรู้แล้ว นายช่วยตรวจสอบในกระดานข่าวทีว่ามีกิจกรรมอะไรที่เมืองเริ่มต้นอื่นหรือเปล่า ส่วนแจ็ค นายรีบพาคนอื่น ๆ ไปเตรียมพร้อม ฉันว่าท่าทางมันเริ่มไม่ค่อยดีแล้วล่ะ" โจหันไปพูดกับเพื่อนทั้งสองคนแล้วรีบติดต่อไปหาเพื่อนสาวทันทีเมื่อเห็นว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนบนแผนที่
"เจน นี่โจนะ เธอไปทำอะไรบนภูเขานั่นน่ะ"
"ทำไมหรือโจ ก็เห็นว่าที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาฉันก็เลยมาเก็บระดับที่นี่ จะได้ฝึกใช้ดาบและทักษะไง" เสียงของเจนตอบกลับมา จากนั้นเสียงของเธอก็ดังเหมือนร้องตกใจและกำลังวิ่งหนีบางสิ่ง "แย่ล่ะ เจ้าพวกเสือพวกนี้มันตามตื้อไม่เลิกซักทีแฮะ โจ! ฉันจะอยู่บนเขานี้ซักสองวันนะแล้วจะรีบลงไป ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ"
ไม่ทันที่โจจะได้ถามอะไรต่อเจนก็ตัดการติดต่อไป พอเขาจะติดต่อไปอีกครั้งก็ถูกผู้เล่นคนหนึ่งที่เดินทางไปกับพวกโจตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
"แย่แล้ว!! ที่ประตูเมืองทางเหนือมีวัวกระทิงมากันเป็นกองทัพเลย ท่าทางกำลังเหมือนกับพวกมันมีเป้ามาที่นี่ด้วย ถ้าหากปล่อยเอาไว้มีหวังเมืองนี้ได้พังทั้งเมืองแน่"
"ว่าไงนะ! โถ่เอ้ย ยัยเจนนะยัยเจน เธอไปทำอะไรเข้าล่ะเนี่ย" เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วจึงวิ่งตามกลุ่มผู้เล่นไปยังประตูเมืองทางเหนือทันที
Gm หรือเกมมาสเตอร์ของเกมดิ โอเพ่นเวิลด์ออนไลน์ นั้นทำงานโดยมีหน้าที่ดูแลความสงบในเกม นอกจากดูแลความปลอดภัยภายในเมืองแล้วยังมีหน้าที่เฝ้าระวังด้วย เพราะถ้าหากสิ่งก่อสร้างในเมืองอย่างตึกราบ้านช่องทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตึกของทางระบบหรือบ้านของชาวเมือง เจ้าหน้าที่จะต้องเป็นคนรับผิดชอบซ่อมแซมทั้งหมด
ในเกมนี้ไม่ได้มีระบบซ่อมแซมที่จะเสกให้สิ่งต่าง ๆ ให้กลับมาเหมือนเดิมในเวลาไม่นานได้ ทุกสิ่งจะต้องถูกสร้างใหม่ด้วยมือเท่านั้น แต่ที่เป็นส่วนดีก็คือในเกมนี้มีเวทมนตร์ที่ช่วยในการเร่งสร้างอาคารต่าง ๆ ได้หรือถ้าหากโชคดีก็สามารถทำให้ตึกทั้งหลักกลับมาดีดังเดิมได้ในพริบตาด้วยเวทมนตร์ระดับสูง หรือบางทีนอกจากเวทมนตร์แล้วยังใช้อย่างอื่นที่มีอยู่แค่ในเกมเช่นมอนสเตอร์มาช่วยสร้างด้วยนั่นเอง
ดังนั้นเพื่อที่จะจับตามองในแต่ละเมืองได้ ศูนย์ปฏิบัติการของGm จึงอยู่ในเกมด้วยเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ในเกมซะทีเดียวเพราะไม่มีทางเข้าใดในเกมจะนำมาสู่ที่นี่ได้ มีเพียงเจ้าหน้าที่GM หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีทักษะเข้ามายังศูนย์ปฏิบัติการของGmได้ ดังนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่จึงสามารถไปที่ไหนก็ได้ในเกมและกลับมาที่ศูนย์โดยการวาปนั่นเพื่อเป็นการทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วนั่นเอง
ภายในห้องสังเกตการเมืองไทริส เหล่าGm สามชีวิตต่างกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยเพราะพวกเขาเองก็คิดว่ากำลังมีกิจกรรมที่เมืองนี้แต่กลับไม่มีใครแจ้งพวกเขาเลยแม้แต่น้อยทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นคนดูแลเมืองนี้แท้ ๆ
"อะไรกันเนี่ย ดูสิ ขี้เถ้าตกจนขาวไปหมดเลย แบบนี้มีหวังพวกต้นไม้กับมอนสเตอร์รอบเมืองได้ตายกันหมดแน่" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดอย่างหนักใจ
"เฮ้ย ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า พวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบแค่ภายในเมือง ถ้าหากเรื่องเกิดนอกเมือง ถ้าไม่เกี่ยวกับผู้เล่นหรือพวกเอไอล่ะก็ ไม่เห็นพวกเราจะต้องไปสนเลย" เจ้าหน้าที่อีกคนบอก พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบแค่ภายในเมือง ส่วนด้านนอกเมืองจะเป็นหน้าที่ของซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ถูกเรียกว่า 'แคสซีโอเปีย' ซึ่งชื่อนี้จะถูกจำกัดให้รู้แค่ภายในเท่านั้น ทางนอยช์วานสไตล์ ไซแอนท์แอนด์อิเล็กทรอนิกส์ไม่เคยมีการเปิดเผยถึงชื่อนี้ต่อสาธารณะชนมาก่อน
"ใช่ อย่าไปสนเลย ถึงจะดูหนักขนาดนี้นะ เดี๋ยวคอยดูแคสซีโอเปียจัดการ พวกขี้เถ้าพวกนี้ก็จะหายไปหมดไม่เกินวันนี้หรอก พวกเราสิที่ต้องมาจัดการพวกที่อยู่ในเมือง เละขนาดนี้สงสัยคงต้องลงไปจัดการแบบทั้งวันทั้งคืนเลยมั้งเนี่ย" เจ้าหน้าที่คนที่สามบอกพลางหันไปคุยโทรศัพท์ที่เพิ่งเรียกเข้ามา
"ครับ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ... เอาล่ะ ผมติดต่อไปยังเมืองอื่นๆดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเมืองเริ่มต้นที่ไหนก็ไม่มีกิจกรรมจัดทั้งนั้น แล้วข้างบนก็บอกมาว่าไม่ได้มีกิจกรรมอะไรในตารางที่จัดขึ้นที่เมืองไทริสด้วย"
"อ้าว ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นฝีมือของแคสซีโอเปียไม่ก็เป็นฝีมือของผู้เล่นน่ะสิ ใครนะที่ทำแบบนี้ลงไปได้" เจ้าหน้าที่คนที่สองพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะเขานึกภาพตัวเองต้องไปตามเช็ดตามล้างในเมืองแล้ว ถึงจะใช้เวทมนตร์ช่วยได้แต่ก็คงใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว ในตอนนั้นเองที่เจ้าหน้าที่คนที่หนึ่งซึ่งกำลังดูภาพของเมืองอยู่ก็ส่งเสียงดังโวยวายขึ้นมา
"เฮ้ย! เวรแล้วไง พวกกระทิงภูเขามันมาทำไมกันที่เมืองวะเนี่ย" เสียงเรียกเข้าหูเจ้าหน้าที่อีกสองคนจนต้องเบนหน้ามาดูยังภาพบนจอแสงที่เจ้าหน้าที่คนแรกดูอยู่
"สองร้อย...สามร้อย นี่มันบ้าไปแล้ว กระทิงภูเขากว่าสิบฝูงมารวมตัวกันแบบนี้ ทิศทางที่พวกมันกำลังตรงไปคือไทริสแบบนี้มีหวังเมืองได้พินาศแน่" เจ้าหน้าที่คนสองบอกแล้วรีบหันไปติดต่อเบื่องบนทันที
"ไอ้เมืองน่ะไม่เท่าไหร่ พวกผู้เล่นกับเอไอในเมืองสิจะแย่" เจ้าหน้าที่คนที่สามพูดและเปิดภาพภายในเมืองให้ขยายใหญ่ขึ้นมา
ในเวลานี้ในเมืองต่างเกิดความโกลาหลไปทั่ว ผู้เล่นต่างสับสนเพราะการมาของกองทัพกระทิงภูเขาโดยไม่ได้รับการเตือนมาก่อน โดยเฉพาะเหล่าผู้เล่นใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นและที่แย่ยิ่งกว่าคือผู้เล่นใหม่เหล่านี้มีมาเรื่อยๆอีกด้วย แต่ท่ามกลางความโกลาหลนั้นเองที่มีวีรบุรุษปรากฏตัวขึ้นมา ชายคนหนึ่งอยู่ในชุดผู้เล่นใหม่เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ กำลังตะโกนบอกให้ทุกคนตรงไปยังประตูเมืองทางด้านเหนือเพื่อป้องกันเมือง ในตอนแรกนั้นไม่มีใครทำตามเลยแม้แต่คนเดียว แต่พอเขาตะโกนพูดปลุกขวัญกำลังใจก็สามารถกล่อมให้ทุกๆคนเข้าร่วมสู้ได้ด้วยความสมัครใจ โดยในเวลานี้ผู้เล่นหลายร้อยคนต่างกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเมืองและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"ดูนั่น พวกผู้เล่นกำลังขึ้นไปช่วยปกป้องเมืองแล้ว" เจ้าหน้าที่คนแรกเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"หมอนั่นใครกัน คนที่ไว้หนวดคนนั้นน่ะ แค่พูดนิดพูดหน่อยจากผู้เล่นใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกลับมาช่วยสู้เพื่อปกป้องเมืองแบบนี้"
"จะเป็นใครก็ช่างเถอะ ข้างบนบอกมาว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแคสซิโอเปีย นี่เป็นการกระทำของพวกมอนสเตอร์ส่วนสาเหตุนั้นกำลังสืบหาอยู่ แล้วยังบอกมาด้วยว่าถ้าหากเมืองพังไปล่ะก็ พวกเราจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเลยด้วย" เจ้าหน้าที่คนที่สองบอก
"สาธุ ขอให้พวกผู้เล่นป้องกันเมืองได้สำเร็จด้วยเถ้ออออ" เสียงสวดอ้อนวอนของเจ้าหน้าที่คนแรกร้องดังลั่นห้องและนั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่เจ้าหน้าที่ทั้งสามคิดตรงกัน เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นล่ะก็บางทีเวลาที่พวกเขาใช้เก็บกวาดเมืองหลังจากนี้สองสัปดาห์ในเกมอาจจะกลายเป็นสองสัปดาห์ในโลกจริง ๆ ก็ได้
ทางด้านของเจนที่พบเสือโคร่งภูเขาเข้า ในตอนที่โจติดต่อมาเธอกำลังหลบซ่อนตัวจากพวกมันอยู่ แม้ว่ามันมีระดับเดียวกับกระทิงภูเขาก็จริงแต่ด้วยความที่เธออยู่ในถิ่นของพวกมันและมันยังมีจำนวนมากอีกด้วยทำให้เจนจำเป็นต้องหลบซ่อนด้วย และเสือโคร่งภูเขานี้มีความแข็งแกร่งมากจนเจนไม่สามารถจัดการได้ง่าย ๆ
ตอนที่โจติดต่อมาทำให้พวกเสือโคร่งได้ยินเสียงและพบเจอเธอบนต้นไม้สูง พวกมันกระโดดตามขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับกำลังวิ่งอยู่บนพื้นดิน เจนที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดการติดต่อกับโจแล้วรีบหนีไปทันที ในระหว่างที่กำลังกระโดดไปมาบนต้นไม้เธอก็ตวัดดาบส่งพลังผ่ามิติเข้าใส่พวกมันแต่ด้วยความเร็วของเสือโคร่งภูเขาทำให้ยากที่จะโดนได้ ถึงเจนจะมีพลังเวทอยู่มากถึง 3000 กว่า ๆ แต่ทักษะนี้ก็กินพลังเวทไปมากจนเธอต้องเก็บสำรองพลังเวทเอาไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
ในที่สุดเจนก็วิ่งหลุดออกมาจากป่าที่เป็นเขตอาศัยของเหล่าเสือโคร่งภูเขามาได้ซึ่งกินเวลาจนถึงเย็นเลยทีเดียว หลังจากตรวจให้แน่ใจแล้วว่าบริเวณที่เธออยู่จะไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนมายุ่งแล้วเธอจึงตั้งเต็นท์สำหรับคืนนี้และรวบรวมฟืนไฟสำหรับตอนกลางคืน เมื่อกางเต็นท์เสร็จเจนก็ตั้งฟืนแล้วหันไปหาคิทซึเนะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
"ขอแรงหน่อยนะ" เจนว่า เมื่อจิ้งจอกน้อยได้ยินดังนั้นจึงพ่นไฟสีฟ้าใส่กองฟืนที่เจนตั้งเอาไว้ เพลิงสีฟ้าลุกโชนให้แสงสว่างโดยรอบได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
ถึงเจนจะมีเสบียงเป็นข้าวกล่องที่ซื้อมาเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว แต่เธอก็อยากจะลองทำอาหารในเกมดูซักหน่อย ในตอนนี้เธอเองก็ยังมีเนื้อวัวกระทิงอยู่อีกด้วยมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกอยากลองขึ้นมา เจนนำเนื้อสันในออกมาจากกล่องรักษาของสดจากนั้นจึงใช้มีดขนแดงตัดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และใช้มีดเสียบแทนไม้ย่างไฟ
เพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะแรงกว่าไฟธรรมดามาก เพียงแค่เจนนำเนื้อไปใกล้เพียงครู่เดียวก็สุกแล้ว เธอลองกัดชิมคำเล็กก็ได้ลิ้มรสความนุ่มของเนื้อวัวสดๆ รสหวานของเนื้อไหลเข้าปากลงไปในลำคออย่างรวดเร็ว แต่เธอยังคิดว่าถ้าหากมีเครื่องปรุงล่ะก็อาจจะทำให้เนื้ออร่อยได้กว่านี้อีกแน่นอน
หลังจากทานจนอิ่มแล้วเธอก็พาคิทซึเนะเข้าไปนอนในเต็นท์โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตานับสิบกำลังมองพวกเธออยู่ในเงามืด รอคอยที่จะมาจัดการเหยื่อที่ไม่ระวังตัวที่โชคร้ายหลงเข้ามาในป่าของพวกมัน เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันนั้นลิ้มรสเลือดมานักต่อนักแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นหรือชาวเมืองก็ตาม และในครั้งนี้เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวอีกด้วย พวกมันมั่นใจว่าคืนนี้จะมีอาหารตกถึงท้องกันทุกตัว
แต่พอจะก้าวเข้าไปที่บริเวณที่แสงไฟส่องถึง มันกลับรู้สึกกลัวขึ้นมาในจิต มันมองไปยังกองไฟสีฟ้าที่กำลังลุกโชนอยู่มันยิ่งรู้สึกได้ว่าไม่ควรเข้าใกล้กองไฟนั้นอย่างเด็ดขาด ถึงอาหารมันจะอยู่ตรงหน้าแล้วแต่กลับเข้าไปไม่ได้เพราะความกลัวอยู่เหนือกว่าความรู้สึกใด ๆ นั่นก็เป็นเพราะเพลิงจิ้งจอกมีพลังที่จะไล่มอนสเตอร์ที่เป็นสัตว์ป่าได้นั่นเอง แต่ว่าพลังนี้ส่งผลต่อมอนสเตอร์สัตว์ป่าที่มีระดับ 50 ลงมาเท่านั้น มอนสเตอร์ที่อยู่ในเงามืดเห็นว่าตนนั้นทำอะไรไม่ได้พวกมันก็ตัดสินใจรออยู่ด้านนอกจนกว่ากองไฟจะดับลงและดูจากความแรงของเปลวเพลิงนี้คงอีกไม่นานนัก
สิ่งที่พวกมันต้องทำคือรอ อีกไม่นานมันจะได้ลิ้มรสเลือดสดๆของมนุษย์สาวอย่างแน่นอน!
เวลาผ่านไปเลยเที่ยงคืนมานิดหน่อย กองไฟที่มีเพลิงจิ้งจอกลูกโชนเริ่มจะดับลงเพราะฟืนถูกเผาไหม้จนหมดแล้ว ความจริงเจนคิดเอาฟืนใส่ไว้เผื่อแล้วให้ไฟอยู่ได้จนถึงเช้าแต่เนื่องจากเพลิงจิ้งจอกนั้นเผาไหม้ได้รุนแรงกว่าไฟธรรมดามาก เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงฟืนที่สามารถอยู่ได้จนถึงเช้าได้สบาย ๆ กลับถูกไหม้จนเกือบจะมอด มอนสเตอร์ในเงามือต่างรอโอกาสนี้อยู่ แต่ก่อนที่กองไฟจะดับลง เพลิงสีฟ้าก็ลุกโชนขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างน่าตกใจ เหล่ามอนสเตอร์ในเงามืดที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาถูกแสงต้องจนเผยใบหน้าที่ซ่อนอยู่ออกมา
ใบหน้าที่ปรากฏเป็นใบหน้าของเสือตัวใหญ่แต่ดวงตาของมันมีสีเขียวเรืองแสงดูน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวว่าคือมันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์มาก พวกมันคือเสือสมิงนั่นเอง ทั้งแขนและขาของมันมีขนปกคลุมอยู่ ส่วนมือและเท้ายังเป็นกรงเล็บของเสืออยู่เช่นเดิม ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเสือทั่วไปคือเมื่อมันเจอเข้ากับแสงไฟจากเพลิงจิ้งจอกกลับเหมือนว่าถูกเผาไหม้ทั้งๆที่ไม่ได้เฉียดใกล้กองไฟเลยแม้แต่น้อย พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนและพยายามจะกลับไปหลบในเงามืดอีกครั้ง
คิทซึเนะค่อย ๆ เดินออกมาจากเต็นท์ของเจนอย่างช้าๆและกวาดสายตามองไปรอบ ๆโดยที่ไม่ได้ตื่นตระหนกกับพวกเสือสมิงเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพลิงจิ้งจอกนอกจากจะมีพลังในการขับไล่มอนสเตอร์ที่มีระดับ 50 แล้ว มันมีพลังที่สามารถใช้กำจัดมอนสเตอร์ที่เป็นวิญญาณและพวกอันเดทได้อย่างรุนแรงมากเลยทีเดียวและดูท่าทางเสือสมิงเหล่านี้จะเป็นมอนสเตอร์ที่เป็นเผ่าวิญญาณอย่างแน่นอน
จิ้งจอกน้อยดูพอใจอย่างมากที่พวกเสือสมิงวิ่งหนีไปอย่างตื่นกลัวเช่นนั้น จริงอยู่ที่เพลิงจิ้งจอกทำอะไรพวกเสือโคร่งภูเขาไม่ได้ แต่พอเข้ามาในเขตนี้เธอก็รู้สึกได้ทันทีถึงพลังวิญญาณของมอนสเตอร์เจ้าถิ่นที่นี่ คิทซึเนะรู้ทันทีว่าเพลิงของเธอสามารถใช้ขจัดมอนสเตอร์ที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ได้
เธอรอจนเจนหลับไปและรอจนกว่ากองไฟที่จุดไว้ใกล้ดับ เมื่อกองไฟรี่แสงลงจนเหล่าเสือสมิงนี้เข้ามาใกล้มากพอ คิทซึเนะก็เร่งพลังไฟให้พุ่งขึ้นมาอีกครั้งจนสามารถไล่พวกมันไปได้ ความจริงแล้วเพลิงจิ้งจอกนั้นสามารถบังคับให้ดับลงได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ถ้าหากดับเร็วไปมันก็จะดูน่าสงสัยทำให้คิทซึเนะรอเวลาเช่นเดียวกับพวกเสือสมิงกำลังเช่นเดียวกัน
หลังจากให้แน่ใจแล้วว่ากองเพลิงจิ้งจอกจะไม่ดับลงเป็นครั้งที่สอง คิทซึเนะก็ก้าวเข้าสู่เงามืดอย่างช้าๆ หลังจากนั้นทั้งคืนก็มีเปลวไฟสีฟ้าพุ่งไปมาในป่าตลอดทั้งคืนจนมอนสเตอร์ในบริเวณใกล้เคียงต้องคอยตื่นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นและเตรียมหนีถ้าหากมีภัยมาถึงตัว แต่หารู้ไม่ว่าเป้าหมายของเพลิงนั้นได้ถูกจัดการจนหมดป่าไปแล้ว
รุ่งเช้าเจนลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกได้ถึงหางที่มีขนนุ่มนิ่มจนเธอยกมือลูบคลำมันอย่างอดใจเอาไว้ไม่ได้ ถึงแม้เมื่อคืนพวกเสือจะส่งเสียงร้องดังลั่นป่าแต่เจนกลับไม่ตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เป็นเพราะคิทซึเนะใช้หางมาปิดหูของเจนเอาไว้นั่นเอง พอคิทซึเนะออกไปล่าก็พยายามให้แน่ใจว่าพวกเสือสมิงจะไม่เข้ามาใกล้บริเวณเต็นท์ของเจนและส่งเสียงดังจนทำให้เจ้านายของเธอตื่นขึ้นมา
"อรุณสวัสดิ์คิทซึเนะ ฮ้าว..." เด็กสาวอ้าปากกว้างจนหมดคราบสาวสวย ส่วนจิ้งจอกที่ถูกทักก็เห่าตอบเสียงใสตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจนออกมาจากเต็นท์และนำข้าวกล่องออกมากินโดยแบ่งกันคิทซึเนะคนละกล่อง ในระหว่างที่เธอกินข้าวก็ตรวจสอบทักษะของตนเพื่อที่จะวางแผนต่อสู้ให้ดีกว่าเดิม ทว่าเธอต้องกลับตกใจจนทำช้อนตกลงพื้นเมื่อเห็นระดับของเธอที่พุ่งพรวดขึ้นมาในคืนเดียว
ชื่อ:เจน
อาชีพ นักผจญภัยฝึกหัด ชั้นทหาร ระดับ 45
สถานะตัวละคร
พลังชีวิต 2325/2325 พลังเวทมนตร์ 4514/4514
ค่าความอิ่ม 52/100 ค่าความเหนื่อย 100/100
ถึงค่าสถานะจะเท่าเดิม แต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดีเพราะจู่ๆระดับก็พุ่งขึ้นมาจนเธอไม่สามารถจะเก็บระดับแถวนี้ได้อีกต่อไปเนื่องจากมอนสเตอร์ที่อยู่แถว ๆ นี้ทั้งหมดนั้นมีระดับสูงสุดคือ 45 นั่นเอง พอลองตรวจสอบคิทซึเนะดูก็พบว่าเธอมีระดับขึ้นมาสูงเท่ากับเจนเช่นเดียวกัน
"เป็นไปได้ยังไง....นี่เธอทำอะไรไปหรือเปล่าหือ คิทซึเนะ" เจนเอ่ยปากถามพลางลูบหัวจิ้งจอกน้อยอย่างเอ็นดู คิทซึเนะเห่าตอบแล้วก้มหน้าลงกินข้าวกล่องต่อไปอย่างเงียบ ๆ
ในตอนแรกเจนคิดจะเก็บระดับอยู่ที่นี่จนถึง 45 แล้วกลับไปพาพวกโจมาด้วยเพราะว่าเธอไม่คิดว่าในตอนนี้เธอจะรับมือกับมอนสเตอร์ระดับ 50 ได้ เพราะเธอได้อ่านมาจากกระดานข่าวสารว่ามอนสเตอร์ระดับ 50 บนเกาะเริ่มต้นนั้นเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่สามารถกำจัดได้เพียงตัวคนเดียวอย่างเช่นอสูรพฤกษา มีคนกล่าวว่าพวกมันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ธรรมดาระดับ 80 ในทวีปหลักเสียอีก จึงเห็นได้ว่าเวลาคนที่มารวมตัวเพื่อจัดการกับอสูรพฤกษานั้นมีจำนวนนับร้อยเลยทีเดียว
แต่เธอต้องเปลี่ยนแผนเนื่องจากเธอเก็บระดับได้เร็วกว่าที่คิด ทำให้เจนอยากจะลองไปสู้กับมอนสเตอร์ระดับ 50 เพียงตัวคนเดียวดู เพราะถึงยังไงถ้าหากเธอสู้ไม่ไหว เธอก็สามารถใช้ทักษะหนีออกมาได้อย่างทันเวลาอยู่แล้วทำให้เจนมีความรู้สึกมั่นใจอยู่ไม่น้อย ประกอบกับเรื่องระดับของเธอที่คิดว่าจะต้องเป็นฝีมือถึงคิทซึเนะอย่างแน่นอน ทำให้เจนคิดว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้เองก็มีฝีมืออยู่ล้นตัวเลยทีเดียวและคงสามารถช่วยเธอได้อย่างแน่นอน
หลังจากเก็บเต็นท์เสร็จเจนและคิทซึเนะที่ตอนนี้ออกมาเดินเองแล้วก็มุ่งขึ้นเขาต่อไป ระหว่างกำลังเดินขึ้นไปบนเขาเจนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่มีมอนสเตอร์มากวนใจเลย ต่างจากพื้นที่ก่อนหน้านี้มากที่เธอโดนพวกเสือโคร่งหินเขาไล่กวดตั้งแต่เข้าไปในอาณาเขตของมันโดยที่ยังไม่ได้ตั้งตัว ถึงแม้เธอจะพอรู้ว่าคิทซึเนะแอบไปจัดการมอนสเตอร์ในป่าตอนที่เธอกำลังนอนหลับอยู่แต่เธอไม่รู้ความจริงที่ว่าคิทซึเนะเพิ่งล้างบางเสือสมิงไปทั้งป่าแบบนี้ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะมีพวกมันตัวใหม่เกิดมา และการล้างบางเมื่อคืนยังส่งผลให้มอนสเตอร์อื่น ๆ ในบริเวณนี้ต้องถ่างตาตื่นกันทั้งคืน พอถึงรุ่งเช้าจึงไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนมากวนใจพวกเจนเลยซักตัวเดียว
ไม่นานนักเจนก็มาถึงยอดเขา เธอพบกับวิวที่สวยงามจนเกินคำอธิบาย ทั้งก้อนเมฆรวมกับผืนป่าทอดยาวลงไปเบื้องล่างมันให้ความรู้สึกผ่อนคลายจนเธอหายกังวลให้หลายต่อหลายเรื่อง เธอพนันได้เลยว่าเธอคงไม่พบกับภาพนี้ในโลกจริงอย่างแน่นอน เธอปล่อยใจให้ตามสายลมที่พัดใส่หน้าให้ลอยเป็นอิสระ เจนนั่งลงแล้วหยุดคิดเรื่องการเก็บระดับซักพัก และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศนี้
มันน่าแปลกที่ช่วงเวลาก่อนหน้าที่เธอรู้สึกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเธอ แต่หลังจากมาเล่นเกมนี้เธอกลับรู้สึกคลายความกังวลไปมาก อาจจะเป็นเพราะเวลาที่เธอใช้ในเกมซึ่งห้าให้นับจริงๆก็สองเดือนกว่าๆแล้ว หรืออาจเป็นเพราะเธอคิดเรื่องอื่นตลอดเวลาที่อยู่ในเกมแทนที่จะไปหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง เจนรู้สึกดีใจที่หมอเกอร์ธูทส่งเกมนี้มาให้เธอถึงแม้คุณหมอคนนี้จะทำให้เธอรู้สึกแปลกๆก็ตาม
"เอาล่ะ! ไปกันเถอะคิทซึเนะ ถ้าหากไม่รีบมีหวังโจกับแจ็คแซงหน้าพวกเราไปแน่เลย" เจนหันมาพูดกับจิ้งจอกของเธอ คิทซึเนะเห่าตอบแล้วเดินตามเจนไปทันที
แต่เมื่อเจนเดินไปเพียงสามก้าว เธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากก้อนหินกองใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เจนยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจนเธอล้มลงไปบนพื้น ทันใดนั้นเธอก็รู้ว่าสิ่งที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวนี้มาจากตัวอะไรและเธอก็ไม่พลาดที่จะใช้ทักษะตรวจสอบในทันที
โกเลมหินผา
ชั้นทหาร ระดับ 50
มอนสเตอร์ระดับบอส เป็นโกเลมผู้ปกปักษ์แห่งขุนเขา มีหน้าที่กำจัดผู้บุกรุกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมอนสเตอร์
มอนสเตอร์บอสระดับห้าสิบที่มีขนาดสูงเกือบยี่สิบเมตร บางทีโชคของเธอในด้านการพบเจอมอนสเตอร์ระดับสูงจะมีค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
"โอ้ตายล่ะ ทำไมฉันถึงเจอแต่พวกอึด ถึกแบบนี้ล่ะ ขอเจอบอสที่เป็นกระต่ายเชือดง่ายๆบ้างไม่ได้หรือไงเนี่ย!" เด็กสาวร้องตะโกนแล้วรีบกระโดดหลบก้อนหินก้อนใหญ่ที่โกเลมหินผาขว้างมาอย่างแรง
คิทซึนะหลบแล้วพุ่งตรงไปหาศัตรูของเจ้านายของเธอแล้วพ่นเพลิงจิ้งจอกใส่ ไฟปะทะเข้ากับร่างของโกเลมเข้าอย่างจังแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้มากนัก เจ้าโกเลมก้าวเท้าของมันเข้ามาหาเจนที่ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้อีกครั้ง เธอวาดดาบออกไปด้านข้างแล้วตวัดใส่เจ้าโกเลมอย่างรุนแรง
ผ่ามิติ!!
คลื่นดาบพุ่งเข้าปะทะร่างของโกเลมทำให้มันชะงักลงแต่ก็เหมือนกับตอนที่เธอใช้กับกระทิงหินเขา มีเพียงแค่รอยดาบบนตัวของโกเลมเท่านั้น มันก้มลงมองที่อกของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเจนด้วยท่าทางที่ยัวะสุด ๆ
โก!!!!!
โกเลมหินร้องตะโกนดังลั่น คราวนี้มันไม่ได้แค่ก้าวตรงมาทางเจนอย่างช้าๆตามเคยแล้ว มันวิ่งตรงมาในขณะที่เจนและคิทซึเนะพยายามโจมตีใส่ทั้งใช้ผ่ามิติและเพลิงจิ้งจอก แต่ทุกสิ่งกลับไม่ได้ผลและยิ่งทำให้มันโกรธมากว่าเดิมด้วยซ้ำ
"เยี่ยมไปเลย ทักษะระดับ S โจมตีไม่เข้า!" เด็กสาวตะโกนเสียงดังอย่างไม่พอใจ แต่เมื่อโกเลมหินผาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เจนจึงมีทางเลือกเดียวคือวิ่งหนี
เจนและคิทซึเนะพยายามจะวิ่งหนีลงจากเขากลับพบว่าก้อนหินที่โกเลมหินผาขว้างมาก่อนหน้าที่ขวางทางเธออยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือความตั้งใจของมัน ตอนนี้เธอมีเพียงแค่สองทางนั่นก็คือสู้ตายไม่ก็หนีไปทางหน้าผา เจนคิดในหัวอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเธอใช้ทักษะพลังสถิตร่างก็จะสามารถหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน และด้วยพลังเวทที่เพิ่มขึ้นมาแม้ว่าเธอจะใช้มันไปกับทักษะผ่ามิติจนเหลือไม่ถึงครึ่ง แต่พอคำนวณแล้วก็ยังสามารถใช้พลังได้อย่างมากก็เกือบ 20 นาที พอถมไปที่จะหาที่ลงพื้นดิน
แต่มาถึงที่แถมยังเจอมอนสเตอร์ระดับ 50 อย่างใจหวังแล้ว จะให้คนอย่างเจนหนีน่ะหรือ....ฝันไปเถอะ!
เจนหันหน้าไปเผชิญกับโกเลมหินผาอย่างไม่เกรงกลัว ร่างของเธอสว่างขึ้นด้วยทักษะเสริมพลัง เจนพุ่งตัวอย่างรวดเร็วผ่านกองหินไปยังโกเลมซึ่งกำลังวิ่งเข้ามา โกเลมหินผาเห็นผู้บุกรุกมาหามันเอง มันหยุดวิ่งแล้วฟาดแขนของมันใส่ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเจนฉีกตัวหลบไปอย่างรวดเร็วและกระโดดขึ้นไปบนแขนของมัน โกเลมหินผาพยายามใช้แขนอีกข้างปัดเจนลงไปแต่เธอก็พุ่งตัวขึ้นกลางอากาศแล้วฟาดดาบใส่ใบหน้าของมันเข้าเต็ม ๆ
เคล้ง!!
เป็นอย่างที่เจนคาดเอาไว้ไม่ผิด ดาบคุซานางิทำได้เพียงแค่ฝากรอยแผลเล็กๆเอาไว้บนผิวหินของมันเท่านั้น โกเลมหินผาร้องตะโกนด้วยความโกรธแล้วฟาดมือมายังศัตรูที่บังอาจมาทำร้ายมัน เจนรีบกระโดดหลบลงมาจากหัวของโกเลมหินผาทันทีทำให้มือของมันฟาดเข้ากับใบหน้าเข้าเต็ม ๆ จนมันเดินเซถอยหลังไป
'สู้ไม่ไหว ฟันไม่เข้า' เจนคิดพลางถอยห่างออกมาเพื่อทิ้งระยะ ถึงเจ้าโกเลมจะตบโดนหน้าตัวเองแต่เมื่อดูแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนักและการโจมตีของเจนและคิทซึเนะต่างไม่เป็นผลเลยแม้แต่น้อย
การกระทำเมื่อครู่ของเจนยิ่งไปทำให้โกเลมหินผายิ่งโมโหมากกว่าเดิม มันร้องตะโกนก้องแล้วทุบพื้นอย่างโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นเองก้อนหินขนาดเล็กจำนวนมากก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นด้านหน้าของเด็กสาวอย่างกับกระสุนปืน เจนโยกตัวหลบอย่างรวดเร็วด้วยผลของทักษะเสริมพลังกายที่ยังอยู่ทว่าไม่นานนักพลังของทักษะก็หายไป เจนรู้สึกทันทีว่าร่างกายของเธอช้าลงอย่างมาก ก้อนหินที่ยังคงพุ่งเข้าใส่เธออย่างต่อเนื่องเริ่มจะเฉียดโดนตัวเธอบ้างแล้ว
เจนรู้ว่าถ้าหากปล่อยไปอย่างนี้ล่ะก็เธอคงแพ้แน่ แต่ในตอนนี้เธอไม่มีทักษะไหนแล้วที่จะสามารถสร้างความเสียหายให้แก่โกเลมตัวนี้เลย ความหวังสุดท้ายของเจนคือพลังสถิตร่างเท่านั้น
เจนกระโดดออกฉากหลบมาอยู่หลังก้อนหินก้อนใหญ่ เธอพลาดโดนก้อนหินสองสามก้อนเข้าที่แขนจนรู้สึกเจ็บไปหมด ในตอนนี้แขนข้างซ้ายของเจนรู้สึกเจ็บจนไม่สามารถถือดาบได้แล้วแต่เธอก็ยังคิดในแง่ดีอยู่ว่ายังจะพอมีทางรอดไปได้
ไม่นานนักกระสุนลูกหินก็หยุดลง เจนเอนตัวเล็กน้อยเพื่อแอบดูว่าเจ้าโกเลมกำลังทำอะไรอยู่ ใจของเด็กสาวก็ต้องตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันกำลังยกก้อนหินขนาดใหญ่และเตรียมที่จะโยนใส่เธอ
"เฮ้ย!! ไม่เอานะ!" เจนตะโกนแล้วใช่ทักษะพลังสถิตร่าง ตัวของเธอเปล่งออร่าสีเหลืองทองออกมาแล้วเธอก็พุ่งตัวเข้าประชิดร่างโกเลมอย่างรวดเร็วและฟาดดาบใส่เข้าเต็มๆ
ต่างจากครั้งที่แล้วดาบคุซานางิสามารถทำความเสียหายให้กับโกเลมหินผาได้แต่ก็ยังน้อยนักถ้าหากจะจัดการบอสตัวนี้ลง ถึงจะฝากบาดแผลเอาไว้บนร่างของมันได้แต่เจนก็ค่อนข้างมันใจว่าพลังเวทต้องหมดก่อนอย่างแน่นอน
เจนทำตามสิ่งที่หัวของเธอคิดออกเป็นอย่างแรก เจนใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาบินฉวัดเฉวียนไปมาพร้อมทั้งใช้ดาบฟันจนมีรอยผ่าเต็มตัวของโกเลม จากนั้นเธอก็พุ่งตัวขึ้นไปเหนือหัวของโกเลมแล้วฟาดดาบลงมาสุดแรง เจ้าโกเลมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและทิ้งก้อนหินหลุดจากมือและกระแทกตัวตัวเอง เจ้าโกเลมยืนเซไปมาทำให้นี่เป็นโอกาสของเจน เธอบินถอยไปตั้งหลักแล้งพุ่งเข้ากระแทกเจ้าโกเลมจนเดินถอยหลังไปให้ตกจากหน้าผา เจ้าโกเลมพยายามต้านแรงเอาไว้ ทำให้เจนเจนต้องเร่งพลังขึ้นมาอีก
ออร่าสีทองเปล่งแสงจ้า เจนร้องตะโกนและผลักออกไปสุดแรง พลังมหาศาลที่แม้แต่มอนสเตอร์ระดับบอสยังไม่อาจต้านทานได้ดันร่างหินขนาดใหญ่ของโกเลมหินผาจนตกลงไปในเหวลึกด้านล่าง เจนลอยตัวอยู่บนขอบผาอย่างเหนื่อยหอบจนได้ยินเสียงกระแทกพื้นเสียงดังแต่กลับไม่มีเสียงประกาศว่ามันตายแล้ว
เจนไปรับคิทซึเนะแล้วตามโกเลมหินผาลงไปพบว่ามันนอนนิ่งอยู่บนพื้น ดินรอบ ๆตัวมันแตกกระจายจากแรงกระแทกที่รุนแรงมากจนทำให้เจนแปลใจว่ามันยังคงรอดอยู่ได้ เจ้าโกเลมส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ ดวงตาของมันถึงแม้จะดูอ่อนแรงแต่ก็ยังคงแข็งกร้าวไปด้วยพลังชีวิตที่เหลือล้น
เด็กสาวที่ยังคงร่างพลังสถิตเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางลอยตัวและลงไปที่หน้าอกของโกเลมที่นอนอยู่บนพื้น เธอยกดาบขึ้นมาและรวมพลังไปที่ดาบจนกลายเป็นแสงสีทองเข้มดูทรงพลังมาก เจนเรียนรู้วิธีใช้ทักษะนี้มาตอนที่เธอใช้ดาบฟันตัวของโกเลมหินผา ยิ่งเธอใส่พลังไปที่ตัวดาบมากเท่าไหร่ พลังทำลายก็จะเพิ่มขึ้นมากตามแต่ก็ต้องแลกด้วยพลังเวทที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
"ช้าก่อน ท่านผู้กล้า" โกเลมหินผาพูดขึ้นพยายามจะคุยกับเจน แต่ทว่า
ตูม!!
เจนฟาดดาบลงไปเต็มลงที่ใบหน้าของโกเลมจำทำให้หัวของมันกระจายเป็นชิ้นๆ ร่างของมันกลายเป็นแสงพร้อมกับเสียงประกาศในหัวของเจน
คุณจัดการโกเลมหินผา ชั้นทหาร ระดับ 50 เป็นจำนวน 1 ตัว
คุณได้โบนัสเนื่องจากกำจัดมอนสเตอร์ระดับบอส จาก 45 เป็น 47
ทักษะ การใช้ดาบขั้นต้น เพิ่มจาก ระดับ 30 เป็น 48
"เอ๊ะ เมื่อกี้รู้สึกเหมือนจะมีใครพูดด้วย....โจ เมื่อกี้นายเรียกมางั้นหรือ" เจนติดต่อไปหาเพื่อนเพราะนึกว่ามีคนเรียกโดยไม่ได้สงสัยเลยว่าไอ้ตัวที่อยากจะคุยกับเธอจริงๆแล้วน่ะเป็นโกเลมที่เพิ่งถูกระเบิดหัวไปเมื่อกี้
"หะ ป่าวนี่ แต่เธอติดต่อมาก็ดีแล้ว ตอนนี้เธอระดับเท่าไหร่แล้วล่ะ" โจถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ท่าทางสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตลอดหลายวันจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว
"ตอนนี้ฉันระดับห้าสิบกันแล้วนะ ฉันกับแจ็คจองตั๋วเรือที่จะไปทวีปหลักให้แล้ว รีบกลับมาที่เมืองเร็วเข้าเถอะ"
"แต่ฉันยังระดับไม่ถึงห้าสิบเลยนะ" เจนบอกเพราะเธอคิดจะอยู่ต่ออีกซักวันเพื่อเก็บระดับให้เต็มก่อนเข้าทวีปหลัก
"ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวเอาไว้ไปเก็บระดับเอาที่ทวีปหลักเอาก็ได้ ถ้าเธอมาไม่ทันก่อนเย็นนี้ล่ะก็จะต้องรอไปอีกสัปดาห์หนึงเลยนะ ขอล่ะบอกฉันทีว่าเธออยู่ใกล้ๆเมือง" เสียงของโจฟังดูหงอยๆเพราะกลัวจะพลาดเรือออก เจนเองก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานขนาดนั้นเช่นกัน แต่ว่าระยะทางจากที่นี่ซึ่งเป็นอีกด้านของภูเขากับเมืองไทริสมันค่อนข้างที่จะไกลมากเลยทีเดียว
"ไม่รู้สิโจ ตอนนี้ฉันอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองพอสมควรอ่ะนะ เอาเป็นว่าฉันจะรีบกลับไปก็แล้วกัน" เจนบอกแล้วรีบตัดการติดต่อทันที เจนตรวจสอบพลังเวทดูก็เห็นว่าพอจะคงสภาพทักษะนี้ได้อีกเกือบห้านาที เมื่อเห็นดังนั้นเจนจึงหยิบขวดยาเพิ่มพลังเวทขวดสุดท้ายมาดื่มรวดเดียวหมดแล้วเธอก็อุ้มคิทซึนะและพุ่งตัวออกไปทันที
ระหว่างทางตาของเจนก็เหลือบไปเห็นวัวกระทิงภูเขาตัวหนึ่งกำลังต่อสู้กับเสือโคร่งภูเขาอยู่ ห้าต่อหนึ่งแต่กระทิงภูเขาก็ยังสามารถรับมือได้อย่างสูสีแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกระทิงตัวนี้ที่สูงกว่าหัวหน้าฝูงทั่วไปเสียอีก เจนตัดสินใจที่หยุดดูก่อนเพราะของแบบนี้อาจจะหาดูไม่ได้ง่ายๆเลย ถึงกระนั้นเจนก็ยังรู้สึกสงสัยนิดๆว่าทำไมกระทิงภูเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ปกติแล้วมันจะอยู่รวมกันเป็นฝูงและจะไม่ล้ำเขตแดนของสัตว์อื่นเด็ดขาด โดยไม่รู้เลยว่าตัวเธอนั่นแหละที่ทำให้พฤติกรรมของเจ้ากระทิงภูเขาตัวนี้ต้องเปลี่ยนไป
แต่ไม่นานนักกระทิงภูเขาตัวนั้นก็เสียท่าให้กับเสือโคร่งทั้งห้าตัว เจนเห็นดังนั้นจึงนึกคิดสงสารและอยากจะช่วยกระทิงภูเขาเพราะลึกๆแล้วเธอแอบเชียร์มันอยู่ที่มีใจสู้พวกเสือโคร่งภูเขาแม้จะโดนรุมก็ตาม เจนพุ่งตัวลงไปก่อนที่กระทิงตัวนั้นจะเป็นอะไรไป เสือโคร่งทั้งห้าตัวเห็นมีบางอย่างกำลังพุ่งลงมาจึงหยุดโจมตีกระทิงที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและหันไปมองดู พวกมันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันของพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวมันหลายพันเท่า พวกมันจึงรีบหนีไปก่อนที่เจนจะลงมาถึงพื้นเสียอีก
เจนมองตามไปอย่างงงงวยเพราะไม่รู้ว่าพลังสถิตร่างของเธอนั้นได้แผ่ออร่าของผู้ที่มอบพลังให้ซึ่งในที่นี้คือเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง มาเอะ ถึงแม้ว่าเจนจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ามาเอะในตอนนี้ แต่แรงกดดันที่แผ่ออกมานั้นมันไม่ต่างจากมอนสเตอร์ระดับเทพเจ้าเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเจนหันกลับมาก็พบวัวกระทิงภูเขาจมกองเลือดนอนหายใจโรยริน เจนยอมรับว่ามันมีใจสู้จริงๆ และความอึดของมันก็ไม่เป็นสองรองใคร ดวงตาที่มันใช้มองเธอนั้นยังคงรู้สึกของการคุกคามมันพยายามจะลุกขึ้นแต่ขาของมันไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าที่จะทำ เจนจึงตัดสินใจเทยาเพิ่มพลังชีวิตทั้งหมดลงไปบนตัวของวัวกระทิงภูเขา ทำให้แผลของมันเริ่มรักษาตัวเองอย่างช้าๆ เมื่อเจนมั่นใจแล้วว่ามันจะรอดแล้วเธอจึงบินจากไปทันทีโดยมีดวงตาดวงหนึ่งมองตามไปด้วยความแค้นและขมขื่น
เวลาล่วงเลยไปจนถึงเย็น เจนซึ่งในตอนนี้พลังเวทได้หมดลงแล้วกำลังวิ่งตรงไปยังเมืองไทริสที่ในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยสีขาวของขี้เถ้าจนทำให้เจนนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอไม่อยู่ รวมทั้งภายในเมืองนั้นก็มีความเสียหายอย่างมากแต่ชาวเมืองทุกคนกลับมีใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม และต่างพูดคุยกับพวกผู้เล่นด้วยอัธยาศัยที่ดีมาก ต่างจากก่อนหน้านี้ซึ่งทำกับพวกผู้เล่นเหมือนกับคนอื่นทั่วไป
"อ้าว ท่านนักผจญภัย ออกไปล่าสัตว์กลับมาเป็นยังไงบ้าง" ทหารชาวเมืองคนหนึ่งทักเจนเมื่อเห็นเธอเดินเข้าเมืองมา
"เอ่อ...ก็ดี ขอบใจที่ถาม" เจนตอบกลับไปส่งๆเพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี ถึงอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็อยากจะรีบไปขึ้นเรือก่อนที่จะพลาดเที่ยวไป
"โจ นายอยู่ไหนน่ะ ฉันมาถึงเมืองแล้ว" โจติดต่อหาไปยังเพื่อนของเธอผ่านช่องสื่อสารกลุ่ม
"ตอนนี้พวกเราอยู่บนเรือแล้ว เธอรีบไปยังประตูเมืองทางทิศใต้ด่วนเลย จะมีท่าเรืออยู่ไม่ไกล" แจ็คเป็นคนตอบ เจนตอบรับแล้วรีบวิ่งไปยังทิศที่แจ็คบอกทันที
หลังออกมาจากประตูเมืองทิศใต้เจนก็พบกับทุ่งหญ้าเล็ก ๆ ก่อนจะเป็นชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา ท่าเรือขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่และกำลังมีพวกผู้เล่นเดินขึ้นเรือไปเป็นจำนวนมาก ใกล้ๆกันก็เป็นเอไอที่ดูแล้วน่าจะเป็นลูกเรือกำลังขนสัมภาระขึ้นเรือ เรือที่เจนเห็นเป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่พอที่น่าจะสามารถจุคนได้ประมาณห้าร้อยคน ถึงจะบอกว่าเป็นเรือโดยสารซึ่งดูจากรูปทรงแต่มันก็มีปืนใหญ่ติดประจำเอาไว้ตลอดช่วงลำเรือ
เจนรีบเดินหาพวกโจและพวกทั้งคู่กำลังยืนรออยู่ใกล้ๆทางขึ้นไปบนเรือ เจนรีบไปสมทบและพากันขึ้นไปบนเรือทันที
"นี่เธอไปอยู่ไหนมา ทำไมถึงช้านัก" โจถามด้วยน้ำเสียไม่พอใจนิดๆ เพราะถ้าช้าอีกนิดเดียวพวกเขาก็จะพลาดเรือเที่ยวนี้แล้ว
"ขอโทษที พอดีฉันเดินไปไกลหน่อยน่ะ... เอ๊ะ นี่พวกนายเปลี่ยนชุดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่สิ นายมีเงินซื้อชุดหรูแบบนี้ได้ยังไง" เจนว่าเพราะชุดที่ทั้งคู่สวมอยู่ตอนนี้นั้นดูค่อนข้างหรูหรามากไม่แพ้ชุดของเจนเลยทีเดียว
โจนั้นสวมผ้าคลุมสีดำสนิทและสวมเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวสีเดียวกัน แต่ที่น่าแปลกคือเขาสวมรองเท้าผ้าใบที่ไม่น่าจะมีขายในเกมได้ ส่วนทางแจ็คก็เปลี่ยนไปสวมเสื้อแขนกุดสีดำและกางเกงขายาวพร้อมรองเท้าบูทโดยมีปืนสะพายอยู่ที่หลัง
"นายไปได้รองเท้านั่นมาจาไหนกัน แล้วคทาเวทนายล่ะ เก็บไปแล้วงั้นหรือ" เจนถาม
"รองเท้านี่เรอะ ฉันได้มาจากร้านเดียวกับเธอนั่นแหละ ส่วนเรื่องคทาเวทน่ะนั้นเอาไปเก็บแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันใช้เวทมนตร์ได้ด้วยมือเปล่าแล้วนะขอบอก" ไม่ว่าเปล่าโจก็เรียกบอลพลังเวทขึ้นมาในมือให้เห็น เจนมองอย่างทึ่งใจส่วนเรื่องรองเท้าถ้าหากเป็นร้านของเด็กสาวคนนั้นล่ะก็เธอคงไม่แปลกใจนัก
หลังจากนั้นก็ก็ถามถึงเรื่องในเมืองว่ามันเกิดอะไรขึ้น โจจึงค่อยๆเล่าตั้งแต่แรกที่พวกตนไปเจออสูรพฤกษาในป่าถึงสามตัวด้วยกัน หลังจากโดนฆ่าในพริบตาพวกโจจึงระดมคนไปฆ่ามันเป็นจำนวนมากแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากพวกเขามีระดับน้อยเกินไป หลังจากลองอยู่หลายครั้งจนเริ่มที่จะถอดใจก็เหมือนโชคช่วยเพราะจู่ๆที่เมืองก็มีเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นและเมืองก็ถูกกองทัพกระทิงภูเขาหลายร้อยตัวเข้าโจมตี โจจึงระดมคนทั้งเมืองไปป้องกันเมือง ถึงจะกินเวลาไปทั้งวันทั้งคืน พวกผู้เล่นที่มีโจเป็นผู้นำก็สามารถป้องกันเมืองเอาไว้ได้ แถมพวกเขายังได้เพิ่มระดับพร้อมทั้งของจำนวนมากเป็นของแถมอีกด้วยด้วยเหตุนี้กองทัพของโจจึงเตรียมพร้อมทั้งระดับ อาวุธและยา จากนั้นพวกเขาก็กลับไปจัดการอสูรพฤกษาอีกรอบและประสบความสำเร็จ
"นี่นายทำอย่างนั้นได้ยังไง กลายเป็นผู้นำคนมากขนาดนั้นทั้งๆที่เพิ่งเล่นเกมนี้มาได้ไม่นานแท้ๆ แล้วอีกอย่าง ฉันเคยสู้กับกระทิงนั่นเหมือนกัน แค่ตัวเดียวยังลำบากเลย นายสู้กับพวกมันตั้งเยอะขนาดนั้นได้ยังไง" เจนถามกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"ก็พวกฉันไม่ได้สู้แบบชนมันตรง ๆ น่ะสิ พวกเรามีผู้เล่นที่ใช้ทั้งเวทมนตร์ ธนู ปืนอยู่ตั้งหลายคน กว่าพวกนั้นจะมาถึงประตูเมืองก็จัดการไปได้หลายตัวเลยล่ะ พวกเรายันประตูเอาไว้ทั้งคืน พอรุ่งเช้าพวกเราก็ออกไปจัดการพวกกระทิงที่เหลือรอดอยู่ไม่กี่ตัว ช่วงหลังนี่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเลยล่ะ" แจ็คตอบพร้อมทำท่ายิงปืน
"ส่วนที่ฉันทำได้ยังไงน่ะหรือ ง่ายนิดเดียว.... ก็เพราะฉันไม่ได้เล่นเกมนี้เป็นเกมแรกน่ะสิ" โจว่าแล้วขยิบตาให้กับเจน
ก็จริงอย่างที่เพื่อนชายของเธอบอก แม้โจเคยเล่นเกมเสมือนจริงมามากและหลายเกมเขาก็เป็นหัวหน้ากิลด์หรือหัวหน้าสมาคมที่ต้องคุมคนเป็นจำนวนไม่น้อย จึงไม่แปลกนักที่โจจะสามารถรวบรวมในยามคับขันเช่นนี้ได้
หลังจากคุยกันจนหายข้องใจแล้วพวกเจนก็พากันไปยังห้องพักของตนที่จองเอาไว้ในขณะที่เรือก็เริ่มจะออกจากท่าและมุ่งตรงไปยังทวีปหลักซึ่งการผจญภัยกำลังรอพวกเจนอยู่
อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาที่ท่าเรือของเกาะไทริสก็มีข่าวลือมาว่ามีวัวกระทิงภูเขาตัวหนึ่งที่แข็งแกร่งมากจนไม่มียามคนไหนสามารถหยุดมันได้ มันวิ่งทะลุประตูเมืองทิศเหนือแล้วมุ่งไปสู่ทิศใต้ จากนั้นมันก็ว่ายน้ำข้ามทะเลตามเรือโดยสารที่เพิ่งแล่นออกไปจนเป็นที่ฮือฮาของเหล่าพวกผู้เล่นกันมาก แต่ไม่นานนักข่าวก็เริ่มซาลงไปจนไม่มีใครพูดถึงมันอีก แต่หารู้ไม่ว่าในอีกไม่ถึงปีจะมีแต่คนพูดถึงมัน ทว่าในชื่ออื่นที่ไม่มีใครนึกมาก่อนว่ามันคือวัวกระทิงตัวเดียวกัน
ในห้องของGm ประจำเมืองไทริส เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนต่างกำลังคุยกันอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
"ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกผู้เล่นใหม่จะสามารถป้องกันเมืองจากกองทัพวัวกระทิงภูเขาระดับสี่สิบได้" เจ้าหน้าที่คนแรกพูด
"ยังไม่รวมถึงพวกจ่าฝูงระดับสี่สิบห้าอีกกว่าสิบตัวนะ เจ้าพวกนี้น่ะตายก่อนลูกฝูงซะอีก" เจ้าหน้าที่คนที่สองเสริม
"ต้องชมฝีมือของผู้เล่นคนนั้นจริงๆ ถ้าหากเขาไม่ช่วยนำคนเข้าสู้ล่ะก็ ป่านนี้เมืองคงไม่เหลือซากแล้วล่ะ" เจ้าหน้าที่คนแรกบอก ถึงประตูเมืองจะพังจนทำให้มีกระทิงบางตัวเข้ามาทำความเสียหายอยู่บ้าง แต่ผลลัพธ์มันก็ออกมาดีกว่าเมืองพินาศอยู่มากทีเดียว
"ใช่ ผมว่าเขาดูมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ไม่น้อยเลยนะ สั่งให้จัดการจ่าฝูงก่อน พอกำจัดได้แล้วพวกลูกฝูงก็สู้ไม่เป็นขบวนเลย ถ้าหากหมอนี่ตั้งล่ะกิลด์ล่ะก็คงดังแน่ๆ"
ระหว่างเจ้าหน้าที่สองคนคุยกัน เจ้าหน้าที่คนที่สามกลับนั่งเงียบพิมพ์บางอย่างในจอแสงตรงหน้าแล้วกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดจนเพื่อนร่วมงานหันมาทัก
"เป็นอะไรไป GMโอ ทำหน้าอย่างกับโดนลดเงินเดือนไปได้" เจ้าหน้าที่คนแรกเอ่ยถาม Gmโอหันมาครู่หนึ่งก่อนจะชั่งใจว่าจะบอกดีมั้ยแต่ในที่สุดเขาก็บอกไป
"ผมลองสืบค้นของมูลของเขาดู พบว่าเขาเป็นนักเล่นเกมอาชีพ เป็นผู้นำสมาคมในหลาย ๆ เกม ถึงทุกเกมที่เขาเล่นสมาคมของเขาจะไม่ดังเพราะเขาเล่นได้ไม่นาน แต่ก็ถือว่าเป็นสมาคมที่มีอนาคตไกลมากเลยทีเดียว...แล้วอีกอย่าง"
"อีกอย่างอะไร" เจ้าหน้าที่คนที่สองถามเมื่อเห็นว่าGmโอเงียบไป
"เขาเป็นหนึ่งในสามรายชื่อผู้เล่นที่ต้องจับตามองที่เพิ่งเพิ่มมาใหม่โดยระดับบิ้ก ๆ สั่งลงมา" GMบอกแล้วกดเปิดหน้าต่างให้เพื่อนร่วมงานเห็นถึงใบหน้าของโจพร้อมทั้งเจนและแจ็ค
"ทำไมกัน พวกนี้เป็นพวกโกงเกมงั้นหรือ หรือว่าเป็นพวกผู้เล่นแบล็กลิสจากเกมอื่น" เจ้าหน้าที่คนแรกถาม แต่จากท่าทางของสามคนนี้แล้วเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น
"ไม่รู้เหมือนกัน เบื้องบนสั่งมาว่าพวกนี้อยู่ในระดับปลอดภัย แค่ให้จับตาดูและส่งไฟล์ภาพเคลื่อนไหวของทุกกิจกรรมของผู้เล่นภาพตรงกลางทั้งหมดมาด้วย..- ผู้ปกครองของผู้เล่นอนุมัติแล้ว" Gmโอรีบเสริมเมื่อเพื่อนร่วมงานจะแย้งว่านั่นผิดกฎหมายในการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่เขาก็ยังสงสัยว่าพ่อแม่บ้านไหนจะให้บริษัทดูรูปลูกของตัวเองเล่นเกมได้ทั้งวัน
ในขณะเดียวกันนั้นในโลกแห่งความจริง หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งดูรูปของเจนที่กำลังคุยกับเพื่อนทั้งสองอยู่บนดาดฟ้าเรือที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทวีปหลัก เกอร์ธูทยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะกดโทรหาจริยาด้วยเฮดก็อกเกิ่ลของเธอ
"ว่าไงจ๊ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" เธอถาม
"ตอนนี้สร้างตัวละครเสร็จแล้วล่ะ เกอร์ธูทจะเข้ามาเล่นเมื่อไหร่งั้นหรือ อ้อ! แล้วก็ขอบใจมากเลยนะที่มีชุดให้เลือกมากขนาดนี้ เห็นเจนบอกว่าตอนแรกจะต้องใส่ชุดเริ่มต้นสีขาวเท่านั้น แต่นี่มีแต่ชุดน่ารัก ๆ เต็มไปหมดเลย" เสียงจริยาถามกลับมา ดูท่าเธอจะรู้สึกชอบใจไม่น้อยเลยทีเดียว
"ถ้าเธอชอบฉันก็ดีใจล่ะ เดี๋ยวพอเธอเข้าไปในเกมแล้วฉันจะไปพบเธอเองล่ะ แล้วเจอกันจ๊ะ" เกอร์ธูทว่าแล้วตัดสายทิ้งไป จากนั้นเธอจึงเดินไปที่เตียงนอนในห้องทำงานของเธอ
"เชื่อมต่อ แคสซิโอเปีย"
จบตอนที่ 10 ปะทะบอส
------------------
4th January 2014 11:54
#15
ตอนที่ 11 พานพบ
ตอนที่้ 11 พานพบ
นับตั้งแต่เดินทางออกมาจากเกาะไทริสก็เข้าสู่วันที่ 3 แล้วที่พวกเจนอยู่บนเรือโดยสารนี้ ในตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีเรือโดยสารไปยังทวีปหลักเพียงแค่สัปดาห์ละเที่ยวเท่านั้น คงเป็นเพราะความเร็วในการเดินทางที่คาดคะเนไม่ได้นั่นเอง อย่างในวันแรกที่เจนออกเดินทาง เพียงไม่กี่ชั่วโมงเรือก็เจอเข้ากับเขตไร้ลม กว่าเรือจะขยับไปต่อได้ก็ต้องรอจนเกือบเที่ยงคืน โชคยังดีที่ในเวลานี้ยังไม่เจอพายุซัดหรือมีมอนสเตอร์เข้ามาโจมตี โดยเฉพาะโจรสลัดที่มักจะมาดักโจมตีอยู่เสมอ แต่ดูท่าทางคราวนี้โชคจะเป็นของเจนที่การเดินทางค่อนข้างราบลื่นถ้าเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทริสแล้วล่ะก็
เจนคุยกับลูกเรือของเรือลำนี้ดู เขาเล่าว่าความจริงเรือสามารถแล่นได้เร็วกว่านี้มากถ้าหากดัดแปลงให้มีใบพัดใต้ลำเรือที่ใช้พลังงานจากผลึกเวทมนตร์ แต่เนื่องจากต้นทุนการตัดแปลงเรือและผลึกเวทมนตร์นี้มีราคาสูงมาก ถ้ามาลองคิดดูกับค่าซ่อมบำรุงและราคาตั๋วในตอนนี้ที่มีราคาถึง 1000 โกลด์แล้วมันไม่คุ้มจ่าย
จากคำที่ลูกเรือบอก ไม่บ่ายก็เย็นวันนี้เรือจะเทียบท่าเมืองซีโปซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอัลเทเชียและเป็นจุดเทียบท่าของเหล่าผู้เล่นจากเกาะเริ่มต้นจากหลายสิบประเทศทำให้เจนอดใจไม่ได้ที่จะรอเห็นเมืองแห่งนี้ ในเมื่อเวลานี้ยังไม่มีอะไรทำ เจนเวลานี้อยู่ในห้องพักกับเพื่อนอีกสองคนก็ค้นกระเป๋าและตรวจสอบดูว่าเมื่อตอนที่เธอจัดการโกเลมหินผานั้นคิทซึเนะเก็บอะไรมาให้บ้าง
ผลึกจิตวิญาณแห่งดิน ระดับ C
ผลึกที่บรรจุพลังแห่งธาตุดินเอาไว้
เจนหันไปหาคิทซึเนะเป็นนัยว่ามีอะไรอีกหรือเปล่า แค่จิ้งจอกน้อยส่ายหน้าเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เจนสื่อมา เธอถอนหายใจออกหนัก ๆ แล้วมองของที่ได้มาอย่างพิจารณาว่ามันคุ้มมั้ยที่เธอลงแรงไปตั้งขนาดนั้น
"ถืออะไรอยู่น่ะเจน" แจ็คถาม
"ของที่ได้จากตอนที่ไปจัดการกับบอสโกเลมน่ะ เป็นผลึกวิญาณแห่งดิน แถมได้มาแค่ก้อนเดียวด้วย ไม่คุ้มเอาซะเล้ย" เจนว่าแล้วโยนของไปให้แจ็คดู
"บางครั้งถึงจะเป็นบอสแต่ก็ให้ของไม่ดีเหมือนกันนะ อย่างอสูรพฤกษาที่พวกฉันไปจัดการก็ให้แค่ของเอาไว้ขายเท่านั้นเอง ไม่มีของอะไรที่ดีไปกว่าระดับ D เลยแม้แต่ชิ้นเดียว" โจบอก ทางแจ็คมองผลึกอย่างพิจารณาแล้วหันมาหาเจน
"ฉันขอได้มั้ยผลึกก้อนนี้น่ะ"
"ก็ได้นะ.. ว่าแต่นายเอาไปทำไมงั้นหรือ" เจนถามกลับ
"ฉันจะลองเอาไปทำกระสุนปืนธาตุดูน่ะ เอาไว้เปลี่ยนอาชีพเมื่อไหร่จะได้ใช้อาวุธได้หลากหลายหน่อย แจ็คบอกพลางเก็บของใส่ในกระเป๋า
"ขอบใจนะ เอาไว้จะใช้คืนให้ทีหลัง"
"ไม่เป็นอะไรหรอก ถึงฉันเก็บเอาไว้มันก็ไม่ได้ใช้" เจนว่าแล้วลองค้นของดูอีกครั้ง คราวนี้เธอหยิบของที่อยู่ช่องเก็บของตัวละครของเธอมานานมากจนเธอเองก็ลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่
"แล้วตกลงไข่นี่เอาไปทำอะไรได้เนี่ย นายพอรู้บ้างหรือยัง โจ"
"อืม ฉันลองไปถามจากพวกอาชีพเลี้ยงสัตว์อสูรดูแล้ว การฟักไข่ถ้าหากไม่ได้ฝักโดยวิธีธรรมชาติโดยพ่อแม่ของมันล่ะก็ ไข่ที่เราได้มามันก็ไม่มีทางฝักหรอก... แต่! มีแต่นะ ถ้าหากมีตัวกระตุ้นล่ะก็มันก็อาจจะทำให้ไข่ฝักออกมาได้" โจรีบพูดเมื่อเห็นสายตาของเจนที่มองไปยังไข่อย่างไม่ค่อยพอใจ เขาเองก็หวั่นนิด ๆ ว่าเพื่อนสาวคนนี้หากรู้ว่าฝักไข่ออกมาไม่ได้คงจะเอาไข่ระดับ S นี้ไปกินเข้าซะจริง ๆ แน่
"แล้วพวกเราจะใช้อะไรเป็นตัวกระตุ้นล่ะ"
"ก็ได้หลายอย่างนะ ใช้พลังเวทก็ได้ หรือจะใช้ของที่มีระดับสูง ๆ ก็ได้ บางครั้งถ้าใช้ของยิ่งดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่สัตว์เลี้ยงที่ออกมาจากไข่จะดีกว่าที่ควรจะได้ด้วยล่ะ....อย่างผลอิกดราซิลของไอ้แจ็คมันก็ถือว่าไม่เลวนะ" โจว่าแล้วหันไปมองเพื่อนของเขาที่หันมามองเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง
"ไม่ไม่ ฉันกะเก็บเอาไว้ใช้อย่างอื่น....โจ สายตาอย่างนั้นหมายความว่ายังไงน่ะ เดี๋ยว! เธอก็ด้วยอีกคนหรอเจน" แจ็คเริ่มยืนขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองคนวางไข่ลงบนโต๊ะแล้วเข้ามายืนประจันหน้าตน เขาเริ่มมองหาทางหนี แต่อยู่ในห้องเล็ก ๆ แบบนี้คงหนีไปไหนไม่ได้
ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทำอะไร เจนก็พุ่งไปขวางไม่ให้เขาออกจากห้องได้
"จะเอายังไงดี โจ" หันถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนแจ็คต้องรีบแย้ง
"เฮ้ย จะไม่มาปรึกษาทางนี้กันก่อนหรือ"
"ฉันรู้วิธีขโมยของจะกระเป๋าผู้เล่น ฉันมั่นใจว่าอย่างไอ้แจ็คมันต้องเก็บของเอาไว้ในนั้นแน่ ๆ เพราะอย่างนั้นเธอจัดการเรื่องใช้แรงก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องของเอง" โจว่า
"เฮ้ย ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แล้วทั้งตากับหูก็ไม่ได้บอดด้วย! วางแผนอะไรได้ยินหมดแล้วนะเว้ย"
"เอาล่ะ แจ็ค....พวกเรามาเพิ่มระดับทักษะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ากันดีกว่า" เมื่อเจนพูดจบเธอก็พุ่งเข้าใส่แจ็คในทันที เพื่อนหนุ่มคนนี้ถึงแม้จะมีบ้านเป็นค่ายฝึกมวยแต่ก็ใช่ว่าจะสู้เจนได้ หมัดแรกของเจนพุ่งเข้าใส่ท้องน้อย แจ็คตัวงอเป็นกุ้งตามแรงหมัดที่ไม่ธรรมดา ถึงจะไม่ค่อยเจ็บอย่างที่เห็นแต่เขาจุกสุด ๆ เลย
"ฮู้ หมัดเดียวเพิ่มระดับทักษะเป็นสิบเลยนะเนี่ย" เจนว่าด้วยน้ำเสียงระรื่นแล้วกระโจนเข้าใส่พร้อมกับจับล็อกแขนใส่ท่าครอสอาร์มเบรคเกอร์ทันที แจ็คร้องเสียงดังลั่นห้องพลางดิ้นพล่านเพื่อจะทำให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการ ส่วนมืออีกข้างก็ตบพื้นรัวเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าตนนั้นยอมแพ้แล้ว แต่เหมือนกับว่าจะแกล้งกันเพราะคนที่มีหน้าที่ต้องขโมยของนั้นยืนมองอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ลงมือทำอะไรอยู่แม้แต่น้อย
"ไอ้โจ! ช่วยด้วย! ไอ้โจ ช่วย อ้ากกกกกก!!" เสียงร้องโหยหวนดังไม่ยอมหยุด โจหันมาหาคนเรียกและค่อย ๆ เดินเข้าไป จากนั้นจึงบรรจงใช้มือเปิดกระเป๋าที่คาดเอวแจ็คอยู่เพื่อหยิบผลไม้สีเหลืองขึ้นมา
ถึงแม้ว่าโจจะได้ของไปแล้วแต่เจนกลับไม่ยอมปล่อยให้แขนของแจ็คให้หลุดไปได้ง่าย ๆ
"ปล่อยสิเจน โอ้ยย! ปล่อยได้แล้ว ไอ้โจมันได้ของไปแล้วไง อ้ากกกกกกก!!"
"นายเองก็สู้หน่อยซี่ กล้ามแขนก็ใหญ่ออกขนาดนี้แท้ ๆ ฉันสู้แรงนายไม่ได้หรอกน่า ออกแรงนิดเดียวก็หลุดแล้ว ลองดูสิ" เจนส่งเสียงบอกแต่ดูเหมือนไม่เห็นผลของแจ็คยังคงดิ้นพล่านแทบเป็นแทบตาย จนในที่สุดเธอจึงจำเป็นต้องปล่อยแขนของแจ็คให้เป็นอิสระก่อนถ้าไม่เช่นนั้นคงต้องเสียเงินค่ารักษาแขนซึ่งบนเรือนี้ก็แพงอยู่
ทางโจที่ได้ผลอิกดราซิลไปก็เริ่มคั้นมันจนได้เป็นน้ำสีเหลืองใสดูคล้ายน้ำเลมอน โจแบ่งเป็นสามขวดโดยของแจ็คเยอะที่สุด ส่วนของเจนและเขาเองนั้นเท่ากัน
"เอานี่รับเอาไว้ ใช้เป็นน้ำจะคุ้มกว่าใช้ทั้งผลนะ แล้วก็เจน อย่าเพิ่งใช้ที่นี่จะดีกว่า เอาไว้พวกเราเริ่มออกเดินทางนอกเมืองค่อยลองฟักดู" โจว่าแล้วยื่นของไปทั้งเพื่อนทั้งสอง เจนและแจ็ครับเอาไว้แล้วใส่ช่องเก็บของตัวละครทันทีโดยที่แจ็คนั้นพึมพำไม่ได้ศัพท์แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังพูดอะไร
อ่ะ ดูนั่นสิ!" เจนพูดแล้วชี้ออกไปนอกหน้าต่างห้องพัก
เรือจากเกาะเริ่มต้นเกาะอื่นปรากฏให้เห็นสู่สายตา ไม่ใช่แค่เรือลำเดียวแต่เป็นเรือหลายสิบลำกำลังล่องเทียบข้างกันเพื่อไปสู่จัดหมายเดียว เมืองท่าซีโป
ทั้งสามคนเดินขึ้นมายังดาดฟ้าเรือพร้อมกับผู้เล่นอีกหลายคนที่ต้องการจะขึ้นมาชมความงามของบรรยากาศยามโพล้เพล้ของเมืองท่าแห่งนี้ ด้านข้างเรือที่พวกเจนอยู่ทั้งสองด้านมีเรือที่เป็นลักษณะเช่นเดียวกันกำลังแล่นขนาบไล่เลี่ยกันมา เจนทราบได้ทันทีว่านั่นคือเรือที่มาจากเกาะเริ่มต้นเกาะอื่น เจนมองไปจนถึงขอบฟ้าเห็นเป็นเรือกำลังตามกันมาใต้ท้องฟ้าสีม่วงครามนั้นมันสวยงามไปอีกแบบ และเรือทุกลำต่างก็กำลังมุ่งไปยังเมืองที่ส่องสว่างแม้ดวงอาทิตย์ยามเย็นคงส่องแสง
เมืองซีโปที่เจนมองจากเรือนั้นเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่มาก ขนาดของท่าเรือจอดได้นับร้อยลำ พื้นของบริเวนจอดเรือนั้นเป็นก้องหินสีขาวทำให้เห็นจากทีเจนอยู่อย่างชัดเจน ในขณะที่เรือกำลังแล่นตรงเข้าไปยังท่าเรือของเมืองซีโป ก็มีเรืออีกหลายลำที่กำลังแล่นสวนมาเช่นเดียวกัน ทั้งผู้เล่นและชาวเมืองที่อยู่บนเรือต่างโบกมือไปมา เจนและพวกโจก็โบกมือตอบกลับไปอย่างเป็นมิตร
เมื่อเรือจอดเทียบท่าพวกเจนก็พากันเดินลงมาพบกันผู้คนมากมายที่ลงมาพร้อมกันกับเรือลำอื่น ๆ ที่เข้าเทียบท่า เรือบางลำก็เพิ่งเข้าเทียบในขณะที่คนบนเรือต่างมีสีหน้าตื่นเต้นที่จะรอพบเมืองแห่งใหม่จนทนรอแทบไม่ไหว คนที่ลงมาจากเรือนั้นมีหลายรูปร่างหน้าตา บางคนมีตาตี่เหมือนกับมาจากเมืองจีน บางคนตาโตเหมือนออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะหันไปทางไหนเจนก็พบว่าตนนั้นเหมือนกับหลุดมาอยู่ในต่างประเทศอย่างไรอย่างงั้นเลย พอเข้ามาด้านในตัวเมืองก็พบกับสิ่งก่อสร้างรูปทรงจีนโบราณแต่บางลวดลายของอาคารก็ทำให้เจนคิดว่าน่าจะเป็นของสิงคโปร์หรืออินโดนีเซียมากกว่า
เจนตรงไปยังโรงแรมของเมืองก่อนเพราะว่าโจบอกเอาไว้ตั้งแต่อยู่บนเรือว่าให้รีบจองห้องพักก่อนเพราะว่าในช่วงที่ผู้เล่นเดินทางมาถึงเมืองเช่นนี้โรงแรมทั้งหลายจะถูกจองจนเต็มไวมาก ดังนั้นโจจึงนำพวกเจนไปยังโรงแรมที่ใกล้ที่สุด โรงแรมที่โจพาเข้าไปนั้นเป็นโรงแรมระดับสองสามดาว ไม่หรูหรามากนักแต่ก็ไม่ดูแย่ไปกว่าโรงแรมที่เจนเคยเข้าพักเมื่อตอนอยู่บนเกาะเริ่มต้นซักเท่าไหร่ พวกเธอเข้าพักอยู่ในห้องใหญ่ซึ่งเป็นห้องเดียวที่เหลืออยู่ ห้องนี้มีอยู่สองเตียงประกอบด้วยเตียงคู่หนึ่งเตียงและเตียงเดี่ยวอีกหนึ่งเตียง ทำให้เจนยึดเตียงเดี่ยวไปเป็นของเธอโดยบริยายและให้เพื่อนหนุ่มทั้งสองนอนเตียงใหญ่ไป
หลังจากนำสัมภาระไปเก็บไว้บนห้องแล้วเจนก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นจึงชวนเพื่อนทั้งสองคนออกไปเดินเล่นในเมือง
เมืองนี้แบ่งแยกเป็นสามส่วน ส่วนแรกก็คือท่าเรือซึ่งส่วนนี้จะมีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากที่นี่จะมีเรือโดยสารเข้าออกอยู่ตลอดแล้วยังมีเรือประมงทั้งของผู้เล่นและชาวเมืองที่กลับมาจากการทำประมงในทะเลจะนำปลามาคัดแยกขายกันสดๆที่นี่อีกด้วย ดังนั้นจึงมีผู้เล่นมากมายที่สนใจปลาสายพันธุ์แปลก ๆที่มีเฉพาะในเกมนี้และชาวเมืองที่อยากจะซื้อเพื่อไปทำอาหารซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมือง
ส่วนถัดมาคือส่วนธุรกิจที่มีคนเดินไม่ต่างจากส่วนแรก ประกอบด้วยร้านค้าต่าง ๆ มากมายหลายรูปแบบตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายอาวุธ เสื้อผ้าหรือเครื่องป้องกัน ร้านขายของเวทมนตร์ที่โจนั้นให้ความรู้สึกสนใจมากแต่เข้าไปในตอนนี้ก็ยังไม่มีประโยชน์เพราะยังไม่ได้รับอาชีพสายเวทมนตร์ ร้านขายเครื่องประดับที่เจนไม่คิดจะเฉียดเข้าไปใกล้แต่ร้านค้าประเภทนี้ได้รับความนิยมจากสาว ๆ มากมายจนแน่นขนัด ร้านอาหารที่มีอยู่ตั้งแต่ระดับร้านอาหารข้างทางทั่วไปจนไปถึงร้านระดับห้าดาวที่ต้องจองโต๊ะล่วงหน้ากันเป็นเดือน ๆ บางร้านผู้เล่นหรือชาวเมืองทั่วไปยังไม่สามารถเข้าไปได้เลยด้วยซ้ำ และร้านค้าแผงลอยที่เปิดโดยผู้เล่นและชาวเมืองก็มีอยู่ไปทั่วเช่นกัน ที่ขาดไม่ได้ก็คืออาคารระบบกับโรงแรมก็ตั้งอยู่ในส่วนนี้ สุดท้ายก็คือส่วนที่อยู่อาศัยของชาวเมืองรวมถึงจวนว่าการของเจ้าเมืองแห่งนี้อีกด้วย
"ไอ้ปราสาทใหญ่ๆที่ตั้งอยู่ตรงนั้นมันคืออะไรหรือ โจ" เจนถามและชี้ไปยังป้อมปราการที่ตั้งถัดออกไปจากท่าเรือโดยแยกเป็นอีกส่วนหนึ่งแต่ดูแล้วก็น่าจะยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้
"นั่นก็คือปราการของกิลด์ที่ครอบครองเมืองนี้อยู่ไงล่ะ"
"ปราการ? กิลด์?" เจนถามเสียงสูงแสดงให้เห็นว่าเธอสงสัยมากเพียงไหน แจ็คหันหน้ามามองเจนอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตนนัก
"เอาจริงเรอะ... นี่เธออยู่กับพวกเรามานานขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ว่าปราการที่เอาไว้ให้กิลด์ครอบครองมีไว้เพื่ออะไรอีกหรือเนี่ย" แจ็คพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างผิดหวัง
"ฟังนะ ในแต่ละเมือง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ๆ นะ จะมีปราการที่เป็นเหมือนอย่างที่เธอเห็นนี่แหละ ปราการไหนที่กิลด์ตีได้ก็จะได้รับปราการเป็นที่กำการของกิลด์ นอกจากนั้นภายในปราการยังมีขุมทรัพย์มหาศาลและยังได้สิทธิ์ในการลงดันเจี้ยนลับของเมืองอีกด้วย แน่นอนว่าเข้าได้เฉพาะสมาชิกกิลด์เท่านั้น แต่นี่ยังไม่รวมถึงการได้กำไรเป็นจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์ของรายได้จากทั้งเมืองอีกด้วยนะ"
"ยังมีอีก ว่ากันว่าในแต่ละปราการจะมีความลับบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่ บ้างก็เป็นอาวุธ บ้างก็ว่าเป็นพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ บ้างก็ว่าเป็นมอนสเตอร์บอส ระดับเทพเจ้าที่หลับใหลอยู่ในปราการ" โจเสริม
"แล้วตอนนี้ใครครองปราการนี้อยู่ล่ะ"
"กิลด์ราชาพยัคฆ์คู่ครอบครองปราการของเมืองซีโปอยู่ กิลด์นี้เป็นถึงกิลด์อันดับสองของเกมเลยเชียวล่ะ และที่นี่ก็ไม่ใช่ที่เดียวที่ปราการนี้ครอบครอง" แจ็คเป็นคนตอบ แต่ชื่อของกิลด์นี้กลับทำให้เจนรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก พาลไปนึกหน้าของคนที่ไม่ยากจะนึกถึงเข้าอีกด้วย
"อ๋อ...กิลด์ของไอ้คนขี้เก๊กนั่นน่ะเอง" เด็กสาวพูดพึมพำแต่ก็ยังดังพอที่เพื่อนสองคนได้ยิน
"หืม นี่เธอเคยเจอคนจากกิลด์นี้มาแล้วงั้นหรอ" แจ็คถาม
"ช่างเถอะ พวกนายไม่ต้องรู้นั่นแหละดีแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า" รีบเปลี่ยนเรื่องแล้วเดินนำไปทันที ปล่อยให้เพื่อนหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างงง ๆแล้วรีบตามไป
พวกเจนทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารระดับสามดาวแห่งหนึ่ง ตอนนี้ทั้งสามคนมีเงินรวมกันแล้วได้ประมาณ 30,000 โกลด์ โดยมีเงินของเจนอยู่ในนั้น 9,000 โกลด์ จากขายของที่ได้มาจากตอนไปเก็บระดับบนภูเขามา เงินอีกส่วนเป็นของแจ็คกับโจที่เหลือจากเสื้อผ้าของทั้งคู่ซึ่งนั่นหมายความว่าเงินที่ทั้งสองได้มานั้นมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เจนสั่งอาหารทะเลซึ่งเป็นอาหารจานเด็ดของเมืองนี้ แต่ราคาของมันกวนใจของเธอไม่น้อยเลยเช่นเดียวกัน ขนาดร้านอาหารสามดาวยังมีราคาสูงถึงจานละ 1,000 โกลด์ เจนไม่อยากจะไปนึกถึงเลยว่าถ้าเป็นร้านอาหารระดับห้าดาวจะมีราคาขนาดไหน(มีเสียงกระซิบมาจากโจว่าแค่ซุปก้นจานก็ราคาเป็นหมื่นแล้วสำหรับร้านอาหารห้าดาว)
เจนลองลิ้มรสชาติของอาหารทะเลดูและพบว่ามันสดมากๆ ความอร่อยของกุ้งที่กัดลงไปดังกรุบกรุบในปากทำเอาให้เธออดใจสั่งจานที่สองต่อไม่ได้ เช่นเดียวกันกับโจและแจ็คที่ตอนนี้ล่อไปจานที่สี่แล้ว
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จซึ่งทำเอาทั้งสามกระเป๋าแห้ง พวกเจนตรงกลับไปยังโรงแรมทันทีเพราะกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองแวะซื้ออะไรอีกจนไม่มีเงินจ่ายค่าที่พัก
พอกลับมาถึงที่พักซึ่งห้องของพวกเธอมีการตกแต่งได้ดูหรูหราสมราคา ห้องสีฟ้าโทนเขียวทำให้ดูสบายตามาก หลังจากสลับกันอาบน้ำเสร็จเจนก็ไปกระโดดลงบนเตียงของพวกโจเพื่อคุยเล่นกันก่อนนอน แจ็คนั่งเอาหลังพิงเตียงอยู่ในขณะที่โจกำลังดูกระดานข่าวบนเก้าอี้ใกล้ ๆ ส่วนเตียงของเจนนั้นอยู่อีกด้านของห้องด้วยเหตุผลส่วนตัว
"เอาล่ะฉันถามไอ้หนูมาแล้ว เสาเวทมนตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดของเมืองนี้อยู่ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ หมอนั่นส่งตำแหน่งแถมมาในแผนที่ด้วย แบบนี้ฉันก็คงได้อาชีพจอมเวทไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่" โจพูดในขณะที่มือของเขากำลังกดดูข่าวบนหน้าจอแสงตรงหน้า
"ของฉันอาชีพมือปืนต้องไปเปลี่ยนที่ทวีปไลเทเซีย ที่ทวีปนี้ไม่มีแหล่งขายปืนแบบที่ฉันต้องการเลย แต่เดี๋ยวจะไปลองดูในตลาดเผื่อว่ามีพ่อค้าเอามาขายในเมือง" แจ็คบอกแล้วหันไปหาเจนที่กระโดดอยู่บนเตียงกับคิทซึเนะ "แล้วเธอล่ะเจน คิดเอาไว้หรือยังว่าจะเล่นเป็นอาชีพอะไร"
เจนหยุดกระโดดบนเตียงของทั้งคู่แล้วนอนหันหน้ามามองพลางครุ่นคิดตอบคำถาม
"ไม่รู้สิ ฉันเองก็ยังไม่ได้นึกเหมือนกัน ว่าแต่เมืองนี้จะเปลี่ยนอาชีพอะไรได้บ้างล่ะ" เจนถาม โจได้ยินเพื่อนเอ่ยก็หันไปเปิดกระดานข่าวสารทันที
"อาชีพที่เปลี่ยนได้ทุกที่อย่างพวกพ่อค้า นักบวช แต่อย่างเธอคงไม่ค่อยสนใจ"
"ผ่าน ไม่สน" เสียงของเจนพูดเสริม
"ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ ตัดอาชีพสายเวทมนตร์ออก ก็คงจะเป็นชาวประมง"
"อ่าอ่ะ"
"ไม่ งั้นก็ลองช่างตีเหล็ก"
"ผ่าน"
"งั้นลองดูทหารพิทักษ์เมือง"
"ไม่เอา"
"ไม่สนงั้นก็ต่อไป..." โจพูดเสนออาชีพที่พอจะเปลี่ยนได้ในเมืองนี้มาหลายสิบอาชีพ แต่ทุกอาชีพนั้นไม่เข้าตาเจนเลยแม้แค่น้อย
"เฮ้อ นี่ฉันไล่อาชีพที่จะเปลี่ยนได้แถวนี้เกือบจะหมดแล้วนะ อืม... ฉันว่าอาชีพนี้เธอต้องชอบแน่ นักดาบ เป็นไง จะลองดูมั้ย?" โจเสนอแต่เพื่อนสาวกลับให้คำตอบที่น่าแปลกใจ
"ไม่เอา ไม่สนใจ"
"อ้าว เธอใช้ดาบเป็นอาวุธไม่ใช้หรือ?" แจ็คหันหน้าไปถาม
"นั่นก็ใช่ แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นนักดาบซักกะหน่อย" เจนตอบแล้วกลิ้งตัวไปบนเตียงพร้อมกับคิทซึนะอย่างเพลิดเพลิน
"ถ้าอย่างนั้นลองผู้ฝึกอสูรดูเป็นไง อย่างตอนนี้เธอก็มีจิ้งจอกนั่นแล้วด้วย ไปลงทะเบียนเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรที่สมาคมในเมืองก็ได้แล้ว" แจ็คเสนอ
"ไม่เอาหรอก อาชีพนั้นไม่ได้ใช้ดาบเป็นอาวุธหลักนะ" เจนว่าทำให้แจ็คต้องเปิดกระดานข่าวสารไปอ่านดูรายระเอียดของอาชีพดูบ้าง
"ถ้าอย่างนั้นนี่ก็อาชีพสุดท้ายแล้วล่ะ โจรสลัด ฟังดูเป็นไง" คราวนี้โจเป็นคนเสนอความคิด เจนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เธอลองจินตนาการภาพตัวเองให้เป็นโจรสลัดสุดเท่ห์กำลังล่องเรือไปบนท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวของเธอในทันที
"เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเป็นจะเปลี่ยนอาชีพเป็นโจรสลัด ทักษะส่วนใหญ่ก็ใช้ได้แค่ในทะเลสิ ไม่เอาดีกว่า"
"ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะเสนออะไรดีแล้วล่ะเจน" โจว่าแล้วปิดหน้าต่างแสงลง
"ทางนี้ก็เหมือนกัน หมดไอเดียแล้ว" แจ็คเสริมแล้วตะเกียกตะกายขึ้นไปนอนบนเตียงกับเจนโดยมีคิทซึเนะนอนแทรกกลาง
"ช่างเถอะ เล่นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวฉันก็หาอะไรถูกใจได้เองนั่นแหละ ขอบใจพวกนายมากนะ" เจนบอกและทุบไหล่ของแจ็คเบา ๆก่อนที่ลุกกระโดดลงจากเตียง
"คืนนี้ฉันไปนอนก่อนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์นะ"
"ฝันดีเจน" โจตอบ
"ฝันดีเหมือนกัน" แจ็คว่า เจนโบกมือลาแล้วตรงไปยังเตียงของเธอ หัวถึงหมอนเพียงครู่เดียวเจนก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเธอนั้นหนักอึ้งและหลับไปในเวลาไม่นาน
เจนตื่นเช้ามาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่นเต็มที่ เธอตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนเพื่อนสองคนที่เธอมั่นใจว่าตอนนี้คงยังไม่ตื่นอย่างแน่นอน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเจนก็มุ่งไปยังเตียงของทั้งคู่และเธอก็ต้องแปลกใจเพราะทั้งคู่ตื่นแล้วและอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย
"ฉันแปลกใจนะเนี่ยที่เห็นพวกนายตื่นเช้ากันแบบนี้" เจนมองพวกโจกำลังทานอาหารเช้าที่ดูเหมือนพวกเขาจะยกขึ้นมาจากโรงอาหารของโรมแรมมากินบนห้อง เจนหยิบมันฝรั่งทอดที่วางอบู่บนเก้าอี้ข้างเตียงมากินชิ้นหนึ่งแล้วนั่งลงบนเตียง
"พวกเราต้องปรับตัวให้เข้ากับเกมน่ะรู้มั้ย ยิ่งตื่นสายเท่าไหร่เราก็มีเวลาในแต่ละวันน้อยลงเท่านั้น อย่างที่เขาพูดกันว่าตื่นเช้าเป็นกำไรของชีวิตไง" โจพูดอย่างภูมิใจในตัวเอง
"ว้าว ฉันละทึ่งจริง ๆ ว่าคำนี้ออกมาจากปากนายได้"
"เอาเป็นว่าพวกเรารีบกินข้าวเช้ากันดีกว่า แล้วเจน ฉันยกของเธอมาให้แล้วอยู่บนโต๊ะโน้น หยุดกินมันฝรั่งของฉันซักที" แจ็คว่าแล้วยกข้าวเช้าของตัวเองหนีก่อนที่จะถูกกินจนหมด
หลังจากเช็คเอาท์โรงแรมเรียบร้อยแล้วพวกเจนก็ไปจัดการซื้อเสบียงมาเติมให้พอกับการเดินทางระยะไกล ทั้งสามวางแผนที่จะไปเปลี่ยนอาชีพให้กับโจก่อนโดยสถานที่เปลี่ยนอาชีพของโจที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นอยู่ในสุสานผีดิบซึ่งเป็นแหล่งเก็บเลเวลที่ได้รับความนิยมเนื่องจากมอนสเตอร์ที่สุสานนั้นเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าและแพ้ธาตุไฟกับธาตุแสงอย่างมากแต่ก็มีความอึดตายยากมากเช่นกัน
พวกเจนออกเดินทางในตอนสาย ระหว่างทางพวกเธอไม่ค่อยเหงานักเพราะมีผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่มีจุดหมายเดียวกันชวนคุยอยู่ตลอดเวลา เหมาะสำหรับเจนที่ต้องการทดสอบทักษะในการปลอมตัว(?)ของตัวเองว่าจะมีใครดูออกว่าเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เธอชวนคนอื่นคุยกันจนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
"พี่เจนได้คิทซึเนะมาตอนอยู่เกาะเริ่มต้นหรือคะ ฮิฮิ น่ารักจังเลย" สาวน้อยคนหนึ่งที่คุยกับเจนจนสนิทสนมเอ่ยถามและก้มลงไปเล่นกับคิทซึเนะซึ่งจิ้งจอกน้อยที่ยอมเล่นด้วยอย่างว่าง่าย
เธอมีชื่อว่าซินจู เธอมีทรงผมทวินเทลสีชมพูอ่อนและหน้าตาน่ารักเหมือนกับเด็ก ๆ เหมาะกับรูปร่างเล็กของเธอ ซินจูเป็นผู้เล่นจากประเทศจีนซึ่งเพิ่งมาถึงทวีปหลักเช่นเดียวกับพวกเจน เธอใช้อาวุธหลักเป็นไม้เท้าเวทที่มีขนาดใหญ่กว่าคทาเวทที่โจเคยใช้แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ต่างอะไรมากนัก เธอสวมชุดนักเวทแสงสีชมพูบ่งบอกว่าเธอต้องการจะเล่นสายซัพพอร์ทอย่างเห็นได้ชัด
"อื้ม พี่ช่วยคิทซึเนะมาจากในป่าเลยได้เป็นสัตว์เลี้ยงน่ะ" เจนตอบตามความจริงเพียงครึ่งเดียว เธอตัดสินใจไม่บอกเรื่องที่เธอเจอมาเอะเอาไว้ก่อน
"ดีจังเลยอ่ะเจน มีทั้งคิทซึเนะที่น่ารักเป็นสัตว์เลี้ยงแถมยังหน้าตาดีด้วย แบบนี้ตอนเข้าไปในเมืองคงโดนสาว ๆ ตามติดแจเลยสิ" หญิงสาวอีกคนพูดขึ้น เธอมีชื่อว่าไมโกะ เป็นผู้เล่นอีกคนในกลุ่มของซินจูแต่มาจากประเทศญี่ปุ่น เธอมีผมสีดำขลับยาวจนถึงกลางหลังเข้ากับใบหน้าคมดูมีความมั่นใจในตัวเองสูง และรูปร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบของเธอทำให้ใครต่อใครมองตามเธออย่างไม่ละสายตา ไมโกะอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลมีเกราะอกป้องกันเอาไว้ ส่วนช่วงล่างเธอใส่กางเกงขาสั้นสีดำทำให้เหมาะในการเคลื่อนไหวเร็ว ๆ ซึ่งเหมาะกับเธอที่ใช้มีดคู่เป็นอาวุธหลักมาก
เจนที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ตอบอะไรเพราะนี่เป็นการย้ำว่าเธอปลอมตัวเป็นผู้ชายได้สำเร็จแล้วแต่นั่นกลับทำให้ตอนนี้ดูมีบุคลิกที่น่าหลงใหลเข้าไปอีกจนทั้งซินจูและไมโกะแอบหน้าแดงเล็กน้อย ขนาดผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับพวกเจนก็ยังต้องมองตามเลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่งพวกโจก็กำลังคุยกับเสือซ่อนลายและยูสตาร์ซึ่งเป็นผู้เล่นจากประเทศเกาหลีและมาพร้อมกับพวกซินจู โดยเสือซ่อนลายนั้นมีรูปร่างใหญ่แต่ดูปราดเปรียว เขาสวมชุดเกราะสีขาวที่มีขายอยู่ตามร้านทั่วไปและมีดาบกับโล่เป็นอาวุธซึ่งบ่งบอกได้ว่าเขาเป็นพวกสายรับการโจมตี ส่วนยูสตาร์นั้นเป็นหนุ่มสวมแว่นตารูปร่างผอมพอประมาณและมีความสูงพอ ๆกับเสือซ่อนลาย เขามีธนูยาวเป็นอาวุธหลักเหมาะกับชุดผ้าสีเขียวที่เขาสวมอยู่มากทีเดียว
บังเอิญทั้งสองคนนั้นรู้จักกับโจผ่านวีดีโอบล็อกที่โจอัดเอาไว้ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ติดตาม เมื่อทั้งคู่เห็นหน้าโจก็จำได้ทันทีว่าคนตรงหน้านี้คือใคร
"ผมนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้มาเจอพวกคุณในเกมแบบนี้ ตอนแรกที่คุณโพสข้อความขึ้นไปบนบล็อกผมก็รีบชวนเพื่อน ๆ มาเล่นเกมนี้ทันทีเลย น่าเสียดายเพื่อนในกลุ่มของผมว่างแค่ยูสตาร์คนเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นคงได้ไปเก็บระดับพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยแท้ ๆ เชียว" เสือซ่อนลายบอก น้ำเสียงของเขาดูเกรงใจโจอยู่ไม่น้อย
"จะมาเรียกคงเรียกคุณอะไรกัน พวกเราไหน ๆ ก็มาเป็นเพื่อนกันแล้วแค่เรียกชื่อกันก็พอแล้ว นายเรียกฉันว่าโจ ส่วนฉันก็จะเรียกนายแค่เสือกับยู จะได้สนิท ๆ กันไว ๆ ไง" โจพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความเป็นมิตร ทำให้ทั้งคู่รู้สึกโล่งใจมากเลยทีเดียว
"อ่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าให้เรียกเด็กที่อายุน้อยกว่าว่าคุณมันก็รู้สึกแปลก ๆ เนอะว่ามั้ย ฮ่าฮ่า" ยูสตาร์พูดติดตลกทำให้การสนทนาของทั้งสี่มีแต่เสียงหัวเราะดังไม่หยุด
หลังจากทั้งเจ็ดคนทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วก็เข้าร่วมกลุ่มกันทันทีโดยมีโจเป็นหัวหน้ากลุ่ม ทุกคนก็รีบมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายหรือก็คือสุสานผีดิบโดยตั้งใจเอาไว้ว่าหลังจากพาโจและซินจูไปเปลี่ยนอาชีพได้แล้วจะเข้าไปเก็บระดับต่อเลย
เมื่อมาถึงสุสานผีดิบพวกเจนก็พบว่าที่นี่นั้นเป็นสุสานที่เป็นสิ่งก่อสร้างรูปทรงแบบตะวันออก ทางเข้าสุสานเป็นเสาไม้ดูคล้ายของประเทศจีนหรือญี่ปุ่นทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวไม่น้อยเลยทีเดียว หากไม่ใช้ว่าที่แห่งนี้มีคนอยู่มากกว่าจำนวนมอนสเตอร์ผีดิบที่กระโดดไปมาอยู่ด้านใน
ทางเข้าของดันเจี้ยนแห่งนี่นั้นมีบรรยากาศคล้ายกับตลาดนัดที่มีพ่อค้าแม่ขายตั้งร้านแผงลอยขายของอยู่เป็นจำนวนมาก ของที่นำมาขายก็มีตั้งแต่น้ำยาเพิ่มพลังชีวิตจนไปถึงอาวุธหรือแม้กระทั้งพ่อครัวมาเปิดร้านอาหารใกล้ให้คนมากินกันก็ยังมี และแน่นอนก็มีคนเปิดโรงแรมให้นอนแต่ก็เป็นเพียงแค่เต็นท์ขนาดใหญ่ที่ด้านในมีฟูกเท่านั้นเอง
พอเข้ามาด้านในก็ยังไม่วายมีผู้เล่นหลายกลุ่มกำลังป่าวประกาศหาคนเข้าร่วมกลุ่ม บ้างก็ติดป้ายหาอาชีพที่มีคุณสมบัติตามกลุ่มที่ตนต้องการอยู่ไปทั่ว จากดันเจี้ยนที่ควรจะให้บรรยากาศสยองขวัญในตอนนี้กลับไร้กลิ่นอายนั้นไปซะสิ้น
"ฉันว่าพวกเรารีบเข้าไปข้างในกันดีกว่า ยิ่งอยู่ตรงนี้ฉันว่ายิ่งเสียบรรยากาศ" ไมโกะว่า พวกผู้ชายทั้งหลายต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงซินจูคนเดียวเท่านั้นที่ยังรู้สึกกลัวได้ ขนาดเจนที่ไม่ค่อยถูกโรคกับพวกหนังผีนักยังรู้สงสารผีดิบพวกนี้เลยด้วยซ้ำ
หลังจากเจนเดินผ่านกลุ่มคนที่พยายามดึงสาว ๆ เข้าปาร์ตี้ของตนโดยที่ไม่มีใครมายุ่งกับเธอเลย(ซึ่งเจนก็รู้สึกพอใจไม่น้อย) เจนก็พบกับผีดิบตัวแรกซึ่งกระโดดพุ่งโจมตีใส่เสือซ่อนลายที่เดินนำขบวนเป็นคนแรก
เสือซ่อนลายเองก็ถือว่าเป็นคนที่เก่งพอตัว เขายกโล่กันมือของผีดิบที่ฟาดเข้ามา เสียงกระทบของมือคนตายประทะกับโล่เหล็กดังลั่น ดูท่าทางพลังโจมตีของมันจะไม่ใช่น้อย ๆ เพราะมันทำให้โล่ของเสือซ่อนลายถึงกับบุบในการโจมตีเพียงครั้งเดียว สีหน้าของเสือตอนนี้ก็รู้สึกประหลาดใจกับเรี่ยวแรงมหาศาลของมัน
ทหารผีดิบ
ชั้นทหาร ระดับ 58
ศพของทหารสมัยโบราณถูกนำมาฝังไว้ยังสุสานแห่งนี้ วิญญาณเหล่านี้ลุกขึ้นมาจากหลุมเพราะห่วงที่ยังมีอยู่ในโลกและไม่อาจกลับไปยังโลกหลังความตายได้
พลังป้องกันธาตุความมืดและดินสูง แพ้ธาตุไฟและแสงสว่าง
เจนรีบตรวจสอบจึงรู้ได้ว่าตรงหน้าที่คือทหารผีดิบ ก่อนหน้านี้เธอสั่งให้คิทซึเนะคอยช่วยปกป้องซินจูเอาไว้ถ้าไม่อย่างนั้นผีดิบในสุสานแห่งนี้คงมีชะตาไม่ต่างจากเหล่าเสือสมิงบนเกาะเริ่มต้นอย่างแน่นอน เจนชักดาบของเธอออกมาแล้วพุ่งเข้าฟันทหารผีดิบทันที
ดาบตัดมือของผีดิบขาดออกจากร่างในชุดเกราะ แต่สีหน้าของมันกลับไม่ได้รู้สึกรู้สากับแขนข้างนั้นเลยแม้แต่น้อย มันหันไปหาเจนผู้ซึ่งทำร้ายมันและฟาดมือเข้าใส่ เจนโยกตัวหลบพร้อมทั้งโจมตีสวนกลับไปจนมีแผลเหวอะหวะดูขยะแขยงแต่น่าทึ่งที่มันกลับไม่ล้มลง
"อะไรเนี่ย เจ้านี่เป็นอมตะหรือยังไงกัน" เจนถอยออกมาดูเชิงเพราะถ้าหากเธอสู้ต่อไปเธออาจจะเสียท่าได้
"เจ้านี่พลังชีวิตสูงมาก ทำให้เกิดแผลแค่นั้นฆ่าไม่ได้หรอก มันต้องอย่างนี้" ไมโกะพูดแล้วโยนระเบิดเพลิงใส่ ลูกไฟระเบิดใส่ทหารผีดิบเข้าเต็ม ๆ ร่างของมันเผาไหม้อย่างรวดเร็วแต่ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้นมันก็ยังสามารถเดินเข้ามาหาพวกเจนได้อยู่ จนในที่สุดร่างของมันก็ล้มลงและกลายเป็นแสงหายไป ทิ้งกองกระดูกเอาไว้บนพื้นพร้อมกับเศษผ้านิดหน่อยเท่านั้น
"โหย ไอ้ตัวผีดิบแบบอึดตายยากแบบนี้ใครจะไปฆ่าได้ล่ะเนี่ย ฉันเองก็โจมตีพวกธาตุไม่ได้ซะด้วยสิ" แจ็คโวยวาย
"ทางนี้ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะอย่างนั้นพวกเราถึงต้องรีบไปเปลี่ยนอาชีพให้ซินจูเร็ว ๆ ไง เธอจะได้มีเวทสายแสงสว่างที่ช่วยพวกเราได้ เห็นว่าโจเองก็มีคัมภีร์เวทอยู่เหมือนกันนี่ เวทสายไหนหรือ" ยูสตาร์ถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน ฉันได้มาเพราะมีคนมอบให้อ่ะนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเวทมนตร์อะไร หวังว่าคงจะถูกใจฉันล่ะนะ" โจบอกตามความจริงเพราะตอนที่ได้มาจากหมิงเต๋อเขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่านี่คือเวทมนตร์อะไร แค่รู้ว่าเป็นม้วนคัมภีร์เวทระดับ S ก็ดีใจมากแล้ว
เมื่อได้รู้ว่าอยู่แถวนี้พวกตนยังทำอะไรไม่ได้มากจึงเร่งเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายให้ถึงโดยไว แถวนี้ถึงจะเป็นบริเวณที่ตั้งของสุสานแต่ก็ยังมีคนมาสู้อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีทหารผีดิบไม่กี่ตัวที่มาถึงมือพวกเจน ตัวที่หลุดมาก็จะเป็นหน้าที่ของไมโกะที่จะใช้ระเบิดเพลิงจัดการพร้อมกับเพลิงจิ้งจอกของคิทซึเนะ โดยมีปืนของแจ็คและธนูของยูสตาร์คอยสนับสนุน
เพลิงจิ้งจอกนั้นสามารถจัดการพวกผีดิบได้อย่างเห็นผลยิ่งกว่าระเบิดเพลิงของไมโกะเสียอีก เพียงแค่ไม่ถึงนาทีเพลิงสีน้ำเงินของคิทซึเนะก็เผาพลาญร่างของผีดิบนับสิบไปได้โดยไม่ทันให้ใครได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
"โอ้ สัตว์เลี้ยงของเธอนี่สุดยอดจริงๆเลย เจน ถ้าแบบนี้พวกเราก็คงไม่ต้องกังวลเท่าไหร่แล้วล่ะ ถ้าหากเราพลาดเมื่อไหร่ล่ะก็ ให้คิทซึเนะมาช่วยก็รอดแล้ว" เสือซ่อนลายกล่าว
"ให้คิทซึเนะรับหน้าที่จัดการพวกผีดิบไปไม่ดีกว่าหรือคะ พี่เสือ" ซินจูถาม เธอยังคงเกาะหลังเจนแน่น
"ไม่ได้นะน้องซิน ถ้าทำแบบนั้นพวกเราก็ไม่ได้ฝึกฝีมือกันพอดี การมาครั้งนี้ของพวกเราก็ไม่มีความหมายน่ะสิ ถึงจะทำอะไรไม่ได้มากก็อย่าอู้นะ เสือซ่อนลายพูดแล้วหันกลับไปหาพวกโจ
พวกแจ็คกับยูสตาร์แล้วก็ว่าที่นักเวทคอยโจมตีระยะไกล ไมโกะ เธอคอยคุ้มกันพวกนั้นเอาไว้ดี ๆ นะ ถ้ามีตัวไหนหลุดรอดก็ใช้ระเบิดเพลิงจัดการไปเลย"
"เข้าใจแล้ว ไว้ใจได้เลย" หญิงสาวตอบพลางโยนระเบิดในมือเล่น
"ส่วนเจนกับฉันจะพยายามจัดการผีดิบให้มากที่สุด ให้คิทซึเนะจัดการผีดิบที่เข้ามามากเกินไปก็พอนะ ซักสองสามตัวฉันว่าเราสองคนคงยังน่าจะพอสู้ไหวอยู่" เสือซ่อนลายเสริม เจนพยักหน้าเข้าใจแล้วไปถ่ายทอดคำสั่งแก่คิทซึเนะ
ทั้งเจ็ดคนค่อย ๆ มุ่งหน้าสู่สุสานชั้นในไปเรื่อย ๆ ด้วยการวางแผนการโจมตีอย่างดีทำให้พวกเจนแทบไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ถึงจะเข้ามาลึกขึ้นและมีผีดิบจำนวนเยอะขึ้นแต่ก็ไม่มีตัวไหนที่หลุดรอดเพลิงจิ้งจอกไปได้ คิทซึเนะเพียงปล่อยผีดิบไปหาเจนกับเสือซ่อนลายทีละสองตัวตามคำสั่ง จากนั้นมันก็ไปช่วยพวกซินจูที่คอยป้องกันตัวเองอยู่ไม่ไกล
ทว่าเมื่อทุกคนเดินทางเข้ามาจนถึงบ้านทรงจีนหลังใหญ่ที่น่าจะเป็นทางเข้าในสู่ดันเจี้ยนสุสานขุนนาง และยังเป็นสถานที่ที่มีเสาเวทมนตร์ซึ่งเป็นแหล่งที่สามารถเปลี่ยนอาชีพของนักเวททั้งหลาย แต่ที่ผิดปกติคือแถวนี้มีคนหลายกลุ่มมาตั้งเต็นท์อยู่บริเวณทางเข้า แถมพวกนั้นยังมองหน้าคนที่มาเก็บระดับแถวนี้ตาขวางจนหลายคนไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย
"อะไรกันไอ้พวกนี้ ทำอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของดันเจี้ยนอย่างนั้นแหละ" ไมโกะพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนักเพราะเธอเห็นผู้เล่นชายหญิงคู่หนึ่งจะเดินเข้าไปแต่กลับถูกผู้เล่นพวกนั้นไล่กลับมาโดยไม่ที่สามารถทำอะไรได้
"เกมนี้ทำแบบนี้กันได้ด้วยงั้นหรือ" เจนหันไปถามโจและเขาก็ยักไหล่ให้เป็นคำตอบ
"ในเกมนี้ใครจะทำอะไรก็ได้ ถึงภายในเมืองจะมีพวกทหารประจำเมืองกับGm คอยดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ก็เถอะ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่มีคนถูกปล้นหรือขโมยของ การลอบฆ่าในเมืองก็ยังมีให้เห็นอยู่เลย ยิ่งออกมานอกเมืองแบบนี้ไม่มีใครคอยมาคุมเพราะไม่มีกฎอะไรทั้งนั้น พวกนั้นมีคนเยอะมากมันถึงได้ไม่กลัวไงว่าจะมีใครมาหาเรื่อง แต่ดูท่าทางที่พวกนี้มาพักอยู่ในเขตมอนสเตอร์ชุมขนาดนี้ได้ หมายความว่าพวกนี้ก็มีฝีมืออยู่เหมือนกัน" โจอธิบาย ถึงเขาจะไม่พอใจเช่นเดียวกันแต่เขาทำอะไรไม่ได้
"แล้วจะทำยังไงดีล่ะคะ ถ้าขืนเป็นแบบนี้พวกเราก็ไม่ได้เปลี่ยนอาชีพกันพอดีสิคะ คนอื่น ๆ เองก็พลอยลำบากไปด้วยแบบนี้แย่จริง ๆ เลย" ซินจูพูดอย่างไม่พอใจ
เจนเองก็อยากจะเข้าไปจัดการคนพวกนี้จะแย่ แต่ในนี่คือเกมที่เธอไม่อาจประมาทคนอื่น ๆ ได้เพราะทุกคนสามารถเก่งได้เหมือนกันหมด ถ้าหากทะเล่อทะล่าเข้าไปนั่นอาจจะหมายถึงความตายของเธอก็ได้ และบางอย่างบอกเธอว่านั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุดด้วย
จบตอนที่ 11 พานพบ
--------------------
4th January 2014 12:42
#16
ตอนที่ 12 ปริศนา
----------------------
วันนี้ลงสองตอนนะครับเพราะพรุ่งนี้ผมไม่อยู่ในกรุงเทพ คงไม่ว่างจะมาลง
แล้วก็สวัสดีปีใหม่นะครับ
7th January 2014 11:25
#17
7th January 2014 15:58
#18
พึ่งอ่านจบไปสองตอน ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อ่านนิยายแนวนี้มาก่อนก็ตามแต่คงต้องบอกว่า...
-เนื้อเรื่องสนุกมาก
-บทบรรยายก็ดีเยี่ยมเห็นภาพได้ชัด
-การวางโครงเรื่องและความเป็นมาเป็นไปถือว่าลงตัว
-มีการใช้คำผิดความหมายเล็กน้อยแต่โดยรวมถือว่าดีมาก
-เรื่องคำเกริ่นที่ผมกล่าวไปตั้งแต่คราวแรกถ้าหากว่าผู้เขียนแก้ได้ก็จะดีมากนะครับ เพราะคำที่ใช้ในเนื้อเรื่องมันดีกว่าที่คุณเกริ่นไว้
-สิ่งที่ผมชอบที่สุดขณะอ่านคือ "เจน" จากคำบรรยายของคุณคงเป็นคนที่น่ารักจริง ๆ (ฮา)
8th January 2014 12:47
#19
ตอนที่ 14 Money in the bank
ขอบคุณมากครับที่ชม ผมจะมาลงเรื่อย ๆ นะครับ สำหรับนิยายเรื่องอื่น ๆ ในบอร์ดนั้นผมก็กำลังไล่อ่านอยู่ครับ แต่เป็นเพราะผมต้องแต่งนิยายตอนละสัปดาห์กับช่วงนี้ติดสัมนาที่มหาลัยก็เลยไม่ค่อยว่างอ่ะครับ
8th January 2014 16:24
#20
พึ่งอ่านไปได้ 4 ตอนครึ่ง ขอบอกว่าหยุดอ่านไม่ได้เลยล่ะครับ เรื่องนี้ รอเวลาว่างอ่านต่อครับ สู้ ๆ นะครับ
9th January 2014 16:38
#21
ตอนที่ 15 วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา
10th January 2014 11:40
#22
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
10th January 2014 13:46
#23
เข้ามา ปั๊มกระทู้ Go to 300 เป็นกำลังใจครับ
เห็นแล้ว รู้สึกนับถือความตั้งใจ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย manmao : 10th January 2014 เมื่อ 13:48
11th January 2014 12:42
#24
ตอนที่ 17 เผชิญหน้ามหาบุรุษโจรสลัด
11th January 2014 19:54
#25
ไรเตอร์จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะวาดเจนมาแปะ (ภาพขาวดำนะครับ)
กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts
Forum Rules