เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา
ช่วยแนะนำทฤษฎีเกี่ยวกับเวลา และห้วงมิติหน่อยครับ
ช่วยแนะนำหน่อยครับ จะนำไปใช้เป็นแนวทาง
#dejaVu #paradox #multiverse
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
VaproHonoR
อ่านnovel steins;gateเล่ม1 แล้วคุณจะเจอคำตอบครับ ( -_-)b
เจอขนาดแล้วยอมครับ ยิ่งเล่ม 2 นี่ช็อคโลกเลย
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
~FeaR~
แต่ละทางเลือกของเรา จะสร้างมิติอีกมิติหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ทีแตกต่างจากทางที่เราเลือกโดยสิ้นเชิงครับ แล้วมันจะแตกรากแหออกไปไม่สิ้นสุดครับ
Multiverse สินะ #BIOSHOCKINFINITE
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Johnniehut : 13th July 2014 เมื่อ 19:10
เสด็จพ่อฯ #บีโธเฟ่น #โกรกทอง
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
จริงจังรึเปล่าเนี้ย 555
ถ้าเอาเฉพาะส่วนที่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นจริงก็ ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์ ว่าด้วยเรื่อง Space and time สามารถบิดเบี้ยวได้ ซึ่งเราพิสูจน์ได้แล้วว่ามันเป็นความจริงและมันก็ทำให้เกิด Paradox ขึ้นมามากมายให้อาจารย์มหาลัยเอาไปออกข้อสอบเด็กปอตรีสายวิทย์ ใครเรียนไม่เข้าใจก็ตาย 555
ซึ่งถ้ายึดแนวคิด "Space and time สามารถบิดเบี้ยวได้" ไอสไตน์ได้เสนออีกหนึ่งแนวคิดต่อยอดกันมา นั่นคือ Wormhole ซึ่งมันก็ฟังดูมีเหตุมีผลในตัวมันเอง และมีแนวโน้มที่จะพบตามหลุมดำ แต่ปัจจุบันเราศึกษาหลุมดำมานานจนพอจะจินตนาการได้แล้วว่า Wormhole ค่อนข้างห่างไกลจากความเป็นจริงพอสมควร - ไม่ใช่ว่ายืนยันได้แล้ว Wormhole ไม่มีจริง แต่โอกาสที่มันจะมีตัวตนจริงๆในหลุมดำมันน้อยลงเรื่อยๆทุกครั้งที่เราศึกษาหลุมดำ
อีกแนวคิดก็ Multiverse ซึ่งยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ (และไม่รู้จะหาวิธีพิสูจน์ยังไงด้วย) แต่แนวคิดและที่มาของ Multiverse นั้นน่าสนใจและมีความเป็นไปได้ในตัวของมันเองนะ อิอิ
อีกอันหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักคือ Many-worlds Interpretation of Quantum Mechanic ซึ่งเกิดจาก Wave function collapse (Wave function collapse เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นจริง) ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมาก มันฟังดูซับซ้อนและยากจะเข้าใจสำหรับคนทั่วไป
อีกแนวคิดที่กำลังมาแรงคือ String Theory ซึ่งผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันเท่าไหร่ 55 ขอผ่าน
หรือถ้าจะอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆก็ตามวีดีโอนี้
ู^
วีดีโออันที่สองยึดตามหลักทฤษฎีสัมพัทธภาพซึ่งพิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นจริง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kachanking : 13th July 2014 เมื่อ 18:00
รายชื่อสมาชิกจำนวน 5 คนที่กล่าวขอบคุณ:
ทฤษฎีเกี่ยวกับเวลา มันเชื่อยาก พอๆกับว่าผีมีจริงหรือ ไม่มีจริงยังไงยังงั้นเลย แต่ผมเชื่อว่ารูหนอนมันน่าจะพาเราเวปได้ นะ แต่การ ย้อนเวลาหรือไปอนาคต อะไรแบบนี้มันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นจริง ทำไปคนในอนาคตถึงไม่ย้อนกลับมาหาเราในตอนนี้แล้วบอกเราว่าผมทำได้แล้วนะผมรู้วิธีแล้วนะ อะไรประมาณนี้อะ
อ่านnovel steins;gateเล่ม1 แล้วคุณจะเจอคำตอบครับ ( -_-)b
❤❤ The Division ❤❤
เหมือน ขับรถผ่านงาน ฝังลูกนิมิตร ((:
แต่ละทางเลือกของเรา จะสร้างมิติอีกมิติหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ทีแตกต่างจากทางที่เราเลือกโดยสิ้นเชิงครับ แล้วมันจะแตกรากแหออกไปไม่สิ้นสุดครับ
เรื่องนี้ปวดหัวเลยครับ ขอทำงานใช้หนี้ก่อนละกัน
รูปไม่หล่อ พ่อจน พร้อมพาทุกคนไปลำบาก
ถ้ายึดตามเรื่อง stien gate นะครับ
อย่างที่พูดไว้ในเรื่อง คือ ชีวิตของเราเนี้ย มันเหมือนกับเส้นเชือกเส้นเล็กๆนับร้อยๆเส้นที่พันกันอยู่จนกลายเป็นเชื่อกเส้นใหญ่เส้นหนึ่ง
เชือกเส้นเล็กๆนั้นก็คือมิติต่างๆที่เหตุการณ์ดำเนินกันไปคนละแบบในคนละช่วงเวลากันยังไงหละครับ
เช่น ในมิติ A ผมกำลังออกจากบ้านตอน 9 โมงเช้า
ซึ่งตอน 9 โมงเช้า ของ มิตติ A มันอาจไปตรงกับตอน 8 โมงเช้าของมิติ B (คือดำเนินไปพร้อมๆกันแต่เวลาไม่ตรงกันอะครับ)
แล้วในเรื่องนี่ การย้อนเวลาคือการส่งความจำของตัวเองในตอนนี้ ไปยังอีกมิติหนึ่งที่เวลายังดำเนินมาไม่ถึงมิติที่เรากำลังอยู่ครับ
ยกตัวอย่าง คุณออกจากบ้านตอน 9 โมงเช้า แล้วสะดุดล้มตอนเวลา 9.30 ในมิติ A
คุณส่งความทรงจำของคุณตอนหลังสะดุดล้มแล้ว ไปยังมิติ B ซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 8.30 ในมิติ B
คุณก็จะมีความทรงจำของตัวเองในมิติ A หลังจากที่สะดุดล้มแล้ว แต่ตัวคุณจริงๆตอนนี้อยู่ในมิติ B ในเวลา 8.30 (แต่ตัวคุณในมิติ A จะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้นะครับ เพราะในการ์ตูนไม่ได้บอกไว้)
ซึ่งในตอนนี้ก็เท่ากับว่า คุณรู้แล้วหละ ว่า ตอน 9.30 คุณจะสะดุดล้มแน่ๆ คุณก็เลยเลี่ยงไปเดินอีกทางก็ไม่สะดุดล้มแล้ว
แล้วก็อย่างที่บอกไปครับ วาเชือกนับร้อย ถ้าพันกันอยู่เป็นเชือกเส้นๆใหญ่ๆเส้นเดียวแล้ว จุดสิ้นสุด มันก็ย่อมจะเป็นจุดเดียวกัน
ยกตัวอย่าง ตรงปลายเชือก กำหนดให้คุณตาย ไม่ว่าคุณจะหนีไปมิติ A B C D E F..... หรือที่ไหนก็ตาม ท้ายสุดแล้ว ยังไงคุณก็ต้องตาย แต่วิธีการตายของคุณอาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละมิติ
ซึงวิธีที่จะหนีจากความตายได้ก็คือ โดดไปที่เส้นเชือกใหญ่อีกเส้นหนึ่ง (ตอนนี้ที่ผมกล่าวมาคือ มีเชื่อเส้นใหญ่ๆอยู่ 2 เส้นนะครับ แต่ละเส้นก็จะประกอบด้วยเชือกเส้นเล็กๆที่เกียวพันกันอยู่นับร้อยๆเส้น)
ถ้าตามการ์ตูนมันก็จะเป็นตามที่ผมได้สาธยายไปด้านบนนัั่นแหละครับ งงเปล่า? งงตรงไหนถามได้นะครับ
รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:
เวลาไม่มีวันหยุด หรือเดินถอยหลังครับ มีแต่เดินช้า หรือเดินเร็ว
HearthStone(US)=======> Srinoomha#1317
มีทฤษฏีนึงกล่าวไว้ว่า ถ้าวัตถุใด ๆก็ตามวิ่งด้วยความเร็วแสงแล้ว เวลา ณ จุด ๆนั้นจะหยุดเดิน ยิ่งใกล้เท่าไหร่จะยิ่งเดินช้าลงมาก
มีการทดลองโดยการนำนาฬิกาขึ้นไปบนยานอวกาศแล้วเร่งความเร็วให้ได้สูงสุด ปรากฏว่าเวลาบนนาฬิกาเดินช้าลงกว่าปกติเล็กน้อย เปรียบเทียบโดยใช้นาฬิกาที่มีความแม่นยำสูงสุด
ส่วนเรื่องการเดินทางไปอดีตนั้น
-- ต้องมองก่อนว่า การที่คนเรามองเห็นวัตถุอื่น ๆในตอนนี้เป็นเพราะแสงมาตกกระทบ และวิ่งหายไป เราอาจจะต้องสร้างเครื่องใด ๆก้ตามที่มีการเดินทางเร็วกว่าแสง และวิ่งไปดูแสง ๆนั้นที่ตกกระทบหายไป
การเดินทางไปในอนาคตก็เช่นกัน แต่การเดินทางไปในอนาคตนั้น ไม่ใช่การจั้มข้ามเวลาไป แต่เป็นการเดินทางที่สูงกว่าความเร็วแสง และย้อนกลับมาดูอีกครั้ง พูดแล้วอาจจะงง ให้นึกภาพตามนี้นะครับ
---- ปี 2014 ผมอายุ 22 ผมนั่งยานอวกาศออกไปที่เร่งความเร็วได้เหนือแสงเป็นร้อย ๆเท่า จากทฤฏีข้างต้นที่ระบุไว้เรื่องของเวลาและความเร็วแสงนั้นเป็นจริง เวลาบนยานของผมจะเดินช้าลง จนแทบจะหยุดไปเลย และนั่งไปซัก 4-5 ปีในเวลาบนยานลำนั้น
กรณีสมมุตนะครับ ถ้าเวลาในยานผมเดินช้าลง 100 เท่าของเวลาบนโลก 4-5 ปีบนยาน จะเท่ากับ 400-500 ปีบนโลก ผมกลับมายังโลกโดยที่ตัวเองอายุ 26-27 ปี แต่กลับกัน บนโลกเดินทางไป "อนาคต" อันไกล ที่เวลาผ่านไป 400-500 ปีครับ ----
เราจึงเดินทางไปในอนาคตได้ ถ้า มีเครื่องที่เร่งความเร็วเหนือแสงได้ครับ
ปล. เป็นความเข้าใจโดยรวมของผมนะครับ ผมก็อ่าน ๆมาจากอินเตอร์เน็ตครับ
B A R C E L O N A
แนะนำให้ดูdoctor who (เกี่ยวไหมหว่า)
ปี 1960-1970 NASA ไป ดวงจันทร์จริงรึปล่าว หรือถ่ายในสตูดิโอ ?
การสร้าง Time Machine ที่สามารถเดินทางข้ามกาลเวลาได้เหมือนในโดราเอมอนนั้นปัจจุบันยังไม่มีใครทำได้คับ แค่พิสูจน์ให้ได้ในทางทฤษฎียังทำไม่ได้เลย (คุณจำเป็นจะต้องมโนกฏทางฟิสิกส์ใหม่ที่ขัดแย้งกับกฏฟิสิกส์ที่เรามีในปัจจุบัน) แต่การมองย้อนกลับไปในอดีตนั้นปัจจุบันเราทำได้แล้วคับ (ย้ำว่าทำได้แค่มองนะคับ จะวาร์ปไปใช้ชีวิตในอดีตก็ทำไม่ได้อยู่ดี) นั่นคือการมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้าคับ 555 เช่น ดาว A ห่างจากโลก 100 ล้านปีแสง เวลาเรามองดูดาว A เราก็จะเห็นแสงที่ใช้ระยะเวลานานถึง 100 ล้านปีในการเดินทางมาหาเรา (จริงๆถ้าคำนวณ Space Expansion ด้วยระยะเวลาจะสั้นลงกว่านี้) ทำให้ในปัจจุบันเรากำลังมองดาว A เมื่อ 100 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งมันก็คือการมองย้อนกลับไปในอดีตดีๆนี่เอง
ส่วนการมองไปยังอนาคต เราทำได้แค่ทำนายโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นๆเท่านั้น (ปกติเราก็ใช้วิทยาศาสตร์ในการทำนายสภาพอากาศประจำวันอยู่แล้วนิ 555 มันก็คือการทำนายอนาคตนั่นแหละ) ในโลกของ Quantum ก็ทำนายอนาคตได้เช่นกัน แม่นกว่าพยากรณ์อากาศเยอะเลยแหละ อิอิ
นอกจากนี้คุณยังทำนายเหตุการณ์บ้าๆได้อีกเยอะมากโดยไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมาก เช่น โดดตึก 10 ชั้น = ตาย, เอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟที่บ้าน = ไฟช็อต
ที่เหนือกว่านั้น วิทยาศาสตร์ยังสามารถบอกอนาคตบางอย่างได้แม่น 100% ยิ่งกว่าหมอดูข้างบ้านอีก เช่น เอากรดหยดใส่เหล็กจะได้แก๊สที่ติดไฟได้, เอาแม่เหล็กขั้วต่างกันวางใกล้ๆกัน มันจะดูดกัน
จะเห็นว่าปัจจุบันเราก็ทำนายอนาคตได้เช่นกัน บางอย่างก็แม่นบ้างไม่แม่นบ้าง (วิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ว่าการทำนายนั้นมีความแม่นยำกี่เปอร์เซ็นต์) บางอย่างก็แม่นชัวร์ 100% แต่ถึงยังไงเราก็ยังเดินทางไปยังอนาคตไม่ได้อยู่ดี เสียใจด้วย 55
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
jalnw5
ทฤษฎีเกี่ยวกับเวลา มันเชื่อยาก พอๆกับว่าผีมีจริงหรือ ไม่มีจริงยังไงยังงั้นเลย แต่ผมเชื่อว่ารูหนอนมันน่าจะพาเราเวปได้ นะ แต่การ ย้อนเวลาหรือไปอนาคต อะไรแบบนี้มันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นจริง ทำไปคนในอนาคตถึงไม่ย้อนกลับมาหาเราในตอนนี้แล้วบอกเราว่าผมทำได้แล้วนะผมรู้วิธีแล้วนะ อะไรประมาณนี้อะ
ถ้าย้อนเวลาได้คนในอนาคตคงจะตังกฏขึ้นมามังครัวว่าห้ามพูดคุยหรืออื่นๆเพราะอาจจะทำให้อนาคตเปลี่ยนได้
มีทฤษฏีอยู่ว่าหากเราย้อนเวลาไปฆ่าไดโนเสาบางชนิดที่นั่นอาจทำให้มนุษย์สูญพันธุ์เลยก็ได้เพราะเราไม่รู้ว่ามนุษย์เรามีDNAของไดโนเสามากน้อยแค่ไหน
ผม ว่าดูสาระคดี และเอาเรื่องนี้มาพูดมันจะลงตัว แต่อนิเมะมันก็แปลกดีแฮะทำให้หยิบมาคิดจริงๆจังๆตามแบบการ์ตูน
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
-holmes-
มีทฤษฏีนึงกล่าวไว้ว่า ถ้าวัตถุใด ๆก็ตามวิ่งด้วยความเร็วแสงแล้ว เวลา ณ จุด ๆนั้นจะหยุดเดิน ยิ่งใกล้เท่าไหร่จะยิ่งเดินช้าลงมาก
มีการทดลองโดยการนำนาฬิกาขึ้นไปบนยานอวกาศแล้วเร่งความเร็วให้ได้สูงสุด ปรากฏว่าเวลาบนนาฬิกาเดินช้าลงกว่าปกติเล็กน้อย เปรียบเทียบโดยใช้นาฬิกาที่มีความแม่นยำสูงสุด
ส่วนเรื่องการเดินทางไปอดีตนั้น
-- ต้องมองก่อนว่า การที่คนเรามองเห็นวัตถุอื่น ๆในตอนนี้เป็นเพราะแสงมาตกกระทบ และวิ่งหายไป เราอาจจะต้องสร้างเครื่องใด ๆก้ตามที่มีการเดินทางเร็วกว่าแสง และวิ่งไปดูแสง ๆนั้นที่ตกกระทบหายไป
การเดินทางไปในอนาคตก็เช่นกัน แต่การเดินทางไปในอนาคตนั้น ไม่ใช่การจั้มข้ามเวลาไป แต่เป็นการเดินทางที่สูงกว่าความเร็วแสง และย้อนกลับมาดูอีกครั้ง พูดแล้วอาจจะงง ให้นึกภาพตามนี้นะครับ
---- ปี 2014 ผมอายุ 22 ผมนั่งยานอวกาศออกไปที่เร่งความเร็วได้เหนือแสงเป็นร้อย ๆเท่า จากทฤฏีข้างต้นที่ระบุไว้เรื่องของเวลาและความเร็วแสงนั้นเป็นจริง เวลาบนยานของผมจะเดินช้าลง จนแทบจะหยุดไปเลย และนั่งไปซัก 4-5 ปีในเวลาบนยานลำนั้น
กรณีสมมุตนะครับ ถ้าเวลาในยานผมเดินช้าลง 100 เท่าของเวลาบนโลก 4-5 ปีบนยาน จะเท่ากับ 400-500 ปีบนโลก ผมกลับมายังโลกโดยที่ตัวเองอายุ 26-27 ปี แต่กลับกัน บนโลกเดินทางไป "อนาคต" อันไกล ที่เวลาผ่านไป 400-500 ปีครับ ----
เราจึงเดินทางไปในอนาคตได้ ถ้า มีเครื่องที่เร่งความเร็วเหนือแสงได้ครับ
ปล. เป็นความเข้าใจโดยรวมของผมนะครับ ผมก็อ่าน ๆมาจากอินเตอร์เน็ตครับ
ถ้าตามนี้ นาฬิกาที่เดินช้าลง กับคำว่า วัตถุเคลื่อนที่ได้ช้าลง มีความหมายเดียวกันป่ะครับ
เพราะว่า นาฬิกาเดิน มันก็เป็นแรงเดินธรรมดา ถ้ามันเดินช้าลง แปลว่าตัวเราที่อยู่ในยานก็เคลื่อนที่ได้ช้าลง
แบบนี้ป่ะครับ อายุเราเลยไหลไปช้าลง แล้วก็ แก่ช้าลง ในระหว่างติดนอสความเร็วแสงอยู่
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
jackiiez
ถ้าตามนี้ นาฬิกาที่เดินช้าลง กับคำว่า วัตถุเคลื่อนที่ได้ช้าลง มีความหมายเดียวกันป่ะครับ
เพราะว่า นาฬิกาเดิน มันก็เป็นแรงเดินธรรมดา ถ้ามันเดินช้าลง แปลว่าตัวเราที่อยู่ในยานก็เคลื่อนที่ได้ช้าลง
แบบนี้ป่ะครับ อายุเราเลยไหลไปช้าลง แล้วก็ แก่ช้าลง ในระหว่างติดนอสความเร็วแสงอยู่
ตัวอย่างของคุณ -holmes- ที่เขายกขึ้นมานั้นผมคง Discuss อะไรไม่ได้นะคับ เพราะมันฉีกทฤษฎีสัมพัทธภาพว่าด้วย "ไม่มีวัตถุใดสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าค่า C" แต่เขาเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนที่เร็วกว่าแสง 100 เท่าในอวกาศเลย 555
ตามหลักของทฤษฎีสัมพัทธภาพแล้ว ยิ่งคุณเคลื่อนที่เร็วเท่าไหร่ เวลาของคุณในมุมมองของคนอื่นจะยิ่งช้าลงเท่านั้น และเมื่อคุณเคลื่อนที่เร็วเท่ากับ C เวลาของคุณในมุมมองของคนอื่นก็จะหยุดเดิน (คนอื่นจะเห็นคุณอยู่นิ่ง) แต่สมมติคุณเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า C สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นคือเวลาของคุณจะเดินถอยหลัง??? แต่น่าเสียดายที่ไอสไตน์กล่าวไว้ว่า "ไม่มีวัตถุใดสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าค่า C" ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เวลาจะเดินถอยหลัง และส่งผลให้ไม่มีวัตถุใดเดินทางกลับไปในอดีตได้
ที่คุณ jackiiez ถามว่า "นาฬิกาเดินช้าลง = วัตถุเคลื่อนที่ได้ช้าลง = เราเคลื่อนที่ได้ช้าลง" ต้องกลับไปดูว่าคุณจะยึดตำราเล่มไหน (จะเชื่อทฤษฎีไหน) ผมจะยึดและอธิบายตามหลักทฤษฎีสัมพัทธภาพนะคับ โดยมีอีกหนึ่งอย่างที่คุณต้องรู้คือ "หากเรากำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ เราจะไม่สามารถบอกได้ว่าเรากำลังเคลื่อนที่" (จริงๆเงื่อนไขนี้มันรัดกุมกว่านี้นะคับ แต่ผมจำไม่ได้ 555) แล้วทีนี้สมมติว่ายานอวกาศของคุณ -holmes- กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้เคียง C (ขอแก้ไขนิดๆนะคับ ผมต้องยึดตามทฤษฎีสัมพัทธภาพ) และเป็นความเร็วคงที่ซ่ะด้วย ผลที่ได้ก็คือคนที่อยู่ในยานลำนั้นจะรู้สึกเฉยๆคับ เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้ C และที่สำคัญ เขาจะไม่รู้สึกว่าตัวเองเคลื่อนที่ได้ช้าลง เพราะถ้าเขารู้สึกว่าเคลื่อนที่ได้ช้าลง นั่นหมายความว่าเรารู้แล้วว่าตัวเองเคลื่อนที่เร็วมาก และมันไปขัดแย้งกับเงื่อนไขของทฤษฎีสัมพัทธภาพนั่นเอง
ที่สำคัญคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ นั้น Space และ Time ต้องมาด้วยกันคับ ถ้าคุณหยิบแค่ Time มา Discuss อย่างเดียว ผลที่ได้ก็ตามนั้น แต่ถ้าคุณหยิบ Space มา Discuss ด้วย ผลที่ได้จะซับซ้อน แปลกประหลาดมากขึ้น แต่ถ้าคนที่เข้าใจหลัก Space and Time ของทฤษฎีสัมพัทธภาพ คุณจะรู้ว่าความประหลาดของมันนั้น Make Sense
ที่บอกว่าแก่ช้าลงเพราะเวลาเดินช้าลงนั้น มันเป็นมุมมองของคนอื่นคับ ไม่ใช่มุมมองของคนในยานอวกาศ คนในยานอวกาศจะรู้สึกว่าตัวเองแก่ตายเร็วเท่าเดิมเหมือนปกติ แต่คนที่กำลังชมยานอวกาศเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้ C จากภายนอกจะเห็นคนในยานแก่ช้ากว่าปกติคับ
ปล. เรื่องนี้มันเป็น Paradox นะคับ เป็นอะไรที่เข้าใจยาก บางครั้งก็ฟังดูไม่สมเหตุสมผล ถ้าอยากรู้รายละเอียดกว่านี้ ลองหาดูตามโจทย์ท้ายบทใน Textbook Physics University ดู เขาจะมีสูตรคำนวณแบบครบทุกกระบวนท่าเลยว่าอะไรเกิดกับใครด้วยสเกลแค่ไหน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kachanking : 14th July 2014 เมื่อ 18:45
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
jackiiez
ถ้าตามนี้ นาฬิกาที่เดินช้าลง กับคำว่า วัตถุเคลื่อนที่ได้ช้าลง มีความหมายเดียวกันป่ะครับ
เพราะว่า นาฬิกาเดิน มันก็เป็นแรงเดินธรรมดา ถ้ามันเดินช้าลง แปลว่าตัวเราที่อยู่ในยานก็เคลื่อนที่ได้ช้าลง
แบบนี้ป่ะครับ อายุเราเลยไหลไปช้าลง แล้วก็ แก่ช้าลง ในระหว่างติดนอสความเร็วแสงอยู่
จริงๆ พูดให้ชัดเจนกว่านั้น คือ การเดินทางที่เกี่ยวกับเวลา ในอนาคตหรืออดีตมีความต่างเพียงนิดเดียว การเดินทางไปในอดีตดูและจะเข้าใจได้ง่ายกว่าการเดินทางไปอนาคต
หลักการง่ายๆ คือ ความเร็วแสงจะเป็นตัวกำหนดห้วงเวลา โดย ภาพทุกภาพที่เรามองเห็นจากการเดินทางด้วยแสง(แสงอาทิตย์) ล้วนเป็นอดีตทั้งหมด อธิเช่น แสงอาทิตย์กระทบกับวัตถุๆหนึ่ง แล้ว แสงจะเดินทางสะท้อนเข้าสู่ตา ในการเดินทางที่แสงสะท้อนเข้าสู่ตา นั้นคือช่วงเวลาที่เป็นอดีตของวัตถุชิ้นนั้น
ถ้าจะให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นในการเดินทางย้อนเวลา ในโลกของความเป็นจริง ในการระเบิดของซูปเปอร์โนวาที่มีความห่างจากโลกหลายล้านปีแสง จะพบว่า แสงจะเดินทางเข้าสู่ตาเห็นภาพที่เป็นการระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อแสนปี หรือ หลายล้านปีก่อน เพราะแสงเหล่านั้นเดินทางด้วยความเร็วเพียง30ล้านเมตรต่อวินาที แต่เราเห็นมันเกิดขึ้นต่อเนื่องเพราะแสงเหล่าเดินทางอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลาเหมือนการฉายหนังซ้ำให้เราเห็นภาพ รวมถึงสัญญาณคลื่นไมโครเวฟที่ใช้ในอวกาศตรวจหาสัญญาณจากต่างดาวด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์ถึงได้ตั้งเป้ากุญแจสู่มิติเวลาอยู่ที่ความเร็วของการเคลื่อนไหวของอนุภาค หรือ หลุมดำ
ด้วยความที่โลกของมนุษย์เราชอบหาตรรกะ ที่สรุปเหตุผลและถามว่ามันมีจริงไหม ถึงได้เปิดประเด็นคำถามที่ว่า "ถ้ามนุษย์เราสามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาได้ เราควรจะเห็นนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาที่มาเยี่ยมเยือนเราณตอนนี้ แต่เหตุไฉนเราถึงไม่มีเบาะแสของนักท่องเที่ยวแห่งอนาคต หรือว่า พวกเราไม่อาจสามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาได้ก่อนที่พวกเราจะสูญพันธ์ หรือไม่มีพวกเราคนใดที่ไม่สามารถเดินทางย้อนเวลากลับมาได้ด้วยเหตุกฏหมายกฏหมายของการเดินทางข้ามกาลเวลาหรือเราไม่สามารถทนต่อการข้ามเวลาก็เป็นได้ และถ้าเป็นแบบนั้นกุญแจสู่การเดินทางสู่โลกอนาคตของมนุษย์ชาติก็อาจได้ถูกปิดลงแล้วเช่นกัน"
watch?v=VkNdU529f8Y ทุกคนเลิกเถียงดู วีดีโอนี้ครับอย่ามโนกันไปมั่ว
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
Jyok
สำหรับคนที่ไม่อยากนั่งดู 40 กว่านาที ผมสรุปให้ตามนี้ว่าวีดีโอนี้มันพูดอะไรบ้าง
Space and Time แปลว่าที่ว่างและเวลาสินะ 555 ผมขอเรียกทับศัพท์ต่อไปดีกว่า
Paradox แปลว่าความไม่ถูกต้องตรงกันและความขัดแย้ง
ในวีดีโอบอกว่าแนวคิด Multiverse เป็นแนวคิดที่พิศดานแล้วก็ไม่พูดถึงมันอีกเลย T_T (เป็นแนวคิดที่ผมชอบที่สุด)
แนวคิดที่ว่าเราเดินทางย้อนกลับไปในอดีตได้แต่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ ธรรมชาติจะทำทุกวิถีทางให้คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ด้วยกลไกของมันเอง แล้วก็ยกตัวอย่าง ซึ่งผมบอกได้เลยว่ามันขัดแย้งกันเอง คุณกลับไปในอดีต ฆ่าพ่อตัวเองทิ้งซ่ะ ทีนี้คุณก็ไม่ได้เกิดแล้ว และธรรมชาติจะมีเหตุผลอะไรมาห้ามไม่ให้พ่อของคุณตายเพียงเพราะในอนาคตเขาต้องซั่มกับหญิงซักคนเพื่อให้คุณเกิดขึ้นมา 555
ในวีดีโอมีการยกตัวอย่าง Paradox เดียวกันกับที่คุณ -holmes- ยกตัวอย่างขึ้นมา ซึ่งผมก็อธิบายไปแล้ว
และก็ยกตัวอย่างรูหนอน ซึ่งผมก็บอกไปแล้วว่ายิ่งเราค้นพบอะไรใหม่ๆ ความเป็นไปได้ที่รูหนอนจะมีอยู่จริงก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
จากนั้นก็หยิบยกการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่า C เพื่อเดินทางไปยังกาแล็กซี่อื่น แล้วก็เพิ่มรูหนอนเข้าไป แล้วก็สาธยายการเดินทางผ่านรูหนอนอีกรอบด้วนความเร็วเหนือ C
แล้วก็มาพูดถึง LHC แต่ไม่พูดถึง Higgs Boson แล้วก็พูดถึงมิติพิเศษ (มันคือ String Theory ชัดๆ)
แล้วก็พูดถึงการควบคุม Space ให้ช่วยยานอวกาศให้เคลื่อนที่เร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เป็นอะไรที่น่าสนใจดี จริงๆปัจจุบัน Space ก็ทำให้กาแล็กซี่ต่างๆเคลื่อนที่ไปมาอยู่แล้ว การจะให้ Space ช่วยยานอวกาศให้เคลื่อนที่ด้วยก็คงพอจะเป็นไปได้ แต่การจะฟอร์ม Space ให้ได้แบบนั้นมันแลดูไร้หนทางมากเลย 555
จากนั้นก็การเดินทางผ่านอุโมงพิเศษ ซึ่งเขาไม่ได้บอกรายละเอียดมากเท่าไหร่ แต่น่าจะคล้ายๆ Infinite Spinning Cylinder ซึ่งในวีดีโออันที่สองที่ผมเอาลงก็พูดถึงไว้แล้วว่ามันต้องการ Negative Energy ซึ่งเรายังไม่รู้ว่ามันมีจริงรึเปล่า
แล้วจู่ๆก็พูดถึงระบบดาวคู่แล้วบอกว่า ระบบดาวคู่ของ Alpha Centauri จะเป็นเป้าหมายแรกๆที่เราจะเดินทางไปเพราะเราค้นพบดาวเคราะห์ที่คาดว่าจะเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย จากนั้นก็คำนวณออกมาว่าถ้าคุณไปจริงๆคุณจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ มันไม่นานเลยนะ อิอิ
จบ...
ส่วนใหญ่เป็นแนวคิดที่คนในบอร์ดนี้ Comment กันไปบ้างแล้ว มีแนวคิดใหม่มาบ้าง น่าสนใจดี ยังไงก็ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันนะคับ
มีหลายสิ่งที่ผมอยากพิสูจน์นะ แต่ผมก็ไม่มีหนทางและก็ไม่เคยหาเลย เพราะไม่มีกำลังทรัพย์หรือเวลาว่างเลย
ผมก็กำลังดูเรื่อง Steins Gate อยู่เลย วันนี้เพิ่งดูตอน 4จบเอง
เหมือนบังเอิญหรือยังไง มีคนพูดถึงพอดีเลย ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าอนิเมะแบบว่าออกแนวแปลกๆจะมีอิงมาจากเรื่องจริงบ้าง ทฤษฎีบ้างเลยนะ
แต่เรื่องนี้ อิงจากทฤษฎีจนผมคิดตามได้เลย จนผมอยากจะพิสูจน์เรื่องแบบนี้จริงๆ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย offerre : 15th July 2014 เมื่อ 00:18
จะนำไปใช้เป็นแนวทางอะไรหรือครับ
หนังสือ จักรวาลในเปลือกนัทครับ อ่านเพลินๆก็ได้สาระก็ดีมีมากมาย
WiTcast. |รายการ พอดแคส ของคนรักวิทยาศาสตร์ฟังกันเยอะๆนะครับ แล้วคุณจะรักวิทยาศาสตร์มากขึ้น
กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts
Forum Rules