ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 11 จากทั้งหมด 11

หัวข้อ: Beginning To Assassin

Threaded View

  1. #1
    CrockStudio
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    519
    กล่าวขอบคุณ
    1,485
    ได้รับคำขอบคุณ: 382

    Cool Beginning To Assassin



    แนะนำตัวละคร

    Leon Masster[ลีออน แมสเตอร์]

    ตัวเอกของเรื่อง สิ่งที่ชักพาเขาไปสู่การเป็นนักฆ่าคือความสงสัยและความแค้น เขาต้องการล้างแค้นให้พ่อของเขาแต่เรื่องราวกลับผลิกผันและซับซ้อน ลีออนต้องการรู้ข้อมูลที่ถูกปกปิดโดยสิ่งที่ได้คือความลับแต่สิ่งที่โดนดึงกลับคือชีวิต

    Emma Stephen[เอมม่า สตีฟเฟน]

    เป็นคนมาช่วยให้ลีออนรอดจากการลอบสังหารของโจนาทานและเป็นคนพาลีออนไปสู่จุดเริ่มต้นแห่งนักฆ่า



    _____________________________________________________________________________

    ผมอาจจะแต่งไม่ดี หรือยังไงก็ขออภัย มา ณที่นี้นะครับ

    โปรดช่วยติชมด้วยนะครับ ผมจะได้นำไปปรับปรุง นะครับ

    ถ้าชอบหรือถูกใจยังไงก็ช่วยกด Thank และคอมเม้นท์บ้างนะครับ จะได้มีกำลังใจ

    intro

    เอิ๊ยด ! รถเมย์สาย 127 รถเมย์สายนี้ จะออกรถผ่านหน้าบ้านของผมจนไปถึงมหาวิทยาลัย

    เสียงแรกที่ผมได้ยินของการไปโรงเรียนคือ " น้องครับ น้อง ถึงมหาวิทยาลัยแล้วครับ "

    ผมลืมตาขึ้นด้วยความ งัว เงีย พยายาม สบัดหน้าเพื่อให้ตัวเองหายจากอาการนี้

    " ขอบคุณครับ "

    ผมเริ่มเดินลงจาก รถเมย์โดยที่ขาแทบไม่มีแรง ตาเริ่มมัว จริงสิ เมื่อวานผมนอนตี 5

    เอาเถอะ ผมพยายามปลอบใจตัวเองแล้วเดินเข้าสู่มหาวิทยาลัย

    เฮปแสตน

    นี่แหละชีวิตประจำวันของผม แต่หลังจากวันนี้มันจะเปลี่ยนไป .

    Chapter 1 : start story

    หลังจากที่ผมเดินเข้าสู่มหาวิทยาลัยได้ไม่กี่ก้าว ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่ง จี๊ดเข้ามาในสมอง

    " LEON !! " ผมหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเห็น archer เพื่อนสนิทของผมนั่นเอง

    archer เป็นคนที่ผิวขาว เขาเป็นลูกครึ่ง อเมริกัน รูปร่างก็พอๆกันสำหรับ เด็กวัยเรียนมหาวิทยาลัย

    "มีอะไรหรอ archer" ผมถามเขาไป

    "นายขาดเรียนวิชา คณิตศาสตร์ไป คุณครูโมโห แล้วนะ"

    ผมเริ่ม งุน งง กับคำพูด ของ archer ผมจึงมองไปที่แขนซ้ายที่มีนาฬิกา

    นาฬิกาชี้เข็มสั้นไปที่เลข 10 ยังไม่ทันดูเข็มยาว ผมรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนอย่างรวดเร็ว

    "เดี๋ยว ! นาย คนที่วิ่งอยู่นั่นหนะ" ผมได้ยินเสียงของหญิงสาวจากห้องข้างๆที่ผมวิ่งผ่าน

    "มีอะไรหรอครับ" ผมถามด้วยความรีบร้อนเพราะ การเรียนของผมไม่ค่อยดีสักเท่าไร

    แล้วยังมาสายยิ่งเป็นการทำให้เกรดการเรียนลดลงไปอีก

    "เธอชื่อ Leon ใช่ไหม" ผมตอบอย่างทันควัน "ใช่ มีอะไรหร..."

    ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค ผมรู้สึกถึงรองเท้า nike อัดเข้าที่หน้าอกผมอย่างรุนแรง

    อยู่ดีๆ โลกของผมก็หยุดนิ่ง ทุกอย่าง หยุดหมด ผมเห็นตัวเองกำลังถูก ผู้หญิงคนนั้นถีบ

    เข้าอย่างจัง แต่ที่สังเกตเห็น หนึ่งอย่างที่แปลกตาและไม่น่ามี คือ ผมเห็นแสงไฟที่วิ่งเป็นแนวทางตรง

    ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ถีบผมไว้หละก็ แสงไฟนั้นคงเข้าที่หัวผมอย่างจัง

    ทุกอย่าง กลับเป็นเหมือนเดิมความรู้สึกจุกกลับมาหาผมอีกครั้ง

    "ไปเร็ว" ผมรู้ว่าเธอพูดมากกว่านี้แต่เสียงทุกอย่างมันก้องผมได้ยินแค่นี้

    ผู้หญิงคนนั้นลากตัวผมออกจากมหาวิทยาลัย ไปที่รถ

    "เฮ้ นี่คุณ มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย"

    "นายถูกตามล่าจากนักฆ่ารับจ้าง" อะไร นะ เสียงนี้ดังก้องมาจากใจผม

    ผมไปทำอะไรให้ใครโกรธหรือแค้นถึงกับตามมาฆ่าเลยหรอ

    บรึ้น ผมรู้สึกถึงความดีดตัวอัดผมติดกับเบาะนั่งของรถ

    รถขับไปตามความยาวของถนน

    ผมเห็นรถสีดำ ขับตามมาด้วยความเร็ว แล้วผมก็เหลือบมองที่ผู้หญิงคนนั้น

    เธอกำเบรคมือ พร้อมกับเหยียบคันเร่ง และอีกมือหนึ่งก็กำพวงมาลัยอย่างแน่นหนา

    เอี๊ยดด ! drift

    จากนั้นภาพก็หยุดเหมือนครั้งที่แล้ว

    ผมเห็นรถที่เรานั่งอยู่นั้นฝั่งกระจกคนขับหันหน้าไปทางรถสีดำ ที่ตามมา

    ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นหยิบปืนขึ้นมาเล็งไปที่รถสีดำและตัวผมหัวกำลังสะบัด ไปโดนประตู

    และทุกอย่างได้กลับเป็นเหมือนเดิม

    ตุ๊บ ..

    chapter 2 : Truth

    ปัง ปัง ปัง บรึ้น เอี๊ยด เอี๊ยด เสียงหลายๆเสียงเข้ามาในสมองผม

    เฮื้อก ! ผมฟื้นขึ้นมาอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ บ้านหลังนี้มี 2 ชั้น

    และมีประมาณ 5 ห้อง ซึ่งก็พอๆกันกับบ้านของผม

    แล้วผมก็รู้สึกถึงความเย็นของน้ำที่สาดใส่หน้า

    "นายตื่นได้แล้ว" ผู้หญิงคนเดิมสาดน้ำใส่ผมนี่เอง

    ผมลุกขึ้นด้วยความงัวเงียและคิดว่านี่มันคือความฝัน

    เพราะผมอยู่กับนักฆ่าที่เป็นตำนาน ถึงแม้ผมจะไม่สนใจเรื่องบ้านเมือง

    แต่ผมก็พอรู้เรื่องพวกคดี แบบนี้เหมือนกัน

    1.สตีม สค๊อต นักฆ่าด้วยยาพิษ เป็นหนุ่มรูปร่างใหญ่ ใส่เสื้อดำและใส่กางเกงยืน และเสื้อคลุม

    นายคนนี้มีประวัติฆ่าคนด้วยยามา70 กว่าศพ

    ตำรวจตามจับไม่ได้เพราะเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุไม่ยอมทิ้งหลักฐานไว้เลย

    2.นิค จิฟเฟอร์ เป็นหนุ่มรูปร่างพอๆกับผม ใส่เสื้อสี้ฟ้า ขาเดฟ

    มีประวัติการฆ่าโดยใช้มีดหี่นหมูฆ่าเยื่อโดยเมื่อฆ่าแล้วจะหั่นศพแล้วจึงนำไปทิ้ง

    3.เจมส์ เซฟตี้ เมื่อผมมองเขาก็รู้ได้เลยเพราะตัวเขาจะมีเอกลักษณ์คือใส่หน้ากากปิดหน้าไว้

    มีข่าวว่าในละแวกบ้านเกิดเขาจะมีบ้านระเบิดไม่เว้นวัน

    และเธอที่ช่วยผม หรือว่า

    4.เอมม่า สตีฟเฟน ประวัติการฆ่าด้วยปืนเก็บเสียง 9 มม. เวลายิงใครไม่เคยทิ้งรอยดินปืนไว้เลย

    เธอแต่งตัวเสื้อสีแดง กางเกงขายาว รองเท้า nike ซึ้งสิ่งนี้ผมจำได้ดีเลย

    " สวัสดี Leon " เสียงจากชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 กว่าๆ ได้ดังขึ้น

    "ฉันชื่อ อีธาน ฮีธาน ฮาฟ ยินดีที่ได้รู้จัก" เขาพูดแนะนำตนเอง

    "ครับ แล้วรู้จักชื่อผมได้ยังไง แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"

    ผมเริ่มรัวคำถาม เมื่อไม่เข้าใจกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าตนเอง

    "เอาหละ เอาหละ ฉันจะเล่าให้นายฟังเอง คนที่ไล่ตามล่านายคือ โจนาธาน "

    เริ่มพูดถึงคนที่ผมไม่รู้จักและพ่อผม

    "โจนาธาน เป็นคนฆ่าพ่อของเธอเมื่อ 15 ปีที่แล้ว" จริงสินะผมลืมบอกว่าตอนนี้ผมอายุ 20

    สมัยผมอายุ 5 ขวบพ่อของผมตายเพราะโดนลอบฆ่า ผมจึงต้องอยู่กับแม่สองคน

    "และตอนนี้มันก็จะมาฆ่านาย เพราะนายเป็นสายเลือดของพ่อเธอ"

    เมื่อผมได้ยินดังนั้น ผมถึงกับอึ้งไปสักพักที่ถูกตามล่าเพราะพ่อของผม

    พ่อของผมสมัยก่อนไม่เคยดูแลแม่ของผมเลย วันๆ เอาแต่เงินไปกินเหล้าเมายา เวลาแม่ไม่มีเงินให้ก็

    ทุบตี และตายไปแล้วยังทำให้ผมเดือดร้อนอีก ผมยิ่งเกลียดพ่อของผมมากขึ้น

    "เอาหละ Leon ฉันมีทางเลือกให้เธอสองอย่าง 1.หนีการตามล่า และตาย 2.ต่อต้าน"

    ผมเริ่ม งง กับตัวเลือก ทำไม่มันถึงไม่มีข้อที่ 3. ปล่อยผมไปและนักฆ่าไม่ฆ่าผม

    สงสัยเทพเจ้าลงไม่ได้ประธานพรข้อนี้ให้ผมหละมั้ง แต่ตอนนี้ถ้าผมเลือกข้อที่ 1. หละก็

    นักฆ่ารอบๆตัวผมคงจะเล่นผมตายแน่นอน ถ้าเลือกข้อ 2 จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

    "ผมเลือก" ผมเริ่มลังแล และมองไปรอบๆห้องที่ยืนอยู่

    "ฉันให้เวลาเธอ 3 วิไม่งั้นคำตอบมันจะเป็นข้อที่ 3 ของฉัน"

    "สาม" นักฆ่าทุกคนเริ่มหยิบอาวุธออกมา

    "สอง" เล็งมาที่ผม

    "หนึ่.." ผมตอบ อย่างรวดเร็ด

    "ผมเลือกข้อ สอง"

    Chapter 3 : begin to basic Training


    ซูม

    ผมรู้สึกถึงน้ำเย็นที่สาดเข้าที่หน้าผมอีกครั้ง

    "อะไรกันเนี่ย !!" ผมได้ยินเสียงของผู้หญิงและภาพของผู้หญิงถือถังน้ำ

    "นายโดนแค่ 3 หมัดก็หลับแล้ว แล้วนายจะไปต่อต้านโจนาธานได้ยังไงกันเนี่ย"

    จริงสินะ หลังจากที่ผมตัดสินใจเลือกข้อสอง เขาก็เริ่มทดสอบความอดทดของผมโดยการ

    ปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของผมอย่างไม่ยั้ง

    "เอ้า !" เธอโยนถุงสีน้ำตาลมาให้

    ผมเก็บถุงนั้นมาแล้วเปิดดูข้างใน ผมก็พบกับเข็มฉีดยา

    "นี่คืออะไร " ผมถามเธอพร้อมกับไม่เข้าใจเป้าหมายของเธอ

    " ฉีดมันสะ "

    ผมเริ่มหยิบเข็มฉีดยาออกจากถุง

    " ฉีดมันสิ " เธอพูดย้ำ เหมือนเป็นคำสั่งให้สมฉีดมันเข้าไปในเส้นเลือด

    ผมจึงปักมันเข้าที่เส้นเลือดแล้วฉีดเข้าไป

    เฮื้อก

    จากนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆ หัวใจเต้นแรงขึ้น ตัวเริ่มร้อนๆ กล้ามเนื้อเริ่มตึงๆ และรู้สึกได้รับออกซิเจนมากขึ้น

    แล้วผมก็เห็น เอมม่า หยิบวิทยุสื่อสารออกมา

    "เขาฉีดมันเข้าไปแล้ว เริ่มได้เลย" ผมเริ่มงุนงงกับคำพูดของเธอ

    ตึก ตึก ตึก เสียงเดินของคนหลายคนเดินเข้ามาหาผม

    และเอมม่าได้สั่งทิ้งท้ายกับพวกคนที่เดินมาก่อนเธอจะเดินจากไปคือคำว่า "จัดการเขาสะ"

    ผมยังไม่ทันได้ลุกขึ้นหรือตั้งตัวผมก็รู้สึกถึงแรงที่อัดเข้ามาที่หน้าพร้อมกับสนับมือเหล็กอย่างรุนแรง

    " เฮื้อก " ผมพยายมคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ดีเพราะวันนี้ทำให้ผมได้รูั้จักคำว่า

    ล้มทั้งยืน

    แต่หลังจากผมล้มลงไปกองกับพื้นผมกลับรู้สึกถึงสารที่ฉีดเข้าไปเมื่อกี้

    ออกฤทธิ์อีกครั้ง ผมรู้สึกมีแรงเพิ่มขึ้นอย่างกับที่ไม่เคยมีมาก่อน

    แล้วรู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้น และผมก็รู้สึกทุกอย่างหยุดอีกครั้ง

    มีคนที่อยู่ที่นี่ 4 คน รวมผมด้วยก็ 5 คน ข้างๆที่ที่ผมอยู่เป็นห้องกระจกและมีคนมองผมอยู่

    นั่นคือนักฆ่าทุกคนรวมถึงเอมม่า และทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม

    ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วสวนหมัดเข้าที่ปากของชายคนแรกที่ต่อยผม

    และหลังจากนั้นผมก็จัดการกับ 4 คนที่เหลือ ซึ่งไม่รู้ว่าผมทำได้อย่างไร

    แต่ทุกครั้งที่เขาเหวี่ยงหมัดมาที่ผมทุกอย่างจะหยุด ซึ่งผมสมัยที่เรียนอยูที่

    มหาวิทยาลัยผมก็เก่งเรื่อง ฟิสิกส์ พอสมควรทำให้รู้มุมหลบหมัด แต่ผมก็โดนสวนอยู่หลายหมัดเช่นกัน

    แปะ แปะ แปะ แปะ

    "นายเก่งมาก ลีออน" เสียงของอีธานดังขึ้นพร้อมเดินมาที่ผม

    "นี่คุณเอาอะไรให้ผมฉีดเนี่ย" ผมเริ่มถามเขาอย่างรวดเร็ว

    "มันคือ อะดรีนาลีน (adrenalin) มันจะช่วยให้นายมี หัว ใจ เต้น " ผมรู้สึกไม่ค่อยดี

    พร้อมกับล้มตึงลงไปที่พื้น พร้อมกับหลับไป ..

    ______________________________________________________________________

    " สภาพอากาศวันนี้มีพายุไซโคลนเข้ามาที่นี่สองลูก ของให้ทุกท่านอยู่ที่บ้านอย่าออกไปที่อื่น "

    ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเห็นเจมส์ นั่งฟังวิทยุอยู่ และผมตื่นมาอยู่ในรถคันสีดำ

    ซึ่งไม่รู้ว่ายี่ห้ออะไร

    "อ่าว ตื่นแล้วหรอ " เขาถามผม ซึ่งผมก็วางตัวไม่ถูกเหมือนกันเพราะคงไม่มีโอกาสจะได้คุยกับ

    นักฆ่าเหล่านี้บ่อยๆหรอกนะ

    "นายหลับไป 2 วัน วันนี้เป็นคิวของฉันที่ต้องสอนนายในการใช้ระเบิด"

    ตั้งแต่ผมเกิดมาผมไม่เคยได้แตะต้องระเบิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    ถ้าเป็นระเบิดเล็กๆหละก็คงจะเป็นประทัดนั่นหละ

    จากนั้นผมจึงถามเขาไปว่า " ว่าแต่เราจะฝึกที่ไหนกันหรอครับ "

    เขามองหน้าผมพร้อมกับพาผมลงจากรถ เมื่อผมลงจากรถก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นของฝน

    ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าใส่หัวของผม

    " ที่นี่หละ " สิ่งที่ผมเห็นคือสนามหญ้าโล่งๆที่กว้างเท่ากับสนามบอล

    "เอาหละขั้นแรกเราจะสอนนายให้คุ้นกับระเบิดก่อนละกันนะ " หือ ผมถึงกับพูดคำนี้ในใจ

    "นายเห็นสนามโล่งๆนั่นใส่ไหม ให้นายวิ่งไปจนสุดสนามนั่นแล้ววิ่งกลับมาถึงที่นี่เหมือนเดิม"

    "ซึ่งที่นั่นเต็มไปด้วยกับระเบิดที่วางไว้ที่พื้น ฉันหวังว่านายจะโชคดีนะ"

    Chapter Four : 4 surprise

    ตูม !!

    "โว้ย โหดไปแล้วนะโว้ย" ผมตะโกนเมื่อหมดความอดทนกับระเบิดที่ระเบิดใส่ผม

    ถึงแม้มันจะเป็นแค่ระเบิดอัดแรงก็เถอะแต่มันก็สร้างความรำคาญเพราะเสียงมันดังมาก

    "สู้หน่อยน่า นายนี่ไม่ใจเลยนะ เอาๆ วิ่งไปทางซ้าย" ตู้ม !!

    "ฉันบอกนายแล้วนะ" เจมส์ พูดพร้อมสูบบุหรี่ พร้อมกับยืนดูผมวิ่ง และหลบระเบิด

    ผ่านไป 3 ชั่วโมง กว่าผมจะฝ่าดงระเบิดมาได้

    _______________________________________

    " เก่งมาก ปรบมือให้ ในนั้นมีระเบิดอัดแรงเพียงแค่ 20 ลูกเองนะ แต่นายนี่โชคดีสุดๆเลย โดนไปทั้งหมด

    20 ลูก "

    " ฉันว่า น่าจะ โอเค แล้วนะ เอาหละ กลับกันเถอะ " เจมส์พูดพร้อมกับพาผมกลับไปที่

    safe house

    _______________________________________

    เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ผมก็มาถึง

    เมื่อผมเดินออกมาจากโรงจอดรถ เข้าไปที่ห้องครัว

    ก็พบกับห้องที่มืด เพราะไม่ได้เปิดไฟ ผมจึงเอื้อม มือไปเปิดไฟ

    พรึ่บ

    " surprise " นักฆ่าทุกคนรวมตัว และมอบของขวัญให้ผม อย่างมากมาย

    "ยินดีด้วยนะ วันเกิด พ่อนาย" ผมก็ เริ่ม งุน งง แต่ก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ พวกเขากินเลี้ยงกัน

    บางคนก็กินเหล้า แต่ที่ผม อึ้งที่สุดคือ เจมส์ ถอดหน้ากาก ของเขาออก

    ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วย รอยแผล "เจมส์ คุณเป็นอะไรหรอครับ"

    ผมถามเขา ด้วยความอยากรู้

    "อ๋อ พอดีฉันผิดพลาด ตอนทดสอบระเบิดรุ่นใหม่หนะ" เขาตอบพร้อมกับยิ้มมาให้ผม

    วันนี้รู้สึก จะ เป็นวันที่ดีที่สุดกับการที่มานั่งกินเลี้ยงกับนักฆ่าทุกๆคน

    _______________________________

    และในวันต่อๆ มา เขาก็เริ่มฝึกผมใช้อาวุธต่างๆ

    เช่น ปืนพก ปืนกล การต่อสู้ระยะประชิด มีด ดาบ และรวมถึงการฝึกใช้ระเบิด

    ถึงแม้ อาจจะต้องเหนื่อยบ้าง แต่ก็ต้องอดทนทำ ซึ่ง

    บางทีผมก็คิดว่า ผมอาจจะเข้ากับพวกเขาสะแล้วก็ได้

    Chapter Five : 5 : first job

    " เอาหละ leon พร้อมนะ " เอมม่า ถามผมระหว่าง ที่ยืนอยู่

    บนดาดฟ้าของตึกตรงข้ามกับตึกของเป้าหมายที่เธอเล็งไว้

    " พร้อมตั้งนานแล้ว " ผมตอบพร้อมกับมองหน้าเธอ

    " งั้นไปกันเลย " ผมวิ่งไปพร้อมกับเอมม่า แล้วก็


    JUMP

    ก่อนหน้านั้น 5 ชั่วโมง

    " ทุกคนพร้อมนะ งานนี้ใหญ่มาก พอๆกับงานของ โจนาธาน

    เจ้า hacker คนนี้อาศัยอยู่ในแฟลตแห่งหนึ่ง เจ้านั่นมักขังตัวเองไว้ในห้อง

    เอาหละ เริ่มจากให้ สตีมปลอมตัวเป้นคนส่งจดหมาย

    เข้าไปที่แฟลตของเจ้า hacker สายฟ้า และแอบป้ายยาผ่านจดหมาย และสอดไว้ใต้ประตู

    จากนั้น อีกประมาณ 10 นาที เขาจะเริ่มหมดแรงเมื่อเริ่มสูดอากาศของก๊าสพิษ

    ช่วงนั้น leon และ เอมม่า พวกเธอสองคนไปอยู่ที่ดาดฟ้าขของตึกตรงข้าม

    กระโดดจู่โจมเข้าทางหน้าต่าง จัดการเขาสะ จากนั้น นำศพโยนลงทางหน้าต่างใส่ถังขยะ

    ข้างหลังแฟลต และให้ นิค หั่นศพแล้วเอาไปซ่อน จากนั้น เจมส์ เมื่อสตีมให้สัญญาณ

    ให้นายรอก่อน 12 นาที จากนั้นจึงกดระเบิดเข้าใจไหม

    ก็ระเบิดแฟลตแล้วจัดฉากเหตุการณ์เหมือนกับว่าสายไฟที่เจ้า hacker นั่นใช้มันระเบิด

    โอเค เริ่มงานได้ !! "

    กริ๊ง กร่อง

    " สวัสดีครับ " สตีมกล่าวเรียกคนหน้าห้อง 1273

    " ผมเป็นคนส่งจดหมายครับ " ถึงสตีมจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับ

    จากเจ้าของห้อง

    ..............................

    02.20

    " ถ้างั้นผมสอดไว้ใต้ประตูแล้วกันนะครับ " จากนั้นเขาก็เดินออกมาที่หน้าแฟลต

    " เรียบร้อย อีก 10 นาที เข้าบุกได้ "

    "สตีมส่งสัญญาณ มาว่า ครบ 10 นาทีแล้วพวกเรามีเวลาแค่ 45 วินาทีในการฆ่า"

    "และอีก 10 วินาทีในการโยนศพให้นิค และหนีอีก 5 วินาที "

    เอมม่าพูดหลังจากฟังเสียงวิทยุ

    ที่พึ่งตอบกลับมาเมื่อกี้

    " เอาหละ leon พร้อมนะ " เอมม่า ถามผมระหว่าง ที่ยืนอยู่

    บนดาดฟ้าของตึกตรงข้ามกับตึกของเป้าหมายที่เธอเล็งไว้

    " พร้อมตั้งนานแล้ว " ผมตอบพร้อมกับมองหน้าเธอ

    " งั้นไปกันเลย " ผมวิ่งไปพร้อมกับเอมม่า แล้วก็

    Jump !!

    เพล้ง "เห้ย พวกแกเป..." เมื่อพวกเราเข้าก็ก็พบเจ้า hacker ตะโกนทันที

    แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เอมม่าก็เตะเข้าไปปากเขาอย่างจัง

    เจ้า hacker ล้มลงที่พื้น จากนั้นผมก็เตะเข้าที่หน้าเขาอีกครั้งหนึ่ง

    " เอื้อก " เขาร้องด้วยความเจ็บปวด ผมหันไปหาเอมม่า พบเธอกำลังงัดปืน 9 mm จากกระเป๋า

    " เอมม่า ระวัง " ผมพูดพร้อมกับกระโดดพลักเธอ ที่ผมเห็นก็คือ

    ปลายปืน m16 ที่อยู่ข้างๆกำแพง ปืนของเอมม่ากระเด็นหลุดมือ

    ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !!

    เหลือเวลาอีก 40 วินาที

    hacker ลุกขึ้นแล้วเช็ดขอบเลือดที่ปากตัวเอง พร้อมกับหยิบปืน

    ของเอมม่าขึ้นมา

    "นี่คือป้อมปืนอัตโนมัติที่ฉันสร้างขึ้นมาเอง เจ๋งใช่ไหมหละ"

    ผมขวักปืนอีกอันหนึ่งที่ผมมีออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    ปัง !!

    มือผมถูก ยิง ที่ผมเห็นคือมือของตัวเองทะลุเป็นรู พร้อมกับเลือดที่กระจายไปทั่วพื้น

    " อ๊ากกก " ผมร้องด้วยความเจ็บ

    " ฮ่า ฮ่า ไอ้โง่ ฝีมือมีแค่นี้แล้วยังจะคิดจะฆ่าฉันหรอ เฮื๊อก " เอมม่าเะขาของเจ้า hacker นั่นล้มลง

    กับพื้น "เอมม่าอย่าลุกขึ้น ป้อมปืนของเจ้านั่นตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์จับกระแสไฟฟ้าในตัว"

    ที่เจ้า hacker นั่นไม่โดนยิงเพราะเขาเอาพลังงานไฟฟ้าใส่ในตัวให้ตัวเองมีพลังงาน

    สูงกว่าคนอื่นเพื่อลดจุดอ่อนของป้อมปืนที่อาจจะทำร้ายตัวเองก็เป็นได้

    " โอเค " เอมม่า จับเจ้า hacker ลุกขึ้นมาแล้วจับกระแทกกับผนังทางขวา

    เพื่อหลบเซ็นเซอร์ของป้อมปืนที่อยู่ทางด้านซ้าย

    ผั่ว เจ้า hacker ก็สวนหมัดเข้าที่หน้าของเอมม่าเช่นกัน

    เหลือเวลา 33 วินาที

    ระหว่างที่ทั้งสองคนต่อสู้กัน ผมก็พยายามเอาแรงเฮื้อกสุดท้ายที่มี

    วิ่งหลบกระสุนของป้อมปืนอัตโนมัติ ไปทางซ้าย พร้อมกับกระโดดเตะปืน 9 mm ที่ตกอยู่

    ให้กระเด็นไปทางเอมม่า "เอมม่า" ผมตะโกนพร้อมกับล้มลง ไปที่พื้นด้วยความหมดแรง

    เพราะเสียเลือดมาก

    ผมได้เห็นแต่ภาพลางๆ ไร้เสียง

    เอมม่ารับปืนที่ผมเตะไปให้ได้และเตะก้านคอของเจ้า hacker ล้มลงไปพร้อมกับเอาปืน 9 mm

    จ่อที่หัวของเจ้า hacker "Good Bye " ปัง

    เหลือเวลา อีก 30 วินาที

    " ไหวไหม leon " เธอแบกผม พร้อมกับพาผมไปพิงกำแพง "รีบเอาศพให้นิคเถอะ"

    ระหว่างที่เอมม่ากำลังลากศพไปที่หน้าต่าง ผมก็ฉีกแขนเสื้อข้างซ้ายมาพันบาดแผล

    เหลือเวลาอีก 20 วินาที

    " ได้เวลาออกจากที่นี่แล้ว leon นิคส่งสัญญาณแล้ว " เอมม่าพูดหลังจากโยนศพลงไปที่ถังขยะ

    แต่ระหว่างนั้นตาผมก็ไปสุดกับอะไรบางสิ่งบางอย่าง

    " คุณออกไปก่อนเลย " เมื่อเอมม่าเดินออกไปจากแฟลตนั้นผมก็เห็นรูปภาพในคอมพิวเตอร์

    ของเจ้า hacker คือเจ้านั่นกำลัง chat กับโจนาธาน ผมจึงได้โอกาสสวมรอย

    เป็น เจ้า Hacker


    [ โจนาธาน : เฮ้ เจ้า hacker ยังอยู่ไหม

    hacker : อยู่ พอดีฉันไปเข้าห้องน้ำมาหนะ

    โจนาธาน : แต่นายพึ่งเข้าไปเมื่อ 1 นาทีที่แล้วไม่ใช่หรอ

    hacker : พอดีฉันท้องเสียหนะ

    โจนาธาน : แต่ไหนนายบอกว่านายไม่ป่วยไม่ใช่หรอ

    hacker : พอดีฉันพึ่งเป็นเมื่อกี้หนะ

    โจนาธาน : หรอ !! นายบอกฉันว่าไม่ป่วยเมื่อ 1 นาทีที่แล้วอยู่เลยนะ

    ตอนเวลา 02.20.50 หนะ ]


    หือ 02.20 งั้นตอนนี้ก็ 02.21 เห้ย !!

    ตู้มมมม !!

    Chapter : Five : 5 : 2

    "นิค ฉันโยนศพลงไปให้แล้วนะอยู่ในถังขยะหลังแฟลต" เอมม่าพูดผ่านวิทยุสื่อสารกับนิค

    "โอเค" เมื่อนิคพูดจบก็วิทยุไปบอกเจมส์ทันที "เอมม่าโยนศพลงมาให้แล้วอีก 1 นาทีระเบิดที่นั่นเลย"

    เมื่อพูดจบนิคก็เดินไปที่ถังขยะสีน้ำตาลที่อยู่ข้างหลังแฟลตของเจ้า hacker

    พร้อมกับนำศพไปใส่ไว้ในถุงดำและเดินไปตามซอกซอย

    _______________________________________________

    "เอมม่าโยนศพลงมาให้แล้วอีก 1 นาทีระเบิดที่นั่นเลย" เมื่อเจมส์ฟังข้อความนั้นจบ

    ก็นุ่งมองนาฬิกาที่เดินผ่านไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับ กริ๊ง

    "ครบแล้วสินะ" เจมส์พูดกับตัวเองพร้อมกับกดปุ่มที่อยู่ในมือของตนเอง

    ตู้ม !!

    _______________________________________________

    ระหว่างที่นิคเดินมาได้ไม่เกิน 2 วินาทีก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากหน้าต่าง

    ห้องของเจ้า hacker " ว๊ากก "นิคเห็น leon กระโดดออกมาจากหน้าต่างห้องของเจ้า hacker

    ลงมาที่ถังขยะ ถังเดียวกันกับที่ศพเจ้า hacker ตกลงมา

    ตู้ม !!

    __________________________________________________

    [ โจนาธาน : เฮ้ เจ้า hacker ยังอยู่ไหม

    hacker : อยู่ พอดีฉันไปเข้าห้องน้ำมาหนะ

    โจนาธาน : แต่นายพึ่งเข้าไปเมื่อ 1 นาทีที่แล้วไม่ใช่หรอ

    hacker : พอดีฉันท้องเสียหนะ

    โจนาธาน : แต่ไหนนายบอกว่านายไม่ป่วยไม่ใช่หรอ

    hacker : พอดีฉันพึ่งเป็นเมื่อกี้หนะ

    โจนาธาน : หรอ !! นายบอกฉันว่าไม่ป่วยเมื่อ 1 นาทีที่แล้วอยู่เลยนะ

    ตอนเวลา 02.20.50 หนะ ]

    หือ 02.20 งั้นตอนนี้ก็ 02.21 เห้ย !! หัวใจผมเต้นถี่ขึ้นอย่างรุนแรง

    ทุกอย่างในโลกหยุดอีกเช่นเคย ผมรีบหันมองพร้อมกับคำนวณเวลาในการหนี

    โดยใช้วิชาฟิสิกส์ที่เคยเรียนมา จากเวลาที่ผมคำนวณแล้ว

    ถ้าอยากรอดโดยไม่กลายเป็นศพให้ หน่วยกู้ภัยนำไปฝังหละก็ มีอยู่ทางเดียว

    ที่ผมจะรอดไปจากที่นี่คือการกระโดดออกหน้าต่าง เมื่อคิดได้เช่นนั้น

    ผมก็รีบวิ่งไปที่หน้าต่างที่เอมม่าโยนศพลงไปพร้อมกับกระโดดออกจากห้องนั้นทันที

    ตู้ม !! ผมรู้สึกถึงแรงอัดกระแทก และความร้อนเข้ามาที่หลังของผม

    เสียงระเบิดนั้นทำให้ผมหู อื้อ ไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่ผมจะตกลงบนถังขยะ

    ที่อยู่ข้างหลังแฟลต เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับนิคที่ยืนอยู่หน้าถังขยะ

    "นายนี่ มันบ้าชัดๆเลย " เขาพูดพร้อมกับยื่นมามือมาทางผม

    "จบงานแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้ว" ผมจับมือที่นิคยื่นมา

    พร้อมกับถามตัวเองว่า

    บ้านผมคือ safehouse ของพวกเขาหรอ

    Chapter 6 : Alone

    ผมตื่นขึ้นในห้องเดินที่ผมเคยนอน

    ใน safe house ปัง ปัง ปัง !!!

    เมื่อผมได้ยินเสียงปืนจึงรีบวิ่งออกไปนอกห้อง

    ก็พบ สตีมวิ่งมาพร้อมกับ เลือดที่เต็มตัวเขา

    "พวกมันมาแล้ว " เมื่อเขาพูดจบก็ล้มลงไปกองที่พื้น

    " ผมต้องหากล่องพยาบาล รอผมเดี๋ยวนะ นิค " ผมตะโกนเรียกนิคเพื่อจะถาม ว่ากล่องพยาบาลอยู่ไหน

    ระหว่างที่ผมจะลุก

    สตีมกลับดึงแขนผมไว้ " รีบหนีไปมันมาตามหานาย รี... บ ไ....ป " และเขาก็จากไป

    จากนั้นก็มีคนมาวิ่งมาฉุดแขนผม " ไปเร็วลีออน " เอมม่า เรียกผมพร้อมกับพาผมวิ่งออกจากที่นี่

    เอมม่าพาผมออกจากที่นี่ตามร่องแอร์ เพื่อ ออกไปยังหน้าประตูทางออก

    หลังจากผมกับเอมม่า ลงมาจากช่องแอร์และกำลังจะวิ่งไปที่ทางออกก็พบ

    กับเรากับลังยืนอยู่บนที่สูง จริงๆแล้วที่นี่คือที่ลับด้วยใช้

    การผลิตยาเป็นตัวบังหน้าของที่อยู่ assassin ที่นี่ถูกสร้างขึ้นผมเนินสูง

    และไม่มีระเบียงกั้น จากนั้นผมก็เห็นคน คนหนึ่งเดินมา

    " archer " ผมเห็น อาเชอร์จับ อีธานล๊อคคอไว้ พร้อมกับเอาปืนเล็งมาทางพวกเรา

    " สวัสดี ลีออน " aecher พูดพร้อมกับยิ้มมาทางผม

    " นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย " ผมถามด้วยความสงสัย

    " archer หรอ หรือว่านายคือ archer rebron " เอมม่าพูดพร้อมกับอ้าปากค้าง

    " อะไรคือ archer rebron " ผมถามเอมม่า

    " นักฆ่าที่รับแต่งานใหญ่ๆ และไม่เคยพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว "

    " อืม รู้จักฉันไว้ก็ดีนะ " ระหว่างนั้นเอมม่า แอบหยิบปืนที่เกงเกงออกมา

    ปัง !! " โอ้ย !! " เอมม่าถูกยิงที่ต้นแขนและล้มลงไป

    " ไปตายสะไป อาเชอร์รีบอร์น โว้ยย !! " นิคกระโดดออกมาจากหน้าต่างชั้นสองของตึก

    และกระโดดเกาะ อาเชอร์จนล้มลงไป เมื่อตั้งสติได้ ผมก็รีบลากเอมม่า เข้าไปที่ลังไม้

    ที่ใกล้ที่สุด " เอมม่าไหวไหม " ผมถามด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่อยากให้ใครต้องจากไป

    " ไม่เป็นอะไรมาก แค่กระสุนเจาะเข้าที่กระดูกหนะ " ระหว่างที่ผมพยายามช่วยเอมม่า

    ทางฝั่ง นิคกับอาเชอร์ก็กำลังแลกหมัดกันอยู่ แต่รู้สึกว่านิคจะสู้ไม่ได้ และพลาดท่า

    โดด อาเชอร์เตะกระเด็นออกจากตัวเขา พร้อมกับล้มลงไปที่พื้น

    จากนั้น อาร์เชอร์ ก็รีบวิ่งมาที่นิค พร้อมกับเตะเข้าไปที่หน้าของนิค แต่นิคหลบได้

    และในจังหวะนั้นนิคก็หยิบมีดพับออกมาจาก กระเป๋ากางเกงและแทงไปที่ อาร์เชอร์

    แต่อาร์เชอร์จับข้อมือของนิคที่พุ่งมาพร้อมกับมีดได้ และบิดข้อมูล

    พร้อมกับเอามืออีกข้างหยิบมีดพร้อมกับปาดคอของนิค

    อีธานที่ล้มอยู่กับพื้นกลับได้แต่นอน ดูทุกอย่างที่ผ่านไป

    ซึ่งน่าจะเพราะว่า ไม่มีแรงเนื่องจาก เขาอายุมากแล้ว "ไว้เจอกันใน นรกนะ อีธาน"

    ปัง ! ผมไม่กล้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับไปหลบในบังเกอร์อีกเช่นเคย

    ในตอนนั้นเอง ผมก็เห็น ปืนของเอมม่า ที่ตกอยู่ที่พื้นหลังจากโดนยิงที่ต้นแขน

    ผมรีบวิ่งออกไปเก็บ ปัง ! ! ผมรู้สึกได้ถึงความร้อน และการทะลุทะลวงของลูกกระสุน

    ที่พุ่งเข้าใส่ขาของผม ผมล้มลงพร้อมกับมีความรู้สึกว่าหมดแรง และไม่อยากขยับร่างกาย

    " นายคิดว่าจะวิ่งไปหยิบปืนแล้วเอามายิงฉันหรอ ฉันว่านายคิดผิดนะ เหอะ ๆ "

    อาร์เชอร์พูดผมกับยกตัวผมขึ้นมา และจับที่คอเสื้อ และลากผมไปที่ หน้าผาของเนินเขา

    " ไว้เจอกันในนรกนะ ลีออน หวังว่าชาติหน้า นายจะเก่งขึ้นและฆ่าฉัน " เมื่ออาร์เชอร์พูดจบ

    ก็ปล่อยมือที่คว้าผมอยู่ลง ระหว่างนั้นผมรู้สึกถึงความสูงของหน้าผา นี่

    จากที่นี่ถึงพื้นก็คงจะประมาณได้เท่ากับ ตึก 5 ชั้น

    ระหว่างที่ผมกำลังตกลงไป ผมก็เห็นเจมส์ที่วิ่งมาพร้อมกับเอมม่าที่วิ่งตามหลัง

    เจมกระโดดกอด อาร์เชอร์ พร้อมกับตกลงไปข้างล่าง และระหว่างที่ผมกำลังจะตกตามพวกเขาไป

    เอมม่าก็วิ่งมากระโดด จับมือผมไว้ " รีบขึ้นมาเร็ว ลีออน " เมื่อผมตั้งสติได้ ผมจึงใช้แรง

    เฮือกสุดท้ายที่มี ดึงตัวเองขึ้นจากหน้าผา และก็ล้มลงนอนไปกับพื้นพร้อมกับเอมม่า

    " ต่อจากนี้เราจะเอายังไงต่อ " ผมหันไปมองและถามเอมม่า

    " ก็ต้องแก้แค้นสิ " เอมม่าพูดพร้อมกับมองมาที่ผมเช่นกัน

    " แต่เขาก็ตกไปพร้อมกับเจมส์แล้วนี่ " ผมตอบเอมม่าด้วยความไม่เข้าใจกับคำที่เธอพูด

    " ก็แก้แค้นให้นายไง สิ่งที่พวกเขาทุ่มเทที่จะจัดการกับ โจนาธาน เราต้องทำให้สำเร็จ "

    " วันนี้พวกเราคงจะไปไหนกันไม่ได้ ก็พักผ่อนกันที่นี่หละ "

    ผมกับเอมม่า จึงพยุงกันกลับเข้าไปที่ safe house พร้อมกับรักษาบาดแผลที่

    โดนยิง บางทีผมก็อยากให้สิ่งนี้เป็นเพียงแค่ฝันเท่านั้น

    .

    Before Chapter 7.0 - Assassin : Special of Jack the ripper

    " ฮัลโหล Dr.Bander ใช่ไหมค่ะ " เอมม่าพดโทรศัพท์กับใครคนหนึ่ง ระหว่างที่ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์

    " ค่ะ " " ค่ะ " " ใช่ค่ะ " เหมือนเธอจะคุยอะไรบางอย่างกับ แบนเดอร์

    " นี่ เอมม่าคุยเรื่องอะไรหนะ " ผมถามเธอด้วยความสงสัย

    เธอให้คำตอบผมโดยการ ชูนิ้วชี้ขึ้นมา ไว้ที่ปาก พร้อมกับพูดว่า " ชู่.. "

    " โอเค " ผมตอบกลับ หลังจากที่ได้สัญญาณมือ และผมก็อ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

    " ค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะค่ะ ตามเวลาที่นัดไว้ " ตื๊ด ตื๊ด เธอวางสายพร้อมกับเดินมาที่ผม

    และดึงกระดาษหนังสือพิมพ์ออกจากมือผม " เอาหละ ลีออน "

    " ถ้านายยังขืนอ่อนหัดอยู่แบบนี้หละก็ ถ้านายไปสู้กับ โจนาธานหละก็ " เธอหยุดพูดแล้วยิ้มมาที่ผม

    " ตาย !! " ผมนั่งอึ้งไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้นเพื่อปลุกผมจากความฝัน

    ก๊อก ก๊อก " สวัสดีครับ คุณเอมม่า " เอมม่า รีบวิ่งไปที่ประตูพร้อมกับเปิดประตูให้ด๊อกเตอร์

    " เชิญเลยค่ะ " ระหว่างที่แบนเดอร์เดินเข้ามาผมก็เห็นเขาถือของอะไรบางอย่างมาด้วย

    " มันคืออะไรหนะ เอมม่า " เอมม่า หันมาทางผมก่อนที่จะสวนหมัดเข้าที่หัวของผมอย่างรุนแรง

    " มันคือเครื่องที่จะทำให้นาย ฝัน " ตุ๊บ !!

    ________________________________________________________________

    " นี่พ่อหนุ่ม เธอเป็นอะไรหรือเปล่า " ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นท้องฟ้าเป็นสีดำ

    และก็พบกับชายแก่คนหนึ่งที่ปลุกผม

    ที่มีเสื้อผ้าเนื้อตัวมอมแมม ผมลุกขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบข้าง

    ผมเห็นผู้หญิง ยืนแต่งกาย นุ่งน้อย หุ่มน้อย และเรียกคนเพื่อเข้าไป

    ด้วยความสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหนผมจึงถามลุง

    " ลุงครับที่นี่คือที่ไหนหรอครับ ลุง "

    ลุงมองมาที่ผมพร้อมกับพูดว่า " นี่นายไม่รู้จักที่นี่หรอ " ผมส่ายหัวไปมา

    " ที่นี่คือ ถนน Mean Street นี้อยู่ใน East End ที่กรุงลอนดอน ปี ค.ศ.1888 "

    " ที่นี่เต็มไปด้วยคนจร ซึ่งถนนนี้ถือว่าเป็นจุดอับที่สุดของเมืองก็ว่าได้

    ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็จะเช่าห้องกันอยู่ และที่เมืองนี้ไม่ได้เป็นจุดเด่นเลยทั้งทางด้านการค้าหรือสังคม

    ซักเท่าไหร่ ผู้คนในเมืองนี้ส่วนใหญ่จะทำงานที่ค่อนข้างแย่หรืองานที่มีค่าแรงต่ำ หรือก็ไม่ได้ทำงาน

    แต่เต็มไปด้วยโจรและขโมย ผู้คนในเมืองนี้ต่างก็ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ

    สภาพเมืองเรียกได้ว่าย่ำแย่เอาเลยทีเดียว

    เด็กในเมืองกว่าครึ่งที่เกิดมานั้นมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงห้าขวบก็ต้องมาเสีย ชีวิต

    ส่วนเด็กพวกที่เหลือรอดมาได้ก็มักจะพิการหรือไม่ก็มีอาการไม่ค่อยปกติทาง สมอง

    อาชีพโสเภณีคือวิธีเดียวที่เชื่อถือได้แน่ว่าจะสามารถเอาตัวรอดได้ในเมือง เช่นนี้สำหรับผู้หญิง

    บ้างก็เป็นแม่ม่ายหรือไม่ก็หญิงสาวตัวคนเดียวที่มาทำอาชีพนี้

    ตำรวจยังเคยได้ประมาณเอาไว้ว่าถ้ามีประชาชนอยู่ 1888 คน จะต้องมีหญิงโสเภณีซะ 1200 คน

    ใน White Chapel (เป็นถนน Main ของถนน Mean Street อันเป็นที่ซึ่งเกิดการฆาตกรรมขึ้น)

    อันนี้ไม่รวมกับผู้ที่มาทำงานอย่างนี้เป็นครั้งคราว บ้านราวกว่า 200 หลังคาเรือนเป็นที่อยู่ของคน

    9,000 คน ห้องนอนเป็นลักษณะแถวยาวสำหรับแถวของเตียงที่เรียงต่อกันไป

    และมักจะเต็มไปด้วยแมลงที่มารบกวน " อ๋อ ผมนั่งฟังที่ลุงพูด ล่ายยาวเกี่ยวกับที่นี่

    กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ในประเก๋ากางเกงผมดังขึ้น เบอร์ที่โชว์อยู่คือเอมม่า

    " สวัสดี ลีออน ยินดีต้อนรับสู่ Mean Street " ผมรีบยิงคำถามเธอหลาย ช๊อต

    " นี่เอมม่าคุณทำอะไรกับผม แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง " ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด

    ชายแก่ทำหน้าตา งุนงง กับสิ่งที่ผมทำ " นายทำอะไรรึพ่อหนุ่ม "

    " โทรศัพท์หนะครับ " ผมยิ้ม " นี่ก็ 23.00 แล้วนะ เดี๋ยวลุงจะกลับบ้านแล้วหละ "

    " อ๋อครับๆ " หลังจากที่ลุงเดินผ่านไปก็ปล่อยให้ผมยืนอยู่คนเดียวในถนนเส้นนี้

    กริ๊ง กริ๊ง " ฮัลโหล " ผมตอบอย่างรวดเร็ว " เอาหละลีออน นายมองไปทางซ้ายของนาย "

    ผมเหลือบมองตามที่เธอสั่ง

    " เจอถังขยะ ข้างในจะมีแผนที่บ้านพัก วันนี้นายไปพักผ่อนที่บ้านพักที่ฉันเตรียมไว้ให้แล้วกัน "

    " เดี๋ยวสิ เอมม่า เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่า .. " ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เห้อ

    ผมยืนถอนหายใจ เพราะไม่ชอบเท่าไหร่ที่ต้องทำอะไรตามเกมส์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

    Chapter 7 : Jack The Ripper

    ผมจึงเดินไปที่ถังขยะเมื่อเอามือล้วงลงไปข้างในกลับไม่มีอะไรเลย

    นอกจากกระดาษแผ่นเล็กใบหนึ่ง มันคือแผนที่นี่เอง จากนั้นผมจึงมุ่งหน้าเดินไปตามแผนที่

    ที่เขียนไว้ เมื่อผมเดินมาได้ ครึ่งทางของเส้นทางทั้งหมด อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ

    จากนั้นผมก็ได้ยินเสียง คนสองคนเดินมาจากข้างหน้าของผม

    " ฮ่า ฮ่า " ผู้หญิงหัวเราะออกมา หลังจากที่ผู้ชายคนที่เดินมาด้วยพูดอะไรบางอย่าง

    " สนุกใช่ไหมหละ ฮ่า ฮ่า " ชายคนนั้นตอบกลับด้วยความขบขัน

    ทั้งคู่เดิน ผ่านอากาศหนาว เข้าไปในซอก เล็กๆ

    แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมก็เดินผ่านไปโดยไม่คิดอะไร จนเดินผ่านซอยนั้น

    ผมเห็นผู้ชายคนนั้ ง้าง มีดออกมาพร้อมกับแทงไปที่หน้าอกของผู้หญิง พร้อมกับเอามือปิดปาก

    หรือว่า !! ผมเริ่มย้อนความหลังเกี่ยวกับที่ลุงแก่คนนั้นพูดมา
    อ้างถึง:
    " ถนน Mean Street นี้อยู่ใน East End ที่กรุงลอนดอน "
    หรือว่า นี่คือ !!

    Jack The Ripper .

    " เห้ย ทำอะไรหนะ !! " ผมตะโกนออกไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

    ชายคนนั้น ลุกขึ้นมาและมองมาที่ผม และวิ่งมาหาผม

    ผมจึงได้โอกาสดีที่จะได้เห็นหน้าของ jack the ripper ตัวจริง

    ผมควักปืนที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา เอ๊ะ ไม่มี

    " เว้ยย !! ปืนหาย เห้ย... เอมม่าแกล้งกัน ชัดๆ "

    __________________________________________________

    " ฮ่า ฮ่า ฮ่า " เอมม่านั่งขำ ระหว่างที่นั่งดูจอมอนิเตอร์ที่คุณแบนเดอร์เอามาด้วย

    " สู้ๆนะ เจ้าเสือน้อย "

    __________________________________________________

    แจ็ค วิ่งตรงมาหาผมอย่างเต็มสปีด

    สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ ที่น่าจะดีที่สุดต่อชีวิตผมก็คือ วิ่งหนี

    " ว๊ากกกก " ผมวิ่งอย่างสุดแรง

    __________________________________________________

    " เห้อ ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ "

    เอมม่าพูดพร้อมกับมองมาที่ ด๊อกเตอร์ แบนเดอร์

    " เอาหินออกมาทีค่ะ " แบนเดอร์มองมาที่เอมม่าเช่นกัน พร้อมกับพูดว่า

    " เขาอาจจะโดนฆ่าตายก็ได้นะ " เอมม่าตอบกลับอย่างรวดเร็ว " ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เขาตายยาก "

    __________________________________________________

    " ว๊ากกกก " ผมวิ่งอย่างสุดแรง แต่ว่า เหตุการณ์กลับพลิกผัน

    ผมสะดุด ก้อนหิน และล้มลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง หรือที่เรียกว่า หน้าคะมำ นั่นเอง

    หัวใจผมเต้นแรงอย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่า อะดีนารีน จะหลั่งสะแล้ว

    เมื่อ ผมหันกลับมาก็เห้น jack กำลังจะกระโดด และเล็งมีดมาที่ผม

    ผมกลิ้งหลบ มีดของเขาไปได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับพยายามวิ่งหนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เข้าตามซอก ออกตามซอย จนสามารถหนี แจ็คออกมาได้

    เห้อ ผมถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับหมดแรง ล้มลงไปที่พื้น

    ตุ๊บ

    Chapter 8 : Case 2


    " นี่พ่อหนุ่ม " ผมลืมตาด้วยความสลึม สลือ " อ่าว ลุง ! " ผมเจอลุงคนเดิม

    ที่เคยปลุกผมเมื่อครั้งก่อน ที่สิ่งที่เปลี่ยนไปในตอนนี้ก็คือ ลุงใส่ชุดสูท

    " แล้วนี่ เธอมานอนอะไรตรงนี้เนี่ย " ผมยิ้ม เล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า " ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนครับ "

    " ฮ่า ฮ่า " ลุงหัวเราะ พร้อมกับยื่นมือมาหาผม " ลุกขึ้นมาแล้วไปพักบ้านลุงก่อนแล้วกัน "

    ___________________________________________________________

    ระหว่าง ที่ผมเดินไปพร้อมกับลุงเพื่อไปที่บ้านของลุง

    ผมก็เห็นผู้คนมากมายมา สุม หัวกันที่ถนน " ลุงว่าเราลองไปดูทาง นั้น ดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น "

    ผมกับลุง ฝ่า แหวก คนที่ยืน มุงอยู่เพื่อเข้ามาข้างใน ภาพที่เห็นก็คือ

    ผู้หญิง นอน ตายซึ่งจากที่ผม คาดไว้ก็น่าจะเป็น jack the ripper

    ไส้ของเธอ ถูกลากออกมาจากท้องในห้อยไว้ที่เสาไฟข้างๆศพ มีดที่แทง

    ปักอยู่ที่หน้าอกของเธอก็ยังคงอยู่ เช่นเดิม

    " ขอทางนักสืบของเราด้วยนะครับ " ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง เดินแหวกทางออกมา

    หน้าตาของเขา " ดร. จอห์น เอช. วัตสัน " ลุงพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขาเดินผ่าน ฝูงผู้คนที่ยืนมุง

    " หมอวัตสันหรอ ?? " ผมถึงกับตาค้าง เมื่อได้เห็นชายคนหนึ่ง เดินมา

    พร้อมกับปากคาบด้วยบุหรี่ ใส่เสื้อโค้ช สีน้ำตาล " มันคงเป็นแค่ฝันแน่ๆเลย "

    " เขาคือ Sherlock Holmes !! " เขาเดินผ่านพวกผมไปและเข้าไปที่ศพ

    " อืม วัตสัน นายคิดว่า ศพถูกฆ่ายังไง " ระหว่างที่ผมกำลังจะได้ฟังการวิเคราะห์ข้อมูล

    ของ เชอร์ล๊อคโฮล์มส์แล้วแท้ๆ ก็มี มือ มือ หนึ่งฉุดผมออกมาจากวง

    " รีบไปกันเถอะ ลูกลุงเขารอข้าวจากลุงอยู่หนะ " ลุงเป็นคนกระฉากมือผมออกไปนี่เอง

    ผมยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า " ได้ครับ " และเดินไปตามถนนเส้นเล็กๆตามลุงไป

    ____________________________________________________

    กว่าที่ผมและลุงจะมาถึงที่นี่ก็ประมาณได้ตอนเวลา 6 ทุ่ม ครึ่ง

    กริ๊ง กร๊อง

    แอ็ด เสียงเปิดประตูที่หน้าบ้านของลุงดังขึ้น ข้างหลังบานประตูนั้นก็คือ ภรรยาของลุง

    " อ่าวที่รัก " ลุงพูดพร้อมกับไปสวมกอด ภารยา ของตน หลังจากกอดกันเสร็จ

    ภรรยาของลุงก็มองมาที่ผมด้วยความแปลกใจ กับการแต่งตัวของผม

    " อ๋อ ไม่เป็นอะไรที่รัก ผมเจอเขาอยู่ข้างถนน หนะ เขาหลงทาง ผมเลยชวนเขามาพักที่บ้าน ชั่วคราว "

    " อ๋อ เชิญข้างในเลย จ่ะ " เมื่อภรรยาฟังข้อความที่สามีพูดก็เชิญผมเข้าไปในบ้านทันใด

    ผมเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ไม้พร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างตรงที่ จุดเกิดเหตุ ฆาตกรรม

    jack the ripper แต่ที่นั่น ก็ฉ่างแสนไกลจากที่นี่เหลือเกิน

    " เอ้านี่พ่อหนุ่ม นมร้อนๆ " ผมหันกลับไปเห็นลุงยื่นแก้วมาให้ผม ผมยิ้ม และตอบกลับ " ขอบคุณครับ "

    " ขณะ นี้ ได้เกิดการฆาตกรรมเกิดขึ้นโดยฝีมือของผู้ไม่ทราบชื่อ ซึ่งตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับตัวอยู่ "

    ผมและลุง หันไปมองที่ทีวี พร้อมกัน อย่างรวดเร็ว

    " ซึ่ง ผู้คนต่างได้กล่าวขวัญกันว่า ผู้ที่ทำ " ผมเริ่มตัวเกรงขึ้นมาทันใด " คือ "

    กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง " ขอตัวสักครู่นะครับลุง " ผมพูดพร้อมกับรีบวิ่งออกมานอกบ้าน

    " ฮัลโหล " ผมรีบรับโทรศัพท์ " ฟังนะ leon วันนี้วันที่ 31 สิงหาคม 1888 ตอนตี 4 ของวันนี้ "

    "Jack the ripper จะลงมือฆ่าคน " ผมรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว " เอมม่า ที่ไหน เฮ้ "

    ตื๊ด ตื๊ด ผมยืนอยู่หน้าบ้านสักพักหนึ่งก่อนจะเก็บโทรสัพท์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเก้บนั้น

    ก็มีข้อความส่งมา ผมยกมือที่หยิบโทรสัพท์ขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านข้อความ

    เมื่อผมอ่านข้อความเสร็จก็รีบบอกลาลุง " ลุงครับผมไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ บายครับ "

    และรีบวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุ

    ในข้อความนั้นคือแผนที่ ของที่เกิดเหตุ

    _________________________________________________________

    ตี 4 ของวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1888

    ชาล์ส ครอส กำลังเดินผ่านบริเวณคอกแพะตอนตี 4

    ระหว่างที่เขากำลังจะเดินเข้าบ้านไปนั้น ก็เห้นบางสิ่งบางอย่าง กองอยู่ที่พื้น

    ซึ่งดูคล้ายๆ ผ้าใบ อะไรบางอย่างจึงเดินเข้าไปก็พบกับผู้หญิงที่นอนอยุ่กับพื้น

    ระหว่างที่ ชาล์ส กำลังจะอุ้มตัวเธอขึ้นมาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้

    ชาล์สจึงเรียกเขาให้มาดูผู้หญิงคนนี้ด้วยกันว่าเมาหรือว่าโดนทำร้าย

    " เฮ้ นายคนที่วิ่งอยู่นั่นหนะ ช่วยมาดูผู้หญิงคนนี้หน่อยสิ "

    _________________________________________________________

    หลังจากที่ผม ได้รับข้อความก็รีบวิ่งสุดแรงเกิดมาที คอกแพะ ระหว่างที่วิ่งอยู่นั้น

    ผมก็ได้ยินเสียง เสียงหนึ่ง

    " เฮ้ นายคนที่วิ่งอยู่นั่นหนะ ช่วยมาดูผู้หญิงคนนี้หน่อยสิ "

    เมื่อผมฟังเสียงนี้จบ เข่าผมถึงกับทรุดลงไปที่พื้น

    นี่ผมมาช้าไปหรอเนี่ย หลังจากที่ตั้งสติได้จึงเดินไปหา ผู้ชายคนที่เรียกผม

    " นี่นาย ช่วยผม อุ้มเธอหน่อย ผมว่าเธอน่าจะเมา " ผมก็ต้องทำเป็นตามน้ำไป

    ระหว่างที่กำลังจะยกอยู่นั้น หัวของเธอก็หลุดออกจากตัว " เฮ้ยยย " ผู้ชายคนที่เรียกให้ผมมาช่วย

    ได้ถอยห่างออกมาจากศพ ผมก็วางศพเธอลง พร้อมกับพูดกับเขา " คุณรีบไปแจ้งตำรวจสะ "

    " ได้ๆ " เมื่อพูดจบเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน และหายไปสักพักหนึ่ง ระหว่างที่ผมกำลัง

    รอเขาอยู่ที่หน้าบ้าน เขาก็ออกมาพร้อมกับบอกว่า " ตำรวจกำลังมา "

    สักพักใหญ่ ก็มี รถคนหนึ่งขี่เข้ามาที่คอกแพะ " คุณตำรวจ จอห์น นีล ช่วยมาดูศพเธอหน่อยครับ "

    ชอรล์ส พูดอย่างหวาดกลัว คุณตำรวจ นีลเดินผ่านตัวผมและเดินไปที่ศพ

    เมื่อเขาเห็นศพถึงกับเอามือปิดปาก เธอรอยเลือดไหลออกมาจากลำคอที่เกือบขาดและหู

    ดวงตาของเธอเบิกกว้าง มือและเท้าเริ่มเย็น เมื่อเห็นว่าไม่ได้การแน่แล้ว

    นีล จึงเรียกตำรวจและหมอกับรถพยาบาลมายังที่เกิดเหตุ

    จากนั้นจึงเดินไปยังบ้านละแวกใกล้เคียงเพื่อสอบถามถึงสิ่งหรือเสียงที่ผิด ปกติหรือน่าสงสัย

    แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไร ผมก็ได้แต่ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับยืนกอด อก

    และก็คิดในใจว่า ถ้าผมมาเร็วกว่านี้.....

    มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย taone1414 : 7th February 2012 เมื่อ 17:19


 

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top