ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 12 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 25 จากทั้งหมด 34
  1. #1
    !! Monkey Man !!
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    ที่อยู่
    แถวนี้ละ
    กระทู้
    697
    กล่าวขอบคุณ
    80
    ได้รับคำขอบคุณ: 17,328

    แอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus พร้อมหน้าจอระดับ Retina HD

    แอปเปิลเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus พร้อมหน้าจอระดับ Retina HD
    :: บทวิเคราะห์ iPhone 6 - กลืนน้ำลาย ทำลายข้อจำกัด ::




    และแล้วก็มาตามคาดสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ ที่ปีนี้ยังนับชื่อเป็นตัวเลขตามเคยคือ iPhone 6 ตามคาด และมาสองขนาดหน้าจอตามข่าวที่ออกมา โดยรุ่นหน้าจอใหญ่กว่าจะใช้ชื่อว่า iPhone 6 Plus
    ตัวเครื่องของ iPhone 6 ปรับไปใช้การออกแบบเน้นความโค้งมนทั้งเครื่อง วัสดุที่ใช้เป็นอะลูมิเนียมผสมกับโลหะ ทำให้ตัวเครื่องบางลงไปอีกจาก iPhone 5s ที่บางอยู่แล้ว ใน iPhone 6 และ 6 Plus
    ตัวเครื่องจะบางเพียง 6.9 มม. และ 7.1 มม. ตามลำดับ และด้วยความที่ตัวเครื่องยาวขึ้น ปุ่มเปิดเครื่องจึงถูกโยกมาไว้ขอบด้านขวาเป็นที่เรียบร้อย

    สเปคของ iPhone 6 เริ่มต้นที่หน้าจอก็ความละเอียดก็ไม่เท่ากันแล้ว โดย iPhone 6 จะใช้จอขนาด 4.7" ความละเอียด 1334x750 พิกเซล ส่วน iPhone 6 Plus จะใช้หน้าจอขนาด 5.5"
    ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล (ทั้งคู่เรียกว่า Retina HD) โดยบน iPhone 6 Plus จะมีส่วนติดต่อผู้ใช้ต่างกับรุ่นจอเล็กด้วยพื้นที่บนหน้าจอที่มากกว่า รวมถึงใช้งานในโหมดแนวนอนได้แล้ว







    ส่วนของสเปคภายใน ชิปนั้นเป็น Apple A8 รุ่นใหม่ที่เคลมว่าเร็วขึ้น 25% กราฟิกเร็วขึ้น 50% และใช้พลังงานน้อยลง 50% ชิปช่วยประมวลผลอย่าง M8 สามารถดึงข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ
    อย่าง accelerometer, gyroscope และเข็มทิศอย่างต่อเนื่องได้แล้ว และใน iPhone 6 ยังเพิ่มบารอมิเตอร์สำหรับช่วยวัดความชื้นในอากาศเพื่อบอกสภาพภูมิประเทศในขณะนั้นได้ละเอียดขึ้นอีกด้วย
    โมเด็มตัวใหม่รองรับ LTE ได้ถึง 20 ย่านความถี่ และ LTE-A รวมถึงใช้งาน VoLTE ได้ในตัวแล้ว

    กล้องยังคงเป็นไฮไลท์เช่นเคย ใน iPhone 6 มาพร้อมกับเซนเซอร์ iSight ตัวใหม่พร้อมกับระบบโฟกัสที่เรียกว่า Focus Pixel (หรือ phase detection บน DSLR)
    ที่ช่วยให้โฟกัสภาพได้รวดเร็วขึ้น แม่นยำขึ้น ร่วมกับชิป ISP บน Apple A8 ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อย และมือสั่นได้ดียิ่งอีกขึ้นไปอีก ส่วนสเปคกล้องแบบเพียวๆ
    ความละเอียดอยู่ที่ 8 เมกะพิกเซล (พิกเซลขนาด 1.5 ไมครอน) รูรับแสงกว้างสุด f/2.2 สำหรับ iPhone 6 Plus จะมีระบบกันสั่น (OIS) มาให้ด้วย
    ส่วน iPhone 6 จะได้ระบบกันสั่นแบบซอฟต์แวร์แทน ด้านการถ่ายวิดีโอ iPhone 6 สามารถถ่ายภาพสโลโมชันได้สูงสุดที่ 240 เฟรมต่อวินาทีแล้ว!



    ฝั่งซอฟต์แวร์ที่ปรับมาเพื่อ iPhone 6/6 Plus โดยเฉพาะจะมี "reachability" ที่ใช้การแตะปุ่มโฮมสองครั้งให้หน้าจอร่นลงมาครึ่งหนึ่ง
    เพื่อให้สามารถแตะขอบบนได้ด้วยการใช้มือเดียวครับ
    สำหรับความจุของ iPhone 6 เรียกได้ว่าตามคาด และผิดคาด โดยรุ่นเริ่มต้นยังคงใช้ความจุเดิมที่ 16GB และความจุสูงสุด 128GB ตามคาด
    แต่ที่ผิดคาดคือรุ่นความจุ 32GB ได้จากไปเสียแล้ว สำหรับราคาแบบติดสัญญา iPhone 6 Plus แพงกว่าอยู่ 100 เหรียญ
    เริ่มต้นที่ 299 เหรียญด้วยกัน และจะเริ่มให้จองวันที่ 12 กันยายน พร้อมขายจริงวันที่ 19 กันยายนนี้สำหรับ iPhone 6 ครับ

    :: ราคา เทียบ HK (ในราคาที่น่าจะใกล้เคียงในบ้านเราที่สุด) ::


    iPhone 6 16GB : ราคา 5588 HKD = 23900 บาท


    iPhone 6 64GB : ราคา 6388 HKD = 26900 บาท


    iPhone 6 128GB : ราคา 7188 HKD = 29900 บาท


    iPhone 6 Plus 16GB : ราคา 6388 HKD = 26900 บาท


    iPhone 6 Plus 64GB : ราคา 7188 HKD = 29900 บาท


    iPhone 6 Plus 128GB : ราคา 8088 HKD = 33900 บาท






    เปรียบเทียบ iPhone 6/6 Plus กับ 5s



    อุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone 6 เคสซิลิโคน และเคสหนัง







    บทวิเคราะห์ iPhone 6 - กลืนน้ำลาย ทำลายข้อจำกัด


    การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนโดดเด้งที่สุดของ iPhone คือเรื่อง "ขนาด" ผลสรุปของมันคือในที่สุดแล้ว แอปเปิลก็ยอมทำมือถือจอใหญ่สักที (เว้ยเฮ้ย)



    ประเด็นเรื่องขนาดหน้าจอนี้ ถ้าให้วิเคราะห์ในเชิงทิศทางของอุตสาหกรรม คงพอสรุปได้ว่าในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา เราเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์จาก
    "คุย" มาเป็น "ดู/อ่าน" อย่างชัดเจน เมื่อวิธีการใช้โทรศัพท์ต้องพึ่งพาสายตามากขึ้น ผู้ใช้ย่อมต้องการโทรศัพท์หน้าจอใหญ่ขึ้นโดยธรรมชาติ
    (ต่างไปจากมือถือในอดีตที่แข่งกันเล็ก ถึงขนาดโฆษณาว่าทำตกรูได้)

    การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมลักษณะนี้ต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เพราะผู้บริโภคติดกับความคุ้นเคยแบบเดิมและต้องให้เวลาสักระยะหนึ่งในการเรียนรู้ ตัวผมเองตอนเห็น Galaxy Note รุ่นแรกเปิดตัวก็ยังคิดว่า
    "มือถือใหญ่จังใครจะไปใช้" แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ปรับตัวเข้ากับมันได้ ตอนนี้กลายเป็นว่ากลับไปใช้มือถือจอเล็กกว่า 5 นิ้วไม่ได้แล้ว
    (ต้องให้เครดิตซัมซุงว่ามองเกมขาดมาก)

    เมื่อตลาดโดยรวมไปในทิศทางนี้ แอปเปิลย่อมฝืนกระแสไม่ไหว และยอมปรับตัวตามในที่สุด
    เรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นอะไรเลย ถ้าหากแอปเปิลไม่เคย "ออกตัวแรง" ไว้เยอะแยะมากมายในอดีต เช่น สตีฟ จ็อบส์ ถึงขนาดพูดเอาไว้ว่า no one's going to buy that
    หรือโฆษณาของแอปเปิลที่เคยชูจุดเด่นเรื่องหน้าจอขนาดเล็กพกพาสะดวก นิ้วกวาดทั้งจอได้ง่าย




    พอมาถึงยุค iPhone 6 ที่แอปเปิลยอมปรับหน้าจอมือถือให้ใหญ่ขึ้น (ขึ้นไปถึง 5.5 นิ้วในรุ่น iPhone 6 Plus) ก็ต้องบอกว่างานนี้กลืนน้ำลายตัวเอง แบบเต็มๆ ครับ
    ผมเคยเขียนถึงประเด็นเรื่องนี้ไว้หลายรอบแล้ว การกลืนน้ำลายตัวเองหรือลอกคู่แข่งนั้นมีผลแค่ "เสียศักดิ์ศรี" (และทำสาวกเงิบ) แต่ "ประโยชน์"
    ที่ตกถึงแก่ผู้บริโภคทั่วไปจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่แข่งกันไปมา ลอกกันไปมา นั้นเยอะกว่ามากมายมหาศาล
    ดังนั้นการทำจอใหญ่ของแอปเปิลจึงไม่เสียหายอะไรเลยทั้งในแง่ธุรกิจ (ของขายดีขึ้น) และผู้ใช้งาน


    ทำไมต้องแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย


    อีกประเด็นที่น่าสนใจคือรอบนี้แอปเปิลเปิดตัว iPhone ทีเดียว 2 รุ่นย่อย เรื่องนี้ต่างไปจาก iPhone 5s/5c เมื่อปีที่แล้ว
    ซึ่งเป็นสินค้าคนละตัวกัน แต่รอบนี้ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus เป็นสินค้าตัวเดียวกันที่มีรุ่นย่อย (variation) ต่างไปตรงขนาดหน้าจอกับ OIS เท่านั้นเอง
    (อ่าน เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus อะไรบ้างที่ไม่เหมือนกัน)

    ผมคิดว่า iPhone 6/6 Plus เป็นปฏิกิริยาโต้ตอบของแอปเปิลต่อทิศทางของตลาดมือถือ ที่เริ่มหมุนไปในทาง phablet มากขึ้น (ข่าวเก่า DisplaySearch
    ระบุแท็บเล็ตจอเล็กถูก phablet กดดัน ยอดตกเป็นครั้งแรก) บวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเองที่มีขอบเขตของ "จอใหญ่"
    ที่อาจแตกต่างกันไป (เช่น บางคนบอก 5 นิ้วใหญ่ บางคนบอกไม่ใหญ่)



    ในเรื่องนี้ ผู้ผลิตมือถือรายอื่นใช้ยุทธศาสตร์ออกมือถือจอขนาดปกติและจอใหญ่ควบคู่กันไป (เช่น Galaxy S/Note, Xperia Z/Z Ultra, HTC One/One Max, Lumia 920/1520)
    เพื่อให้ตลาดเป็นคนเลือกว่าชอบมือถือขนาดไหน จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่แอปเปิลต้องเดินรอยตามบ้าง
    อย่างไรก็ตาม ความเป็นแอปเปิลและนโยบายเรื่อง fragmentation
    ทำให้แอปเปิลเลือกไม่ออกผลิตภัณฑ์ 2 ตัวที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ใช้วิธีออกสินค้าที่ไส้ในเหมือนกันแทบทุกประการต่างกันที่ขนาดหน้าจอเพียงอย่างเดียวแทน
    (ผมเชื่อว่าถ้าทำได้ในเชิงเทคนิค แอปเปิลจะยัด OIS เข้ามาใน iPhone 6 รุ่นปกติด้วย)
    นโยบายนี้น่าจะช่วยลดความสับสนของลูกค้าแอปเปิลในแง่การเปรียบเทียบสเปกระหว่าง iPhone 6/6 Plus ด้วย
    เรียกว่าบีบให้เหลือปัจจัยในการเลือกรุ่นแค่เรื่องขนาดหน้าจอเพียงอย่างเดียว


    NFC และ Apple Pay


    เรื่อง NFC เป็นอีกประเด็นที่แอปเปิลต้องกลืนน้ำลายตัวเอง หลังจากโดนอุตสาหกรรมกดดันให้ใส่ชิป NFC เข้ามาอยู่หลายปี
    ผมเชื่อว่าแอปเปิลพยายามมองหาเทคโนโลยีอื่นๆ (เช่น Bluetooth) สำหรับโซลูชันการจ่ายเงินด้วยมือถืออยู่พักใหญ่ๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนต้องกลับมายอมทำ NFC
    เหตุผลส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเทคโนโลยี mobile payment ไม่ได้ขึ้นกับตัวอุปกรณ์พกพาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอิงกับ ecosystem ของเครื่องจ่ายเงินตามร้านค้าต่างๆ ด้วย
    เมื่อองค์กรด้านการเงินทั่วโลกมีความเห็นร่วมกันว่าจะใช้ NFC (แม้ในรายละเอียดปลีกย่อยอาจเห็นไม่ตรงกัน) แอปเปิลจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมใช้ NFC ตามชาวบ้านเขา

    เราคงไม่ต้องกล่าวถึงประเด็นเรื่องลอก/ทำตามหลังชาวบ้านกันอีกนะครับ โดยสรุปแล้ว การที่แอปเปิลยอมใส่ NFC เข้ามาใน iPhone 6 ถือเป็นผลดีต่อวงการ mobile payment
    ในภาพรวม เพราะจะได้ข้อสรุปเรื่องฮาร์ดแวร์กันสักที แถมชื่อเสียงและแบรนด์ของแอปเปิลย่อมเป็นผลดีต่อการผลักดันร้านค้าปลีกทั่วโลกให้หันมาสนใจใช้ระบบ mobile payment เร็วขึ้นด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจใน Apple Pay มีอยู่สองประการ (อ่านรายละเอียดเรื่อง Apple Pay)
    อย่างแรกคือระบบความปลอดภัยที่แอปเปิลเตรียมพร้อมมาค่อนข้างดี ในการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ประเด็นเรื่องความปลอดภัยมีผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคมาก
    ซึ่งตรงนี้แอปเปิลต่อยอดระบบความปลอดภัยจากแพลตฟอร์มยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ (Touch ID) ของตัวเอง ร่วมกับการเก็บข้อมูลเข้ารหัสลงชิปแยกเฉพาะ
    (ที่เราเรียกว่า secure element) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลการเงินที่อ่อนไหว ผมคิดว่าเรื่องมาตรการความปลอดภัยหลายชั้นแบบนี้ แอปเปิลค่อนข้างล้ำหน้าคู่แข่งไปมาก
    (ในการใช้งานจริงจะปลอดภัยแค่ไหนต้องดูกันยาวๆ) และน่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้มือถือค่ายอื่นต้องหันมาทำตามกันถ้วนหน้า



    อย่างที่สองคืออิทธิพลของแอปเปิลในอเมริกา ซึ่งแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดมือถือสูงมาก ทั้งในแง่ยอดขายจริง (สถิติของ comScore เดือนกรกฎาคม 2014 คือ 42.4%)
    และอิทธิพลทางความคิดต่อผู้คน (mindset) ดังนั้นการที่แอปเปิลลงมาผลักดัน Apple Pay เต็มตัว ย่อมกระตุ้นให้ธุรกิจร้านค้าทั่วอเมริกาจับตามอง
    และสนใจปรับตัวให้พร้อมรับเทคโนโลยีของแอปเปิลมากขึ้น (ลองนึกว่าถ้าเป็นไมโครซอฟท์ออกมาเปิดตัวระบบจ่ายเงินแบบเดียวกันเป๊ะสิครับ อิทธิพลมันย่อมต่างกัน)

    ผลคือธนาคารและร้านค้ารายใหญ่จำนวนไม่น้อย ยินดีเข้าร่วมกับแอปเปิลตั้งแต่เปิดตัว





    อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของแอปเปิลเรื่องอิทธิพลในอเมริกาก็มีด้านกลับว่า อิทธิพลนี้ใช้งานแทบไม่ได้เลยนอกอเมริกา แอปเปิลจะสามารถผลักดัน Apple Pay ได้มากน้อยแค่ไหนในยุโรป
    (ที่แอนดรอยด์มีส่วนแบ่งตลาดสูงมากในหลายประเทศ) และเอเชีย (ที่ยังอาจยึดติดกับเงินสดแบบเดิมๆ อยู่) เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป

    สมรรถนะของฮาร์ดแวร์ เดินหน้าต่อไปในทิศทางเดิม

    นโยบายของแอปเปิลในงานเปิดตัว iPhone ทุกครั้งคือชูจุดขายเรื่องประสิทธิภาพเหนือสเปกเป็นตัวเลข ซึ่งรอบนี้ก็ยังเดินหน้าต่อไปในทิศทางเดิม
    ช่วงหลังแอปเปิลหันมาใช้หน่วยประมวลผลของตัวเอง ทำให้เปรียบเทียบสเปกตรงๆ กับคู่แข่งได้ยาก (และแอปเปิลก็ไม่ค่อยอยากทำ ดังจะเห็นได้จากการพยายามปิดบังสเปกเชิงตัวเลขเสมอมา)
    สิ่งที่แอปเปิลทำคือโฆษณาเรื่องประสิทธิภาพผลลัพธ์จากการใช้งานจริง ซึ่งรอบนี้ก็บอกว่าซีพียูของ iPhone 6 ดีขึ้นกว่า iPhone รุ่นแรกถึง 50 เท่า



    ส่วนจีพียูก็ดีขึ้นกว่ารุ่นแรก 84 เท่า



    เรื่องของกล้องถ่ายภาพก็ไม่ต่างกัน นับตั้งแต่ iPhone 4 เป็นต้นมา แอปเปิลชูจุดขายเรื่องกล้องมาโดยตลอด (ซึ่งผลลัพธ์ก็ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ในวงการเช่นกัน)
    และรอบนี้แอปเปิลก็พยายามผลักดันเทคโนโลยีกล้องไปสุดตัว ทั้งในแง่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์



    พัฒนาการทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างแน่นอนครับ แต่ถ้าถามว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการเพิ่มสมรรถนะทางฮาร์ดแวร์ (marginal gain) นั้น "เยอะ"
    ในเชิงสัมพัทธ์เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ หรือไม่ ก็คงต้องบอกว่ามันลดลงตามธรรมชาติอยู่แล้ว (ตามหลัก law of diminishing returns) ซึ่งตรงนี้เกิดขึ้นกับมือถือทุกราย ไม่ใช่แค่แอปเปิลรายเดียว

    โดยสรุปคือพัฒนาการทางสมรรถนะฮาร์ดแวร์ของ iPhone 6 นั้นเดินหน้าด้วยอัตราปกติ เฉกเช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่ด้วยสภาพการณ์ในตลาด ทำให้เราอาจรู้สึกว่ามันเปลี่ยนจากเดิมไม่เยอะนัก

    iOS 8 แอปเปิลยุคใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น


    งานเมื่อคืนนี้ไม่มีพูดถึง iOS 8 มากนัก เพราะรายละเอียดถูกพูดถึงในงาน WWDC 2014 ไปหมดแล้ว แต่จะวิเคราะห์ iPhone 6 โดยไม่พูดถึง iOS 8 เลยก็เห็นจะไม่ได้



    ถ้าเปรียบเทียบน้ำหนักกันแล้ว iOS 8 อาจถือเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดของแอปเปิลในปีนี้เลยก็ว่าได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างใน iOS 8 สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของ
    "แอปเปิลยุคใหม่" ภายใต้การนำของ Tim Cook ที่ดูเปิดกว้างและยินดีร่วมมือกับคนอื่นมากขึ้น เช่น เปิดให้มีคีย์บอร์ดภายนอก, เปิด Touch ID ให้คนอื่นใช้งาน,
    เปิดให้แอพสามารถคุยกันเองได้ ฯลฯ (รายละเอียดของ iOS 8 อ่านในข่าวเก่า แอปเปิลเปิดตัว iOS 8 ไม่มุ่งเน้นทำสิ่งใหม่ แต่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น)

    ผมคิดว่าในภาพรวมแล้ว iOS 8 สะท้อนทิศทางของแอปเปิลเองว่าเริ่มเปลี่ยนจากการมองสินค้าตระกูล iDevice ในฐานะ "อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์" มามองให้มันเป็น "แพลตฟอร์ม"
    เชิงนามธรรมมากขึ้น แอปเปิลเริ่มขยับโมเดลธุรกิจของตัวเองจากการขายสินค้าเชิงกายภาพ (หาเงินจากการขายของตรงๆ) มาเป็น "พ่อค้าคนกลาง"
    ที่เปิดแพลตฟอร์มของตัวเองให้คนอื่นเข้ามาทำมาหากิน (แล้วเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียม) มากขึ้น


    iPhone 6 คือการทำลายข้อจำกัดเดิมๆ ของ iPhone


    ในแง่ผลิตภัณฑ์แล้ว iPhone 6 ทำลายข้อจำกัดเดิมๆ ของ "สินค้าตระกูล iPhone" ไปเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขนาดหน้าจอหรือ NFC
    และเมื่อบวกกับแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์และบริการที่เข้มแข็งของแอปเปิล (ที่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว)
    มันจึงถือเป็นสินค้าที่ยอดเยี่ยมมากของตลาดมือถือในปัจจุบัน



    อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับราคาของ iPhone 6 เปรียบเทียบกับสภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมมือถือในปัจจุบัน
    ทำให้เกิดคำถามว่าเรายังจำเป็นต้องใช้มือถือราคาเกิน 2 หมื่นบาทอีกหรือไม่
    ผมเคยตั้งคำถามเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง (เช่น ในบทวิเคราะห์ Galaxy S5 หรือ iPhone 5c)
    และสภาพตลาดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาก็เป็นหลักฐานชั้นดีที่ชี้ให้เราเห็นว่า "มือถือราคาถูกที่คุณภาพดีพอ" กำลังกินตลาดมือถือรุ่นท็อปมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Zenfone
    ที่เน้นเจาะตลาดมือถือหลักพันโดยตรง หรือมือถือฝั่งจีนหลายค่าย (Xiaomi, Meizu, Oppo, OnePlus) ที่ออกมือถือสเปกสุดแรงในราคาถูกเหลือเชื่อ

    ในแง่ความแตกต่างของสินค้า แอปเปิลยังสามารถสร้างจุดเด่นของตัวเองผ่านซอฟต์แวร์และบริการ (รวมถึงแบรนด์) ให้แตกต่างจากมือถือคู่แข่งได้
    และน่าจะยังคงรักษาตลาดมือถือระดับบน-แฟนพันธุ์แท้ได้ต่อไป (อธิบายง่ายๆ คือคนที่เหนียวแน่นกับ iPhone อยู่แล้ว ยังไงก็ซื้อต่อไป)

    แต่ในกลุ่มลูกค้าที่ไม่ภักดีกับแบรนด์มากนัก และมีความอ่อนไหวเรื่องราคาอยู่บ้าง
    ก็เป็นเรื่องที่น่าตั้งคำถามต่อไปว่า แอปเปิลจะยังรักษาฐานลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

    Credit
    ...
    blognone


    i7 5930k - Asuse Rampage V - RAM 32 GB - GTX 980 2way SLi - Corsair SSD 256 GB - WD Black 4 TB - Corsair AX860i - Corsair Air 540 Silver


  2. #2
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Aug 2014
    กระทู้
    9
    กล่าวขอบคุณ
    139
    ได้รับคำขอบคุณ 1
    6 plussss!!!!!!!! *0*
    I'M LEGENDS

  3. #3
    .: Rock rOck roCk rocK :.
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    800
    กล่าวขอบคุณ
    1,983
    ได้รับคำขอบคุณ: 933
    ได้เวลาวัดกะ HTC

  4. #4
    ఉల్లిపాయ
    วันที่สมัคร
    May 2014
    กระทู้
    1,542
    กล่าวขอบคุณ
    781
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,641


  5. #5
    Kiss Kiss ^3^
    วันที่สมัคร
    Mar 2012
    ที่อยู่
    ◕。◕ Top Secret ◕。◕
    กระทู้
    523
    กล่าวขอบคุณ
    531
    ได้รับคำขอบคุณ: 721
    iPhone 6 Plus

  6. #6
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    993
    กล่าวขอบคุณ
    5,070
    ได้รับคำขอบคุณ: 399
    ในที่สุดก็มี NFC แต่ยังกั๊กเสปคเหมือนเดิม -..-

    ที่บอกว่าเร็วกว่ากี่เท่าต่อกี่เท่าของของเดิมนั้นมันวัดอะไรไม่ได้เลยนาา
    DIRT 3 ตำนานความเก๋าของรถซิ่งถนนลาดยาง

  7. #7
    Panigale
    วันที่สมัคร
    Aug 2012
    ที่อยู่
    SWAG Bro
    กระทู้
    772
    กล่าวขอบคุณ
    88
    ได้รับคำขอบคุณ: 677
    Blog Entries
    3
    MacBook Pro T^T

  8. #8
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    260
    กล่าวขอบคุณ
    49
    ได้รับคำขอบคุณ: 203
    12345678910
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย left : 10th September 2014 เมื่อ 22:01

  9. #9
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    260
    กล่าวขอบคุณ
    49
    ได้รับคำขอบคุณ: 203
    ไม่เท่าไหร! iphone 5ต่อไป วันๆfacebook line beetalk x hamster อย่างเดียว

  10. #10
    Game Tester
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,278
    กล่าวขอบคุณ
    192
    ได้รับคำขอบคุณ: 550
    เพิ่มขนาด อัพกล้อง อัพชิบประมวลผล > เพิ่มขนาด อัพกล้อง อัพชิบประมวลผล > เพิ่มขนาด อัพกล้อง อัพชิบประมวลผล > เพิ่มขนาด อัพกล้อง อัพชิบประมวลผล

    คิดอะไรที่มันแปลกใหม่ไฉไลเขย่าโลกออกมาบ้างเถอะ เสียชื่อแบรนดังที่เคยปฏิวัติวงการโทรศัพท์มือถือหมด

  11. #11
    Nothing
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    1,738
    กล่าวขอบคุณ
    0
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,050
    ไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ดูแล้วตอนนี้เริ่มตามหลัง Android ละ Samsung alpha สวยกว่าเยอะ

  12. #12
    18+ มาละเจ้า
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    เจียงใหม่
    กระทู้
    2,320
    กล่าวขอบคุณ
    210
    ได้รับคำขอบคุณ: 3,032
    ไอโฟนเริ่มเหมือนซัมซุง ซัมซุงเริ่มเหมือนไอโฟน...ส่วน ซัมจั๋ง(จีน)ทำซะยิ่งกว่าเหมือนไอโฟนกะซัมซุง

  13. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  14. #13
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Sep 2011
    กระทู้
    99
    กล่าวขอบคุณ
    14
    ได้รับคำขอบคุณ: 61
    ตาม android ไม่ทันแน่แบบนี้น่าผิดหวังไอ้ที่แอปเปิ้ล6มีตอนนี้ อยากจะบอกว่า android มีมาได้สักพักแล้วมั้งเนี่ยเมื่อก่อนเป็นผู้นำนะ apple เดี๋ยวนี้อย่างที่เห็น

  15. #14
    .: Rock rOck roCk rocK :.
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    กระทู้
    800
    กล่าวขอบคุณ
    1,983
    ได้รับคำขอบคุณ: 933
    ผมว่ามันจะมีทีเด็ด ก็ต้องหาลุกเล่น ให้เยอะขึ้น เฃ่น เข้าซ้อนกันได้หลายๆหน้า (เหมือน note) ซูมได้ดี เป็นทั้งกล้อง ทั้ง สมาทโฟ (kzoom)

    แต่ผมว่าไอโฟนชอบทำมาเพื่อหากินด้านแบรน ถามว่าดีไหม ? ดีนะ แต่เรื่องอุปกรณ์นะสิ : ที่ชาร์ตเอย หูฟังเอย หัวชาร์ตเอย ไหนจะเรื่องความจำตัวเครื่องอีก แต่นี้หละ ที่โดดเด่นของไอโฟน แกะฝาหลังไม่ได้ ไม่มีเม็ม ก็สะดวงไปอีกแบบ

    แต่ตามความคิดผม ผมว่าไอโฟน เป็นสมาทโฟนของวัยรุ่น เพราะจอเล็กกว่า แป้นเล็กกว่า

    ไม่เหมือนพวก ซัมซุง

  16. #15
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2012
    ที่อยู่
    Oh I want to kill myself I am just singing I love you
    กระทู้
    377
    กล่าวขอบคุณ
    23
    ได้รับคำขอบคุณ: 113
    Blog Entries
    2
    ซัมซุงตัวใหม่หรอครับสวยดีนะ
    >>愛する

  17. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  18. #16
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Aug 2012
    กระทู้
    2,627
    กล่าวขอบคุณ
    8,048
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,093
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Lamous อ่านกระทู้
    555555555555555

  19. #17
    Life is Piracy
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    833
    กล่าวขอบคุณ
    233
    ได้รับคำขอบคุณ: 320
    Blog Entries
    2

  20. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  21. #18
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    105
    กล่าวขอบคุณ
    1
    ได้รับคำขอบคุณ: 15
    รูปทรงสวยมาก.....รอตัวก๊อป...

  22. #19
    きょすけ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    2,569
    กล่าวขอบคุณ
    650
    ได้รับคำขอบคุณ: 2,125
    มันจะเขาไทยวันไหนหว่า เอาเข้ามาขายเยอะๆหน่อยขี้เกียจไปจอง ไปรอ

    ปล.เบื่อพวกจิกกัดจริงๆ และ เป็น 1 เหตุผลที่ผมย้ายจาก ดรอย ไป ios สมัยก่อนติ่ง iPhone กร่างจริง แต่ตอนนี้ไม่ใช้แล้ว ที่เห็นกัดทุกๆครั้งก็ดรอยนี้แหละไม่รู้ว่าเป็นเรื้อรังอะไรหรือพ่อแม่ไม่รักก็มิรู้

  23. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  24. #20
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2012
    กระทู้
    472
    กล่าวขอบคุณ
    205
    ได้รับคำขอบคุณ: 273
    5555 ส่ะใจ ส๊ะใจ

  25. #21
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2012
    กระทู้
    472
    กล่าวขอบคุณ
    205
    ได้รับคำขอบคุณ: 273
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Lamous อ่านกระทู้


    ส่ะใจ ส๊ะใจ๋

  26. #22
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    691
    กล่าวขอบคุณ
    393
    ได้รับคำขอบคุณ: 303
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ teexor อ่านกระทู้
    เทคโนโลยีพอๆ กัน แค่ออกทีหลัง แต่ราคา ฟ้ากับเหว

  27. #23
    -VIP-
    วันที่สมัคร
    Aug 2011
    กระทู้
    701
    กล่าวขอบคุณ
    275
    ได้รับคำขอบคุณ: 396
    ยังใช้iphone4 8GB อยู่เลย555+

  28. #24
    ชอบขอบคุณเป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ว่างมากๆ
    กระทู้
    759
    กล่าวขอบคุณ
    8,134
    ได้รับคำขอบคุณ: 507
    Iphoneหก(สกกะปี) มาแล้ว หิ้ววววววววววววววววววววววววดีใจด้วยยยยยย (ผมใช้ Samsung)
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Lamous อ่านกระทู้
    โครตขำ 555555555555555555555555555555555555555555555+

  29. #25
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    626
    กล่าวขอบคุณ
    59
    ได้รับคำขอบคุณ: 246
    พี่ สตีฟกูอยู่ไหน ตื่นจากหลุมมาช่วยที ไม่ได้มีอะไรเล้ยย I6


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top