35 ข้อคิดที่ได้เรียนรู้เมื่อเราอายุ 25 ปี

[zhezazee]

34 ข้อคิดที่ได้เรียนรู้เมื่อเราอายุ 25 ปี

การทำงาน

01. โลกใบนี้มันกว้างใหญ่มาก ยังมีคนเก่งๆกว่าเราอีกเยอะ

02. เราหลีกหนีคำวิจารณ์ไม่พ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้น เชื่อมั่นอย่างไรก็ทำไปเถอะ

03. ยิ่งทำงานหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากใช้เงินหนักเท่านั้น

04. เราไม่เคยเหนื่อย หรือบ่น เมื่อเราทำในสิ่งที่เรารัก

05. การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดี อยู่ที่ “ความกล้า” ไม่ใช่ “แกรมม่า”

06. ยิ่งรับผิดชอบสูง ยิ่งกดดันสูง ยิ่งเครียด

07. คนเก่งคือคนที่มีความละเอียดรอบคอบ ความมีระเบียบวินัยสูง

08. แต่คนเก่งกว่าคนที่สามารถควบคุมความละเอียดรอบคอบ และความมีระเบียบวินัยของตัวเองให้เหมาะสม จนไม่เป็นการทำร้ายตนเองและคนรอบข้าง

09. คนบางคนให้ความสำคัญกับการทำงานจนรู้สึกว่าการกินข้าว ขับถ่าย เป็นเรื่องเสียเวลา

10. ควรมองหางานใหม่ เมื่อการทำงานนั้นทำให้รู้สึกโหยหาวันเสาร์และอาทิตย์เป็นพิเศษ

11. การฝืนทำในสิ่งที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัด ต้องใช้เวลาและความพยายามสูงกว่าคนที่มีความถนัดอยู่แล้วหลายเท่า

12. ถ้ามีความตั้งใจ ไม่มีอะไรที่เราทำไมได้ … อาจจะได้มากได้น้อยก็ว่ากันไปตามแต่ระยะเวลาและความตั้งใจที่ทุ่มเทลงไป

13. ตอนเรียน ถ้าเราไม่อยากไปโรงเรียน เราสามารถแกล้งสำออยเพื่อขอความเห็นใจกับคุณครูได้ แต่ตอนทำงาน ถ้าเราไม่อยากไปทำงาน เราไม่สามารถแกล้งสำออยเพื่อขอความเห็นใจจากเจ้านายเราได้

14. การแสดงที่เล่นยากที่สุดบทหนึ่งซึ่งพยายามฝึกฝนมาตลอดและยังไม่เคยทำได้ดีเลย คือ การไปทำงานสายแล้วต้องทำหน้าตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

15. อย่าทำงานกับพ่อ แม่และญาติพี่น้อง ความขัดแย้งธรรมดาจะกลายเป็นความขัดแย้งที่สูงกว่าปกติ

16. การทำบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นเรื่องที่ดีมาก ทำให้สามารถวางแผนด้านการเงินได้อย่างรัดกุม เก็บเงินได้เป็นกอง

เงิน

17. เงินเป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในชีวิต ชีวิตที่ขาดเงินเป็นชีวิตที่มีความสุขน้อยมากจริงๆ

18. มีเงินมาก เรามักใช้มาก มีเงินน้อย เรามักใช้น้อย … เอาเงินติดตัวไว้ในกระเป๋าเงินน้อยๆจะประหยัดกว่า

สังคม

19. มนุษย์เราเลือกเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเชื่อ แม้จะมีความเป็นจริงอื่นๆให้เชื่อลอยอยู่ตรงหน้าก็ตาม

20. ความจริงส่วนกลางไม่มีในโลก ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นความจริงของใคร

21. การวิพาก์วิจารณ์คนรอบข้าง เป็นงานอดิเรกที่สนุกสนานงานหนึ่งของมนุษย์

22. งานแต่งงานเป็นเรื่องน่าเบื่อและไร้สาระ มีแต่พิธีการแต่งงานที่ไม่ทำให้แขกร่วมงานได้รู้จักคู่บ่าวสาวมากขึ้นเลย

23. เราไปงานแต่งงานเพื่อพบปะเพื่อนฝูงเก่าๆมากกว่าไปแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว

24. พวกเราสนุกกับการไปส่องสัตว์ที่เขาใหญ่ แต่ผมเชื่อว่าสัตว์ที่เขาใหญ่ไม่ได้สนุกกับเราด้วย

25. ค่าครองชีพที่ลาวไม่ได้ถูกกว่าไทย เหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน

26. หลายครั้งเราต้องเลือกระหว่างการยอมถูกเอาเปรียบหรือการเอาเปรียบผู้อื่น

27. เชื่อว่าไม่มีใครทุกคนอยากเป็นโจร เราควรให้โอกาสโจรได้กลับตัวกลับใจ

ความรัก

28. อย่าเลือกรักคนที่ดีที่สุด ถ้าเราไม่ใช่คนที่ดีที่สุด … ควรเลือกรักคนที่ดีพอกับเรา เป็นตัวของเรา

29. บนโลกนี้ ไม่มีใครรักและจริงใจต่อเราได้เท่าคุณพ่อและคุณแม่ของเราอีกแล้ว

30. หลายคนหอมแก้มแฟน มากกว่าหอมแก้มคุณพ่อคุณแม่

31. แม้ว่าเราจะเลิกกับแฟนคนเก่านานเท่าไหร่ แต่ถ้านึกถึงเขา เชื่อว่าเราก็ยังมีความรู้สึกดีๆหลงเหลือให้เขาอยู่ : )

ความสุข

32. อยู่ในที่ที่เหมาะสมกับตัวเรา

33. ถ้าอยากมีชิวิตอย่างสงบสุข ควรตัดเรื่องการเมืองออกไปจากชีวิตให้สิ้น

34. การประสบความสำเร็จในชีวิตของคนบางคน หมายถึงการมีทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ ขณะที่คนบางคนอาจหมายถึงการสะสมเพื่อนในเฟสบุ๊คได้มากกว่า 5000 คน ขณะที่บางคนอาจหมายถึง การได้มีคนที่รักอยู่รอบข้าง

35. การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแร็ง สมบูรณ์ มีสุขภาพจิตใจที่ดี


ที่มา : suikoaslife

[kingcesar]

ทำไมต้องเป็นตอนอายุ 25 อะครับ ไม่เข้าใจ
ไม่มีโอกาสที่คนอายุยังไม่ถึง 25 จะมีสิทธิรู้ได้ก่อนเลยเหรอครับ หรือยังไง
ไ่ม่ได้กวนโอ๊ยนะ ถามจริงๆ

[zhezazee]

ทำไมต้องเป็นตอนอายุ 25 อะครับ ไม่เข้าใจ
ไม่มีโอกาสที่คนอายุยังไม่ถึง 25 จะมีสิทธิรู้ได้ก่อนเลยเหรอครับ หรือยังไง
ไ่ม่ได้กวนโอ๊ยนะ ถามจริงๆ

ตอบยากนะครับ เพราะผมก็อายุยังไม่ถึงแค่ 22 เอง จริงๆ ก็มีสิทธิรู้เท่าเทียมกันหมดแหละครับ แต่หัวข้อมันมาอย่างงั้น ผมขอสรุปนะ คนที่เขียนเขาอาจจะผ่านจุดนั้นมาก่อน เลยอยากบอกให้พวกเรารู้ว่า เขาผ่านอะไรมาบ้าง ก็เท่านั้นเอง นี้ความคิดผมนะ

[SoNy009]

ทำไมต้องเป็นตอนอายุ 25 อะครับ ไม่เข้าใจ
ไม่มีโอกาสที่คนอายุยังไม่ถึง 25 จะมีสิทธิรู้ได้ก่อนเลยเหรอครับ หรือยังไง
ไ่ม่ได้กวนโอ๊ยนะ ถามจริงๆ

ผมมองว่า โดยส่วนใหญ่นะครับ อายุ 25 น่าจะมีความคิดในเรื่องพวกนี้
ส่วนอายุที่น้อยกว่า ก็อาจจะมีได้ แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย

[kurolykan]

ก็เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในบางข้อล่ะนะ ปรัชญาชีวิตของแต่ละคนมันแตกต่างกัน

แต่ขอถามแบบเรปบนด้วยอีกคนล่ะกัน ทำไมต้องอายุ 25 อายุนี้มันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอะไรรึ

ถ้าเริ่มทำงานก็ประมาณ 23 24 ถ้าเดินตามสายการศึกษามหาลัยฯ

[emotionsizes]

ส่วนตัวเพิ่งก้าวเข้ามาในเลข 25 ได้เดือนนึง ชีวิตก็ได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมาย ดีเลว ทั้งด้านมืดสุดและสว่างสุด
สำหรับผมก็พอใจแล้วที่ได้อายุ 25 และก็คิดว่าเดินทางมาครึ่งชีวิตล่ะ อะไรที่ยังไม่ได้ทำก็พยามต่อไป
(ชีวิตกะอยู่แค่อายุ 50 ก็พอใจแล้ว ^^)

[yensanore01]

ทำไมต้องเป็นตอนอายุ 25 อะครับ ไม่เข้าใจ
ไม่มีโอกาสที่คนอายุยังไม่ถึง 25 จะมีสิทธิรู้ได้ก่อนเลยเหรอครับ หรือยังไง
ไ่ม่ได้กวนโอ๊ยนะ ถามจริงๆ

1.เพราะว่า25 ลงท้ายด้วย 5 เหมือนกับ 35ข้อ
2.อายุ 25 ส่วนใหญ่ได้ทำงาน ได้มีความรัก ได้เจออะไรหลายๆอย่าง ถ้าเที่ยบกับผมตอนอายุ 22,23 ก็ได้เจอแค่บางเหตุการณ์ ตอนนี้ 24 พอเข้าใจอะไรขึ้นเจอ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานและสังคม
3.คิดไม่ออกละ ^^

[kom007]

ทำไมต้องเป็นตอนอายุ 25 อะครับ ไม่เข้าใจ
ไม่มีโอกาสที่คนอายุยังไม่ถึง 25 จะมีสิทธิรู้ได้ก่อนเลยเหรอครับ หรือยังไง
ไ่ม่ได้กวนโอ๊ยนะ ถามจริงๆ

มันเป็นเรื่องของประสบการณ์จริงที่เจอกับตัวแล้วทำความเข้าใจและยอมรับมัน อายุน้อยกว่านี้อาจจะเจอแต่ยังคิดได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนมากเด็กเวลาเจออะไรแปลกๆมักจะไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ มีแต่คำถามว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ พอโตขึ้นลองย้อนกลับไปคิดถึงการกระทำในวัยเด็ก แล้วจะมีความรู้สึกว่าเราทำอย่างนั้นไปได้อย่างไร

....สรุปคือเข้าใจความเป็นไปของอะไรๆรอบตัวรวมทั้งตัวเอง และเรียนรู้ที่จะปรับตัวได้ง่ายขึ้น

[kingcesar]

อ่อ จากคำตอบของหลายๆคนที่กล่าวมา ก็พอเห็นภาพมั่งนะ แต่โดยสรุปก็คือ ที่เป็นอายุ 25 คืออายุที่ถูกกำหนดนิยามขึ้น
ว่าเป็นช่วงวัยที่จะสำนึก ระลึก ตรึกตรอง คิดได้ในเรื่องโลกภายนอก ใช่ไหมครับ

แต่ท้ายที่สุดผมว่าข้อสรุปนี้ก็ยังไม่แข็งพออยู่ดีแหละครับ จริงๆคือ อายุน้อยกว่านี้ก็มีโอกาสเข้าใจ ประสบพบเจอ และยอมรับ
เรียนรู้ได้เหมือนกัน เพราะบางข้อ รวมถึงหลายๆข้อมันก็มีโอกาสที่จะเกิดและตกผลึกมาจาก สามัญสำนึก ได้เหมือนกันนะครับ

ผมมองว่าอย่างนี้นะครับ แต่ช่างมันเถอะ ขี้เกียจมากความ เอาเป็นว่า 25 ก็ 25 ละกันครับ