ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 23 จากทั้งหมด 23
  1. #1
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    กระทู้
    156
    กล่าวขอบคุณ
    66
    ได้รับคำขอบคุณ: 100

    Question เวทย์มนตร์\สิ่งเหนือธรรมชาติ\วิทยาศาสตร์\จักรวาล !? [คิดต่างหลุดโลก]

    คุณแอบเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆนาๆ ที่มีแต่เบาะแสที่ไม่ชัดเจน แต่ลึกๆในใจคุณก็คิดว่าเป็นไปได้หรือปล่าว?!

    อย่างที่กล่าวไปแหละครับ ทั้งเรื่องเวทย์มนต์หรือพลังพิเศษต่างๆนาๆ มันอาจจะฟังดูไร้สาระก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้อย่างเช่นดูจากคำถามพวกนี้


    1.นี่คือยุคหิน เราใช้หนังสัตว์เป็นเสื้อผ้า เราล่าสัตว์เป็นอาหาร เราอาศัยในถ้ำ ผมมาจากยุคปัจจุบันกลับมาหาพวกคุณแล้วบอกว่า โลกนี้มียานพาหณะ มีเครื่องบิน มีคอมพิวเตอร์ เราคุยทางไกลกันด้วยโทรศัพท์และโซเชียลต่างๆนาๆ แน่นอนคุณไม่เชื่อผมและหาว่าผมบ้า

    2.science is fact เราทุกคนยืนยันทุกสิ่งบนโลกแบบมีน้ำหนักโดยอิงจากสิ่งที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์ใช่มั้ยล่ะครับ? แต่ลองคิดดีๆ วิทยาศาสตร์เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์เจอ ณ ตอนนั้นแค่นั้น สิ่งที่มีหลักฐานแน่นอน ณ ตอนนั้น ย้ำว่า ณ ตอนนั้น ถ้าอนาคต ยืนยันได้ว่าผีมีจริง? มีคนลอยฟ้าได้? มันก็คงจะถูกบันทึกลงในวิทยาศาสตร์โลกใช่ไหมล่ะครับ นั้นแหละครับ วิทยาศาสตร์ยืนยันทุกสิ่งก็จริงนะครับแต่ไม่ใช่ตลอดไป

    3.ยกตัวอย่างจากข้อ 2 นะครับ สัตว์แปลกๆต่างๆนาที่ค้นพบในท้องทะเลลึกหรือที่ไกลๆ นั้นแหละครับตัวอย่างง่ายๆ บางประเภทที่เราเจอนี่หน้าตาสีสันและขนาดๆต่างๆนานา ดูแปลกและน่าตกใจมากถ้ามาพูดให้ใครฟังคงไม่มีใครเชื่อและด่ากลับมาว่า ตัวประหลาดแบบนั้นจะมีได้ยังไง????



    4.ถ้าคิดว่ามันไกลตัวเกินไปลองนึกง่ายๆแค่กับโลกเราและสิ่งมีชีวิตต่างๆนาๆ ลองนึกย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นสิครับ มันน่าคิดนะ โลกเรามาจากไหน? ทฤษฤีบิ้กแบงมีอะไรมายืนยันว่าโลกเราเกิดมาแบบนั้นจริงๆ? ปัญหาโลกแตกไก่กับไข่?
    ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ก็ออกมาพูดกันเยอะแยะว่าอันนี้เกิดก่อนนะอันนี้เกิดก่อนนะบลาๆๆ แต่มันก็ไม่มีอะไรยืนยันได้แน่ชัด



    5.ผู้คนมักคิดว่าสิ่งที่ไม่มีหลักฐานหรือไม่แน่ชัด มันไม่มีตัวตน[ผี,พลังวิเศษ,เทพเจ้า บลาๆๆๆ] มันก็ถูกนะครับที่เราไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันอะไรซักอย่าง แต่ลองคิดกลับกันนะครับ เราก็ไม่มีหลักฐานยืนยันเหมือนกันว่ามันไม่มีตัวตนหนิ!?

    6.จักรวาลหน่ะ พูดถึงคำนี้คงไม่ได้คิดไรมาก แต่ลองนึกถึงความประหลาดของมันดีๆ เราแค่เคยชินกับมันจนไม่รู้สึกอะไร แต่ลองคิดดีๆ โลกเรานี่มันแปลกนะครับ ทั้งระบบสุริยะ แรงโน้มถ่วง แรงดึงดูดต่างๆนาๆ และสิ่งแปลกๆในจักรวาล

    7.คิดว่าที่ขอบของอวกาศเป็นยังไง? มันต้องมีไรซักอย่าง คำว่าไม่มีที่สิ้นสุดคืออะไร แค่คุณลองหลับตาแล้วคิดถึงสถานที่ซักแห่งที่มันไร้ขอบเขตสิ นึกภาพไม่ออกใช่มั้ยละ หรือประมาณว่า มันgenerate map ต่อๆไปแบบ minecraft !!? [ล้อเล่นหน่ะครับ] คือผมเคยคุยเรื่องนี้ตอนเด็กๆกับพ่อนะ พ่อก็บอกผมว่า ละจะให้เอาอะไรไปปิดมันล่ะ? มันก็น่าคิดนะครับ ถ้าจักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด ผมงงกับคำนี้มาก มันจะเป็นยังไงหรอ เป็นที่ดำๆ มีดวงดาว แล้วก็ดำไปเรื่อยๆ ไม่จบ? หรือบางทีมันวนกลับมาที่เดิม? หรือว่ามันมีเขตกั้นอยู่ แล้วถ้าเป็นแบบนั้น หลังเขตนั้นเป็นอะไรล่ะ? คิดละปวดหัวจริงๆนะครับ -..-

    8.คุณเชื่อเรื่องเอเลี่ยนมั้ย สำหรับผมเชื่อนะ ลองคิดดูสิ จักรวาลมันใหญ่มากนะ คงไม่ใช่มีแค่โลกมั้งที่มีอะไรอยู่ ถ้าแบบนั้นโลกก็คง vip เกินไปสำหรับอวกาศละแหละ หรือถ้าเป็นแบบนั้นจะสร้างอวกาศมาใหญ่แบบนี้ทำไมถ้ามีสิ่งมีชีวิตแค่ดาวเดียว?


    มันก็แค่กระทู้ที่ลองคิดแปลกๆดูบ้างนะครับ คำถามที่อืม... ไม่ค่อยมีคำตอบ เราก็ลองมาคิดๆกันดูนะครับ

    ปล.กระทู้นี้ต้องคิดตามนะครับ ถ้ามองในมุมคนทั่วไปมันก็ไร้สาระแหละ เราต้องคิดแปลกๆกันบ้าง





    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ EXTRA อ่านกระทู้
    ผมเคยดูสารคดีอยู่นะ ว่าโลกเราอยู่ห่างจากดาวอื่นมากเกินไปไม่ใช้หรอ
    ห่างแล้วยังไงหรอครับ หมายถึงเอเลี่ยนหรอหรืออะไรยังไง ขอลายละเอียดเพิ่มหน่อยครับ ผม งง - -"

    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ safekung อ่านกระทู้
    เอเลี่ยนเชื่อคับ เพราะประวัติศาสตร์ก็มีรูปแกะสลักต่างๆที่อาจเชื่อมโยง

    ศาสนา ต้องมีถ้าไม่มีโลกนี้คงวินาศ เป็นสิ่งที่ทำดีแล้วสบายใจ เพราะถูกปลูกฝังมาหลายปี

    ผี ในความคิดเป็นสิ่งที่บางคนยึดถือยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อเพิ่มพลังให้กับจิตใจหลายเท่า ป้าผมปวดขาปวดหัว ก็หาอะไรมาไหว้ศาลไหว้ผี และก็หายไปเอง... (ยาใจ) แต่หมอปลากลับทำให้ผมที่ไม่เชื่อในผีสาง เริ่มเชื่อขึ้นนิดหน่อยเพราะยังไม่เจอ

    คำถามที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้สักทีคือ ทำไมต้องเกิด แล้วก็ตาย แล้วใครสร้าง ไม่มีใครสร้างแล้วมันผุดมาจากอะไร ยาว....................

    1.อย่าเชื่อประวัติศาสตร์สิครับ ตอนนี้เรากำลังคิดโดยที่ไม่มีหลักฐาน เราจะไม่อิงของเดิมครับ ลองคิดสิ่งใหม่แปลกๆ ที่มันกำลังจะถูกค้นพบ หรือกำลังจะเกิดไรแนวนี้มากกว่า
    2.กรณีผีของคุณป้าท่านอาจจะเป็นเพราะเกิดความสบายใจแล้วทำให้รู้สึกบรรเทาลงก็เป็นได้ครับ [คล้ายๆกับกำลังใจทำให้มีแรงเพิ่มในการทำอะไรซักอย่าง] แต่ผีในกรณีผมคือคนที่อยู่ในรูปแบบแปลกๆไรแบบนั้นครับ
    3.ศาสนาที่ใช้ปกครองคน อันนี้ก็พอเข้าใจอยู่ครับ



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ddc[TH] อ่านกระทู้
    ผมชอบคิดเรื่องพวกนี้แล้วไปพูดกะเพื่อน มันหาว่าผมบ้า T T
    5555 คนเรามีความคิดต่างไม่ได้แปลว่าบ้าหรอกครับ บ้าสำหรับผมความหมายคือคนที่มีความผิดปกติทางสมองครับ ไม่ใช่คนที่มีความคิดไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ซะหน่อย



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ BaCk To NaTuRe อ่านกระทู้
    คิดยังไงก็ยุ่งยากครับ กับแค่ จขกท.อยากพิมพ์กระทู้นี้ขึ้นมา หรือมีบางสิ่งสั่งให้ จขกท.พิมพ์ขึ้นมา
    สรุปคือ เราอยากทำเอง หรือมีอะไรบันดาลให้เราอยากทำ คิดแค่นี้ถ้าเถียงกันจริงๆก็ไม่จบไม่สิ้นแล้ว 5555


    มีอีกๆๆ ลองคิดดูเล่นๆน้าา พระเจ้าเนี่ย?? เชื่อได้เหรอ???? 5555

    เอ้าเข้าเรื่องๆ เขาว่ากันว่าพระเจ้าทำได้ทุกสิ่งใช่มะ แล้วสมมุติว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งได้
    เนรมิตทุกสิ่งได้ พระเจ้าสามารถยกได้ทุกอย่าง ทำได้ตามใจตัวเองหมด แล้วว...

    คุณพระเจ้าเนี่ย สามารถสร้างหินซักก้อนที่ตัวเองยกไม่ได้ ได้หรือเปล่านะ?
    เอ้าแล้ว ถ้าสร้างได้พระเจ้าก็ยกไม่ขึ้นน่ะสิ แล้วไหนว่าพระเจ้าทำทุกอย่างได้

    แต่ดันยกหินที่ตัวเองสร้างไม่ได้เนี่ยนะ? 5555 แล้วพระเจ้าทำในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ได้หรือเปล่า
    บางคนอ่านแล้วอาจจะ งง บางคนก็คิดอีกแบบ ความเชื่อที่เป่าหูเราแต่เด็ก คิดไปได้อีกเยอะนะครับ

    55555 คิดละปวดหมอง ส่วนตัวผมไม่เชื่อไรเลย แต่กลัวผีเพราะหนังผีเนี่ยหละ -.- 5555



    ผมชอบเม้นนี้มากเลยครับ มีเหตุผลจริงๆ5555 อืม...นั้นสิครับ เอางี้สิ เราไม่ได้เถียงกันครับ เราจะคิดไปในทางเดียวกันช่วยกันตอบคำถามแปลกๆของโลก อืม จะพูดไงดี5555 เอาเป็นว่า ใครอยากคิดเห็นยังไงก็เต็มที่เลยครับ ไร้ขอบเขต 555555555555

    หมายความว่าพระเจ้ามีความสามารถที่ว่าทำได้ทุกอย่างสิน่ะครับ ถ้าพระเจ้าสร้างหินที่ตัวเองยกไม่ไหวขึ้นได้ ก็แปลว่าจะยกมันไม่ได้? ก็คือผิดตามความสามารถ
    หรือถ้าจะบอกว่าไม่มีหินแบบไหนที่พระเจ้ายกไม่ขึ้น แสดงว่าพระเจ้าทำไม่ได้ทุกอย่าง เพราะสร้างหินยักษ์ที่ตัวเองยกไม่ไหวไม่ได้สินะ? แหม่สับซ้อน



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ kingcesar อ่านกระทู้
    มันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า บางทีเวทมนตร์มันก็คือ เทคโนโลยี ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้นั่นแหละ
    จริงๆ หลักการในทางวิทยาศาสตร์ หรือ Approach ในแนวนี้ มันก็เป็นมายาคติอีกอย่างนึงในยุคหลังปฏิวัติวิทยาศาสตร์นะ
    เพราะ จะเชื่อไรก็ต้องเอามาพิสูจน์ ด้วยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ด้วยข้อมูลเชิงตัวเลข ด้วยสูตรมาตรวัดต่างๆที่วิชาวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น
    แต่หารู้ไม่ว่า ในทางกลับกันเราถูกครอบงำด้วยการสร้าง "องค์ความรู้" ในแบบของวิทยาศาสตร์ กลายเป็นว่า อะไรที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
    ก็คือไม่สามารถเชื่อถือ อันนี้ถ้ามองในเชิงปรัชญาบางแขนง หรือ ในเชิงสังคมวิทยา ไอ้วิทยาศาสตร์ก็มีโครงสร้างที่ค่อนข้างจะไม่ต่างจากลัทธิหรือศาสนาเลย
    ที่มีกลวิธี หรือ วิธีวิทยา ของตนเองในการสร้างองค์ความรู้ และการจัดองค์กรทางสังคมขึ้นมา

    สิ่งเหนือธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เลยถูกพับเก็บไว้หรือถูกติดปายว่าเป็นสิ่งหลอกหลวงไปโดยปริยาย
    เนื่องจากความสามารถ หรือ ศักยภาพของวิทยาศาสตร์ที่มีขอบเขตในการเอาชนะข้อมูล ข้อเท็จจริง มีไม่เพียงพอ

    เป็นมุมมองนึงจากทางฝั่งคนในสายสังคมศาสตร์ ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร อันนี้ผมพยายามอธิบายโดยยึดวิธีคิดแบบ Posุtmodern
    ตามแนวกระแสปรัชญาของโลกวิชาการสังคมศาสตร์ในช่วงนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเห็นอันนี้อาจจะไม่อิงหลักวิทยาศาสตร์อะไรเลย
    ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือให้ความสำคัญอะไรกับมันมาก 5555

    ถ้าพูดในทางปรัชญา Postmodernism ในแบบของ J.F. Lyotard ก็อาจบอกได้ว่า วิทยาศาสตร์ ก็คือเรื่องเล่า หรือ นิทานที่ยิ่งใหญ่
    ที่คนในยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นเพื่อครอบงำคนรุ่นหลัง (Meta-Narratives)


    เผื่อใครที่สนใจเพิ่มเติมผมแนะนำให้ไปอ่านคำอธิบายเรื่อง วิทยาศาสตร์ เพิ่มเติม ในงานสังเขปการบรรยายของ อาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์
    ในหนังสือเรื่อง Deconstruct - ถอดรื้อมายาคติ ดูละกัน

    มาเต็มเลย55555 น่าสนใจครับ มุมมองของวิทยาศาสตร์? ผมชอบมากเลยตรงที่บอกว่า วิทยาศาสตร์มันยังไม่ถึงขั้นกับข้อมูลที่นำมาพิสูจสินะ? พอพิสูจไม่ได้ ก็ตีความว่ามันเป็นเท็จซะงั้น อืม... น่าคิดในข้อนี้



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ น้องเอ็กซ์ อ่านกระทู้
    เรื่องผีนี้ผมขอเล่าประสบการณ์หน่อยนะครับ ตอนนั่นผมอายุประมาณ 5-6 ขวบ ซึ่งก็พอจำความได้บ้างแหละ ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่เคยมีความเชื่อหรือสิ่งบันดาลใจให้จินตนาการได้ว่าผีนั่นมีรูปร่างยังไงนะครับ ส่วนที่ผมเห็นนั่นก็บริเวณหน้าต่างชั้น 2 ห่างจากผมก็ไม่กี่เมตรเองครับ เป็นชายแก่หน้าตาจำไม่ได้แต่ โดนมีดผ่าหัวแบะเลยครับ จนบัดนี้อายุ 17 ปีก็ยังจำเหตุการนั่นไม่ลืมและไม่เคยที่จะไม่เชื่อว่าผีไม่มีจริงเลยครับ -*-

    เรื่องนี้น่าสนใจนะครับประเด็นผีเนี้ยก็ถือว่าหลักฐาน 50/50 เลยนะ เพราะคนที่เคยเห็นค่อนค่างมากพอสมควร งั้นตามที่ท่านเล่ามา ท่านเห็นชัดเจนไหมครับ หรือแค่เห็นแว๊บเดียว หรือยังไง เพราะบางทีความกลัวที่เราสร้างขึ้น มันทำให้เราจินตนาการออกมาแปลๆได้นะครับ คล้ายๆกับความฝันหรืออะไรที่เกิดขึ้นแว๊บเดียว ลองเล่ารายละเอียดให้มากกว่านี้ได้ไหมครับ น่าสนใจทีเดียว แล้วถ้าคุณเห็นจริงๆ ชายแก่คนนั้นต้องการอะไรจากคุณ ทำไมเค้าถึงมาให้คุณเห็นละ น่าคิดๆๆๆ



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Henry อ่านกระทู้
    เขามีประวัติศาสตร์ ก็ไม่ให้เชื่อซะงั้น งงกับ กขจท.
    ผมหมายถึงประมาณว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องที่อาจจะเกิดแต่ยังไงม่เกิด!? คือเราจะไม่มองย้อนไปสิครับ ความคิดออกแนวมาจากข้างหน้ามากกว่าอิงสิ่งที่มีอยู่ เพราะกระทู้นี้พูดถึงแต่เรื่องที่ยังไม่มีตัวตนในปัจจุบันหน่ะสิครับ



    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ DeKidZapper อ่านกระทู้

    สิ่งนี้คือเท่าที่คนเรารู้ตอนนี้สินะครับ? ภาพจำลองจากความคิดที่มีหลักฐานประกอบ ณ ตอนนี้? ไม่แน่นะจักรวาลอาจเกิดมาจากจุด 1 จุด ก็ได้ ผ่านไป 1 วิ ทุกอย่างออกมาแบบปัจจุบัน?555555 ขอบคุณสำหรับคลิปดีๆครับผม
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย zpmqhj : 28th May 2014 เมื่อ 20:27

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 9 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    นักวิทยาศาสตร์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ประเทศไทย
    กระทู้
    1,154
    กล่าวขอบคุณ
    1,235
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,099
    เอเลี่ยนเชื่อคับ เพราะประวัติศาสตร์ก็มีรูปแกะสลักต่างๆที่อาจเชื่อมโยง

    ศาสนา ต้องมีถ้าไม่มีโลกนี้คงวินาศ เป็นสิ่งที่ทำดีแล้วสบายใจ เพราะถูกปลูกฝังมาหลายปี

    ผี ในความคิดเป็นสิ่งที่บางคนยึดถือยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อเพิ่มพลังให้กับจิตใจหลายเท่า ป้าผมปวดขาปวดหัว ก็หาอะไรมาไหว้ศาลไหว้ผี และก็หายไปเอง... (ยาใจ) แต่หมอปลากลับทำให้ผมที่ไม่เชื่อในผีสาง เริ่มเชื่อขึ้นนิดหน่อยเพราะยังไม่เจอ

    คำถามที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้สักทีคือ ทำไมต้องเกิด แล้วก็ตาย แล้วใครสร้าง ไม่มีใครสร้างแล้วมันผุดมาจากอะไร ยาว....................

  4. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #3
    ~Sleeping With Sirens~
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    ~มหาสมุทร~
    กระทู้
    951
    กล่าวขอบคุณ
    2,038
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,014
    ผมชอบคิดเรื่องพวกนี้แล้วไปพูดกะเพื่อน มันหาว่าผมบ้า T T

  6. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  7. #4
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Apr 2014
    กระทู้
    120
    กล่าวขอบคุณ
    81
    ได้รับคำขอบคุณ: 61
    ผมเคยดูสารคดีอยู่นะ ว่าโลกเราอยู่ห่างจากดาวอื่นมากเกินไปไม่ใช้หรอ

  8. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  9. #5
    Missing Top
    วันที่สมัคร
    Jul 2012
    ที่อยู่
    RTC+ Sattahip+Chonburi
    กระทู้
    526
    กล่าวขอบคุณ
    46
    ได้รับคำขอบคุณ: 465
    คิดยังไงก็ยุ่งยากครับ กับแค่ จขกท.อยากพิมพ์กระทู้นี้ขึ้นมา หรือมีบางสิ่งสั่งให้ จขกท.พิมพ์ขึ้นมา
    สรุปคือ เราอยากทำเอง หรือมีอะไรบันดาลให้เราอยากทำ คิดแค่นี้ถ้าเถียงกันจริงๆก็ไม่จบไม่สิ้นแล้ว 5555


    มีอีกๆๆ ลองคิดดูเล่นๆน้าา พระเจ้าเนี่ย?? เชื่อได้เหรอ???? 5555

    เอ้าเข้าเรื่องๆ เขาว่ากันว่าพระเจ้าทำได้ทุกสิ่งใช่มะ แล้วสมมุติว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งได้
    เนรมิตทุกสิ่งได้ พระเจ้าสามารถยกได้ทุกอย่าง ทำได้ตามใจตัวเองหมด แล้วว...

    คุณพระเจ้าเนี่ย สามารถสร้างหินซักก้อนที่ตัวเองยกไม่ได้ ได้หรือเปล่านะ?
    เอ้าแล้ว ถ้าสร้างได้พระเจ้าก็ยกไม่ขึ้นน่ะสิ แล้วไหนว่าพระเจ้าทำทุกอย่างได้

    แต่ดันยกหินที่ตัวเองสร้างไม่ได้เนี่ยนะ? 5555 แล้วพระเจ้าทำในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ได้หรือเปล่า
    บางคนอ่านแล้วอาจจะ งง บางคนก็คิดอีกแบบ ความเชื่อที่เป่าหูเราแต่เด็ก คิดไปได้อีกเยอะนะครับ

    55555 คิดละปวดหมอง ส่วนตัวผมไม่เชื่อไรเลย แต่กลัวผีเพราะหนังผีเนี่ยหละ -.- 5555


    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ zpmqhj อ่านกระทู้
    ผมชอบเม้นนี้มากเลยครับ มีเหตุผลจริงๆ5555 อืม...นั้นสิครับ เอางี้สิ เราไม่ได้เถียงกันครับ เราจะคิดไปในทางเดียวกันช่วยกันตอบคำถามแปลกๆของโลก อืม จะพูดไงดี5555 เอาเป็นว่า ใครอยากคิดเห็นยังไงก็เต็มที่เลยครับ ไร้ขอบเขต 555555555555

    หมายความว่าพระเจ้ามีความสามารถที่ว่าทำได้ทุกอย่างสิน่ะครับ ถ้าพระเจ้าสร้างหินที่ตัวเองยกไม่ไหวขึ้นได้ ก็แปลว่าจะยกมันไม่ได้? ก็คือผิดตามความสามารถ
    หรือถ้าจะบอกว่าไม่มีหินแบบไหนที่พระเจ้ายกไม่ขึ้น แสดงว่าพระเจ้าทำไม่ได้ทุกอย่าง เพราะสร้างหินยักษ์ที่ตัวเองยกไม่ไหวไม่ได้สินะ? แหม่สับซ้อน
    ผมก็ชอบไรแบบนี้เหมือนกัน 555 เรื่องพระเจ้าเนี่ย จขกท. อ่านได้ทะลุปรุโปร่งจริงๆ ตามนั้นหละครับ 5555
    จริงๆฝรั่งเขาจับ มาโต้วาทีกันเลยนะเรื่องพวกเนี้ย เอาผู้นำศาสนา กับ ดร.ที่ฝักไฝ่วิทยาศาสตร์มาเถียงกัน

    แต่ก็ไม่เคยตัดสินได้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลไม่จบไม่สิ้น เพราะต่างฝ่ายก็มีแค่สมมุติฐาน กับความเชื่อ
    เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่สิ่งที่เขาคิดมันก็ไม่มีหลักฐานอะไร ก็ต้องรอการพิสูจน์กันต่อไปครับ 5555
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BaCk To NaTuRe : 28th May 2014 เมื่อ 07:43
    WiTcast.|รายการ พอดแคส ของคนรักวิทยาศาสตร์ฟังกันเยอะๆนะครับ แล้วคุณจะรักวิทยาศาสตร์มากขึ้น

  10. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  11. #6
    Statesman
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Bangkok
    กระทู้
    871
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,515
    Blog Entries
    8
    มันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ผมเชื่อว่า บางทีเวทมนตร์มันก็คือ เทคโนโลยี ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้นั่นแหละ
    จริงๆ หลักการในทางวิทยาศาสตร์ หรือ Approach ในแนวนี้ มันก็เป็นมายาคติอีกอย่างนึงในยุคหลังปฏิวัติวิทยาศาสตร์นะ
    เพราะ จะเชื่อไรก็ต้องเอามาพิสูจน์ ด้วยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ด้วยข้อมูลเชิงตัวเลข ด้วยสูตรมาตรวัดต่างๆที่วิชาวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น
    แต่หารู้ไม่ว่า ในทางกลับกันเราถูกครอบงำด้วยการสร้าง "องค์ความรู้" ในแบบของวิทยาศาสตร์ กลายเป็นว่า อะไรที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้
    ก็คือไม่สามารถเชื่อถือ อันนี้ถ้ามองในเชิงปรัชญาบางแขนง หรือ ในเชิงสังคมวิทยา ไอ้วิทยาศาสตร์ก็มีโครงสร้างที่ค่อนข้างจะไม่ต่างจากลัทธิหรือศาสนาเลย
    ที่มีกลวิธี หรือ วิธีวิทยา ของตนเองในการสร้างองค์ความรู้ และการจัดองค์กรทางสังคมขึ้นมา

    สิ่งเหนือธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เลยถูกพับเก็บไว้หรือถูกติดปายว่าเป็นสิ่งหลอกหลวงไปโดยปริยาย
    เนื่องจากความสามารถ หรือ ศักยภาพของวิทยาศาสตร์ที่มีขอบเขตในการเอาชนะข้อมูล ข้อเท็จจริง มีไม่เพียงพอ

    เป็นมุมมองนึงจากทางฝั่งคนในสายสังคมศาสตร์ ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร อันนี้ผมพยายามอธิบายโดยยึดวิธีคิดแบบ Posุtmodern
    ตามแนวกระแสปรัชญาของโลกวิชาการสังคมศาสตร์ในช่วงนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเห็นอันนี้อาจจะไม่อิงหลักวิทยาศาสตร์อะไรเลย
    ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือให้ความสำคัญอะไรกับมันมาก 5555

    ถ้าพูดในทางปรัชญา Postmodernism ในแบบของ J.F. Lyotard ก็อาจบอกได้ว่า วิทยาศาสตร์ ก็คือเรื่องเล่า หรือ นิทานที่ยิ่งใหญ่
    ที่คนในยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นเพื่อครอบงำคนรุ่นหลัง (Meta-Narratives)


    เผื่อใครที่สนใจเพิ่มเติมผมแนะนำให้ไปอ่านคำอธิบายเรื่อง วิทยาศาสตร์ เพิ่มเติม ในงานสังเขปการบรรยายของ อาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์
    ในหนังสือเรื่อง Deconstruct - ถอดรื้อมายาคติ ดูละกัน
    ชอบกินไข่เจียว

  12. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  13. #7
    แสดงความคิดเห็นทั่วๆไป
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,091
    กล่าวขอบคุณ
    488
    ได้รับคำขอบคุณ: 547
    Blog Entries
    1
    เอหลายข้อ ความคิดตีกันในหัว เริ่มจากไหนดีล่ะเนี่ย
    ผมเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตไม่ได้อยู่แค่ในโลก มีดาวกี่ดวงนับให้มันเป๊ะๆก่อนแล้วค่อยบอกว่าไม่มี ---*
    เค้าว่ากันว่าจักรยานเอ๊ย จักรวาลมาจากทฤษฎีวงเกาหลี(บิ๊กแบง)ที่ว่า จักรวาลเกิดจากบิ๊กแบงและมีสภาพเหมือนลูกโป่งขยายตัวไปเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ขอบหรือที่สิ้นสุดอยู่ตรงไหนหรือเป้นยังไงถ้าหากมันขยายตัวจนสุดแล้วมันจะระเบิดตู้มเป็นโกโก้ครั้นช์เหมือนลูกโป่งมั้ยไม่รู้
    แล้วก็ทฤษฎีที่ว่า "อวกาศไร้แรงโน้มถ่วงแรงดึงดูด" นั้นเขาบอกว่า ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ แค่สิ่งต่างๆที่ลอยอยู่ในอวกาศนั้นกำลังโดนแรงดึงดูดของดวงดาวอยู่เท่านั้นเอง (ลืมแล้วด้วยจำได้ประมาณนี้)
    ส่วนเรื่องสัตว์ประหลาดที่ว่า จริงๆมันไม่ได้ประหลาดนะ ก็แค่ไม่เคยเห็นแล้วคิดไปเองว่ามันประหลาด ยกตัวอย่างจขกทเจอสาวน่ารักที่ชอบ แต่ดันไม่เคยเจอคนนิสัยอย่างเธอก็ว่า คนอะไรนิสัยประหลาด แบบนี้
    เคมีก็คือศาสตร์การแปรธาตุดีๆนั่นเองแหละ ส่วนเวทย์มนต์เพ้อฝันก็เพราะ วิทยาฯ หาข้อพิสูจน์/วัดค่าสิ่งนั้นจับต้องมันไม่ได้ จึงไม่ยอมรับและเรียกว่าเพ้อฝันไป

    เท่าที่ผมคิดนะ
    . ..

  14. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  15. #8
    โยนเหรียญ
    วันที่สมัคร
    Jul 2012
    กระทู้
    562
    กล่าวขอบคุณ
    123
    ได้รับคำขอบคุณ: 784
    มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริงเพราะมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ต่างดาว

  16. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  17. #9
    Travel around the world
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    ที่อยู่
    Chiangmai, Thailand
    กระทู้
    903
    กล่าวขอบคุณ
    1,768
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,078
    เรื่องคาถาม เวทย์มนตร์นี่อาจเป็นเทคโนโลยี่ขั้นสูงที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้ครับ
    ลองดูในหนังที่เราไปพบชนเผ่าที่ล้าหลังกว่าแล้วเอาเครื่องมือไฮเทคไป เราจะพบว่าเค้าจะคิดว่าเราเป็นพระเจ้า พ่อมด บลาๆ ใช้เวทย์มนตร์ได้

    เรื่องเอเลี่ยนผมคิดว่ามีครับ มีเยอะด้วย แต่ดาวคงอยู่ห่างกันมากๆ และบางดาวอาจจะยังไม่วิวัฒนาการเลยด้วยซ้ำ
    ''No god or kings. Only man.'' - Andrew Ryan

  18. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  19. #10
    ScarJO ♥♥#!
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    SCARLETT'S HOUSE
    กระทู้
    865
    กล่าวขอบคุณ
    245
    ได้รับคำขอบคุณ: 482
    "ทุกสรรพสิ่งล้วนแต่มีเหตุและผลในตัวของมัน"
    Make everthing as simple as possible, but not more simple.

  20. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  21. #11
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    May 2012
    กระทู้
    59
    กล่าวขอบคุณ
    33
    ได้รับคำขอบคุณ: 9
    เขามีประวัติศาสตร์ ก็ไม่ให้เชื่อซะงั้น งงกับ กขจท.

  22. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  23. #12
    I'm the devil
    วันที่สมัคร
    May 2014
    ที่อยู่
    7th Heaven
    กระทู้
    298
    กล่าวขอบคุณ
    61
    ได้รับคำขอบคุณ: 83
    เมื่อก่อนก็ชอบคิดเรื่องพวกนี้นะดูสารคดีบ่อยเหมือนกัน แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้อีกเลย ส่วนเรื่องมนุษย์ต่างดาวนั้นเค้าว่ากันว่ายานแม่อยู่ที่สเปนครับ 555+ Barcelona ทีมรักเลย

  24. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  25. #13
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    471
    กล่าวขอบคุณ
    291
    ได้รับคำขอบคุณ: 417
    ข้อ 1 คิดได้มีเหตุผลดีคับ ยกนิ้วให้เลย 55

    ข้อ 2 ก็ตามนั้นคับ วิทยาศาสตร์ไม่ใช่อะไรที่นิ่งอยู่กับที่ ถ้ามีคนพิสูจน์ว่ามันผิด แล้วบอกว่าจริงๆแล้วสิ่งนั้นมันควรจะเป็นยังไง วิทยาศาสตร์ก็จะเปลี่ยนไปตามสิ่งที่ถูกต้องคับ สรุปวิทยาศาสตร์ถูกเสมอในห้วงเวลาของมันเอง แต่ไม่ทั้งหมด ถ้าใครอ่านประวัติศาสตร์พวกนักวิทยาศาสตร์คุณก็น่าจะรู้ว่ามันมีคนคิดทฤษฏีต่างๆนาๆมาล้มล้างทฤษฏีของคนอื่นมากมาย คนที่พิสูจน์ได้ว่าทฤษฏีของตัวเองเป็นจริงก็คือผู้ชนะนั่นเอง แต่มันไม่มีใครชนะไปตลอดกาล สุดท้ายก็ต้องมีคนอื่นเสนอทฤษฏีใหม่ที่ดีกว่าอยู่ดี

    ข้อ 3 ปัจจุบันแค่คำพูดมันเชื่อไม่ได้คับ มันต้องมีหลักฐานที่เป็นที่ยอมรับ เช่น รูปถ่าย วิดีโอ ง่านวิจัยที่ได้มาตรฐาน บลาๆๆ

    ข้อ 4 มันคือเหตุผลที่เขาเรียกว่าทฤษฏีไงคับ มันเป็นแนวคิดที่พร้อมจะถูกล้มล้างได้ทุกเมื่อหากมีคนค้นพบหลักฐานใหม่ที่พิสูจน์ได้ว่าอันเก่าที่เราๆเชื่อกันนั้นผิด

    ข้อ 5 ควรจะบอกว่า "ไม่มีหลักฐาน = ไม่รู้" มากกว่า อย่างเช่นหลุมดำซึ่งเราไม่มีหลักฐานที่จะมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน เราจึงบอกตัวเองว่า "ไม่รู้" ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ไม่ใช่ข้างใน "ไม่มีอะไร"

    ข้อ 6 อันนี้เป็นธรรมชาติของมันคับ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันต้องมี ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ ย้ำว่า "ไม่มีใครรู้"

    ข้อ 7 เรื่องสุดขอบจักรวาลนี่ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง (มันอาจจะไม่ใช่ดำๆอย่างที่คุณคิดก็ได้) แต่ผมชอบแนวคิดหนึ่งที่ว่า "Multiverse" ซึ่งบอกว่าข้างนอกนั่นยังมีจักรวาลอีกหลายอัน แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี จึงได้แค่คิดๆกันไป

    ข้อ 8 ส่วนตัวผมเชื่อว่าข้างนอกนั่นมีสิ่งมีชีวิต แต่ไม่เชื่อว่ามันเคยเดินทางมาหาเราในอดีต (ย้ำว่าผมเชื่อแบบนี้ ผมอาจจะเชื่อผิดก็ได้ ไม่มีใครถูกต้องเสมอตลอดกาลอยู่แล้ว)

  26. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  27. #14
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,253
    กล่าวขอบคุณ
    5
    ได้รับคำขอบคุณ: 228
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DeKidZapper : 28th May 2014 เมื่อ 13:46

  28. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  29. #15
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    ที่อยู่
    bangkok
    กระทู้
    226
    กล่าวขอบคุณ
    144
    ได้รับคำขอบคุณ: 74
    เชื่อเรื่อง จักรวาล และ กุมารอ่ะครับ .... - -.

  30. #16
    It where my Demon hide
    วันที่สมัคร
    Mar 2012
    กระทู้
    2,418
    กล่าวขอบคุณ
    2,422
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,922
    คิดมากปวดหัวครับ

  31. #17
    Forever...
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Bangkok
    กระทู้
    1,540
    กล่าวขอบคุณ
    64
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,560
    ข้อ 4 นักวิทย์ เค้าคงไม่อยากสรุปแบบมั่วๆหรอกครับถ้าไม่มีหลักฐาน หลักฐานอ่ะมีอยู่แล้วถึงทำให้คนทั่วไปและนักวิทย์ทั่วโลกยอมรับ (ก็รอจนกว่าจะมีหลักฐานดีกว่ามา) มันคงยืนยันได้ไม่แน่ชัดหรอกครับ "มันคืออดีต" เราทำได้ดีที่สุดคือ หาหลักฐานแล้วคาดเดาเอา

    ข้อ 5 เค้าถึงเรียกว่า "ความเชื่อส่วนบุคคล" ยังไงละครับ

    ข้อ 7 น่าจะเป็นความว่างเปล่า ดำมืดสนิท กว้างใหญ่อย่างหาที่สุดไม่ได้ครับ เราคงไม่สามารถหาคำตอบได้เพราะ เราคงมองไม่เห็นหรอก 5555 แต่นี่คือสิ่งที่นักวิทย์ถามมาตลอดครับ "ถ้าก่อนหน้าที่จะเกิดจะจักรวาลมันคือความว่างเปล่า" แล้ว "จักรวาลที่มีขนาดอันมโหราฬเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่านั้นได้อย่างไรกัน !?!?!" น่าคิดนะ 5555

    ข้อ 8 สุดท้ายมันก็คือ "ความเชื่อส่วนบุคคล" ของคุณตามที่คุณบอกยังไงละครับ เพราะ "มันไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงกันแน่"
    ถ้าคุณยังไม่รู้จักกับคำว่า "ความล้มเหลว" ก็ไม่มีทางที่คุณจะรู้จักกับคำว่า "ความสำเร็จ"

  32. #18
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Oct 2013
    กระทู้
    57
    กล่าวขอบคุณ
    84
    ได้รับคำขอบคุณ: 18
    เรื่องผีนี้ผมขอเล่าประสบการณ์หน่อยนะครับ ตอนนั่นผมอายุประมาณ 5-6 ขวบ ซึ่งก็พอจำความได้บ้างแหละ ด้วยความเป็นเด็กก็ไม่เคยมีความเชื่อหรือสิ่งบันดาลใจให้จินตนาการได้ว่าผีนั่นมีรูปร่างยังไงนะครับ ส่วนที่ผมเห็นนั่นก็บริเวณหน้าต่างชั้น 2 ห่างจากผมก็ไม่กี่เมตรเองครับ เป็นชายแก่หน้าตาจำไม่ได้แต่ โดนมีดผ่าหัวแบะเลยครับ จนบัดนี้อายุ 17 ปีก็ยังจำเหตุการนั่นไม่ลืมและไม่เคยที่จะไม่เชื่อว่าผีไม่มีจริงเลยครับ -*-

    Edit: ก็ขอเล่าต่อเลยนะครับ ขณะนั่นผมกำลังจะนอนครับ ซึ่งตอนนั้นผมไม่เคยมีสถานะการที่เคยกลัวผีเลยครับบอกตามตรง และก็ไม่เคยรู้จักด้วยครับ ด้วยความที่ตกใจ ผมก็พูดออกไปด้วยความตกใจว่าอยู่ตรงนั่นคือแว้บไปมาครับ หันไปทางไหนก็เห็น ด้วยความที่แม่กับพ่อผมก็เป็นคนบ้านๆที่มีความเชื่อในทางนี้ ก็วิ่งพล่านมา ยิ่งทำให้ผมตกใจยิ่งไปอีก
    ปล.ตอนแรกแม่กับพ่อผมก็ไม่เอะใจเท่าไหร่ครับ แต่ในวันนั้นเองข้างบ้านผมมีการทำพิธีกรรมของพราหมณ์ครับ(เอามีดที่ใช้ฆ่าคนมาเยอะประมาณนี้)(เรื่องนี้แม่ผมบอกผมตอนรุ่งเช้าครับ) ตอนพิมก็ยังเสียวสันหลังเลยครับ -*-
    ปล.2 เรื่องที่เล่ามานี้จริงแท้ 100% ผมไม่ได้ต้องการปรุงแต่งอะไร
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย น้องเอ็กซ์ : 28th May 2014 เมื่อ 21:17

  33. #19
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    กระทู้
    683
    กล่าวขอบคุณ
    1,016
    ได้รับคำขอบคุณ: 373
    นี่คือสิ่งที่ในศาสนาพุทธของเรากล่าวไว้ครับ
    พระพุทธเจ้ารู้ว่าโลกนี้กลมมา 2500 กว่าปีแล้ว ท่านตรัสไว้ใน พรหมชาลสูตร ว่า "โลกนี้กลมเหมือนผลมะขามป้อม"
    ก็คือโลกมีลักษณะกลมๆแต่ไม่ถึงกับกลมเหมือนลูกปิงปอง เพราะโลกเรามีทั้งภูเขาที่มีความสูงต่ำไม่เท่ากันจึงทำให้รู้ว่าโลกลักษณะที่ไม่เรียบคับ ในสมัยโบราณมนุษย์ยังคิดว่าออกมหาสมุทรไปเรื่อยๆจะตกขอบมหาสมุทร หรือยังคิดว่าโลกแบนเป็นกล้วยทับอยู่คับ แต่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะรู้ว่าโลกกลม เมื่อตอนที่ส่งจานดาวเทียมขึ้นไปเองคับ

    พระพุทธเจ้าอธิบายถึงการมีอยู่ของโลก ไว้ว่าแบบไหน

    " โลกตั้งอยู่บนสิ่งใด?" (คำถามของพราหมณ์)
    "บนแผ่นน้ำ" (พระพุทธเจ้าทรงตอบ)
    " แผ่นน้ำตั้งอยู่บนสิ่งใด?" (คำถามของพราหมณ์)
    " บนลม"(พระพุทธเจ้าทรงตอบ)
    " และลมตั้งอยู่บนสิ่งใด?" (คำถามของพราหมณ์)
    " บนอวกาศ"(พระพุทธเจ้าทรงตอบ)
    " และอวกาศเล่าตั้งอยู่บนสิ่งใด?" (คำถามของพราหมณ์)
    " มากเกินไปเสียแล้ว พราหมณ์เอ๋ย อวกาศมิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดค้ำอวกาศไว้เลย"(พระพุทธเจ้าทรงตอบ)
    ถ้ามนุษย์ขึ้นไปอยู่บนอวกาศจะเห็นได้ว้าแผ่นดินมี1ใน4 ส่วนของน้ำ จะเห็นว่าเหมือนแผ่นดินตั้งอยู่บนน้ำ และถ้าอยู่สูงขึ้นไปอีกจะเห็นว่าชั้นบรรยากาศห้อหุ้มโลก ที่เหมือนห่อหุ้มน้ำไว้ อากาศนั้นหนาประมาณ22กิโลเมตร ก็เปรียบเหมือน น้ำตั้งอยู่บนลม และถ้าออกจากชั้นบรรยากาศ ก็จะเป็นอวกาศ ก็เปรียบเสมือนอากาศตั้งอยู่บนอวกาศ และอวกาศไม่ได้ตั้งอยู่บนที่ใดแล้ว และยังไม่มีที่สิ้นสุดด้วย
    HearthStone(US)=======> Srinoomha#1317

  34. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  35. #20
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Dec 2011
    กระทู้
    683
    กล่าวขอบคุณ
    1,016
    ได้รับคำขอบคุณ: 373
    แตสิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต้องอึ้งคือ สิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ คือ"เวลาในโลก มนุษย์ สวรรค์ไม่เท่ากัน ซึ้งเป็นสิ่งที่วิทยาศาสต์เพิ่งจะพิสูจน์ได้ว่า เวลาในแต่ละที่ไม่เท่า กัน หรือแม้ในดาวแต่ละดวง โดยทฏษดีสัมพันธภาพของไอนสไตน์ โยเฉพาะในblackhole ที่มืดมิดที่สุด แสงโดนดูดจนหมดสิ้น จะมีเวลานานที่สุด
    มีนักวิทยาศาสตร์ชาวพุทธคนนึงนำแผนที่ของblackhole ของทุกๆจุดมาทาบกับเรื่องราวของภพทั้ง3 คือเขาพระสุเมรุ นรก สวรรค์ และโลก ผลคือตำแหน่งของblackhole ตรงกับตำแหน่งของขุมนรก พอดี

    นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังรู้ถึงการเกิดและอายุขัยของมนุษย์เมื่อ2500ปีมาแล้ว ก่อนที่กรมอนามัยโลกจะวิเคราะห์ว่ามนุษย์ยุคปัจจบัน มีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 75ปี ซึ่งพ้องกับคำสอนของ พพจ. ว่า ทุกๆ100ปีอายุของมนุษย์จะลดลง1ปี
    แถมๆ

    ค้นพบของพระพุทธเจ้ากับวิทยาศาสตร์
    พระพุทธเจ้าทรงอธิบายเรื่องของปรมาณูหรืออะตอมไว้ ว่ามีขนาดเล็กแค่ไหน ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ก็จัดได้ว่าเล็กมากที่สุด ซึ่งพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า
    1 ธัญญามาตร (ขนาดเล็กของเมล็ดข้าว)ประกอบด้วย 7 อูกา (ศรีษะของตัวเล็น)
    1 อูกา ประกอบด้วย 7 สิกขา (รอยขีดเล็กๆ)
    1 สิกขาประกอบด้วย 37 รถเรณู (ละอองเกษรดอกไม้)
    1 รถเรณู ประกอบด้วย 36 ตัชชารี (ละอองรังสีในแสงแดด)
    1 ตัชชารี ประกอบด้วย 36 อนู (อนุภาคขนาดเล็ก)
    1 อณู ประกอบด้วย 36 ปรมาณู
    1 ปรมาณู แบ่งแยกไม่ได้อีก เพราะหากแยกต่อไปจะหมดสภาพของสารนั้น
    จะเห็นได้ว่าเม็ดข้าวหนึ่งเม็ด จะมีขนาดประมาณ(วัดจากแนวนอน) กว้างประมาณ0.7ซม สูงประมาณ0.2ซม
    และหนาประมาณ0.2ซม จะประกอบไปด้วยอะตอมประมาณ 84,000,000 อะตอม

    ปล . ข้อมูลบางส่วนไม่ทราบที่มาที่น่าเชื่อถือ อาจเป็นเรื่องแต่งของใครบางคนที่ต้องการเผยแผ่ศาสนาก็เป็นได้ ไม่ควรเชื่อ100% นะจ๊ะ
    HearthStone(US)=======> Srinoomha#1317

  36. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  37. #21
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Oct 2013
    ที่อยู่
    Macerata, Italy
    กระทู้
    394
    กล่าวขอบคุณ
    672
    ได้รับคำขอบคุณ: 281
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ noomha อ่านกระทู้
    แตสิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต้องอึ้งคือ สิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ คือ"เวลาในโลก มนุษย์ สวรรค์ไม่เท่ากัน ซึ้งเป็นสิ่งที่วิทยาศาสต์เพิ่งจะพิสูจน์ได้ว่า เวลาในแต่ละที่ไม่เท่า กัน หรือแม้ในดาวแต่ละดวง โดยทฏษดีสัมพันธภาพของไอนสไตน์ โยเฉพาะในblackhole ที่มืดมิดที่สุด แสงโดนดูดจนหมดสิ้น จะมีเวลานานที่สุด
    มีนักวิทยาศาสตร์ชาวพุทธคนนึงนำแผนที่ของblackhole ของทุกๆจุดมาทาบกับเรื่องราวของภพทั้ง3 คือเขาพระสุเมรุ นรก สวรรค์ และโลก ผลคือตำแหน่งของblackhole ตรงกับตำแหน่งของขุมนรก พอดี

    นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังรู้ถึงการเกิดและอายุขัยของมนุษย์เมื่อ2500ปีมาแล้ว ก่อนที่กรมอนามัยโลกจะวิเคราะห์ว่ามนุษย์ยุคปัจจบัน มีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 75ปี ซึ่งพ้องกับคำสอนของ พพจ. ว่า ทุกๆ100ปีอายุของมนุษย์จะลดลง1ปี
    แถมๆ

    ค้นพบของพระพุทธเจ้ากับวิทยาศาสตร์
    พระพุทธเจ้าทรงอธิบายเรื่องของปรมาณูหรืออะตอมไว้ ว่ามีขนาดเล็กแค่ไหน ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ก็จัดได้ว่าเล็กมากที่สุด ซึ่งพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า
    1 ธัญญามาตร (ขนาดเล็กของเมล็ดข้าว)ประกอบด้วย 7 อูกา (ศรีษะของตัวเล็น)
    1 อูกา ประกอบด้วย 7 สิกขา (รอยขีดเล็กๆ)
    1 สิกขาประกอบด้วย 37 รถเรณู (ละอองเกษรดอกไม้)
    1 รถเรณู ประกอบด้วย 36 ตัชชารี (ละอองรังสีในแสงแดด)
    1 ตัชชารี ประกอบด้วย 36 อนู (อนุภาคขนาดเล็ก)
    1 อณู ประกอบด้วย 36 ปรมาณู
    1 ปรมาณู แบ่งแยกไม่ได้อีก เพราะหากแยกต่อไปจะหมดสภาพของสารนั้น
    จะเห็นได้ว่าเม็ดข้าวหนึ่งเม็ด จะมีขนาดประมาณ(วัดจากแนวนอน) กว้างประมาณ0.7ซม สูงประมาณ0.2ซม
    และหนาประมาณ0.2ซม จะประกอบไปด้วยอะตอมประมาณ 84,000,000 อะตอม

    ปล . ข้อมูลบางส่วนไม่ทราบที่มาที่น่าเชื่อถือ อาจเป็นเรื่องแต่งของใครบางคนที่ต้องการเผยแผ่ศาสนาก็เป็นได้ ไม่ควรเชื่อ100% นะจ๊ะ
    ใครไม่เชื่อ แต่ผมเชื่อพระพุทธเจ้า ทรงเป็นสัพพัญญู ตรัสรู้รู้ทุกอย่าง ทุกโลกธาตุ และพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
    สิ่งเหล่านี้จะทำให้ศาสนาพุทธกลายเป็น cosmic religion หรือ ศาสนาแห่งจักรวาลในอนาคต ดังที่ไอนไสตน์เคยกล่าวไว้
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย -[ MaFaKaAlex ]- : 29th May 2014 เมื่อ 00:15

  38. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  39. #22
    Statesman
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Bangkok
    กระทู้
    871
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,515
    Blog Entries
    8
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ noomha อ่านกระทู้
    แตสิ่งที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต้องอึ้งคือ สิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ คือ"เวลาในโลก มนุษย์ สวรรค์ไม่เท่ากัน ซึ้งเป็นสิ่งที่วิทยาศาสต์เพิ่งจะพิสูจน์ได้ว่า เวลาในแต่ละที่ไม่เท่า กัน หรือแม้ในดาวแต่ละดวง โดยทฏษดีสัมพันธภาพของไอนสไตน์ โยเฉพาะในblackhole ที่มืดมิดที่สุด แสงโดนดูดจนหมดสิ้น จะมีเวลานานที่สุด
    มีนักวิทยาศาสตร์ชาวพุทธคนนึงนำแผนที่ของblackhole ของทุกๆจุดมาทาบกับเรื่องราวของภพทั้ง3 คือเขาพระสุเมรุ นรก สวรรค์ และโลก ผลคือตำแหน่งของblackhole ตรงกับตำแหน่งของขุมนรก พอดี

    นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังรู้ถึงการเกิดและอายุขัยของมนุษย์เมื่อ2500ปีมาแล้ว ก่อนที่กรมอนามัยโลกจะวิเคราะห์ว่ามนุษย์ยุคปัจจบัน มีอายุเฉลี่ยเท่ากับ 75ปี ซึ่งพ้องกับคำสอนของ พพจ. ว่า ทุกๆ100ปีอายุของมนุษย์จะลดลง1ปี
    แถมๆ

    ค้นพบของพระพุทธเจ้ากับวิทยาศาสตร์
    พระพุทธเจ้าทรงอธิบายเรื่องของปรมาณูหรืออะตอมไว้ ว่ามีขนาดเล็กแค่ไหน ซึ่งทางวิทยาศาสตร์ก็จัดได้ว่าเล็กมากที่สุด ซึ่งพระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า
    1 ธัญญามาตร (ขนาดเล็กของเมล็ดข้าว)ประกอบด้วย 7 อูกา (ศรีษะของตัวเล็น)
    1 อูกา ประกอบด้วย 7 สิกขา (รอยขีดเล็กๆ)
    1 สิกขาประกอบด้วย 37 รถเรณู (ละอองเกษรดอกไม้)
    1 รถเรณู ประกอบด้วย 36 ตัชชารี (ละอองรังสีในแสงแดด)
    1 ตัชชารี ประกอบด้วย 36 อนู (อนุภาคขนาดเล็ก)
    1 อณู ประกอบด้วย 36 ปรมาณู
    1 ปรมาณู แบ่งแยกไม่ได้อีก เพราะหากแยกต่อไปจะหมดสภาพของสารนั้น
    จะเห็นได้ว่าเม็ดข้าวหนึ่งเม็ด จะมีขนาดประมาณ(วัดจากแนวนอน) กว้างประมาณ0.7ซม สูงประมาณ0.2ซม
    และหนาประมาณ0.2ซม จะประกอบไปด้วยอะตอมประมาณ 84,000,000 อะตอม

    ปล . ข้อมูลบางส่วนไม่ทราบที่มาที่น่าเชื่อถือ อาจเป็นเรื่องแต่งของใครบางคนที่ต้องการเผยแผ่ศาสนาก็เป็นได้ ไม่ควรเชื่อ100% นะจ๊ะ
    ผมชอบ Dialogues พวกนี้จัง ไม่รู้ไปหาอ่านได้ที่ไหน ผมไม่เคยอ่านพระไตรปิฏก ไปเอา Dialogues คำแชทของพระพุทธเจ้ากับปัจเจกคนอื่นๆจากไหนเหรอครับ
    อยากอ่านบ้าง ขอภาษาง่ายๆ ที่ไม่ใช่คำบาลีสันสกฤตได้ไหม ผมไม่สะดวกอ่านคำบาลีเท่าไรอะ

    เออ แต่จริงๆมันมีทฤษฎีนึงในสายสังคมวิทยา ว่าไว้ว่า ในโครงสร้างของศาสนาเนี่ย มันจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นหลังผู้นำ หรือศาสดาเสียชีวิตลง พิธีกรรมอันยุ่งยากต่างๆ
    ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ศาสดาหรือผู้นำศาสนานั้นเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากสื่อกลางในคำสอนหรือพิธีกรรมต่างๆ ไม่มีศาสดาหรือผู้นำศาสนานั้นๆมาเป็นองค์ประธานในพิธี
    อีกแล้วจึงต้องมีการแต่งเติม หรือ สร้าง Option เสริมเข้าไปสู่โครงสร้างของศาสนานั้นๆ คำสอน บางครั้งตัวศาสดาเองอาจจะไม่ได้พูดขึ้นมาก็ได้นะครับ
    แต่คำสอนที่บรรจุในคัมภีร์ หรือ คำสอนที่ส่งทอดต่อๆกันมาผ่านเหล่าสาวก อาจจะมีการสร้างขึ้น
    หรือ นำข้อมูลต่างๆที่รวบรวมค้นคว้าขึ้นหลังศาสดาเสียชีวิต เพื่อนำข้อมูลที่น่าเชื่อถือต่างๆ มารวมใส่ไว้ในความเชื่อของศาสนาตนเอง

    อย่างที่คุณบอก บางครั้งเรื่องที่มันนานกว่า 1000 ปีขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถนำไปพิสูจน์ได้
    แต่ถ้าหากคำสอนของสิ่งใดสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดี หรือถูกต้อง ตามสมัยของเรา มันก็พอแล้ว


    ชอบกินไข่เจียว

  40. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  41. #23
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    May 2014
    กระทู้
    57
    กล่าวขอบคุณ
    74
    ได้รับคำขอบคุณ: 70
    "มองดูดาว สิครับ 1 ดวง ที่ส่องแสง แล้วดวงที่มันไม่มีแสงสว่างในตัว ส่องแสงไม่ได้ อีกกี่ล้านล้านดวง" จักรวาลช่างกว้างใหญ่ครับ
    วันนี้วันอะไร ?
    วันอะไรก็ช่างมัน !!


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top