เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา
5th February 2014 14:51
#51
ตอนที่ 38 เบลดมาสเตอร์! [ตอนปลาย]
5th February 2014 14:52
#52
5th February 2014 14:53
#53
6th February 2014 13:51
#54
ตอนที่ 40 ความจริงที่เปิดเผย
7th February 2014 18:52
#55
ตอนที่ 41 เทพอสูร
ตอนที่ 41 เทพอสูร
อากาศยามเช้าในเมืองยามะไตในฤดูหนาวนั้นช่างสดชื่น ลมเย็นพัดอากาศบริสุทธิ์ที่ชื้นเล็กน้อยทำให้หัวของเจนรู้สึกปลอดโปร่ง แต่ทว่าสีหน้าของเธอในตอนนี้กลับดูบึ่งตึงและมีสีแดงระเรื่ออ่อน ๆ นั่นก็เพราะตอนนี้เธอยังคงอยู่ในยุดเดรสสีเหลืองอยู่นั่นเอง
"นี่พวกเราเดินช้า ๆ ก็ได้มั้ง อาคารระบบมันไม่เดินหนีไปไหนหรอก" แจ็คพูดขึ้นด้วยเสียงหอบเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่ออกมาจากเรียวกัง เจนพาพวกเขาเดินกึ่งวิ่งมาตลอดทาง แถมเธอยังใช้ตัวของเขาและโจบังไม่ให้คนที่เดินผ่านไปมามองเห็นเธอด้วย แต่ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์ เพราะชุดที่เจนใส่นั้นดึงดูดสายตาได้ดีเกินกว่าจะหลบซ่อนสายตาของชายหนุ่มทั้งหลายที่เป็นผู้เล่นและชาวเมือง
"นี่นายก็รู้ว่าที่ฉันรีบเพราะอะไร! แม่นะแม่ทำกันได้ ก็รู้อยู่ว่าไม่ชอบแต่ยังบังคับกันได้..." เจนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เป็นเพราะจริยาจึงทำให้เธอไม่สามารถเปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดเดิมได้ ตอนนี้เสื้อผ้าที่เหลืออยู่มีเพียงแค่ชุดที่เธอใส่ชุดเดียว ชุดคลุมสีขาวนั้นถูกจริยาริบเอาไว้ ซึ่งคุณแม่คนดีให้เจนมาเอาหลังจากที่เธอกลับมาจากทำธุระเสร็จแล้ว
เสือซ่อนลายและยูสตาร์รับหน้าที่ไปหาซื้อเสบียงและอุปกรณ์เตรียมออกเดินทางครั้งต่อไป สาว ๆ นั้นถูจริยาดึงตัวไปที่ร้านขายเสื้อผ้า โดยเฉพาะอามีร่าที่คุณแม่จับแขนไม่ยอมปล่อยเพราะชุดที่อามีร่าสวมอยู่นั้นโทรมสุด ๆ และดูท่าทางเธอก็คงหนีไปจากจรยาไม่ได้ง่าย ๆ แน่ถ้าหากไม่มีชุดใหม่ติดตัวมาซักชุดสองชุด ส่วนพวกเจนนั้นรับหน้าที่หลักมาจัดการลงทะเบียนกิลด์ที่อาคารระบบ โชคดีที่ช่วงเช้ายังมีผู้เล่นภายในเมืองออกมาไม่มากนัก เจนจึงสามารถรีบเดินทางไปถึงอาคารโดยปลอดภัย(?)ได้ในที่สุด
อาคารระบบช่วงเช้าแทบจะไม่มีคนอยู่เลยตามที่เจนคาดเอาไว้ ขนาดพนักงานประจำเคาน์เตอร์ยังมากันไม่ครบทุกคน มีเพียงแค่สองสามคนเท่านั้นที่กำลังยกแก้วกาแฟดื่มอยู่บนโต๊ะสอบถาม
พวกเจนหยิบบัตรคิวและตรงไปยังโต๊ะหมายเลขสองที่ขานหมายเลขคิวแทบจะทันทีที่ได้บัตรคิวในมือ ทั้งสามมาถังโต๊ะสอบถามก็พบกับเจ้าหน้าที่หนุ่มวัยกลางคนพร้อมกับแก้วกาแฟที่มีควันจาก ๆ กรุ่นขึ้นมาและขนมปังครัวซองที่มีรอยกัดแหว่งไปเล็กน้อยวางเคียงคู่กัน ทางทางเธอจะมาขัดจังหวะอาหารเช้าของเขาเข้าพอดี
"อาคารระบบยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าต้องการใช้บริการอะไรดีครับ" เจ้าหน้าที่เอ่ยปากต้อนรับอย่างเป็นมืออาชีพโดยไม่แสดงท่าทางไม่พอใจให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่แน่นอนว่าเขาต้องกำลังหงุดหงิดอยู่แน่ ๆ ท่าทางคงต้องรีบจัดการเรื่องให้เสร็จโดยเร็วซะแล้ว
"พวกเราอยากจะตั้งกิลด์น่ะครับ" โจที่เป็นหัวหน้ากิลด์ออกหน้าเป็นตัวแทนพูดขึ้น
พูดจบ เจ้าหน้าที่ก็เปิดหน้าต่างแสงขนาดใหญ่ขึ้นมาตรงหน้าของโจ เมื่อมองลงไปก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นกฎและข้อตกลงในการตั้งกิลด์อย่างแน่นอน เพราะตัวหนังสือยาวเหยียดจนเจนไม่คิดจะอ่าน เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้ากิลด์หนุ่มของเธอเป็นคนจัดการให้เรียบร้อย
"นี่คือรายระเอียดสำหรับการตั้งกิลด์นะครับ แต่หลัก ๆ แล้วสิ่งที่พวกคุณต้องเตรียมในตอนนี้คือสมาชิกจำนวนสิบคนเป็นอย่างน้อยและเงินจำนวนสองล้านโกลด์สำหรับค่าสมัครและค่าธรรมเนียมครับ" เจ้าหน้าที่อธิบาย
"เอ๋! แค่ตั้งกิลด์ทำไมค่าสมัครถึงแพงจังเลยล่ะ!" เมื่อได้ยินค่าสมัครพุ่งสูงถึงจำนวนเลขหกหลักเจนก็รีบทักขึ้นทันที แม้ว่าโจจะบอกให้รู้มาก่อนหน้านี้ตอนที่รวมเงินกันแล้วก็เถอะ แต่ต่อมความตระหนี่ของเจนนั้นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากถาม
"เป็นเพราะตอนนี้จำนวนกิลด์ในปัจจุบันมีมากเกินไปน่ะครับ แค่บนทวีปอัลเทเชียแห่งนี้ก็มีกิลด์เล็กกิลด์น้อยกว่าแสนกิลด์แล้วและก็ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน เพื่อป้องกันผู้เล่นที่อยากตั้งกิลด์ของตัวเองแต่ก็ยุบไปเพราะเลิกเล่นหรือไปอยู่กิลด์ใหม่ที่ใหญ่กว่าหรือพวกที่อย่างตั้งกิลด์เล่น ๆ ทางเราจึงต้องทำให้ผู้เล่นเห็นความสำคัญของกิลด์มากขึ้นโดยเก็บเงินค่าก่อตั้งเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ต่อให้ไม่มีปราสาทเป็นที่ทำการแต่การตั้งกิลด์ก็มีผลประโยชน์อยู่ไม่น้อย เงินแค่นี้ใช้เวลาไม่นานก็หาคืนได้แล้วล่ะครับ" เจ้าหน้าที่อธิบาย
โจยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่พร้อมกับส่งถุงเงินให้ในขณะที่เจนยังคงมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ถึงบอกว่าต้องการให้เห็นถึงความสำคัญ แต่เงินเป็นล้านโกลด์เป็นค่าสมัครนี่มันถือว่าเยอะเกินไปสำหรับเจนอยู่ดี
"เรื่องสมาชิกกิลด์ต้องการให้ใช้รายชื่อตามกลุ่มของคุณเลยใช่มั้ยครับ แต่ในกลุ่มของคุณมีคนเพียงแค่เก้าคน ไม่พอในการตั้งกิลด์นะครับ" เจ้าหน้าที่แจ้งให้โจทราวพร้อมกับเป็นหน้าต่างแสงขึ้นมาอีกบาน บนนั้นมีรายชื่อและใบหน้าของพวกเจนทุกคนอยู่ครบทุกคน
"ยังมีอีกสองคน..ค..ค่ะ เป็นสัตว์เลียงของฉันเอง" เจนพูดแล้วเปิดหน้าต่างสัตว์เลี้ยงขึ้นมาให้เจาหน้าที่ดู เขาเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินว่าต้องการจะให้สัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกกิลด์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องแบบนี้จากปากของผู้เล่น
เจ้าหน้าที่ลองตรวจสอบดูว่าสิ่งที่ผู้เล่นสาวตรงหน้าเขาพูดมานั้นมาสามารถทำได้หรือไม่ และเขาก็ต้องแปลกใจว่าไม่มีข้อห้ามใดที่จะบอกห้ามไม่ให้มอนสเตอร์หรือชาวเมืองสามารถเป็นสมาชิกกิลด์เลยแม้แต่ข้อเดียว หนำซ้ำชาวเมืองหรือมอนสเตอร์ยังสามารถจะตั้งกิลด์และได้ประโยชน์ทุกอย่างเหมือนกับผู้เล่นทุกประการด้วยซ้ำถ้าหากเข้ามาติดต่อในอาคารระบบได้
ชายหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเกมนี้มันชักจะเปิดกว้างเกินไปหน่อยแล้ว เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าพวกนักรบระดับสูงของเมืองทราบเรื่องนี้เข้าและมาตั้งกิลด์ที่มีแค่ยอดนักรบรวมตัวอยู่จะเกิดอะไรขึ้น
"ว่ายังไง..คะ ตกลงพวกเราจะตั้งกิลด์ได้หรือเปล่า" เจนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อปนด้วยความไม่พอใจ เจ้าหน้าที่คนนั้นได้ยินจึงรีบตอบและดำเนินการให้ทันทีเพราะนึกว่าหญิงสาวไม่พอใจเพราะเขาดำเนินการล่าช้า แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะเจนพยายามฝืนตัวเองให้พูดคะขาต่อหน้าคนอื่น แม้เธอจะเคยพูดแบบนี้กับมาเอะหรือหมิงเต๋อออกมาได้อย่างไม่รู้สึกอายก็ตาม แต่การที่จะให้เจนไปพูดกับคนแปลกหน้ามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แถมชุดที่ใส่ก็ละลายความมั่นใจของเธอไปซะสิ้น
"อ..เอ่อ นี่ครับ สมาชิกกิลด์มีจำนวนสิบเอ็ดคนนะครับ ได้รับค่าสมัครครบแล้ว คนที่เป็นหัวหน้ากิลด์กรุณากรอกข้อมูลทางด้านนี้ด้วยครับ" เจ้าหน้าที่กล่าวและเปิดหน้าต่างแสงขึ้นมาอีกบาน
เจนหลบทางให้โจเข้ามากรอกข้อมูล หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปิดหน้าต่างแสงทุกบานลงก่อนจะเปิดหน้าต่างแสงขึ้นมาอีกครั้ง โดยหน้าต่างบานนี้เป็นหน้าต่างที่จะยืนยันข้อมูลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งข้อมูลเข้าไปในระบบ
กิลด์อัสนีพิสุทธิ์
ที่ทำการ:โปรดระบุ (หากยังไม่มีให้เว้นว่าง คุณมีเวลา 10 วันในการยืนยันที่ทำการกิลด์ในภายหลัง)
หัวหน้ากิลด์:โจ
รองหัวหน้ากิลด์:เสือซ่อนลาย
รองหัวหน้ากิลด์:ไมโกะ
สมาชิก:เจน, แจ็ค, ซินจู, คิทซึเนะ, ฟีบี, ยูสตาร์, หนูส่งข่าว, อามีร่า
หลังจากตรวจสอบให้แน่ใจแล้ว โจจึงกดยืนยันที่อยู่ด้านล่างสุดของหน้าต่างแสง
"เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้กิลด์..เอ่อ อสนีพิสุทธิ์ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ ไม่ทราบว่าต้องการแจ้งที่ตั้งที่ทำการกิลด์เลยหรือไม่ครับ" เจ้าหน้าที่ถามขึ้น แต่โจตอบกลับไปว่ายังไม่มีที่ทำการ "ทางระบบจะให้เวลาสิบวันเพื่อหาที่ทำการกิลด์นะครับ ถ้าหลังจากเลยกำหนดไปแล้วจะถูกปรับเป็นเงินจำนวนวันละหนึ่งแสนโกลด์นะครับ"
เจนถึงกับกลั้นหายใจเมื่อได้ยินเงินที่ต้องเสียถ้าหากไม่รีบหาที่ทำการกิลด์ไม่ได้ ยิ่งถ้าหากถังเวลาออนไลน์ไปแล้วยังหาไม่ได้อีกล่ะก็ การเสียเงินไปอีกล้านกับค่าปรับไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยแน่
"อ๊ะ! เกือบลืมไป พวกนายไปรออยู่ข้างนอกก่อนแล้วกัน ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามเจ้าหน้าที่หน่อย" เจนหันไปพูดกับพวกโจที่พยักหน้ารับทราบแล้วจึงเดินจากไป เจนหันกลับไปหาที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นมาซดอย่างช้า ๆ แล้วเอ่ยถามสิ่งที่เธอต้องการถามทันที
"เอ่อ..ขอโทษค่ะ... คุณช่วยบอกหน่อยได้หรือเปล่าคะว่าจะพบมังกรได้ที่ไหนบ้าง"
เจ้าหน้าที่วางแก้วกาแฟลงแล้วรีบตอบคำถาม "เรื่องจากข้อมูลที่คุณถามยังไม่ใช่ข้อมูลสาธารณะครับ ทางระบบจึงยังไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้ในตอนนี้ครับ"
"แต่ว่าเคยมีคนสู้กับมังกรมาแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงบอกข้อมูลส่วนนี้ออกมาไม่ได้ล่ะ" เจนพยายามคาดคั้นเมื่อก่อนหน้านี่เธอเคยได้ยินแจ็คบอกว่ามีคนสู้กับมังกรมาก่อน แม้ว่าจะไม่เคยมีใครเคยอ้างว่าเป็นผู้จัดการมังกรลงได้หรือมีชุดเกราะและอาวุธที่ทำมาจากหนังมังกรขายในตลาดเป็นหลักฐานยืนยันก็ตาม แต่นี่เป็นเบาะแสเดียวที่เธอจะตามหามังกรเพื่อที่จะหาทางเลื่อนยศให้ฟีบี
"เรื่องนั้นเป็นเพราะข้อมูลนี้เป็นเรื่องของผู้เล่นครับ ถ้าหากมีคนเคยสู้กับมังกรจริงก็เป็นเรื่องของผู้เล่นคนนั้นที่จะเปิดเผยถึงสถานที่ที่เขาพบหรือไม่ครับ เหมือนกับที่คุณไม่บอกใครถึงที่มาของทักษะของคุณนั่นแหละครับ" เจ้าหน้าที่ตอบ ทำเอาเจนรู้สึกผิดไปเลย เพราะขนาดเธอยังปกปิดหลายต่อหลายเรื่องไม่ให้คนอื่นรู้ ถ้าคนอื่นมีเรื่องปิดบังมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
"ถ้าหากไม่มีข้อสงสัยอะไรอีกก็ขอขอบคุณมากที่ใช้มาบริการนะครับ" เจ้าหน้าที่วัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เจนกล่าวขอบคุณตอบกลับไปแล้วจึงเดินจากมา เท่ากับว่าตอนนี้เธอไม่มีเบาะแสจะไปต่อ ตอนนี้เธอคงต้องมุ่งเป้าไปที่การไปหาที่ทำการกิลด์ซะก่อน หลังจากนั้นค่อยสนเรื่องอื่น จะว่าไปแล้วตอนนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้า นับเป็นโอกาสดีที่เจนจะพาทุกคนไปเยี่ยมมาเอะที่หุบเขาจิ้งจอกอย่างที่เธอเคยให้สัญญาเอาไว้
หญิงสาวเดินไปคิดไปจนมาถึงจุดที่เธอนัดพวกโจเอาไว้ แต่เมื่อมองเห็นพวกเขา หัวใจของเธอก็แทวจะหยุดเต้น เพราะว่ามีชายคนหนึ่งกำลังคุยกับเพื่อนของเธออย่างถูกคอ และคน ๆ นั้นก็คือคนที่เจนไม่อยากจะเจอหน้าในเวลานี้มากที่สุดซะด้วย!!
"หายากนะเนี่ยที่จะมีคนตื่นมาสูดอากาศยามเช้าแบบนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าพวกนายจะเป็นพวกตื่นเช้ากับเขาด้วย" เสียงระรื่นของชายหนุ่มนามจีโอที่ตอนนี้อยู่ในชุดสบาย ๆ กำลังยืนอยู่ข้างตัวโจที่ยิ้มร่าราวกับว่ารู้จักกันมานาน
"ไม่ใช่แค่ในเกมหรอกนะ ฉันน่ะเป็นคนตื่นเช้าแบบนี้ทั้งในเกมและนอกเกมอยู่แล้ว เพราะการตื่นเช้าถือเป็นกำไรของชีวิตยังไงล่ะ" จอมเวทหนุ่มตอบ เจนที่แอบฟังอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ได้ยินเข้าก็รู้สึกหมั่นไส้จนแทบจะอดใจออกไปพูดกัดให้ได้ แต่เธอก็ยังรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพยังไงและใครอีกที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เหมือนกับว่าอ่านใจเธอได้ แจ็คที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นก็ส่ายหัวและเอ่ยปากกัดคำพูดของเพื่อนตัวเองเข้าอย่างเจ็บแสบ "ไอ้ขี้โม้ ถ้าฉันหรือซินจูไม่เอาน้ำสาดปลุกเพราะต้องมาตั้งกิลด์ล่ะก็ กว่านายจะลุกจากเตียงได้ก็เกือบเที่ยงโน้น"
"พวกนายตั้งกิลด์ด้วยกันเหรอเนี่ย! มิน่าล่ะ เป็นเพราะอย่างนี้นี่เองถึงไม่ยอมเข้ากิลด์ฉัน ให้เดานะ เจนเป็นหัวหน้ากิลด์ใช่มั้ย" จีโอถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่ในสายตาของเจนแล้วมันเหมือนกับเป็นการแสร้งทำมากกว่า คนในฐานะอย่างจีโอแล้วจะมาตื่นเต้นอะไรกับแค่กิลด์เล็ก ๆ อย่างพวกเธอ
แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจีโอจะทำอะไรเจนก็มองในแง่ร้ายไว้ก่อน คงเป็นเพราะเธอมีอคติกับชายคนนี้ไปแล้วแน่
"อ่า เดาผิดว่ะเพื่อน คนที่เป็นหัวหน้ากิลด์คือฉันต่างหาก" โจบอกพร้อมกับยืดอกราวกับว่าต้องการจะอวดตำแหน่งของตัวเองโดยที่ไม่ได้นึกถึงเลยว่าคนที่คุยด้วยเป็นถึงหัวหน้ากิลด์เช่นเดียวกัน
"ว้าว! ขอแสดงความยินดีด้วยนะคุณหัวหน้า!" จีโอส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้นและยื่นมือออกไปจับกับโจเพื่อแสดงความยินดี "เดี๋ยวก่อนนะ ฉันจำได้แล้วว่านายคือใคร นายคือโจคนนั้นที่มีบล็อกแนะนำเกมและเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันGWCใช่มั้ย ขอบอกเลยว่าฉันเป็นแฟนตัวยยงเลย!"
จอมเวทหนุ่มได้ยินว่าชายตรงหน้าเป็นแฟนคลับตนก็รู้สึกตื้นตันใจจนต้องยื่นมือออกไปจับอีกครั้ง แม้ว่าบล็อกของเขาจะโด่งดังอยู่บ้านในโลกอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าหากเทียบจีโอที่ดังไปทั่วโลกแล้วก็ถือว่าเขาห่างชั้นกว่ามาก การที่มีคนระดับนั้นเป็นแฟนคลับก็ยิ่งทำให้โจรู้สึกตื้นตันใจจนยากที่จะบรรยาย
ส่วนการแข่งขันGWCนั้นก็คือการแข่งขันเกมระดับโลกที่นำเอาเกมเมอร์ต่าง ๆ ในแต่ละสาขาของเกมไม่ว่าจะเป็น โรลเพลยเยอร์, เกมยิงต่าง ๆ, เกมกีฬารวมไปถึงรถแข่งและแน่นอนว่ามีเกมออนไลน์รวมอยู่ด้วย ซึ่งการแข่งขันนี้สร้างชื่อให้โจไม่น้อยเพราะเขาคว้ารางวัลมาจากหลายเกมและยังได้รางวัลชนะเลิศในสาขาเกมออนไลน์ ดังนั้นถ้าหากเขาตั้งกิลด์ใดขึ้นมาในเกมใด ไม่ว่าใครได้รู้ก็ต้องอยากจะเข้ากิลด์เดียวกับเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่จีโอรับรู้ว่าโจตั้งกิลด์ใหม่มันก็ต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่แล้ว เพราะถ้าหากโจและเขาเป็นพันธมิตรกัน มันก็ย่อมจะต้องส่งผลดีต่อไปในอนาคตแน่
ขณะเดียวกันทางด้านเจนก็เริ่มวิตกกังวลเพราะทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอ ถ้าหากปล่อยเอาไว้อย่างนี้ต่อไปล่ะก็คงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ไปจากที่นี่ และถ้าหากปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันจนพูดถึงเรื่องของเธอ เรื่องก็คงยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจีโออาจจะทราบเรื่องที่เจนเป็นผู้หญิงแล้วก็ตาม แต่จะให้มาเห็นเธอในชุดนี้เนี่ยนะ...ฝันไปเถอะ!
"พูดถึงเจนแล้วไม่เห็นตัวเลยนะ ปกติจะเห็นอยู่กับพวกนาสตลอดเลยนี่" จีโอโพล่งถามขึ้น ทำเอาหญิงสาวที่หลบอยู่ด้านหลังต้นไม้ร้องกรี้ดออกมาในใจ หมอนี่มันเป็นคนทรงอ่านใจได้หรือยังไงกันเนี่ย
"ขานั้นยังอยู่ในอาคารระบบน่ะ เห็นบอกว่ามีเรื่องจะถามต่ออีก นี่ก็นานแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่ออกมาซักทีก็ไม่รู้" แจ็คบอก แม้จะยังไม่ได้หลุดปากเรื่องของเธอออกมาอย่างที่กลัว แต่ไอ้เจ้าพวกนี้ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธออยู่ในชุดอะไร จะให้เธอออกไปหาทั้ง ๆ อย่างนี้เนี่ยนะ
และแล้วฝันร้ายของเจนก็ทำท่าจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสามหันหน้าตรงมาหาเธอซึ่งด้านหลังของเธอก็คืออาคารระบบนั่นเอง ต้นไม้ต้นใหญ่นี้แม้จะสามารถบังร่างของเจนได้จนมิด แต่ว่าสัญชาติญาณของเธอบอกว่าคงไม่อาจหลบสายตาของชายคนนี้ไปได้แน่ หญิงสาวก้มตัวลงต่ำพร้อมนึกหาวิธีออกไปจากที่นี่ ทว่าต้นไม้มีเพียงกุ่มไม้เล็ก ๆ เท่านั้น คงไม่อาจใช้หลบสายตาของผู้คนได้นานนัก ชุดที่เธอสวมก็เป็นสีเหลืองสดใสที่ดึงดูดสายตาได้ง่ายอีก เห็นทีจะใช้คำอธิบายสถานการณ์นี้ว่าจนตรอกก็ไม่ผิดนัก
แต่ดูเหมือนหญิงสาวยังคงมีโชคอยู่บ้าง เมื่อมีเสียงเรียกชื่อจีโอจากด้านหลัง และเจนก็จำเสียงนั้นได้ดีว่าเขาเป็นใคร นั่นคือเสียงของหย่งฟาง หัวหน้ากิลด์อีกคนของกิลด์ราชาพยัคฆ์คู่นั่นเอง
"จีโอ! นี่นายมัวทำอะไรอยู่ ฉันเรียกนายตั้งนานไม่ยอมตอบกลับมา" ชายในเสื้อคอเต่าสีน้ำตาลเดินเข้ามาหาจากด้านหลังของชายหนุ่มทั้งสามคน จากมุมที่เจนแหวกหญ้าดูก็พบว่าชายหนุ่มที่ดูน่ากลัวในตอนนั้นกำลังอยู่ในชุดสบาย ๆ เช่นเดียวกัน บรรยากาศรอบตัวเขาในตอนนี้ก็เหมือนเป็นคนละคน
"ขอโทษที ๆ พอดีกำลังคุยติดพันกับพวกนี้อยู่น่ะ" ชายหนุ่มพยัคฆ์แดงเอ่ยตอบเพื่อนของคนและผายมือไปให้เพื่อนอของเขาได้เห็นโจและแจ็คที่หันมามองหน้ากันราวกับว่ากำลังถามความคิดเห็นของกันและกัน
เมื่อหย่งฟางรู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองเป็นใคร เขาก็มีท่าทีสำรวมมากขึ้นและเอ่ยทักทาย "สวัสดีครับคุณโจและคุณแจ็ค ขอโทษด้วยสำหรับที่เสียมารยาทตอนที่เราพบกันครั้งล่าสุด"
"ไม่เป็นไร พวกเราไม่ถือสาหรอก ส่วนเจนเองก็คงไม่ถือสาเหมือนกันหรอก...มั้ง" โจพูดด้วยความไม่มั่นใจ เพราะจากที่รู้จักกับเจนมา ถ้าหากว่าเขาทำอย่างหย่งฟางล่ะก็ คงได้ถูกส่งไปเกิดใหม่ในสิบวินาทีแน่ แต่หารู้ไม่ว่าเพราะคำพูดของเขานั่นล่ะที่ทำให้คนบางคนกำลังนึกภาพจอมเวทหนุ่มไปเกิดใหม่เรียบร้อยแล้ว
"ขอบคุณครับ เอาไว้คราวหน้าผมจะหาโอกาสชดใช้กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไปก็แล้วกันครับ แต่ผมก็ขอพูดย้ำในสิ่งที่ผมเคยพูดไปอีกครั้ง ถ้าหากพวกคุณมีเบาะแสเรื่องของอีกา ช่วยกรุณาส่งข่าวมาให้ผมทราบด้วย" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความนอบน้อม ทำให้แม้แต่โจและแจ็คยังรู้สึกคล้อยตามไปด้วย จากที่มองดูท่าทางและน้ำเสียงของชายคนนี้ก็ทำให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้มีความมุ่งร้ายไปที่อามีร่าอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะให้บอกว่าอามีร่าอยู่กับพวกเขาล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้นกับอามีร่า โจเองก็ยังยากที่จะคิดได้
"สำหรับเรื่องนั้น...เอ่อ..คือ" เสียงของแจ็คอ้ำอึ้ง ใจหนึ่งเขาอยากจะบอกแต่อีกใจก็รู้ว่าไม่ควร อย่างน้อยก็จะบอกให้อามีร่ารู้ก่อนก็ยังดี แต่น้ำเสียงของเขานี่ล่ะที่ให้คำตอบที่หย่งฟางต้องการ ความลังเลหมายถึงว่าชายทั้งสองต้องรู้อะไรบางอย่างอย่างแน่นอน
เจนที่ฟังอยู่เริ่มสังเกตเห็นท่าทางพิรุธของแจ็คได้จึงทำท่าจะเข้าไปห้ามไม่ให้เพื่อนของเธอพูดอะไรต่อไปอีก แม้จะทำให้จีโอและความลับที่ว่าผู้กล้าในชุดขาวเป็นผู้หญิงต้องแตกก็ตาม แต่เจนจะไม่ยอมให้ใครมาตามรังควานเพื่อนของเธอแน่
ทว่าตอนนั้นเองเจนก็ได้ยินเสียงเรียกดังมาจากด้านข้างใบหน้าสะอาดใสเข้ารูปกับผมยาวที่ถูกมันเป็นทรง ร่างบางในชุดเกราะเบาสีดำพร้อมกับผ้าคลุมสีฟ้าที่เจนให้ไปจากเมื่อกำลังเดินตรงเข้ามาหาเจนพร้อมกับส่งเสียงเรียก แม้ว่าสภาพของอามีร่าในตอนนี้จะเป็นคนละคนกับอีกาคนทั่วไปคงจะจำไม่ได้อย่างแน่นอน แต่หย่งฟางไม่ใช่คนทั่วไป แม้รูปลักษ์จะเปลี่ยน แต่คงไม่มากพอที่จะทำให้เขาลืมหน้าของเธอได้แน่
"เจน นั่นกำลังทำอะไรอยู่น่ะ ทุกคนกำลังรอทานมื้อเช้าอยู่นะ" อามีร่าพูดเสียงสูง ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่เจนด้วยความสงสัย
ในขณะที่เจนหันไปมองหน้าของเธอ หย่งฟางเองก็เหลือบขึ้นมาเห็นเด็กสาวด้วยเช่นกัน พริบตานั้นเองที่สายตาของชายหนุ่มแลเด็กสาวสบสายตากัน ราวกับเวลาทั้งโลกหยุดนิ่ง ทั้งสองคนมองตากันเป็นเวลานานแม้ความจริงมันจะผ่านไปแค่เสี้ยววินาที อามีร่าจำหน้าชายผู้นี้ได้แม้ว่าเขาจะไม่ได้สวมชุดเดียวกับที่เขาเคยพบกับเธอ และหย่งฟางก็จำหน้าของเด็กสาวได้แม้ว่าตอนนี้เธอจะดูเปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่เขาเจอเธอมากก็ตาม
ไม่ต้องรอให้มีสัญญาณใด ๆ เจนพุ่งตัวข้ามพุ่มไม้ออกมาและตรงเข้าไปคว้ามือของอามีร่าก่อนจะใช้พลังสถิตร่างพาตัวเองและเด็กสาวออกมาจากที่นั่นในเวลาไม่กี่วืนาที สองหนุ่มที่เห็นเหตุการณ์ก็รู้ทันทีว่าพวกเขานั้นพลาดไปซะแล้ว จอมเวทหนุ่มพยักหน้าให้กับเพื่อนของเขาแล้วจึงหยิบกระดาษเวทเคลื่อนย้ายออกมาในขณะที่แจ็คค่อย ๆ หลบฉากออกมาในขณะที่คนอื่นไม่ทันสังเกต
"ขอโทษทีนะ แล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง" พูดจบ แจ็คก็ฉีกกระดาษเคลื่อนย้ายออกทันที ร่างของเขากลายเป็นแสงและพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้าซึ่งที่ ๆ เขาจะไปนั่นก็คือใจกลางเมืองนั่นเอง ทิ้งให้จีโอและหย่งฟางมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง
ร่างในออร่าสีทองพุ่งลงสู่ใจกลางสวนของเมืองที่อยู่ห่างออกมาจากอาคารระบบอีกด้านของเมือง โชคดีที่เวลาเช้าเช่นนี้ยังไม่คนไม่มากนัก ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงร่างสองร่างที่ปกคลุมด้วยแสงสีทองพุ่งข้ามเมืองมายังสวนแห่งนี้ หลังจากที่สลายพลังลง เจนก็หันไปมองดูเด็กสาวที่ดูท่าทางจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อย
"เอ่อ...ถ้าหากเธอไม่อยากก็ไม่ต้องเล่าให้ฟังก็ได้นะ ฉันเข้าใจ" เจนบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพราะว่าเธอรู้เรื่องของอามีร่ามามากจนเกินความจำเป็นแล้ว และตอนนี้เจนก็ไม่มีความจำเป็นที่จะไปยุ่งในเรื่องส่วนตัวของเธออีก แม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องสมัยที่อีกาออกอาละวาดก็ตาม
เด็กสาวก้มลงมองผืนหญ้าสีเขียวชอุ่ม สายตากลอกไปมาเหมือนกับกำลังครุ่นคิด ไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นและมองตาของเจนเข้าตรง ๆ "ขอบคุณค่ะเจน ซักวันฉันจะเล่าให้คุณฟังแน่ ๆ ค่ะ...แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้"
เจนพยักหน้าเข้าใจ คนเราสมควรจะมีความลับเป็นของตัวเองบ้างซักเรื่องสองเรื่องและเจนรู้ดี เธอยิ้มให้กับเด็กสาวแล้วเดินไปพร้อมกับอามีร่าตรงกลับไปยังเรียวกังที่ทุกคนกำลังรอทั้งสองอยู่
เมื่อกลับมาถึงทุกคนก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น ขนาดพวกโจที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พลอยเป็นห่วงไปด้วยและถามอามีร่าว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนที่อามีร่าจะถูกกดดันไปมากกว่านี้ เจนก็ออกหน้าบอกให้ทุกคนถอยไปก่อนและค่อย ๆ อธิบายเรื่องให้ทุกคนให้ฟัง แม้อาจจะไม่ใช่เรื่องราวที่ถูกต้องนักแต่เป็นเรื่องราวที่เธอจะบอกกับทุกคนได้ในตอนนี้
ไม่นานหลังจากเรื่องวุ่น ๆ จบลง(แน่นอนว่าเจนจัดการเก็บ บัญชีทั้งแจ็คและโจ ยังดีที่ไม่เอาถึงต้องไปรอเกิดเพราะเห็นใจทั้งคู่ที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย)มื้อเช้าก็มาถึงพร้อมกับเกอร์ทูธและจริยาเข้ามาร่วมด้วย บทสนทนาในช่วงเช้าไม่พ้นเรื่องที่เจนไม่เข้าใจจนต้องหันไปหาพวกโจที่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย
"เป็นอะไรหรือเปล่าเจน คุยกับทางนั้นไม่สนุกงั้นหรือ" เสือซ่อนลายถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวหันหน้ามาทางพวกเขาแทนที่จะไปคุยกันตามภาษาผู้หญิงอย่างคิทซึเนะที่นั่งข้างตัวเธอ
เจนไม่ตอบคำ เธอพ่นลมออกจากปากขณะที่ลงมือตักข้าวตรงหน้าเข้าปาก "อย่างฉันไม่ไหวล่ะ คุยเกี่ยวกับเสื้อผ้าได้ทั้งวันแบบนั้นไม่เห็นจะเข้าใจเลย"
"แต่ว่านะเจน ฉันคิดว่าเธอน่าจะฟังเรื่องที่พวกซินจูเอาไว้บ้างก็ดีนะ พวกเรื่องของผู้หญิงทั้งหลายแบบเนี่ย" ยูสตาร์ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเจนพูดขึ้นแล้วถอดแว่นตาของเขาออกเพราะไม่อยากให้มีไอน้ำเกาะเวลาซดน้ำซุบร้อน ๆ
"หืม..ทำไมฉันต้องฟังเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ" เจนถามกับพร้อมกับยกถ้วยน้ำซุปรสเผ็ดขึ้นซดบ้าง
"อ่า...ก็ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิง เธอก็น่าจะต้องเตรียมพร้อมถึงเรื่องอนาคต หลังจากเรียนจบแล้วหรือตอนทำงานหรือแต่งงาน..-"
พรู้ดดด!!
"จ้ากกกกกก!!! ตาช้านนนนนน!!!"
เสียงร้องดังลั่นห้องพร้อมกับชายหนุ่มนามยูสตาร์ดิ้นไปมาอย่างทุรนทุรายเพราะถูกน้ำซุบรสเผ็ดแบบจัดจ้านพ่นเข้าใส่หน้าเต็ม ๆ เหมือนเป็นโชคร้ายของชายหนุ่มเพราะร้อยวันพันปีเขาไม่เคยถอดแว่นเลย มาถึงวันที่เขาถอดแว่นกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ซะอย่างนั้น แม้จะไม่รู้ว่าต่อให้เขาสวมแว่นตาอยู่มันจะช่วยได้มากกว่านี้หรือไม่ แต่จากอาการแล้วทำเอาซินจูุต้องรีบเข้าไปใช้เวทรักษาเป็นการด่วน
เสียงหัวเราะของผู้ชายลั่นห้องพักโดยไม่มีใครกลคิดจะเข้าไปช่วยยูสตาร์เลยแม้แต่คนเดียว แต่อย่างน้อยแจ็คก็ยกถังน้ำสะอาดเตรียมเอาไว้ให้ชายหนุ่มผู้โชคร้ายล้างหน้าซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องการแน่ ส่วนตัวต้นเหตุนั้นนั่งสำลักไอเสียงแหบอยู่ที่เดิม
เจนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อแก้อาการสำลัก แต่เหมือนกับว่าน้ำซุปเผ็ดนั้นจะหลงเข้าไปในใจของเธอโดยอุบัติเหตุเพราะว่าตอนนี้ในหน้าอกของเธอนั้นรู้สึกร้อนเหมือนกับถูกไฟเผา โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำที่มี 'ต.เต่า' นำหน้า
"ฉันขอโทษที พี่ยู แต่มันก็เป็นความผิดของพี่ด้วยนะ จู่ ๆ เล่นพูดอะไรแปลก ๆ อย่างเรื่องแต่งงานออกมาอย่างน่ะ" เจนว่าแล้วเข้าไปดูอาการของยูสตาร์วาเป็นอะไรบ้างแต่เขาคงไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาแน่ เมื่อในตอนนี้เขาเอาหัวมุดลงไปในถังน้ำทั้งหัวเลย
"เอ๋.. พี่เจนจะแต่งงานงั้นหรือคะ แต่งกับใครคะ!?" เสียงของซินจูเอ่ยขึ้นพร้อมดวงตาอยากรู้อยากเห็นหันมามองเจนด้วยท่าทางสนใจ เด็กสาวรีบเข้ามาประชิดตัวของเธออย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อามีร่าคอยช่วยยูสตาร์อยู่คนเดียว
เจนรู้สึกตัวทันทีว่าเธอพลาดไปแล้วเมื่อสังเกตเห็นสายตาของซินจู แม้ปกติเด็กสาวคนนี้จะสุภาพเรียบร้อยแต่ถ้าหากเป็นเรื่องเสื้อผ้าหรือเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ล่ะก็จะตื่นตัวขึ้นทันทีราวกับว่าเป็นคนละคน และดูท่าทางแล้วก็คงจะไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ แน่
"ก็ถูกอย่างที่พ่อหนุ่มคนนั้นบอกนะ ที่พวกฉันและแม่ของเธอให้เธอเข้ามาเล่นเกมนี้ตั้งแต่แรกก็เพื่อที่จะใช้เวลาปรับตัวให้มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น ไม่ใช่แค่เล่นเกมไปเฉย ๆ นะ" เกอร์ทูธว่า ทำเอาเจนประหลาดใจเพราะเมื่อครู่หญิงสาวคนนี้กำลังเปิดปากคุยกับพวกซินจูกันอย่างออกรส ไม่คิดว่าจะได้ยินที่ยูสตาร์พูดด้วย
"แต่ลูกก็ไม่ต้องรีบหรอกนะจ๊ะ ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานั้น ถึงแม่อยากจะให้ลูกทำตัวให้เหมือนกับผู้หญิงมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้อยากให้ลูกต้องเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวลูกหรอกจ๊ะ" เสียงของจริยาดังจากอีกด้านของห้อง เสียงที่เธอพูดกับเจนนั้นช่างอ่อนหวานและนุ่มนวล ความรู้สึกถึงความห่วงใยแสดงออกมาทุกคำพูดให้เห็นว่าแม่ของเธอนั้นรักเธอมากแค่ไหน ทำเอาเจนที่ฟังถึงกับน้ำตาซึมออกมาด้วยความซาบซึ้ง
"แต่ถ้าทำได้ก่อนจะเปิดเทอมก็จะดีมาเลยล่ะจ๊ะ แม่เตรียมชุดนิสิตหญิงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจนลองใส่ดูแล้วจะเป็นยังไง" จริยาเสริม อารมณ์ซึ้ง ๆ พลันมลายหาย ทำเอาน้ำตาที่จะไหลออกมาต้องหดกลับเข้าไปแทบจะทันที บรรยากาศกำลังดีแท้ ๆ แม่ของเธอจู่ ๆ ดันมาพูดเรื่องที่ทำเอาซะเสียบรรยากาศซะหมด
หลังจากทานมื้อเช้ากันเสร็จ จริยาและเกอร์ทูธก็ขอตัวไปเที่ยวกันต่อ แน่นอนว่าก่อนจากไปจริยาก็กำชับให้ซินจูช่วยเรื่องการแต่งตัวให้กับเจนด้วยและเด็กสาวก็รับคำเสียงใส ดูท่าทางชีวิตภายในเกมต่อไปข้างหน้าสำหรับเจนคงห่างไกลคำว่าสงบสุขแน่
หลังจากทั้งสองไปแล้ว เจนก็พุ่งกลับเข้าไปที่ห้องพักทันทีและถอดชุดเดรสตัวงามออก ชุดคลุมสีขาวถูกนำออกมาเตรียมพร้อมแต่หญิงสาวก็นึกขึ้นได้ถึงชุดเกราะที่เสือซ่อนลายบอกให้เธอใช้จึงหยิบมันออกมาดู ชุดเกราะกบเป็นชุดเกราะสีแดงเลือดหมูรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายกับกบ แม้รายระเอียดบอกว่ามีพลังป้องกันสูงแต่รูปลักษณ์ภายนอกของมันนั้นกลับตรงกันข้าม ทำเอาเจนที่ถืออยู่คิดแล้วคิดอีกว่าจะใส่มันดีมั้ย
หลังจากทำใจได้แล้วเจนก็สวมชุดเกราะ และตอนนั้นเองเจนก็รู้สึกได้ทันทีว่าชุดเกราะนี้ตัวใหญ่ไปสำหรับเธอ แต่ก่อนที่จะคิดถอดนั้นเองเจนก็รู้สึกได้ว่าชุดเกราะกบที่สวมอยู่นั้นกำลังลดขนาดลงจนพอดีกับร่างของเธอได้พอดี ทำให้จากตอนแรกที่เป็นชุดเกราะเทอะทะน่าเกลียดกลายเป็นชุดเกราะเล็ก ๆ ดูแปลกประหลาดแทน เมื่อเจนสวมเสื้อและชุดคลุมทับลงไปก็แทบสังเกตไม่ออกแล้วว่าเธอสวมชุดเกราะอยู่
หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยแล้วจึงออกมาจากห้องก็พบว่าคนอื่น ๆ ก็เตรียมพร้อมกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่เจนรู้ว่าพวกเธอคงไปที่ไหนไกลไม่ได้เพราะยังติดเรื่องที่ทำการกิลด์ที่ยังตกลงไม่ได้ว่าจะเอาที่ไหนกันดี
"ตกลงพวกนายคิดออกกันหรือยังว่าที่ทำการกิลด์ของเราจะอยู่ที่ไหนกันดี" เจนถามขึ้นแล้วนั่งลงข้างโจที่กำลังตีหน้าครุ่นคิด
"ยังไม่ได้เลย แถมพวกเราต้องคิดให้ได้ก่อนถึงเวลาออฟไลน์ด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นตอนล็อกอินครั้งหน้าเจอหนี้บานแน่" หนูส่งข่าวเตือน
"แล้วปกติที่ทำการกิลด์อยู่ที่ไหนกันหรือคะ ปราการประจำเมืองใช่หรือเปล่า" ซินจูถามขึ้นมาโดยมีเสือซ่อนลายพยักหน้าตอบ
"มันก็ใช่อยู่นะ แต่การที่จะตีปราการได้ต้องมีสมาชิกกิลด์อยู่อย่างน้อยห้าร้อยคน แล้วยังต้องสู้กับทหารที่อยู่ในปราการอยู่อีกเกือบหมื่นคน ต่อให้เป็นเจนก็คงไม่ไหวหรอก" เสือซ่อนลายบอกพร้อมกับหันมาหาเจนที่กำลังคิดในใจว่าถ้าหากเธออัญเชิญยามาตะ โนะ โอโรจิออกมา เรื่องทหารหมื่นคนก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร เผลอ ๆ ตัวปราการเองก็คงไม่เหลือด้วยซ้ำเมื่อลองไปนึกถึงเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่ใช้อัญเชิญออกมา
"อ๋าา นายนี่คิดไปถึงตอนนั้นทำไมล่ะ ใครเขาจะบ้าไปตีปราการตั้งแต่เริ่มตั้งกิลด์กันล่ะ เขาต้องหาที่เล็ก ๆ เป็นที่ทำการก่อนชั่วคราวแล้วค่อยไปตีปราการกันที่หลัง นายนี่น้าา ไม่มีหัวคิดเอาซะเลย" ยูสตาร์บ่น
"พวกเรามีอยู่แค่กันแค่สิบกว่าคนอย่าเพิ่งไปหวังถึงพวกปราการตอนนี้เลย มาคิดกันดีกว่าว่าจะตั้งที่ทำการกิลด์กันที่ไหนดี" ไมโกะเสนอความคิดเห็น โจพยักหน้าเห็นด้วยแล้วจึงเอ่ยขึ้นบ้าง
"ปกติแล้วผู้เล่นส่วนใหญ่ที่เพิ่งตั้งกิลด์จะซื้อบ้านหรือซื้อที่ภายในเมืองและสร้างบ้านเองเอาไว้เป็นที่ทำการกิลด์ แต่เงินที่ต้องใช้ทั้งหมดอย่างน้อยก็เกือบสี่ล้านโกลด์ แต่ขนาดของบ้านเล็กมากจนฉันว่ามันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ถ้าจะให้เป็นที่ทำการกิลด์ ถึงความจริงพวกเราจะมีเงินถุงเงินถังก็เถอะ"
เป็นไปตามที่เพื่อนของเธอพูดไม่มีผิด แม้ว่าทุกคนจะมีเงินรวมด้วยกันอยู่ถึงร้อยล้านโกลด์ แต่ไม่มีใครอยากจะเอามาใช้จ่ายกับสิ่งชั่วคราวถึงสี่ล้านโกลด์แน่ ปกติแล้วสำหรับผู้เล่นทั่วไป การตั้งกิลด์หมายถึงการลงทุนระยะยาวที่ต้องใช้เงินและแรงงานเป็นจำนวนมากกว่าจะได้ทุนทั้งหมดกลับคืนมา แน่นอนว่าการตั้งกิลด์ปกติแล้วเป็นกลุ่มผู้เล่นนับร้อยคนขึ้นไปกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่อต้องจ่ายค่าสมัครเป็นล้านโกลด์เช่นนี้ ทำให้หลังจากตั้งกิลด์เพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนในเกม ถ้าหากโชคดีและมีความสามารถมากพอ เงินสิบล้านโกลด์ต่อเดือนก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย
น้ำเสียงของทุกคนฟังดูเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาก ขนาดเจนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวนักยังพลอยรู้สึกหนักใจไปกับเขาด้วย ยังมีอีกเรื่องที่เจนคิดหนักกับการหาที่ทำการกิลด์นี้ก็คือการเดินทาง แน่นอนว่าเธอจะไม่อยู่ในเมืองนี้หรือในทวีปนี้ไปตลอดแน่ แต่ถ้าหากจะไปที่อื่นนั่นก็หมายความว่าจะต้องทิ้งที่ทำการกิลด์เอาไว้เบื้องหลังโดยสูญเงินไปเปล่า ๆ เท่ากับว่าการตั้งกิลด์ขึ้นมานั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ตีกรอบให้พวกเธออยู่ได้แต่ในทวีปนี้ไปอีก ถ้าหากจะปล่อยเรืองที่ทำการกิลด์ไปมันก็ไม่ต่างจากตอนที่รวมกลุ่มด้วยกันเลย และเจนก็ไม่คิดจะปล่อยให้ที่ทำการกิลด์ต้องเสียเปล่าแน่
"ทุกคนกำลังกังวลเรื่องที่ว่าหาบ้านไม่ได้กันหรือคะ" คิทซึเนะกระซิบถามข้างหูของเจน
"ใช่จ๊ะ เพราะบ้านในเมืองเป็นบ้านหลังเล็กแต่มีราคาแพง แถมเวลาพวกเราไปเมืองอื่นหรือทวีปอื่นก็ต้องทิ้งบ้านเอาไว้ด้วย ฉันว่ามันจะไม่ค่อยคุ้มนะ" เจนตอบอย่างหนักใจ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่คิดกันไม่ตกซักที แต่ถ้าหากเป็นกิลด์ใหญ่ ๆ ล่ะก็คงมีที่ทำการกิลด์เล็ก ๆ อยู่ทุกเมืองอย่างแน่นอน
"อืม...คิทซึเนะก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะช่วยยังไงดี แต่ถ้าหากลองไปขอให้ท่านแม่ช่วยดูอาจจะมีหนทางแก้ปัญหานี้ก็ได้นะ" จิ้งจอกสาวพูดขึ้น ทันใดนั้นเองในหัวของเจนก็สว่างวาบเหมือนมีคนมาเปิดสวิทช์ไฟ เธอยังจำได้ดีที่มาเอะดึงตัวเธอไปหาเธอจากเกาะเริ่มต้น คลังสมบัติของเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางต้องพอมีอะไรที่จะช่วยแก้ปัญหาของพวกเธอได้แน่
"จริงด้วย! ทำไมฉันนึกไม่ถึงเลยนะ ขอบใจมากเลยคิทซึเนะ" เจนโพล่งขึ้นมาเสียงดังและดึงตัวของจิ้งจอกสาวมากอดจนเจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในขณะที่คนอื่น ๆ หันมามองตามด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
"มีอะไรงั้นหรือเจน เธอคิดอะไรได้งั้นหรือ" เสือซ่อนลายถาม ผู้กล้าในชุดขาวไม่ตอบทันที เธอแต่ลุกขึ้นแล้วจ้องหน้าพรรคพวกทุกคนอย่างมีเลศนัยก่อนจะเอ่ยคำสั้น ๆ ที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ
"พวกเราจะไปหาแม่ของคิทซึเนะกัน"
หุบเขาจิ้งจอกนั้นตั้งอยู่ในป่าลึกยิ่งกว่าป่าเกาลัดของเหล่าทานูกิมากจนไม่สามาเดินทางไปถึงได้ในวันเดียวและอยู่ในส่วนที่ผู้เล่นคนไม่ค่อยเข้าไปบ่อยนัก โดยเฉพาะเมื่อมอนสเตอร์ที่ลึกเข้าไปในป่าจะยิ่งเก่งขึ้นระดับสูงขึ้นจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปสำรวจ ส่วนผู้ที่เคยลองเข้าไปดูก็พบไม่พบอะไรเลยนอกจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมอนสเตอร์จำนวนมหาศาล
ดังนั้นการเดินทางเข้าไปยังหุบเขาจิ้งจอกนั้นแทบเป็นไปไม้ได้เลยสำหรับผู้เล่นทั่วไปเพราะนอกจากมอนสเตอร์ระดับสูงแล้วยังมีเวทลวงตาที่พรางไม่ให้ใครบุกรุกเข้าไปในหุบเขา สำหรับพวกเจนมีคิทซึเนะที่คอยนำทางจึงไม่มีปัญหาเรื่องนั้น แต่เรื่องมอนสเตอร์ระหว่างทางนั้นพวกเจนคงต้องรับมือด้วยตัวเอง
โดยส่วนมากที่เจนพบจะเป็นสัตว์ป่าธรรมดาอย่างเสือหรือจิ้งจอกซึ่งเป็นยศขุนนางและมีเลเวลสูงพอสมควร บางตัวมีเลเวลสูงถึงยี่สิบจนทำเอาพวกเธอเสียเวลาไปไม่น้อยเพื่อจัดการมัน โชคดีที่พวกจิ้งจอกเป็นมิตรกับพวกเธอและเจนกำชับทุกคนเอาไว้ว่าห้ามแตะต้องพวกจิ้งจอกไว้แล้ว ทำให้การเดินทางช่วงแรกค่อนข้างเป็นไปอย่างราบรื่น
แต่หลังจากเข้ามาในป่าลึกมากขึ้นพวกงูและแมงมุมก็เริ่มปรากฏออกมา ปัญหาคือขนาดของพวกมันนั้นใหญ่เกือบเมตรจนความน่ากลัวกับญาติตัวเล็กที่อยู่นอกเกมเทียบไม่ติดเลย แม้ซินจูและยูสตาร์จะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่สำหรับเจนนั้นจัดการรับมือได้สบายมากโดยเฉพาะเจ้าตัวแปดขา เพียงแค่ใช้ดาบฟาดเข้าไปไม่กี่ครั้งแมงมุมพวกนี้ก็สิ้นฤทธิ์ จนพวกเจนเริ่มเพลิดเพลินกับการจัดการเจ้าพวกแมงมุมพวกนี้ที่แม้จะให้ของน้อย ตรงกันข้ามคือมันมีเลเวลสูงแต่สามารถจัดการได้ง่ายแถมยังมีจำนวนมากมาให้จัดการเรื่อย ๆ จนตอนนี้เลเวลของเจนเพิ่มขึ้นมามาเลเวลสิบแล้ว ในขณะที่คนอื่น ๆ ในกลุ่มก็ต่างมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่บอกว่าเลเวลของตนเองก็เพิ่มขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เวลาผ่านไปจนตะวันเริ่มใกล้จะลับฟ้า และกลางคืนจะมาเร็วว่าปกติเมื่ออยู่ในป่า ยิ่งเป็นป่าทึบด้วยแล้วทำให้กลางคืนยิ่งทวีความอันตรายขึ้นเป็นสองเท่า ทำให้พวกเจนที่กำลังจัดการกับแมงมุมอย่างมันมือก็ต้องรีบรุดเร่งเดินทางหาที่ตั้งแค้มป์ก่อนที่แสงอาทิตย์จะหมดลง ในที่สุดพวกเจนก็พบกับที่เหมาะพอที่จะใช้ตั้งเป็นที่พักได้ และพวกเธอก็จัดการตั้งเต็นท์และก่อกองไฟได้ทันก่อนตะวันตกดินพอดี
หลังจากจัดการอาหารเย็นแล้ว เจนก็เปิดหน้าต่างขึ้นมาดูว่าตอนนี้เธอเลเวลสิบแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และเจนก็ต้องยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นว่ามีทักษะใหม่ถึงสองทักษะทีเดียว
ฮีโร่นิรนาม ระดับ A ทักษะติดตัว
ทำให้ผู้ที่มีทักษะนี้สามารถป้องกันการถูกตรวจสอบได้
บอลพลังจตุรธาตุ ระดับ S ใช้พลังเวท 1 ต่อบอลเวทหนึ่งลูก ไม่มีระยะเวลาดีเลย์
สามารถใช้บอลพลังเวทธาตุไฟ ลม ดิน น้ำ ได้
รอยยิ้มที่เบิกกว้างต้องหุบลงไปเมื่อเห็นว่าเธอได้ทักษะอะไรมา แถมทักษะระดับสูงอีกอักก็ดูท่าทางไม่ใช่ทักษะที่ดีเท่าไหร่เลย เจนลองร่ายบอลพลังเวทขึ้นมาก็พบว่าที่มือข้างซ้ายของเธอมีก้อนพลังสีส้มอ่อนลอยอยู่ที่รอบข้อมือ ขนาดของมันพอ ๆ กับลูกปิงปอง เจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาจากบอลพลังเวทได้เล็กน้อย
เมื่อลองยิงบอลพลังเวทออกไป บอลธาตุไฟก็พุ่งเข้ากระทบกับกอหญ้าด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน แต่อานุภาพของมันกลับทำให้เจนต้องถอนหายใจ เพราะเมื่อบอลเวทกระทบกับกอหญ้าก็มีไฟลุกขึ้นมาเพียงเล็กน้อยก่อนจะดับไป เหลือเอาไว้ให้แต่รอยไหม้เล็ก ๆ ให้ดูเอาไว้ต่างหน้าเท่านั้น และเมื่อเจนลองทำกับบอลธาตุอื่น ๆ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรนัก
"แจ็ค รับนะ" หญิงสาวว่าแล้วโยนอะไรบางอย่างให้กับชายหนุ่มร่างใหญ่ เขาใช้สองมือรับได้อย่างพอดีแล้วก้มลงดูว่าเพื่อนของเขาคืนอะไรมา มันเป็นตรานายอำเภอที่เขาเคยให้กับเจนเอาไว้นั่นเอง
"อ้าว..นี่เธอจะไม่ใช้แล้วงั้นหรือ" แจ็คถาม
"อือ ฉันได้ทักษะใหม่มาใช้ปกปิดสถานะแทนแล้ว เอาของนายคืนไปเถอะ ขอบใจมากนะที่ให้ยืม" เจนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะยังผิดหวังเรื่องทักษะใหม่ทั้งสองทักษะของเธอ หลังจากพยายามลืม ๆ ไปแล้วจึงหันไปหาคิทซึเนะที่กำลังหันมองไปรอบที่พักราวกับสุนัขเฝ้ายาม
"นี่คิทซึเนะ อีกไกลหรือเปล่ากว่าที่พวกเราจะไปถึงหุบเขาจิ้งจอก" เจนถาม
"อีกไม่ไกลหรอกค่ะ คิดว่าน่าจะประมาณเที่ยงในวันพรุ่งนี้ก็คงถึงแล้วล่ะค่ะ" จิ้งจอกสาวตอบแล้วจึงหันไปเฝ้ายามต่อ
คงเป็นเพราะตอนนี้ทุกคนใกล้ถึงถิ่นของจิ้งจอกแล้วจึงทำให้คิทซึเนะตื่นตัวเต็มที่และทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี คอยเฝ้ายามไม่ให้พวกแมงมุมและมอนสเตอร์จ่าง ๆ เข้ามาลอบโจมตีได้ กองไฟสีน้ำเงินของคิทซึเนะจึงลุกอย่างโชติช่วงจนไม่มีมอนสเตอร์กล้าเข้ามาใกล้ แม้ว่ามอนสเตอร์แถวนี้ส่วนใหญ่จะไม่กลัวไฟจิ้งจอกอย่างที่มอนสเตอร์บนเกาะเริ่มต้นก็ตาม แต่กองเพลิงสีฟ้าอันร้อนแรงนั้นก็เป็นสิ่งที่เตือนเหล่ามอนสเตอร์โดยรอบว่าถ้าหากเข้ามาจะต้องพบกับอะไร
ค่ำคืนผ่านไปจนถึงเช้าอย่างสงบสุข ทุก ๆ คนนอนกันเต็มอิ่มโดยไม่มีมอนสเตอร์บุกเข้ามารบกวนกลางดึกเลยแม้แต่ตัวเดียว แม้ว่ากองไฟจะลุกโชนตลอดทั้งคืนแต่ก็ใช่ว่าจิ้งจอกสาวจะไม่ได้นอนเลย หลังจากทุกคนเข้านอนแล้ว โดยคิทซึเนะอาสาเป็นยามให้ทั้งคืน เธอก็กลับเข้าไปนอนในเต็นท์กับเจนโดยไม่ห่วงว่ากองเพลิงจะดับลงเหมือนคราวที่แล้ว นั่นก็เพราะว่าเธอสามารถควบคุมเพลิงจิ้งจอกได้แม้จะหลับอยู่นั่นเอง
หลังจากทานมื้อเช้าอย่างง่าย ๆ และจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว พวกเจนก็เริ่มออกเดินทางต่อทันที ทว่าการเดินทางวันนี้กลับต่างไปจากเมื่อวานเพราะไม่มีมอนสเตอร์เข้ามารบกวนเลยแม้แต่ตัวเดียว ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานยังมีมาไม่หยุดเลยแท้ ๆ จนเสือซ่อนลายเริ่มออกอาการสงสัย
"ที่ไม่มีพวกแมงมุมมารบกวนก็เพราะตอนนี้พวกเราอยู่ในอาณาเขตของหุบเขาจิ้งจอกแล้วยังไงล่ะคะ ถ้าพวกมันยังไม่อยากโดนเพลิงจิ้งจอกของท่านแม่เผาจนไม่เหลือซากแล้วล่ะก็ มันก็ไม่โง่เข้ามาในพื้นที่แถบนี้หรอกค่ะ จริงมั้ยฟีบี" คิทซึเนะพูดขึ้นอย่างมั่นใจโดยมีฟีบีช่วยสนับสนุนด้วยน้ำเสียงสดใส
"ใช่แล้วค้า!"
เจนหัวเราะแห้ง ๆ ให้เมื่อได้ยินคำตอบของน้องสาวของเธอทั้งคู่ที่จะอวยมาเอะเอามาก คิทซึเนะน่ะไม่น่าแปลกเท่าไหร่ แต่ฟีบีเอาด้วยอีกคนนี้คงเป็นเพราะได้อยู่กับมาเอะในตอนที่เจนออฟไลน์จนสนิทกันแล้วแน่
เมื่อดวงตะวันใกล้จะขึ้นที่กลางหัว เจนก็เห็นผาสูงตระหง่านตั้งอยู่ตรงหน้า พวกเธอต่างแปลกใจเพราะว่าผาสูงขนาดนี้กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยตอนที่กำลังเดินทางมาที่นี่ ราวกับว่าจู่ ๆ มันก็ปรากฏตัวขึ้นบนอากาศธาตุอย่างนั้นแหละ
"พวกเรามาถึงหุบเขาจิ้งจอกแล้วค่ะ" คิทซึเนะว่า แต่เมื่อเจนหันไปมองหาแอ่งน้ำที่เธอเคยเห็นแต่กลับหาไม่พบแม้กระทั่งก้อนหินที่เคยผนึกเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางเอาไว้
"ใช่ตรงนี้แน่หรือคิทซึเนะ ทำไมไม่เห็นมีจิ้งจอกอยู่ซักตัวเลยล่ะ" เจนถาม จิ้งจอกสาวได้ยินแล้วจึงหันมาให้คำตอบอย่างรวดเร็ว
"ไม่ใช่ตรงนี้หรอกค่ะ แต่เป็นข้างในนี้ต่างหาก" ไม่พูดเปล่า จิ้งจอกสาวก็เดินเข้าไปที่บริเวณกำแพงหินผาแล้วใช้มือแตะเบา ๆ
ทันใดนั้นเองที่จู่ ๆ กำแพงหินค่อย ๆ สลายไป เผยให้เห็นทางเดินไปต่อข้างหน้าโดยมีเถาวัลย์ขึ้นเป็นประตูทางเข้าอย่างสวยงาม
"นี่เป็นเวทลวงตาสองชั้น ป้องกันไม่ให้มีใครบุกเข้ามาในหุบเขาน่ะค่ะ นอกจากพี่เจนแล้ว ทุกคนก็ถือได้ว่าเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ได้เข้ามาในหุบเขาจิ้งจอกเลยนะคะ" คิทซึเนะพูดแล้วจึงเดินนำพวกเจนเข้าไปที่ต่างมองดูทางเข้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ทันทีที่เข้ามาในหุบเขา เจนก็เห็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่อยู่ด้านหน้าที่มีจิ้งจอกหลายตัวต่างกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ที่แห่งนี้ดูร่มรื่นต่างจากป่าทึบภายนอกอย่างสิ้นเชิง อีกด้านหลังเจนก็ถึงกับต้องแปลกใจเพราะเธอคิดว่ามีมนุษย์คนอื่นอยู่ในหุบเขานอกจากพวกเธออยู่ด้วย แต่เมื่อสังเกตดูดี ๆ ก็พบว่ามนุษย์หนุ่มสาวที่เธอเห็นนั้นเป็นจิ้งจอกแปลงกายเหมือนกับที่ทานูกิแปลงร่างนั่นเอง
ที่อยู่อาศัยของจิ้งจอกในหุบเขาต่างจากทานูกิในป่าเกาลัดก็คือจิ้งจอกเหล่านี้ไม่ได้มีบ้านเป็นหลังเหมือนกับพวกทานูกิ แต่จะอาศัยอยู่ในโพรงต้นไม้หรือในถ้ำหินตามธรรมชาติในร่างจิ้งจอก หรือแม้กระทั่งนอนอยู่ตามทุ่งหญ้าในแถบนี้กันตามใจชอบเพราะว่าภายในหุบเขานี้ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าจิ้งจอกทุกตัว
ระหว่างทางก็มีจิ้งจอกจำนวนมากเข้ามาทักทายคิทซึเนะอย่างสนิทสนมราวกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนพวกเจนเองก็เรียกพวกจิ้งจอกให้เข้ามาสนใจได้ไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งซินจูแล้วแทบจะวิ่งเข้าไปกอดเลยด้วยซ้ำเพราะอดใจให้กับความน่ารักของจิ้งจอกเหล่านี้ไม่ได้ เจนเองก็พยายามอดใจอยู่เช่นกันโดยจับมือของฟีบีแก้ขัดไปก่อน
คิทซึเนะนำทางทุกคนมายังเนินสูงภายในหุบเขา เมื่อเดินขึ้นมาเจนก็จำแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่เคยมีก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ได้ทันที เว้าแต่ว่าตอนนี้ก้อนหินนั้นกลับแทนที่ด้วยจิ้งจอกสีทองตัวใหญ่กำลังอยู่แทนที่ หางทั้งเก้าโบกสะบัดไปมาอย่างอ่อนช้อยแต่ก็เต็มไปด้วยพลังอำนาจจนพวกเสือซ่อนลายยืนเกร็งไปทั้งตัว เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้พบกับมอนสเตอร์ยศเทพเจ้า
"ท่านแม่!" เสียงของจิ้งจอกสาวดังแล้วเธอก็วิ่งเข้าไปซบหน้ากับจมูกของจิ้งจอกตัวโตอย่างไม่รู้สึกกลัว เช่นเดียวกับฟีบีที่ปีนขึ้นไปบนตัวของเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางอย่างไม่เกรงใจ
ดวงตาสีทองเปิดขึ้นและหันไปมองบุตาสาวของตนและใช้ลิ้นเลียแก้มของเธออย่างห่วงใย ในขณะเดียวกันหางทั้งเก้าของเธอก็ตวัดไปมาอยู่ตรงหน้าของฟีบีราวกับกำลังหยอกเล่นด้วย และตอนนั้นเองที่ดวงตาสีทองตวัดมาหาพวกเจนที่ยังยืนรออย่างมีมารยาท
"ข้าคือเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง ทามาโมะ มาเอะ ยินดีตอนรับเจนและเพื่อน ๆ ทุกคนเข้าสู่หุบเขาจิ้งจอกของข้า" เสียงทรงอำนาจของจิ้งจอกเก้าหางดังขึ้นแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความอ่อนโยน เจนที่ชินกับเสียงพูดของมาเอะแล้วก็ยิ้มตอบ ในขณะที่พวกเสื่อซ่อนลายนั้นต่างตัวแข็งทื่อไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนต่างนิ่งไม่ทักทายเพราะกลัวเกินกว่าจะทำได้ มาเอะจึงค่อย ๆ กลายร่างเป็นหญิงงามในชุดกิโมโนสีเหลืองทอง เธอยื่นมือให้กับฟีบีและคิทซึเนะที่บินเคียงคู่กันมาก่อนจะลงสู่พื้นดินตรงหน้าเจนอย่างนุ่มนวล
"สวัสดีคะท่านมาเอะ" หญิงสาวเอ่ยทักทายแล้วก้มตัวอย่างอ่อนน้อม เมื่อพวกเสือซ่อนลายเห็นต่างก็รีบทำตามอย่างรวดเร็วจนมาเอะที่มองดูอยู่ก็อดที่จะแอบหัวเราะกับท่าทางของพวกเขาไม่ได้
"พวกเจ้าไม่ต้องร้อนรนไปหรอก ข้าไม่ทำร้ายคนที่เป็นเพื่อนของเจนแน่เพราะอย่างนั้นจงวางใจเถอะ" เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางเอ่ยพร้อมกับค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาหา แม้ว่าจะได้ยินอย่างนั้นแต่จะให้ทำตามที่ปากบอกทันทีคงจะยาก
มาเอะยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางตื่นของพวกเสือซ่อนลาย เธอหันมาหาเจนแล้วจึงพูดขึ้นมา "ข้าเคยบอกกับเจนเอาไว้ว่าอยากให้พาเพื่อน ๆ มาเยี่ยมเยียนที่หุบเขา ในเมื่อเจอกันแล้วข้าก็ยินดีที่จะมอบน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับทุกคน... คิทซึเนะ พาเพื่อน ๆ ของเจนไปเลือกของที่ชอบในห้องขุมทรัพย์ให้หน่อยนะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ" จิ้งจอกสาวรับคำแล้วจึงเดินนำพวกเสือซ่อนลายไปยังในถ้ำที่เจนเคยเข้าไปหาเสื่อคลุมสีขาวตัวที่เธอใส่มา
พอเจนจะเดินตามเพื่อนของเธอไปก็ต้องชะงักเพราะถูกเสียงของมาเอะเรียกให้หันกลับไปหา "รอก่อนซักเดี๋ยวเจน ข้ามีเรื่องที่อยากจะคุยกับเจ้าซักหน่อย"
"มีอะไรหรือคะท่านมาเอะ...เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" เจนถามอย่างนอบน้อม ดูจากสีหน้าของเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางแล้วคงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่
เจนเดินตามมาเอะไปยังที่พำนักของเธอซึ่งไม่ได้เป็นปราสาทหรูหราอย่างที่คาดเอาไว้ เพราะที่ ๆ เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางพาเธอมาเป็นแค่ถ้ำแต่มีขนาดใหญ่มาก ด้านในไม่ได้มีการตกแต่งด้วยทองคำหรือเพชรพลอย มีเพียงแค่ต้นไม้ใบหญ้าและกองหญ้าแห้งที่ปูเอาไว้บนพื้นถ้ำแต่ก็ดูน่านอนไม่แพ้เตียงราคาแพงเลย
"ขอโทษเรื่องสถานที่ด้วยนะ ปกติข้าไม่ได้ใช้ร่างมนุษย์ซักเท่าไหร่ก็เลยไม่มีที่เหมาะสมเอาไว้ต้อนรับเธอและเพื่อน ๆ" มาเอะพูดแล้วนั่งลงบนโขดหินพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เจนนั่งลงข้าง ๆ
"ว่าแต่เรื่องที่ท่านมาเอะอยากจะคุยกับฉันคือเรื่องอะไรหรือคะ" เจนถาม
รอยยิ้มของจิ้งจอกเก้าหางจางลงเมื่อได้ยินเจนเอ่ยขึ้นมา เธอถอนหายในออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนจะมองผู้กล้าในชุดขาวพร้อมกับพูดขึ้นอย่างช้า ๆ "เรื่องที่อยากจะคุยกับเจ้ามันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง แต่มันควรเป็นเรื่องที่เจนควรจะรู้เอาไว้เพราะมันคือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผนึกพันปี"
"ผนึกพันปี!? เกิดอะไรหรือคะ" เจนรีบถามขึ้นเพราะเธอใช้ดาบคุซานางิทำลายผนึกนี้มาถึงสองครั้งแล้ว ถ้าหากจะมีเป็นหาอะไรก็คงเป็นเธอนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ
"ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เจน เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เจ้าจะปลดผนึกข้า เพราะฉะนั้นไม่ใช่เจ้าที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้แน่" มาเอะพยายามปลอบใจเจนแต่น้ำเสียงของเธอยังบ่งบอกถึงความกังวลอยู่ "ก่อนหน้าที่เจ้าจะมา ข้ารู้สึกได้ว่าผนึกอื่น ๆ ในโลกแห่งนี้เริ่มอ่อนแอลงมากจนข้าสามารถติดต่อกับเทพอสูรตนอื่น ๆ ผ่านทางจิตได้ ข้าพยายามสอบถามข่าวว่าใครเป็นผู้ผนึกเหล่าเทพอสูรแต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้เลยแม้แต่น้อย"
"และเร็ว ๆ นี้ข้าก็รู้สึกว่าผนึกเริ่มอ่อนกำลังลงมากจนข้าสังหรณ์ว่าในอีกไม่นานผนึกพันปีทั้งหมดอาจจะสลายไป และเหล่าเทพอสูรจะกลับมาอีกครั้ง" มาเอะกล่าว และจากสีหน้าของเธอทำให้เจนมั่นใจว่านั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่
"ถึงการกลับมาของเหล่าเทพอสูรจะไม่ใช่เรื่องร้าย แต่สิ่งที่ตามการหลังจากนั้นต่างหากที่ข้าเป็นห่วง"
"อะไรหรือคะ...อะไรที่ตามมาหลังจากนั้น" เจนรู้สึกว่าน้ำลายของตนเองเหนียวหนืดขึ้นมากะทันหัน ตอนนี้ใจของเธอเต้นระทึกเพราะไม่ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้มาเอะซึ่งเป็นถึงเทพอสูรเป็นกังวลได้ มันก็ควรที่จะให้เธอต้องรู้สึกกังวลมากกว่าเป็นสองเท่า
"เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนที่เหล่าเทพอสูรถูกผนึกเอาไว้เมื่อหนึ่งพันปีก่อน เจนคงจำได้ใช่หรือไม่ว่าเผ่าจิ้งจอกของข้าและเผ่าทานูกิของยากิเป็นพันธมิตรกันในตอนนั้น" มาเอะถาม เจนพยักหน้าตอบรับ "ในเวลานั้นมีสงคราม สงครามที่ไม่มีฝักมีฝ่ายใด ๆ เหล่าเทพบนสวรรค์ต่างรบกันเอง เช่นเดียวกับเหล่าอสูรในอเวจีและเทพอสูรบนโลกที่มีสงครามกับทุกฝ่ายไม่เลือกหน้า มีพวกข้ากับไม่กี่เผ่าบนโลกได้ร่วมมือกันเพื่อปกป้องลูกหลานของเราเอาไว้ให้อยู่รอดสืบต่อไปแต่ก็ไม่อาจสู้ไฟของสงครามได้นานนัก จนในที่สุดตอนนั้นโลกยับเยินจนแทบจะสิ้นสลาย"
"แต่แล้วจู่ ๆ ข้าก็รู้สึกได้ว่ามีพลังอำนาจมหาศาลผนึกข้าลงสู่หินผนึกพันปี ตอนแรกข้านึกว่าเป็นฝีมือของศัตรูที่หวังจะทำลายเผ่าพันธุ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปีแต่ก็ไม่มีเทพอสูรตนไหนบุกเข้ามาในหุบเขา จนในที่สุดผนึกที่แข็งแกร่งก็เริ่มอ่อนกำลังลงจนข้าสามารถใช้จิตสื่อการกับเทพอสูรตนอื่นได้ ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ข้าเพียงคนเดียวที่ถูกผนึก แต่เป็นเทพ อสูรและเทพอสูรทุกตนที่ต่างก็ถูกพลังอำนาจลึกลับผนึกเอาไว้ ทำให้สงครามที่เกือบนะทำลายล้างโลกได้สิ้นมุดลงโดยไร้ซึ่งผู้ชนะ"
"ท่านต้องรอกี่ปีหรือค่ะกว่าผนึกจะอ่อนลงจนสามารถสื่อสารกับเทพอสูรตนอื่นได้" เจนถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าหากผนึกที่แข็งแกร่งขนาดผนึกเทพอสูรทุกตัวได้ในครั้งเดียว ทำไมมันถึงอ่อนพลังลงเร็วนัก
มาเอะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจก่อนจะเงยหน้านึกคิดดูแล้วจึงตอบคำถามของเจน "ก็คงประมาณเจ็ดร้อยปีเห็นจะได้ล่ะมั้ง"
เจนหัวเราะแห้ง ๆ เมื่อรู้ว่ากว่ามาเอะจะรู้ความจริงว่าเทพอสูรทุกตนถูกผนึกก็ต้องรอคอยนานโขทีเดียว "เอ่อ...แล้วท่านมาเอะรู้หรือเปล่าคะว่าเป็นฝีมือของใครที่ผนึกเทพอสูรลงอย่างนั้น"
"อืม...มันก็มีเรื่องเล่าระหว่างเทพอสูรด้วยกันอยู่เรื่องหนึ่ง ว่ากันว่านอกจากเทพอสูรระดับสูงสุดที่มีพลังเทียมฟ้า เทพที่มีพลังไร้ผู้ทาน หรืออสูรที่มีพลังจะทำลายโลกได้ในกำมือแล้ว ก็ยังมีเทพอีกสองตนที่มีพลังเหนือกว่าใครทั้งมวล...แต่จะเรียกว่าเป็นเทพก็คงไม่ถูก เพราะไม่เคยมีใครยืนยันว่าพวกท่านนั้นเป็นเทพหรืออสูรกันแน่ ยังมีข่าวลือกันว่าเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำไป" มาเอะเล่าทำให้เจนต้องเลิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าผู้ที่มีพลังมากขนาดนั้นอาจจะเป็นมนุษย์อย่างเธอ
"เอ๋! จริงหรือคะ!?"
หญิงงามในชุดสีทองยกชายแขนเสื้อขึ้นมาป้องปากและหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเธอ "ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ารู้แค่ว่าเหล่าเทพอสูรต่างเรียกทั้งสองว่า 'เทพมารดาแห่งชีวิต และ เทพบิดาแห่งความตาย' นอกจากทั้งสองชื่อนี้แล้วก็ไม่มีใครรู้อย่างอื่นกับท่านทั้งสองเลย ไม่แม้แต่จะมีใครเคยพบหน้าจนถูกคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าไงล่ะ"
ผู้กล้าในชุดขาวพยักหน้าขึ้นลงและนั่งเงียบฟังอย่างตั้งใจ มาเอะจึงเริ่มเล่าต่อ
"สิ่งที่ข้ากังวลคือถ้าหากผนึกพันปีสินสภาพลงไปล่ะก็ สงครามที่ข้าเล่าให้เจ้าฟังจะกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้เหล่ามนุษย์อาจจะเป็นผู้ที่ต้องรับเคราะห์หนัก"
"แล้วอีกนานมั้ยคะกว่าที่ผนึกพันปีจะสลายไป" เจนรีบถามทันที เพราะหากผนึกพันปีสลายไป เธอก็มองไม่เห็นทางที่ผู้เล่นจะรับมือเหล่าเทพอสูรได้เลย ถ้าเธอรีบเตือนให้ทุกคนเตรียมพร้อมก่อนล่ะก็ บางทีอาจจะพอรับมือกับสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นได้บ้าง
ยังไม่ทันที่มาเอะจะตอบคำถาม ก็มีหน้าต่างขึ้นเตือนที่ด้านหน้าของเจน เธอกล่าวขอโทษกับจิ้งจอกเก้าหางและเปิดหน้าต่างนั้นขึ้นมาเพราะคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องเร่งด่วน และมันก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาจริง ๆ ด้วย เมื่อเจนอ่านพาดหัวของ หน้าต่างแสงนั้นก็ต้องเลิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะมันคือการแจ้งอัพเดทโลกดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์ที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่เกมเปิดให้บริการ
'แจ้งผู้เล่นทุกท่านให้ทราบถึงตัวเกมที่ทางนอยช์วานสไตล์ได้ทำการปรับปรุงระบบและเพิ่มเหตุการณ์ใหม่ภายในโลกดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์ดังนี้
- เพิ่มขีดความสามารถของอาชีพต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่นสายอาชีพนักประดิษฐ์สามารถสร้างพาหนะขนาดใหญ่ได้อย่างเช่น เรือ หรือ เรือเหาะ, อาชีพสายจอมเวทสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ระดับมหาเวทได้ เป็นต้น
- ทวีปใหม่ 'ทารันทา' เปิดให้ผู้เล่นเดินทางไปยังทวีปดึกดำบรรพ์ที่อยู่ทางเหนือของทวีปยูโรปา โดยทวีปใหม่แห่งนี้มีมอนสเตอร์ระดับต่ำสุดอยู่ที่ยศขุนนาง เลเวล 60
- เพิ่มมอนสเตอร์ระดับราชาและเปิดตัวมอนสเตอร์ระดับเทพเจ้าที่จะปรากฏตัวในบางพื้นที่ทั้งสามทวีป
- ประกาศกำหนดการณ์กิลด์วอร์ โดยจะเริ่มสงครามในอีกสิบเดือนนับจากนี้
การอัพเดทไม่มีความจำเป็นต้องให้ผู้เล่นทำการล็อกเอาท์ออกจากเกม ถ้าหากผู้เล่นต้องการจะสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายระเอียดของการอัพเดท สามารถติดต่อได้ที่อาคารระบบหรือบนกระดานข้อความในส่วนติดต่อเจ้าหน้าที่
ขอให้เพลิดเพลินกับโลก ดิ โอเพ่น เวิลด์ ออนไลน์'
เจนตกใจมากกับการอัพเดทตัวเกมในครั้งนี้มาก เพราะแต่ละอย่างที่เพิ่มขึ้นมาในเกมนั้นต่างเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่น้อย และสิ่งที่ทำให้เจนตกใจมากที่สุดนั่นก็คือการพูดถึงเทพอสูรในรายระเอียดของการอัพเดทในครั้งนี้ที่สอดคล้องกับสิ่งที่มาเอะได้พูดกับเธอมาก่อนหน้า เหล่าเทพอสูรได้กลับมาแล้ว!
ทันใดนั้นเองมาเอะก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและจ้องมองไปยังด้านนอกของถ้ำของเธอจากนั้นจึงพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อตามออกมาเจนก็พบว่าปากถ้ำมีจิ้งจอกตัวใหญ่กว่าสามเมตรหลายสิบตัวกำลังยืมปิดล้อมปากถ้ำและส่งเสียงขู่ร่างขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือหัวออกมาอย่างน่ากลัว ในขณะที่ตัวเทพอสูรจิ้งจอกเก้าหางเองนั้นเงยหน้าขึ้นมองดูร่างนั้นอย่างเคร่งเครียดแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความยำเกรง
ร่างสูงที่ลอยอยู่เหนือเจนในตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นพยัคฆ์ขาวขนาดใหญ่ มันมีความสูงกว่าห้าเมตร ขนสีขาวราวปุยนุ่นปลิวไสวพร้อมกับสายลมแต่ร่างของเสือตัวนี้ดูแข็งแกร่งราวกับหินผา เจนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ออกมาจากร่างตรงหน้าเธออย่างรุนแรง นอกจากยามาตะ โนะ โอโรจิและเซอร์โนบอทแล้ว เธอก็ไม่เคยพบกับพลังมหาศาลขนาดนี้เลย
เทพอสูรแห่งทิศประจิม พยัคฆ์ขาว เบียคโกะ
ยศเทพเจ้า เลเวล 60
"ถึงเวลา ทามาโมะ มาเอะ สงครามเทพอสูรใกล้จะอุบัติขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว" เสียงแข็งกร้าวดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตของพยัคฆ์จ้องมองลงมายังที่มาเอะแล้วเหลือบมามองที่เจน ตอนนั้นเองที่เธอรู้ทันทีว่าตัวเองกำลังถูกนำพาไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใหญ่เกินตัวเข้าอีกเรื่องซะแล้ว
จบตอนที่ 41 เทพอสูร
8th February 2014 12:30
#56
ตอนที่ 42 กฎแห่งเทพอสูร
ตอนที่42นี้เท่ากับตอนปัจจุบันที่ลงไว้แล้วนะครับ หลังจากนี้ผมคงจะลงตามปกติหรือก็คือทุกวันอาทิตย์ถ้าหากแต่งทันนะครับ
16th February 2014 14:12
#57
11th March 2014 16:32
#58
ตอนที่ 44 บ้านต้นไม้บนหลังมังกร
กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts
Forum Rules