หวัดดีครับไม่มากความ ตัวผมเองเป็นคนชอบฟังเพลงมาก ๆ เวลาทำงาน เวลาเล่นเกม ก็จะเปิดเพลงตลอด เวลาเดินทางเข้ากรุงก็จะมีโทรศัพท์กับหูฟังแบบสอดหู แต่ผมเบื่อหูฟังแบบสอดหูมากครับ เป็นความเบื่อแบบส่วนตัวนะครับ เพราะใส่ ๆ ไป บางทีมันก็หลุดลื่นออกมา ผมขี้เกียจจะมานั่งใส่แล้วใส่อีกรำคาญ ก็เลยคิดจะหาหูฟังแบบครอบหูราคาถูก ๆ สักตัวไว้ใช้ไปนู้นไปนี่ นอนฟังเพลงสบาย ๆ บนรถตู้ รถทัวร์อะไรก็ว่าไป ผมก็หาข้อมูลเหมือนกันนะครับ ก็ถามเพื่อน ๆ นี่แหละ ส่วนมากก็ใช้แต่ Sony กัน ซึ่งผมคงคิดไว้แล้วว่ามันคงจะแพง******อยู่เหมือนกัน
แต่ผมเองก็ไม่ได้วอร์รี่อะไรก็ลองหา ๆ ไป จนไปเจอกับรุ่น MDR-XB250 กับ MDR-ZX330BT ซึ่งสองตัวนี้ราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมากนัก อีกทั้งรูปทรงก็เรียบ ๆ ง่าย ๆ โดนใจดี ก็เลยคิดจะสอยตัวใดตัวนึง ก็เลยปรึกษากับน้องชายว่าตัวไหนดี ซึ่งน้องชายผมก็เชียร์ตัว XB250 เพราะ ราคาถูกกว่าและอีกอย่างหูฟังแบบสายจะเสียงดีกว่าแบบ Bluetooth อย่าง ZX330 ซึ่งผมเองก็คิดหนักอยู่เหมือนกันเพราะผมเองก็ชอบเสียงที่ดี แต่ผมเองก็เทใจอยากได้ 330 มากกว่า 250 ก็เลย คิดหนักพอสมควร อีกทั้งราคา 330 ก็แพงกว่าด้วย ซึ่ง XB250 อยู่ราคา 1,490 ในหน้าเว็ปโซนี่ แต่ ZX330BT นี่ ล่อไป 2,980 ซึ่งผมเองก็ตัดสินใจยากเหมือนกัน
ในระหว่างนั้นผมก็นั่งหารีวิวในอากู หรือ ใน พันทิป ซึ่งตามคาดครับ ไม่มีใครรีวิวเลย ซึ่งวันนี้แหละครับผมจะมารีวิวแบบหยาบ ๆ ข้างล่างให้ชมกัน
ซึ่งผมยิ่งคิดหนักเลยว่าตกลงถ้าซื้อมา คุณภาพมันจะเป็นยังไงหว่า แล้วซุ่มเสียงจะดีแค่ไหน เลยเป็นเรื่องที่ทำให้ผมยิ่งเซ็งไปใหญ่ แต่ก็ไม่วายครับ เพราะผมดันไปเจอสองรุ่นนี้ใน Lazada มาครับ ราคาของ MDR-XB250 นี่ราคาปกเลยครับ แต่เจ้า ZX330BT นี่ แม่เจ้า! ขายแค่ 1,990 บาท ตอนแรกผมเห็นผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ (ไม่รู้มันเป็นของก็อปเอามาหลอกขายรึป่าว) ซึ่งก็ทำให้ผมเกิดอาการโลภอยากได้ขึ้นมากระทันหัน ก็เลยมือไวสั่ง ๆ ไป โดยเอาเจ้าตัว ZX330BT นี่แหละครับ ผมรอเพียงแค่ 4 วันของก็มาส่งแล้ว
มาดูกันเลยดีกว่าว่ามันใช่อย่างที่คิดรึป่าว...
ปกติครับ กล่องก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมากตามแบบที่เห็น Sony MDR-ZX330BT
ด้านหลังกล่องมันเขียนว่าอะไร ผมก็อ่านไม่ออกครับ
เปิดกล่องออกมาก็จะเจอกล่องสีดำ...
แล้วพอเปิดกล่องสีดำออกก็จะพบว่ามันก็มีหู ฟังนั่นแหละครับ และอีกกล่องนึงก็จะมีสาย Cable ไว้ชาตไฟ กับคู่มือใช้งานที่เป็นภาษาอังกฤษ กับภาษาไทย
คู่มือและสายชาต...
มาถึงหูฟังกันบ้าง รูปร่างหูฟังก็ถูกใจตัวผมเองไม่ใช่น้อย แถมยังมีระบบ One Touch อะไรสักอย่างนี่แหละแต่ผมใช้ไม่เป็นหรอก
Options ต่าง ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ หูฟัง ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Power หรือ Volume Control ซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องปกติของหูฟัง Bluetooth หละนะ
มี Option นึงที่น่าสนใจซึ่งมันเหมือนกับรับโทรศัพท์ได้ ซึ่งผมก็สนใจเพราะผมไม่เคยเห็น แต่คนอื่นคงชิบกันแล้วหละ
ซึ่งผมก็ไม่รีรอช้าที่จะทดลองซุ่มเสียง โดยเจ้าตัวหูฟังนี้ก็เปิดไม่ยาก แค่กดค้างแล้วรอให้ไฟเป็นสีฟ้าสลับกับสีแดงไว ๆ ก็เป็นอันใช้ได้ แต่เนื่องจากโทรศัพท์ผมน่าจะกาก ก็เลยต้อง Connect Bluetooth แบบปกติซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ถ้าโทรศัพท์ใครเป็น Android ก็สามารถ ใช้ One Touch ผ่านแอป NEC ที่มีในคู่มือ เพียงแต่ เอาโทรศัพท์ไปแตะผ่าน มันก็ Connect ให้ทันที โดยไม่ต้องใช้ระบบอัตโนมือ มานั่งเชื่อม Bluetooth เอง...
สำหรับเรื่องเสียง มันก็ปกติแหละครับ แต่ผมคิดว่าเสียงมันดีพอใช้ได้เลยแหละครับ อย่างที่ผมฟังเพลง Alone ของ Bee Gees ก็ถือว่าเป็นหูฟังที่ดีตัวนึง เพราะเสียงก็ไม่ได้ Delay มากนัก ก็ปกติ ๆ ชาวบ้าน ๆ นี่แหละครับ
ลองเบสกันบ้างกับเพลงแนว Dubstep ผมเลยลองเอา เพลง Dubstep Gun จาก Saints Row 4 มาลองดู โดยเร่งเสียงให้ดังดูหน่อย ก็ถือว่าเบสหนักเหมือนกันครับ ในระดับดีพอสมควร แต่ถ้าดังกว่านี้ เกรงว่าหูผมจะแตกครับ...
ลองแนว Acoustic กันบ้าง ผมใช้เพลง Heavenly Star ของ Yasuda Rei มาลองฟังบ้าง ก็ใช้ได้ดีเลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่าฟังเพลินเลยอ่ะ...
สำหรับผม ตอนนี้ผมได้หูฟังคู่ใจตัวใหม่แล้ว และน่าจะคุ้มกับเงินที่เสียไปด้วยแหละ แต่ไม่รู้ว่าซื้อกับ Lazada เนี่ย จะมีปัญหาอะไรรึป่าวเท่านั้นเอง...
สรุป ผมให้คะแนนหูฟังตัวนี้สัก 7/10 แล้วกันครับ รูปร่างก็ดูง่าย ๆ ตามสไตล์ผม เสียงก็ไม่ได้ขี้เหล่มาก แต่สำหรับคนที่ต้องการความครบถ้วนจริง ๆ ตัวนี้ผมคิดว่ายังไม่ดีพอครับ เพราะอาจจะเป็น Bluetooth ด้วยมั้ง อีกอย่างราคาขนาดนี้ ได้ของขนาดนี้ก็ดีแล้ว
แต่ผมเองก็กังวลไม่ใช่น้อยกับเสียงเตือนของคนรอบข้างว่า ซื้อกับ Lazada ระวังไว้นะ หรืออะไรอื่น ๆ ซึ่งผมเองก็โลภซื้อมาแล้วมันช่วย บ่ ได้ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่ เพราะตอนนี้ผมมีเพื่อนคนใหม่ที่พร้อมจะเดินทางไปไหนมาไหน ขับเสียงเพลงให้ผมฟังได้แบบสบาย ๆ แล้วหละครับ