ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5
  1. #1
    Oh!! My God = w =
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    กระทู้
    431
    กล่าวขอบคุณ
    119
    ได้รับคำขอบคุณ: 288

    Post เปิดปมเพลงชาติไทย รอยทางกว่าจะมาถึงเวอร์ชั่นปัจจุบัน

    เปิดปมเพลงชาติไทย รอยทางกว่าจะมาถึงเวอร์ชั่นปัจจุบัน




    ถ้าใครมีปู่ย่าตายายหรือผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ลองกลับไปถามท่านและให้ท่านร้องเพลงชาติให้ฟัง เพลงชาติที่ท่านร้องออกมาอาจจะเป็นเพลงที่ท่านไม่เคยได้ยินเลยในชีวิตก็ได้ครับ ของไอน์สไตน์น้อยก็เป็นครับ สมัยคุณตายังมีชีวิตอยู่เคยร้องเพลงชาติให้ฟัง เพลงชาติเวอร์ชั่นคุณตากับเวอร์ชั่นคุณหลาน เป็นคนละทิศคนละทางกันเลยทีเดียวครับ ทราบกันไหมครับว่า กว่าจะมาเป็นเพลงชาติเวอร์ชั่นปัจจุบันให้เราขับร้องกันด้วยความภาคภูมิใจนั้น รอยทางของ "เพลงชาติ" ของประเทศของเรา เดินทางมาบนเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบันอย่างไร

    ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2395 ในปลายรัชสมัย พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้มีนายทหารอังกฤษ 2 คนชื่อ ร้อยเอกอิมเปย์ (Impey) และ ร้อยเอกน๊อกซ์ (Thomas G. Knox) เข้ามาเป็นครูฝึกทหารเกณฑ์ ในวังหลวงและวังหน้า ได้ใช้เพลง 'God Save the Queen' ซึ่งเป็นเพลงประจำชาติของอังกฤษเป็นเพลงฝึกสำหรับทหารแตร ซึ่งในการฝึกทหารของไทยสมัยนั้น ใช้ตามแบบอย่างของประเทศอังกฤษทั้งหมด ดังนั้นเพลง 'God Save the Queen' จึงถูกใช้เป็นเพลงเกียรติยศสำหรับกองทหารไทยใช้ถวายความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ด้วย และเรียกกันว่า 'เพลงสรรเสริญพระบารมีอังกฤษ'

    ต่อมา พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ประพันธ์เนื้อร้องขึ้นมาใหม่ โดยใช้ทำนองของเพลง 'God Save the Queen' และตั้งชื่อเพลงขึ้นใหม่ว่า 'จอมราชจงเจริญ' และนี่นับเป็นเพลงชาติฉบับแรกของประเทศสยาม

    แต่ในปี พ.ศ. 2414 เมื่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์ ในขณะนั้นสิงคโปร์ยังเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษอยู่ กองทหารดุริยางค์ สิงคโปร์ก็ได้บรรเลงเพลง 'God Save the Queen' เพื่อถวายความเคารพเช่นกัน พระองค์จึงทรงตระหนักว่าประเทศสยาม จำเป็นจะต้องมีเพลงชาติที่เป็นของตัวเองขึ้น เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกราชของชาติ

    ครั้นเมื่อทรงเสด็จกลับถึงพระนคร จึงได้โปรดให้ตั้งคณะครูดนตรีไทยขึ้น เพื่อทรงปรึกษาหาเพลงชาติที่มีความเป็นไทยมาใช้แทนเพลง 'จอมราชจงเจริญ' และคณะครูดนตรีไทย ได้เลือก 'เพลงทรงพระสุบิน' หรือ 'เพลงบุหลันลอยเลื่อน' ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ที่ประวัติเพลงดังกล่าวค่อนข้างแปลกทีเดียว เนื่องจากรัชกาลที่สองทรงเข้าพระที่เพื่อทรงพระบรรทม และได้มีพระสุบินถึงพระจันทร์แจ่มกระจ่างฟ้าพร้อมกับทำนองเพลงที่แสนไพเราะ เมื่อตื่นพระบรรทมจึงมีรับสั่งเรียกหาซอสายฟ้าฟาดซึ่งเป็นซอสามสายคู่พระราชหฤทัยและเล่นเพลงที่ทรงได้ยินในฝันนั้น จนกลายมาเป็นเพลงที่ถูกเรียกโดยที่มาว่า "เพลงทรงพระสุบิน" และภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "เพลงบุหลันลอยเลื่อนนั่นเอง ซึ่งในครั้งนั้นได้มีการนำเพลง "บุหลันลอยเลื่อน" ดังกล่าวนี้ นำมาเรียบเรียงใหม่ ให้มีความเป็น สากลขึ้นโดย "เฮวุดเซน" (Heutsen) ซึ่งก็นับเป็นเพลงชาติไทยฉบับที่สอง และใช้บรรเลงในระหว่างปี พ.ศ. 2414-2431

    สำหรับเพลงชาติไทยฉบับที่สาม คือ 'เพลงสรรเสริญพระบารมี' อย่างที่ยังได้ยินในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งเพลงนี้ประพันธ์โดย ปโยตร์ สชูโรฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ์ชาวรัสเซีย คำร้องเป็นพระนิพนธ์ของ สมเด็จฯ กรมพระนริศรานุวัตติวงศ์ ใช้บรรเลงเป็นเพลงชาติ ในระหว่างปี พ.ศ.2431-2475
    เพลงชาติไทยฉบับที่สี่ คือ 'เพลงชาติมหาชัย' ใช้เป็นเพลงชาติ ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2475 โดยอาศัยทำนอง เพลงมหาชัย ส่วนคำร้องนั้นประพันธ์โดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เพื่อใช้ขับร้อง และบรรเลงปลุกเร้าใจประชาชน ก่อให้เกิดความรักชาติและสร้างความสามัคคี ในระหว่าง ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

    เพลงชาติไทยฉบับที่ห้า คือ เพลงชาติฉบับพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร หรือชื่อเดิม ปีเตอร์ ไฟท์ (Peter Feit) เป็นชาวต่างชาติ) ผู้ประพันธ์ทำนอง ซึ่งเป็นทำนองของเพลงชาติไทยในปัจจุบันนี่เอง ซึ่งประพันธ์ขึ้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2475 และประพันธ์เนื้อร้องโดย ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) บรรเลงครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเมื่อ วันที่ 7 กรกฎาคม 2475 ใช้ในระหว่าง ปี 2475-2477

    กำเนิดของเพลงชาติฉบับที่ 6 นั้นมาจากในปี พ.ศ. 2477 รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเพลงชาติขึ้น ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาเกี่ยวกับเพลงชาติโดยเฉพาะ คณะกรรมการได้กำหนดให้มีเพลงชาติแบบไทยและแบบสากล อย่างละเพลงคือ แบบไทยได้แก่เพลงชาติของ จางวางทั่ว พาทยโกศล ที่แต่งขึ้นจากเพลงไทยเดิมชิ่อว่า 'ตระนิมิตร' ส่วนทางสากลได้แก่ เพลงชาติเดิมของพระเจนดุริยางค์ที่แต่งไว้แล้ว แต่ในเวลาต่อมาคณะกรรมการชุดนี้ ได้พิจารณาว่าเพลงชาตินั้นควรจะมีลักษณะที่บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีสองเพลงอาจทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ลดลง จึงตกลงว่าให้มีเพลงเดียวคือ แบบทำนองสากลของพระเจนดุริยางค์ แต่ได้จัดให้มีการประกวดเนื้อร้องขึ้นใหม่ และคณะกรรมการได้สรุปผลให้บทร้องของ ขุนวิจิตรมาตรา ผู้แต่งเดิมซึ่งดัดแปลงจากเนื้อร้องเดิมของตนเล็กน้อยได้รับรางวัลชนะเลิศ อันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่คนเฒ่าคนแก่นิยมร้องครับ และเป็นเวอร์ชั่นที่คุณตาของไอน์สไตน์น้อยร้องให้ฟัง

    และเพลงชาติไทยฉบับที่ 7 ในปี พ.ศ. 2482 มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจากคำว่า 'สยาม' มาเป็น 'ไทย' ทำให้จำต้องแก้ไขเนื้อร้องในเพลงชาติด้วย รัฐบาลจึงได้จัดประกวดเนื้อร้องเพลงชาติไทยขึ้นใหม่ โดยใช้ทำนองเพลงชาติไทย ของพระเจนดุริยางค์ตามแบบเดิมซึ่งผู้ชนะการประกวดได้แก่ นายพันเอกหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) และได้กลายมาเป็นเพลงชาติฉบับที่ 7 ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศใช้เพลงชาติไทยฉบับที่ 7 นี้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2482 และเป็นฉบับที่ถูกใช้มาจนปัจจุบันนี้ครับ


    และก่อนจะจากกัน ไอน์สไตน์น้อยมีเพลงชาติไทยเวอร์ชั่นขุนวิจิตรฯและพระเจนฯ มาฝากครับ มีทั้งเนื้อและคลิปเสียงเลยทีเดียว ใครไม่เคยฟังลองคลิกฟังกันนะครับ หาฟังยากแล้วครับสมัยนี้


    เพลงชาติไทยสมัย พ.ศ. 2477
    คำร้อง: ขุนวิจิตรมาตรา


    แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง
    ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า
    สืบเผ่าไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา
    รวมรักษาสามัคคีทวีไทย

    บางสมัยศัตรูจู่โจมตี
    ไทยพลีชีพร่วมรวมรุกไล่
    เข้าลุยเลือดหมายมุ่งผดุงผะไท
    สยามสมัยบุราณรอดตลอดมา

    อันดินสยามคือว่าเนื้อของเชื้อไทย
    น้ำรินไหลคือว่าเลือดของเชื้อข้า
    เอกราชคือเจดีย์ที่เราบูชา
    เราจะสามัคคีร่วมมีใจ

    รักษาชาติประเทศเอกราชจงดี
    ใครย่ำยีเราจะไม่ละให้
    เอาเลือดล้างให้สิ้นแผ่นดินของไทย
    สถาปนาสยามให้เทิดไทยไชโย

    *ถ้าซ้ำก็ขออภัย
    credit: dek-d.com

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 16 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    122
    กล่าวขอบคุณ
    134
    ได้รับคำขอบคุณ: 100
    สุดยอดครับ สาระเน้นๆ
    ทำตัวให้มีค่า ดีกว่าทำหน้าตาให้ดูดี


  4. #3
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    สาธารณรัฐประประชาธิปไตยประชาชนคนกาม
    กระทู้
    1,898
    กล่าวขอบคุณ
    1,907
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,835
    Blog Entries
    2
    ของเรามีมาแล้ว7 แต่สเปนมีแค่เพลงเดียว เก่ากว่าของเรามาก แต่ไม่มีเนื้อร้อง!

  5. #4
    ชอบดูเมะ H เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Oct 2011
    ที่อยู่
    เพดานห้องน้ำหญิงที่ไหนสักแห่ง!
    กระทู้
    572
    กล่าวขอบคุณ
    393
    ได้รับคำขอบคุณ: 88
    ได้สาระเพียบ ขอบคุรครับ


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top