Gigantic เผยสเป็คขั้นต่ำและสเป็คในระดับแนะนำออกมาแล้วสำหรับแพลทฟอร์ม PC
MOTIGA ต้นสังกันเกม Gigantic ที่หลายๆท่านอาจจะรอเล่นกันอยู่ สำหรับเกมในแนวแฟนตาซีที่จะรองรับการทำงานร่วมกับ DirectX 12 ได้ออกมาเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตัวเกมว่า
ในเวลานี้แม้ว่าตัวเกมจะยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนา แต่ก็มีสเป็คเบื้องต้นสำหรับชาว PC ที่รอจะเล่นเกมดังกล่าวนี้ออกมาให้ได้ทราบกัน
และยังเสริมด้วยว่ามันอาจจะยังมีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่และจะแจ้งให้ทราบอีก ครั้งเมื่อเกมใกล้จะปล่อยออกมา
สำหรับ Gigantic นั้นมีความต้องการใช้งานหรือเล่นกันบน Windows 10 เท่านั้นสำหรับแพลทฟอร์ม PC แต่ทว่าตัวเกมเองก็จะยังคงรองรับการทำงานร่วมกับ API DirectX 11.1
ได้อยู่สำหรับใครที่มีการ์ดจอที่ยังไม่รองรับ DirectX 12 ก็ไม่ต้องเสียใจไปว่าจะไม่ได้เล่นจะไม่ได้ลอง ด้านความต้องการของสเป็ค ณ เวลานี้ดูๆแล้วก็ไม่ได้โหดมากมายนัก
ซึ่งมันมีความต้องการในระดับใด อย่างไรบ้างนั้นตามรายละเอียดในตารางด้านล่างเลยครับ
จุดที่น่าสังเกตเล็กน้อยก็คือในส่วนของ Minimum spec กับในส่วนของกราฟิกที่ต้องการ โดยมีการระบุมาชัดเจนว่าจะต้องเป็นการ์ดจอจากค่าย NVIDIA หรือ AMD เท่านั้น
ซึ่งงานนี้ดูๆแล้ว iGFX จากทาง Intel คงจะหมดสิทธิ์ลุ้น และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ไม่มีการระบุมาด้วยว่าการ์ดขั้นต่ำนั้นจะอยู่ในช่วงโมเดลใด
บอกมาเพียงสเป็คในระดับแนะนำที่ระบุว่าอย่างน้อยๆต้อง GTX 580 หรือ HD6990 ส่วน OS นั้นบังคับเลยว่าจะต้องเวอร์ชัน 64 bit เท่านั้น
เกม Killing Floor 2 พร้อมรองรับเทคโนโลยี NVIDIA PhysX Flex
เบื้องต้นขอว่ากันที่เนื้อข่าวหรือประเด็นหลักกันก่อนนะครับ กับเรื่องราวของเกมจากค่าย Tripwire Interactive สำหรับ Killing Floor 2
ที่มีการปล่อยเดโมออกมาให้ชมกันกับการรองรับเทคโนโลยีใหม่จากทาง
NVIDIA ที่จะช่วยให้ตัวเกมนั้น มีเอฟเฟคที่สมจริงหรือดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น กับเทคโนโลยีที่ชื่อว่า NVIDIA Flex หรือถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายๆว่า NVIDIA Flex
คืออะไรก็ให้นึกเสียว่ามันคือ PhysX ในอีกก้าวของการพัฒนา (เมื่อดูจากวิดีโอแล้วน่าจะเข้าใจมากขึ้น)
สำหรับสิ่งที่น่าสนใจของ การปล่อยเดโมออกมาให้ชมกันจริงๆแล้วนั้น ประเด็นน่าจะอยู่ที่เรื่องของการใช้ทรัพยากรของตัว Hardware
ซึ่งคงจะพอเป็นที่ทราบกันว่าหโดยปรกติแล้วการทำงานด้าน Physics จะพลังหรือทรัพยากรของ CPU ค่อนข้างเปลืองมากหรือเป็นภาระให้กับซีพียูเป็นอย่างมาก
ส่วนเทคโนโลยี PhysX จากทาง NVIDIA ก็จะมีการใช้ทรัพยากรจากตัว GPU เข้ามาประมวลผลแทน ลดภาระให้กับตัว CPU
ลงไปได้เป็นอย่างมาก และสำหรับเดโมตัวอย่างที่จะได้ชมกันต่อไปนี้ เป็นเพียง Test map หรือฉากสำหรับทดสอบเท่านั้น แต่เมื่อมองจากการ์ดจอที่ทางผู้ทดสอบเลือกใช้งานที่เป็นเพียง
EVGA GTX 960 SC 2GB ผลที่ออกมาก็ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยเฟรมเรตในช่วง 40-60fps ที่ระดับความละเอียด 1080p
เมื่อ ได้ชมตัววิดีโอกันไปแล้ว ผมว่าเวลานี้น่าจะเริ่มเข้าใจมากขึ้นบ้างแล้วใช่ไหมละครับว่า NVIDIA Flex คืออะไร เข้ามาช่วยในส่วนไหน
ซึ่งถ้าจากในตัววิดีโอก็ชัดเจนสำหรับการแตกกระจายของตัวละคร ที่มันเริ่มมีความสมจริง เริ่มสร้างความขยะแขยงหรือสะอิดสะเอียนให้กับเราได้มากขึ้น
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ดูอยู่นั้นเป็นเพียงเกมก็ตามที และหากใครที่สนใจเกี่ยวกับตัวเกม อยากจะลองหามาเล่นดู หรืออาจจะเล่นกันอยู่
เวลานี้มันยังไม่เปิดตัวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องของสเป็คนั้นก็หายห่วงได้เลยครับ (ตามรายละเอียดด้านล่าง)
KILLING FLOOR 2 PC Requirements
Minimum:
CPU: Core 2 Duo E8200 2.66GHz or Phenom II X2 545
GPU: GeForce GTS 250 or Radeon HD 4830
RAM: 3GB
OS: Win7 64
Recommended:
CPU: Core 2 Quad Q9550 2.83GHz or Phenom II X4 955
GPU: GeForce GTX 560 or Radeon HD 6950
RAM: 4GB
OS: Win7 64
ส่วน ใครที่สนใจเกี่ยวกับ NVIDIA Flex Technology นั้น ไม่ต้องกังวลครับ เรื่องนี้เดี๋ยวผมจะเขียนมาให้ได้ติดตามชมกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจริงๆผมก็ได้เรียบเรียงไว้บ้างแล้ว
แต่ทว่ายังไม่มีฟิวที่จะละเลงแบบเต็มตัวเท่านั้นเอง แต่ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะได้อ่านกันครับ มีความรู้สึกว่า ฟิลลิ่งกำลังจะมา ^_^
Microsoft Windows 10 มาพร้อมกับฟีเจอร์สอดแนมการใช้งาน PC จากเด็กๆ
อย่าง ที่เราพอจะทราบกันว่า Windows 10 มาพร้อมกับ ข้อตกลงการใช้งาน ที่มีการวิพากษ์วิจารย์กันเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการจัดการเกี่ยวกับ
Software ที่ไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ซึ่งทาง Microsoft แจ้งว่าอาจจะทำการปิดหรือลบ software เหล่านั้นออกไปจากเครื่องหากมองว่ามันจะเป็นอันตราย
จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องใหญ่ในระดับหนึ่งที่ทางผู้ให้บริการเว็บไซต์ในกลุ่ม Torrent ออกมาแบน Windows 10 ล่าสุดก็มีข่าวในด้านลบเกี่ยวกับการสอดแนมหรือล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของ
Windows 10 อีกครั้ง กับการตรวจสอบการใช้งานบน PC ของเด็ก แล้วจะมีการส่งรายงานไปยังผู้ปกครงในทุกๆสัปดาห์ว่า ลูกของเรานั้น
มีการใช้งานอะไรบ้าง เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ใดบ้าง ใช้งานนาเท่าไหร่ ?
ถ้า หากเรามองจากฟีเจอร์ดังกล่าวนี้จากทาง Microsoft นั้นแน่นอนว่า เป็นแนวคิดที่ดีสำหรับการป้องกันหรือดูแลสอดส่องเด็กๆหรือลูกหลานของเราจาก
การใช้งานอยู่ในโลกอินเตอร์เนต แต่ทว่าหากมองสู่โลกของความเป็นจริงแล้วนั้น มันก็ไม่ถูกต้องเหมือนกันที่ทาง Microsoft นั้นได้มีการเข้ามาตรวจสอบ
เฝ้าดูพฤติกรรมต่างๆของบุตรหลานของเรา ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้มันก็เป็นดาบสองคม เพราะเมื่อมันมีการทำงานในลักษณะดังกล่าวนี้อยู่ใน
Windows 10 นั่นก็หมายความว่า..
Windows 10 ทุกตัวๆมันจะต้องมีการส่งข้อมูลหรือประวัติการใช้งานต่างๆของเรากลับไปยัง Microsoft ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า Microsoft จับตามองเราอยู่ทุกฝีก้าว
มันก็เข้าข่ายละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัวได้เช่นกัน สำหรับข่าวนี้มีออกมาจากผู้ปกครองท่านหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล โดยมีเนื้อหาใจความประมาณว่า
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ผมได้ทำการอัพเกรดเครื่องให้ลูกชายผมซึ่งอายุ 14 ปีจากเดิมที่เป็น Windows 8 อัพไปสู่ Windows 10 แล้ววันนี้จู่ๆผมก็ได้รับ Email จากทาง Microsoft
กับหัวข้อที่ชื่อว่า Weekly activity report for [my kid] โดยเนื้อหาภายในนั้นประกอบด้วยรายการเว็บไซต์ต่างๆที่ลูกชายได้เยี่ยมชม
นานเท่าไหร่ต่อวัน และมีการใช้ App ตัวใดบ้าง ใช้งานนาเท่าไหร่
ผม ไม่ต้องเรื่องราวแบบนี้ ผมไม่ต้องการสอดแนมลูกชายตัวเอง จึงได้ล็อคอินเข้าไปยัง Microsoft account แล้วเข้าไปที่ Family
จากนั้นก็ปิดการทำงานของมันซะสำหรับ Email weekly reports to me and Activity reporting
ก็ใช่ เรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุบังเอิญสำหรับผม แต่ทว่าผมไม่เคยเห็นอะไรที่ไร้สาระอย่างเช่นนี้มาก่อน จนกระทั่งได้ทำการอัพเกรดมาสู่ Windows 10 จากนั้นก็มีรายงานลอดสัปดาห์จากสายลับ
ขอส่งข้อ ความไปยังเด็กๆทั้งหลาย : ถ้าคุณใช้งาน Windows 10 อยู่ในเวลานี้ ผู้ปรกครองของพวกคุณอาจจะได้รับรายงานเช่นเดียวกับผม คงไม่คิดหรอกว่าจะเป็น เพราะคอมฯของคุณเอง
สำหรับฟังก์ชันหรือฟีเจอร์ดังกล่าวนี้ มันจะชื่อว่า child monitoring ซึ่งมันก็มีอยุ่บน Windows 8.1 เช่นกันแต่ทว่ามันเป็นเพียงแค่ opt-in เท่านั้นแต่ทว่าสำหรับ Windows 10
นั้นมันกลับกลายเป็นว่าทาง Microsoft ได้ปรับเปลี่ยนให้มันเป็น opt-out แทน (คือแม้ผู้ใช้บริการจะไม่ได้ต้องการแต่ก็ยัดเยียดมาให้นั่นเองสำหรับ opt- out)
ZoLKoRn Say : ไปมาๆดูท่าแล้ว Windows 10 น่ากลัวไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะครับเนี๊ยะ ซึ่งผมว่าเราคงจะต้องให้ความสนใจกับในรายละเอียดของ Microsoft privacy
หรือข้อตกลงการใช้งานให้มากขึ้นแล้วกว่าเดิม หลาคนอาจจะยังสงสัยว่า Microsoft privacy หรือข้อตกลงการใช้งานอยู่ตรงไหน ง่ายๆเลยครับนึกถึงตอนที่เราจะลง Windows
แล้วต้องติ๊กในช่องเล็กๆว่ายอมรับ แล้วเราจึงจะสามารถติดตั้งใช้งานมันได้ แน่นอนว่าคงไม่มีใครอ่านกันอย่างจริงจังๆแน่นอน แต่เมื่อผลที่ออกมาเป็นเช่นนี้
ผมว่าหลังจากนี้ไปเราคงจะได้เห็นการหยิบยกรายละเอียดต่างๆมาพูดถึงกันมาก ขึ้นอย่างแน่นอน หรือหากใครมีเวอร์ชันภาษาไทยหรือพบเจอ ส่งมาให้ทางเราสักหน่อยก็ได้นะครับ
จะลองอ่านดูว่ามีอะไรที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่า
Microsoft ยอมให้สามารถปิด automatic app updates บน Windows 10 ได้แล้ว
เมื่อ วานนี้เราอาจจะพุ่งความสนใจกันไปที่เรื่องราวของ AMD Radeon R9 Nano เพราะเป็นวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของการ์ดในโมเดลดังกล่าว
ทว่าในอีกด้านหนึ่งสำหรับทางฝั่ง Microsoft นั้นไม่ได้มีเพียงแค่การปล่อย Windows 10 Insider ในเวอร์ชันหรือ Build ใหม่เพียงเท่านั้น ยังได้มีการเปิดอัพเดทในแบบ KB
ออกมาให้ทำการอัพเดทสำหรับผู้ที่ยังใช้งานอยู่บน Build 10240 ซึ่งมีออกมาถึง 3 ตัวด้วยกันคือ KB3081448, KB3081449 และ KB3081452 และ ตามที่ได้ทราบกันว่าทาง Microsoft
จะไม่มีการแจกแจงรายละเอียดในเชิงลึกว่าทำการอัพเดทในส่วนใดบ้าง มีเพียงบอกให้ทราบว่าหลักๆแล้วอัพเดทอะไรบ้าง
สำหรับ KB ที่น่าสนใจคือในรหัส KB3081448 ที่ตามข่าวบอกว่า เมื่อทำการอัพเดทแล้วตัว Windows 10 จะยอมให้เราทำการปิดการอัพเดทโดยอัตโนมัติของตัว App ได้แล้ว
ซึ่งผู้ใช้งานบางท่านอาจจะยังเคยพบเจอปัญหาที่ว่า แม้จะปิดการอัพเดทหรือ Microsoft update ไปแล้วแต่ App ยังคงมีการอัพเดทอยู่
คราวนี้ก็น่าจะช่วยให้คนที่ไม่ต้องการให้มีการอัพเดทใดๆ หยุดการอัพเดทได้จริงๆ
ทั้งนี้สำหรับตามข่าวต้นฉบับบอกไว้ว่า มันเป็นการอัพเดทสำหรับ Windows 10 ในเวอร์ชัน Home แต่จากที่ผมได้ลองเข้าไปตรวจสอบจากรายละเอียดผ่านหน้าเว็บของ Microsoft นั้น
ไม่ได้มีการระบุใดๆว่าสำหรับ Windows 10 Home Edition แต่อย่างใด ดังนั้นสำหรับใครที่ใช้งาน Windows 10 Home หรือ Professional ก็ลองทำการตรวจสอบการอัพเดท
หรือ Check update กันดูนะครับ หากว่าได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร มาแจ้งให้ทราบกันผ่านคอมเมนต์ด้านล่างได้ครับ
ครั้งแรกในโลกกับการปลูกถ่ายอวัยวะเพศสำหรับท่านชาย (ผู้ที่สูญเสียอวัยวะเพศ)
ข่าว ดังกล่าวนี้น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับท่านชายทั่วโลกที่มีปัญหากับอวัยวะเพศของ ตนเอง คำว่ามีปัญหาในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องของขนาด แต่จะหมายถึงการสูญเสียอวัยวะ
ไม่ว่าจะแบบโดยตั้งใจ(โดยคนใกล้ตัว)หรือจะอุบัติเหตุ เพราะล่าสุดวงการแพทย์ Scotland สามารถทำการปลูกถ่ายอวัยวะเพศสำหรับท่านชายได้สำเร็จและประกอบติดตั้ง !
สำหรับใช้งานได้จริงเป็นผลสำเร็จแล้ว
นับ ได้ว่าเป็นบุรุษคนแรกของโลกและเป็นการเขย่าวงการแพทย์อีกครั้ง สำหรับชายอายุ 43 ปีที่มีนามว่า Mohammed Abad จากเมือง Edinburgh, Scotland
ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเพศของตนเอง หลังจากที่เขาจะต้องสูญเสียมันไปเมื่อครั้งอายุ 6 ขวบจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และหลังจากได้รับเข้าการปลูกถ่ายเพื่อสร้างอวัยวะเพศ
ด้วยการใช้ผิวหนังในบริเวณข้อมือของเขาเองในระยะเวลากว่า 3 ปี ในที่สุดก็ได้ทำการผ่าตัดเพื่อติดตั้ง(ใส่)อวัยวะเพศเข้าไปกับร่างกายโดยใช้ ระยะเวลากว่า 11 ชั่วโมงจนเป็นผลสำเร็จ
สำหรับ อวัยวะเพศหรือที่เราเรียกกันว่าจู๋ที่ทางทีมแพทย์ได้ปลูกถ่ายมานั้น มีขนาดความยาวกว่า 8 นิ้วเลยทีเดียว และมันจะมีกลไกการทำงานเพื่อให้อวัยวะเพศแข็งตัว
ซึ่งจะมีการทำงานเลียนแบบการทำงานจริงของอวัยวะเพศปรกติทั่วไป โดยหลักการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายนั้น ภายในจะมีท่อหลอดเลือดขนาดใหญ่สองเส้น เมื่อร่างกายมีความต้องการ
เลือดจะถูกสูบฉีดเข้าไปในท่อดังกล่าวจนเต็มซึ่งมันคือขั้นตอนของการแข็งตัว แต่สำหรับอวัยวะที่ปลูกถ่ายขึ้นมานี้ จะมีการใช้อุปกรณ์ช่วยโดยมันจะมีกระเปาะบรรจุของเหลวฝังอยู่ในลูกอัณฑะ
และเมื่อต้องการให้มันแข็งตัวก้เพียงทำการกดปุ่มเพื่อให้ปั๊มทำงานโดยสูบของ เหลวเข้าไปยังท่อภายในอวัยวะเพศเพื่อทำให้แข็งตัว และเมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจก็เพียงแค่กดปุ่มอีกปุ่มหนึ่ง
ที่จะทำให้ของเหลวนั้นไหลย้อนกลับไปยังกระเปาะในลูกอัณฑะ Mohammed Abad ได้อธิบายกับสำนักข่าว The Sun ส่วนอนาคตของ Mohammed Abad
นั้นตามข่าวแจ้งไว้ว่าเขาจะยังคงสามารถมีบุตรได้อยู่เพราะว่าเขายังเหลือลูก อัณฑะอยู่อีกหนึ่งข้างและยังสามารถผลิตอสุจิได้ตามปรกติ
ZoLKoRn Say : ใครที่ได้อ่านข่าวนี้ ผมว่าน่าจะมีบ้างแหละที่แอบอิจฉา Mohammed Abad ที่เวลานี้นอกจากเขาจะมีอวัยวะเพศเป็นของตนเองเสียทีแล้วนั้นทางทีมแพทย์ยัง
จัดให้ด้วยขนาดกว่า 8 นิ้ว ! แต่ถึงจะอย่างไรแล้ว เรื่องขนาดก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนัก ซึ่งประเด็นจริงๆของข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับใครหลายๆคนที่เวลานี้อาจจะ
ประสบปัญหากับเรื่องดังกล่าวนี้อยู่อย่างที่ได้พูดไปในตอนต้น โดยเฉพาะสำหรับหนุ่มๆทั้งหลายที่เจ้าชู้จนโดนภริยาของตนเองเฉือนแล้วหาหลัก ฐานไม่เจอ
คราวนี้ก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้งที่จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงชายปรกติ กับเขาอีกครั้งหนึ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป www.itfree4u.com