ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 10
  1. #1
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150

    [SAVAGE] ฮีโร่พันธุ์โหดกับสงครามในคืนอันมืดมิด : PART I & PART II(ยังไม่จบ) : รับสมัครตัวละคร



    นี่คือนิยายแนวฮีโร่นะครับ อาจจะมีบางอย่าง(จริงๆก็เกือบ) ที่คล้ายกับฮีโร่ใน Marvel และ DC
    ยังไงเสีย ก็ลองติชมดูได้นะครับ ผมยังมือใหม่ยังไม่ชำนาญการเขียนมากนัก และช่วงนี้ทำงานอาจจะลงช้า แต่ไม่ทิ้งไปไหนแน่นอนครับ



    Savage Part I : http://writer.dek-d.com/knightwra1h/writer/view.php?id=1132151

    เมื่อฮีโร่จำนวนมากถูกสังหาร องค์กรพิทักษ์โลกนามหน่วย แฮนด์ นั้นล่มสลาย และการมาของวายร้ายจากมิติคู่ขนานที่ทรงพลังเกินว่าที่มนุษย์จะต่อกรได้ พวกมันยึดครองโลกได้ภายหนึ่งคืนผู้คนนับล้านต้องตายและโลกที่เข้าสู่โกลาหล สเลเยอร์ อดีตสมาชิกซายด์ โซไซตี้ และฮีโร่ที่ยังเหลือรอดต้องมารวมตัวกัน เพื่อต่อการกับวายร้ายนามแรนคอร์ผู้นำกลุ่มวอร์มองเกอร์ ด้วยทุกวิถีทางที่มี ในยามที่โลกกำลังเข้าสู่ยุคมืด
    ความเดินจากพาร์ทหนึ่ง : ความเดิมของพาร์ทหนึ่ง สเลเยอร์ถูกคำสาปของดาบมุรามาสะเข้าและหายตัวไป
    โคโลเนลได้เข้าไปช่วยเหลือคอปเปอร์ หรือ เรดคอป สหายร่วมรบที่คาดว่าตายไปแล้วร่วมกับฟรีด้อม
    คอสมอสและบียอร์นได้เดินทางไปช่วยเหลือโคโลเนลที่กำลังตกอยู่สถานการณ์ที่เลวร้ายในคุกทาทารัส
    แรนคอร์ได้เริ่มดำเนินการรวบรวมกลุ่มวอร์มองเกอร์กลุ่มใหม่ โอเบรินรู้สถานะตัวตนที่แท้จริงของสเลเยอร์และเริ่มออกล่าตามคำสั่งของแรนคอร์


    แนะนำตัวละคร



    Jason Marley Code Name : Slayer
    History : ฮีโร่ผู้ถอนตัวจากกลุ่มซายด์ โซไซตี้ หลังจากรับไม่ได้จากการอ่อนข้อกับเหล่าร้ายจนทำให้ผู้บริสุทธิ์และฮีโร่ด้วยกันเองล้มตาย
    และไม่อาจจะทนกับวิถีทางเดิมๆของกลุ่มซายด์ โซไซตี้ที่อ่อนข้อกับพวกอาชญากร เขาผันตัวมาเป็นศาลเตี้ยจัดการกับวายร้ายอย่างสุดโต่งและไม่เกี่ยงวิธีการ
    และเป็นที่เกรงกลัวต่อเหล่าร้ายมากที่สุดในกลุ่ม สเลเยอร์นิยมใช้ปืนสั้นดัดแปลงพิเศษ
    ทั้งยังมีศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงและชุดเกราะคาร์บอร์นไฟเบอร์สีดำแดง
    Species : มนุษย์
    Emotion : เป็นคนที่จริงจังจนต้องทะลาะกับเพื่อนร่วมทีมเสมอ ไม่ไว้ใจใครอีกทั้งยังชอบฉายเดี่ยว
    Status : ศาลเตี้ย
    Age : 24
    Height : 183CM
    Weight : 65KG
    Weapon : ปืนสั้นดัดแปลงพิเศษ
    Skill : ทักษะการต่อสู้ขั้นสูง , ถนัดการแฮ็คข้อมูลและวางกลยุทธ์

    Mason Lane Code Name : Cosmos[/CENTER]
    History : เดิมทีเขาเป็นเพียงแค่เด็กส่งของที่ไม่เอาการเอางาน แต่เมื่อเขาได้มาพบแหวนพิเศษโดยบังเอิญเข้าทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในสมาชิก
    คอสคอร์ป ฮีโร่ผู้ปกป้องอวกาศ แหวนพลังของเขาสามารถสร้างเป็นสิ่งของผ่านจินตนาการของเขา เมสัน หรือ คอสมอสเป็นคอสคอร์ปคนสุดท้ายจากสงครามแห่งแสงและทำให้เขามีพลังของทั้งเจ็ดแสง
    Species : มนุษย์
    Emotion : เป็นตัวโจ๊กของกลุ่มและชอบขี้เบ่งแต่เขาเป็นคนที่รักพวกพ้องมากที่สุดคนหนึ่ง และมักประมาทคู่ต่อสู้เสมอ
    Status : ฮีโร่
    Age : 24
    Height : 185CM
    Weight : 70KG
    Weapon : แหวนคอสคอร์ป
    Skill : สามารถสร้างพลังเป็นรูปทรงต่างๆได้ผ่านจินตนาการและอนุภาพเสมือนจริง
    และสมาชิกทีมซาเวจ
    ผู้นำทีม James Reese Colonel Science Society สุดยอดทหารที่ได้รับสารซุปเปอร์โซลเยอร์และไม่มีวันแก่ชราตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง
    เมื่อสงครามสิ้นสุดเขาผันตัวมาเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมและได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในผู้นำของซายด์ โซไซตี้ ผู้พันถนัดศิลปะการต่อสู้แบบตะลุมบอน
    และใช้โล่พลังงานที่แม็กซ์จอมประดิษฐ์เป็นคนออกแบบให้ แม้จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่เขายังเป็นคนจิตใจดีและมีจุดยืนที่สูงมาก

    บียอร์น เทพสงคราม (Beyond God of War) ผู้เรียกตัวเองว่าเทพสงคราม ไม่มีใครู้ว่าเขามาจากไหน เขามักบอกเพียงแค่ว่ามาจากสวรรค์
    บียอร์นปรากฏตัวขึ้นยามที่โลกกำลังวิกฤตเขาได้เข้าร่วมซายด์ โซไซตี้ ในการต่อกรกับศัตรูจนได้เป็นหนึ่งในสมาชิกทีม อาวุธของเขาคือดาบยักษ์ คราเดส ที่แข็งแกร่ง
    เขาเป็นผู้ที่พูดน้อยที่สุดและยังสุขุมมากที่สุด แต่ในยามศึกเขาเป็นที่ดุดันและรุนแรงที่สุดเช่นกันเดียวกัน

    คอปเปอร์ เดอะ เรด คอป (Red Kop) ที่ทุกคนต้องให้ความนับถือของเขา เป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมาที่สุด
    คอปเปอร์อดีตนักฟุตบอลอาชีพได้รับอุบัติเหตุจากอุกกาบาตและได้รับสารที่ไม่มีบนโลกทำให้เขาค้นพบพลังพิเศษ
    ที่สามารถแปลงร่างเป็นยักษ์และผิวกลายเป็นสีแดง จนขนานนามกลายเป็นเรด คอป และเมื่ออยู่ในร่างนี้เขาจะไม่มีวันตายไม่มีอะไรที่จะฆ่าเขาได้
    แต่ยังต้องสมดุลพลังของตัวเองให้มากที่สุด เพื่อที่จะคงร่างยักษ์แดงไว้

    เดอะวอร์ลอร์ด (Warlord) ขุนศึกไร้นามที่มีอายุยืนยาว เขามีเชื้อสายไทย-ญี่ปุ่น ประวัติของเขายังเป็นปริศนา เขาเคยเป็นนักฆ่าที่ไม่มีวันตาย
    นักรบอมตะกับดาบคาตานะปีศาจ นามของมันคือ มุรามาสะ ผู้ที่มีบาปและแรงแค้นเท่าที่จับต้องมันได้ ว่ากันว่าวอร์ลอร์ดเสียความทรงจำไปเมื่อเขาได้จับมัน
    เขาเคยเป็นหนึ่งใน ซายด์ โซไซตี้ และถอนตัวจนไม่มีใครพบเห็นเขาอีก




    กฏของการสมัครตัวละครหลักทั้งฝั่งวายร้ายและฝั่งฮีโร่

    มีรูปจะดีมากเลย ผมจะได้ไม่ต้องวาด ฮ่าๆ
    ชื่อ นามสกุล Code Name : นามแฝง
    History : ประวัติโดยคร่าวและที่มาของพลัง
    Species : เป็นมนุษย์ทั้งหมดนะครับ
    Emotion : นิสัยตัวละคร
    Status : ฮีโร่ ศาลเตี้ย หน่วย แฮนด์ (สปาย หรือ ทหารแล้วแต่ท่านจะใช้) วายร้าย
    Age : อายุ
    Height : ส่วนสูง
    Weight : น้ำหนัก
    Weapon : อาวุธที่ใช้
    Skill : ความสามารถ

    Team : วอร์มองเกอร์(หากเป็นวายร้าย) ซายด์ โซไซตี้ (ทีมฮีโร่ดั้งเดิม) ซาเวจ (ทีมเฉพาะกิจของฝั่งตัวเอก อาจจะเข้าทีมภายหลัง)
    ปล. ทั้งนี้ดุลยพินิจ ของผมอาจจะต้องหาจังหวะใส่นะครับ แต่ใน PART II ผมจะหาบทลงให้ และอาจจะต้องคัดเลือกนะครับ
    ปล2. ผมอาจจะลงช้าบ้างเนื่องจากต้องทำงานด้วย แต่ไม่ทิ้งซีรี่ย์นี้แน่นอน
    ปล3. ถ้าลงเป็นวายร้ายอาจจะได้บทเร็วกว่าฝั่งฮีโร่ และพลังไม่ควรเวอร์จนเกินไป

    Part I

    บทที่ 1 "No Mercy"
    บทที่ 2 "Vengeance"
    บทที่ 3 "Meeting"
    บทที่ 4 "All Hail Savage"
    บทที่ 5 "Return to Battle field
    บทที่ 6 "Unexpected Mission"
    บทที่ 7 "Wrath of Colonel"
    บทที่ 8 "Say hi to him for me"
    บทที่ 9 "A Clue"
    บทที่ 10 "Ambush"

    Part II

    บทนำ "Cause"
    บทที่ 1 "Lost Freedom"
    บทที่ 2 "Muramasa's Curse"
    บทที่ 3 "Everything has a price"
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย silverknight : 30th October 2014 เมื่อ 17:10

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150
    บทนำ "Cause"


    ตึกสำนักงานองค์กรเดอะแฮนด์ ใจกลางเมืองวิคตอรี่
    19.45 น. ค.ศ. 2027

    เบน กรีน หรือในนามแฝงที่เหล่าสหายฮีโร่เรียก “กรีน แจ็คเก๊ต” ที่กำลังเดินเข้าตึกสำนักงาน เดอะ แฮนด์ หรือมันคือจุดรวมพลของเหล่าฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ในนามของซายด์ โซไซตี้ เบน เดินเข้าตึกสำนักงานในชุดสูทสีดำ ผมสีน้ำตาลปนสีขาวที่ยุ่งเหยิงไม่ได้จัดทรง ขอบตาคล้ำเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายต่อหลายคืนมันทำให้เขาดูโทรมกว่าเดิมด้วยสีผิวซีดของเขา เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์เกร็กเพื่อนร่วมงานของเบนที่เห็นเขาสวัสดีทักทายกับเบน เขาจ้องกลับไปด้วยแววตาเย็นชาและเดินผ่านเหมือนเกร็กเป็นเพียงฝุ่นละออง
    เบน กรีน ผู้เป็นที่รัก นั่นคือฉายาที่สหายและคนที่รู้จักเขามักเรียก เพราะมีอัธยาศัยดีและเหมือนเป็นครูของทุกๆคน ชายร่างเล็กที่จะแต่งกายแบบสบายๆ แต่กลับมาในชุดสูทที่ทำให้เขาเหมือนพวกยากูซ่าก็ไม่เชิง กรีน แจ็คเก๊ตเดินตรงดิ่งขึ้นลิฟท์โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

    “เบนจามิน เอฟ. กรีน ห้องวิจัย”เขาป้อนรหัสคำสั่งผ่านลิฟท์ เสียงโอเปเรเตอร์ตอบกลับ จากนั้นลิฟท์ลงไปยังชั้นล่างที่เป็นชั้นใต้ดิน เมื่อถึงที่หมายประตูลิฟท์เลื่อนออกอย่างฉับไว เผยเป็นห้องกว้างๆขนาดเท่าโรงยิม ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคต่างๆ มีเพียงชายคนหนึ่งในชุดช็อปสีขาวกำลังประกอบชิ้นส่วนบางอย่างที่คล้ายกับป้อมปืน
    ในห้องนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงข้อต่อของชิ้นส่วนที่ชายคนนั้นประกอบเข้าด้วยกัน ไม่มีแม้แต่ลม ห้องวิจัยใต้ดินของเดอะ แฮนด์ ที่ปรับอุณหภูมได้อัติโนมัติไม่มีร้อนเกินและไม่มีทางเย็นเกินไป ผนังห้องรอบๆ มันคือบังเกอร์ที่สามารถทนทานต่อแรงระเบิดปรมาณู
    เบน เดินตรงไปหาชายคนนั้น แต่ระบบต้อนรับทำงานขึ้นโดยเป็นแอนดรอยท์ที่มีลักษณะคล้ายกับแม็กซ์ นาวิเกเตอร์ เพียงแต่พื้นผิวเป็นสีเงิน

    “สวัสดีครับคุณกรีน มีอะไรให้รับใช้ครับ”แอนดรอย์กล่าวทักทายตามที่แม็กซ์ตัวจริงตั้งโปรแกรมไว้

    “ฉันมาพบแม็กซ์”เขาตอบด้วยเสียงอันเย็นเฉียบ “ต้องขออภัยด้วยครับ คุณแม็กซ์กำลังทำการค้นคว้าเกี่ยวกับ…”แอนดรอยท์พูดไม่ทันจบ เบน กรีนหยิบรีโมตที่คล้ายกับกุญแจลดเขากดปุ่มแค่เพียงครั้งเดียว แอนดรอย์แม็กซ์หยุดทำงานไปในทันที

    “ฉันไม่ได้เสียเวลามาที่นี่เพื่อฟังแกพล่ามหรอกนะ”เขาพูดทิ้งท้ายและเดินตรงไปหาชายที่เขาต้องการพบ เขายืนอยู่ด้านหลังแม็กซ์ “แม็กซ์ ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย”

    “เอ่อ…รอสักครู่นะครับ คุณกรีน”แม็กซ์ตอบเหมือนรู้ว่าเบนจะต้องมา ในขณะที่เขากำลังสร้างอะไรบางอย่างที่คล้ายลักษณะป้อมปืน ที่เขากำลังค้นคว้าอยู่เป็นเวลาหลายปีในชุดเสื้อช็อปสีขาวที่มีคลาบสีดำเต็มชุดของเขา เมื่อเสร็จไปอีกหนึ่งขั้นตอนเขารีบกลับมารับแขก

    “ดูเหมือนคุณจะปิดระบบ แอนดรอยท์ตัวน้อยของผมอีกแล้วสินะครับ”แม็กซ์ตอบ นี่คงเป็นครั้งที่ห้าแล้วที่เบน เดินเข้ามาที่นี่และพูดเรื่องซ้ำๆกับเขา และนี่ก็คงจะไม่ต่างกัน เขาคิด

    “ฉัน..แค่อยากจะ…”เบนสีหน้าเริ่มแสดงถึงความสิ้นหวังและตอบอย่างตะกุกตะกัก “คุณกรีน ภรรยาคุณไม่มีทางฟื้นขึ้นมาหรอก ผมชุบชีวิตคนตายไม่ได้นะ”แม็กซ์พูดพร้อมกับเอามือไปแตะไหล่เบนเบาๆ เขาเริ่มสะอื้นและก้มหน้า มันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา เบน กรีน และ แพท กรีน สองสามีภรรยาผู้คิดค้นชุดสูทเกราะที่ล้ำยุคที่สร้างด้วยนาโนเทคโนโลยี ที่สามารถฝั่งอยู่ภายในร่างกายและเรียกใช้ได้ตามต้องการ และยังเป็นต้นแบบชุดปฏิบัติงานของเบนอีกด้วย
    ชีวิตอันรุ่งเรืองของเขาก็ต้องมาถึงจุดจบเมื่อแพท กรีน ภรรยาของเบน กรีน ตายด้วยนาโน ไวรัสที่แฝงมาจากการทดลองชุดเกราะมาร์ค ซีโร่ชุดต้นแบบล่าสุดที่เขาออกแบบโดยที่เขาไม่ล่วงรู้เลยจนถึงกระบวนเสร็จสิ้น ร่างของเธอค่อยๆถูก นาโน ไวรัสเข้าสู่ร่างกายของเธอ ในขณะที่มันกำลังกัดกินเธอจากข้างใน แม็กซ์เองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้น รวมถึงพยายามหาวิธีช่วยชีวิตผู้อันเป็นที่รักยิ่งของเบน แต่มันสิ้นหวังเต็มที เขายังไม่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยพอที่จะต่อกรกับนาโน ไวรัสได้
    และความวิกลจริตของเขาก็ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

    “ฉันรู้ว่า ฉันไม่สามารถนำเธอกลับมาจากความตายได้ แม็กซ์ แต่นายต้องดูสิ่งที่ฉันกำลังจะให้นายดูต่อจากนี้…”เบนพูดพร้อมกับหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าชุดสูทด้านใน มันคือแคปซูลทรงสี่เหลี่ยมสีเงินที่เก็บพลังงานบางอย่างไว้ด้านในมันเรืองแสงเป็นสีแดง ดวงตาของแม็กซ์ลุกวาวมองตาค้างไปที่แคปซูลเหมือนกับรู้ว่ามันคืออะไร

    “คุณ…ไปเจอมันได้ยังไง”แม็กซ์อุทานข

    “ไม่สำคัญ นายจะต้องช่วยฉันสร้างสิ่งนี้”เบนพูดและรีบย่ำเท้าเร็วตรงไปที่แผงซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เขาเสียบแฟลชไดท์เผยให้เห็นแบบแปลน เครื่องจักรบางอย่างที่เป็นวงแหวนอยู่บนแท่น แม็กซ์เดินเข้ามาข้างๆเบน หน้าของเขาถึงกับถอดสี

    “คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”

    “ไม่”เบนตอบ เขาฉีกยิ้มเหมือนคนวิกลจริต “ถ้าเธอฟื้นคืนจากความตายไม่ได้ ฉันก็จะเอาเธอจากอีกโลกคู่ขนานกลับมา และโปรเจ็คที่นายค้นคว้ามาตลอดเรื่องการเดินทางสู่อีกมิติคู่ขนานก็จะสำเร็จ เจ้าสิ่งนี้ มันคืออนาคต มันคือกุญแจนำไปสู่พลังงานที่ไม่สิ้นสุด แม็กซ์ ฉันแค่อยากจะขอร้องให้นายช่วยฉันสร้างมันขึ้นมา แค่นั้นเอง”เขาพยายามพูดหว่านล้อมแม็กซ์ที่กำลังคล้อยตาม

    “ผมเอ่อ…มันอาจจะ…”แม็กซ์พูด หัวใจของเขาเต้นรัว ตาของเขาลอกแลกไปมา และเหงื่อออกเป็นซิบ ๆ เขากำลังลังเล และพยายามไม่สบตาเบนที่แววตาของเขาลุกโชนเหมือนดั่งไฟ ครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนดูเขามั่นใจมาก และแม็กซ์ก็หวังเล็กๆว่าเบน คนที่เขาเคารพนั้นยังอยู่ในตัวชายตรงหน้าของตอนนี้
    แม็กซ์ถอนหายใจแรงและนิ่งไปครู่หนึ่ง

    “อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยในการสร้างเจ้าสิ่งนี้นะครับ”

    “เรามาพลิกโฉมประวัติศาสตร์กันเถอะ”เขายิ้ม

    “ผมช่วยเขาสร้างจักรกลนั่นเพื่อสนองความวิกลจริตของเขา แต่เพราะว่ามันอาจจะทำให้โปรเจ็คของผมเดินหน้า และมันอาจจะเป็นอนาคตของมนุษย์ชาติในการค้นพบการเดินทางข้ามมิติ แต่สิ่งที่ผมช่วยเขาสร้างขึ้นมามันกลับทำให้มันเลวร้ายกว่าเดิม…”

    เวลาเดียวกัน ถนนมอเตอร์เวย์ เซนต์วาไรรี่

    “นายกำลังตามหมอนั่นอยู่ใช่ไหม?”โคโลเนลที่ติดต่อเข้ามาหาสเลเยอร์ที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์สีดำที่ติดตั้งอุปกรณ์ทางการทหารครบชุด มันคือมอเตอร์ไซค์ต้นแบบเพื่อสำหรับเป็นขบวนรถอารักขาประธานาธิปดี แต่มันถูกล้มเลิกไปเสียก่อน ผู้พิฆาตยามราตรีกำลังไล่ตาม รถฮัมเมอร์สีดำด้านติดอาวุธและโครงเหล็กที่ขับปาดซ้ายปาดขวาและชนรถในแถบๆนั้น เพื่อกำลังหนี

    “จำไว้นะ เราต้องการหมอนั่นเป็นๆ”

    “มันฆ่าเจ้าหน้าที่หน่วยแฮนด์ระดับสูงไปสามคน และสตั๊นเนอร์อีกคน หมดเวลาปราณีแล้ว”เจสันตอบสวนอย่างเสียงแข็ง และบิดคันเร่งเต็มแรงจนล้อหน้าชูขึ้นเพียงเล็กน้อย และขับตามไปติด ๆ

    “ไม่ได้ เราต้องรู้ว่าหมอนั่นมีจุดประสงค์อะไร”โคโลเนลยังคงติดต่อมา

    “เพราะพวกนั้นรู้เข้ายังไงล่ะ ว่าโอเบรินน่ะลักลอบขายอาวุธเถื่อนให้กับผู้ก่อการร้ายและยังมีส่วนการลอบสังหารนายพลรอสอีก”เจสันแย้งและพยายามหลบรถในละแวกนั้นมีเบรคกระทันหัน เมื่อเข้าใกล้ระยะ เจสัน หรือ สเลเยอร์ชักปืนขึ้นมาและเล็งเป้าไปที่ล้อข้างซ้าย แต่ทันใดนั้น ป้อมปืนบนหลังคารถฮัมเมอร์เล็งเป้ามาที่สเลเยอร์ เขารีบหักหลบออกไปยังอีกฟากเพื่อหลบวิถีกระสุนที่ยิงไล่มา เขายิงปืนสวนเข้าที่รถ แต่กระสุนเจาะกระจกรถยังไม่เข้าด้วยซ้ำ

    “อีกนานไหม กว่ากองหนุนจะมาถึง?”สเลเยอร์ติดต่อโคโลเนลที่กำลังอยู่บนเครื่องบินเจ๊ตที่จะไปสบทบกับสเลเยอร์

    “อีกสิบนาที แม็กซ์ปิดระบบจราจรและยกสะพานขึ้นแล้ว สเลเยอร์ระวังด้วยล่ะ มันไม่ใช่รถฮัมเมอร์ธรรมดา มันเป็นอาวุธล่าสุดของเมโทร อินดัสตรี้ ที่ถูกขโมยไปเมื่อสามวันก่อน”

    “ฉันรู้น่ะ ก็เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ตามมันมาไง”สเลเยอร์พูดและเร่งเครื่องนำหน้ารถฮัมเมอร์ห่างประมาณร้อยเมตรจากนั้นหันกลับมาและเร่งตรงไปหาฮัมเมอร์
    อย่างที่คาดไว้ ถ้าไม่ได้อยู่ในระยะยิงป้อมปืนจะไม่ทำงาน แต่เมื่อเข้าใกล้ระยะแล้วป้อมปืนกราดกระสุนเข้าใส่เขา ผู้พิฆาตยามราตรีขับซอกแซกหลบกระสุนอย่างชำนาญ และกดปุ่มด้านซ้ายๆใกล้ๆคันเร่ง “ระบบไนตรัสทำงาน” เขากระโดดลงมาจากรถปล่อยให้มันขับด้วยตัวของมันเอง จากนั้นไฟสีฟ้าพุ่งออกจากท่อรถทั้งสองข้างและพุ่งตัวไปด้วยความเร็วสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งเข้าปะทะกับรถฮัมเมอร์สีดำ จนเกิดระเบิดอย่างรุนแรง แต่มันทำให้รถเป็นแค่รอยขีดขวดและโครงเหล็กหลุดไป อีก 70 เมตรมันกำลังจะพุ่งชนสเลเยอร์ เขาหยิบปืนบางอย่างที่เขาคาดหลังไว้ เขาชักปืนขึ้นและเล็งไปที่ใต้ท้องรถ ลั่นไกออกไป เป็นแผ่นเหล็กสีดำพุ่งเข้าติดที่ใต้ท้องรถเหมือนแม่เหล็ก เพียงแค่ 10 วินาทีก่อนที่มันจะพุ่งชนใส่สเลเยอร์ มันกลับระเบิดจากใต้ท้องรถ ลอยจนพลิกคว่ำไป สเลเยอร์ทิ้งปืนระเบิดจากนั้นชักปืนสั้นคู่กายของเขาทั้งสองกระบอกขึ้นมา และเดินตรงไปที่รถอย่างไม่รีบร้อน
    ประตูคนขับเปิดออกโดยการถีบ และชายคนหนึ่งในชุดทหารสีดำคลานออกจากรถด้วยสภาพที่สะบักสะบอมและคลาบเลือด สเลเยอร์เมื่อถึงตัวเตะเข้าที่เอวจนมันลอยนอนหงาย สเลเยอร์จ้องมองไปที่สัญลักษณ์บนชุด หน้ากากอัจฉริยะของเขาสแกนหาข้อมูลและใบหน้า อัลเบิร์ด เอ. บานส์ นักฆ่ารับจ้าง ฉายานักฆ่าเสื้อดำ

    “ฉันยอมแพ้ก็แล้วกัน จับฉันสิ ไอ้นรก”บานส์พูดเสียงแหบๆในขณะที่นอนแผ่ราบและถ่มเลือดใส่เท้าของสเลเยอร์ มันพลาดเสียแล้วสเลเยอร์คิด เขาปลดเซฟตี้ และกระหน่ำยิงใส่ บานส์อย่างไม่ยั้ง จนปืนของเขาหมดแมกซ์ เสื้อกันกระสุนของบานส์ไม่อาจจะป้องกันเขาได้ ในการยิงเผาขนและกระสุนเจาะเกราะ แต่ทันใดนั้นไฟบนถนนกลับดับหมดจนมืดสนิท

    “แหม แหม โหดจริงๆเลยนะแกเนี่ย”เสียงดังจากข้างหลังสเลเยอร์ เขารีบก้มหลบและชักปืนอีกกระบอกยิงทันที แต่ลูกธนูที่เป็นหัวระเบิดปะทะเข้ากับกระสุนปืนจนระเบิด สเลเยอร์กระเด็นไปกระแทกกับฮัมเมอร์ เขารีบกวาดสายตาหามัน มันที่ปล่อยคันศรที่จะสังหารเขา รีบสับเปลี่ยนแมกซ์และเล็งปืนทั้งสองกระบอกอย่างเตรียมพร้อม

    “ดูเหมือนพวกแกนี่จะตกเบ็ดเหมือนกันทุกคนจริงๆเลยว่ะ”เสียงดังแว่วมาในละแวกนั้น เงามืดจากทางสิบสามนาฬิกาของสเลเยอร์วิ่งผ่านไป เขายิงไล่ตามเงานั้น แต่มันกลับสวนมาด้วยลูกธนูสามดอก สเลเยอร์กระโดดหลบได้ทัน แต่เงานั้นพุ่งเข้ามาประชิดตัวสเลเยอร์ และโจมตีใส่เขาด้วยคันธนูที่มีด้ามติดใบมีดเข้าที่ชุดของสเลเยอร์ซึ่งเป็นชุดเกราะเคฟล่า สเลเยอร์ได้โอกาสจึงฟันศอกเข้งหน้าแก้มซ้ายมันพร้อมกระโดดถีบขาคู่ และลั่นไกอย่างไม่ลังเล แต่มันกลับหลบกระสุนได้ด้วยการกระโดดหลบ ทันใดนั้นไฟกลับมาอีกครั้งและเจสันเริ่มจะเห็นเงานั้นชัดขึ้น มันคือ โอเบริน เดอะ แอร์โรว์

    “แกนี่มันโง่บรมเลยว่ะ โอเบริน คิดว่ามีดงี่เง่าของแกจะเจาะชุดของฉันได้งั้นเรอะ”สเลเยอร์พูดพร้อมกับเล็งปืนมาที่โอเบริน และเดินไปรอบๆอย่างช้าๆ

    “ใครบอกว่าฉันต้องการจะเจาะมันล่ะพ่อคุณสเลเยอร์”เขาตอบจากนั้นหยิบรีโมทขึ้นมาและกดปุ่ม ในจังหวะที่โอเบรินโจมตีมันได้แอบใส่ที่ตรงแผงอกของสเลเยอร์ มันคือระเบิดช็อตไฟฟ้า ช็อตเข้าที่สเลเยอร์อย่างรุนแรง เขาร้องลั่นอย่างเจ็บปวดและล้มลงไปนอนอย่างแน่นิ่ง โอเบรินแสยะยิ้ม
    อย่างสะใจ เดินตรงไปที่สเลเยอร์และเตะปืนให้พ้นระยะมือของสเลเยอร์ไป

    “ก่อนที่ฉันจะฆ่าแกน่ะนะ ฉันอยากรู้มาตลอดเลยว่ะ ว่าแกเป็นใครกันแน่ ในฐานะที่ฉันกับแกก็เป็นหนึ่งในคนที่ไม่มีพลังวิเศษ ฉันชื่มชมแกที่สุด ยังไงซะขอดูหน่อยนะ”โอเบรินจ้อไม่หยุดและยื่นมือไปที่หน้ากากของสเลเยอร์แต่ก่อนที่มันจะได้แตะหน้ากาก สเลเยอร์คว้าแขนของโอเบรินได้และกระชากเข้ามาใกล้ๆพร้อมและสาวหมัดขาวพุ่งเข้าที่หน้าของโอเบรินเต็มๆ จากนั้นสลิงตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สเลเยอร์จับคอเสื้อของโอเบรินและแทงเข่าเข้าที่กลางท้องน้อยของโอเบริน แต่มันยังไม่สิ้นฤทธิ์ มันรับหมัดของสเลเยอร์ไว้ และถีบสเลเยอร์ถอยออกไป โอเบรินกระโดดตีลังกากลับหลังและง้างคันศรยิงใส่สเลเยอร์ทันที แต่สเลเยอร์ไม่ปล่อยให้มันทิ้งระยะห่าง เขาใช้ปลอกแขนเหล็กของเขากันลูกศรไว้ทัน จากนั้นพุ่งเข้าใส่โอเบรินจนล้มลง สเลเยอร์ขึ้นคร่อม

    “แกมันไม่สมควรจะอยู่ต่อบนโลกนี้ ไอ้บัดซบ!”สเลเยอร์ใช้มือซ้ายคอโอเบริน มือขวากำหมัดแน่นและชกเข้าที่หน้าของโอเบรินอย่างต่อเนื่อง โอเบรินดิ้นไปมาเพราะขาดอากาศหายใจ พร้อมกับพยายามชกตามลำตัวเพื่อสลัดออก ตาของโอเบรินเริ่มพร่ามัว และแรงเริ่มหมด สเลเยอร์ใช้มือทั้งสองข้างบีบคอของโอเบรินและกดให้มันแรงขึ้น

    “พอได้แล้ว!”เสียงโคโลเนลดังจากข้างหลัง โคโลเนลคว้าตัวสเลเยอร์ออกมาด้วยมือข้างเดียวจนกระเด็นไป โอเบรินที่เลือดอาบเต็มหน้าและหมดสติไป ด้านบนยานที่โคโลเนลนั่งมา พร้อมกับคอปเปอร์และทีมแรปเตอร์ที่ลงมาจากยานเพื่อจะนำตัวโอเบรินไป

    “ฉันบอกนายแล้วไง ว่าให้จับเป็น”

    “เพื่อจะให้มันแหกคุกออกมาฆ่าคนอีกอย่างงั้นน่ะเหรอ?”เขาตอบจี้ใจดำ

    “ระวังปากหน่อย สเลเยอร์”คอปเปอร์พูดแทรกเข้ามาในสภาพที่ยังไม่แปลงร่าง “เรายังให้นายเป็นกรณีพิเศษในการที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนายในสาธารณชน อย่างน้อยก็น่าจะฟังคำสั่งที่ฉันให้บ้างนะ…”

    “นายจะสั่งฉันยังไงก็ได้ เจมส์ แต่เรื่องนี้อย่าหวังว่าฉันจะยอม…”สเลเยอร์ตัดพ้อ นั่นทำให้โคโลเนลกุมขมับและส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายและนั่นก็ไม่มีทางเลือก โคโลเนลจ้องตากับคอปเปอร์ที่เหมือนส่งสัญญาณบางอย่าง และสเลเยอร์เองก็จับพฤติกรรมได้ เขาฉวยโอกาสปาระเบิดแสงก่อนที่โคโลเนลจะโจมตีด้วยโล่ห์และคออเปอร์ที่กำลังแปลงร่าง และเมื่อแสงจางลง สเลเยอร์ก็หายตัวไปเสียแล้ว

    “เอายังไงดี โคโลเนล”คอปเปอร์ถามและค่อยๆคืนร่าง มันเป็นการแปลงร่างทีสูญเปล่าเสียจริง

    “ตั้งค่าหัวไว้ และแจ้งให้สมาชิกทุกคนทราบ สเลเยอร์เป็นบุคคลที่ต้องถูกกุมตัวไว้”โคโลเนลพูดสั่งการ

  4. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #3
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    355
    กล่าวขอบคุณ
    36
    ได้รับคำขอบคุณ: 62
    ก็ โอ อะนะครับ แต่ลองขอ อ่านให้ละเอียดอีกรอบก่อนนะครับ

  6. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  7. #4
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150
    ขอบคุณมากครับ ยังไงอย่าลืมติดตามนะครับ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย silverknight : 8th October 2014 เมื่อ 22:28

  8. #5
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150
    บทที่ 1 "Lost Freedom"

    “ดูเหมือนเราจะฆ่าพวกมันจนเกลี้ยงเลยแฮะ”คอสมอสพูดในขณะที่บินอยู่เหนือคุกทาทารัสที่ค้นย้ายศพของพวกอาชญากรและวายร้ายระดับปลายแถวไปกองรวมกันและฮัมเพลงไปด้วย
    กลุ่มซาเวจได้ทำลายกองกำลังของวายร้ายในคุกทาทารัสได้เป็นที่แรกได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนโคโลเนลไม่ได้รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้เลย

    “หมดรึยัง? คอสมอส เราไม่มีเวลาทั้งคืนน่ะ เดี๋ยวพวกมันก็โผล่มาอีก”เรดคอปตะโกนถามอย่างรำคาญ ร่างยักษ์สีแดง และไฟบนหัวค่อยๆจางลงและหดตัวจนเป็นขนาดปกติอีกครั้ง
    หายเร็วและเหงื่อท่วมเหมือนทุกครั้งที่คืนร่าง คอสมอสบินกลับมาสมทบกับกลุ่ม

    “นายให้เราเอาศพมากองรวมกันทำไม ฟรีด้อม”โคโลเนลถาม ในขณะที่ฟรีด้อมเดินผ่านหน้าเขาไปพร้อมราดน้ำมันลงบนศพที่มากจนจะนับได้จากนั้นจุดไฟจากไม้ขีดพร้อมโยนบนกองศพเพื่อจุดไฟเผาทิ้ง

    “เมื่ออาทิตย์ก่อน ผมเห็นพวกเจ้าหน้าที่แฮนด์อาวุธครบมือนำศพคนตายไปทำอะไรบางอย่างขนย้ายกันอย่างขุลมุนและขนลำเลียงขึ้นรถฮัมวี่
    ทีแรกผมคิดว่าคงเอาศพไปเผาทิ้ง แต่มันผิดปกติ มันมีเจ้านี่อยู่ด้วย”ฟรีด้อมพูดพร้อมกับควักบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ มันเป็นรูปและยื่นให้โคโลเนลดู มันคือสาวฮูดสีดำ โอเร็น เดอะไซโค ผู้ติดตามของแรนคอร์

    “เป็นไปไม่ได้”โคโลเนลอุทาน เพราะเขาพึ่งจะปะทะกับพวกมันเมื่อสี่วันก่อน ในวันนั้นที่ประตูมิติเปิดออกในซายด์ ทาวเวอร์

    “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมตามพวกมันไป ยังฐานใต้ดินในแถบตอนใต้ของเซาส์โซไซตี้ ผมเฝ้าสังเกตุการอยู่ห่างๆอยู่สามคืน แค่สามคืนเท่านั้น ทหารในชุดเกราะและสัญลักษณ์ประหลาดคล้ายๆกับไอ้เจ้าแรนคอร์ที่ออกทีวีนี่ มาเป็นจำนวนมากอาวุธครบมือ”ฟรีด้อมว่าต่อ คอปเปอร์ส่ายหน้าทันที “ถ้ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ พวกเราก็ต้องรู้ก่อนแล้วสิ แม็กซ์ หรือ เบนน่าจะรู้ก่อนและยับยั้งเรื่องทั้งหมด มันจะเป็นไปได้ไง ในเมื่อเราเห็นหน่วยแฮนด์ล้มสลายไปต่อหน้าต่อตาพวกเรา ในตอนที่ปะทะกับพวกวายร้ายต่างมิติ”
    ฟรีด้อมฉีกยิ้มและก้มหน้าก่อนที่จะกลับมาสบตากับโคโลเนล “ผมก็อยากจะถามเขาเหมือนกัน”

    “ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันคอปเปอร์”โคโลเนลพูดและเดินหันหลังให้กับคนอื่นๆ ใจเขายังคงต้องการพิสูขน์ “แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็อยากได้ยินจากปากของแม็กซ์เอง”

    “ข้าไม่อยากจะสอดแทรกพวกเจ้านะ แต่ข้ายังคงสงสัย สหายแม็กซ์เช่นกัน”บียอร์นพูดแทรกเข้ามาหลังจากที่เงียบตอนการสนทนา

    “ฐานลับของแม็กซ์ยังคงใหม่และเหมือนถูกสร้างเสร็จมาไม่นานนัก เสบียงที่พร้อมจะอยู่ได้เป็นปีๆ และอุปกรณ์มากมายพร้อมกับเครื่องย้ายมวลสารที่ข้าจำได้จะมีแค่เพียงที่ซายด์ ทาวเวอร์เท่านั้น ข้าว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแน่”บียอร์นพูดเสริมและยิ่งทวีความสงสัยให้มากขึ้น

    “นี่รู้อะไรไหม ฉันว่าเราเรียกแม็กซ์ให้เคลื่อนย้ายเรากลับฐาน แล้วค่อยถามดีกว่าไหม?”คอมอสพูดแนะอย่างกวนๆ
    แต่มันกระชับและจบบทสนทนาได้เร็วขึ้น

    “ตามนั้น”บียอร์นเห็นด้วย โคโลเนลพยายามติดต่อแม็กซ์เพื่อที่จะให้เรียกกลับฐาน แต่กลับเงียบสนิท และไม่มีสัญญาณตอบกลับ แต่ทันใดนั้นเสียงปืนใหญ่นอกกำแพงคุกก็ดังขึ้น และมาระเบิดกลางวงของกลุ่มซาเวจจนกระจัดกระจายไป
    โคโลเนลตั้งสติและค่อยๆลุกขึ้น แทบไม่ได้ยินเสียง และนัยต์ตาที่กำลังปรับโฟกัสจากอาการพร่ามัว คอปเปอร์ที่ร่างของเขาค่อยๆขยายขึ้น เพื่อเข้ากลไกรักษาตัวเองจากระเบิด บียอร์นและคอสมอสไม่เป็นอะไรมากนักเนื่องจากเป็นพวกเหนือมนุษย์แต่ ฟรีด้อม…

    “ฟรีด้อม!”โคโลเนลรีบวิ่งมาดูอาการของฟรีด้อมที่โดนระเบิดไปเต็มๆ ปืนของเขากระจัดกระจาย ชุดที่ขาดเป็นละลิ่ว ใบหน้าและร่างกายเป็นรอยไหม้ เลือดที่ทะลักออกมาจากปาก ตัวเขาสั่นเทา และหายใจแรง เขาพยายามจะพูดบางอย่างแต่มันไม่ออกมาเป็นเสียง

    “แข็งใจไว้ทหาร เราจะพานายไปที่ปลอดภัย แม็กซ์จะช่วยนายเอง”โคโลเนลกำมือของฟรีด้อมไว้แน่น แต่ฟรีด้อมไม่อาจจะทนพิษบาดแผลลงได้ เสียงลมหายใจค่อยๆหายไป ร่างกายของเขาแน่นิ่งและตากลับ โคโลเนลก้มหน้าและวางมือปัดให้หนังตาปิดคลุมดวงตาไว้
    ทันใดนั้นพวกทหารที่ฟรีด้อมพูดถึงก็เข้ามาจากทางประตูพร้อมกับรถถังสีดำที่เล็งเป้ามาที่โคโลเนล แต่เรด คอปเข้ามารับกระสุนไว้ได้ทัน คอสมอสตั้งสติกลับมาและยิงสวนด้วยพลังของเขาแต่พลังเริ่มอ่อนลงเพราะใช้พลังมากเกินไป บียอร์นเองก็เริ่มล้าและเคลื่อนไหวช้าลง เรด คอปที่พึ่งหลุดจากพันธนาการมาไม่นานสภาพยังไม่เต็มร้อย ณ ตอนนี้ทีมซาเวจสภาพยังไม่เต็มร้อยและยังเสียสมาชิกในทีมไปอีกคน พวกทหารชุดดำปริศนาวิ่งกรูเข้ามาผ่านประตูคุก

    “เอายังไงต่อ หัวหน้า?”เรดคอปถามหลังจากเข้าสู่ร่างยักษ์แดง โคโลเนลที่โกรธจัดที่เสียสหายของเขาเพิ่มไปอีกคน เขาลุกขึ้นยืน

    “ซาเวจ ฆ่าพวกมัน!”เขาตะโกนด้วยเสียงอันแข็งกร้าวและซอยเท้าไวพุ่งเข้าไปยังพวกทหารปริศนาที่โจมตีใส่พวกเขา โคโลเนล นำโล่ยกขึ้นมาบังไว้และกระแทกเข้าพวกกับพวกทหารจนมันกระเด็นกระจัดกระจายไปอย่างที่สหายของเขาไม่เคยได้เห็นแรงแบบเต็มที่ของโคโลเนลมาก่อน โคโลเนลจับตัวทหารได้คนนึงและปล่อยหมัดขวารัวเข้าที่หน้าของทหารที่สวมหน้ากาก
    เขาทุบมันจนหน้ากากแตกกระจายออกแต่มันกลับไม่ใช่คน ไม่มีแม้แต่เลือด ไม่มีแม้แต่เสียงร้องในตอนที่เขาพุ่งเข้าชน เสียงกระแสไฟฟ้าช็อตดังมาจากตรงหน้าของมัน ผิวหนังของมนุษย์ที่ปะปนไปกับเครื่องจักรกล
    โคโลเนลชะงักทันทีที่เห็นความแปลกประหลาดของศัตรูปริศนาคลับคล้ายคลับคลาเหมือนดั่งที่ฟรีด้อมของเขาได้เล่าไปเมื่อครู่นี่เมื่อสิบนาทีก่อน
    โคโลเนลเสียสมาธิจนลดการป้องกันลง ลำแสงสีแดงที่ออกมาจากกระบอกปืนยิงเข้ากระทบที่ไหล่ซ้ายของเขาจนกระเด็นล้มลงไป และจะโดนยิงซ้ำ แต่เรด คอปเข้ามาขวางและเข้าอัดใส่พวกทหารจนเละในการทุบครั้งเดียว แต่พวกมันยังไหลเข้ามาผ่านประตูไม่หยุด กำแพงข้างๆเริ่มพังทลายและรถถังสีดำเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกเขาเต็มที
    คอสมอสใช้พลังของเขาสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ในจินตนาการขึ้นมาเข้าโจมตีใส่รถถัง และเจ้าหนุ่มผู้มากับแสงใช้แหวนของเขาปล่อยลำแสงใส่พวกทหารไปพร้อมๆกัน บียอร์นกระโดดสูงเข้าไปยังกลางวงของศัตรูและโจมตีด้วยดาบยักษ์คลาเดสของเขาอย่างบ้าคลั่ง โคโลเนลกลับมาตั้งสติอีกครั้งและเข้าร่วมต่อสู้พร้อมกับทีมเขา คอสมอสในขณะที่สู้อยู่บนฟ้าจนพลาดถูกลำแสงยิงเข้าที่หลัง หากมันเป็นกระสุนธรรมดามันคงทำได้เพียงแค่เสมือนมดกัดแต่มันแรงจนขนาดที่คอสมอสกระเด็นไปไถลกับพื้นและหมดสติไปด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว สมาธิของเขาขาดช่วงหุ่นยนต์ยักษ์ที่เขาสร้างไว้ได้หายไป

    “เรด คอป! คอสมอสร่วงไปแล้ว!”โคโลเนลตะโกนบอกในขณะที่เขาคว้าปืนไรเฟิลของฟรีด้อมแถวนั้นเพื่อยิงตอบโต้ แต่กระสุนทำได้แค่เพียงชะลอมันได้เท่านั้น

    “[เป้าหมาย] เมสัน เลน [นามแฝง] คอสมอส [ระดับ] โอเมก้า [คำสั่ง] นำตัวไป”ทหารชุดดำกลุ่มหนึ่งที่แตกต่างจากทหารคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่เหนือตัวคอสมอส และเปร่งเสียงเหมือนระบบ A.I เหมือนๆกัน ทหารสองคนขนาบข้างคอสมอสและคว้าตัวไว้พร้อมลากออกไป เรด คอปที่พุ่งเข้ามาจะช่วยเพื่อนของเขาวิ่งฝ่าวงล้อมของพวกทหารที่ยิงใส่เขา

    “[เป้าหมาย] คอปเปอร์ เดอะ เรด คอป [ระดับ] โอเมก้า [คำสั่ง] กำจัดทิ้ง”ทหารกลุ่มนั้นเปร่งเสียงออกมา จากนั้นเสียงชาร์จปืนดังขึ้นจนถึงระดับเต็มขีดของปืนที่กักเก็บพลังไว้จากนั้นพวกมันลั่นไกออกมาเป็นลำแสงที่ขนาดใหญ่ เรด คอปวิ่งเข้าปะทะกับลำแสงอย่างไม่เกรงกลัว แต่พลังมันมากเกินกว่าที่เรด คอปจะรับไหว เขากระเด็นกระดอนไปไกลจนชิดกำแพงของคุก โคโลเนลที่พะวงหลังจนพลาดท่ายิงใส่เข้าที่ขาจนบาดเจ็บ และโดนพวกมันเอาปืนจ่อไว้

    “[เป้าหมาย] เจมส์ รีส [นามแฝง] โคโลเนล [ระดับ] อัลฟ่า [คำสั่ง] กำจัดทิ้ง”เสียงระบบดังขึ้นและเสียงชาร์จปืนดังขึ้น บียอร์นที่พยายามฟันใส่พวกศัตรูแต่มันถอยห่างและยิงใส่เขาซ้ำๆจนล้มลง
    โคโลเนลหมดแรงจนทรุดเข่าลงและโล่ห์ของเขาที่เป็นรอยร้าวและค่อยๆแตกออก พลังงานจากปืนของพวกมันรุนแรงเกินกว่าที่โล่ห์จะต้านทานมันไหว มันคงจบสิ้นแล้วสิ เขาคิด วันสิ้นโลกและการครองอำนาจของความชั่วร้ายก็มาถึง ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อพลังอำนาจของพวกมัน เขานึกตอกย้ำตัวเองก่อนที่พวกมันจะเป่าขมองเขา

    “มัวรออะไรอยู่วะไอ้พวกหุ่นกระป๋อง ทำให้มันเสร็จๆซะสิ!”เขาตะโกนลั่นท้าความตาย เรด คอปยื่นมือไปเพื่อที่จะพยายามไปช่วยในขณะที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร และกำลังโดนยิงซ้ำอยู่ บียอร์นที่นอนหมดสติไปจากการโจมตีที่รุนแรง พวกเขากำลังจะแพ้ ในขณะที่คอสมอสกำลังโดนหิ้วปีกไป

    แต่ทันใดนั้น.. แสงประตูเคลื่อนย้ายมวลสารปรากฏขึ้น มันสว่างจ้าจนพวกทหารครึ่งจักรกลไม่อาจจะบุตัวได้ ชายคนสองคนเดินออกมาจากประตู และดาบที่พุ่งมาจากแสงเข้าแทงใส่ทหารที่ยืนล้อมโคโลเนลไว้
    ในการโจมตีครั้งเดียว จากนั้นลำแสงสีขาวกระจายวงกว้างไปรอบๆทำให้พวกทหารกระเด็นไป
    แสงสว่างจางหายไปเผยให้เห็นชายสวมชุดเกราะสีดำน้ำเงินคล้ายชุดเกราะซามูไรโบราณแต่ดูล้ำกว่ามาก แรงกระโชกของสายลมที่อยู่ๆดีก็พัดแรงขึ้น เมื่อเขาปรากฏตัว
    ผมยาวสีดำปลิวไสวไปกับสายลม แววตาของเขาเหมือนดั่งไฟ และชายอีกที่เดินสมทบเข้ามา มาในชุดสูทสีขาวที่เปร่งแสงสว่างเหมือนไฟนีออน

    “ขอโทษทีที่ให้รอนานนะครับ”เขาเอ่ยปาก โคโลเนลถอนหายใจเหมือนเอาภูเขาออกจากอก พระเจ้ายังคงมีเมตตาต่อเขาให้มีชีวิตอยู่ต่อ

    “วอร์ลอร์ด ไปช่วยคอสมอส…ไม่มีเวลาแล้ว”เขาพูดทักทายพลางทรงตัวขึ้นแต่บาดแผลจากลำแสงทำให้เขาทรุดลง ดาบของวอร์ลอร์ดหุบคืนขนาดเข้ามาปกติจากในมือของวอร์ลอร์ด
    พวกทหารที่ทรงตัวกลับมา แต่มันกลับยืนนิ่งไม่ทำอะไร แต่แสงเลนส์สีแดงจากหน้ากากของพวกมันกระพริบและตัวสั่น
    ขุนศึกผู้คืนสู่สนามรบกวาดสายไปรอบๆเพื่อหาสหายของเขา ที่กำลังโดนหิ้วปีกขึ้นรถฮัมวี่ไป เขาออกตัวซอยเท้าเต็มแรงและเสียงบางอย่างในชุดเขาดังไปพร้อมๆกับที่เขาออกวิ่ง
    ดูเหมือนมันจะเพิ่มความสามารถทางกายภาพได้มากทีเดียว เขายิ้มและตั้งท่าดาบก่อนที่จะเร่งฝีเท้าจนมันเร็วดั่งรถแข่ง และเมื่อใดก็ตามที่เขาทำท่านี้ขึ้นมา ศัตรูที่เขาผ่านจะไม่มีวันรอด พวกทหารคล้ายมนุษย์ถูกฟันยับเมื่อวอร์ลอร์ดวิ่งผ่าน หัวขาด ตัวขาดครึ่ง ไม่มีรอยฟันไหนที่จอมขุนศึกไม่อาจจะฟันขาดได้
    รถฮัมวี่ออกตัวไปได้ไม่นาน แต่วอร์ลอร์ดพุ่งกระโดดขึ้นไปบนหลังคาและใช้ดาบแทงเข้าที่คนขับ ทหารในรถชักปืนขึ้นและยิงอัดหลังคารถอย่างไม่ลังเล แต่ประสาทสัมผัสของวอร์ลอร์ดที่จะรู้ถึงอันตรายที่จะเข้าตัวเขามา เขากระโดดออกจากรถในขณะที่รถเสียการควบคุมและอัดเข้าไปที่เสาไฟฟ้าจนชะงักไป พวกทหารที่เหลือบนรถออกมาและโจมตีใส่เขา แต่มีหรือที่จะจัดการเขาได้ง่ายๆ เขาสะบัดดาบจนมันอ่อนไร้หนักและหนาบที่ออกมาจากใบมีดของดาบเขา จากนั้นเข้าฟาดใส่พวกทหารสี่คนจนตัวขาดครึ่งในดาบเดียว พวกมันเหมือนกระดาษที่ถูกตัดขาดได้ง่ายๆเหมือนการฉีกหรือด้วยกรรไกรเขาคิด จากนั้นนำตัวคอสมอสที่หมดสติอยู่ในรถออกมา และไปสมทบกับกลุ่ม

    “นายทำได้ยังไง”โคโลเนลถาม ลำแสงสีขาวนั้นคือฝีมือของแม็กซ์ ที่มาช่วยไว้ได้ทันเวลา เรด คอปที่กลับคืนร่างเมื่อได้สติและเดินเข้ามาในสภาพที่สะบักสะบอมกว่าตอนอยู่ในคุก

    “บางทีฉันน่าจะกลับไปที่เดินนะ เผื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวกว่านี้”เขาเอ่ยขึ้น และมันทำให้โคโลเนลหุบขำไว้ไม่อยู่ ที่ซึ่งสถานการณ์เมื่อครู่เข้าขั้นเลวร้าย แต่อย่างน้อยมันก็ผ่านไปแล้ว เขาคิด

    “งั้นไว้ค่อยเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้เรากลับกันเถอะ”แม็กซ์พูดจากนั้นภาพโฮโลกราฟฟิกปรากฏขึ้นรอบๆตัวแม็กซ์ เขาเปิดประตูเคลื่อนย้ายมวลสารขึ้น โคโลเนลและคอปเปอร์พยุงตัวบียอร์นที่นอนหมดสภาพอยู่เดินเข้าประตูไป
    และตามด้วยวอร์ลอร์ดที่แบกคอสมอส แม็กซ์หยิบดาบของบียอร์นขึ้นและมองไปรอบๆ เหมือนพะวงอะไรบางอย่าง เขารู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ แต่มันอาจจะเป็นแค่การสันนิษฐานหรืออาการระหวาดระแวงของเขา แม็กซ์ส่ายหน้าและถอนหายใจก่อนที่จะเดินเข้าประตูไป ห่างออกไปไกลจากตัวคุกทาทารัสที่ตอนนี้เป็นเหมือนที่ฝังศพของผู้ร้ายและวายร้าย แรนคอร์ผู้ช่วงชิงและเดอะไซโค หรือ โอเร็น ยืนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่พร้อมกับทหารชุดเดียวกับที่โจมตีใส่พวกซาเวจ

    “ดูเหมือนเราจะประเมินพวกมันต่ำเกินไป”โอเร็นพูดและมองไปยังแรนคอร์ที่ดูทะ***ทึงแววตาของเขานั้นลุกเป็นไฟและสีหน้าที่แข็งกร้าวตลอดเวลา เขาหันหน้ามาหาโอเร็น

    “เปล่า พวกมันต่ำอยู่แล้ว พวกมันแค่ดื้อด้าน และเรารู้ว่าจะทำยังไงกับพวกดื้อด้าน”แรนคอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวและมองไปยังด้านหลัง เผยให้เห็นชายคนหนึ่งในชุดเกราะสีดำแดง และสัญลักษณ์ตัวเอสสีแดงตรงกลาง

    “ใช่ไหม? สเลเยอร์?”แรนคอร์พูดและยิ้มอย่างเย้ยหยัน ในขณะที่สเลเยอร์ที่ไม่ได้สวมหน้ากากและแววตาสีแดงเพราะผลพวงจากคำสาปมุรามาสะมองหน้าแรนคอร์อย่างแข็งขืน
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย silverknight : 18th October 2014 เมื่อ 22:52

  9. #6
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Mar 2012
    กระทู้
    297
    กล่าวขอบคุณ
    481
    ได้รับคำขอบคุณ: 78
    พิสูจน์นะครับ ไม่ใช่พิสูขน์
    มีคำผิดบางแห่ง และเขียนตกบางจุด เช่น

    “แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็อยากได้ยินจาก ( ) ของแม็กซ์เอง” ในจุดนี้ผมคิดว่าท่านต้องการจะบอกว่า <<<ฉันก็อยากได้ยินจาก (ปาก) ของแม็กซ์เอง>>> หากไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยนะครับ
    \\\\คำเม้นเป็นร้อยรึ จะสู้คำวิจารณ์เพียงหนึ่ง////

  10. #7
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Prince.NO9 อ่านกระทู้
    พิสูจน์นะครับ ไม่ใช่พิสูขน์
    มีคำผิดบางแห่ง และเขียนตกบางจุด เช่น

    “แต่ยังไงก็ตาม ฉันก็อยากได้ยินจาก ( ) ของแม็กซ์เอง” ในจุดนี้ผมคิดว่าท่านต้องการจะบอกว่า <<<ฉันก็อยากได้ยินจาก (ปาก) ของแม็กซ์เอง>>> หากไม่ใช่ก็ขอโทษด้วยนะครับ


    ขอบคุณครับมากครับ แหะๆ คงจะพิมพ์ตกไป แต่ขอบคุณมากครับที่ยังติดตามครับ จะแต่งให้เต็มที่เลย

    และนี่ตอนใหม่น่ะครับ

    บทที่ 2 “Muramasa’s Curse”

    “ตื่นได้แล้ว! เจสัน!”เสียงของนอร่าห์ที่ตะโกนกรอกหู เจสันที่นอนอยู่บนเตียงในเพนท์เฮาส์ใจกลางเมืองเฮล คิดเช่น นอร่าห์พยายามเขย่าตัวเจสันให้ตื่นแต่เจสันกลับสะบัดตัวหันไปอีกทางพลางกับคว้าหมอนมาคลุมหัว

    “นี่! วันนี้เธอมีสอบนะ เป็นอย่างงี้เมื่อไหร่จะเรียนจบสักที่ล่ะ ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าอย่าไปเที่ยวจนเมาแล้วกลับมาดึก”เธอพยายามพูดกับเขาเหมือนทุกครั้งที่เจสันทำตัวงี่เง่า แม้แท้ที่จริงแล้วเจสันในยามค่ำคืนจะไปสวมบทฮีโร่ปราบอธรรมอยู่ทุกคืนวัน แต่ชีวิตใต้หน้ากากมันยังต้องแลกมากับการที่ตัวเองไม่มีเวลาให้กับชีวิตของตัวเขาเอง หรือ มันอาจจะกลับกัน? เขาคิดในขณะที่เสียงบ่นของนอร่าห์ยังดังก้องในหัวเขา แต่ความคิดของเขานั้นล่องลอยกำลังครุ่นคิดถึงบางอย่าง หลังจากที่ปะทะคารมกับโคโลเนลเมื่อคืนวานก่อน พวกซายด์ โซไซตี้จะต้องออกตามจับเขาแน่ ๆ แต่นั่นก็เท่ากับว่าชีวิตของเขาจะถูกเปิดโปง หมดเวลาเล่นแล้วเจสันเอ๋ย นายอายุยี่สิบสี่แล้วยังเรียนมหาวิทยาลัยธรรมดาๆในเมืองวิคตอรี่ไม่จบเลย
    แต่ทันใดนั้น ความคิดที่ล่องลอยไปในอากาศก็สลายไปเพราะน้ำที่ราดใส่ตัวเขาจนเต็มเตียง นอร่าห์ใช้ไพ่ตายอีกแล้ว เกลียดชะมัดยากเลย เขาคิด เจสัน สะดุ้งลุกจากเตียง

    “อะไรของเธอเนี่ย!?”เขาโวยวาย นอร่าห์ที่ถือถังน้ำอยู่ในมือในท่าเท้าสะเอว และยิ้มมุมปากในชุดทำงานของบริษัท เมโทร อินดัสตรี้ เจสันขยับตัวมานั่งข้างเตียง นอร่าห์สังเกตเห็นรอยแตกตรงคิ้วซ้ายเขา เธอเดินไปใกล้ตัวเจสันใช้ปลายนิ้วจับคางเขาเงยหน้าอย่างเร็ว

    “นี่เธอไปมีเรื่องมาอีกแล้วเหรอ!?”นอร่าห์เริ่มบ่นเขาอีกครั้ง เจสันปัดมือเธอออกและคว้าตัวเธอมานอนบนเตียง จนเธอร้องเสียงหลง ทั้งสองหัวเราะหยอกล้อกัน เหมือนครั้งยังวัยเด็ก

    “ได้เวลาไปสอบแล้วนะ เจสัน มาเลย์”นอร่าห์พูดและใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเขาที่อยู่ด้านบนเธอ เจสันยิ้มและสัมผัสมือเธออย่างนุ่มนวล

    “รู้แล้ว”เขาถอนหายใจ แต่พยายามตอบแบบดีๆ

    “นี่ถ้าฉันไม่มีเธอจะอยู่ยังไงดีเนี่ย” เขาจ้องเธอไม่ละสายตาจากดวงตาหวานแหววคู่นั้น

    “คนเราซักวันก็ต้องโตนะ เจสัน” ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น เจสันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางสายฝนในตรอกซอยแคบๆ เขาเอามือแตะหน้า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สวมหน้ากากตอนที่ผลุนผลันออกมาจากฐานของแม็กซ์ ดูเหมือนเขาจะหลุดการควบคุมไปเสียแล้ว เจสันลุกขึ้นมาในขณะที่ด้านนอกของทางเดินที่ไร้เสียงไซเรน และผู้คน พึ่งผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ มันควรจะโกลาหลกว่านี้สิ ใยเงียบสงบผิดปกติไปหมด เขาค่อยๆก้าวเท้าเดิน เขามองไม่ถนัดและทุกอย่างในสายตาเขาเหมือนภาพวาดสีเทาตอนนี้แยกแยะสีไม่ได้เสียแล้ว มันคงต้องเป็นมุรามาสะแน่ คงไม่ใช่ตาบอดสีหรอก เมืองเฮล คิดเช่นไม่เคยสงบแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ ปี 1999 บ้าจริง อาการปวดหัวมันกลับมาอีกแล้วเขาคิด ต้องรีบกลับไปยังเพนท์ เฮาส์ ที่นั่นมีทุกอย่างที่พอจะประทังชีวิตไปได้สักระยะ เขาเดินไปตามทางเดินจนเห็นป้าย เฮล สตรีท 45 คงต้องเดินไปอีก 200 เมตรถึงจะไปถึงเพนท์ เฮาส์ที่อยู่ตรงถนนเฮล สตรีท 50 เจสันหรือสเลเยอร์พยายามจะเร่งฝีเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปให้เร็วที่สุดแต่ตอนนี้เขาอ่อนแรงเสียเหลือเกิน

    “ถนน 48 ใกล้ถึงแล้ว…”เขาพูดพึมพัน ฝนสาดลงมาพร้อมกับพายุโหมกระหน่ำอัสนีบาตดั่งสนั่นราวกับเสียงดาบที่กระทบกันอย่างไม่ขาดสาย แสงไฟที่ติดๆดับๆจนมองถนนหนทางแทบไม่ได้ จนทำให้เขาลดการป้องกัน มีบางอย่างกระทบเข้าที่หลังเขาจนล้มหัวทิ่มลง

    “เฮ้ ๆ ๆ! ดูซินี่ใคร!?”เสียงของชายคนหนึ่งดังจากข้างหลังเขาพร้อมกับเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งกรูเข้ามา เจสัน จำเสียงมันได้ ไอ้มืดเฮม็อบ ที่ชอบดักอยู่ตามมุมมืดเพื่อจะจี้ปล้นทรัพย์และข่มขื่นและบรรดาสหายสุดระยำของมัน ดูเหมือนพวกมันคงจะหลุดจากคุกหลังจากวิกฤตครั้งนี้สินะ

    “สเลเยอร์นี่หว่า…”เสียงของหนึ่งในพรรคพวกอุทานขึ้น ไอ้คนที่ใช้ท่อนเหล็กฟาดสเลเยอร์จนล้มก็ฟาดซ้ำไปอีกจนเขาลุกไม่ขึ้นและโดนเท้าจำนวนมากรุมกระทืบซ้ำจนหมดสติไปอีกรอบ “แย่หน่อยว่ะ ไอ้บัดซบ แกน่าจะฆ่าฉันตอนที่ยังมีโอกาส”เฮม็อบพูดขึ้นในขณะที่ชักมืดทหารเล่มโตขึ้นมาวาดลวดลาย

    “จับมันนอนหงาย ฉันอยากจะเห็นหน้าจริงๆของมันสักที่ก่อนจะควักลูกตาของนึงของมันเหมือนที่มันทำกับตาฉัน”เฮม็อบสั่งลูกน้องของมันพลางชี้ตาซ้ายที่ไร้ดวงตา เฮม็อบไปนั่งขึ้นคร่องสเลเยอร์ และใช้มืดลูดชุดเกราะของสเลเยอร์ จากนั้นยื่นหน้าไปใกล้ๆ

    “นี่มันไอ้ทายาท เมโทร อินดัสตรี้นี่หว่า!? ฉันเคยเห็นในทีวี!”เฮม็อบอุทานขึ้นอย่างดัง

    “ลูกพี่ เอามันเป็นเรียกค่าไถ่เหอะ มีหวังเรารวยเละแน่เลย!”ลูกของมันคนหนึ่งพยายามโน้มน้าว ตระกูลมาเลย์ถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของโลก แต่เฮม็อบนั้นแค้นเคืองสเลเยอร์มาก แต่เขาง้างมีดขึ้น มือของเขาสั่นด้วยความลังเล จะเลือกเงินหรือจะชำระแค้นดี

    “แกน่าจะทำตามที่ลูกน้อแกบอกนะ”เสียงของสเลเยอร์พูดขึ้น เฮม็อบจ้องไปที่สเลเยอร์ แววตาของเขากลายเป็นสีแดงฉาน ดาวขาวของเขากลายเป็นสีดำ น้ำเสียงที่ดูเย็นเยือก รอยยิ้มที่ฉีกออกอย่างน่ากลัว เฮม็อบพยายามจะแทงสเลเยอร์ แต่เขาใช้มือจับข้อมือของเฮม็อบกันไว้ด้วยมือข้างเดียวและบีบจนกระดูกหัก เฮม็อบร้องอย่างเจ็บปวด มีดหลุดจากมือมัน มือขวาของสเลเยอร์คว้าไว้จากนั้นแทงเข้าที่ปลายคางของเฮม็อบจนทะลุออกจมูก พวกลูกน้องตกใจถอยห่างออกมา แม้จะมีอาวุธครบมือก็ยังทำให้พวกมันขนหัวลุก สเลเยอร์ค่อยๆลุกขึ้นอย่างๆช้าๆและยิ้มอย่างกระหายเลือด

    “เอาล่ะ ใครอยากจะเล่นกันต่อล่ะ ไอ้พวกชิ้นเนื้อ”เขาฉีกยิ้มออกมาอีกครั้ง พวกลูกน้องเฮม็อบจึงไม่มีทางเลือกต้องสู้ตายและพุ่งเข้ามาพร้อมกัน หนึ่งในพวกมันเขวี้ยงไม้ใส่สเลเยอร์ แต่มันกลับเป็นการยื่นไม้ให้เขาสำหรับตีสุนัขก็ไม่ปาน เขาคว้าไว้และฟาดใส่เข้าที่หน้าของมันคนหนึ่งจนหักสองท่อนและตายในคราวเดียว จากนั้นก้มหลบท่อแสตนเลสจากด้านหลังที่คิดจะฉวยโอกาสเล่นงานจากข้างหลัง จากนั้นเขาใช้ขากวาดลานจนมันล้มลง และเสยหมัดเข้าที่หน้าของพวกมันจากทางด้านซ้าย และเขวี้ยงมีดปักเข้าที่หัวของลูกน้องอีกคนที่กำลังจะง้างสปาต้าใส่เขา จากนั้นเขาพุ่งเข้าไปหาคนที่เขาพึ่งกวาดลานใส่เขายกเท้ากระทืบเข้าที่หัวจนกระโหลกแตกออกและเนื้อสมองกระจาย พละกำลังที่เพิ่มขึ้นจนผิดปกติ มันไม่ใช่เขาคนเดิม ไม่ใช่สเลเยอร์ที่ถึงจะโหดกับพวกโจรกระจอกแบบพวกมัน แต่ก็ไม่รุนแรงมากมายขนาดนั้น ชายที่โดนหมัดเสยพยายามคลานหนี แต่มีหรือที่ตอนนี้จะรอดพ้นเพชรฆาตไปได้ สเลเยอร์กระทืบเข้าที่หลังของมันกระทบกับพื้นจนจุกจากนั้นจับมันพลิกตัวขึ้น

    “แกเองสินะ ที่บอกให้จับเจ้าของร่างนี่ไปเรียกค่าไถ่”เขาพูด แต่มันไม่ใช่สเลเยอร์ บางอย่างกำลังครอบงำเขา

    “ปล่อยผมไปเถอะ! ขอร้อง ๆๆๆๆ!”ชายคนนั้นพยายามร้องขอชีวิต แต่ชายที่อยู่ตรงหน้าที่ไม่ใช่สเลเยอร์เอามือสองข้างจับตรงโหนกแก้มและลูบคลำมัน

    “ชูววว ไม่ต้องกลัว เจ้าหนุ่มน้อย…”เขาพูดแต่นิ้วโป้งทั้งสองข้างจิ้มเข้าที่ลูกตาทั้งสองข้างจนเละและเลือดกระจาย ชายคนนั้นร้องอย่างเจ็บปวดและดิ้นทุรนทุราย

    “เพราะวันนี้! แก คือเครื่องสังเวย ของมุรามาสะ!!”มันคือปีศาจมุรามาระที่ครอบงำสเลเยอร์ ก่อนที่มันจะกดไปถึงสมองจนชายคนนั้นสิ้นตายจากอาการช็อคอย่างรุนแรง มุรามาสะหัวเราะอย่างสะใจและแหงนหน้ามองฟ้าในกลางสายฝน ไม่นานนักเสียงหัวเราะก็หายไปแววตาของเขาค่อยๆกลับมาตาสีดำค่อยๆกลายเป็นสีขาวเหมือนปกติ เหลือเพียงนัยต์ตาสีแดงที่ยังคงอยู่ เขาหายใจแรงและท่าทีรุกรี้รุกรน เขามองไปโดยรอบที่พึ่งบางอย่างที่มันไม่ใช่เขาได้กระทำลงไป มัน*****มโหดราวกับสัตว์ป่าในคราบนักฆ่า ที่จะทำได้ถึงเพียงนี้ เขาผละตัวออกจากศพ และจ้องมือที่เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
    ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เขาได้หลุดไปฆ่าคนอีกแน่เขาคิด ต้องรีบหาทางยับยั้งมัน ต้องไปที่เพนท์ เฮาส์ โดยด่วนเขาคิด สเลเยอร์ตั้งสติกลับมาอีกครั้งและเร่งฝีเท้า คราวนี้พละกำลังของเขากลับมา ดูเหมือนคำสาปนี้เขาจะต้องสังหารคนเพื่อที่จะทำให้ร่างกายคงสภาพไว้ ดูเหมือนพละกำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติอีกเสียด้วย ไม่นานนักสเลเยอร์ก็มาถึง เฮล เพลส คอนโด ที่อยู่ของเขา สเลเยเอร์พยายามคลำหาปืนตะขอเพื่อจะขึ้นทางลัด แต่ดูเหมือนเขาจะไม่พกอะไรมาเลยซักอย่างเดียว ระบบไฟฟ้าที่ติดๆดับๆ ผลมาจากการที่แรนคอร์ทำลายโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ สเลเยอร์จึงวิ่งเข้าไปด้านในที่สภาพและและคราบเลือดแต่ไร้ซึ่งศพคนตาย แต่เขาไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเขาเองในตอนนี้ นอร่าห์และพ่อของเธอก็อยู่ที่บริษัทและคนคอยคุ้มกัน หน้าที่ของเขาต้องรีบหาทางรักษาและไปทำหน้าที่ให้เสร็จ บ้าจริง เพนท์ เฮาส์ดันอยู่ด้านบนสุด ปัญหาคนรวยก็งี้แหละ เขาคิด แต่มันไม่ใช่ปัญหามากนัก ด้วยพละกำลังและความเร็วเกินมนุษย์ธรรมดา เขาวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟขึ้นมาบนเพนท์ เฮาส์ชั้นที่ 99 ในเวลาเพียงไม่นาน และเข้าไปยังห้องที่มืดสนิท และระบบไฟสำรองในห้องก็ทำงาน เขาเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปโดยไม่ได้สังเกตตรงมุมมืดว่ามีคนอยู่ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานกดปุ่มลับใต้โต๊ะจนและเบื้องหน้าที่เป็นผนังโล่งๆก็เปิดออก เผยให้เห็นชุดออกปฏิบัติการต่างๆของเขา และยาปฏิชีวนะ เขารีบหายาบางอย่างเข้า บางอย่างที่เขาได้ทดลองไว้ในกรณีของวอร์ลอร์ดที่เกิดอาการคลั่งที่คล้ายคลึงกับเขา ที่ทำให้วอร์ลอร์ดฮีโร่ที่แข็งแกร่งในอันดับต้นๆของซายด์ โซไซตี้ต้องสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ไป

    “มันอยู่ไหนวะ!”สเลเยอร์ร้อนรน จนสบถ แต่ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังจากข้างหลังเขา เป็นเสียงรองเท้าส้นสูง เจสันหันควับและคว้าปืนที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาเล็งไว้ จนเขาต้องเบิกตากว้าง

    “ไม่นะ…”เขาอุทานและแววตาที่หวาดกลัว มันคือสิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดตลอดมา นอร่าห์ที่โดนมัดและผ้าปิดไว้โดยมี โอเบริน หรือ เดธ แอโรว์ ง้างธนูเล็งจ่อหัวเธอ

    “ไง เจสัน…”เดธ แอโรว์ทักทาย รอยยิ้มภายใต้ผ้าที่คลุมปากของมันไว้ ยังเห็นได้ชัดเจน

    “อย่าทำอะไรเธอ โอเบริน นี่มันเรื่องระหว่างแกกับฉัน”เจสันพยายามโน้มน้าว เพื่อให้คนที่เขารักปลอดภัยจากเงื้อมมืออสรพิษตัวนี้

    “หึ ทีแบบนี้ทำตัวน่ารักขึ้นมาเชียวเลยนะ ต้องขอบคุณ โคโลเนลและองค์กรแฮนด์ที่เก็บข้อมูลของแกไว้อย่างครบถ้วน ทีนี้ แกวางปืนซะ ฉันรับปากแกว่าจะไม่ฆ่านังนี่” เจสันยังคงจ่อปืนมาที่โอเบริน

    “ฉันบอกให้แกวางปืนไง ไอ้บัดซบ!! วางปืนลง!!”โอเบรินตะคอกใส่อารมณ์และจ่อเข้ามาใกล้นอร่าห์เรื่อยๆ จนสเลเยอร์โยนปืนทิ้งไป “ดีมาก…เอามือวางไว้บนหัว และเดินมานี่ ช้าๆนะ ไม่งั้นลูกศรได้ปักหัวน้อยๆของแฟนแกแน่” เจสันค่อยๆเดินมาช้าๆพร้อมกับเอามือวางไว้บนหัว โอเบรินค่อยๆเดินอ้อมไปที่ด้านหลังของสเลเยอร์ ที่พยายามส่งสัญญาณบอกนอร่าห์ และเธอพยักหน้าๆน้อยๆในตอนที่โอเบรินไม่ได้หันไปมอง นอร่าห์ฉวยโอกาสพุ่งกระแทกใส่โอเบรินจนเสียการทรงตัวเล็กน้อย เปิดโอกาสให้สเลเยอร์คันธนูจนลูกศรไปปักบนผนัง จากนั้นจึงต่อสู้กันอย่างนัวเนีย โอเบรินใช้ด้ามฟาดใส่สเลเยอร์จนไปพิงหลังโต๊ะ แต่สเลเยอร์คว้ากล่องเครื่องมือแสตนเลสที่ใกล้ที่สุดเข้าฟาดใส่หัวโอเบรินจนสลบไป สเลเยอร์รีบไปดูนอร่าห์และแก้มัดเธอทันทีที่มีโอกาส และสวมกอดเธอด้วยความเป็นห่วง

    “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ นอร่าห์…ไม่เป็นไรแล้ว”เจสันพูดกล่อมในขณะที่เธอตัวสั่นและร้องไห้ เขาพยายามเช็ดน้ำตาเธอในขณะที่กำลังสะอื้น

    “มันฆ่าพ่อฉัน เจสัน…มันฆ่าโจเซฟ”นอร่าห์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วและเต็มไปด้วยความเศร้า เจสันก้มหน้าคิ้วขมวดเมื่อได้รู้ว่าคนที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สองของเขาต้องตายไปเพราะศัตรูที่เขาปล่อยมันรอดไปได้เมื่อคราวก่อน เขาลุกขึ้นและหยิบปืนสั้นสำรองในคลังอาวุธใส่แม็กซ์กาซีนและปลดเซฟตี้จากนั้นเดินไปตรงโอเบรินที่สลบอยู่ เขาลั่นไกเข้าที่ลำตัวสามนัดด้วยกระสุนเจาะเกราะ อีกห้านัดเข้าที่หัวแบบไม่ยั้ง

    “ไม่ปราณี”เขาเอ่ยปากขึ้น จากนั้นเขาพยุงตัวนอร่าห์ขึ้นและพาเธอไปยังห้องนอน “เธอแต่งตัวซะ เอาชุดที่ง่ายต่อการเคลื่อนที่ ที่สุด ตอนนี้เราต้องไปยังที่ปลอดภัยก่อน”

    “ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกัน เจสัน? ทำไมพวกอาชญากรและวายร้ายออกมาเพ่นพ่าน…”

    “ชูว…ไว้ฉันจะเล่าให้เธอฟัง เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมของแต่ระหว่างนี้เธอทำตามที่ฉันบอกก่อน โอเคนะที่รัก?”เจสันพูดตัดบทอย่างเร่งรีบ เขาไม่รอให้เธอตอบรับและวิ่งเข้าไปยังคลังแสง เพื่อเปลี่ยนชุดเป็น ชุดออกรบเต็มอัตราศึก เขาเติมกระสุนและเตรียมอาวุธให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะพอขนได้ และหยิบดาบคาตานะที่ดัดแปลงพิเศษมาสวมไว้ตรงส่วนหลังที่มีไว้ให้เก็บดาบ และหยิบหน้ากากสำรองมาสวมแทนอันเก่าที่ทิ้งไว้ที่ฐานของแม็กซ์

    แต่ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของนอร่าห์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระจกแตก

    “นอร่าห์!!”เจสันตะโกนเรียกและออกตัววิ่งไปหาเธอพร้อมกับชักปืนขึ้น เผยให้เห็น แรนคอร์ เดอะวอร์มองเกอร์ คว้าตัวนอร่าห์ไว้

    “อย่าคิดทำอะไรโง่ๆเชียว สเลเยอร์ เราจะไม่จำเป็นต้องมีการต่อสู้ที่นี่อีก…”แรนคอร์พูดสงบศึกก่อนและเห็นคราบเลือดที่ตกอยู่ตรงทางเดินเข้าห้องคลังแสง

    “อย่างที่ข้าคิดไว้เลย โอเบรินจะต้องทำงานพลาด”เขาพูด

    “ปล่อยเธอซะ!!”เจสันตะโกนบอก

    “ข้าจะไม่ฆ่าคนรักของเจ้า สเลเยอร์ ไม่สิ ข้าควรเรียกเจ้าว่าเจสันสินะ จะบอกอะไรให้นะ…”แรนคอร์พูดจากนั้นปล่อยตัวนอร่าห์ลง และพุ่งเข้าไปหาสเลเยอร์ด้วยความเร็วสูงและคว้าของสเลเยอร์ขึ้นอย่างง่ายดายด้วยมือข้างเดียว

    “ข้าจะไม่ฆ่านังนี่ แต่แกจะต้องทำงานให้กับข้าเพื่อแลกกับชีวิตของคนรักแก”แรนคอร์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

  11. #8
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150
    มาแล้วครับ บทที่ 3 "Everything has a price"

    13.35 ค.ศ. 2029


    “ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ”เบนพูดในขณะที่กำลังชื่มชมผลงานที่เขากับแม็กซ์ได้สร้างขึ้นใน ฐานลับใต้ดินของหน่วยแฮนด์ในเมืองเซนทรี่ ที่อยู่ในบังเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในโลก
    เครื่องจักรที่เขาสร้างขึ้นคล้ายกับวงแหวนทับซ้อนกันสองชั้น และแท่นพลังงานสีแดงที่มาจากเบนที่นำมันมา

    “เรายังไม่เคยทดสอบมันเลยบางทีเราน่าจะใช้เวลาทดสอบอย่างน้อยเดือนหรือสองเดือน…” เบนหันควับ “ไม่ต้องแล้ว! เราต้องทำเลยเดี๋ยวนี้!”เขาขึ้นเสียงแข็ง แววตาของเขาเบิกกว้างเหมือนคนเสียสติ และหันกลับไปเก็บของ

    “สรุปคุณจะบอกผมได้รึยัง เบน ว่าคุณนำเจ้าสิ่งนี้มาได้ยังไง?”แม็กซ์ถามในขณะที่ มือเขายังกุมแคปซูลที่เก็บพลังงานบางอย่างไว้อย่างไม่ห่างจากมือตั้งแต่ที่เขาทั้งสองมายังฐานลับขององกรค์แฮนด์แห่งนี้

    “ไหนๆแล้ว แม็กซ์ เรามาเริ่มกันเลยเถอะ!”เบนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ ดวงตาเปิดกว้างและยิ้มร่า เขาแตะไหล่แม็กซ์ทิ้งน้ำหนักมือหนักและเขย่าจนตัวแม็กซ์ส่ายเล็กน้อย เขาแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่แม็กซ์ถามเลย
    ชุดเกราะซีโร่ของเบนค่อยๆปรากฏตัวผ่านผิวหนังเขา ในขณะที่เบนกำลังเตรียมยาอะไรบางอย่างพร้อมกับเข็มใส่เข้าอุปกรณ์อย่างเร่งรีบ เหงื่อของเขาไหลพรากและหน้าแดงก่ำ ก่อนที่หมวกจะสวมเข้าใบหน้าปิดบังหน้าเขา
    “เบน…”
    “มัวรออะไรอยู่ แม็กซ์ แต่งตัวสิ เราไม่รู้ว่าถ้าผ่านวงแหวนนี้ไป จะเจอกับอะไร นายได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่ตอนนี้นายต้องช่วยทำในสิ่งที่ฉันต้องเป็นการตอบแทนบ้าง”

    “ผมรู้ แต่…ยังไงเขาก็ไม่ใช่เมียคุณนะ เบน เมียคุณตายไปแล้ว…”แม็กซ์ค่อยๆไปใกล้ๆ เบนที่หยุดชะงักลงจากคำพูดของแม็กซ์มันเหมือนกันย้ำเตือนสติและศีลธรรมของเขา
    หมวกเกราะค่อยๆเผยให้เห็นหน้าเขา ที่แววตาลอกแลก แม็กซ์เห็นความผิดปกติของเบน นัยต์ตาของเขาเปลี่ยนสี ตัวของเขาสั่นจากในชุดเกราะจนเขาสังเกตุเห็น ไม่สิ ก็ครั้งตั้งแต่ที่มาที่ฐานแล้ว อาการแบบนี้มาให้เห็นเป็นพักๆ แต่มันหายไปแล้ว “ไม่ แม็กซ์ นายไม่เข้าใจ”เขาพูดพร้อมกับ เดินไปเปิดเครื่องวงแหวนที่ทับซ้อนค่อยๆหมุนและเพิ่มความเร็วขึ้น พลังงานสีแดงไหลเข้าสู่วงแหวนจน เป็นความเร็วที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า พลังงานสีแดงปรากฏขึ้นตรงกลางวงแหวนที่หยุดชะงัก พลังงานเริ่มคงเสถียรภาพ ในขณะที่แม็กซ์สวมชุดที่ป้องกันรังสี

    “เอาล่ะ หลังเข้าประตูไปแล้ว ผมจะทำการปิดประตูด้วยรีโมตนี้ เราคงไม่ต้องการให้อะไรออกมาก่อนเราจะถึงหรอกนะ” แม็กซ์หยิบปืนที่เขาพึ่งจะประดิษฐ์โดยมีพลังงานสีแดงประจุอยู่ในนั้น
    ทั้งสองเดินเข้าผ่านม่านพลังไป โดยที่เบนเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล แม็กซ์ค่อยๆก้าวอย่างกล้าๆกลัวๆ เขายังไม่ได้ลองทดสอบความเสถียรของประตูนี้ แม้ค่าที่วัตจากพลังงานสีแดงนั้นจะคงที่และให้พลังงานสูงอย่างไร้ขีดจำกัดก็ตาม ทั้งสองเดินผ่านประตูไปโผล่อยู่ตำแหน่งเดียวกับฐานลับใต้ดิน แต่ที่นี่กลับเป็นเพียงท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ใต้ดินธรรมดา

    “เราทำสำเร็จ”เบนพูด แม็กซ์ยิ้ม แม้จะไม่เห็นใบหน้าของเบน แต่ก็รู้เขากำลังยิ้มอย่างดีใจ แม็กซ์มองไปรอบๆ สภาพคล้ายคลึงกับที่โลกเดิมของพวกเขา แม็กซ์จึงถอดหมวกและชุดออก เพื่อให้ดูเหมือนคนปกติ ชุดเกราะของเบนค่อยๆไหลกลับสู่ร่างกายของเบนเช่นกัน ทั้งสองเดินไล่ตามทางของท่อเพื่อหาบันไดขึ้น จากนั้นไปโผล่อยู่ตรงซอกแห่งหนึ่งในยามค่ำคืน เบนขึ้นไปเป็นคนแรก และดันฝาท่อออก ทั้งสองขึ้นมายังด้านบนได้สำเร็จ ขนาดเป็นเพียงตรอกซอยเล็กๆแต่กลับไร้ขยะและสะอาดจนผิดวิสัยที่พวกเขาอาศัย อากาศที่สดชื่นกว่าปกติแม้ขนาดอยู่ในตัวเมือง แม็กซ์มองออกไปยังถนนที่ไม่มีแม้แต่รถและคนเดิน จากนั้นเขาชะเง้อมองหน้าต่างจากตึกทาวเฮาส์ข้างๆ ที่มีแสงไฟ แต่ไร้ซึ่งเสียงของผู้คน

    “ผมว่ามันดูผิดปกติไปหน่อยนะ เบน ผมว่า…” แม็กซ์หันไปอีกที เบนกลับหายไปตัวไปอย่างไร้ซึ่งเสียง

    “เบน!”แม็กซ์ตะโกนเรียก และก้าวเท้าวิ่งเพื่อจะไปยังอีกฟากของอีกซอย คงหวังไม่ให้เบนทำอะไรผลีผลาม แต่ทันใดนั้นบางอย่างคว้าคอเขาไว้ที่กำลังล่องหนอยู่จากนั้นมันค่อยๆปรากฏตัวเป็นชุดเกราะซีโร่ของกรีนแจ็คเก๊ต หรือ เบนนั่งเองแม็กซ์พยายามคลำหาปืนที่พาดไว้ข้างกายเขาอย่างเร่งรีบแต่กลับเอื้อมไม่ถึง จากนั้นเบนใช้มือซ้ายคว้ารีโมตจากกระเป๋าเสื้อของแม็กซ์

    “เสียใจด้วยนะ แม็กซ์” หน้ากากค่อยๆเปิดเผยให้เห็นใบหน้าของเบน “ฉันไม่ยอมให้นายมาขัดขวางฉันหรอก…” แต่ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของเบนจนล้มไป แม็กซ์ที่หลุดจากมือเบนมาได้ คว้าปืนขึ้น ด้านหลังคือ ชายร่างเล็กผอมบาง แววตาที่เลือดเย็น ผมสีดำหยักโศกมันเงา ในชุดเกราะตรงแผงอกที่มีพลังงานสีแดงบนชุดสีดำ พร้อมกับจักรกลสังหารถืออาวุธที่คล้ายคลึงกับแม็กซ์แต่ล้ำหน้ากว่าเขามากนักอีกห้าคน

    “ในนามของแรนคอร์ จงคุกเข่าลง…เดี๋ยวนะ แมกเซย์ นั่นแกเหรอ?”ชายผู้นั้นพูดอีกชื่อนึง แม็กซ์ยังคงนิ่งไม่ตอบคำถามอะไรแต่ท่าทีรนรานและส่ายปืนไปมา และเห็นรีโมตตกอยู่ใกล้ๆกับเบนที่นอนนิ่งอยู่

    “[เป้าหมาย] ไม่พบชื่อนี้ในฐานข้อมูล [โลกที่กำเนิด] โลก 551”จักรกลแสกนร่างกายแม็กซ์ เบนที่ได้สติค่อยๆลุกขึ้นมาและชุดเกราะของเบนปรับเป็นโหมดโจมตีทันที แผงปืนพลาสม่าปรากฏขึ้นบนไหล่ทั้งสองข้าง และโจมตีใส่ ชายที่โจมตีใส่เขาจนกระเด็นไป พวกทหารจักรกลเปิดฉากโจมตีใส่เบนทันที แต่อาวุธพวกมันไม่สามารถโจมตีผ่านชุดเกราะซีโร่ของเบนได้ จากนั้น กรีน แจ็คเก็ตพุ่งเข้าไปหาจักรกลสังหารทั้งห้า คว้าหัวมาตัวหนึ่งและบีบจนเละกระจายเป็นชิ้นส่วนเศษเหล็ก ปืนจากบนมือที่เป็นจรวดขีปนาวุธขนาดเล็กยิงอัดใส่ อีกสองตัวจนเละไป และปืนพลาสม่ายิงเผด็จอีกสองตัวจนสลายไป แม็กซ์ที่สบโอกาสคว้ารีโมตตรงพื้นและรีบลงท่อระบายน้ำหวังจะกลับมิติเดิม แต่ทว่า เบนรู้ทัน คว้าหลังเสื้อของแม็กซ์และเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังจนจุก และเล็งปืนมาที่แม็กซ์

    “แกคิดว่าแกจะไปไหน แม็กซ์ ฉันกะไว้แล้วเชียวว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ของการเดินทางครั้งที่สองของฉัน”เบนพูด

    “อะไรน่ะ…นี่คุณ…เคยมาที่นี่งั้นเหรอ?”แม็กซ์พูดน้ำเสียงของเขาแผ่วเขายังจุกกับการกระแทกเมื่อครู่นี้ ปืนของเขาอยู่ห่างมือไป ไม่ทันการ ชีวิตเขาจะต้องจบลงที่นี่โดยไม่ได้ทำอะไรและตายด้วยมือของสหายที่กลายเป็นคนวิกลจริตที่จะขโมยผู้หญิงอื่นที่เขาคิดว่าเป็นคนรัก

    “ไม่ว่าจะยังไง ภารกิจของฉัน ยังคงอยู่…” แต่ทันใดนั้น แม็กซ์เห็นบางอย่างปรากฏตัวจากด้านหลังเบน

    “แต่ตอนนี้แกจะไม่ได้อยู่แน่!”เสียงของเจเนซิสพูดขึ้นจากด้านหลังจากนั้นใช้มือทั้งสองข้างกระชากปืนพลาสม่าตรงไหล่ของเบนจนหลุดไม่มีชิ้นดี และใช้พลังเหนือมนุษย์เหวี่ยงกรีน แจ็คเก็ตไปกระแทกกับผนังอิฐจนทะลุไปอีกห้อง

    “เดี๋ยวข้าจะกลับมาจัดการกับแก”เจเนซิสหันมาที่แม็กซ์ที่พยายามคลานหนี เบนพยายามลุกขึ้นมาจากการกระแทกที่รุนแรง ชุดซีโร่ของเขากำลังเริ่มกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง จากนั้นเขาใช้ปืนจากตรงแขนโจมตีใส่เจเนซิส ที่เดินเข้ามาแต่ไม่อาจจะทำอะไรเจเนซิสได้พลังสีแดงบางอย่างป้องกันไว้ จอมดูดซับพลังงานแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับโจมตีสวน กรีน แจ็คเก็ตเปิดโล่ห์พลังขึ้นมา แต่ไม่เป็นผล โล่ห์ถูกทำลาย ลำแสงเล็ดรอดเข้ามาจนเกราะตรงส่วนแขนซ้ายจนถึงหน้าอกหายไป มือซ้ายของเขาสั่นเทาจนลุกขึ้นไม่ได้และ มีรอยไหม้ตรงแขน

    “ทีนี้แกจะทำยังไงต่อล่ะ ไอ้หุ่นกระป๋อง”เจเนซิสพูดพร้อมกับซัดหมัดตรงเข้าที่หน้ากากจนบุบ และลงไปนอนราบ เจเนซิสกระชากหน้ากากของเบนออก และกระชากชุดเกราะซีโร่ทิ้งอย่างสบายๆ
    แม็กซ์รีบคว้าปืนกับรีโมตขึ้นมา เพื่อจะรีบหนีกลับสู่มิติเดิม แต่ทันใดนั้น พวกจักรกลสังหารเข้ามาตามสัญญาณฉุกเฉินเมื่อมีจักรกลสังหารในแถบนั้นเกิดการต่อสู้
    นาวิเกเตอร์ หรือ แม็กซ์ จึงรีบคว้าปืนของเขาที่ประดิษฐ์ไว้ยิงใส่ทันที และกระโดดลงท่อระบายน้ำที่ยังเปิดคาไว้อยู่ ขาของเขากระแทกจากการตกที่สูงทำให้ขาซ้ายเกิดอาการขาแพลง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะเอาชีวิต พวกจักรกลกระโดดตามลงมา เขาลั่นไกทันทีที่เห็นพวกมัน แต่ทำได้แค่ชะลอมันไว้เท่านั้น พวกมันยิงสวนใส่แม็กซ์ จนมันลำแสงเฉี่ยวขาซ้ายอีกข้างจนเขาล้มเสียหลักลงบนพื้นที่เปียกโชกที่เต็มไปด้วยน้ำเสีย เขาพยายามคลานเพื่อหยิบปืนที่ตกอยู่บนพื้น แต่พวกทหารจักรกลเดินตามมาจะถึงตัวเขา แม็กซ์พยายามเอามือคลำหาปืน แต่ดวงตาจ้องไปที่จักรกลสังหารอย่างไม่ละสายตา เขาคว้าปืนอย่างรนรานและลั่นไกทันทีที่ขึ้นลำกล้อง เขาลั่นไกไปหลายนัดแต่ไม่โดนสักนัด เพราะยิงอย่างตกใจโดยที่ไม่ได้เล็งรวมถึงน้ำหนักปืนของแม็กซ์ที่น้ำหนักเกิน ลำแสงยิงทะลุเพดานอิฐด้านบนแทน จักรกลเล็งปืนมาที่แม็กซ์เมื่อได้ระยะ เสียงพลังงานที่อยู่บนปืนของเจ้าจักรกลสังหารดังจนแม็กซ์ได้ยิน เขาชะเง้อมองไปบนเพดานที่เขายิงไปมันเริ่มมีรอยแตกของเพดานอิฐ

    “ในนามแห่ง โอคูลัส เจ้าสิ่งแปลกปลอม…” เพดานด้านบนทะลายลงมาทับพวกจักรกลสังหาร แม็กซ์รอดอย่างหวุดหวิด แม็กซ์พยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล และปัดฝุ่นตรงชุดและผมของเขา

    “นี่ฉันยังมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำนะนี่…”แม็กซ์อุทาน จากนั้นเขาเตรียมจะก้าวเท้าเดินต่อ เพื่อจะกลับไปยังตำแหน่งเดิม แต่ทันใดนั้นแขนของทหารจักรกลยื่นทะลุมาคว้าขาแม็กซ์ไว้ และบีบขาจนแน่น แม็กซ์ร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่ทันการแล้ว เขากดปุ่มรีโมต ประตูมิติปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แต่พลังงานไม่เสถียร ติดๆดับๆ เขาพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมัน แต่เขาดิ้นแรงเกินจนทหารจักรกลหลุดออกมาจากซากปรักหักพังทำให้ทั้งสองหลุดเข้าประตูมิติออกไป โผล่บนกลางถนนเลนสตีทในเมืองเซนทรี่ รถในละแวกนั้นเบรกกับหักเลี้ยวกระชั้นชิดทำให้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อแม็กซ์ปรากฏตัวอย่างฉับพลัน แต่โชคยังเข้าข้างแม็กซ์ เขาสลัดหลุดจากจักรกลสังหารมาได้ และพยายามวิ่งขึ้นฟุตบาตอย่างไม่คิดชีวิต ประชาชนละแวกนั้นออกมามุงดูเหตุการณ์ และช่วยเหลือผู้สบอุบัติเหตุ แต่เจ้าจักรกลสังหารยังคงทำงานอยู่แม้จะเหลือเพียงครึ่งตัว มันคลานตรงมาหาแม็กซ์เพื่อจะทำหน้าที่ของมัน

    “ในนามแห่ง โอคูลัส แห่ง#@วอร์@$^มองเกอร์..”มันพูด แต่แม็กซ์ไม่ทนฟังต่อเขาใช้ปืนกราดยิงจนมันเละไม่มีชิ้นดี ผู้คนแตกตื่นจากการโจมตีของแม็กซ์วิ่งหนีกระจัดกระจาย ไม่ถึงห้านาทีเสียงไซเรนดังไกลออกไปไม่กี่เมตร เขาต้องรีบปลีกตัวออกไปก่อนที่จะมีหนึ่งในซายด์ โซไซตี้มาที่นี่

    “นั่นคือต้นเหตุของทุกอย่างที่เกิดขึ้น สาเหตุมันเป็นเพราะเบนและผม หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมตระหนักได้ว่าหากปล่อยมิตินั้นยังคงอยู่ต่อไป มันอาจจะทำให้โลกเข้าสู่สงครามอีกครั้ง ผมตัดสินใจนำพลังงานอันน้อยนิดที่สะกัดจากพลังงานที่เบนนำมาทำเป็นระเบิด ระเบิดที่สามารถทำให้ดาวทั้งดวงหมอดไหม้ ผมเรียกมันว่า เวิร์ลคิลเลอร์ หลังจากนั้นผมได้กลับไปมิตินั้นอีกครั้งและได้วางระเบิดที่นั่นหวังจะให้มันแหลกสลายไปพร้อมกับความวิปลาศของเบน แต่ผมทำพลาด มันทำให้ดาวเกิดแตกดับก็จริงแต่มันทำงานเหมือนปรสิตคอยทำลายดาวที่ละเศษเสี้ยว ยังไงเสีย พวกมันทำสำเร็จและส่งโอเร็นแฝงตัวเข้ามาผมรู้ได้ทันทีเพราะเครื่องสแกนตรวจจับสิ่งแปลกปลอม แต่มันเลวร้ายกว่านั้น เธอได้ปล่อยนาโนไวรัสเข้าสู่กระแสน้ำและในน้ำดื่มขององค์กรแฮนด์พวกมันได้แทรกซึมอยู่ในหมู่พวกเราเพียงไม่กี่เดือน ผู้คนหายไปอย่างไร้ร่องรอย คนที่เรารู้จักได้กลายเป็นจักรกลสังหารอย่างเลือดเย็นมันยังคงไม่แสดงอาการรอคอยวันแห่งการช่วงชิง หลังจากเหตุการณ์สิ้นโลกเกิดขึ้น ผมได้รับการติดต่อจากแรนคอร์ซึ่งเขายังคงหาผมไม่พบพวกเขายังต้องการจะกลับไปบ้านเกิดของพวกมัน เจ้าสิ่งที่เรียกว่า โอคูลัส ได้ค้นพบวิธีทำให้พวกมันมายังมิติของเราได้ แต่กลับไม่ได้ เพราะพลังงานที่มันมียังไม่เพียงพอ เหลือเพียงเจ้าสิ่งประดิษฐ์วงแวหนมิติที่ผมกับเบนสร้างขึ้นยังคงทำงานอย่างเสถียรหลังจากการปรับแต่ง ดังนั้นที่นี่คือปราการสุดท้ายของพวกเราที่รวมอาวุธและเสบียงที่สามารถอยู่ได้นานถึงหนึ่งปีเต็ม และอุปกรณ์ย้ายมวลสารแบบเดียวกับซายด์ ทาวเวอร์และดาวเทียมตรวจจับที่เปิดระบบเงาสะท้อนทำให้มันรอดพ้นจากแรนคอร์ไปได้ มันเป็นความผิดของผมเองผู้พัน มันป็นเพราะผมมาตลอด”แม็กซ์พูดในขณะที่ ทีมซาเวจที่รอดตายจากสมรภูมิรบ ที่พวกเขานั่งอยู่ในส่วนห้องประชุม ทุกคนได้แต่นั่งเงียบ เจมส์ที่เบนหน้าหนีจากเหตุการณ์อันเลวร้าย พวกเขาต้องเสียสหายไปจำนวนมากรวมทั้งผู้บริสุทธิ์ คอปเปอร์หัวเราะ แต่ในทีมรู้ดี มันคือหัวเราะอย่างสิ้นหวัง มันคืออารมณ์ขันตลกร้ายของคอปเปอร์

    “โลกเราตอนนี้เหลือฮีโร่และคนที่พอสู้ไม่กี่คนไม่พอ เจอกับเหล่าร้ายที่เราเคยจับมันเข้าตาราง ยังจะต้องมาเจอจักรกลอัจฉริยะครองโลก…”คอปเปอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอาแขนพิงผนังกับท้าวสะเอว

    “ขอบใจที่นายเล่าความจริงให้ฉันฟัง…”โคโลเนลพูดพลางกับลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่เขาเหวี่ยงโต๊ะจนล้ม และพุ่งกระชากคอของแม็กซ์อย่างดุดัน

    “แต่ทำไมนายไม่บอกเราแต่แรก!!”โคโลเนลตะคอกใส่ บียอร์ลและวอร์ลอร์ดเข้ามาห้ามทัพไว้ “ใจเย็นก่อน ผู้พัน!”

    “ถ้านายไม่คิดเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดมาอยู่ฐานเฮงซวยนี่ ป่านนี้สหายของเราก็ไม่ต้องมาตาย!” แม็กซ์หน้าถอดสีและยังคงไม่ตอบอะไร

    “ผมขอโทษ…”แม็กซ์พูด

    “ขอโทษแล้วมันได้ห่าอะไรวะ!?”คอปเปอร์เข้ามาเสริม

    “พอที!”คอสมอสขึ้นเสียงแทรกและใช้พลังทุบพื้นจนวงแตก

    “มันก็จริงว่ะที่มันเป็นความผิดของแม็กซ์ แต่ฉันอยากจะให้พวกนายตั้งสติ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นฉันมากกว่า เหอะ ๆ แต่มานั่งโทษกันอยู่แบบนี้มันคงไม่ใช่เวลาที่ถูกเลยว่ะ อดีตมันผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ ตอนนี้เรามาหาวิธีจัดการกับมันดีกว่า แล้วสเลเยอร์ยังคงหายตัวไปอีก มันถึงเวลาแล้วผู้พัน ที่นายจะต้องรวมพลเหล่าฮีโร่คนอื่นๆที่ยังรอดมารวมตัวกันส่งสัญญาณออกไปให้พวกเขาเตรียมพร้อม เราไปรับ และโจมตีพวกมันแบบกองโจร จัดการพวกมันทีละเล็กละน้อย”คอสมอสที่อยู่ดีๆก็พูดปลุกใจสมาชิกในทีม จนทำให้เห็นทางสว่าง

    “พูดอะไรดีๆแบบคนอื่นเขาก็เป็นนี่ คอสมอส”บียอร์นแทรก คอสมอสหันควับมาหาบียอร์น

    “เออน่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”คอสมอสทิ้งท้าย

    “ขอบใจที่เรียกสติฉันน่ะ คอสมอส”โคโลเนลสงบอารมณ์ได้กล่าวคำขอบคุณ



    ผมเริ่มเกริ่นของการรวบรวมสมาชิกทีมของฮีโร่แล้วนะครับ หากใครยังสนใจลงสมัครตัวละครหรือวายร้ายก็ลงมาได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ

  12. #9
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Oct 2014
    กระทู้
    77
    กล่าวขอบคุณ
    40
    ได้รับคำขอบคุณ: 18
    Red Kop เค้าเป็นแฟนบอลลิเวอร์หรือป่าวครับ อิอิอิ แต่ชอบ

  13. #10
    ชอบดูไม่ชอบโพสต์
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    52
    กล่าวขอบคุณ
    28
    ได้รับคำขอบคุณ: 150
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ClickOnline อ่านกระทู้
    Red Kop เค้าเป็นแฟนบอลลิเวอร์หรือป่าวครับ อิอิอิ แต่ชอบ


    ฮ่า ๆ อันนี้ คอป มาจากชื่อของเพื่อมผมคนนึงครับ แล้วมันเป็นคนเท่ๆ ละเป็นแฟนบอล ผมเลยมานำเป็นชื่อฮีโร่ครับ ไม่ได้มีความหมายอะไรแอบแฝง แหะๆ


 

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top