5 สุดยอดนักสร้างวีดิโอเกมผู้พลิกโฉมวงการ

[wataruzz]

5 สุดยอดนักสร้างวีดิโอเกมผู้พลิกโฉมวงการ





ในขณะที่วันๆเรานั่งเล่นเกมเคยคิดเล่นๆกันไหมว่า เฮ่ย เกมสนุกๆแบบนี้ใครเป็นคนสร้างมันหว่า?
โดยปกติแล้วผมเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักค่ายพัฒนาเกมดังมากมาย แต่กระนั้นเรากลับไม่รู้ถึงผู้ที่ลงมือคิดและสร้างนวัตกรรมเหล่านี้ขึ้นมาจริงๆ
วันนี้ผมขอนำเสนอเหล่านักสร้างเกมที่ผมเชื่อว่าพวกเขามีอิทธิพลต่อวงการเกมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาให้ได้ทราบกัน
นี่ไม่ใช่การจัดอันดับนะครับ ผมเขียนมาเพื่อเป็นสาระเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่สนใจในจุดนี้ เอาล่ะเริ่มกันเลย

John D. Carmack



เรียกสั้นๆว่า John Carmack บุคคลนี้ผมยกให้เลยว่าเขาคือนักสร้างเกมและโปรแกรมเมอร์แนวหน้าบนโลกใบนี้ สิ่งที่ทำให้รู้จักเขาดีกับนักพัฒนาเกมวัย 43 ปี
คนนี้คือเกม Doom นั่นเอง ซึ่งเขามีอิทธิพลอย่างมากในยุคที่เกมคอมพิวเตอร์พัฒนาเป็น 3มิติ เต็มรูปแบบ เอาง่ายๆเลย Carmack คือผู้ที่บุกเบิกเกมเดินหน้ายิงหรือเกมแนว FPS
ที่เล่นกันจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นแล้วเขายังได้ฝากผลงานตราตรึงใจของเหล่าฮาร์ดคอเกมเมอร์ไม่ว่าจะเป็น Quake ,Wolfenstein 3D และ Rage
นอกจากนั้นแล้ว John Carmack คือผู้ก่อตั้งบริษัท id Software ที่เป็นบริษัทพัฒนาเกมชั้นแนวหน้าตั้งแต่อดีตมาจวบจนถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้
แต่ในปัจจุบันนี้เขาได้ลาออกจากทาง id Software เพื่อหันไปพัฒนาโปรเจ็ค Oculus VR. อุปกรณ์ที่ทำให้เราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง
ชีวิตของ Carmack นั้นมักจะคล้ายๆเหล่าคนดังวงการไอทีไม่ว่าจะเป็น Steve Jobs หรือ Bill Gate โดยในวัยเด็กตอนอายุ 14 ของ Carmack
นั้นเขาเคยบุกเข้าไปยังโรงเรียนกับกลุ่มเพื่อนเพื่อขโมยเครื่อง Apple II แต่สัญญาณกันขโมยได้ดังขึ้น แน่นอนว่าเขาถูกจับได้
โดยรายงานผลทางจิตเวชได้บอกว่าเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อบุคคลอื่นโดยถูกตัดสินให้เข้าไปอยู่ในสถานกักกันเยาชน
ที่ดูจี้หน่อยก็คือเมื่อเขาถูกถามว่าจะทำแบบนี้อีกครั้งไหม เขาได้ตอบกลับมาว่า “ใช่, น่าจะนะ”
หลังจากเวลาล่วงเลยไปเขาตัดสินใจเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Missouri เพียงแต่ความอินดี้ของตัวเขายังไม่จบ
เขาตัดสินใจดรอปเรียนในขณะเรียนไปแค่ 2 เทอมเพื่อไปรับจ๊อบเขียนโปรแกรมอิสระ
โดยบริษัท Softdisk ได้ว่าจ้างเขาเข้าร่วมงานจึงทำให้ได้พบกับ John Romero ที่ภายหลังได้ร่วมกันก่อตั้ง id Software ขึ้นมายังไงล่ะ

Clifford Michael Bleszinski



หากพูดถึงนักสร้างเกมไหนที่มีลีลาพูดจากวนอารมณ์ก็ต้องยกให้เขาคนนี้เลย CliffyB
ผู้ที่ทำให้วงการเกมแอ็คชั่นก้าวขึ้นไปในอีกระดับจากค่าย Epic Games แต่ก่อนที่เขาไม่ได้เริ่มจากค่ายนี้ก่อนนะ คนส่วนใหญ่แล้วมักเริ่มอะไรจากสิ่งเล็กๆเสมอ
CliffyB นั้นเริ่มสร้างเกมขายเพียงวัย 17 ปี ซึ่งตอนนั้นเขาเองยังเรียนอยู่ไฮสคูลด้วยซ้ำ เกมแรกที่เขาพัฒนานั้นคือเกม The Palace of Deceit: Dragon’s Plight ซึ่งเป็นเกมที่มีรูปแบบการเล่นแบบ point-and-click โดยเกมปล่อยออกมาในปี 1991 ซึ่งผลงานนี้มันก็ไปต้องตา Tim Sweeney ผู้ก่อตั้ง Epic Games เข้าให้และไม่รอช้าที่จะชวน Bleszinski เข้ามาร่วมงาน
หลังจากที่เขาได้เข้าร่วมงานกับ Epic Games ก็ได้ฉายแววตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยการสร้างซีรีย์ Jazz Jackrabbit กระต่ายเขียวกับปืนเป็นกระตักผจญภัยในแบบ side-scrolling ตรงนี้หลายคนอาจเกิดไม่ทันหรือไม่ได้เล่น แต่หากพูดถึง Unreal นี่แหละ ใช่เลย ซึ่งเกม Unreal เรียกได้ว่าเป็นพลิกโฉมวงการเกมเดินหน้ายิงอีกครั้งกับแอ็คชั่นดุเดือนเลือดพล่านด้วยอาวุธแปลกๆแนว sci-fi มากมายพร้อมกับโหมด Multiplayer สุดมันที่ให้คนมาห้ำหั่นกัน ถือว่าเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จไปอย่างท่วมท้นและมีภาคต่อออกมาอีกหลายต่อหลายภาค เท่านั้นไม่พอ ด้วยขุมพลังเอนจิ้มที่ใช้พัฒนาเกมสมัยนั้นคือ Unreal Engine ทำให้ค่ายเกมอีกหลายค่ายสนใจนำเอนจิ้นตัวนี้ไปพัฒนาเกมอีกเช่นกัน ถือว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของ id Software ที่มี Quake Engine อะไรทำนองนี้
แต่สำหรับเกมที่ตอกย้ำให้เกมเมอร์ทั้งโลกรู้จักเขาดีที่สุดคงหนีไม่พ้น Gears of War เกมแอ็คชั่นที่บุกเบิกระบบวิ่งเข้าที่กำบังกับเนื้อเรื่องเข้มข้นแอ็คชั่นมันหยดมีระบบต่อสู้ประชิดตัวและเกมเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่นานๆจะได้เห็นที …สำหรับปัจจุบันนี้ Bleszinski ได้ลาออกจาก Epic Games เพื่อไปพัฒนาเกมของเขาเอง โดยตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาครับ

Peter Douglas Molyneux



Peter Molyneux นักสร้างเกมตัวพ่อที่อยู่คู่วงการวีดิโอเกมมาอย่างยาวนานเพราะในปัจจุบันนี้เขาอายุปาไป 54(เกิดเมื่อ ค.ศ.1959)
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับความโดดเด่นของคนนี้ก็คงต้องยกให้เกมแนว ‘พระเจ้า’ กับไอเดียล้ำลึกสุดจินตนาการและทำให้นึกถึงอารมณ์เกมเก่าคลาสสิคครั้งสมัยเล่นเมื่อตอนหนุ่มๆได้เป็นอย่างดี ผลงานเลื่องชื่อของ Molyneux ก็คงต้องยกให้ Black & White เกมที่ว่าด้วยพระเจ้าที่ต้องคอยดูแลมนุษย์พร้อมกับสัตว์รับใช้ในรูปแบบต่างๆ เรียกง่ายๆว่าเขาได้สร้างเกม RTS รูปแบบใหม่ขึ้นมาเลยแล้วกัน ส่วนเกมอื่นก็อย่างเช่น Dungeon Keeper , Poppulous และ Fable ,จากแต่ละเกมที่ว่ามาจะเห็นได้ว่าเป็นเกมที่ล้วนแล้วแต่มีความคิดที่สร้างสรรค์ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเกม Fable II จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรก็ตาม
สำหรับ Molyneux แล้วจริงๆเขาไม่ได้เป็นแค่นักสร้างเกมที่สุดยอดแต่เริ่มแรกเขายังเป็นนักขายที่สุดยอดเช่นกัน ในปี 1982 เขาได้ขาย floppy disks ที่บรรจุวีดิโอเกมสำหรับเครื่อง Atari และ Commodore 64 เพราะเขาเชื่อว่าการยัดเกมลงไปมันจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น สรุปเลย Molyneux เป็นทั้งสุดยอดนักสร้างเกมและนักธุรกิจในคนเดียวกันนั่นเอง ในปัจจุบันนี้ Molyneux ได้อำลา Lionhead Studios เพื่อไปสร้างเกมของเขาเองคือ Godus พร้อมทั้งเปิดสตูดิโอใหม่ชื่อว่า 22 Cans

Hideo Kojima



Hideo Kojima นักสร้างเกมชาวญี่ปุ่นผู้สร้างซีรีย์ Metal Gear เกมที่ครองใจหลายคนมาตั้งแต่อดีต
หากนับกันเป็นปีนี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 30 ปีได้แล้วกับซีรีย์เกมนี้ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ใครจะรู้ว่า Kojima แต่แรกแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นนักสร้างเกมตั้งแต่เด็กหรอกนะ
Kojima เป็นคนญี่ปุ่นโดยกำเนิด เมื่อเขาอายุได้เพียงสามขวบเขาก็ต้องเดินทางย้ายที่อยู่บ่อยๆจนไปจบที่คันไซ บวกกับสังคมญี่ปุ่นที่เป็นสังคมคนทำงานในวัยเด็กเขาบอกเลยว่าเขาค่อนข้างที่จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในบ้านเพราะครอบครัวต่างคนต่างต้องทำงาน การใช้ชีวิต อาหารการกิน ทั้งหมดก็จะคล้ายๆกับที่เราดูในการ์ตูนหรือหนังที่ตัวเอกมีปัญหาทางครอบครัว เพียงแต่ตัว Kojima ไม่ได้เป็นแบบขนาดนั้น ซึ่งเขาก็สามารถปรับตัวได้เพียงแต่คงมีอารมณ์เหงามาบ้าง แต่ด้วยการที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็กมันก็เลยส่งผลกับตัวเขาจนถึงทุกวันนี้ โดยตัว Kojima
ได้บอกว่าเวลาเดินทางไปพักตามโรงแรมเมื่อเข้าห้องแล้วเขาก็จะรีบไปเปิดทีวีเท่าที่จะเร็วได้เพื่อเอามาต่อกรกับความรู้สึกหงอยๆที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก
ในสมัยเรียนเขามีความต้องการที่จะเป็นศิลปินหรือนักวาดรูปอะไรทำนองนี้ ตัว Kojima มักถูกกีดกันทางความคิดความต้องการเสมอมาเพราะสังคมญี่ปุ่นสมัยก่อนนั้นเป็นสังคมที่ต้องหาเงินที่มั่นคงรวมไปถึงค่าตอบแทนที่ดี เหตุผลหลักๆที่เขาไม่ได้เป็นศิลปินก็เพราะตัวลุงของเขาเองนั้นก็เป็นอยู่ แต่ก็อย่างว่า ‘ไส้แห้ง’ นั่นเอง ตรงนี้เลยทำให้ตัว Kojima ต้องไปสนใจสิ่งอื่นแทน
ต่อมา Kojima เองก็เลือกที่จะเขียนเรื่องสั้นโดยเขาเริ่มด้วยการส่งไปยังนิตยารหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ก็ต้องถูกปฏิเสธเสมอและไม่เคยถูกปล่อยเผยแพร่ออกมาเลยซักนิดเหตุเพราะเรื่องที่เขาเขียนมีความยาวถึง 400 หน้า ในขณะที่ทางต้นสังกัดนิตยสารเขาต้องการเรื่องสั้นเพียงแค่ 100 หน้ากระดาษเท่านั้น สุดท้ายเขาและเพื่อนก็เลยเปลี่ยนไปที่เน้นการสร้างภาพยนตร์แทนซะอย่างงั้น จากนั้น Kojima ก็เรียนมหาวิทยาลัยโดยมีเป้าหมายว่าเขานั้นจะต้องเป็นผู้กำกับหนังให้ได้ แต่ด้วยขณะที่เรียนอยู่เขาเองก็ใช้เวลาว่างในการเล่นเกมเครื่อง Famicom ตลอดเวลา 4 ปี ทำให้เขาสร้างความตกตะลึงแก่เพื่อนของเขาและมหาวิทยาลัยด้วยการออกมาทำงานเกี่ยวกับวีดิโอเกมเพราะรู้สึกว่าเขาพึงพอใจ ขณะเดียวกันเพื่อนของเขาและแม่ของเขาเองกลับรู้สึกผิดหวังเพราะในยุคนั้นถือว่าเป็นหน้าที่การงานที่ไม่มั่นคง แต่กระนั้นตัวแม่ของ Kojima เองก็ยังคงสนับสนุนและบอกว่าให้ทำตามความฝันต่อไป จนสุดท้ายผลงานสร้างชื่อของ Hideo Kojima ก็คลอดออกมาในปี 1987 ซึ่งก็คือ Metal Gear ที่เป็นการแหวกแนวเกมอื่นๆด้วยการนำเสนอเกมเพลย์ลอบเร้นใช้ความคิดกับเนื้อเรื่องเข้มข้น ในขณะที่ยุคนั้นเป็นเกมที่ค่อนข้างแคชชวลเล่นง่าย ซึ่งตรงนี้เองเป็นอิทธิพลมาจากการที่ตัว Kojima เป็นคนชอบดูหนังตั้งแต่เด็กครับ

Shigeru Miyamoto



Shigeru Miyamoto มีหรือจะพลาดคนนี้ หากพูดถึงเกมในความทรงจำแรกของวัยเด็กเกือบทุกคนน่าจะตอบว่า Mario แน่นอนครับเขาคนนี้คือผู้สร้างลุงหนวดมาริโอ้ขึ้นมาและภาคที่ได้รับการยอมรับว่าพลิกโฉมวงการเกมไปเลยก็คือ Super Mario Bros กับการเก็บเห็ดตัวโต การยิงลูกไฟ การกระโดดเหยียบหัวศัตรู ทั้งหมดนี้ได้สร้างความทรงจำให้กับเหล่าเกมเมอร์จวบจนถึงทุกวันนี้
อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เรารู้จัก Shigeru Miyamoto คงหนีไม่พ้นผู้ทรงอิทธิพลของ Nintendo ที่เป็นผู้ร่วมสร้างเครื่องเล่นเกมมากมายหลายแบบของทางค่ายและเขายังถูกยกย่องว่าเป็นบิดาของเกมรุ่นใหม่อีกด้วย เขาเกิดในปี 1952 เมืองที่เกียวโตกับครอบครัวที่สุดแสนธรรมดาและพ่อของเขานั้นเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ซึ่งในวัยเด็กเขามีนิสัยค่อนข้างชอบสำรวจโดยเฉพาะรอบบ้านของเขารวมไปถึงการทำถ้ำอะไรทำนองนี้ ตรงนี้ก็เลยน่าจะเป็นอิทธิพลที่ทำให้เห็นสภาพแวดล้อมในเกม The Legend of Zelda อีกด้วย , เอาเข้าจริงๆแล้วก่อนที่จะมาทำงานวงการวีดิโอเกมเขานั้นต้องการที่จะเป็นนักวาดการ์ตูนเพราะเขาจบจากวิทยาลัย Kanazawa Municipal ในสาขาเกี่ยวกับศิลปะ แต่มันก็อย่างว่าคล้ายๆกับสาเหตุของ Kojima คือในสมัยนั้นแทบไม่มีงานรองรับในสาขาที่ว่านี้เลย ตรงนี้ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจเข้ามาทำงานในวงการวีดิโอเกมโดยผลงานของเขาที่มีรูปลักษณ์สดใสดูไม่เบื่อเหล่านั้นก็เป็นหลักฐานอย่างดีที่เขาได้นำศิลปะที่ได้เรียนมานำมาใช้ในวงการเกมครับ

เอาล่ะก็จบกันไปแล้วนะครับ จริงๆผมอยากนำเสนอให้มากกว่านี้แต่เดี๋ยวจะยาวไป เอาเป็นว่าผมจะนำเสนอคนอื่นๆในบทความตอนที่ 2 ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะเขียนอีกเมื่อไหร่ ฮา เอาเป็นว่าใครชอบหรืออยากให้ผมนำเสนอคนไหนก็แสดงความคิดเห็นกันมาได้ครับ ยินดีรับฟัง

Credit

[inwharn205]

พวกนี้ นี่สงสัยจะเป็นสิ่งที่ละเอียดหมดเลยนะครับ

[AUSTIN]

พระเจ้าพึ่งรู้เลยนะว่าไอ้เกมกระต่ายเขียว Jazz Jackrabbit เป็นฝีมือของ Cliff B

[smokebigbite]

ใครมันจะพลิกวงการเกมได้เท่า Gaben

[manshinoda]

ขาดใครไปสักคน วงการเกมคงไม่ถึงวันนี้

ยิ่งตอนนี้มีการแข่งขันการสร้างเกมสูง อนาคตที่แยกเกมกับโลกจริงๆไม่ออก คงอยู่อีกไม่ไกล

[noomha]

ว่าแต่ใครเป็คนคิดค้นเกมแนวmobaครับ อันนั้นผมว่าก็พลิกโฉมวงการเกมครับ

[I AM LEGEND]

สุดยอดมากเลยครับอยากรู้มานานแล้ว

[zarrpainer]

ว่าแต่ใครเป็คนคิดค้นเกมแนวmobaครับ อันนั้นผมว่าก็พลิกโฉมวงการเกมครับ

gunner 4 ever ครับ เป็น ums ของ Starcraft map Aeon of Strife

[majinmark]

น่าจะมี shinji mikami ด้วยนะฐานะต้นต่อซอมบี้เกมส์เกลื่อนโลก

[bloodtea]

อ่าน มันส์ เลย แต่ละคน จ๊าบ ได้ ใจ 5 5 5

[manshinoda]

ว่าแต่ใครเป็คนคิดค้นเกมแนวmobaครับ อันนั้นผมว่าก็พลิกโฉมวงการเกมครับ

น่าจะเป็นคล้าย mod ใน วอร์คราฟ

[auronx01]

ขาด มิคามิ ชินจิ ไปอีกคนนึงนะ

[PrinceKira]

Hideo Kojima

[sodaman]

น่าจะมี shinji mikami ด้วยนะฐานะต้นต่อซอมบี้เกมส์เกลื่อนโลก

ใช่เลย Resident Evil ภาคแรกๆ เนี่ยจำได้ฉากหลอนที่สุดคือฉากเปิดประตู

[akanent]

Hideo Kojima ทำเกมได้ถูกใจมากๆทุกวันนี้ก็ยังชอบเกมของ Hideo Kojima อยู่

[arashizato]

ฮิโรโนบุ ซากากุจิ ครับ ผู้ให้กำเนิด JRPG สุดโด่งดังอย่าง Final Fantasy สมัยก่อน ถ้าจะมองหาเกมอลังๆซักเกม FF อยู่ในอันดับต้นๆเลยล่ะ