แฟนเครียดหลังจากจูบแรกครับ

[loaded001]

ผมและแฟนอายุ 18 เท่ากันครับ เรื่องมีอยู่ว่าผมร้องเพลงให้แฟนฟังแล้วแฟนก็เอาปากมาประกบกับปากผมแล้วเราก็จูบกันแบบเต็มใจทั้งสองฝ่าย แต่เราจบแค่จูบกันนะครับ พอจูบเสร็จ ผมก็เห็นแฟนร้องไห้ ผมจึงถามว่าร้องไห้เรื่องอะไร แฟนก็บอกมาบอกว่า เรื่องที่จูบกัน เพราะว่าเธอรู้ศึกเป็นเด็กไม่ดี เพราะเมื่อก่อนเธอเคยมอง เด็ก ม.3 ม.4 ที่จูบกันแล้วเธอไม่ชอบ แต่คราวนี้มาเกิดขึ้นกับเธอ เธอบอกว่า เรื่องนี้ควรทำหลังแต่งงานกันไปแล้ว ตอนนี้แฟนเครียดมากครับ แล้วก็บอกผมว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้า ผมปลอบไปหลายรอบแล้วครับ ใครพอจะมีทางออกช่วยทีครับ

[blacklotus55]

ไม่เป็นไรครับ ปกติ คนเราตอนวัยรุ่น ก็จะมี "ทัศนะคติแบบฝังหัว" ของแต่ละคนต่างกันไป ตอนผมอายุเท่าคุณ แฟนผมตอนนั้นเวลานั้น ก็มีอะไรคล้าย ๆ กันเนี่ยแหละ

ผ่านมาแล้ว 10 ปี ตอนนี้ เป็นผู้ใหญ่ ความคิดอะไร ๆ มันจะเปลี่ยนไปเองครับ ถ้าคุณอยากจะแก้เรื่อง

แฟนคุณเนี่ย น่าจะมีทัศนะคติเรื่อง "ชีวิตหลังแต่งงาน" อย่างมากเลย เพราะ "พ่อ-แม่ สอนมาดี พ่อไม่เคยนอกใจแม่เลย" โตมาแบบครอบครัวอบอุ่นสุด ๆ

ถ้าคุณมีแฟนแบบนี้ คุณก็ต้องทำตัวให้เป็น "ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษ" แบบสุด ๆ ปลายก้อยไม่แตะ สองแก้มนวลเก็บไว้อีก 10 ปี แต่งแล้วถึงจะได้แอ้ม (รอจนเหงือกแห้ง กว่าจะได้เสียบ)

ถ้าคุณรักจริง รอได้ พร้อมจะเสี่ยงก็แล้วไป แต่ถ้าคุณบู๊ตีประตูเมือง มองว่าเรื่องแบบนี้มันปกติ เหมือนวัยุร้อยละ 95 สมัยนี้ "ตีตัวออกห่าง + บอกเลิก + หาแฟนใหม่" ไปเลยครับ

แต่ถ้ารักจริง สุภาพบุรุษพอ ไปปลอบ + สาบาน + ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ รออีก 10 จนวันแต่ง ค่อยแตะปลายก่อยเค้าครับ จุ๊บ ๆ

[L4ST7T4ND]

สะกดคำว่ารักตามแพรวานะก้ะ

ยอ-เอะ-ดอ รัก ค่ะ !

กำไม่เกี่ยว
บอกไปว่า มันเกิดขึ้นไปแล้ว
กังวลไปก็เท่านั้น ต่อจากนี้ผมจะระวังเอง
สบายๆเหอะ

[news888]

ไม่เป็นไรครับ ปกติ คนเราตอนวัยรุ่น ก็จะมี "ทัศนะคติแบบฝังหัว" ของแต่ละคนต่างกันไป ตอนผมอายุเท่าคุณ แฟนผมตอนนั้นเวลานั้น ก็มีอะไรคล้าย ๆ กันเนี่ยแหละ

ผ่านมาแล้ว 10 ปี ตอนนี้ เป็นผู้ใหญ่ ความคิดอะไร ๆ มันจะเปลี่ยนไปเองครับ ถ้าคุณอยากจะแก้เรื่อง

แฟนคุณเนี่ย น่าจะมีทัศนะคติเรื่อง "ชีวิตหลังแต่งงาน" อย่างมากเลย เพราะ "พ่อ-แม่ สอนมาดี พ่อไม่เคยนอกใจแม่เลย" โตมาแบบครอบครัวอบอุ่นสุด ๆ

ถ้าคุณมีแฟนแบบนี้ คุณก็ต้องทำตัวให้เป็น "ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษ" แบบสุด ๆ ปลายก้อยไม่แตะ สองแก้มนวลเก็บไว้อีก 10 ปี แต่งแล้วถึงจะได้แอ้ม (รอจนเหงือกแห้ง กว่าจะได้เสียบ)

ถ้าคุณรักจริง รอได้ พร้อมจะเสี่ยงก็แล้วไป แต่ถ้าคุณบู๊ตีประตูเมือง มองว่าเรื่องแบบนี้มันปกติ เหมือนวัยุร้อยละ 95 สมัยนี้ "ตีตัวออกห่าง + บอกเลิก + หาแฟนใหม่" ไปเลยครับ

แต่ถ้ารักจริง สุภาพบุรุษพอ ไปปลอบ + สาบาน + ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ รออีก 10 จนวันแต่ง ค่อยแตะปลายก่อยเค้าครับ จุ๊บ ๆ

คหสต.ท่าน ผมอ่านแล้วได้ข้อคิดดีมากครับ แต่มาดั้นตรงๆกลางๆตรงที่ว่า
สองแก้มนวลเก็บไว้อีก 10 ปี แต่งแล้วถึงจะได้แอ้ม (รอจนเหงือกแห้ง กว่าจะได้เสียบ) มันใช่เลยครับ
ผมว่าเด็กสมัยนี้ส่วนมากก็แค่เล่นๆอะครับที่ครบกันด้วยใจจริงๆผมว่ามีน้อย แต่ก็มีอยู่บ้างนั้นละ

[loaded001]

ไม่เป็นไรครับ ปกติ คนเราตอนวัยรุ่น ก็จะมี "ทัศนะคติแบบฝังหัว" ของแต่ละคนต่างกันไป ตอนผมอายุเท่าคุณ แฟนผมตอนนั้นเวลานั้น ก็มีอะไรคล้าย ๆ กันเนี่ยแหละ

ผ่านมาแล้ว 10 ปี ตอนนี้ เป็นผู้ใหญ่ ความคิดอะไร ๆ มันจะเปลี่ยนไปเองครับ ถ้าคุณอยากจะแก้เรื่อง

แฟนคุณเนี่ย น่าจะมีทัศนะคติเรื่อง "ชีวิตหลังแต่งงาน" อย่างมากเลย เพราะ "พ่อ-แม่ สอนมาดี พ่อไม่เคยนอกใจแม่เลย" โตมาแบบครอบครัวอบอุ่นสุด ๆ

ถ้าคุณมีแฟนแบบนี้ คุณก็ต้องทำตัวให้เป็น "ลูกผู้ชายสุภาพบุรุษ" แบบสุด ๆ ปลายก้อยไม่แตะ สองแก้มนวลเก็บไว้อีก 10 ปี แต่งแล้วถึงจะได้แอ้ม (รอจนเหงือกแห้ง กว่าจะได้เสียบ)

ถ้าคุณรักจริง รอได้ พร้อมจะเสี่ยงก็แล้วไป แต่ถ้าคุณบู๊ตีประตูเมือง มองว่าเรื่องแบบนี้มันปกติ เหมือนวัยุร้อยละ 95 สมัยนี้ "ตีตัวออกห่าง + บอกเลิก + หาแฟนใหม่" ไปเลยครับ

แต่ถ้ารักจริง สุภาพบุรุษพอ ไปปลอบ + สาบาน + ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ รออีก 10 จนวันแต่ง ค่อยแตะปลายก่อยเค้าครับ จุ๊บ ๆ

ขอบคุณมากครับท่านน ที่ให้คำแนะนำ เมื่อคืนผมโทรไปคุยชวนไปทำบุญแฟนตกลงไปแล้วครับบ แล้วตอนนี้ท่านยังคบกับแฟนเมื่อ 10 ปีที่แล้วอยู่รึป่าวครับ มีเคล็ดลับอะไรบ้างรึป่าวครับบ ที่รักษาแฟนไว้นานๆ

[blacklotus55]

ขอบคุณมากครับท่านน ที่ให้คำแนะนำ เมื่อคืนผมโทรไปคุยชวนไปทำบุญแฟนตกลงไปแล้วครับบ แล้วตอนนี้ท่านยังคบกับแฟนเมื่อ 10 ปีที่แล้วอยู่รึป่าวครับ มีเคล็ดลับอะไรบ้างรึป่าวครับบ ที่รักษาแฟนไว้นานๆ

คำตอบไม่ได้อยู่ที่ผมอย่างไรหรอก คำตอบอยู่ที่ "ใจคุณ" ต่างหาก ก็อย่างที่ว่าไป คุณจะไม่ได้แตะแม้แต่ปลายก้อย สองแก้มนวล วันนี้คุณอาจเรียนปี 1 มันเป็นก้าวแรกเล็ก ๆ ผ่านไป 3 ปี จบปี 4

นั่นมันแค่ก้าวเล็ก ๆ ชีวิตจริง = เรียนจบ จะบอกความจริง """"" ท่ามกลางพายุสังคมที่รายล้อม รายจ่ายรายล้อม """"" ภาษีสังคม ทุกเสียงพร่ำบ่นจากทุกทิศทาง จนในที่สุดคุณก็พร้อมที่จะแต่งงาน

จะบอกเลย ถ้าใน กทม. แล้วยิ่งด้วย ครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นแบบนั้น คุณก็ต้องหาเงิน 1-2 ล้าน เตรียมไว้เพื่องานแต่ง เพื่อ "ค่ำคืนที่รอคอยมาทั้งชีวิต" ย้ำว่า 1-2 ล้านเป็นเบื่องต้น

ถ้าคุณไม่เชื่อผม "เวลา" จะสอนคุณเอง ว่าจริงไหม

เอาหล่ะ พล่ามมามากพอควร ที่ผมพูดมามันถูกไหม ผมผ่านมาแล้ว อิอิ

""""" วันนั้นแหละ คุณจะได้แตะ ปลายก้อยนิ้วน้อยอรชร สองแก้มนวลเปล่งปลั่ง สองบัวสล้างดังใจหวัง """"" ทุกอย่าง ..................อยู่ที่ใจคุณแค่นั้นเองครับ

แต่ .............ถ้าวันนึงคุณเรียนจบแล้ว พบเจอกับ "มรสุมชีวิต" จนมันบิดเบี้ยวไปจากข้อความนี้ เวลานั้นให้นึกว่า ข้อความนี้เป็น "โมฆะ" นะครับ จุ๊บ ๆ

[[Never]]

สะกดคำว่ารักตามแพรวานะก้ะ

ยอ-เอะ-ดอ รัก ค่ะ !

กำไม่เกี่ยว
บอกไปว่า มันเกิดขึ้นไปแล้ว
กังวลไปก็เท่านั้น ต่อจากนี้ผมจะระวังเอง
สบายๆเหอะ

แหม่ คอ.วอ.ยอ คมจริงๆนะครับ