เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา
-
31st December 2011 20:22
#1
Area 51 [เอเรีย 51] สถานที่ที่ลึกลับที่สุดในโลก [ประวัติและข้อมูล] แนะนำให้ดูให้จบครับ แก้ไขแล้วนะครับข้อมูลเยอะกว่าเดิม
Credit by Youtube
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
ฐานทัพ UFO
รัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของพื้นที่ 51 พวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรไว้ หรือว่ามันคือ ฐานทัพของมนุษย์ต่างดาว ถ้าหากมีคนถามว่าพื้นที่บริเวณใดในสหรัฐเป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุด เราคงจะได้รับคำตอบว่ามันคือ พื้นที่ 51 หรือ Area 51 นั่นก็อาจเป็นเพราะมีคนจำนวนมากอ้างว่าได้พบเห็นวัตถุบินลึกลับหรือ ยูโฟ (UFO - Unidentified flying object) บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้งจนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51 น่าจะเป็นฐานทัพหรือกองบัญชาการของวัตถุบินลึกลับ
เช้าวันทำงาน
ทุกๆ เช้าของวันทำงานจะมีคนอย่างน้อย 500 คนผ่านเข้าไปยังประตูทางขึ้นเครื่องบินที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดซึ่งอยู่ทางปีกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ สนามบินแมคคาร์เรน ในลาสเวกัส เจ้าของพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามส่วนนี้ก็คือ บริษัท อีจีแอนด์จี (EG&G- Edgerton, Germeshausen, and Grier, Inc.)
ผู้คนเหล่านั้นต้องบอกรหัสผ่าน "เจเน็ท" (JANET) ตามด้วยเลขประจำตัว 3 หลักก่อนที่จะผ่านเข้าไปขึ้นเครื่องโบอิ้ง 737 ที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆ ระบุว่าเป็นเครื่องบินของใคร
Janet (airline)
สายการบินนี้จะออกบินทุกๆ ครึ่งชั่วโมงโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ทะเลสาบกรูม (Groom Lake) สถานที่ลึกลับที่หน่วยงานราชการของสหรัฐปฏิเสธการมีตัวตนของมันเมื่อหลายปีก่อน
เขตทดลองเครื่องบินลับ
พื้นที่ 51 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลสาบกรูม นั้นอยู่ห่างจากลาสเวกัสไปทางตอนเหนือราว 90 ไมล์ อันที่จริงแล้วพื้นที่ 51 เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารแห่งหนึ่งของสหรัฐที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1955 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2
นับตั้งแต่นั้นมาก็มีการใช้พื้นที่ 51 เป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินจารกรรม เช่น เจ้าวิหคทมิฬ Blackbird (SR71) เครื่องบินขับไล่ล่องหน F117 Stealth Fighter, เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B2 Stealth Bomber อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่วิจัยโครงการลับออโรร่า (Aurora Project)
เคร่องบินรบเหล่านี้จะถูกทำการทดสอบสมรรถนะที่บริเวณทะเลสาบกรูม เมื่อพวกเขาทดสอบเครื่องบินรบ จนเป็นที่พอใจแล้วจึงค่อยประกาศต่อสาธารณชนให้ทราบว่าบัดนี้กองทัพได้สร้างเขี้ยวเล็บอันใหม่ขึ้นมา
ประวัติพื้นที่ 51
เดือนมีนาคม ค.ศ. 1955 เคลลี่ จอห์นสัน (Kelly Johnson) ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจากซีไอเอ ให้ออกแบบเครื่องบิน U2 นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมายให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบเจ้า U2 นี้ด้วย
เคลลี่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ โทนี เลอวิเอร์ (Tony Levier) นักบินที่จะทำการบินทดสอบเครื่องบิน U2 กับ
ดอร์ซี่ เคมเมเรอร์ (Dorsey Kammerer) ไปสำรวจพื้นที่ร้างกลางทะเลทรายตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย, เนวาดา และ อริโซนา 2 สัปดาห์ต่อมาโทนีก็กลับมาส่งรายงาน เคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3 แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูม ในรัฐเนวาดา
ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้น เคลลี่เรียกมันว่า พาราไดซ์แรนช์ (Paradise Ranch - ทุ่งหญ้าสวรรค์) แต่หลังจากมีการทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2 ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ. 1955 มันกลับถูกเรียกสั้นๆ ว่า แรนช์ (The Ranch - ทุ่งหญ้า) ในความเป็นจริงแล้วฐานทัพ(ลับ) แห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วอร์เตอร์ทาวน์ สตริป (Watertown Strip) ตามชื่อเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ค ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ แอลเลน ดูลเลส (Allen Dulles) ผู้อำนวยการ ซีไอเอ ในสมัยนั้น
ที่มาของชื่อพื้นที่ 51
เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1958 คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู United States Atomic Energy Commission (AEC) ได้เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูม ร่วมกับกองทัพสหรัฐ เพื่อทำการทดลองโครงการลับๆบางอย่าง พวกเขาเรียกสถานีทดลองนี้ว่า สถานีทดลองเนวาดา (Nevada Test Site)
คณะกรรมาธิการฯ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนๆ แล้วกำหนดหมายเลขให้แต่ละส่วน บริเวณส่วนที่เป็นฐานทัพนั้นได้หมายเลข 51
นับตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่ฮอลลีวู้ดสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลับของรัฐบาลจึงมักจะอ้างถึงทะเลสาบกรูม แต่พวกเขาจะเรียกมันสั้นๆ ว่า พื้นที่ 51 ตามที่คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูใช้เรียก ถึงแม้ว่าการทดลองลับของ AEC จะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 แล้วก็ตาม
ในปี ค.ศ. 1970 กองทัพอากาศสหรัฐได้เข้ามายึดพื้นที่นี้อย่างถาวรเพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองเครื่องบินรบรุ่นใหม่ๆ ตลอดไปจนถึงการทดลองเครื่องบิน มิก 21 และอาวุธทันสมัยอื่นๆ ของรัสเซีย ที่ทางสหรัฐยึดมาได้เมื่อปี ค.ศ. 1967
ปี ค.ศ. 1975 พื้นที่ 51 ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเขตจำลองการรบทางอากาศ ภายใต้ชื่อรหัสว่า
"ธงแดง" (RED FLAG exercise)
คราวนี้พื้นที่ 51 จึงถูกเรียกสั้นๆ ในชื่อใหม่ว่า "จตุรัสแดง" (Red Square) แต่ชื่อกึ่งเป็นทางการนั้นชื่อ "ดรีมแลนด์" (Dreamland - แดนในฝัน) และในช่วงทศวรรษ 1970 ก็ได้มีการทดลองโครงการด้านอวกาศ และการทดลองเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดคือ "แทคอิทบลู" (Tacit Blue)
ขยายอาณาเขต
ฐานทัพทะเลสาบกรูม ถูกขยายอาณาเขตออกไปอีกในช่วงทศวรรษ 1980 มีการสร้างสนามบินเพิ่มเติมอาคารเก็บเครื่องบินถูกสร้างบนลานบินเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บซ่อนจากสายตาของดาวเทียมจารกรรมที่มีอยู่มากมาย อุปกรณ์สื่อสาร เรดาร์ และจานดาวเทียมได้รับการติดตั้ง ตึกราม อาคาร โกดังหลายแห่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนทะเลสาบกรูม คาดว่ามันถูกใช้เป็นกองบัญชาการของศูนย์ทดลองเครื่องบินรบของกองทัพที่ถูกเรียกว่า ดีแทชเมนท์ 3 (Detachment 3)
แม้ว่าจะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแต่ก็ยังไม่วายถูกแอบลักลอบถ่ายภาพเนื่องจากพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบกรูมเป็นภูเขา ในปี ค.ศ. 1984 กองทัพสหรัฐจึงต้องขยายเขตหวงห้ามออกไปอีกโดยหวังว่าจะเป็นการกันไม่ให้มีใครสามารถมองเข้าไปยังในบริเวณฐานทัพได้ แต่ก็ยังมีจุดที่สามารถใช้เป็นที่สอดแนมได้อีก 2 แห่งห่างจากทะเลสาบกรูมไปทางตอนใต้ราว 12 ไมล์ คือที่บริเวณไวท์ไซด์พีค (White Side Peak) กับ ฟรีดอม ริดจ์ (Freedom ridge) เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนอาศัยสถานที่ทั้งสองเป็นที่สอดแนมได้อีก ในปี ค.ศ. 1995 กองทัพจึงได้ประกาศให้เขตดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามด้วย
แต่เขตหวงห้ามนั้นได้แต่เพียงแค่ติดป้ายเตือนเท่านั้นไม่มีการล้อมรั้วแต่อย่างใดเพราะพื้นที่เขตหวงห้ามนั้นกินอาณาเขตกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะล้อมรั้วได้
แต่ก็มีการจัดเวรยามโดยใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยนิรนามที่พกอาวุธสุดจะทันสมัย อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะมันสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หน่วยลาดตระเวณนิรนามนี้เรียกว่า แคโม ดูดส์ (Camo dudes) ซึ่งจะมีหน่วยสนับสนุนทางอากาศที่ใช้เฮลิคอปเตอร์ Sikorsky HH-60G Pave Hawk คอยให้การสนับสนุนทางอากาศ
โครงการลับต่างๆ ที่ใช้พื้นที่ 51 เป็นสถานีทดลองนั้นค่อยๆ ทยอยจบลง เช่น การทดลองเครื่องบินจารกรรมแทคอิทบลู เสร็จสิ้นเมื่อปี ค.ศ. 1985 การทดลองเครื่องบินขีปนาวุธแอดวานซ์ครูซ (Advanced Cruise Missile) ถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1992
การทดลองขีปนาวุธ สแตนด์ออฟแอทแทค (Stand-off Attack Missile) ถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1994 แต่ถึงกระนั้นกองทัพอากาศสหรัฐก็ยังคงตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่นั่น
ความลับในพื้นที่ 51
เป็นไปได้ว่ากองทัพอากาศยังคงมีภารกิจอื่นๆ ที่ไม่เป็นที่เปิดเผยในปี ค.ศ. 1989 สถานีโทรทัศน์ลาสเวกัส ได้ถ่ายทอดการให้สัมภาษณ์ โรเบิร์ท ลาซาร์ (Robert Scott Lazar) ผู้ที่อ้างว่าเขาเคยทำงานในพื้นที่ 51
http://www.boblazar.com
โรเบิร์ท กล่าวว่าเขาได้รับมอบหมายให้ทำการศึกษาวิศวกรรมยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ในพื้นที่ 51 มียานอวกาศรูปทรงกลมคล้ายจานจำนวน 9 ลำบินขึ้น-ลงในเขตหวงห้ามบริเวณที่ชื่อ S4 หรือที่มีชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า บริเวณทะเลสาบปาปูส (Papoose Lake) ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกรูม ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 10 ไมล์
เรื่องราวของโรเบิร์ทเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก มันทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ผู้คนสงสัย เริ่มปะติดปะต่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ยานบินรูปทรงกลมอาจเป็นการทดลองระบบต้านแรงโน้มถ่วงโลกแน่นอนเทคโนโลยีน่าทึ่งเช่นนี้ต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด
นอกจากนี้ยังมีการทดลองเครื่องบินจารกรรมที่มีความเร็วมากกว่าเสียง 5 เท่า โดยใช้พลังขับเคลื่อนชนิดใหม่ เช่น พัลส์ เดโทเนชั่น เวฟเอนจิน (Pulse Detonation Wave Engine) และเครื่องบินความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโดรเจน
การทดลองเครื่องบินที่มีความเร็วมากกว่าเสียงหลายเท่าหรือที่เรียกว่ายานไฮมัค (High-Mach Vehicle) โดยสร้างเครื่องบินที่มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างเครื่องบิน A12 และ D21 หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์วอลคารี (Super Valkarie) ซึ่งมีคนจำนวนมากที่เคยไปด้อมๆ มองๆ แถวพื้นที่ 51 เคยเห็นมันถูกบินทดสอบ
ยานอวกาศจากต่างดาว
จากคำกล่าวอ้างของโรเบิร์ท S4 เป็นสถานที่ใช้สำหรับศึกษา วิจัยวัตถุบินลึกลับภายใต้ชื่อโครงการ มูนดัสท์ (Moondust) บรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกอำพรางอยู่ใต้พิ้นทรายเพื่อหลบเลี่ยงดาวเทียมจารกรรมของรัสเซีย
โรเบิร์ททำงานในห้องทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งชื่อ แบร์รี่ คาสติลลิโอ (Barry Castillio) นักวิจัยแต่ละกลุ่ม จะถูกแยกทำงานในส่วนต่างๆ พวกเขาถูกจำกัดให้มีเพื่อนร่วมงานเพียงแค่ไม่กี่คน แบร์รี่ เป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ช่วยโรเบิร์ท ศึกษาค้นคว้าเรื่องการขับเคลื่อนของยานอวกาศ
วันแรกที่โรเบิร์ท เดินทางถึง S4 เขาถูกนำตัวไปที่ห้องพยาบาลเพื่อทำการตรวจผิวหนัง เขาถูกทาด้วยสารหลายชนิดตามจุดต่างๆ บนแขน วันต่อมาก็จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็คดูว่าผิวหนังเขาเกิดการพุพองหรือมีอาการแพ้หรือไม่
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกสั่งให้ดื่มสารบางชนิดที่ทำให้ร่างกายของเขามีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สารนี้ช่วยป้องกันเขาจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจได้รับจากการสัมผัสวัตถุที่มาจากต่างดาว
สารที่โรเบิร์ท ดื่มนั้นมีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นต้นสน และในคืนนั้นหลังจากที่เขาได้ดื่มสารสร้างภูมิคุ้มกันเข้าไป เขาก็เกิดอาการเป็นตะคริวที่ท้องน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นผลข้างเคียงมาจากสารสร้างภูมินั้น ต่อมาโรเบิร์ทถูกแนะนำให้รู้จักกับเรเน่ (Rene) ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรเน่ เป็นใครและมีหน้าที่อะไรใน S4 เจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอยู่ในส่วนของ S4 นั้นมีอยู่แค่เพียง 22 คนเท่านั้น หัวหน้าของโรเบิร์ท ชื่อ เดนนิส มาริอานี (Dennis Mariani)
เขารู้จักเดนนิส ตอนที่ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัท อีจีแอนด์จี (EG&G) ซึ่งตอนนั้นยังมีสำนักงานอยู่ที่สนามบินแมคคาร์เรน ในลาสเวกัส แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่ฐานทัพอากาศ เนลลิส (Nellis Air Force Base)
ศึกษาข้อมูล
ในวันแรกๆ มีเจ้าหน้าที่พาโรเบิร์ทไปที่ห้องเล็กๆ ที่มีเพียงแค่โต๊ะและเก้าอี้กับแฟ้มเอกสารกว่า 100 แฟ้ม ข้อความในแฟ้มล้วนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวและเทคโนโลยีมนุษย์ต่างดาว เขาใช้เวลาวันละครึ่งชั่วโมงในการศึกษาข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้น
ข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นบทสรุปให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่มาทำงานใน S4 ว่างานที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างพิภพ โรเบิร์ท ได้เห็นการทดสอบบินของยานบินรูปทรงประหลาดและยิ่งตกใจมากขึ้นอีก เมื่อเห็นรายงานเขียนว่า มีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานกว่าหมื่นปีแล้ว!
โครงการที่โรเบิร์ท ทำอยู่นั้นเป็นส่วนย่อยของโครงการใหญ่ เขารับผิดชอบเรื่องการค้นคว้าการขับเคลื่อนของยานอวกาศต่างดาวและบทบาทของแรงโน้มถ่วงเพื่อใช้เป็นสื่อในการขับเคลื่อนภายใต้ชื่อ โครงการกาลิเลโอ (Project Galileo)
โดยปรกติเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนจะไม่ได้รับอนุญาติให้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นๆ แต่ในกรณีของโรเบิร์ทนั้น เขาต้องอาศัยความรู้ในแขนงอื่นด้วยจึงทำให้เขาได้รับอนุญาติเป็นกรณีพิเศษให้ทำการทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ในกลุ่มอื่น
หลากหลายโครงการ
โครงการไซด์คิก (Project Sidekick) เป็นหนึ่งในสองโครงการที่โรเบิร์ท ได้รับอนุญาติให้รู้ข้อมูลได้บางส่วน มันเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องอาวุธลำแสง (Beam Weapon) ที่จะถูกติดตั้งบนเครื่องบินรบ อาวุธลำแสงนี้ต้องอาศัยความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงและการรวมแสงให้เป็นลำ อาวุธชนิดนี้มีอำนาจการทำลายล้างที่สูงมาก
โครงการลุคกิ้งกลาส (Project Looking Glass) เป็นการศึกษาเรื่องกฏกายภาพของการมองเห็นและผลกระทบต่อเวลาและอวกาศ ในการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลอง และเช่นกันว่าโครงการนี้ต้องอาศัยความรู้ทางด้านแรงโน้มถ่วง และการควบคุมมัน
การทดลองในโครงการกาลิเลโอ ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โรเบิร์ทได้เห็นรายงานและหลักฐานต่างๆ ที่พิสูจน์ถึงความถูกต้องของมัน ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่าโครงการอื่นๆ ที่ทำใน S4 นั้นก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน แต่โรเบิร์ทก็ปฏิเสธที่จะถือเอากรรมสิทธิ์เหนือความสำเร็จนั้น เขากล่าวว่ารายงานการวิจัยที่เขาทำขึ้นเป็นเพียงแค่ตัวอักษรและรูปภาพบนแผ่นกระดาษเท่านั้น
ไม่ว่าการทดลองที่พื้นที่ 51 จะเป็นอะไรก็ตาม ก็ยังมีผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นเป็นจำนวนมากได้พยายามสอดแนมเข้าไปใกล้ เพื่อบันทึกภาพซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่ามีการทดลองเครื่องบินหรือวัตถุบินได้บางชนิดที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน
ภาพถ่ายด่านใน ปี 2011
ทางเข้า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Chillz1593 : 4th January 2012 เมื่อ 17:51
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 70 คนที่กล่าวขอบคุณ:
6thhokage, armsupergame, as784125, Asus08533, ATLAS, bararasza, bionicle99, bnnightmal2e, bossun, Buffalo, bulakorn123, Bumblebee, cdvcdmp70, classdragon, Deathbringer, dino, Dvl.Farworld, earthkotig, games3707, gecko, ghoszaba007, godzarda, gsuhplyf, Gu Pai!, HAWKIEZ, Hoshigaki, iherepea, jackpot12, killerteeza, knight022, luck1234, luzefer, markops, mikeGLA, miniboss, monkeyzact, Msguzs, nastelneo, next 1000 clip, nishinomiya, npdeoh2754, nut015550333, Nut_crazyboy, ong30850, OrangeJuice, Pongsatron730, pooper555, RaCha100Y, Ratiio, RIAD:MAz, RoMeoZ22, Roony_All Star, Rozie., Rukawa, seiki2011, SHINING, taezana, tertwo, themzaza07, Thitiruj, tkgwpe, tomzamio005, TsunaZ, TTN-You, Wolfie0530, worametza, yiew697dg, zhezazee, [Really~Nuts], บุรุษฟ้า-ขาว
-
31st December 2011 21:10
#2
ผมดูอีกสารคดีนึงครับ จำได้ว่าโหลดมาจากบิทนี่แหละ
ที่เค้าขึ้นไปบนยอดเขา ระยะห่างจาก เอเรีย51 ถึง 26 ไมล์
เมื่อดูบรรยากาศโดยรอบ และเค้ายังตั้งกล้องความละเอียดสูง
ที่สามารถซูมได้ไกลมากๆไว้บนพื้นดิน คอยสอดส่องบนท้องฟ้า
และบนยอดเขานั่นเอง เค้าก็ใช้กล้องชนิดเดียวกันถ่ายไว้ตลอดสองวัน
จนจับภาพได้ว่า มีการบินขึ้นลงของวัตถุลึกลับ และที่สำคัญพวกเค้า
ได้เห็นเครื่องบินบรรทุกคนที่ทำงานภายในเอเรีย51 ไปลง ณ. สนามบิน
แห่งหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งเมื่อเค้าใช้กล้องตรวจสอบได้แล้วปรากฎว่า
เครื่องบินนั้นมาจากสนามบินแห่งหนึ่ง พวกเค้าเลยไปแอบเช่าที่พัก
ที่สามารถมองเห็นได้ว่า ใครขึ้นเครื่องบินลำนั้นบ้างในวันต่อไป
พวกเค้ามีแผนที่จะดูใบหน้าบุคคลที่ขึ้นเครื่องด้วย และพยายาม
จะติดต่อ แต่ไม่สามารถหาข้อมูลอันใดได้เลยว่าพวกเค้าเป็นใคร
เน็ตผมกากนะ แต่พยายามดูคลิปบางตอน รู้สึกจะเป็นเรื่องเดียวกันแฮะ
เหอะๆ
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 8 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
31st December 2011 21:13
#3
-
-
31st December 2011 21:17
#4
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
gsuhplyf
ผมดูอีกสารคดีนึงครับ จำได้ว่าโหลดมาจากบิทนี่แหละ
ที่เค้าขึ้นไปบนยอดเขา ระยะห่างจาก เอเรีย51 ถึง 26 ไมล์
เมื่อดูบรรยากาศโดยรอบ และเค้ายังตั้งกล้องความละเอียดสูง
ที่สามารถซูมได้ไกลมากๆไว้บนพื้นดิน คอยสอดส่องบนท้องฟ้า
และบนยอดเขานั่นเอง เค้าก็ใช้กล้องชนิดเดียวกันถ่ายไว้ตลอดสองวัน
จนจับภาพได้ว่า มีการบินขึ้นลงของวัตถุลึกลับ และที่สำคัญพวกเค้า
ได้เห็นเครื่องบินบรรทุกคนที่ทำงานภายในเอเรีย51 ไปลง ณ. สนามบิน
แห่งหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งเมื่อเค้าใช้กล้องตรวจสอบได้แล้วปรากฎว่า
เครื่องบินนั้นมาจากสนามบินแห่งหนึ่ง พวกเค้าเลยไปแอบเช่าที่พัก
ที่สามารถมองเห็นได้ว่า ใครขึ้นเครื่องบินลำนั้นบ้างในวันต่อไป
พวกเค้ามีแผนที่จะดูใบหน้าบุคคลที่ขึ้นเครื่องด้วย และพยายาม
จะติดต่อ แต่ไม่สามารถหาข้อมูลอันใดได้เลยว่าพวกเค้าเป็นใคร
เน็ตผมกากนะ แต่พยายามดูคลิปบางตอน รู้สึกจะเป็นเรื่องเดียวกันแฮะ
เหอะๆ
ของร้องนะครับอย่า Spoil ไม่งั้นเค้าก็ไม่ต้องดูกันหมดแล้วนะครับ
-
-
31st December 2011 21:31
#5
^
เขาบอกว่าเหมือนกับเคยดูมาแล้ว
ใครทนไม่ไหวไม่อยากดูนานๆก็ไม่เห็นเป็นอะไร - - นายไหวรึปล่าว ?? ถ้าไม่ไหวก็นอนหลับข้ามปีซะนะ
Trying not to feel the same
-
รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:
-
31st December 2011 21:59
#6
-
-
31st December 2011 22:06
#7
-
-
31st December 2011 23:22
#8
ช่วยประนีประนอม ต่อคำตอบ!
เจ๋งครับ ผมเคยเห็นนะครับ ไอ้ดาวตกที่ตกลงมาแบบความเร็วเท่า ตอนที่2 มันเหมือนดาวเลย แสงขาว ไม่กระพริบอะไร มันเคลื่อนผ่านหน้าต่างตอนผมนอนมองท้องฟ้าติดหน้าต่างมันเป็นเหมือนดาวเคลื่อนที่ได้แสงสีขาว ไม่ได้เร็วขนาดฟิ้วว๊าบหาย แต่มันเคลื่อนผ่านไป ผมก็นึกว่าดาวตก เพราะผมก็ไม่เคยเห็นดาวตกแบบไม่ใช่พวกฝนดาวตกซักที มันทำให้ผมสงสัยเลยเนี่ย ใช่ปล่าวหว่า หรือเครื่องบินอะไร แต่แสงมีนาดเท่าดวงดาวเลยครับมัน เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ดูแล้วเร็วกว่าเครื่องบินที่บินสูงปี๊ดๆและมีควันออกมาเจ็ทไอพ่นอะไรหน่ะครับ มันเร็วกว่านั้น ผมขอบอกเลยว่าเห็นจริงๆ จากใจเรื่องจริงแต่ไม่รู้เท่านั้นเองว่ามันแสง อะไร ใจนึงก็ดาวตกไป เพราะมันเหมือนดาว และประกอบกับไม่เคยเห็นดาวตกที่แบบ อยู่ดีดีก็ ฟิ้ว เคยเห็นแต่ฝนก็ไม่รู้มันแตกต่างกันไหม แต่ดูสารคดีประเภทนี้ ก็สนุกระทึกดีครับ
(ตอนนี้ โรงเก็บ ยานพาหนะ ในคลิปที่ เป็นสีดำ อะครับ มันเป็นสีขาวทั้งหลังเลย ลองเปิด google earth ดู และเป็นโหมด อาคาร 3Dด้วยครับ ถ่ายรูปมาลงให้ดู แต่คอมเครื่องนี้มันกระตุกมาก-..-)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย bararasza : 1st January 2012 เมื่อ 22:06
-
-
31st December 2011 23:28
#9
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
bararasza
เจ๋งครับ ผมเคยเห็นนะครับ ไอ้ดาวตกที่ตกลงมาแบบความเร็วเท่า ตอนที่2 มันเหมือนดาวเลย แสงขาว ไม่กระพริบอะไร มันเคลื่อนผ่านหน้าต่างตอนผมนอนมองท้องฟ้าติดหน้าต่างมันเป็นเหมือนดาวเคลื่อนที่ได้แสงสีขาว ไม่ได้เร็วขนาดฟิ้วว๊าบหาย แต่มันเคลื่อนผ่านไป ผมก็นึกว่าดาวตก เพราะผมก็ไม่เคยเห็นดาวตกแบบไม่ใช่พวกฝนดาวตกซักที มันทำให้ผมสงสัยเลยเนี่ย ใช่ปล่าวหว่า หรือเครื่องบินอะไร แต่แสงมีนาดเท่าดวงดาวเลยครับมัน เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ดูแล้วเร็วกว่าเครื่องบินที่บินสูงปี๊ดๆและมีควันออกมาเจ็ทไอพ่นอะไรหน่ะครับ มันเร็วกว่านั้น ผมขอบอกเลยว่าเห็นจริงๆ จากใจเรื่องจริงแต่ไม่รู้เท่านั้นเองว่ามันแสง อะไร ใจนึงก็ดาวตกไป เพราะมันเหมือนดาว และประกอบกับไม่เคยเห็นดาวตกที่แบบ อยู่ดีดีก็ ฟิ้ว เคยเห็นแต่ฝนก็ไม่รู้มันแตกต่างกันไหม แต่ดูสารคดีประเภทนี้ ก็สนุกระทึกดีครับ
โว่ว ประสบการอย่างงี้หายากนะครับ อยากมีมั้งจังครับ
-
-
1st January 2012 09:01
#10
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
CrYzTeX
^
เขาบอกว่าเหมือนกับเคยดูมาแล้ว
ใครทนไม่ไหวไม่อยากดูนานๆก็ไม่เห็นเป็นอะไร - - นายไหวรึปล่าว ?? ถ้าไม่ไหวก็นอนหลับข้ามปีซะนะ
แฮะๆ ครับๆ
-
-
1st January 2012 10:14
#11
พิมพ์ภาษาไทยผิดอยู่เรื่อย
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
gsuhplyf
ผมดูอีกสารคดีนึงครับ จำได้ว่าโหลดมาจากบิทนี่แหละ
ที่เค้าขึ้นไปบนยอดเขา ระยะห่างจาก เอเรีย51 ถึง 26 ไมล์
เมื่อดูบรรยากาศโดยรอบ และเค้ายังตั้งกล้องความละเอียดสูง
ที่สามารถซูมได้ไกลมากๆไว้บนพื้นดิน คอยสอดส่องบนท้องฟ้า
และบนยอดเขานั่นเอง เค้าก็ใช้กล้องชนิดเดียวกันถ่ายไว้ตลอดสองวัน
จนจับภาพได้ว่า มีการบินขึ้นลงของวัตถุลึกลับ และที่สำคัญพวกเค้า
ได้เห็นเครื่องบินบรรทุกคนที่ทำงานภายในเอเรีย51 ไปลง ณ. สนามบิน
แห่งหนึ่งในนั้นด้วย ซึ่งเมื่อเค้าใช้กล้องตรวจสอบได้แล้วปรากฎว่า
เครื่องบินนั้นมาจากสนามบินแห่งหนึ่ง พวกเค้าเลยไปแอบเช่าที่พัก
ที่สามารถมองเห็นได้ว่า ใครขึ้นเครื่องบินลำนั้นบ้างในวันต่อไป
พวกเค้ามีแผนที่จะดูใบหน้าบุคคลที่ขึ้นเครื่องด้วย และพยายาม
จะติดต่อ แต่ไม่สามารถหาข้อมูลอันใดได้เลยว่าพวกเค้าเป็นใคร
เน็ตผมกากนะ แต่พยายามดูคลิปบางตอน รู้สึกจะเป็นเรื่องเดียวกันแฮะ
เหอะๆ
ผมจำได้ว่า คนที่ทำงานในArea51เขานั่งเครื่องบินBoeing 737 แบบไม่มีหมายเลขประจำเครื่อง ออกจาก สนามบินแมคคาแรน ในลาส เวกัส เพื่อจะไปทำงาน
ก่อนจะขึ้นเครื่องจะมีโค๊ดเนมให้พูดถึงจะเขาไปได้ แต่จำไม่ได้แหละว่าโค๊ดเนมอะไร
-
-
1st January 2012 10:55
#12
สนุกจังเลยคับอยากดูอีกจัง
-
-
1st January 2012 11:45
#13
ขอให้ปีนี้ช่อง history เอาพวกตอนใหม่ๆมาฉายด้วยเถิดดดด
-
-
1st January 2012 15:45
#14
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
thotsawat555
ผมจำได้ว่า คนที่ทำงานในArea51เขานั่งเครื่องบินBoeing 737 แบบไม่มีหมายเลขประจำเครื่อง ออกจาก สนามบินแมคคาแรน ในลาส เวกัส เพื่อจะไปทำงาน
ก่อนจะขึ้นเครื่องจะมีโค๊ดเนมให้พูดถึงจะเขาไปได้ แต่จำไม่ได้แหละว่าโค๊ดเนมอะไร
เก่งกันจัง
-
-
1st January 2012 20:43
#15
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
scapegoat_7
ขอให้ปีนี้ช่อง history เอาพวกตอนใหม่ๆมาฉายด้วยเถิดดดด
ผมจะพยายามหามาให้ครับ
-
-
1st January 2012 21:30
#16
อ้าวกรรม ขอโทษด้วยละกัน ทีหลังจะไม่แสดง คห.แนวนี้ใน กระทู้ของนายล่ะ
-
-
1st January 2012 22:02
#17
กองทัพอากาศประจำพื้นที่51 นะครับ ลักลอบเอาalien มาอยู่ด้วย
-
-
1st January 2012 22:12
#18
ช่วยประนีประนอม ต่อคำตอบ!
มันน่าจะ วางกล้องไว้รอบเลย ไม่ใช่แค่3ตัวอยากรู้จริงมันต้องลงทุน ตั้งไว้บนยอดเขาอีก จะได้รู้เลย อะไรลงหลังเขา .....
-
-
1st January 2012 22:39
#19
-
-
2nd January 2012 02:51
#20
โปรด ระ วัง walrock (ถูกรึป่าวก็ไม่รู้) เสก golem (ผิดรึป่าวก็ไม่บอก) ลง 4 ตัว น่ะ
-
-
3rd January 2012 09:58
#21
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
Zl2oN
โปรด ระ วัง walrock (ถูกรึป่าวก็ไม่รู้) เสก golem (ผิดรึป่าวก็ไม่บอก) ลง 4 ตัว น่ะ
ไม่เกี่ยวเลย
-
-
3rd January 2012 10:06
#22
ดูช่อง History ทีไรหลับทุกที
//มันพากย์น่าเบื่อมากอะ จริงๆ
-
-
3rd January 2012 10:43
#23
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
bararasza
เจ๋งครับ ผมเคยเห็นนะครับ ไอ้ดาวตกที่ตกลงมาแบบความเร็วเท่า ตอนที่2 มันเหมือนดาวเลย แสงขาว ไม่กระพริบอะไร มันเคลื่อนผ่านหน้าต่างตอนผมนอนมองท้องฟ้าติดหน้าต่างมันเป็นเหมือนดาวเคลื่อนที่ได้แสงสีขาว ไม่ได้เร็วขนาดฟิ้วว๊าบหาย แต่มันเคลื่อนผ่านไป ผมก็นึกว่าดาวตก เพราะผมก็ไม่เคยเห็นดาวตกแบบไม่ใช่พวกฝนดาวตกซักที มันทำให้ผมสงสัยเลยเนี่ย ใช่ปล่าวหว่า หรือเครื่องบินอะไร แต่แสงมีนาดเท่าดวงดาวเลยครับมัน เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ดูแล้วเร็วกว่าเครื่องบินที่บินสูงปี๊ดๆและมีควันออกมาเจ็ทไอพ่นอะไรหน่ะครับ มันเร็วกว่านั้น ผมขอบอกเลยว่าเห็นจริงๆ จากใจเรื่องจริงแต่ไม่รู้เท่านั้นเองว่ามันแสง อะไร ใจนึงก็ดาวตกไป เพราะมันเหมือนดาว และประกอบกับไม่เคยเห็นดาวตกที่แบบ อยู่ดีดีก็ ฟิ้ว เคยเห็นแต่ฝนก็ไม่รู้มันแตกต่างกันไหม แต่ดูสารคดีประเภทนี้ ก็สนุกระทึกดีครับ
(ตอนนี้ โรงเก็บ ยานพาหนะ ในคลิปที่ เป็นสีดำ อะครับ มันเป็นสีขาวทั้งหลังเลย ลองเปิด google earth ดู และเป็นโหมด อาคาร 3Dด้วยครับ ถ่ายรูปมาลงให้ดู แต่คอมเครื่องนี้มันกระตุกมาก-..-)
อันนี้ไหมครับ
-
-
3rd January 2012 12:20
#24
กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ
jokkasa123
อันนี้ไหมครับ
น่าสนๆจังครับ งุงุ
-
-
3rd January 2012 13:06
#25
ดูแล้วอยากเล่นเกม Area 51 เลยจริงๆ นะเนีย
ผมอยากรู้ว่ามันจะซ่อน ยังไงทั้งคันอะ แล้วคิดดูฐานฐัพ *****โคตใหญ่เลย
จำได้ว่า GTA SA ก็มีไม่ใช่หรอ ตรงทะเล ทราย LV อะ ใช่ป่าวหรือจำผิดไป
-
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
Forum Rules