ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 7 หน้า หน้าแรกหน้าแรก 12345 ... หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 51 ถึง 75 จากทั้งหมด 162
  1. #51
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    941
    กล่าวขอบคุณ
    2,321
    ได้รับคำขอบคุณ: 348
    ตัวผมผ่านรึเปล่าครับ.........

    นิยายท่านผมติดตาม มาแทบทุกเรื่องเลยละครับ พูดได้ว่าทุกเรื่องเลยก็ได้....เรื่องนี้ๆ ก็ขอให้ตัวผมได้ออก โรงมั่งเน้อ เรื่องก่อนหน้านี้ ออก ปุบ นิยาย หายปุ๊บ เลยทีเดียว ฮ่าๆ

  2. #52
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Nov 2011
    กระทู้
    335
    กล่าวขอบคุณ
    92
    ได้รับคำขอบคุณ: 107
    แบบฟอร์มตัวละคร
    ชื่อ-สกุล: อาชรนัย วานรทัพ
    ชื่อเล่น: โจ
    เพศ: ชาย
    อายุ: 19
    รูปร่างหน้าตา: ประมาณนี้





    นิสัยโดยละเอียด:เป็นคนรักความสนุกสนานเฮฮา แต่ดูภายนอกเป็นคนขี้เก๊ก รักความสะดวกสะบาย เวลาเมื่อเขาจะพูดออกความเห็นทุกคนต้องรับฟัง เวลาโกรธจะเสียสติ เกลียดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด




    สิ่งที่ชอบ: การเห็นคนรอบข้างมีรอยยิ้ม
    สิ่งที่เกลี่ยด: เวลาพูดแล้วไม่มีคนฟัง
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย: ได้พบคนที่เขารักซึ่งอยู่ห่างกันไกลแสนไกลและบอกรักเธอ

  3. #53
    Bayou Country
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    New Orleans, LA, United States
    กระทู้
    5,932
    กล่าวขอบคุณ
    4,555
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,950
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ViperRKO อ่านกระทู้
    แบบฟอร์มตัวละคร
    ชื่อ-สกุล: อาชรนัย วานรทัพ
    ชื่อเล่น: โจ
    เพศ: ชาย
    อายุ: 19
    รูปร่างหน้าตา: ประมาณนี้





    นิสัยโดยละเอียด:เป็นคนรักความสนุกสนานเฮฮา แต่ดูภายนอกเป็นคนขี้เก๊ก รักความสะดวกสะบาย เวลาเมื่อเขาจะพูดออกความเห็นทุกคนต้องรับฟัง เวลาโกรธจะเสียสติ เกลียดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด




    สิ่งที่ชอบ: การเห็นคนรอบข้างมีรอยยิ้ม
    สิ่งที่เกลี่ยด: เวลาพูดแล้วไม่มีคนฟัง
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย: ได้พบคนที่เขารักซึ่งอยู่ห่างกันไกลแสนไกลและบอกรักเธอ
    หะ นี่มัน Zacky Vengeance อุบะ บะ ใช่ไหมนะ เอ ใช่แน่ๆ

  4. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #54
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    941
    กล่าวขอบคุณ
    2,321
    ได้รับคำขอบคุณ: 348
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ nakiann123 อ่านกระทู้


    หะ นี่มัน Zacky Vengeance อุบะ บะ ใช่ไหมนะ เอ ใช่แน่ๆ
    แม่นแท้เหลา...!!!

  6. #55
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    สับตัวละคร!

    เจิดจรัส ขจัดภัย ของคุณJardet

    ชื่อ-สกุล: เจิดจรัส ขจัดภัย
    ชื่อเล่น:เพลิง
    เพศ:ชาย
    อายุ: 19
    รูปร่างหน้าตา:
    หน้าตาหล่อใช้ได้ ร่ายกายโดยรวมสมส่วน สูง 175 ผมสั้นดำ
    นิสัยโดยละเอียด:เป็นคนเฮฮา รักเพื่อนฝูง ไม่ชอบหาเรื่องใส่ตัวแต่ถ้าเห็นใครลำบากเป็นต้องช่วยเสมอ เผ่นอย่างเก่ง ทำอาหารเก่ง อารมณ์ดีตลอดเวลา โกรธยาก






    สิ่งที่ชอบ:อาหารอร่อยๆ การผจญภัย
    สิ่งที่เกลี่ยด:กลิ่นเลือดและซากศพ(เกลียดแต่ไม่ได้กลัว) คนเลว
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย:ช่วยชีวิตคน
    อื่นๆ:ชอบใช้ปืนพกคู่(เล็งหัวแบบแม่นบ้างไม่แม่นบ้าง)และมีดสั้น(ย่องเสียบ)
    เหมือนจะมาแบบลวกๆ แต่ก็มาแบบเนื้อๆ OKครับ ผ่าน

    นิโคไล พรีทรอฟ ของ asalost
    ชื่อ-สกุล: นิโคไล พรีทรอฟ
    ชื่อเล่น:นิค
    เพศ:ชาย
    อายุ: 35
    รูปร่างหน้าตา:ชาวรัซเซีย ผิวขาวออกคล้ำแดงนิดๆ ตัวสูง ผมดำสนิดเหมือนคนไทย ตายสีเขียวขุ่นๆ มีเคราเล็กน้อย แต่ตัวชุดรัดรูป ใส่เกราะที่ตัว คล้ายๆกับสายลับ เวลาอ่านหนังสือบางทีก็ใส่แว่น เพราะตาไม่ดีแก่แว้ว 555+

    นิสัยโดยละเอียด:มีความเป้นผู้นำสูง มีประสปการ์ณในการรบและแทรกซึม เคยเป็นอดีตสาบลับของรัชเซีย และภาระกิจนี้ถูกส่งมาให้ช่วยเหลือทางประเทศไทย มีความเป็นคุณธรรมสูง แต่เค้าก็ปฏิเสธที่จะนับถือศาสนาใดๆทั้งสิ้น ค่อนข้างเงียบขรึม ชอบอยู่คนเดียว แต่ลุยก็ลุยเป็นทีม บางคนบอกว่าเค้าฆ่าทหารฝ่ายศัตรูไปกว่า 500 คน ทำให้เค้าเป็นคนเก็บตัวเงียบแบบนี้ นิโคไล ชอบบอกกับตัวเองเสมอ ว่าเค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่า แต่สภาพการ์ณบีบบังคับให้เค้าจ้องหยุดความรุนแรงด้วยการใช้ความรุนแรง นิโคไลไม่ดืมเหล้าและสูบบุหรี่ เค้าแทบจะไม่เค้าสถานเริงรมเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำให้เค้าลืมอดีตและคราบเลือดที่เปื้อนหัวใจของเขาได้

    สิ่งที่ชอบ: แกะสลักเศษไม้เป็นรูป กวางทำท่าทางต่างๆ

    สิ่งที่เกลี่ยด: คนไม่รักษาคำพูด และ พวกทรยศ ไม่รักพวกพ้อง

    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย:อยากกอดเมียและลูกของเค้า แต่ถึงกระนั่นก็ทำไม่ได้เพราะพวกเค้าได้จากไปแล้ว

    หนึ่งในบุคลากรทางทหารของ ศูนย์ช่วยเหลือและแจกจ่าย เอ5148
    ขอตัดอักษรสีแดงทิ้งครับ ที่เหลือผ่าน

    ดิเมียร์ทรี โรมานอฟ ของ maxarmyus

    ชื่อ-สกุล:ดิเมียร์ทรี โรมานอฟ (Dimitri romanov)
    ชื่อเล่น:คอรส์
    เพศ:ชาย
    อายุ:24
    รูปร่างหน้าตา:หน้าตาดี ผิวขาว ไม่มีหนวดเพราะโกนบ่อย ผมสั้นสีทอง
    นิสัยโดยละเอียด:เงียบขรึมเเละจริงจัง(ลูกนายทหารครับ+อดีตอันซับซ้อนที่โหดร้ายของเขา)นิสัยเป็นสุภาพบุรุษ เเต่มีนิสัยใจร้อนเเละเยือกเย็น ตามสถาณการณ์
    เป็นคนทีมีพรสวรรค์เรื่องความเเม่นในการยิงปืน เเต่เป็นคนพูดเเต่ความจริงเเต่ชอบพูดกวนบาทาชาวบ้าน(คนสนิท) ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ
    พูดเเบบเหตุผล(ส่วนใหญ่)ที่ส่วนน้อยคือเรืองที่ตนเองเจอมา ชอบเขียนบันทึก(ติดนิสัยเรียนทหารปีสุดท้าย)

    สิ่งที่ชอบ:อ่านหนังสือ เขียนเเผนที่ยุทธการ(เขียนเล่นไม่เคยใช่จริง) ทำความสะอาดปืนcolt m1911a มรดกสุดท้ายที่พ่อเหลือเอาไว้ ซ้อมยิงปืนเเบบโหดๆ
    สิ่งที่เกลี่ยด:บุหรี่ มาเฟีย (สาเหตุที่เพราะทำให้เกลียดเพราะ mafia ของรัสเซียนั้นไปกลาดยิงที่บ้านของครอบครัวไม่เหลือใครเลย)
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย:มีชื่อติดในประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องรู้จักเขา

    อื่นๆ:ประวัติย่อ นักเรียนนายร้อยอันดับ1ของการสอบทั้งหมด สอบเข้าหน่วยspatnazได้ตอนอายุ17สาเหตุคือที่เกิดคดีน้ำสีเลือดที่ดังไปทั่วประเทศตอนเขาอายุ20
    เขาได้รับงานไปลอบสังหารชายคนหนึ่งที่เป็นคนขายชาติให้ต่างประเทศเเละเป็นงานเเรกเเละงานสุดท้ายของเขา เพราะคนที่เขาสังหารไปเป็นลูกชายของเจ้าพ่อมาเฟีย
    หลังจากนั้น2สัปดาร์ ตอนนั้นเป็นตอนเย็นหลังจากเขียนรายงานเสร็จก็กลับมาที่บ้านก็พบศพของทุกคนที่อยู่ในบ้าน รวมทั้งเเฟนสาวของเขาด้วย เขาเลยกลายเป็นคนไร้ญาติ
    ไม่มีใครเหลือเลย เขาเลยต้องรีบเก็บของเเล้วหนีไปเซฟเฮาส์ของเขาที่ไม่มีใครรู้จัก ช่วงที่เขาหายตัวไปตำรวจให้เป็นบุคคลต้องสงสัย เพราะมีเหตะทะเลาะกับพ่อที่ดันเอาปืนColtไปใช้งานโดยไม่ได้บอก
    ที่เป้นสมบัติสุดท้ายของบรรพบุรุษที่เหลืออยุ่กับการที่เขาไปหยิบคียการ์ดของพ่อเขาไปด้วยไม่รู้ใช่งานอะไรได้บ้าง
    ประวัติไม่เข้ากับเนื้อเรื่องอย่างแรงครับ คุณเก่งเกินไปครับ นิยายเรื่องนี้ต้องการคนธรรมดาครับผม

    เป็กเอก ชนะสงคราม ของ Jomzababin

    แบบฟอร์มตัวละคร
    ชื่อ-สกุล: เป็กเอก ชนะสงคราม
    ชื่อเล่น:เอก
    เพศ:ชาย
    อายุ: 26
    รูปร่างหน้าตา: สูง 180 น้ำหนัก 68 หน้าตาและทรงผมประมาณในรูปครับผม

    [/PHP]

    นิสัยโดยละเอียด: นิสัย เป็นคนสนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้ไปไหนไปกัน...รักเพื่อน ยามลำบากไม่เคยทิ้งเพื่อน...เข้ากับคนได้ไม่ค่อยดี แต่ถ้าสนิทเมื่อกับใครแล้วจะรู้ว่าไอ้หมอนี้รั่วสุดๆ
    ชอบกินขนมขบเคี้ยว ไม่ชอบการบังคับสักเท่าไหร่ จิตใจเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่...แต่เวลาเค้าโกรธขึ้นมาก็จะสติแตกแบบสุดๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟังใครเลยทีเดียว


    สิ่งที่ชอบ: ชอบขนมขบเคี้ยว ขนมปังต่างๆนาๆ และก็น้ำอัดลม
    สิ่งที่เกลี่ยด: เกลียดงู และสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ไม่ชอบพวกเห็นแก่ตัวเห็นแล้วอยากจะต่อย
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย: ได้บอกรักคนที่ตนรักเป็นครั้งสุดท้าย...
    รู้ใจกันอยู่แล้วครับ ผ่านไปโลด!

    อัพเดท

    บทที่2ได้ 6 หน้าแล้วครับผม
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LoveSeeker : 30th March 2012 เมื่อ 18:40

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  7. #56
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    6
    กล่าวขอบคุณ
    1
    ได้รับคำขอบคุณ 1
    ชื่อ-สกุล:ดิเมียร์ทรี โรมานอฟ (Dimitri romanov)
    ชื่อเล่น:คอรส์
    เพศ:ชาย
    อายุ:20
    รูปร่างหน้าตา:หน้าตาดี ผิวขาว ไม่มีหนวดเพราะโกนบ่อย ผมสั้นสีทอง
    นิสัยโดยละเอียด:เงียบขรึมเเละจริงจังนิสัยเป็นสุภาพบุรุษ เเต่มีนิสัยใจร้อนเเละเยือกเย็น ตามสถาณการณ์
    เป็นคนทีมีความสามารถความเเม่นในการยิงปืน เเต่เป็นคนพูดเเต่ความจริงเเต่ชอบพูดกวนบาทาชาวบ้าน(คนสนิท)
    พูดเเบบเหตุผล(ส่วนใหญ่)
    สิ่งที่ชอบ:อ่านหนังสือ ทำความสะอาดปืนcolt m1911a มรดกสุดท้ายที่พ่อเหลือเอาไว้ ซ้อมยิงปืนเเบบโหดๆ
    สิ่งที่เกลี่ยด:บุหรี่ ความมืด
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย:มีชื่อติดในประวัติศาสตร์ที่ทุกคนต้องรู้จักเขา
    อื่นๆ:ประวัติย่อ อยู่เเถบไซบีเรียตอนเหนือของรัสเซียที่มีเเต่ความลำบาก เเต่มาเรียนที่มอสโก เเเต่ช่วงอายุ17เขาทดสอบเข้าเป็นspatnazอย่างที่พ่อเขาเคยเป็น
    เเต่สอบไม่ผ่านโดนครูฝึกซัดเปรี้ยงไม่ทันถึงสิบนาทีน็อคโดนหิ้วออกไปเเล้ว เขานั้นเรียนยิงปืนจากพ่อเขาตั้งเเต่เด็ก เลยชอบยิงปืนตั้งเเต่6-8ปี ทีเหลือพ่อเขาส่งไปเรียนอยู่ในมอสโก
    ช่วงปิดเทอมจะไปอยู่ที่บ้านเกิดวันๆขโมยปืนพ่อไปซ้อมมือทุกวันกับ อ่านหนังสือ2เเบบคือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก่อนสงครามนิวเคลียร์กับหนังสือของหลักสุตรการฝึกspatnaz
    หนังสือสมัยพระเจ้าเห่าที่พ่อเขาเคยใช่ เเต่เจ้าตัวคนอ่านไม่ค่อยจะเข้าใจว่าอะไรคือstystemaเลยไปลองตอนสอบอันนั้นละเลยโดนซัดเข้าให้
    ปล.เปลี่ยนไปเยอะเเล้วครับเหมือนคนละคน ตอนเเรกคิดสด ผมไม่เคยคิดตัวละครครับเเก้ไปบ้างเเล้วนะครับ
    ปล.อีกนิด ประวัตินี้คล้ายกับคนที่มีตัวตนในโลกผมไม่ได้ก็อบนะ เเนะนำนะครับสำหรับนิยายที่เป็นเเนวที่คุณเขียน อันที่คล้ายคลึงอยู่คือเรื่อง metro 2033 นิยายกับเกม
    นั้นเนื้อเรื่องคล้ายครึงกันถ้านิยายก็มีเเต่เเปลภาษาอังกฤษที่พอเป็นตัวอย่างได้บ้างครับเเปลเอาเองนะครับคนเขียนเป็นคนรัสเซียครับเลยไม่ค่อยมีเเปลภาษาอื่น
    http://metro2033.wikidot.com
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย maxarmyus : 31st March 2012 เมื่อ 19:46

  8. #57
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    ผมจะเิลิกแต่งนิยายแล้วครับผม ผมอยู่ในวงการนี้มานาน อยากพักแล้ว
    เห็นเด็กหลายๆคนเติมโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ลาก่อนครับทุกคน

    ครอบดำสิ>>>>>สุขสันต์วัน April Fool's day!<<<<<<<<

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  9. #58
    Bayou Country
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    New Orleans, LA, United States
    กระทู้
    5,932
    กล่าวขอบคุณ
    4,555
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,950
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ LoveSeeker อ่านกระทู้
    ผมจะเิลิกแต่งนิยายแล้วครับผม ผมอยู่ในวงการนี้มานาน อยากพักแล้ว
    เห็นเด็กหลายๆคนเติมโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ลาก่อนครับทุกคน

    ครอบดำสิ>>>>>สุขสันต์วัน April Fool's day!<<<<<<<<
    ฮ่าๆ น่าจะเอาลงไปอีกนะท่าน ให้มันได้เลื่อนลงมา นี่มันไม่ลุ้น 5555

  10. #59
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    941
    กล่าวขอบคุณ
    2,321
    ได้รับคำขอบคุณ: 348
    เอ้อนท่าน ตัวผมชื่อ เป็นเอกเน้อ ตอนนั่นพิมพ์ผิดพึ่งเห็น... ฮ่าๆ อันนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับ 1 เมษาน่ะ เรื่องจริงๆ

  11. #60
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    กระทู้
    131
    กล่าวขอบคุณ
    35
    ได้รับคำขอบคุณ: 53
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ LoveSeeker อ่านกระทู้
    ผมจะเิลิกแต่งนิยายแล้วครับผม ผมอยู่ในวงการนี้มานาน อยากพักแล้ว
    เห็นเด็กหลายๆคนเติมโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ลาก่อนครับทุกคน

    ครอบดำสิ>>>>>สุขสันต์วัน April Fool's day!<<<<<<<<
    ****ด ผมครอบดำก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอ่าน -0- มันน่าสนใจ 5555

  12. #61
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    ตัวอย่างตอนต่อไป

    บทที่2: พี่เลี้ยงเด็ก

    “ระวังหลัง” นิสารัตน์ร้องและเล็งไปยังกูลตนหนึ่งที่วิ่งตัดผ่านช่องระหว่างเนินซากปรักหักพังหลังพวกเขา มันวิ่งเร็วเกินกว่าที่นิศจะเล็งยิงมันได้ทัน เสียงฝีเท้าจำนวนมากดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา ไอราวัณบรรจุกระสุนซองใหม่เข้าสู่ปืน และเล็งไปยังช่องระหว่างเนิน เขาเลียริมฝีปาก เสียงการยิงปืนต่างๆ เงียบลงไปในความคิดของเขา มีเพียงเสียงฝีเท้า และเสียงหัวใจที่เต้นรัว ม่านตาของเขาเปิดกว้าง เหงื่อเป็นเม็ดผุดขึ้นตามใบหน้า เขาปรับโหมดการยิงเป็นอัตโนมัติ เสียงฝีเท้าดังขึ้น และเพิ่มความถี่มากขึ้น เศษหินเล็กๆตกลงจากเนินด้วยแรงสั่นสะเทือน

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  13. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  14. #62
    Bayou Country
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    New Orleans, LA, United States
    กระทู้
    5,932
    กล่าวขอบคุณ
    4,555
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,950
    มาแล้ว มาแล้ว รออ่านครับผมม

  15. #63
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    6
    กล่าวขอบคุณ
    1
    ได้รับคำขอบคุณ 1
    สู้ๆครับรออ่านอยู่ครับ

  16. #64
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    แวะเอาข้อมูลของ "กูล" มาอัพ บนที่2เสร็จแล้ว ขอแก้คำผิดหน่อยแล้วกันครับ พรุ้งนี้น่าจะลงได้


    ศูนย์ช่วยเหลือและแจกจ่าย C-120
    เขตรับผิดชอบ: ปักกิ่ง ประเทศจีน
    วันที่: 12/05/2125
    รายงานการค้นพบ
    เรื่อง:สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์
    เรื่องย่อย: Subject H-001 และ Subject H-002
    เอกสารที่แนบ: รูปถ่ายภายนอก และรูปถ่ายภายใน


    สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ที่มี่ต้นกำเนิดจากมนุษย์ แต่ถูกกัมมันตรังสีจนผิวหนังและระบบในร่ายกายเกิดการเปลี่ยนแปลง มีอายุยืนขึ้น มีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น กินอาหารมากขึ้น และด้วยความต้องการพลังงาน ทำให้ Subject H-0011 และ Subject H-0012 มีรูปร่างสรีระบาง ผอม และคล่องแคล่ว

    Subject H-0011: สมองยังคงทำงานเป็นกรติ ยังสามารถพูดคุยโต้ตอบได้ และยังมีความคิดความสามารถทัดเทียมมนุษย์
    Subject H-0012: เนื่องด้วยถูกกัมมันตรังสีทำลายสมองส่วนใหญ่ สมองส่วนที่เหลือจึงตอบสนองสัญชาติญาณดิบ คือ กิน และขยายพันธุ์ ชอบอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม และออกล่าพร้อมกันอย่างเป็นระบบ


    วิธีการกำจัด: สามารถกาจัดได้โดยการทำลายจุดสำคัญเหมือนเช่นมนุษย์

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  17. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  18. #65
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240


    บทที่2 : พี่เลี้ยงเด็ก
    สุริยะและธีระพลเดินลากรถเข็นขนาดใหญ่ไปตามทางเดินระหว่างคลังแสงและโรงรถ บนรถเข็นประกอบด้วยปืนกลหนักขนาด12มิลลิเมตรสองกระบอกและกระสุนอีกหลายกล่อง “ทำไมพลปืนกลต้องมาขนอาวุธแล้วก็ติดตั้งปืนด้วยวะ ?” ธีระพลถามขึ้นในระหว่างที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูโรงรถ

    “ถ้าพลปืนกลไม่ทำ แล้วใครจะทำ” สุริยะตอบเสียงเรียบๆ โรงรถเป็นอาคารทรงสี่เหลียมผืนผ้า สร้างจากสังกะสีและเศษเหล็ก ภายในเป็นที่เก็บยานพาหนะทุกประเภทของศูนย์ นับแต่รถเคลื่อนที่เร็วไปจนถึงรถถังหลัก ช่องเก็บรถของแต่ละหมู่ถูกแบ่งไว้ด้วยรั้วไม้ต่ำๆ ทั้งสองดึงรถเข็นไปยังเขตของหมู่เอคโค พันจ่าเอกเรวานอฟถือแผ่นคลิปบอร์ดในมือข้างหนึ่ง ถือปากกาในมืออีกข้างและกำลังเดินตรวจสอบรถหุ้มเกราะเบาสภาพใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งถอยมาจากโรงงาน รถทั้งสองจอดอยู่คู่กันในเขตของหมู่เอคโค วิศวกรในชุดหมีสีน้ำตาลสองกำลังเช็คเครื่องยนต์อยู่ใต้รถทั้งสองคน ส่วนอีกคนก็อยู่ในห้องคนขับเพื่อที่จะเร่งเครื่องตามที่วิศวกรใต้ท้องรถสั่งการ

    “สวัสดีครับจ่า” พลปืนกลหนุ่มทั้งสองพูดพร้อมทำความเคารพแบบพอเป็นพิธี ซึ่งจ่าวัยกลางคนก็ตอบกลับมาเพียงแค่ว่า “ไง” และกลับไปง่วนกับการเช็คสเปครถหุ้มเกราะ

    “ขออนุญาตติดตั้งปืนครับ”

    “เชิญ” จ่าตอบห้วนๆ สองหนุ่มดึงรถเข็ญเข้าไปอยู่ระหว่างรถหุ้มเกราะ ทั้งสองปืนขึ้นไปบนรถ และช่วยกันยกปืนน้ำหนักยี่สิบห้ากิโลกรัมขึ้นไปบนหลังคา และเริ่มติดตั้งปืนทังสองกระบอกจนเสร็จ จากนั้นพวกเขาก็เคลื่อนรถเข็ญไปหลังรถ

    “สวัสดี” เสียงใสๆที่แสนคุ้นหูของสุริยะดังขึ้นจากหลังรถของทีม2 นั่นไม่ใช่เสียงของใครนอกจากเจ้าหญิงหญิงสาวแฟนเก่าของเขา เขาชายตาไปมองเล็กน้อยและรู้สึกดีมากที่เธอทักธีระพลไม่ใช่เขา เธอคงจะอยู่ในรถหุ้มเกราะและไม่ทันได้สังเกตเห็นเขาแน่ เขารีบใช้เวลาช่วงนี้ยกลังกระสุนขึ้นไปบนรถจนครบสิบลัง และกระโจนขึ้นไป โดยหวังว่ารถจะช่วยซ่อนเขาได้ เสียงของเธอคุยกับธีระพลดังอยู่ใกล้ๆ แต่สุริยะไม่ใส่ใจว่าพวกนั้นคุยอะไรกัน เขานั่งลงบนม้านั่งผ้าใบยาวข้างหนึ่งเปิดกล่องกระสุน ดึงสายกระสุนออกมาและมองหากระสุนที่บิดเบี้ยวหรือไม่มีดินขับ จากนั้นเขาก็คัดมันออกทีล่ะนัด จนเขาคัดมันออกจากทุกกล่อง

    เขาปิดกล่องกระสุนกล่องสุดท้ายและพิงไปกับด้านข้างของตัวรถ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างห้องคนขับและห้องสัมภาระ มือของสุริยะเลือนไปยังปืนพกของเขา

    “ใจเย็นก่อน” หญิงสาวคนนั้นร้อง สีสันหายไปจาใบหน้าของเธออย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีเขียวอ่อนฉายแววหวาดกลัวออกมา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนนะ” เธอพูดเสียงกุกกัก “ฉันแค่อยากผ่านออกไปข้างนอก

    “ผมขอโทษ” สุริยะพูด “ผมไม่ได้ตังใจทำให้คุณกลัว ผมแค่ตกใจ” เขาพูดและละมือออกจากปืนของเขา “ผมสิบเอกสุริยะ” เขาแนะนำตัว เธอออกจากห้องคนขับและนั่นบนม้านั้งตรงข้ามกับเขา

    “ฉัน อนาสตาเซีย หัวหน้าวิศวกรประจำทีมเอคโค” เธอยื่นมือมาให้สุริยะสัมผัส เธอเป็นหญิงสาวตัวเล็ก รูปร่างผอม จมูกโด่งแบบยุโรป คิ้วเรียวบางดูเข้ากับใบหน้ารูปไข่และนัยน์ตากลมโตของเธอเป็นอย่างดี

    “สวัสดีครับ” สุริยะพูดและสัมผัสมือกับเธอ “แล้วรถคันนี้เป็นไงบ้างครับ”

    “ที่ฉันบอกได้ก็คือ มันสามารถพาคุณผ่านห่ากระสุนของกลุ่มโจรได้แน่นอนค่ะ แต่ว่าคันนี้ยังมีปัญหาเรื่องระบบท่อเชื้อเพลิง ฉันต้องซ่อมก่อนถึงจะเอาออกไปใช้งานได้”

    “งั้นผมคงจะต้องใช้รถแบบเปิดโล่งไปก่อนสินะครับ”

    “ถูกต้องค่ะ แต่ว่าฉันคิดว่า คุณคงจะไม่ได้ใช้รถแบบเปิดโล่งหรอก เพราะฉันจะซ่อมเสร็จภายในสอง-สามชั่วโมง” เธอพูดพร้อมยิ้ม

    “อ้อครับ ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น”



    จ่าสิบเอก รีเซีย โมเมนล่า หญิงสาวพลแม่นปืนประจำหมู่เดลต้า-3 เดินเข้ามายังกองบัญชาการที่เต็มไปด้วยทหารมากมาย เธอถอดหมวกกันกระสุน และสยายผมให้เข้าทรง เธอวางหมวกไว้บนเคาท์เตอร์บริการเก็บของและเดินไปเข้าไปยังห้องประชุมที่อยู่ในสุดของกองบัญชากร เธอเปิดประตู นายทหารจำนวนมากมาถึงก่อนแล้ว เธอมองไปตามเก้าอี้เพื่อหาที่ว่าง และเธอก็พบ เธอเดินไปยังที่นั่น และบอกกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ “นั่งด้วยได้ไหม”

    “เชิญครับจ่า” เชคอฟพูด และเปิดซองรายละเอียดภารกิจที่ได้รับ

    “ได้ข่าวว่านายถูกย้าย” เธอถามแลรับซองเอกสารสีน้ำตาลจากนักเรียนทหารคนหนึ่ง

    “ครับ” เขาตอบและเริ่มอ่านเอกสาร “ได้เลือนตำแหน่งด้วย จากพลปืนเล็กยาว เป็นหัวหน้าทีม”

    “ยินดีด้วยจ่า” เธอพูดและเริ่มแกะซองเอกสาร “ฉันประจำการมาหกปี ไม่ได้ใกล้เคียงหัวหน้าทีมเลย” เธอพูดและยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะหายไปหลังจากที่ได้อ่านเนื้อความในเอกสาร

    “เป็นอะไรไปครับจ่า” เชคอฟถามหลังจากสังเกตเห็นสีหน้าของเธอ

    “ฉันถูกย้าย ไปประจำที่หมู่เอคโค เลือนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีม2”

    “โอ้ เยี่ยมเลยครับ”เชคอฟพูดและยิ้ม “ขอต้อนรับสู่หมู่เอคโค ครับ”

    “นายเป็นหัวหน้าทีม-1 สินะ”เธอพูดและมองดูรายชื่อสมาชิกในหมู่ “ดูแต่ละคนสิ ทหารประจำการ ครูในโรงเรียน เด็กจบใหม่พร้อมเกียรตินิยม วิศวกรอายุไม่ถึงเกณฑ์ พวกบ้าพลัง ใครเป็นผู้บังคับหมู่”

    “ฉันเอง” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นจากข้างหลังของรีเซีย เสียงต่ำๆนั้นทำให้รีเซียขนลุกเมื่อนึกถึงเจ้าของเสียง เธอลุกขึ้น หันกลับ และทำความเคารพ “สวัสดีค่ะ”

    “นั่นไม่จำเป็นแล้วทหาร คุณไม่ใช่เด็กๆแล้ว ไม่ต้องตะเบ๊ะผมก็ได้”

    “ค่ะจ่า” เธอพูดและลดมือลง เรวานอฟยิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังหน้าห้อง เขาก้าวขึ้นบนเวทีซึ่งสูงจากพื้นประมาณครึ่งฟุต ผนังที่ติดกับเวทีมีแผนที่ขนาดใหญ่แขวนอยู่ “หมวด 5 โปรดฟัง” เขาพูดเสียงดัง ทหารภายในห้องหยุดพูดคุยกันและหันมาฟังจ่าวัยกลางคน “อย่างที่รู้กันว่า หมวด1 และหมวด 2 ถูกส่งไปเสริมในพื้นที่ชายแดนทิศเหนือ ส่วนหมวด 3 และ 4 ก็ประจำอยู่ตามฐานยิงต่างๆ หน้าที่ลาดตระเวนรอบบ่ายจึงของพวกนาย”

    “รับทราบ” ทุกคนรับ

    “หมู่แอลฟ่าและบราโว่ คุณเป็นหน่วยที่1 ลาดตระเวนทางทิศเหนือ บริเวณชานเมือง โดยคุณจะมีผู้หมวดฟ้าเป็นผู้บังคับหน่วย” เขาพูดและชี้ตำแหน่งบนแผนที่

    “หมู่ชาลีและเดลต้า คุณเป็นหน่วยที่2 คุณรับหน้าที่เมืองทิศใต้ คุณมีกัปตันอเมริกาเป็นผู้บังคับหน่วย” เขาพูดและชี้แผนที่

    “[เซ็นเซอร์]” หมู่ชาลีและเดลต้าอุทานเสียงดัง กัปตันอเมริกาคือชื่อที่พวกเขาเรียกร้อยตรีหนึ่ง ผู้ที่พาทหารทั้งหมวดหลงทาง และทำภารกิจง่ายๆ ให้ลายเป็นภารกิจที่ยาก

    “เอคโค เลี้ยงเด็ก”

    “นั่นไง” รีเซียพูดเบาๆ ในขณะที่เชคอฟนวดขมับของเขาเบาๆพร้อมสบถออกมาเป็นภาษารัสเซีย

    “มีคำถามไหม” เรวานอฟถามต่อ “แยกย้ายได้” เขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทหารของเขาถามคำถามเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ทหารทุกคนชินชากันแล้ว รีเซียและเชคอฟลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกจากห้อง

    “พี่เลี้ยงเด็ก” เชคอฟพูดในระหว่างที่ทั้งสองเดินไปยังโรงรถ “นึกว่าจะได้หลุดพ้นจากเด็กพวกนี้แล้วเสียอีก” งานพี่เลี้ยงเด็กคืองานคุ้มกันนักเรียนวิชาการปกครองเข้าไปในเขตสีเหลือง ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายจากโจรและสัตว์กลายพันธุ์ ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงรถและตรงไปยังเขตของทีมเอคโค ซึ่งสมาชิกคนอื่นๆรออยู่ก่อนแล้ว พวกเขาแต่ล่ะคนแต่งกายในชุดพรางเมืองสีขาว-เทาเขียว-น้ำตาลดำ

    “สวัสดี” รีเซียทัก คนอื่นๆ

    “ใครครับจ่า”ไอราวัณถามเชคอฟในระหว่างที่กำลังยัดซองกระสุนเข้าสู่กระเป๋าบนเสื้อกันกระสุน

    “จ่าสิบเอก รีเซีย โมแมนล่า” เชคอฟพูดและเดินไปยังโต๊ะวางอุปกรณ์ ที่สุริยะและนิศารัตน์กำลังหยิบฉวยน้ำและอาหารใส่กระเป๋าสะพาย “นั่นไม่ต้อง เราไปไม่นาน และจะกลับมาก่อนมื้อเย็น” เรเซียเดินไปยังโต๊ะของทีม2 และมองดูหน้าสมาชิกของทีมทีละคน

    “คิดจะแนะนำตัวไหม” เธอพูดและเริ่มเช็คอาวุธของเธอ ลูกทีมมองหน้ากันเหมือนจะผลักความรับผิดชอบ “ไม่เอาน่า สักคนเถอะ” เธอพูดอย่างหัวเสีย และใส่ซองกระสุนเข้าสู่ปืนไรเฟิลซุ่มยิงอัตโนมัติ “นายก่อน” เธอพูดและมองไปทางธีระพล

    “สิบเอก ธีรพล คนกล้า ตำแหน่งพลปืนกลประจำทีมครับ” ธีรพลแนะนำตัว เธอหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ผมทรงโมฮอว์คแสนจะสะดุดตา

    “จ่าสิบตรี ไกรษร รัตนชัย ครับ แพทย์สนาม” เธอมองไปยังชายคนสุดท้าย

    “สิบเอกอัตนัย วีรยะ” เขาพูดและตรวจปืนไรเฟิลของเขา “เพื่อนๆเรียกผมว่า ไอ้บ้าพลัง”

    “ฉันอ่านประวัตินายแล้ว นายบ้าพลังต่อไปได้ตราบใดที่ยังไม่ได้ทำให้ใครตาย เข้าใจรึเปล่า”

    “ครับจ่า” เสียงเครื่องยนต์ของรถเคลื่อนที่เร็วตังเข้ามาใกล้พวกเขา พร้อมเสียงตะโกนสั่งหยุดของจ่าเรวานอฟ

    “เอคโค-1 เสียใจด้วยที่รถหุ้มเกราะของนายยังไม่พร้อมใช้ ฉันเลยเอารถเคลื่อนที่เร็วที่ดีที่สุดมาให้พวกนาย หวังว่ามันจะทำให้นายรอดตายกลับมาได้” เขาพูดและลงจากรถ “ซึ่งหัวหน้าวิศวกรของทีมเราก็กำลังพยายามซ่อมแซมไอ้ขยะนั่นอย่างเต็มความสามารถ” ยูเลียลงจากรถเคลื่อนที่เร็วและยกลังบางอย่างลงจากหลังรถ

    “ไง” เธอทัก ชายหนุ่มเกือบทุกคนในทีมยกเว้นสุริยะมองเธอเป็นตาเดียวในระหว่างที่เธอเดินผ่านพวกเขาไปยังรถหุ้มเกระของทีม-1

    “สมาธิ” เรวานอฟพูดเสียงดังทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยงและตื่นจากวังวัน “งานง่ายๆ เด็กๆ”เขาพูดและกระชากลูกเลื่อนปืนกลมือของเขา “เข้าไป จัดแนว ถอนกำลัง กลับมากินข้าวเย็น”

    “นักเรียนทหารเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ไหมครับจ่า” เชคอฟถามขึ้น

    “แน่นอน เพราะฉะนั้น เราปล่อยให้เด็กดูแลกันเอง แล้วเราก็ไปหาสาวๆสวยๆ มาขย้ำเลยเด็กๆ”

    “ฮูร่า!” ชายหนุ่มทุกคนร้อง

    “ขึ้นรถได้แล้วเด็กๆ” จ่าสั่ง หมู่เอคโคหยิบจับอาวุธและสัมภาระก่อนกระโดนขึ้นรถ “ฉันจะไปกับพวกนักเรียนทหารนะ เชคอฟ นายดูแลหมู่นี้ด้วย”


    “ไกรษร นายขับ” รีเซียสั่งและปีนขึ้นรถจากทางประตูช่วยคนขับ “ธีระพล อยู่ข้างบนระวังหัวหายนะหนู”

    “หัวหายไม่เป็นไรครับจ่า แต่ไอ้ที่อยู่ข้างล่างหาย ผมตายแน่ครับ” รีเซียขำเล็กน้อย ก่อนดึงประตูให้ปิด ไกรษรติดเครื่องยนต์ เสียงของมันดังกระหึ่ม

    “พร้อมลุยครับจ่า” รถของทีม-1เคลื่อนที่ออกจากโรงรถ ตามมาด้วยรถของทีมสอง พวกเขาขับออกจากศูนย์ และเลี้ยวซ้าย ขบวนรถของนักเรียนทหารและนักเรียนปกครองจอดรออยู่ที่ข้างทางแล้ว “ทีมสอง ขึ้นไปนำขบวน ให้ทีมหนึ่งปิดท้าย” เสียงของเรวานอฟดังขึ้นจากวิทยุที่อกขวาของรีเซีย “ความเร็วที่ 50” รถของทีมหนึ่งขับเลียบข้างทางและหยุดลง ปล่อยให้ทีมสองขึ้นไปนำขบวน ที่ประกอบด้วยรถเคลื่อนที่เร็วสี่คัน และรถหุ้มเกราะของนักเรียนปกครอง 1 คัน

    “เอาล่ะ เปิดหูเปิดตาไว้นะทุกคน” รีเซียพูดในขณะที่ขบวนรถกำลังเคลื่อนออกจากศูนย์ช่วยเหลือและแจกจ่าย พวกเขาขับรถผ่านแนวป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้กลายพันธุ์ หญ้ารกสูงเหมาะแก่การซุ่มโจมตี แต่พวกเขาโชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตลอดทั้งการเดินทาง สองข้างทางเปลี่ยนสภาพเป็นบ้านรกร้าง เต็มไปด้วยพืชล้มลุกขึ้นตามผนังบ้านจนเกือบจะคลุมบ้านทั้งหลัง บ้านบางหลังก็ถูกลมพายุพัดหายไปครึ่งหลัง “เลี้ยวซ้ายข้างหน้า” เสียงเรวานอฟสั่งจากทางวิทยุ

    “กำลังเลี้ยว” รีเซียรายงานกลับไปในขณะที่ไกรษรเริ่มหักพวงมาลัย บ้านสองข้างทางหนาแน่นมากขึ้น อีกทั้งยังมีสิ่งต่างๆ กระจายบนถนน ไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง ไม้ หรือแม้แต่เศษคอนกรีตจากบ้านที่พังทลาย พวกเขาขับหลบหลีกสิ่งเหล่านั้นอย่างช้าๆ ธีรพลเลียริมฝีปากและสอดสายสายตาไปรอบๆ

    “สี่สิบ เคพีเอ็ม” เรวานอฟสั่งจากวิทยุ ไกรษรถอนคันเร่งลงเล็กน้อยและยังคงหักหลบส่งกีดขวางต่างๆ พวกเขาผ่านถนนที่ร้างผู้คน “ซากอารยธรรม” ไกรษรพูดกับตัวเองเบาๆ และมองดูบ้านที่พังทลาย พวกเขาเลี้ยวออกจากถนนหลักไปยังถนนสายเล็กๆเพื่อหลบเศษวัสดุที่กีดขวางทาง ก่อนจะกลับเข้าสู้ถนนสี่เลนส์อีกครั้ง

    “นั่นไง” ซีเรียพูดและมองไปยังกำแพงสูงหลายเมตรซึ่งสร้างจากสังกะสีและเศษวัสดุต่างๆ “เมืองพรรณพยัคฆ์ แหล่งอารยธรรมหลังสงคราม”

    “บ้านป่าเมืองเถื่อน” อัตนัยพูด ประตูสังกะสีถูกเปิดออกจากภายใน ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หลายคนเดินออกมาพร้อมอาวุธครบมือ ไม่ว่าจะเป็นปืนพก ปืนกลมือ ปืนลูกซอง หรือแม้แต่ปืนกลหนักขนาด12.7ม.ม.ที่ถูกติดตั้งไว้ที่หลังคาบ้านหลังหนึ่งภายในเขตของเมือง หนึ่งในชายฉกรรจ์โบกให้พวกเขาหยุดรถ

    “เอคโค-2 เรียก เอคโค” รีเซียเรียกเรวานอฟผ่านทางวิทยุคลื่นสั้นประจำทีม “ยามของเมืองโบกให้หยุดเปลี่ยน” เรวานอฟไม่ตอบอะไร เพียงแต่รถของทีม1เร่งเครื่องแซงขึ้นไปและจอดหน้าชายเหล่านั้น เชคอฟกระโดดลงจากรถ และเดินเข้าไปคุยอะไรบางอย่างกับหัวหน้ายาม ไม่ถึงอึดใจต่อมาสุริยะก็โบกให้พวกเขาผ่านเข้าไป ขบวนรถผ่านประตูเข้าไปในเขตของเมืองพรรณพยัคฆ์ “จอดที่แยกกลางเมือง” เรวานอฟสั่งทางวิทยุ ไกรษรหักพวงมาลัยและจอดรถที่กลางเมือง รถคันถัดไปเลยพวกเขาและจอดเรียงกันเป็นวงกลมก่อนที่รถหุ้มเกราะของนักเรียนทหารจะเข้ามาจอดตรงกลาง “ตามสบายเด็กๆ” เรวานอฟบอกทุกคนผ่านวิทยุ “ฉันจะพานักเรียนพวกนี้ไปพบเจ้าเมือง” เขาพูดและลงจากรถหุ้มเกราะ “อย่าไปไหนไกลละ”

    “ลงจากรถ” รีเซียสั่งลูกทีมและเปิดประตูลงจากรถ เธอกดปุ่มบทวิทยุที่อก “ให้ตั้งแนวไหมคะจ่า”

    “ไม่จำเป็น” เรวานอฟตอบกลับมา “อย่าอยู่ห่างวิทยุล่ะ ฉันไม่ไว้ใจกัปตันอเมริกา”

    “รับทราบ” เธอตอบ เมืองพรรพยัคฆ์คือหนึ่งในสองเมืองที่ตั้งอยู่ในรัศมีสิบกิโลเมตรจากศูนย์ช่วยเหลือและแจกจ่าย เมืองถูกสร้างจากเศษวัสดุต่างๆ รูปทรงของบ้านแต่ละหลังดูแปลกตา บิดเบี้ยว และไม่แข็งแรง ผนังและหลังคาเป็นสังกะสีผุๆ หรือแผ่นไม้บางๆ ประชาชนล้วนแล้วแต่ไร้การศึกษา อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ อยู่ได้โดยการล่าสัตว์ต่างๆ และหาของป่าประทังชีวิต แม้บางครั้งพวกเขาก็เสี่ยงที่จะเดินทางเข้าไปหาอาหารกระป๋องในใจกลางเมืองปรักหักพัง แต่น้อยคนนักที่จะรอดกลับมา เพราะในใจกลางเป็นที่อยู่ของทั้งสัตว์ดุร้าย และสิ่งที่พวกเขาเรียกว่ากูล กูลคือสิ่งมีชีวิตที่เคยเป็นมนุษย์ แต่ได้รับสารกัมมันตรังสีเข้าไป ในช่วงแรก มนุษย์ที่กลายเป็นกูลจะผิวหนังเปื่อยยุ่ย เหมือนกับผีดิบ แต่สมองยังไงใช้งานได้ หากว่ายังคงได้รับสารกัมมันตรังสีต่อไป จะกระทบกับสมองจนสมองตอบสนองต่อสัญชาตญาณดิบ คือล่า และกิน พวกมันกินทุกอย่างที่มีชีวิต เหมือนดังพวกมันเป็นผีดิบซอมบี้ แต่ว่าพวกมันเร็วกว่า คล่องตัวกว่า และบางครั้งก็ทำงานกันเป็นทีม

    รีเซียปีนขึ้นไปบนหลังคารถหุ้มเกราะ และใช้กล้องส่องทางไกลมองดูรอบๆ เธอมองไปยังตลาดที่เต็มไปด้วยแผงขายสินค้า เวลานี้แทบจะไม่มีลูกค้าในตลาด อาจะเพราะผู้คนกำลังออกไปนอกกำแพงเพื่อหาอาหาร เธอสอดส่ายกล้องเพื่อหาสิงค้าที่เธอต้องการ แล้วเธอก็พบมัน เธอยิ้มด้วยความดีใจและกระโจนลงจากหลังคารถ “เชคอฟ ดูแลให้แปปนึงนะ จะไปตลาด” เธอพูดแต่ไม่ยอมฟังเสียงตอบกลับของเชคอฟ เธอมุ่งหน้าไปยังตลาด ถอดหมวกกันกระสุนออกมาถือ และตรงไปยังร้านที่เธอหมายตา แม่ค้าชายเมืองส่งยิ้มให้เธอเมื่อเธอหยุดที่หน้าร้าน ใบหน้าของรีเซียเปี่ยมไปด้วยความสุข เธอหยิบลิปสติกแท่งสีชมพูขึ้นมาจากแผง “มีของแบบนี้อีกไหมคะ” แม่ค้ายิ้มและก้มลงไปหยิบกล่องใส่กระสุนสีเขียวขึ้นมายื่นให้รีเซีย รีเซียเปิดกล่องกระสุนออก ภายในเต็มไปด้วยลิปสติก แป้ง แชมพูสระผม และอีกมากมาย รีเซียฉีกยิ้มกว้างและหันไปมองหน้าแม่ค้า

    “หมดนี่เท่าไหร่คะ” เธอพูด

    “รอเดี๋ยวนะ”แม่ค้าตอบกลับและหันกลับไปหยิบแว่นตามาใส่ “ขอดูกระสุนด้วยค่ะ” รีเซียหยิบซองกระสุนปืนไรเฟิลซุ่มยิงและปืนพกของเธอออกจากกระเป๋าบนเสื้อเวสกันกระสุน

    “ใช้ขนาดไหนคะ” รีเซียถาม ซึ่งแม่ค้าก็ชี้ไปยังซองกระสุนปืนพก รีเซียเก็บซองกระสุนไรเฟิลและปลดกระสุนออกจากซองปืนพก แม่ค้าหยิบกระสุนนัดนั้นขึ้นไปดู หมุนมันไปมาสองสามรอบ ก่อนจะหันมาบอกรีเซีย “สิบห้าค่ะ” รีเซียปลดกระสุนออกจากซองจนครบ หยิบเอากล่องเครื่องสำอาง และเดินยิ้มกว้างกลับไปที่รถหุ้มเกราะ เธอเปิดประตูห้องโดยสารและเก็บกล่องนั้นไว้ใต้เก้าอี้ยาว

    “ได้อะไรมาเปลี่ยน” เสียงเชคอฟดังขึ้นจากวิทยุ

    “เครื่องสำอาง”เธอตอบกลับ เสียงหัวเราะดังขึ้นจากรถของทีมหนึ่งและทีมสอง ธีรพลหัวเราะออกมาอย่างดังและพยายามกลั้นหัวเราะด้วยการซบใบหน้าลงกับปืนกลหนักที่ติดรถ “ขำอะไรกันยะ!” เธอตะโกนไปทางรถของทีมหนึ่ง “ฉันผู้หญิงนะโว้ย”

    “ได้ยินแล้ว” เชคอฟพูดผ่านวิทยุ “ลูกทีมฉันคนหนึ่งอยากจะซื้อของต่อจากเธออะ จะมีปัญหาอะไรไหม”

    “ไม่มี” เธอตะโกนกลับไปโดยไม่ผ่านวิทยุ ใบหน้าแดงกำด้วยความเขินอาย

    “เธอชื่อนิศ พอกลับถึงฐานแล้วเธอจะไปหาที่ห้องนะ เลิกการติดต่อ” เสียงปืนดังขึ้นทันทีหลังจากสิ้นเสียงของเชคอฟ มันดังรัวติดๆกันหลายนัด ตามาด้วยเสียงระเบิด และเสียงปืนเป็นชุดๆ “รีเซีย ตรวจวิทยุด้วยเปลี่ยน”เสียงของเรวานอฟสั่ง เธอทำตามเสียงนั้นอย่างรวงดเร็ว เธอกระโจนขึ้นไปบนห้องโดยสารและโผล่ไปยังห้องคนขับ สีหน้าที่เขินอายได้หายไปแล้วโดยมีสีหน้าที่แสนจะจริงจังเข้ามาแทนที่ “นี่เดลต้า เราถูกโจมตี ย้ำ เราถูกโจมตี ขอคำแนะนำด้วยเปลี่ยน” เสียงของหัวหน้าหมู่เดลต้าดังขึ้นจากวิทยุ “หาทางออกมาทหาร ยังไม่มีความช่วยเหลือในขณะนี้ ชาลีกำลังบุกเข้าห้างสรรพสินค้าเปลี่ยน”

    “จ่าเรวานอฟ นี่นีเซีย เดลต้าติดโคลน ย้ำติดโคลนเปลี่ยน”

    “กำลังไป” เราวานอฟตอบกลับมาจากวิทยุ เสียงของหมู่เดลต้ายังคงดังจากวิทยุ สอดแทรกด้วยเสียงครางของคนเจ็บ เสียงปืนดังรัวขึ้น เร็วขึ้น อีกทั้งยังมีเสียงระเบิดคลอเป็นพักๆ เรวานอฟปรากฎตัวออกมาจากตรอกเล็กๆและวิ่งมายังรถหุ้มเกราะของทีม2 เขากระโดดขึ้นรถและเข้าไปหาวิทยุอย่างรวดเร็ว “เดลต้า นี่เอคโค่ รายงานด้วยเปลี่ยน”

    “จ่า เวลานี้เรากำลังถูกถล่มหนัก คนเจ็บสี่คน รวมถึงผมด้วย เราถูกปิดทางออกบริเวณหน้าโรงพยาบาล ขอกำลังเสริมด่วยด้วย เปลี่ยน” เรวานอฟกางแผนที่และเริ่มคิดแผนการ

    “ติดต่อศูนย์”เรวานอฟสั่ง และลงจากรถ “เอคโค-1 เอารถมาตรงนี้” เขาร้องสั่งทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น รีเซียหันกลับไปจัดการกับวิทยุ “นี่เอคโค-2 ศูนย์เอ ตอบด้วยเปลี่ยน”

    “ศูนย์เอ ได้ยินแล้ว เอคโค่-2 ว่าไป เปลี่ยน” ทหารสื่อสารตอบเธอ

    “หมู่เอคโคขออนุญาตนำกำลังเข้าช่วยเหลือเดลต้าเปลี่ยน” เสียงเครื่องส่งวิทยุเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ทหารสือสารจะส่งคำตอบ “อนุญาต เลิกการติดต่อ”

    “จ่า ภารกิจ ไป ย้ำอีกครั้ง ไป” เธอตะโกนบอกเรวานอฟที่กำลังเดินกลับมายังรถ

    “ขออาสาสมัครสองทีม” เขาตะโกนเสียงดัง อาสาสมัครหาไม่ยากท่ามกลางนักเรียนทหารแบบนี้ ทุกคนที่อยู่โดยรอบยกมือขึ้นโดยไม่คิดแม้แต่น้อย “ดีมาก ทีม3และ4 ตามฉันมา ที่เหลือรออยู่ที่นี่” เขากระโดดขึ้นรถของเอคโค2และเข้าไปยังที่นั่งผู้ช่วยคนขับ “ไปได้แล้ว”
    รถทั้งสี่เคลื่อนตัวออกจากเมืองพรรณพยัคฆ์ พวกเขาไปตามถนนหลายช่องจราจร ก่อนที่รถของทีม-1จะแยกตัวออกไป พวกเขาไปกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่เรวานอฟจะสั่งให้เลี้ยวลงข้างทางและปรับเครื่องยนต์เป็นโหมดลอบโจมตี ซึ่งในโหมดนี้ เครื่องยนต์จะลดพลังขับเคลื่อนลงครึ่งหนึ่ง และเสียงเครื่องยนต์ที่เบาลงมาก พวกเขาเคลื่อนที่ผ่านทุ่งหญ้ารกสูงที่ถูกทิ้งร้างมาหลายร้อยปี พงหญ้าเหล่านี้สูงกว่าหลังคารถหุ้มเกราะเสียอีก อีกทั้งยังขึ้นอยู่หนาทึบ ทำให้พวกเขาสามารถพรางตัวไปกับพงหญ้าเหล่านี้ได้สบาย พวกเขาเข้าไปใกล้จุดปะทะมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงปืนที่ดังสนั่น คลอกับเสียงระเบิดทำให้เหล่านักเรียนทหารถึงกับหน้าซีดเผือกด้วยความกลัว “ประจำตำแหน่ง”เสียงของเชคอฟดังขึ้นจากวิทยุ ในที่สุดเรวานอฟก็มาถึงจุดปะทะ บ้านสองหลังสภาพค่อนข้างดีอยู่ติดกัน เป็นที่ซุ่มของเหล่าโจร อีกฝากคือโรงพยาบาลที่หมู่เดลต้ากำลังถูกยิงกด

    “หาที่กำบัง” เรวานอฟสั่งและลงจากรถและวิ่งไปหลบหลังซากบ้านที่เหลือเพียงกำแพงชั้นแรก ไกรษร อัตนัยและนักเรียนทหารต่างก็เข้าหาที่กำบังและตรวจสอบอาวุธ รีเซียปีนขึ้นไปบนหลังคารถหุ้มเกราะ กางขาทราย หมอบลง “เตรียมระเบิดมือ” เรวานอฟพูด ทหารทุกคนต่างก็ควักระเบิดมือออกมาจากกระเป๋าระเบิด “เอคโค่-2 ลุย” สองทหารหนุ่มแกะสลักระเบิดและโยนเข้าไปในบ้านแต่ล่ะหลัง ระเบิดมือระเบิดขึ้นทันทีที่กระทบกำแพง เสียงของมันดังสนั่น สะเก็ดระเบิดปลิวไปทุกทิศทาง เสียงตะโกนของโจรดังระงม ก่อนที่โจรสองคนจะโผล่ออกหน้าออกมาจากหน้าต่างบ้านแต่ล่ะหลัง “ทีม-3 ระเบิด” นักเรียนทหารทีม 3 เขวี่ยงระเบิดออกไป บ้างก็เข้าไปทางหน้าต่างและเกิดระเบิด บ้างก็ถูกผนังรอบๆหน้าต่างจนระเบิด ไม่กี่อึดใจต่อมา โจรพร้อมปืนกลเบาก็โผล่ออกมายิงพวกเขา “ยิงตามสบาย” เรวานอฟสั่ง เสียงปืนดังขึ้นทันทีที่สิ้นเสียงเขา กระสุนปะทะกับผนังของบ้าน เศษคอนกรีตถูกกะเทาะออกมา เสียงปืนกลหนักคำรามก้องคลอกับสียงปืนไรเฟิลซุ่มยิงของรีเซีย ผนังของบ้านทั้งสองหลังหายไปอย่างรวดเร็วจนเหล่าโจรต้องรีบหาที่กำบัง บ้างก็ถูกปืนกลหนักฉีกแขนขาออกจากร่าง บ้างก็ถูกคมกระสุนปืนของรีเซีย บ้างก็ถูกสะเก็ดของระเบิดมือ “เดลต้าถูกช่วยเหลือแล้ว เปลี่ยน” เสียงของเชคอฟดังขึ้นจากวิทยุ

    “ประจัญบาน” เรวานอฟร้องตะโกน ชักมีดออกจากฝัก และวิ่งเข้าไปในบ้าน ตามด้วยนักเรียนทหารพร้อมมีดในมือ การต่อสู้ระยะประชิดเป็นไปด้วยความดุเดือด ต่างฝ่ายต่างพยายามป้องกันตนเองจากอาวุธของอีกฝ่าย เหล่านักเรียนทหาร คงความได้เปรียบเอาไว้ได้ เนื่องจากการฝึกร่างก่าย และการฝึกการต่อสู้ นักเรียนทหารหลบการโขมตีได้อย่างสบายก่อนจะจ้วงแทงเข้าไปที่ร่างของโจร บางคนก็ใช้ปืนพกควบคู่ไปกับมีด เสียงปืน และเสียงร้องดังระงม ก่อนที่จะเงียบลงในเวลาอันสั้น “ทุกคน ตรวจสอบสมาชิก” เรวานอฟสั่งผ่านวิทยุ “ทีม3 ครบครับ” เสียงหัวหน้าทีมรายงานและทรุดตัวลงหนังพิงผนังข้างๆ เรวานอฟ “ทีม4 ครบครับ” หัวหน้าทีมอีกคนรายงานพร้อมถีบโจรคนหนึ่งทะลุประตูหน้าผุๆ ก่อนจะยิงซ้ำด้วยปืนพกอีกหลายนัด

    “งานง่ายๆ” ไอราวัณพูดในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออกจาจุดปะทะ โดยรถของพวกเขาอยู่รั้งท้ายขบวน “เรวานอฟถึงทุกเอคโค กำลังถอนตัว เลิกการติดต่อ”

    “เปิดหูเปิดตาไว้ งานยังไม่จบนะ” เชคอฟพูดและตบไหล่ไอราวัณ ก่อนจะหันไปหานิศารัตน์ ซึ่งกำลังสอดส่ายสายตาไปยังตึกรอบๆ “สิบเอกนิศ เมื่อถึงพรรณพยัคฆ์แล้ว ผมอยากให้คุณควบคุมการ” แต่การสั่งงานของเชคอฟถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนของไอราวัณ

    “อาร์พีจี อาร์พีจี!” เขาตะโกนลั่นและหักหลบหัวรบที่กำลังลอยเข้ามา มันกระทบกับถนน และระเบิดห่างพวกเขาไปไม่กี่เมตร สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปทุกทิศทาง สะเก็ดเล็กๆปะทะตามตัวรถ ยางรถสองเส้นระเบิดขึ้นทันทีที่สะเก็ดจากหัวรบแรงสูงสาดสะเก็ด รถเสียการควบคุม และวิ่งเข้าใส่แนวซากคอนกรีตกลางถนน หัวรบลูกที่สองระเบิดใกล้กว่าเดิมมาก แรงระเบิดของรถ ทำให้รถยกตัวสูงขึ้นก่อนจะตะแคงครูดไปกับพื้น จนหยุด เชคอฟและนิศารัตน์ซึ่งไร้สิ่งยึดเกาะปลิวออกไปจากตัวรถ และกระแทกกับพื้นถนน รถหยุดสนิท ไอราวัณและสุริยะนอนกองอยู่ที่พื้นพร้อมแผลถลอก พวกเขาพยายามลุกขึ้น และสะบัดหัวสองสามครั้งเพื่อเรียกสติ เสียงนิศารัตน์ร้องโหยหัวดังเข้าสู้โสตประสาทของสุริยะ เขาพยายามลุกขึ้น พิงรถที่ตะแคงอยู่ และกึ่งวิ่งกึ่งคลานออกไปหานิศารัตน์

    “เป็นไงบ้าง” สุริยะพูด ห่ากรุสุนกลุ่มเล็กๆ บินเข้าหาพวกเขา มันเจาะเข้าไปในพื้นถนน และส่งเศษหินและดินขึ้นสู่อากาศ สุริยะไม่รอคำตอบ เขาลากนิศารัตน์เข้าที่กำบังอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ “เชคอฟเป็นไงบ้าง” เขาตะโกนถามไอราวัณที่กำลังจัดเชคอฟให้พิงกับซากรถ

    “หมดสติ” ไอราวัณตอบ ดึงคันรั้งปืน และเริ่มยิงตอบโต้เหล่าผู้โจมตี

    “แขนซ้าย” นิศารัตน์พูด “มันไม่รู้สึกอะไรเลย” สุริยะปลดเข็มขัดอเนกประสงค์ออกจากคอของเธอ ผูกมันกับแขน และห้อยคอของเธอเอาไว้ เธอเอื้อมมือไปดึงเอาปืนกลมือขนาดเล็กออกจากซองที่หลัง “ขึ้นลำให้ที” เธอบอกสุริยะ “เดี๋ยวดูหลังให้” สุริยะกระชากลูกเลือนปืนจนสุด

    “นิศ รายงานจ่าเรวานอฟ” ไอราวัณตะโกน “สุริยะ ช่วยยิงกดหัว ตึกสีแดง ชั้นสอง หน้าต่างสาม จากซ้ายที”

    “ทราบ” สุริยะรับ เขาวิ่งออกไปยังแนวเศษซากซีคอนกรีต หมอบลงบนซาก กางขาทราย วางปืนลงบนจุดที่มั่นลง เล็งไปยังจุดที่ไอราวัณบอก ตามด้วยการกราดกระสุนออกไปเป็นชุดๆเพื่อควบคุมกลุ่มกระสุน ไอราวัณเมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกยิงกดหัวก็โผล่ออกจากที่กำบัง เล็งเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างประณีต ไปยังหน้าต่าง และเหนี่ยวไก ลูกระเบิดแรงสูงสาดสะเก็ดบินร่อนเข้าไปยังเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจ มันระเบิดขึ้น และส่งคนที่อยู่ในรัศมีการระเบิดไปสู่โลกหน้าทั้งหมด

    กลุ่มคนจำนวนหนึ่งวิ่งออกมาจากประตูพร้อมอาวุธครบมือ ต่างก็วิ่งเข้าที่กำบังและยิงใส่พวกไอราวัณ สุริยะเปลี่ยนเป้าหมายจากหน้าต่าง เป็นกลุ่มคนเหล่านั้นและเริ่มยิง

    “เอคโค1 เรียกเอคโค ทราบแล้วเปลี่ยน” นิศารัตน์เรียกผ่านวิทยุ แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา “เอคโค1 เรียกเอคโค ตอบด้วยเปลี่ยน” เสียงการสาดกระสุนของสุริยะสลับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเสียงระเบิดดังแทรกเป็นระยะ คลอด้วยเสียงของนิศารัตน์ที่พยายามเรียกกำลังเสริม

    “บรรจุ” สุริยะพูดและถอยลงมาหลังเนินคอนกรีต และบรรจุกระสุนปืน “สอง หมด” เขาพูดจำนวนซองกระสุนที่เหลือ

    “บรรจุ” ไอราวัณพูด และบรรจุกระสุนระเบิดเข้าไปยังเครื่องยิงลูกระเบิด “นัดสุดท้าย” เขาพูดและตั้งปืนลงกับพื้น ดันปืนให้ทำมุมเอียงเล็กน้อยและเหนี่ยวไกปืน กระสุนลอยข้ามที่กำบังทังหมดที่อยู่ระหว่างเขากับผู้โจมตี และระเบิดขึ้นหลังที่กำบังของพวกนั้นอย่างแม่นยำ

    “ตึกซ้าย ชั้นสี่” สุริยะตะโกนและเริ่มกราดกระสุนใส่อีกฝ่ายที่กำลังโผล่ออกมายิงพวกเขาจากตึกอีกตึกหนึ่ง “พวกมันมีมากเกินไป”

    “ทราบ” ไอราวัณตอบ “นิศ ปลุกเชคอฟที” ไอราวัณประทับปืนเล็กยาวของตนและเหนี่ยวไก กระสุนเจาะทะลุร่างของผู้โจมตีอย่างแม่นยำ เลือดสีแดงดำกระจายไปตามทิศทางของกระสุน

    “กูล!” เขาตะโกนเมื่อเห็นสีของเลือด “พวกกูลติดอาวุธ”

    “ระวังหลัง” นิสารัตน์ร้องและเล็งไปยังกูลตนหนึ่งที่วิ่งตัดผ่านช่องระหว่างเนินซากปรักหักพังหลังพวกเขา มันวิ่งเร็วเกินกว่าที่นิศจะเล็งยิงมันได้ทัน เสียงฝีเท้าจำนวนมากดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา ไอราวัณบรรจุกระสุนซองใหม่เข้าสู่ปืน และเล็งไปยังช่องระหว่างเนิน เขาเลียริมฝีปาก เสียงการยิงปืนต่างๆ เงียบลงไปในความคิดของเขา มีเพียงเสียงฝีเท้า และเสียงหัวใจที่เต้นรัว ม่านตาของเขาเปิดกว้าง เหงื่อเป็นเม็ดผุดขึ้นตามใบหน้า เขาปรับโหมดการยิงเป็นอัตโนมัติ เสียงฝีเท้าดังขึ้น และเพิ่มความถี่มากขึ้น เศษหินเล็กๆตกลงจากเนินด้วยแรงสั่นสะเทือน แต่แล้วมันก็หยุดลง ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบ กูลตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาในช่องระหว่างเนิน ไอราวัณและนิศารัตน์พร้อมใจกันยิงใส่กูลตัวนั้นจนหัวของมันหลุดกระเด็นออกจากร่าง พวกมันบุกเข้ามาทีละตัว ทีละตัว กูลตัวอนึ่งวิ่งเข้ามาหลังจากที่หลายสิบตัวได้กลายเป็นซากศพ แต่ตัวนี้กระดูกแข็งกว่าตัวอื่นเมื่อนิศารัตน์และไอราวัณพร้อมใจกันกระสุนหมด ทั้งสองเหนี่ยวไกปืน แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากเข็มแทงชนวนกระทบกับอากาศ

    “เวร”ไอราวัณสบถและเปลี่ยนอาวุธจากปืนเล็กยาวไปยังปืนพก เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง เหล่ากูลวิ่งข้ามเนินซากปรักหักพังและแยกเป็นสองชุด คือชุดที่จู่โจมไอราวัณ และชุดที่จู่โจมนิศารัตน์

    นิศารัตน์ปลดซองกระสุน และบรรจุกระสุนชุดใหม่ด้วยมือข้างที่ยังคงใช้ได้อย่างทุลักทุเล ในขณะที่เหล่ากูลก็ดาหน้าเข้ามาหาเธอ ซึ่งกำลังยิ้มแสยะดูหมิ่นเหล่ากูล พวกมันกระโดดขึ้นและอ้าปากเตรียมขบเลือดเนื้อของผู้โชคร้าย แต่พวกมันพลาดเสียแล้ว กระสุนปืนกลเบาของสุริยะกระหน่ำเหล่ากูลที่อยู่ในที่เปิดโล่ง กระสุนฉีกร่างของกูลออกเป็นชิ้นๆ พื้นถนนถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงดำอย่างรวดเร็ว หัว แขน ขา และเศษเนื้อของกูล แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าของกูล ทำให้กระสุนของเขาหมดอย่างรวดเร็ว

    “หมด” สุริยะตะโกน และชักปืนพกออกจากซอง และยิงคุ้มกันสองทหารที่กำลังบรรจุกระสุน กูลสามตัวโผลออกมาจากด้านข้างของสุริยะ และนั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้ว เขายิงกูลตัวแรก และมือซ้ายเคลื่อนที่ไปยังมีดความยาวเจ็ดนิ้วที่เข็มขัด กระสุนนัดที่สองเจาะเข้าที่หัวของกูล แต่ว่ากระสุนสิบเอ็ดมิลลิเมตรแบบหัวรูมีพลังการทำลายน้อยเกินไปที่จะทำลายสมองส่วนสั่งการของกูลตนนี้ได้ สไลด์ถอยหลังจากตำแหน่งพร้อมปลอกกระสุนที่ถูกคัดออกจากช่องคัดปลอก พร้อมกันกับที่กระสุนนัดถัดไปเข้าสู่รังเพลิง และสไลด์กลับเข้าตำแหน่ง เขาเหนี่ยวไก กระสุนอีกนัดพุ่งทะยานเข้าสู่หัวของกูลอย่างแม่นยำ ระบบของปืนก็ทำหน้าที่ของมันเหมือนดังทุกครั้ง แต่ว่า บางสิ่งไม่ได้เกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่จะทำให้อาวุธของเขาทำงานต่อได้ ปืนของเขาไม่คัดปลอกกระสุน สไลด์เคลื่อนถอยหลังจนสุดราง แต่ปลอกกระสุนยังคงอยู่ในลำกล้องขณะที่กระสุนนัดต่อไปพยายามเข้าไปแทนที่ นั่นทำให้ปืนขัดลำ และใช้งานไม่ได้

    สุริยะตวัดมีดในมือไปที่คอของกูล หัวของมันหลุดกระเด็นไปไกล ก่อนที่อีกสามตัวตรงเข้ามาหาเขา สุริยะพยายามปลดซองกระสุน แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไร เนื่องจากกระสุนที่ค้างอยู่ที่ปากซองขวางการปลดซองกระสุนไม่ให้ซองกระสุนหลุดออกมาได้ สุริยะยัดปืนพกเข้าไปที่ซองและเปลี่ยนมีดมาไว้ที่มือซ้าย เขาตัดคอกูลตัวแรก หมุนตัวเพื่อเพิ่มแรง และแทงเข้าหัวใจของกูลตัวที่สอง ดึงมีดออกและฟาดฟันไปยังกูลตัวที่สาม แต่กูลตัวนั้นเร็วกว่าเขามาก มันก้มหลบ เบี่ยงตัวออก และกระโดดเขาหวังขย้ำขอของสุริยะจากด้านข้าง สุริยะไม่มีทางเลือกนอกจากยกแขนซ้ายขึ้นป้องกัน มันฝังเขี้ยวลงในผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขา สุริยะแทงมันที่กลางออก แรงจากกรามของกูลค่อยๆหายไป มันปล่อยเขาลง และลงไปนอนแน่นิ่งที่พื้น สุริยะเก็บมีด และชักปืนออกมาทำการแก้ไข แต่มันก็เป็นไปได้ยากมากเมื่อเขามีมือที่ใช้การได้แค่มือเดียว

    นิศารัตน์เปลี่ยนซองกระสุนและขิ้นลำปืนโดยการดันคันรั้งกับเข็มขัด ก่อนจะกระหน่ำกระสุนใส่กูลจนหมดแม็กในเวลาไม่กี่อึดใจ เหล่ากูลยังคงดาหน้าเข้ามาโดยไม่เกรงกลัวอะไร เธอวางปืนลงและชักมีดออกมา เธอเสียบขอของกูลสองตัวที่กระโจนเข้ามา และแทงที่อกกูลอีกตัว กูลตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากหลังกูลตัวที่ถูกเธอปลิดชีพ และอ้าปากเตรียมกัดที่จุดตาย เวลานี้ เธอจะป้องกันตัวก็ไม่ได้ เมื่อมีดก็ยังเสียบอยู่ที่กูลอีกตัว มืออีกข้างก็ใช้การไม่ได้อย่างสิ้นเชิง เธอคงได้เพียงแต่รอความตาย “นิศ! ไม่” เสียงของสุริยะดังขึ้น และนั่นคงเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอจะได้ยิน เธอหลับตาลง และเริ่มคิดถึงสิ่งต่างๆที่ผ่านมา สิ่งทีเธอเคยทำผิด สิ่งที่เธอยีงไม่ได้ทำ และ การบอกรักคนที่เธอแอบรับ “สุริยะ” เธอพูดพร้อมกับเสียงปืนเล็กยาวที่ดังขึ้น สมองของถูกกระสุนคว้านออกจากกะโหลก ตัวมันปลิวไปตามแรงปืน นิศารัตน์ลืมตาขึ้นและหันไปมองดูผู้ช่วยชีวิต เชคอฟนั่นเอง เขาฟื้นจากการหมดสติได้ทันเวลาพอดี และเริ่มกระหน่ำกระสุนปืนพกอีนทรีทะเลทรายใส่กูลโชคร้าย

    สุริยะวิ่งลงจากเนินและเข้าไปหานิศารัตน์ “เป็นไงบ้าง” เขาพูดและลูบผมของเธอ

    “ฉันไม่เป็นไร” เธอพูดและยิ้มก่อนที่จะมองดูแขนของชายหนุ่มด้วยสีหน้าเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไร นิดหน่อยเอง”เขาตอบทั้งๆที่นิศยังไม่ได้ถาม


    “เอาล่ะ ไปจากนี่กันดีกว่า” เชคอฟพูดขณะทีบรรจุกระสุนชุดใหม่เข้าไปในปืนพกของเขา และยิงใส่กูลตัวสุดท้ายจนแน่นิง “สุริยะ เธอพานิศถอยกลับไปทางโรงพยาบาล ฉันกับไอจะดูหลังให้” เขาพูดและเก็บปืนพกเข้าซองปืน และเตรียมปืนเล็กยาวของเขา “ไปได้” เขาสั่งก่อนโผล่ออกไปดูดตึกฝั่งตรงข้าม สุริยะไม่รอช้า เขาฉุดนิศารัตน์ให้ลุกขึ้น และประคองกันและกันไปตามเนินซากปรักหักพัง

    “ศัตรู” ไอราวัณตะโกนและเริ่มยิง เชคอฟถอนตัวออกจากซากรถ เข้าที่กำบัง และหันกลับไปยิงคุ้มกัน

    “ถอย” เชคอฟสั่ง ไอราวัณสอดระเบิดเพลิงเข้าไปตามท่อต่างๆของเครื่องยนต์และแกะสลัก แสงจากการเผาไหมของฟอสฟอรัสสว่างขึ้นและเริ่มส่งความร้อนไปหลอมละลายเครื่่องยนต์ ก่อนจะวิ่งไปหลับยังที่กำบังดถดจากเชคอฟ เขาโผล่ออกไปยิงคุ้มกันและตะโกน “ถอย” เชคอฟวิ่งเลยเข้าไปและหันมายิงคุ้มกันเหมือนครั้งก่อน แต่ครั้งนี้พวกกูลได้ยิงจรวดมาทางพวกเขา มันพุ่งมายังทางที่ไอราวัณจำเป็นต้องผ่าน นั่นทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทาง ไอราวัณเลี้ยวหลบการระเบิด และวิ่งไปตามช่องระหว่างเนิน จรวดอีกลูกถูกยิง และตรงมายังไอราวัณ เขาไปต่อก็ไม่ได้ ถอยกลับก็ไม่ได้ โชคยังเข้าข้างที่มีซากกำแพงเตี้ยๆ ที่พอจะให้เขาปลอดภัยจากสะเด็ดระเบิด เข้ากระโดดไปยังกำแพงพร้อมกันกับการระเบิด

    เชคอฟเล็งและยิงอย่างประณีตเข้าใส่กูลติดอาวุธที่เหลือจนหมด บรรจุกระสุน และรีบวิ่งไปยังจุดที่เกิดระเบิดเพื่อหาไอราวัณ ฝุ่นควันต่างๆ จางลงไป ไม่เหลือสิ่งใดหลังการระเบิด ไม่มีเศษเนื้อ เสื้อผ้า หรือชิ้นส่วนใดๆนอกจากปืนประจำกายของไอราวัณที่ตกอยู่บนเนิน ไอราวัณเดินไปยังปืน เก็บมันขึ้นมาสะพาย และกลับไปหาลูกทีมที่เหลือ “ไปจากนี่กันก่อนที่พวกมันจะมาเถอะ” เขาพูดและฉุดนิศารัตน์ให้ลุกขึ้น “นายพยุงเธอไป ฉันจะคุ้มกันให้” เขาพูดและมองดูแผลของสุริยะที่เวลานี้ถูกผ้าพันแผลพันไว้แล้วเรียบร้อย “ตามมา”

    “แล้วจ่าไอราวัณล่ะคะ” นิศารัตน์ถามขณะที่พาดแขนไปบนคอของเพื่อนหนุ่ม เชคอฟไม่ตอบอะไรเพียงแต่ส่ายหน้า และเดินไปตามทางที่ถอดยาวไปถึงโรงพยาบาล พวกเขาพบกับเรวานอฟที่กลางทาง และถอนกำลังกลับไปยังศูนย์ช่วยเหลือและแจกจ่าย สุริยะและนิศารัตน์ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลโดยทันที




    เช้าวันต่อมาเป็นวันที่อากาศสดใส เหมือนฟ้าหลังฝนอย่างไรอย่างนั้น ทุกอย่างเงียบสงบและดูมีความสุขดี โดยเฉพาะกับสุริยะที่นอนทอดกายบนเตียงนุ่มๆ ในห้องสะอาดๆของโรงพยาบาล เครื่องแบบทหารถูกถอดเปลี่ยนเป็นชุดผ้าลูกไม้บางๆ เนื่องจากว่าแขนซ้ายของสุริยะนั้นบานเจ็บหนักจนใช้การไม่ได้ อีกทั้งเข็มแทงไว้ทั้งสองข้าง โดยที่ข้างหนึ่งเป็นน้ำเกลือ และอีกข้างคือยาถอนกัมมันตภาพรังสี นั่นทำให้แขนทั้งสองข้างนั้นแทบจะไร้ประสิทธิภาพ แม้ว่าจะเป็นการตักอาหารคำเล็กๆเข้าปากก็ตาม หลังจากพยายามทนอาการปวดของแขนขวาเพื่อตักอาหารเข้าปากอยู่นาน เขาก็ยอมแพ้ทั้งๆที่ทานได้ไม่กี่คำ

    “เฮ้อ” เขาถอนหายใจละก้มลงไปดูดน้ำผ่านหลอด นั่นคงเป็นสิ่งที่เดียวที่ร่างกายเขาคงทำได้ “ทำไมไม่มีนางฟ้ามาป้อนสักหน่อยวะเนี่ย” เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกันนิศารัตน์ที่ปรากฏกาย

    “ไง คาวบอย” เธอพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และนั่งลงข้างสุริยะ “อื่มแล้วเหรอ ยังหมดไม่ถึงครึ่งเลย” เธอถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ก่อนจะเห็นแขนทั้งสองข้างของสุริยะนอนหมดสภาพแน่นิ่งอยู่ข้างกาย เธอขำออกมาเบาๆพลางปิดปาก “แขนเดี้ยง” เธอพูดไปขำไป

    “โห่”สุริยะร้องออกมา “ก็เพราะมันเดี้ยงยังไงล่ะ เลยหิวอยู่แบบนี้ไง”
    นิศารัตน์หยุดขำแต่รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มตามใบหน้าของเธอ “ป้อนก็ได้” เธอพูดและดักอาหารขึ้นมา “อ้าปากเร็วซันนี่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนพูดกับเด็ก สุริยะก็อ้าปากอย่างว่าง่าย และงับเอาอาหารเข้าไป เขากลืนอาหาร และมองดูแขนของนิศารัตน์

    “แล้วแขนแกล่ะ” เธอหันไปมองดูแขนซ้ายที่ถูกเข้าเฝือกเอาไว้

    “ข้อมือหักกับไหล่หลุดหนะ อีกไม่นานก็หายแล้ว ห่วงตัวเองเถอะ” แล้วเธอก็ป้อนคำที่สองให้สุริยะ ทั้งคู่คุยกันไป ป้อนกันไป รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทั้งคู่ หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ และเสียคนที่รู้จักไป ทั้งสองก็คงมีแต่กันและกันเท่านั้น ที่จะรักษาแผลใจให้อีกฝ่ายใด้

    “คำสุดท้าย” นิศารัตน์พูดและป้อนสุริยะ “หมดแล้วๆ เก่งจังเลย น้องซันนี่”

    “เลิกเรียกแบบนั้นที่เถอะน่า” สุริยะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “เอาล่ะ” เธอพูดและวางช้อนลง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้สุริยะ “นี่พ่อคาวบอยหนุ่ม”นิศารัตน์พูดและลูบไล้ผมของสุริยะ “ฉันขออะไรอย่างหนึ่งสิ”

    “อะไร” สุริยะถาม สายตาของทั้งคู่สอดประสานกัน เหมือนดั่งเวลาหยุดหมุน โลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงสองทหารกล้า ที่ต่างก็มีความรู้สึกดีๆให้กันและกัน

    “ห้ามตายนะ” เธอพูดด้วยเสียงกระซิบ น้ำตารินไหลออกมาโดยไร้การควบคุม “ฉันไม่รู้จะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีเธอ” เธอพูด ตลอดเวลาเธอคิดถึงแต่เรื่องของวันนี้ วันที่เธอจะต้องบอกความจริง ว่าเธอนั้นชอบชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามาตั้งแต่แรกพบ

    “นิศ” สุริยะ “ฉันอยากถามอะไรบางอย่าง” เขาพูดและพยายามยกมือขวาขึ้นมา “โอ้ย” แต่เขาก็ทำไม่ได้มากนักเนื่องจากความเจ็บปวดจากผลข้างเขียงของยาถอนพิษ นิศสารัตน์จับมือของเขาไว้ เพราะในใจร้องสั่งเธอว่า เธอไม่อยากให้เขาเจ็บกว่านี้อีกแล้ว เธอไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป เธอต้องการเขา เธอต้องการให้เขาอยู่ข้างกาย “เธอชอบฉันใช่ไหม”

    “ใช่” นิศารัตน์ตอบ สุริยะยิ้มและจับมือของเธอไว้แน่น “ฉันชอบแก”

    “ขอบใจนะ” สุริยะพูด “สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตฉันอยู่ใกล้แค่นี้ แต่ฉันกลับมองไม่เห็น” เขาพูด ใบหน้าของทั้งคู่ค่อยเข้าหากันโดยที่ทั้งสองต่างไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรลงไป ใบหน้าเข้าใกล้กันมาก มากเสียจนทั้งสองสามารถสัมผัสลมหายใจของกันและกันได้ แล้วริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา “เดี๋ยว” เขาพูดและถอยออกมาเล็กน้อย

    “ฉันล๊อคประตูแล้ว” นิศารัตน์พูดและยิ้มด้วยสีหน้าเขินอาย ซึ่งนั้นก็ทำให้สุริยะขำออกมา “ฉันไม่ทำพลาดเหมือนในนิยายรักหรอกน่า” เธอจูบหน้าฝากของสุริยะก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อของเธอ [เนื้อหาถูกตัดเนื่องจากไม่เหมาะกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18ปี แล้วก็ไม่ต้องPMมาขอนะ ไม่มีให้อ่าน //หัวเราะ] (ไม่มีที่ที่ดีกว่านี้รึไงฟ่ะ ? By stormwimd [Female])(อารมณ์มันพาไป by LoveSeeker)<<< ครอบดำเพื่ออ่าน



    ไอราวัณตื่นขึ้นทามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืน กลิ่นอับชื้นและเคมีระเบิดฟุ้งไปทั่ว สายตาค่อยๆปรับให้เขากับความมืดอย่างช้าๆ เขาดึงปืนพกออกจากซอง ก่อนจะเปิดไฟฉายที่ติดอยู่กับเสื้อกั๊กกันกระสุน เวลานี้เขาอยู่ภายในอุโมงค์บางอย่างที่ถูกสร้างขึ้นไว้หลายร้อยปีมาแล้ว เขาหันไปรอบๆเพื่อหาตำแหน่งของเขา แล้วเขาก็พบป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า ‘สถานีรถไฟใต้ดิน แอลเอส ยินดีต้อนรับ’ นั่นทำให้เขารู้ได้เลยว่าเขาตกลงมาในสถานีรถไฟใต้ดิน และเขาจำเป็นต้องหาทางออก เขารีบหันมองรอบๆ และพบว่ามีช่องเล็กๆเหนือหัว ซึ่งนั่นอาจเป็นช่องที่เขาตกลงมา มันคือทางเข้าของสถานีรถไฟใต้ดิน แต่เวลานี้บันใดที่ทอดขึ้นไปบนนั้นก็ได้พังลงไปตามกาลเวลา อีกทั้งช่องนั้นยังอยู่สูงเกินกว่าที่เขาจะปีนขึ้นไปได้ เขามองกลับไปยังอีกทาง ทางที่จะนำเขาเข้าไปลึกในสถานี ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมากมายเกินกว่าที่ใครต่อใครจะจินตนาการได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาจะเป็นต้องผ่านมันเข้าไป


    ขอขอบคุณ Stormwind [Female] ที่มาช่วยตรวจทานและแก้ไขครับ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LoveSeeker : 21st April 2012 เมื่อ 14:54

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  19. รายชื่อสมาชิกจำนวน 3 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  20. #66
    Stay In The Dream....
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Find me in the Dream
    กระทู้
    1,014
    กล่าวขอบคุณ
    1,000
    ได้รับคำขอบคุณ: 697
    Blog Entries
    2
    สนุกมากกกก โอยตาลาย

    ปล.กะว่าจะอ่านฉากนั้นซะหน่อยเสียดายจัง หุๆๆ

    ---------------------------------------------------------------

  21. #67
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ 5day-ago อ่านกระทู้
    สนุกมากกกก โอยตาลาย

    ปล.กะว่าจะอ่านฉากนั้นซะหน่อยเสียดายจัง หุๆๆ
    ขาหื่นหมายเลข 1 ปรากฏกายยยยย

    By Stormwind [Female]
    TKM Love Vs Zombies นี่แหละ นิยายของจริง

  22. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  23. #68
    Stay In The Dream....
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Find me in the Dream
    กระทู้
    1,014
    กล่าวขอบคุณ
    1,000
    ได้รับคำขอบคุณ: 697
    Blog Entries
    2
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Stormwind อ่านกระทู้
    ขาหื่นหมายเลข 1 ปรากฏกายยยยย

    By Stormwind [Female]
    ม่ายยยยยจริงงงงงง หมายเลข 1 เลยเหรอ โอ้วววว

    ---------------------------------------------------------------

  24. #69
    Bayou Country
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    New Orleans, LA, United States
    กระทู้
    5,932
    กล่าวขอบคุณ
    4,555
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,950
    เพิ่งดูคอนเสิร์ตมา ต้องใช้ตาอย่างมาก และก็ใช้ต่อ 555

    Edit : ฉากบู๊มันส์หยด ~
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nakiann123 : 19th April 2012 เมื่อ 19:56

  25. #70
    สมาชิกเต็มตัว
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    6
    กล่าวขอบคุณ
    1
    ได้รับคำขอบคุณ 1
    สนุกมากครับถอดเสื้อเเล้วทำไรหุหุ

  26. #71
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    ยัยตัวยุ่งของผมไปทำป่วงอะไรรึเปล่าครับเนี่ย? 5555

    By Stormwind [Male]
    TKM Love Vs Zombies นี่แหละ นิยายของจริง

  27. #72
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Stormwind อ่านกระทู้
    ยัยตัวยุ่งของผมไปทำป่วงอะไรรึเปล่าครับเนี่ย? 5555

    By Stormwind [Male]
    แค่ช่วยแก้คำผิด แล้วก็ จิกกัดเล็กๆน้อยๆ 555+

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  28. #73
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    829
    กล่าวขอบคุณ
    975
    ได้รับคำขอบคุณ: 908
    แบบฟอร์มตัวละคร
    ชื่อ-สกุล: กิติคุณ เซอร์ต้า
    ชื่อเล่น:กฤษฎิ์
    เพศ:ชาย
    อายุ: 17
    รูปร่างหน้าตา:ส่วนสูงประมาณ 170 เป็นลูกครึ่ง (พ่อเป็นอเมริกา แม่เป็นไทย) ผมสีทอง นัยตาสีดำ ผิวขาว
    นิสัยโดยละเอียด:โดยปกติค่อนข้างอยู่คนเดียวและเก็บตัว แต่เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงกลับเป็นคนอารมดีและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง(ถึงแม้บางทีจะค่อนข้างหยิ่งไปหน่อย) เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียชอบความท้าทายและความเสี่ยง(ซึ่งก็มักจะประสบความสำเร็จทุกครัั้ง) และเป็นคนที่รักพ่อมาก หากใครพูดถึง่อเค้าในทางที่ไม่ดีหรือว่าแซวเล่น เค้าจะโกรธทันที
    สิ่งที่ชอบ:ฟังเพลง ใส่หูฟังทั้งวัน
    สิ่งที่เกลี่ยด:สถานที่ที่แออัด
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย:เอาหูฟังมาใส่และฟังเพลง แนวคลาสสิกพร้อมกับตายไปเงียบๆ
    อื่นๆ:เค้ามักจะพกหูฟังพร้อมกับ ipod ที่พ่อเค้าซื้อไว้ให้ก่อนที่พ่อเค้าจะตายตอนเค้าอายุได้ 15ปีเสมอ และจะสวมเสื้อแขนยาวสีแดงซึ่งเป็นของพ่อเค้าไว้ตลอด ซึ่งพ่อของเค้าเคยเป็นนักการเมืองดังของอเมริกา ซึ่งภายหลังมีคนพบศพถูกยิงโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนแม่เค้าเป็นหนึ่งในพนักงานที่พัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยแม่เค้าไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกแต่ก่อนที่แม่เค้าจะเดินทางไปในที่ที่เค้าไม่รู้จักแม่เค้าได้ทิ้งสร้อยคอไว้ให้เส้นหนึ่ง ตอนอายุ 10 ขวบ หลังจากนั้นเค้าก็ไม่ได้เจอแม่อีกเลย

  29. #74
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ___หาดใหญ่___
    กระทู้
    1,414
    กล่าวขอบคุณ
    1,483
    ได้รับคำขอบคุณ: 1,003
    Blog Entries
    1
    มี2ชาปเตอร์เองหรอ กำลังอ่านเพลินเลย

    ปล.บางคำก็พิมพ์ตกไปอยู่นะ

  30. #75
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ pug1 อ่านกระทู้
    แบบฟอร์มตัวละคร
    ชื่อ-สกุล: กิติคุณ เซอร์ต้า
    ชื่อเล่น:กฤษฎิ์
    เพศ:ชาย
    อายุ: 17
    รูปร่างหน้าตา:ส่วนสูงประมาณ 170 เป็นลูกครึ่ง (พ่อเป็นอเมริกา แม่เป็นไทย) ผมสีทอง นัยตาสีดำ ผิวขาว
    นิสัยโดยละเอียด:โดยปกติค่อนข้างอยู่คนเดียวและเก็บตัว แต่เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงกลับเป็นคนอารมดีและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง(ถึงแม้บางทีจะค่อนข้างหยิ่งไปหน่อย) เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียชอบความท้าทายและความเสี่ยง(ซึ่งก็มักจะประสบความสำเร็จทุกครัั้ง) และเป็นคนที่รักพ่อมาก หากใครพูดถึง่อเค้าในทางที่ไม่ดีหรือว่าแซวเล่น เค้าจะโกรธทันที
    สิ่งที่ชอบ:ฟังเพลง ใส่หูฟังทั้งวัน
    สิ่งที่เกลี่ยด:สถานที่ที่แออัด
    สิ่งสุดท้ายที่จะทำก่อนตาย:เอาหูฟังมาใส่และฟังเพลง แนวคลาสสิกพร้อมกับตายไปเงียบๆ
    อื่นๆ:เค้ามักจะพกหูฟังพร้อมกับ ipod ที่พ่อเค้าซื้อไว้ให้ก่อนที่พ่อเค้าจะตายตอนเค้าอายุได้ 15ปีเสมอ และจะสวมเสื้อแขนยาวสีแดงซึ่งเป็นของพ่อเค้าไว้ตลอด ซึ่งพ่อของเค้าเคยเป็นนักการเมืองดังของอเมริกา ซึ่งภายหลังมีคนพบศพถูกยิงโดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนแม่เค้าเป็นหนึ่งในพนักงานที่พัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยแม่เค้าไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกแต่ก่อนที่แม่เค้าจะเดินทางไปในที่ที่เค้าไม่รู้จักแม่เค้าได้ทิ้งสร้อยคอไว้ให้เส้นหนึ่ง ตอนอายุ 10 ขวบ หลังจากนั้นเค้าก็ไม่ได้เจอแม่อีกเลย
    ปิดรับสมัครชั่วคราวครับ

    มี2ชาปเตอร์เองหรอ กำลังอ่านเพลินเลย

    ปล.บางคำก็พิมพ์ตกไปอยู่นะ
    นิยายผมข้อมูลเยอะครับ เลยทำให้พิมพ์ได้ช้า ต้องขอภันด้วย
    ส่วนเรื่องการพิมพ์นั้น จะนำไปปรับปรุงครับ ขอบคุณครับ

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์


 

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top