ซีโมน วีเซนธัล (Simon Wiesenthal) นักต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวยิวที่ตกเป็นเหยื่อนาซีเยอรมันมานานกว่า 50 ปี ด้วยการตามล่านาซีที่กบดานอยู่ตามที่ต่างๆ เพื่อนำตัวมาลงโทษให้สาสมกับความผิดที่ก่อไว้อย่างไม่ลดละ จวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
วีเซนธัล วัย 96 ปี ลาลับจากโลกนี้ไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2005
เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจับตัวสมาชิกนาซีถึง 1,100 คนมารับโทษหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดด้วยการหาเบาะแสข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ เอาผิดกับพวกนาซีในฐานะอาชญากรสงคราม
"ผมเชื่อว่าเขาจะอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป เขาเป็นตัวแทนของเหยื่อนาซีที่ลุกขึ้นมาต่อสู้และมุ่งมั่นที่จะเอาตัวคนผิดมารับโทษ" แรบไบ มาร์วิน ผู้ก่อตั้งศูนย์ซีโมน วีเซนธัลในลอสแองเจลิส กล่าว
นักล่านาซีหัวเห็ดผู้นี้เคยพูดเสมอว่าต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพราะอยากให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าพวกนาซีจะต้องชดใช้ต่อการสังหารเหยื่อชาวยิวไปร่วม 6 ล้านคน โดยส่วนตัว น้ำมือโฉดของเหล่านาซีคร่าชีวิตญาติพี่น้องของวีเซนธัลไปถึง 98 คน
เดิมที วีเซนธัลเป็นสถาปนิกหนุ่มในออสเตรีย ที่กำลังลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวกับคนรักและเปิดบริษัทรับออกแบบของตัวเอง แต่แล้วกองทัพนาซีก็เข้ามามารุกราน ตัวเองและครอบครัวจึงกลายเป็นเหยื่อ เพียงเพราะมีเชื้อสายชาวยิว
Simon Wiesenthal (กลาง) เข้าร่วมกับกองกำลังต่อต้าน Nazi
ในปี 1941 วีเซนธัลถูกส่งตัวเข้าค่ายกักกันชาวยิวในยูเครน แต่โชคยังพอมีอยู่บ้าง เมื่อสามารถหนีออกจากค่ายกักกันแห่งนั้นในอีกสองปีให้หลัง ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่นาซีจะเริ่มลงมือประหัตประหารผู้ถูกคุมขังในค่ายอย่างไร้ความปรานี
แต่วีเซนทัลก็ถูกจับได้และถูกส่งตัวเข้าค่ายกักกันชาวยิวอีกครั้งในปี 1944
ครั้งนี้อีกเช่นกันที่วีเซนธัลสามารถหลีกเลี่ยงความตายได้เพราะโชคชะตาเข้าข้าง กองทัพโซเวียตเริ่มรุกไล่เข้ามาในย่านนั้น บีบให้ทหารนาซีจำต้องอพยพคนออกจากค่าย เพื่อหนีฝ่ายตรงข้าม จนไม่มีเวลาเริ่มสังหารชาวยิวในค่ายอย่างจริงจัง
ครั้งนี้อีกเช่นกันที่วีเซนธัลสามารถหลีกเลี่ยงความตายได้เพราะโชคชะตาเข้าข้าง กองทัพโซเวียตเริ่มรุกไล่เข้ามาในย่านนั้น บีบให้ทหารนาซีจำต้องอพยพคนออกจากค่าย เพื่อหนีฝ่ายตรงข้าม จนไม่มีเวลาเริ่มสังหารชาวยิวในค่ายอย่างจริงจัง
ต่อมาวีเซนธัลถูกย้ายไปขังในค่ายอีกแห่งในออสเตรียและที่นั่นเองที่กองทัพอเมริกันได้เข้าไปปลดปล่อยให้เขาเป็นอิสรภาพอีกครั้ง
Adolf Eichmann : ทหารหน่วย SS ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบการสังหารชาวยิวกว่า 6 ล้านคน
"ตอนนั้น ผมได้ตระหนักแล้วว่าจะไม่มีอิสรภาพที่แท้จริงได้หากโลกนี้ปราศจากความยุติธรรม ผมจึงตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาสัก 2-3 ปีเพื่อตามหาความยุติธรรม แต่กลายเป็นว่าผมใช้เวลานานหลายทศวรรษทีเดียว" นายวีเซนธัล เคยกล่าวในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง
วีเซนธัลโด่งดังมากเมื่อข้อมูลของเขามีส่วนช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถจับตัว อดอล์ฟ ไอค์แมนน์ (Adolf Eichmann) ผู้นำคนหนึ่งของนาซีที่รับผิดชอบต่อการสั่งประหารชาวยิว
เจ้าหน้าที่อิสราเอลตามไปพบนายไอค์แมนขณะหลบซ่อนตัวในอาร์เจนตินา อาชญากรสงครามรายนี้ถูกลักพาตัวกลับมาเพื่อต่อสู้คดีที่เป็นคนสั่งฆ่าชาวยิวมากมายหลายคดี ผลสุดท้าย ไอค์แมนน์ก็ต้องรับโทษประหารชีวิต
Karl Silberbauer : จอมโหด Nazi ผู้ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น
อีกหนึ่งคดีที่สร้างชื่อให้วีเซนธัล คือ การตามหา คาร์ล ซิลเบอร์บัวร์ (Karl SilberbauerKarl Silberbauer) ที่วีเซนธัลเชื่อว่าเป็นคนส่งตัวเด็กหญิง แอนน์ แฟรงก์ (Anne Frank) เจ้าของไดอารี่ก้องโลก ไปสู่ความตายในค่ายกักกันชาวยิว
"ผมเริ่มตามล่าหาตัวซิลเบอร์บัวร์อย่างจริงจัง หลังจากที่มีเด็กคนหนึ่งมาบอกผมว่าเขาจะไม่เชื่อว่าแอน แฟรงก์มีตัวตนอยู่จริง ถ้าไม่สามารถหาตัวคนที่จับกุมเธอมาได้" วีเซนธัล เคยให้สัมภาษณ์เมื่อนานมาแล้ว
อย่างไรก็ดี การทำงานของวีเซนธัลต้องเผชิญอุปสรรคในบ้านเกิดอยู่บ่อยครั้ง เมื่อออสเตรียปฏิเสธไม่ยอมรับว่า ได้สมรู้ร่วมคิดกับนาซีอยู่นานหลายสิบปี ในปี 1975 ผู้นำออสเตรียในขณะนั้นถึงกับกล่าวหาวีเซนธัลว่าเป็นสมาชิกของแก๊งมาเฟียที่คิดจะทำลายชื่อเสียงประเทศออสเตรีย
Anne Frank : เด็กสาววัย 15 ปี เจ้าของไดอารีก้องโลก เธอหลบซ่อนตัวบนเพดานในห้องของพ่อเธอกว่า 2 ปี จากการตามล่าของนาซี สุดท้ายเธอก็ถูกจับได้และถูกส่งเข้าค่ายกักกัน เธอเสียชีวิตที่นั้นในปี 1945 ในระหว่างที่หลบซ่อนตัวอยู่นั้นเธอได้เขียนไดอารีเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเธอซึ่งโด่งดังมากๆ
http://en.wikipedia.org/wiki/Anne_Frank
แต่ในเมื่อหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน วีเซนธัลจึงสามารถเอาชนะทุกคำครหาและได้รับยกย่องให้เป็น "พลเมืองกิตติมศักดิ์ของเมืองออสเตรีย" ในปี 1995 นอกจากนี้ วีเซนธัลยังถือเป็นชาวออสเตรียที่ได้รับรางวัลสรรเสริญจากต่างประเทศมากกว่าชาวออสเตรียคนไหนๆ ในประวัติศาสตร์ชาติด้วย
Adolf Eichmann ถูกจับและถูกดำเนิคดีที่ อิสราเอล
ที่มา http://www.artsmen.net/content/show....rboard&No=5263