ยินดีต้อนรับเข้าสู่ jokergameth.com
jokergame
jokergame shop webboard Article Social


Colocation, VPS


joker123


เว็บไซต์เราจะอยู่ไม่ได้หากขาดเขาเหล่านี้ รวมช่วยกันสนับสนุนสปอนเซอร์ของพวกเรา

colocation,โคโลเคชั่น,ฝากเซิร์ฟเวอร์ game pc โหลดเกม pc slotxo Gameserver-Thai.com Bitcoin โหลดเกมส์ pc
ให้เช่า Colocation
รวมเซิฟเวอร์ Ragnarok
Bitcoin

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 6 หน้า 123 ... หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 25 จากทั้งหมด 140
  1. #1
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thrones
    กระทู้
    1,744
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,032
    Blog Entries
    2

    (Event) เลิกเครียดสักพัก! มาต่อนิยายกันดีกว่า!? (ไม่เข้าใจลองเข้ามา)



    จุดประสงค์ : ช่วงนี้ตัวหัวกับการแต่งนิยาย คิดไม่ออกสักที (สงสัยไฟหมด) เลยจัดกิจกรรมแปลกๆมาเติมเชื้อเพลิงกันหน่อย กิจกรรมที่ไม่ค่อยจะมีสาระสักเท่าไหร่

    กิจกกรม : To be Continued (ติดตามตอนต่อไป)

    กติกา : ผมจะเริ่มใช้ชื่อตัวละครแทน ID ของแต่ล่ะคนซึ่งหากใครจะเปลี่ยน เช่น คุณห้าวันก่อน (ชื่อยาวมาก+แปลก) ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นคุณไฟฟ์ (ควรจะแทนชื่อให้รู้ว่าใครเป็นใคร ไม่ใช่มาเป็นตัวละครนะเออ...) ต่อจากนั้น>>ผม<< ขอเริ่มคนแรกจะนำตัวละครที่แทน ID นักเขียนนั้นไปแต่งเป็นนิยาย 1 หน้า A4 ซึ่งอาจจะเกี่ยวกับนิยายของแต่ละท่านก็ได้หรืออะไรก็ได้ที่ฮาๆไม่เครียด จากนั้น>>ผม<< จะทิ้งท้ายเนื้อเรื่องไว้เช่น เมื่อคุณ...เดินมาถึงที่ไหนสักแห่ง...เขาต้องตาค้างเมื่อพบว่าเขาอยู่ที่... (เติมเอาเอง) ส่วนนี้จะเป็นรอยต่อสำหรับนักเขียนท่านต่อไป ซึ่งผมจะอัพเดทวันต่อวันหากใครมาเขียนจะนำมาลงหน้าแรก และ ลงเครดิตไว้อย่างชัดเจน! แค่นี้แหละ


    เห็นว่ามีหมวดอื่นมีทายหนัง ทายการ์ตูน ต่อคำ ทายเพลง ทายวีดิโอ ทายนู่น ทายนี่ ไอหมวดเรามันเล็กจิ๋วทำอะไรเช่นนั้นไม่ได้เลยจัดแนวนี้ซะเลย ดีกว่าไปทำอะไรไร้สาระ(ล่ะมั้ง)...


    รายชื่อ ID ตัวแทนนักเขียนและเหล่าคนเข้าร่วมนะ...

    Rex = เร็กซ์ << เหมือนเดิม...

    LoveSeeker = เลิฟคุง

    Stormwind = วินด์

    5day-ago = ไฟฟ์

    GIGABom = กีก้า

    pone123 = จ่าซัพ(ม)

    ข้างบนนี่มัดมือชก...

    ID อื่นๆ ที่อยากจะเข้าร่วมสนุกสนาน

    ..


    เนื้อเรื่อง:


    บทที่ 1 โดย:เร็กซ์

    ช่วงเวลาเกือบพลบค่ำแสงจากดวงอาทิตย์เริ่มจางหาย ความมืดเข้าครอบคลุม รวมกับสภาพอากาศที่ไม่น่าเป็นใจนักเสียงลมกรรโชกดังโหยหวนจนน่าหวาดผวาเป็นช่วงๆ แสงฟ้าแลบเป็นจังหวะ

    “เฮ้ย!...ข่าวบอกพายุจะเข้าน่ะ ลูกเบ้อเริ่มเหิ่มด้วยดิ” เสียงชายในเสื้อยืดลายประทับตรากองทหารกล่าว

    “แล้ว?” ชายอีกคนกล่าวอย่างไม่เข้าใจ

    “ก็เคเบิลทีวีมันโดนฝนได้ซะที่ไหนเล่า...นี่ก็เป็นบ้านพักตากอากาศห่างจากเมืองไปตั้ง 30 กิโล!” เลิฟคุงสุดโหดกล่าวอย่างอารมณ์บ่จอย

    “บ้านมีตั้ง 3 ชั้นของเล่นจะล้นบ้านอยู่แล้ว ไปหาเล่นก่อนไป” วินด์สวนกลับ ขณะที่กำลังนั่งเขียนนิยายบริเวณหน้าต่างติดระเบียง

    นี่คือกลุ่มเพื่อนที่มาพักร้อน ณ บ้านพักตากอากาศหวังว่าจะได้อารมณ์ธรรมชาติสุดๆ แต่สุดท้ายกลับมีพายุหนักกำลังย่ำกรายเข้ามา

    “เดี๋ยวๆ...จ่าซัพไปไหนของเขาวะ!? บอกออกไปซื้อปลากระป๋องตรงร้านป้าที่หน้าหลอนๆตั้งนานแล้วนะ” วินด์ตะโกนถามเลิฟคุงที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปหาอะไรเล่นอยู่พอดี

    “***...ก็..อยู่..กับ..ตู..แล้วตูจะไปรู้ไหมเว้ย ปัดโธ่! บ่จอยเลยอดดูก็อททาเล้นท์...เซ็งเว้ย!” เลิฟคุงเดินขึ้นบันไดต่อไปในอาการเบื่อชีวิต

    “ไรวะ!กวนส้นตรีน...หาอะไรดื่มดีกว่า” วินด์ลุกจากเก้าอี้ เดินไปตามทางพื้นไม้อย่างดีของบ้านพัก

    “ไม้ทั้งบ้านหลอนตายห่านนน..นน” เขากล่าวพลางเดินระวังไม่ให้ไม้กระทบกันดังอ๊อดแอ๊ด

    “เบียร์...เบียร์ๆๆๆๆ...เฮ่ย!มีแต่เบียร์” ขณะที่วินด์กำลังนั่งนับขวดเบียร์อยู่นั้น

    “ออดดดด..ดด!” เสียงกริ่งอิเล็กทรอนิคดังขึ้นบริเวณหน้าบ้าน

    “เชี่ย!ตกใจหมด” ปฏิกิริยาตื่นกลัวทำงาน วินด์สะดุ้งโหยงไม่ทันได้รู้ตัว

    “ออดดด....ดดด” เสียงกริ่งที่กดแช่ดังขึ้นอย่างหนวกหู

    “มาแล้วๆ!” วินด์ตะโกนสวนทางบริเวณประตูหน้าบ้านที่ๆควรจะเป็นบริเวณกดกริ่งเรียก

    “ออดดด...ดดด” เสียงกริ่งยังคงดังต่อไป เพียงแต่ครั้งนี้วินด์ต้องถึงกับยืนนิ่ง สายตาที่เบิกกว้างกล้ามเนื้อแข็งไปทั้งตัว

    “อ..อะไรวะ” เบื้องหน้าคือบริเวณประตูหน้าบ้านที่ว่างเปล่า ขณะที่เสียงกรดกริ่งยังคงดังต่อไปไม่มีสิ้นสุด

    “ไอวินด์รับแขกโว้ย!” เสียงเลิฟคุงตะโกนลงมาจากชั้น 3

    “ซูดด...ดด” วินด์สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะก้าวขาเดินตรงไปที่ประตู ก้าวแต่ล่ะก้าวนั้นยาวนานนับปีในความรู้สึกของวินด์ เขาค่อยๆยื่นหน้าออกมามองบริเวณช่วงทางขึ้นบันไดขึ้นบ้านที่มีประตูไม้กั้นไว้ ที่ๆกริ่งถูกติดตั้งไว้

    “โห!...ไอบ้าเอ้ย!ตกใจแทบตาย” วินด์สบถ ที่มาของเสียงคือกริ่งที่ช็อตโดยไม่ทราบสาเหตุนั่นเอง วินด์รีบเดินไปที่โถงทางเดินเพื่อสับสวิทช์ดับไฟฟ้าบริเวณหน้าบ้าน ทำให้ไฟบางดวงดับลงโดยปริยาย

    “ฮู้วว..วว” วินด์เป่าลมลดความเครียดพลางเดินกลับไปหาอะไรดื่มต่อ


    ผ่านไป 2 ชั่วโมงเวลาโดยประมาณเกือบๆ 5 ทุ่มกว่า เหล่าผองเพื่อนกำลังนั่งสบายเฉิบในห้องดูหนังขนาดใหญ่

    “จ่าซั้ม...เฮ้ยจ่าซัพ จ่าช่วยไปหยิบเบียร์ให้ขวดนึงดิ” ไฟฟ์เรียกร้อง

    “โหไอส้นฝ่าเท้า กวนตูเหลือเกินนะ***” จ่าซัพพูดพลางเดินไปหยิบเบียร์จากลังเบียร์ที่พึ่งไปเหมามาได้ไม่นานนี้

    "บรรยากาศ*****น่าเล่าเรื่องผีๆว่ะ” จ่าซัพพูด ก่อนจะยื่นขวดเบียร์ให้ไฟฟ์

    ที่จริงช่วงอายุแต่ละคนนั้นต่างกันไม่มากจะมีก็จ่าซัพคนเดียวที่ห่างออกไปเยอะหน่อย แต่ไม่รู้ไปคุยอีท่าไหนดันได้มาเป็นเพื่อนเฉย

    “เออ ไอเดียบรรเจิดมากจ่า!” เลิฟคุงยกนิ้วกลางให้หนึ่งที

    “เฮ้ยผิดนิ้ว” เขายกนิ้วโป้งขึ้นอย่างรวดเร็ว

    “ซ่า...ซ่า” เสียงพายุฝนโหมกระหน่ำซ้ำเติมบ้านพักอย่างไม่ปราณี บรรยากาศในบ้านเงียบลงทันที สายตาแต่ละคนกำลังครุ่นคิดเรื่องผวาหัวใจออกมาประชันกันอย่างสุดความสามารถ

    รอบตัวบ้านนั้นมืดจนแทบจะไม่เห็นอะไรเลย เป็นคืนที่มืดจนน่าแปลกไม่มีดวงจันทร์โผล่มาให้เห็น แม้แต่ดาวสักดวงก็ถูกเมฆฝนบดบังจนไร้แสง

    ขณะที่เรื่องผีๆถูกเล่าเรื่องแล้วเรื่องเล่า ทันใดนั้นไฟฟ์พูดขึ้น

    “เฮ้ย!วินด์***ว่ากริ่งมันช็อตใช่ปะ”

    “โหไอเชี่ยตูก็คิดว่าอะไร…เออมันช็อตตูสับสวิทช์ไปแล้ว” วินด์ตอบกลับไป

    “ไอเบื๊อก!เร็กซ์มันบอกว่ากริ่งมันมีสวิทช์ในตัว ถ้าไม่ไปสับเดี๋ยวไฟไหลย้อนว้อย” ไฟฟ์เดินไปโบกหัววินด์หนึ่งรอบ

    “เชี่ย! แล้วพวก***เล่าเรื่องผีแล้วให้ตูออกไปสับสวิทช์คนเดียวเนี่ยนะ” วินด์กวาดสายตาขุ่นเคืองใส่แต่ละคน

    “เออๆ มาตูไปด้วย” เลิฟคุงพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปคว้าเสื้อกันฝนใส่

    “หยิบไฟฉายมาด้วย” เลิฟคุงหันกลับไปบอกวินด์

    “โอเค! ลุยเว้ย” วินด์กับเลิฟคุงก้าวเท้าออกจากบ้านไปตรงไปที่กระท่อมหลังเล็กที่เป็นศูนย์กลางของเบรกเกอร์ควบคุมไฟภายนอกของบ้าน

    “จะว่าไปเร็กซ์บอกว่ามันจะมาถึงเมื่อชั่วโมงก่อนแล้วนะ เห็นว่าล้อยางแตกเลยเปลี่ยนเองอยู่ ไม่น่าเกิน 30 นาทีนิหว่า มันก็เก่งเรื่องแคะๆแงะๆ” เลิฟคุงชวนวินด์พูดคุยพลางกวาดไฟฉายไปมา ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำจนภาพเบื้องหน้าเป็นสีขาวจางๆ

    “เออ...แปลกว่ะ....แต่ไม่รู้มันคิดยังไงซื้อบ้านตากอากาศบนเขาสูงๆเนี่ย” วินด์ตอบ ขณะพยายามเอามือป้องบริเวณฮู้ดกันฝนไม่ให้ปลิวย้อนกลับ

    “นั่นไงเจอล่ะ กระท่อม” เลิฟคุงชี้นิ้วไปทางขวา

    “พายุโคตรหนักเลยลูกนี้” เลิฟคุงบ่นขณะถอดเสื้อกันฝนออกเมื่อเข้ามาถึงกระท่อมควบคุมไฟแล้ว

    “ส่องไฟหน่อย” เขากวักมือเรียกวินด์มาช่วย

    “หม้อแปลง...ไฟนอกบ้าน...โคมไฟระเบียง...นี่ไง กริ่ง” เลิฟคุงสับสวิทช์ปิดทางเดินไฟทันที แต่ก่อนจะเตรียมตัวเดินออกตจากกระท่อมไปเขาเหลือบเห็นบางอย่างที่ดูไม่ปกติอย่างแรง

    “เฮ้ย!เดี๋ยวๆ ส่องไฟมาทางนี้หน่อย” เลิฟคุงเริ่มมองตามสายไฟที่ควบคุมกริ่ง

    “ไอเชี่ย! งานเข้าแล้ว!” เลิฟคุงสบถอย่างหวาดผวา “ทำไมวะ!” วินด์ก็ผวาตามๆกันไป

    “ไอห่า! สายไฟมันถูกตัดโว้ย!”

    ติดตามชมตอนต่อไปโดยนักเขียน: StormWind ในฐานะของ วินด์ ในเรื่อง


    บทที่ 2 โดย: StormWind

    ทันทีที่เพ่งสังเกตุทำเอาสายตาเปิกกว้างด้วยความแปลกใจ

    “ส่องไฟหน่อย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้ปึ๊กกำลังเหม่อลอยเขาจึงเน้นเสียงอีกเล็กน้อย

    “บอกให้ส่องไฟไงวะ!”

    เขาทำตามอย่างว่าง่ายทำให้วินด์ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่เมื่อพินิจรอยที่สายไฟถูกตัด ดูเป็นรอยขาดสะบั้นราวกับถูกสับด้วยอะไรบางอย่าง.......

    “ไม่ได้การล่ะ ไอ่เลิฟคุง รีบไปหาไอ่พวกนั้นเถอะ” พร้อมออกแรงมือตบหัวช่วยกระตุ้นเลิฟคุงหนักๆ

    “***ไปเถอะ เดี๋ยวกูต่อสายไฟเอง” เลิฟคุงพูดพร้อมกับคลำหัวป้อยๆ

    ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักลงมากระทบกับหลังคา และบรรยากาศเย็นๆนั้น ทำให้ทั้งสามคนเริ่มนึกครึ้มอะไรบางอย่างขึ้นมา

    “ปิดไฟเถอะว่ะ แล้วจุดเทียนเอา” พูดจบ จ่าซัพก็ลุกขึ้นมาเปิดกล่องที่เก็บเทียนแล้วยกมาวางไว้ตรงหน้าของทุกคน นั่นทำให้ทุกคนล้อมวงกันมาฟังเรื่องเล่า ส่วนไฟฟ์ที่อยู่ใกล้ไฟที่สุดนั้นก็รู้งาน
    รีบลุกไปปิดไฟแล้วกลับมานั่งทันที

    “ใครจะเริ่มก่อน?” เร็กซ์เอ่ยถามพลางควักซิปโป้ออกมาจุดไฟต่อไส้ให้เทียน

    สายตาของทุกคนจ้องกันเป็นมันประกาย ในหัวเริ่มคิดเรื่องสยองที่เขาได้เคยเจอมากับตัว ก่อนจะมีผู้กล้าพูดขึ้นมาก่อน

    “ให้จ่าซั่ม” เป็นไฟฟ์นั่นเอง

    แต่เจ้าตัวก็รีบพูดขัดขึ้นมาทันทีทันใด

    “เฮ้ยๆๆๆๆ ของดีต้องเอาไว้ตอนสุดท้ายเว้ย เอ็งนั่นแหละ ไอ่ไฟฟ์ เล่าก่อนเลย” การตัดสินใจนั้นก็ลงเอยด้วยการพยักหน้าของเร็กซ์นั่นทำให้เขาจำยอมอย่างมีเหตุผล

    “ง่า....ก็ได้ ตั้งใจฟังดีๆนะ”

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวผมเอง ผมได้เดินทางไปปฏิบัติงาน ณ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นการเดินทางออกจากบ้านครั้งแรก ก่อนไปผมได้ให้พนักงานที่นั้นหาบ้านเช่าให้ เมื่อผมเดินทางไปถึงเจ้าของบ้านบอกว่าบ้านยังไม่ได้ทำความสะอาด ต้องทำเอง พวกผมก็ตกลงกันว่ารับผิดชอบคนละห้อง เมื่อผมเลือกห้องที่ต้องการได้แล้ว ก็เปิดประตูเข้าไปทำความสะอาด ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า ธูปที่ปักอยู่เต็มห้อง คราบน้ำตาเทียน รวมไปถึงร่องรอยที่ปรากฎอยูในห้องทำให้ผมขนลุกซู่เลยทีเดียว แต่ด้วยความที่เราจำเป็นต้องอยู่ทำให้ผมไม่ได้คิดอะไร ทำความสะอาด ปัดกวาด ก่อนนอนผมก็กราบพระเป็นประจำทุกวันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความคะนองทำให้ผมไม่รู้สึกอะไร แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นกับผมจนได้ ครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเนื้อดำแดง เปิดประตูห้องผมเข้ามาทั้ง ๆ ที่ผมล๊อคประตูเรียบร้อยก่อนนอน แล้วพูดด้วยเสียงดังกังวาลว่า ฝากดูแลบ้านด้วยต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้านน้ำแห้งขอดแล้ว เติมน้ำด้วย ผมสะดุ้งตื่นแน่นอนผมรีบออกไปดูต้นไม้ ผมแทบเป็นลม ต้นไม้นั้นน้ำแห้งขอดจริงอย่างที่บอก ผมเล่าให้พี่ข้างห้องฟัง ก็ต้องแปลกใจอีกครั้งหนึ่งเมื่อพี่เขาบอกว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงเหมือนคน เดินลากโซ่หรืออะไรหนัก ๆ เสียงดังครืด ๆ ๆ แล้วก็มาหยุดที่หน้าห้องผม แล้วเสียงก็หายไป สักพักได้ยินเหมือนเสียงเดินออกจากห้องผมไปด้านหลังบ้านที่เป็นห้องเก็บของ ผมสอบถามจากชาวบ้านข้างเคียงได้ความว่า บ้านหลังนี้เดิมเจ้าของเป็นตำรวจเมื่อท่านเสียชีวิต ได้นำศพฝังหรือเผาไม่ทราบได้ในบริเวณสวนข้าง ๆ บ้าน ซึ่งห้องที่ท่านอยู่คือห้องผมและสวนก็อยู่ด้านข้างกับห้องพักของผม ผมรีบตื่นเช้าไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ท่าน เรื่องนี้อยากบอกว่าก่อนที่เราจะเข้าไปอยู่ในห้องพัก ควรสืบประวัติของห้องให้ดีก่อนที่คุณจะเจอกับสิ่งที่ผมได้เจอ”


    “โอ้โห.....ดีไม่เป็นผีทหารนะนั่น” เร็กซ์เอ่ยขึ้นมาพลางมองไปทางจ่าซัพด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ทำอะไรนั้นก็ปรากฏเสียงแปลกๆดังขึ้น ทำเอาทุกคนต้องเงียบไปตามๆกัน

    ครืดดดด ครืดดดด ครืดดดดดด!!!!

    แต่ไม่นานเสียงปริศนานี้ก็เงียบลงไปเหลือเพียงเสียงของสายฝนที่ยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย

    “มาๆ เล่าต่อๆ ตาแกแล้ว ไอ่เร็กซ์” ไฟฟ์ที่เล่าจบไปใช้ศอกถองสีข้างเพื่อนรักให้เล่า แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าตัว

    “ไม่ดีกว่าว่ะ ของกูเด็ดกว่า ขอเล่าตอนท้ายแล้วกัน ให้จ่าซั่มเล่าก่อน”

    “เฮ้ย จ่าซัพเว้ย” จ่าซัพตอบพร้อมกับนึกเรื่องสุดสยองไว้ในใจแล้วยิ้มกริ่ม งานนี้พวก***ได้สยองสมใจแน่!

    เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อลายพรางแล้วหญิงเอากล่องบุหรี่สีเขียวออกมาแล้วจุดไฟ อัดควัณเล็กน้อย

    “แล้วจ่าจะจุดบุหรี่ทำไมวะเนี่ย? ทำร้ายคนทางอ้อมเรอะ!!” เป็นเต้ที่พูดขึ้นมาก่อนเร็กซ์

    แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าบางๆแล้วให้คำตอบว่า “สร้างบรรยากาศเว้ย”

    “เคยได้ยินเรื่อง ‘สมิงพราย กับ ควายธนู’ มั้ย? นั่นแหละ ข้าจะเล่าให้ฟัง”


    “วัวธนู หรือบางแห่งเรียกว่า ควายธนู เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะมีควายมากกว่า เป็นเครื่องรางโบราณของคนในภูมิภาคนี้อีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมสร้างสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตเป็นเครื่องรางที่จำเป็นของพรานป่าที่มีวิถีชีวิตเกี่ยวพันกับผืนป่าในสมัยที่ยังอุดมสมบูรณ์”
    จ่าซัพนิ่งไปสักพักปล่อยให้กลิ่นของบุหรี่นั้นลอยไปแตะกับจมูกของแต่ละคน สีหน้าและแววตาของเขานั้นดูจริงจังต่างกับปกตินัก แล้วจึงพูดต่อ

    “ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่นอนนักว่าเริ่มตั้งแต่สมั ยใด แต่ก็พบเห็นกันตามบ้านชาวชนบททั่วไป เล่ากันว่า นอกจากนิยมใช้พกพาติดตัวเข้าป่าล่าสัตว์คนดีมีวิชาอาคมยังสร้างวัวธนูไว้รับคุณไสยที่ถูกส่งมาลองดีจากคนมีวิชาอาคมต่างถิ่น
    เมื่อเป็นเด็กข้าเคยเห็นควายปั้นปิดทองบนหิ้งพระของปู่ด้วยความสงสัยจึงถามว่า
    “ทำไมปู่เอารูปไอ้หลาง(ควายคู่ทุกข์คู่ยากของปู่)มาบูชาหรือปู่นับถือควายซะแล้ว”
    “ไม่ใช่รูปไอ้หลางโว้ยนี่เป็นควายธนูของกายสิทธิ์อย่าไปถูกต้องเป็นเด็ดขาด”
    “ทำไมถูกไม่ได้มันอยู่บ้านเราแท้ๆไม่เห็นมีธนูสักอัน”
    “ถูกแล้วมันจะเข้าตัวเอาจุกแน่นท้องตายไม่มีใครช่วยได้จะบอกให้ห้ามเป็นคำขาดเข้าใจไหม”

    ข้าโชคดีอยู่อย่างมีลุง อา ตา ปู่ ที่ใจดีน่ารัก ไม่มีใครรำคาญความช่างซักช่างถามของข้า และจะอธิบายเล่าให้ฟังด้วยความเมตตาเสมอ ราวกับจะรู้ว่าหลานรักจะได้เอามาเล่าหากินในอนาคต ปู่เล่าว่าควายธนูตัวนี้เป็นสมบัติตกทอดมาจากทวดอีกท ีหนึ่ง พร้อมกับห้ามผมถามว่าทวดเอามาจากไหน เพราะแกไม่คิดว่าจะมีหลานช่างซักช่างถามเลยไม่ได้ถามเผื่อไว้เอาเป็นว่าฟังเฉยๆ

    ควายธนูตัวนี้เคยช่วยชีวิตทวดและเพื่อนที่เป็นพรานป่าไว้หลายหน ครั้งหนึ่งทวดเข้าป่ากับเพื่อนบ้าน 2 คน ทำห้างดักยิงสัตว์ที่มากินดินโป่งในป่าลึกแถบเมืองกาญจน์ เรียกกันว่าซุ่มโป่ง ดินโป่งเป็นดินเค็มที่สัตว์จำพวกเนื้อ เก้ง กวาง หรือกระทิงป่า ชอบมากิน พวกพรานมักจะมาดักยิงที่นี่ ทวดกับเพื่อนผูกห้างอยู่บนคาคบไม้สูงเพื่อป้องกันตัว เองให้พ้นภัยจากสัตว์ร้าย เช่น เสือ สาง ผมอดไม่ได้ถามปู่ว่าเสือนั้นเคยรู้จัก แต่สางนั้นตัวแบบไหนหรือ แกบอกว่ามันร้ายกว่าเสือมากนัก เพราะสางเป็นผีวิญญาณร้ายของเสือ เรียกกันว่า เสือสมิง มันสามารถแปลงกายเป็นคนได้ และมักจะแปลงเป็นคนที่พรานบนห้างรู้จัก หรือไม่ก็แปลงเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม มากวักมือเรียกให้ลงจากห้าง ถ้าพรานป่าคนใดหลงกล หรือว่าหลงความสวย ก็จะถูกเสือสมิงทำร้ายเอาถึงตายได้ ปู่เล่าว่าเสือสมิงคือเสือที่กินคนมามากจนวิญญาณคนที ่ตายสิงสู่อยู่ในร่าง กลายเป็นวิญญาณร้าย สามารถแปลงเป็นคนได้ แต่ไม่ได้เกิดจากวิชาอาคม เป็นเพียงการอิงอาศัยกันอย่างลงตัวของเสือและวิญญาณผู้ตายเท่านั้น วันนั้นหลังจากทวดเปลี่ยนเวรให้เพื่อนเฝ้าและงีบหลับ ไป โดยนอนหนุนย่ามที่มีควายธนูและของขลังต่างๆ อยู่ ทวดรู้สึกว่าควายธนูในย่ามมีอาการเคลื่อนไหว จึงตื่นขึ้น มองไม่เห็นเพื่อนจึงคว้าปืนมามองลงไปด้านล่าง พลันสายตาก็เห็นเพื่อนกำลังไต่พะองเดินไปหาหญิงสาวคน หนึ่ง ในมือเธอมีถือห่อผ้า ทวดตัดสินใจยิงไปที่ห่อผ้าก่อนที่เพื่อนจะเดินไปถึง ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลายร่างเป็นเสือกระโจนหนีเข้าป่า เพื่อนทวดวิ่งไต่ขึ้นพะองอย่างรวดเร็ว รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เสือสมิงไม่ได้หายไปไกลนัก ยังคงวนเวียนคำรามขู่อยู่รอบห้างๆ ได้กลิ่นสาบเสือโชยมาเป็นระยะ ทวดเห็นไม่ได้การจึงหยิบควายธนูมาจากในย่าม ท่องคาถาปลุกและปล่อยไป ทันใดนั้นวัวเล็กที่ทำจากดินศักดิ์สิทธิ์พอคลั่งก็กล ายเป็นตัวใหญ่มหึมา พุ่งลงจากห้างดุจธนูออกจากแล่งเข้าห้ำหั่นกับเสือสมิ งอย่างอาจหาญ เสียงการต่อสู้ดังลั่นป่า ในที่สุดเป็นเสียงเสือร้องบาดเจ็บอย่างโหยหวน รุ่งเช้าทวดลงมาตรวจดูบริเวณนั้นเห็นร่องรอยการต่อสู้ราบเป็นแปลง พร้อมกับเสือตัวใหญ่นอนตายไส้ทะลัก ถูกขวิดพรุนไปทั้งตัวถัดไปเห็นควายธนูตัวเก่งยืนอยู่อย่างสง่า ”
    “เรื่องของข้าก็จบลงแล้ว ตาแกล่ะ ไอ้เร็กซ์”

    “โหเฮ้ย ! เล่าอะไรของเอ็งเนี่ย ไอ่จ่าซั่ม ไม่เห็นมีผีเผอซักกะตัว เอาๆๆๆ จะเล่าเรื่องต่อแล้วก็ได้วะ พูดจบชายหนุ่มจึงกระดกเบียร์ที่ยังคงเย็นเจี๊ยบเข้าปากหลายอึกใหญ่ๆ ก่อนจะเช็ดปากแล้วพูด


    “วันนี้วันศุกร์ 13 ใช่มั้ย....ข้าจะเล่าเรื่องนี้แหละ”


    แต่ในความสุขของทั้งสามคนนั้นกลับมีความทุกข์ของคนสองคนอยู่แทนที่

    หนทางที่เขาวิ่งมานั้นถูกบดบังไปด้วยสายฝนที่ลงถี่ยิบจนแทบไม่ให้โอกาสลืมหูลืมตา


    “ไอ่ห่าเอ้ย ไปทางไหนวะเนี่ย?” วินด์สบถพร้อมเอามือป้องหน้าเพื่อป้องกันฝนกระทบกับดวงตา สายตาก็สอดส่ายไปหาหนทางเบื้องหน้าในระหว่างรอเลิฟคุงที่มัวสาละวนกับการต่อสายไฟใหม่ในกระท่อม และเขาก็พลันไปสะดุดตากับเงาอะไรบางอย่าง ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน...............



    “รู้จักเจสันมั้ย?” เร็กซ์ที่กำลังจะเล่าเรื่องได้ถามทุกๆคน

    “เจสัน ยัง เหรอวะ?” จ่าซัพรีบตอบมาทันที แต่คนถามก็ส่ายหน้าแสถงถึงคำว่าไม่ใช่

    “เจสัน โรเบิร์ต กองหน้าแบล็คเบิร์นรึเปล่าวะ?” ไฟฟ์ตอบแบบแทบจะไม่คิดอะไรซึ่งก็โดนจ่าซัพโบกหัวไป 1ทีตามระเบียบ

    “เจสัน วอร์ฮีส เว้ย เจสันศุกร์ 13 ไง”

    “อ๋อ”

    “ฆาตกร เจสัน วอร์ฮีส์ ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์”

    “อ่าว แล้วเอามาทำไมในเมื่อมันเป็นภาพยนตร์” ไฟฟ์พูดขัดอีก เร็กซ์มองไปทางจ่าซัพ เหมือนเขาจะรู้งานจึงซัดเข้าไปอีกทีที่หัวเน้นๆ

    “ เจสัน วอฮีร์ เป็นเด็กพิการ หน้าตาน่าเกลียด โดนเพื่อนแกล้งจนจมน้ำตาย เหตุการณ์ เริ่มต้นที่แคมป์คริสตัล เลค ที่ซึ่งเคยมีคนถูกฆ่าตายเมื่อนานมาแล้วจนแคมป์ต้องปิดไป แล้วหลายปีต่อมา เจ้าของก็อยากจะเปิดมันอีกครั้ง จึงมีการจ้างวัยรุ่นหนุ่มสาวมากมายมาช่วยกันปรับปรุงแคมป์ให้พร้อมสำหรับการ เปิดใหม่ ในวันศุกรที่ 13... ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างได้ปลุกให้เจสันตื่นขึ้นมาแล้วการฆ่าก็เริ่มต้นขึ้น กลุ่มวัยรุ่นคะนองถูกฆ่าโดยอาวุธต่างๆ นาๆ เช่นโดยขวาน และเครื่องมือทำสวนชนิดต่างๆ ฉากการฆ่านับว่าโหดทีเดียว แทงกันจะๆ เฉาะกันสดๆ ที่สำคัญ....มีข่าวว่าคนพวกนั้นตายกันจริงๆซะด้วยสิ”
    ทันทีที่เร็กซ์เงียบเสียงปุ๊บ จ่าซัพก็ถามขึ้นมาทันที

    “คิดว่ามันจะมีจริงๆเหรอวะ กับไอ่ที่มาจากหนังเนี่ย?”

    ก่อนที่เขาจะตอบนั้น ได้ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกครั้งแล้วค่อยๆพูด “เพื่อนของผมตายที่ทะเลสาบนั่น”

    คำพูดของเขาทำเอาบรรยากาศ เงียบลงไปแม้แต่ไฟฟ์ที่ดูสนุกสนามตลอดเวลาก็พลอยเงียบไปด้วย จนกระทั่งมีแสงฟ้าแลบเกิดขึ้น และเสียงฝีเท้าหนักๆย่ำโคลนอยู่ข้างล่าง
    ทันใดนั้นพวกเขาก็คิดในเรื่องเดียวกันและแทบจะลุกออกไปในทันที

    “ไอ่เชี่ยวินด์ ไอ่เลิฟคุง”

    ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายนั้น สายตาของเขาพลันไปเห็นร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน ผมสีดำของเธอยาวปรกหน้าตาจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร และตอนที่เขาเผลอเดินออกไปนั่นเองก็มีร่างสูงร่างหนึ่งเดินมุ่งตรงไปทางกระท่อมที่เลิฟคุงกำลังสาละวนต่อสายไฟอยู่


    “ต้องพันแน่นกว่านี้ เทปพันสายไฟก็ไม่มี บัดซบเอ้ย!” เลิฟคุงสบถอย่างหัวเสีย ปากก็บ่นไป มือก็พันผ้าเข้ากับสายไฟที่ขาดสะบั้น และไม่กี่อึดใจประตูกระท่อมก็เปิดออกช้าๆ

    แอ้ด !!!

    “ไอ่เชี่ยวินด์ ไปไหนมาวะ?” เขาหันหน้าไปคุยกับเพื่อนรักแต่......สิ่งที่เขาเห็น...นั่นมันไม่ใช่เพื่อนรักเขานี่หว่า !!!

    เพราะสิ่งที่เขายืนประจันหน้าอยู่นั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง มือถือมีดโบวี่ขนาดเขื่องๆไว้ในมือส่วนมืออีกข้างนั้นเป็นโซ่ยาวที่จับไปด้วยตะไคร่
    ใบหน้าสวมหน้ากากซึ่งยากจะคาดเดาใบหน้า


    “เฮ้ย เจสัน มราซ !!!!! (Jason Mraz คนแต่ง I’m yours)

    พูดได้เพียงแค่นั้นมีดในมือของสิ่งที่เร็กซ์เล่ามาก็ได้ฟาดลงมาที่ร่างของเลิฟคุงทันที

    ฉวะ!!!

    เขายกมือขึ้นป้องกัน แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรนั่นก็เพราะ......

    มีหญิงสาวผู้หนึ่งยกมีดขึ้นเสียบตัวของมัน เธอผู้นั้นตะโกนสั่งเลิฟคุงพร้อมกระตุ้นสติไปในตัว

    “มีคนสง(ส่ง)เรามาช้วย(ช่วย)นาย ถ่า(ถ้า)ยังไม่ยากตาย ถึงแม๋(แม้)เราจะไม่ใช่เพือน(เพื่อน)กัน เราชือ(ชื่อ) มาซากิ ฮิรุมิ ตอนนี่อย่างวิ้ง(วิ่ง)หนี ตั้งสติ รวบนิ่ว(นิ้ว)ไว้ เอาสายไฟจ่า(จ่อ)มันเลย” (สำเนียงแบบ มาซากิ ฮิรุมิ)

    ตอนแรกเขาก็ก้กะจะมีสติอยู่หรอก แต่พอฟังเสียงของเธอและรูปร่างของเธอ และข้อมูลที่เขาเคยได้รัยนั้นแทบทำเอาเขากุมขมับเลยทีเดียว

    ชื่อสกุล มาซากิ ฮิรูมิ
    2.อายุ 28 ส่วนสูง 200 สัดสวน 35 30 32 เพศ หญิง
    สัญชาติ ไทย ยุ้น
    3.นิสัย เรือยๆสบายๆ ไร้แก้นสาน ไม่ชอบการใช้กำลังและมักจะช้วยเหลือพวกพ้อง
    และภายหลังจะช่วยเหลือ ตัวเอก เพราะเธอจะเลิกเป็น มาเฟีย
    และจะเป็นกำลังของตำหรวจในภายหลัง
    บัดซบสิ้นดี! สูง 200 เซนติเมตร นี่มันเปรตแล้วโว้ย !!!!

    ติดตามชมตอนต่อไปโดยนักเขียน: LoveSeeker ในฐานะของ เลิฟคุง ในเรื่อง

    บทที่ 3 โดย:เลิฟคุง

    เลิฟถอนหายใจและล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม “มัวห๋า(หา) อะไรเล้า(ล่ะ) ช้อท(ช็อต)มันเร็วๆสิ” เธอพูดต่อด้วยสำเนียงเน่อๆของเธอ เลิฟไม่สนใจเพียงแต่หาสิ่งที่เขาต้องการ

    “เจอแล้ว” เขาพูดและล้วงเอาบางอย่างที่เหมือนเท็ปเล็ทออกมา “Character Editor” เขาพูดและยิ้ม ก่อนรัวปุ่มบนแท็ปเล็ท ฮิรูมิถูกแรงบางอย่างยกขึ้นจากพื้น แขนสองข้างถูกดึงจากกัน เวลานี้เธอลอยอยู่ในท่าเหมือนถูกตรงกางเขน “เอาล่ะ” เขาพูดและเอาแท็ปเล็ทใส่กระเป๋า “ดูสิ เริ่มจากตรงไหนดี” ชายร่างใหญ่ภายใต้หน้ากากฮอกกี้มองเขาด้วยท่าทางคนงง

    “เฮ้ย เจสัน นายคิดว่าเริ่มจากตรงไหนดี” เขามองเลิฟและเอามือวางบนหัวของตัวเอง

    “ส่วนสูง” เจสันไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้า

    “ตกลง” เขาพูดและล้วงเอาวัตถุกลมๆจากกระเป๋ามาสวมที่นิ้ว และเอาอันที่ใหญ่ที่สุดวางไว้ใต้เท้าของฮิรูมิ ภาพฮาโลกราฟเป็นตารางโผล่ขึ้นมาหลังฮิรูมิ แสงสีเขียวเริ่มสแกทเธอซ้ำๆจากซ้ายไปขวา รูปจำลองแบบฮาโลกราฟ เลิฟเริ่มหมุนแบบจำลองฮาโลกราฟ ซึ่งตวฮิรูมีก็หมุนตาม

    “เครื่องมือแก้ไข” เขาพูด “เอาล่ะ ผู้หญิง 200 ซม. ไม่น่ารักเลยสักนิด เขาพูดและบีบแบบจำลองของเธอจนมีความสูงลดลง “หน้าอกใหญ่ไปว่ะ มันไม่โลลิ” เขาขยายภาพบริเวณอก และนำเข็มจากเสื้อคลุมออกมาจิ้มที่หน้าอกของฮาโลกราฟจนแฟบลง “บั้นท้ายใหญ่ไป” เขาพูดและบีบบริเวณสะโพกของฮาโลกราฟ “เรียบร้อย” วัตถุทรงกลมที่ใต้เท้าของฮิรูมิพ่นควันออกมาจนไม่มีใครเห็นอะไร

    “แค็ก แค๊ก แค็ก” เสียงของใครบางคนไอดังขึ้นภายในกลุ่มควัน ควันค่อยๆจางหาย เผยให้เห็นฮิรูมิในอุดมคติของเลิฟคุง ผู้ซึ่งสูงเพียง 149 ซม. หน้าอกแบบราบ ตะโพกไม่ผาย “แบบนี้ค่อยโลลิหน่อย” เขาพูดและหันไปหาเจสัน “จริงไหม เจ...” คำพูดของเขาถูกหยุดเมื่อเจสันไม่ได้อยู่ที่ที่เคยอยู่

    “งานเข้า” เขาพูดเบาๆ เขารู้สึกบางอย่าง บางอย่างอยู่ข้างหลัง

    “ระวังหลัง” ฮิรูมิพูด แต่อโลนไวกว่าเจสันมาก เขาล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมและชักเอาของทรงกระบอกออกมา เขากดปุ่มบนนั้น ลำแสงสีแดงพุ่งออกจาวัตถุนั้นยาวประมาณเมตร เขาฟาดลำแสงนั้นใสกลางตัวของเจสันจนตัวของเจสันขาดเป็นสองท่อน “ฝันดี” เขาพูดส่งท้าย “ไอ้วินด์ เอ็งหายไปไหนวะ” เขาตะโกน และเดินออกไปจากกระท่อมอย่างหัวเสีย ทิ้งให้ฮิรูมิเวอร์ชันโลลิตา คอมเพล็กซ์อยู่ในกระท้อมเพียงลำพัง

    “ไอ้วินด์” เสียงของเลิฟคุงเรียกเขามาจากด้านหลัง เขาละสายตาจากหญิงสาวในสายฝนมองไปยังเลิฟ “ทำหอกอะไรวะ ทำไม่มีดูหลังให้ข้า”

    “เออ...”วินด์อึกอักและส่องไฟฉายไปยังจุดที่เขาเห็นหญิงสาวผมยาว “ไม่รู้สิวะ เหมือนเห็นบางอย่าง”

    “อะไรวะ” เลิฟถามและเก็บไลท์เซเบอร์เข้าไปในเสื้อคลุม

    “ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว”

    “แล้วแกจะรอให้ปอดบวมรึไง เข้าบ้านเถอะ”

    “ตกลง” วินด์พูด แต่ในใจเขายังคงคิดถึงเรื่องของหญิงสาวคนนั้น ทั้งสองเดินเข้าบ้าน ถอดเสื้อคลุมฝน และนำไฟฉายวางไว้บนโต๊ะ และเปิดไฟ ชายหนุ่มสามคนในบ้านหลับตาลงพร้อมขยี่ตาหนีจากแสงจ้า เสียงบางอย่างดังขึ้นเบาๆจากเสื้อคลุมของเลิฟ

    “ปิดไฟหา(เซ็นเซอร์)พวกเอ็งหรอวะ” วินด์พูดแบบหัวเสียก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ก่อนหยิบเบียร์ขึ้นมาโยนให้เลิฟ

    “ขอบใจ” เลิฟไม่รอช้าเปิดดื่มอย่างรวดเร็ว เขามองไปทางเร็กซ์ด้วยความแปลกใจ ทั้งๆที่รถของเขายางแตกอยู่ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร “เร็กซ์ แกมาไงวะ รถยางแตกไม่ใช่หรอ” เสียงของอุปกรณ์ในเสื้อเชิร์ตของเขา

    “ก็แค่ วิทยุบอกยานเอนเตอร์ไพรซ์ให้บีมข้ามาที่บ้านนี่” เร็กซ์ตอบ “เสียงโทรศัพท์แกรึเปล่าเลิฟ”

    “นั่นสิ”จ่าซัพพูด

    “ของฉันไม่ใช่เสียงนี้นะจ่า” เขาตอบ

    “ฉันว่ามาจากตัวแกนั่นแหละ” ไฟฟ์พูดพร้อมจิบเบียร์ เลิฟขมวดคิ้วและล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเชิร์ต

    “อ๋อ” เขาพูดพร้อมมองดูอุปกรณ์รูปร่างสี่เหลี่ยมเล็กๆของเขา “เครื่องตรวจจับผี”

    “อ้อ แสดงว่ามันเจอผีสินะ” วินด์พูดพร้อมเปิดกระป๋องน้ำอัดลม

    “ถูก” เลิฟพูดและกดปุ่มบางอย่างเพื่อปรับตัวรับสัญญาณ “แล้วก็ เรียบร้อย” เขาพูดก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

    “ผีอยู่ไหนล่ะ” จ่าซัพถาม

    “เร็กซ์” เลิฟพูด ทุกคนหันไปมองเร็กซ์และขยับออกห่างเร็กซย์อย่างลนลานจนโซฟาหงาย ทั้งวินด์ จ่าซัพ และวินด์ต่างก็มายืนข้างเลิฟ

    “ข้าไม่ใช่ผี” เร็กซ์พูดพร้อมลุกจาโซฟา

    “ข้ารู้เร็กซ์”วินด์พูด

    “เออ แล้วเอ็งจะหนีไปหา(เซ็นเซอร์)อะไรวะ” เร็กซ์ตะโกน

    “เร็กซ์ เอ็งฟังข้านะ” จ่าซัพพูด

    “ข้าไม่ฟังโว้ย” เร็กซ์ร้องพร้อมเขวี่ยงกระป๋องเบียร์ลงพื้น

    “เร็กซ์” เลิฟพูด

    “วะ”

    “ผีอยู่ข้างหลังเอ็ง” วินด์พูด เร็กซ์หันหลังกลับ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาทำให้เขาชะงัก ใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาสีแดงฉาน พร้อมชุดกระโปรงสีแดงสด ผมยาวตรงสรวยยาวถึงตะโพก

    “นายหลบฉันไม่ได้หรอก” เธอพูดออกมา

    “ก็ไม่ได้จะหลบ”เร็กซ์พูด “แค่จะหนี” เร็กซ์หันหลังมาหาพวกวินด์ “ไปก่อนนะ” เขาพูดและเดินอย่างเร็วเข้าไปในห้องครัว

    “แอลมา เวดด์”ไฟฟ์พูดชื่อของตัวละครในเกม F.E.A.R.

    “กระจายกำลัง”จ่าซัพพูด และทุกคนก็กระจัดกระจายไปคนละทิศทาง


    บทที่ 4 โดย:5 day-ago

    ทุกต่างกระจายไปคนละทิศคนละทาง แอลม่าเองก็ไม่รอช้า ร่างของเธอค่อยๆหายไปในอากาศ ดูเหมือนว่าเธอจะเล็งใครไว้สักคน

    ไฟฟ์กำลังวิ่งออกไปหน้าบ้านโดยไม่สนว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน แต่แม้ฝีเท้าของเขาจะเร็วแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่อาจหนีแอลม่าได้พ้น

    “เฮ้ย ขี้โกงงงง” ไฟฟ์ร้องลั่น แถมขาขวาของเขาดันไปสะดุดก้อนหินจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้่น

    “นายรู้จักชื่อฉัน…” เธอพูดออกมา พร้อมกับส่งสายตาสีแดงฉานมาทางไฟฟ์ “นายต้องเป็นลูกฉันแน่”

    “เฮ้ยยยย ไม่มีทางงง ใครก็ได้ช่วยกูด้วย!!” ไฟฟ์ตะโกนลั่นเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้

    “เฮ้ยยย แกทำอะไรเพื่อนข้าฟะ” วินด์วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง และสไลด์เสียบขาของแอลม่า จนเธอล้มลงไป

    “เผ่น!!” ทั้งคู่ตะโกนออกมาพร้อมกัน พวกเขาวิ่งออกมาจากบริเวณนั้นได้นิดหน่อย เพราะทั้งคู่ได้พบกับผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง สวมแว่น ท่าทางดูโหดร้าย

    "กะแก้มแหม่ม!!" วินด์พูดออกมาด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเอง!

    ทางด้านเร็กซ์ ดูเหมือนว่าเขาจะหนีออกไปได้ไกลพอสมควร แต่เขาต้องตกใจเมื่อต้องพบกับ…

    “เฮ้ย มาซากิ ฮิรูมิ” เขาร้องลั่น “ทำไมกลายเป็นนี้ฟะ”

    “นี๋(นี้)นาย เอาเร๋า(เรา)ลงไปหนอย(หน่อย)” เธอกำลังลอยอยู่กลางอากาศจากฝีมือของเลิพคุง แต่ทว่า

    “อะ…” เร็กซ์ชะงักไป เมื่อแอลม่ามายืนอยู่ตรงหน้าเขา “อาม่าาา!!”

    เธอยื่นแขนซ้ายของเธอมาจับไหล่ของเร็กซ์ “นายไม่รอดแน่…”

    “ต้องรอดสิฟะ ข้าน่ะต้องไปกอบกู้จักรวาลจากผู้รีเปอร์นะเฟ้ย!!” เร็กซ์กล่าวออกมาอย่างห้าวหาญ แต่ขาองเขานั้น สั่นยิ่งกว่าอะไรอีก

    “อ่อ จา(จาก)เกม วินนิ่ง ช่าย(ใช่)ปะ” ฮิรูมิที่กำลังลอยพูดออกมา เร็กซ์ได้ยินเข้าจึงใช้ขาซ้ายเตะแอลม่า จนร่วงไปกองอยู่บนพื้น และใช้หมัดขาต่อยไปที่หน้าของมาซากิ ฮิรูมิ อย่างแรง

    “แมส เอฟเฟคเฟ้ยยัยบ้า”

    “เชี่ยแม้ง โหดกับผู้หญิง” จ่าซัพตะโกนลั่น “เตะแอลม่าคว่ำ ต่อยหน้ามาซากิ ฮิรูมิ…”

    “เฮ้ย เอ็งก็อยู่เหรอเนี้ย!” เร็กซ์หน้าซีดไปเล็กน้อย หลังจากที่มีคนมาเห็นวีรกรรมของตัวเขาเอง

    จ่าซัพโดนโบกไปหนึ่งดอกจากเลิพคุง

    “เอ็งก็ไปว่าเขา…” เลิพคุงนิ่งไปซักพัก จากนั้นทั้งจ่าซัพและเลิพคุงก็ฮาแตกออกมา “ฮ่าๆๆๆ โหดกับผู้หญิง ฮ่าๆๆๆๆ”

    “หนอยย พวกแกกก” เร็กซ์โมโหเลือดขึ้นหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาเห็นอะไรบางอย่าง จึงหันหลังและวิ่งตรงไปด้วยความเร็ว

    “ฮ่าๆๆ สงสัยจะอายน่ะ ฮ่าๆๆ” เลิพคุงยังคงหัวเราะต่อไปโดยที่ไม่รู้ว่า…

    “เฮ้ จ่า…” เขาหันมามองข้างหลัง และเจอผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้า นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนหลังบ้านท่ามกลางฝนที่ตกหนักมากถึงมากที่สุด สีหน้าและสายตาของเขาเต็มไปด้วยความหื่น… “ยาราไนก๊ะ!”

    “จ๊ากกกก เชี่ยแล้วกู…” เลิพคุงร้องลั่น ดูเหมือนว่าเขาใกล้จะได้ค้นพบสัจธรรมแห่งชีวิต

    “เฮ้ย จ่าซัพหายไปไหนฟะเนี้ย!!” เลิพหันไปดูอีกที ก็พบว่า จ่าซัพได้วิ่งตามเร็กซ์ไปแล้ววว จากนั้นเลิพคุงก็วิ่งตามสองคนนั้นไปโดยไม่สนว่าอากาศจะหนาวเย็นจากฝนแค่ไหน “เฮ้ยรอด้วยยยย”

    บทที่ 5 โดย: ท่านหญิง StormWind

    สายตาของชายหนุ่มเบิกกว้าง ความคิดทุกอย่างดับวูบลงไป ไม่สนใจแม้กระทั่งเพื่อนรักที่โกยอ้าวไปด้วยความเร็วจนแทบจะทิ้งเขาไว้แล้ว

    “กะ...แก้มแหม่ม!” นั่นเป็นคำพูดเดียวที่หลุดมาจากปากของวินด์

    หญิงสาวยิ้มอย่างหาความหมายไม่ได้ ผมยาวเป็นมันปลาบเมื่อมีฟ้าแลบปรากฏขึ้น บรรยากาศรอบกายดูคุกรุ่นขึ้นตรงข้ามกับความเย็นของสายฝนที่ตอนนี้เริ่มจะสร่างซาลงบ้างแล้ว

    “แหม่มมาทำตามสัญญา......” หญิงสาวพูดเสียงยานคาง ชุดเดรสสีดำที่เธอสวมใส่นั้นช่วยปลุกบรรยากาศหลอนประสาทได้ดีขึ้นเป็นอักโข เธอนิ่งไปสักพักจึงพูดอีกครั้งด้วยประโยคเดิม

    “แหม่มมาทำตามสัญญา”

    เมื่อตาสีเหล็กประสานกับดวงตาหม่นหมองของหญิงสาวนั้น ภาพเก่าๆเริ่มย้อนกลับมาในมโนความคิดของชายหนุ่ม


    “เราจะรักกันตลอดไป” ชายหนุ่มนอนหลับตาพริ้มอยู่บนตักของหญิงสาวหน้าตาน่ารัก สวมแว่นสีฟ้าสดใส ซึ่งหญิงสาวเองก็ยิ้มบางๆ พลางลูบหัวชายหนุ่มที่เธอรัก

    เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนกระทั่งเธอก็ได้เอ่ยขึ้นมา

    “ถ้าพี่ทิ้งแหม่ม แหม่มจะเป็นผีมาเอาพี่ไปด้วย” เธอพูดแบบนั้นซึ่งชายหนุ่มก็รับคำอย่างง่ายดาย

    “ครับ แต่ว่า....ไม่มีทางหรอกนะ”


    นั่นคือสิ่งที่ปรากฏในความคิดของชายหนุ่มพร้อมกับสติที่ดับวูบลงไป.....อาจจะตลอดกาล


    ส่วนทางฝ่ายสามคนที่วิ่งหนีไปนั้นเมื่อเห็นว่าได้ระยะทางที่ไกลพอสมควรแล้วจึงเริ่มวางแผนขั้นต่อไปท่ามกลางสายฝน

    “เฮ้ย เอาไงดีฟะ? ไอ่วินด์ กับ ไอ่ ไฟฟ์ มันหนีกันไปคนละทางอ่ะ?” เร็กซ์เอ่ยถามด้วยเสียงหอบ ตอนนี้เสื้อผ้าของทุกคนนั้นเปียกหมดแล้ว ไม่เหลือส่วนใดที่แห้งเลย และเริ่มรู้สึกแย่ไปพร้อมๆกันด้วย

    “นั่นดิ เอาไงดี? หรือจะเรียก ‘ผู้ชายคนนั้น’ ?” ทันทีที่เลิฟคุงพูดชื่อนี้ออกมาทุกคนถึงกับหน้าถอดสี.... จะเอาจริงเหรอวะเนี่ย?

    “ไม่ดีมั้ง ? จ่าล่ะ ว่าไง?” เร็กซ์โบ้ยไปให้จ่าซัพซึ่งเขาก็ล้วงเอา ‘ของ’ ที่ใช้เรียกชายคนนั้นออกมาทันที

    “ไม่มีทางเลือก” จ่าซัพพูดพร้อมกับบรรจุกระสุนเข้าไปในกระบอกปืนที่ใช้ในการเรียกชายปริศนาอย่างใจเย็น

    พลางจ้องมองสายฝนแล้วพูดเบาๆ “ขอให้ใช้ได้ทีเท๊อะ พ่อเจ้าประคุณ”

    ปัง !
    ทันทีที่กระสุนออกจากรังเพลิงนั้นมันก็เปล่งแสงออกมาตามหน้าที่ แสงไฟพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าเป็นประกายเจิดจ้า แสงนั้นช่วยทำให้ ‘ชายผู้นั้น’ มองเห็นชัดเจน ไม่มีใครใช้กระสุนส่องแสงพร่ำเพรื่อแน่ๆ

    เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบจัดเตรียมสัมภาระให้พร้อมแล้วรีบไปยังที่ที่ต้องการความช่วยเหลือทันที



    ด้านเต้ที่เตลิดวิ่งเข้าไปในป่าลึกจนเหนื่อยแล้วก็ทรุดกายลงนั่งกับโคลนแฉะๆแล้วพึมพำขึ้นมา

    “วินด์ ***ว่ามันจะตามเรามามั้ยวะ?”

    ................เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากเพื่อนรัก เมื่อเขาหันไปก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า ทำเอาหัวใจของเขาหายวาบลงไปกองที่ตาตุ่ม...... ไอ้วินด์หายไป !!

    ไวเท่าความคิด ร่างกายของเขารีบกระโจนย้อนกลับไปยังทิศทางที่จากมาซึ่งเขาจำได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าขาจะล้าสักแค่ไหน จะเปียกปอนสักเท่าไหร่ แต่เขาต้องเอาเพื่อนรักกลับมาด้วยให้ได้

    แต่เมื่อไปถึง เขาก็ต้องตกใจถึงขีดสุดและรีบหลบเข้าข้างทางทันที

    เพราะตรงเบื้องหน้าของเขามีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีแดงสด...แอลมา นั่นเอง!

    เธอยืนหันหลังให้เขาราวกับกำลังเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง และเขาลองค่อยๆเขยิบกายไปข้างหน้าเพื่อหาต้นตอและก็พบกับหญิงสาวในชุดเดรสสีดำยืนคร่อมร่างของวินด์อยู่

    “เอามันมาให้ชั้น มันจะต้องเป็นเหยื่อคืนนี้ของชั้น” แอลมาพูดพลางส่งสายตาอาฆาตดุเดือดไปให้สาวชุดดำ นั่นคือแก้มแหม่มที่ตั้มเคยพูดถึงบ่อยๆนั่นเอง

    ว่าแต่...เธอมาที่นี่ได้ยังไงในเมื่อมันเป็นความลับในหมู่เพื่อน หรือว่า.......เธอจะ....!!!

    แก้มแหม่มในชุดดำเองก็ไม่ยอมแพ้ เธอสูดลมหายใจเข้าแล้วตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังก้องกรีดป่า

    “อย่า ยุ่ง กับ ผัว กู !!!”

    สิ้นเสียงของเธอนั้นแอลมาก็หายไปราวกับฝันไป

    เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบสงบลงแล้วหญิงสาวจึงก้มตัวลงลูบหัวชายหนุ่มเบาๆก่อนจะก้มลงจูบนุ่มนวลเป็นเวลาเนิ่นนาน หลังจากนั้นเธอจึงกระซิบข้างหูชายผู้กำลังสลบเหมือดเบาๆว่า

    “แหม่มทำกับคนที่แหม่มรักมากๆไม่ลงหรอกนะ ตอนนี้พี่ไฟฟ์มาแล้ว หวังว่าพี่แกจะดูแลที่รักของแหม่มได้นะคะ”

    พูดจบเธอก็ทรุดกายลงเพื่อหอมแก้มวินด์อีกครั้ง แล้วพูดต่อ “ดูแลตัวเองดีๆนะคะที่รักของแหม่ม”

    เธอผุดลุกขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากบริเวณนั้น....แต่โชคร้ายที่เธอเดินเข้ามาเฉียดกรายใกล้ไฟฟ์มากเหลือเกิน เขาได้เพียงแต่หลับตาปี๋ภาวนาอย่าให้ผีสาวเห็นเขาเลย

    และเมื่อไฟฟ์ลืมตาขึ้นมา ร่างบางก็อันตรธานหายไปเสียแล้ว



    ตัดมาทางด้านของเลิฟคุง เร็กซ์ และ จ่าซัพที่ยิงพลุสัญญาณขอความช่วยเหลือไปนั้นไม่นานก็มีแสงปรากฏขึ้นมาจากถนนสายเล็กๆ แสงนั้นช่วยฉายให้เห็นถึงเงาของชายศีรษะโล้นเลี่ยนเดินมาอย่างแช่มช้า

    ท่วงท่าสง่างามราวเพิ่งสึกมาก็ไม่มีผิด ท่าเดินนั้นทำเอาเลิฟคุงต้องอ้าปากค้าง ทำเอาเร็กซ์ต้องหลุดปากพูด

    “หลวงพี่กีก้ามาช่วยเราแล้ว”

    แต่ไม่กี่อึดใจนั้นก็มีเสียงตะโกนล้งเล้งเป็นภาษาชาวเขาขึ้นมาจากด้านหลังซึ่งจ่าซัพที่คุ้นชินกับคนชายแดนนั้นฟังเข้าใจเป็นอย่างดี แปลได้คร่าวๆคือ

    “***จะบังทางรถทำไมฟะ ถนนก็แคบ ฝนก็ตก กูจะกลับบ้าน!!!”

    บทที่ 6 โดย: เร็กซ์อีกครั้ง

    ค่ำคืนนี้อีกยาว น่าแปลกนักเหตุการณ์ไม่คาดฝันผ่านพรึบไปราวกับลมพายุที่กำลังอัดกระหน่ำบ้านไม้หลังโตนี้

    “เดี๋ยวๆๆ...นี่พวกแกจะบอกว่าเจอทั้ง ผี เกย์!? เจสัน มราซ...แล้วก็ อาม่า เนี่ยนะ” กีก้าซึ่งตอนนี้สึกเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ทราบสาเหตุกล่าวเนืองๆช้าๆได้ใจความ

    “เออดิ!” ทั้งหมดตอบเป็นเสียงเดียวกัน ขณะที่เสื้อยังเปียกโชกด้วยน้ำฝน เช่นกระนั้นก็ยังไร้ซึ่งวี่แววผู้กล้าคนแรกที่จะขึ้นบันไดใช้ห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด ทั้งหมดนั่งล้อมวงอยู่กลางบ้านอีกครั้ง โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีกคน

    “แล้วไหนพวก***บอกว่าเจอไอเกย์โฉดโหดกระโดดแทงไงวะ!? แล้วมันหายไปไหน” ไฟฟ์หันควับ ฉายแววตาความอยากร้อยากเห็นเป็นลำแสงไปที่ จ่าซัพ เลิฟคุง รวมถึงเร็กซ์

    “เฮ่ยๆๆ! ไม่ต้องมามองตูเลยไอสาด” เร็กซ์ตะโกนใส่ไฟฟ์ทันที ที่สายตาแห่งจินตนาการเริ่มทำงาน

    “ก็แค่...อยากรู้ว่า...ช่วงล่างพวกเอ็งยังอยู่ครบเว้ย!” ไฟฟ์ท้วงขึ้น

    “เออว่ะ! *****หายไปเฉยวิ่งไปวิ่งมาสงสัยหลงทางไปซั่มคนแถวแนวไหล่เขาล่ะมั้ง” จ่าซัพเอ่ยแทรก

    “เหตุการณ์ยังกับหนังอะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้วะ โทรศัพท์บ้านไม่มีสัญญาณ บ้านบนเขาห่างไกลความเจริญ พายุฝนลูกใหญ่เข้าทั้งที่ไม่เกิดขึ้นมาเป็นชาติล่ะ เซ็งเป็ด...” เลิฟคุงนั่งเกาหัวหงิกๆ ขณะนั่งเปลือยเหลือกางเกงขาสั้นตัวเดียว

    “เปรี้ยง..งง!” เสียงฟ้าผ่าลงไม่ไกลจากตัวบ้านนัก ส่งเสียงดังสนั่นราวกับบ้านกำลังสั่นสะเทือน

    “ไอเชี่ย!” จ่าซัพตะโกนหลุดปาก

    “เห็นอะไรแว่บๆปะตรงนั้นน่ะ” กีก้าชี้ไปบริเวณปลายยอดต้นสนสูงตระหง่าน

    “เฮ่ย!? ไหนวะ..หลอกปะเนี่ย” เร็กซ์กล่าวลอยๆ

    “นั่นไงไม่เห็นหรืองไงอะไรมันขยับตรงยอด ไม่เหมือนใบไม้เลยว่ะ” กีก้าย้ำอีกรอบขณะจับทิศทางหัวของเลิฟคุงที่นั่งข้างๆให้ตรงไปกับแนวสายตาของตน

    “เออๆๆๆ! เห็นล่ะ อะไรอีกวะนั่น” เลิฟคุงพูดขึ้น ปลายยอดต้นสนเริ่มเปล่งประกายแสงสายตาทุกคู่จ้องมองมันราวกับอยู่ในภวังค์

    “เฮ่ยๆๆๆ! เป็นไรกันวะ” วินด์เขย่าเพื่อนในวง แต่ไร้ซึ่งปฏิกิริยาโต้ตอบ

    “เปรี้ยงง..งง!” แสงฝ่าผ่าสว่างจ้าจนแทบจะไม่เห็นอะไรเบื้องหน้า วินด์ได้แต่ยกมือป้องหน้าไว้อย่างสุดสามารถ

    “เกิดอะไรขึ้นวะ!” รู้ตัวอีกทีวินด์ยืนอยู่กลางป่าที่เต็มไปด้วยหิมะ หิมะสีขาวโพลนรวมถึงต้นไม้ที่แห้งกร้านจำนวนมาก ไร้ซึ่งใบแม้แต่ใบเดียว

    “ตายๆๆๆๆ! นี่กูหลอนจิตปะวะ” วินด์เอ่ยอยู่คนเดียว น่าแปลกที่ไม่มีแม้แต่แสงจากอาทิตย์ แต่ทุกอย่างกับสว่างในตัวมันเอง ดูน่าขนลุกพิลึก

    “แล้วเสื้อผ้า...เปลี่ยนได้ยังไง” วินด์มองไปรอบตัวที่ตอนนี้เป็นชุดกันหนาวหนา พร้อมฮู้ดขนสัตว์ด้านหลัง เหมือนกับประสาททั้ง 5 เริ่มทำงานอีกครั้ง ความเย็นยะเยือกทิ่มแทงไปตามรูขุมขนของวินด์อย่างรวดเร็ว เขารีบยกฮู้ดขึ้นคลุมใบหน้าทันที

    “เฮ้ย! เร็กซ์!” วินด์เหลือยเห็นเพื่อนที่กำลังย่ำไปๆมาๆบริเวณตรงข้าม

    “อ่าวเฮ่ย!” เสียงเร็กซ์ตะโกนย้อนกลับมา ไม่รอช้าวินด์ดีดตัวออกจากพื้นหิมะหนาทันที

    “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ ไม่เข้าใจเลยว่ะ” เร็กซ์เอ่ยคำถามแรกที่สมควรแก่การหาคำตอบ

    “ ตูมม...มม” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขัดบทสนทนาของทั้งคู่ พื้นเริ่มสั่นอย่างรุนแรง

    “กูบอก***แล้ว!ว่าอย่าซื้อบ้านบนภูเขาว้อย!!” วินด์ตะโกนขณะมือทั้ง 2 ข้างกอดกับต้นไม้อย่างแน่นสุดความสามารถ

    “ไอห่านน! นี่มันไม่ใช่ภูเขาแล้วเว้ย นี่มันป่าหิมะ! เข้าใจไหมป่าหิมะว้อย! สโนว์ไวท์อะเคยดูป่าว...ววะ!!” เร็กซ์ตะโกนสวนกลับมา

    จบเสียงตะโกนแรงสั่นสะเทือนจึงหยุดลงตาม

    “ได้เวลาเลิกไร้สาระ แล้วไปตามหาพวกที่เหลือแล้วกลับบ้านกัน ไม่ว่ามันจะกลับทางไหนก็ตาม” เร็กซ์เอ่ยพร้อมเดินนำหน้าไปอย่างมาดพระเอกสุดเท่มหากาฬเกินใคร....

    “เท่ตายเลย***” เสียงกระซิบดังขึ้นเบาๆจากคู่หู....

    "ได้ยินนะสาด" ...
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Rex : 1st April 2012 เมื่อ 22:44

  2. รายชื่อสมาชิกจำนวน 12 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  3. #2
    Bayou Country
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    New Orleans, LA, United States
    กระทู้
    5,932
    กล่าวขอบคุณ
    4,555
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,950
    นั่งรอ ปูเสื่อ เย่ เย่ (ก้นด้านอีกแบ้ว)

    ผมว่า ต่อกันคนละวรรคดีไหม มันจะได้ออกทะเลไวๆ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nakiann123 : 26th March 2012 เมื่อ 23:13

  4. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  5. #3
    Stay In The Dream....
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Find me in the Dream
    กระทู้
    1,014
    กล่าวขอบคุณ
    1,000
    ได้รับคำขอบคุณ: 697
    Blog Entries
    2
    โอ้ววว น่าสนใจ ผมขอชื่อตามท่านเลย จำง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ไฟฟ์!!

    ปล.ฮาแตกตอน "คุณห้าวันก่อน"

    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ nakiann123 อ่านกระทู้
    นั่งรอ ปูเสื่อ เย่ เย่ (ก้นด้านอีกแบ้ว)

    ผมว่า ต่อกันคนละวรรคดีไหม มันจะได้ออกทะเลไวๆ
    ผมว่าอย่างงี้ก็มีโอกาสออกทะเลสูงอยู่นะ ฮ่าๆๆๆ

    ---------------------------------------------------------------

  6. #4
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    ชอบที่ท่านเร็กซ์เรียกผม่า เลิฟคุงอะ เอา "เลิฟคุง"

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  7. #5
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    ผมเอา วินด์ ดีกว่าครับ

    น่าจะโอเค พี่ว่าไงครับ?

  8. #6
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    fox6000.php
    กระทู้
    2,163
    กล่าวขอบคุณ
    4,975
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,898
    งั้นผมก็เป็น จ่าซัพ อ่ะนะ

  9. #7
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thrones
    กระทู้
    1,744
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,032
    Blog Entries
    2
    โอเค เยี่ยมเลย!


    PS. ผมอาจจะใช้ชื่อ ID ของผู้อ่านบางคนด้วยนะ มาเสริมแต่งในเรื่อสักหน่อย

  10. #8
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    fox6000.php
    กระทู้
    2,163
    กล่าวขอบคุณ
    4,975
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,898
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Rex อ่านกระทู้
    โอเค เยี่ยมเลย!


    PS. ผมอาจจะใช้ชื่อ ID ของผู้อ่านบางคนด้วยนะ มาเสริมแต่งในเรื่อสักหน่อย
    เดี่ยวนะท่านเร็ก ไอ้ตัว(ม)ด้านหลังนี่มันอะไรอ่ะ

  11. #9
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thrones
    กระทู้
    1,744
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,032
    Blog Entries
    2
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ pone123 อ่านกระทู้
    เดี่ยวนะท่านเร็ก ไอ้ตัว(ม)ด้านหลังนี่มันอะไรอ่ะ
    ...จ่าซัม เอ้ย จ่าซัพ ครับ ล้อเล่นน่ะ ฮาๆ เดี๋ยวรออ่านแล้วจะเข้าใจ ฮาา

  12. #10
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thrones
    กระทู้
    1,744
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,032
    Blog Entries
    2
    อัพเดทแล้วนะครับ ที่จริงเกิน A4 ก็ได้นะเข้าใจว่ามันต่อเนื่องเท่าไหร่ก็ได้เลยดีกว่าถ้าอยากให้สนุกๆ

    ใครจะเขียนต่อโปรดบอกนะครับ

  13. #11
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    ตอนต่อไปขอผมจัดการเองครับ

    จะจัดแบบสยองๆฮาๆให้ครับ แล้วจะเอาตัวละครไม่คาดฝันมาอีกซักตัว

    By Stormwind

  14. #12
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thrones
    กระทู้
    1,744
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,032
    Blog Entries
    2
    ตามนั้นครับ

  15. #13
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    fox6000.php
    กระทู้
    2,163
    กล่าวขอบคุณ
    4,975
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,898
    เยสจ่ามาแรกๆเลย 555555

    ใช้วิธีการระบุชื่อคนแต่งคนต่อไปหรอครับ
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pone123 : 27th March 2012 เมื่อ 19:50

  16. #14
    มังกรน้อยคอยรัก
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,499
    กล่าวขอบคุณ
    689
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,060
    เออถ้าเราขอไม่ถึง 1 หน่า A4 ด้ไหมอ่ะเผือ จะแอบมาแจม
    MY CENTER ^

  17. #15
    ถูกระงับใช้งาน (Banned)
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    Thrones
    กระทู้
    1,744
    กล่าวขอบคุณ
    41
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,032
    Blog Entries
    2
    ถ้า มาซากิ ฮิรูมิ ไม่มารวมถึงการสะกดคำให้ถูกต้อง ก็ได้นะฮ้าฟฟฟฟ <<แบ๊ว

  18. รายชื่อสมาชิกจำนวน 2 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  19. #16
    มังกรน้อยคอยรัก
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    1,499
    กล่าวขอบคุณ
    689
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,060
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Rex อ่านกระทู้
    ถ้า มาซากิ ฮิรูมิ ไม่มารวมถึงการสะกดคำให้ถูกต้อง ก็ได้นะฮ้าฟฟฟฟ <<แบ๊ว
    หมายความว่าไงฟร่ะ ถ้าเรือสะกดคำละก็ เราสง ต้นฉบับให้นายช้วยแก้คำผิดได้ไหมอ่ะ
    MY CENTER ^

  20. #17
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ Rex อ่านกระทู้
    ถ้า มาซากิ ฮิรูมิ ไม่มารวมถึงการสะกดคำให้ถูกต้อง ก็ได้นะฮ้าฟฟฟฟ <<แบ๊ว
    Critical damage!

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  21. #18
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    โอ้ไม่นะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    Oh My god what the helll !!!!!!!!!!!!!!!!

  22. #19
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Feb 2012
    กระทู้
    131
    กล่าวขอบคุณ
    35
    ได้รับคำขอบคุณ: 53
    อ้อ ท่านเรกซ์ ไม่ได้มาเยี่ยมนาน ผมขอชื่อเป็น กิก้า แล้วกัน ฮ่าๆๆ

  23. #20
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    กระทู้
    413
    กล่าวขอบคุณ
    115
    ได้รับคำขอบคุณ: 240
    อ่านแล้วเกือบตกเก้าอี้ =..= ฮามาก!

    นิยาย:การทหาร พจญภัย วิทยาศาสตร์

  24. #21
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    ทันทีที่เพ่งสังเกตุทำเอาสายตาเปิกกว้างด้วยความแปลกใจ

    “ส่องไฟหน่อย” เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้ปึ๊กกำลังเหม่อลอยเขาจึงเน้นเสียงอีกเล็กน้อย

    “บอกให้ส่องไฟไงวะ!”

    เขาทำตามอย่างว่าง่ายทำให้วินด์ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่เมื่อพินิจรอยที่สายไฟถูกตัด ดูเป็นรอยขาดสะบั้นราวกับถูกสับด้วยอะไรบางอย่าง.......

    “ไม่ได้การล่ะ ไอ่เลิฟคุง รีบไปหาไอ่พวกนั้นเถอะ” พร้อมออกแรงมือตบหัวช่วยกระตุ้นเลิฟคุงหนักๆ

    “***ไปเถอะ เดี๋ยวกูต่อสายไฟเอง” เลิฟคุงพูดพร้อมกับคลำหัวป้อยๆ


    ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักลงมากระทบกับหลังคา และบรรยากาศเย็นๆนั้น ทำให้ทั้งสามคนเริ่มนึกครึ้มอะไรบางอย่างขึ้นมา

    “ปิดไฟเถอะว่ะ แล้วจุดเทียนเอา” พูดจบ จ่าซัพก็ลุกขึ้นมาเปิดกล่องที่เก็บเทียนแล้วยกมาวางไว้ตรงหน้าของทุกคน นั่นทำให้ทุกคนล้อมวงกันมาฟังเรื่องเล่า ส่วนไฟฟ์ที่อยู่ใกล้ไฟที่สุดนั้นก็รู้งาน
    รีบลุกไปปิดไฟแล้วกลับมานั่งทันที

    “ใครจะเริ่มก่อน?” เร็กซ์เอ่ยถามพลางควักซิปโป้ออกมาจุดไฟต่อไส้ให้เทียน

    สายตาของทุกคนจ้องกันเป็นมันประกาย ในหัวเริ่มคิดเรื่องสยองที่เขาได้เคยเจอมากับตัว ก่อนจะมีผู้กล้าพูดขึ้นมาก่อน

    “ให้จ่าซั่ม” เป็นไฟฟ์นั่นเอง

    แต่เจ้าตัวก็รีบพูดขัดขึ้นมาทันทีทันใด

    “เฮ้ยๆๆๆๆ ของดีต้องเอาไว้ตอนสุดท้ายเว้ย เอ็งนั่นแหละ ไอ่ไฟฟ์ เล่าก่อนเลย” การตัดสินใจนั้นก็ลงเอยด้วยการพยักหน้าของเร็กซ์นั่นทำให้เขาจำยอมอย่างมีเหตุผล

    “ง่า....ก็ได้ ตั้งใจฟังดีๆนะ”

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวผมเอง ผมได้เดินทางไปปฏิบัติงาน ณ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นการเดินทางออกจากบ้านครั้งแรก ก่อนไปผมได้ให้พนักงานที่นั้นหาบ้านเช่าให้ เมื่อผมเดินทางไปถึงเจ้าของบ้านบอกว่าบ้านยังไม่ได้ทำความสะอาด ต้องทำเอง พวกผมก็ตกลงกันว่ารับผิดชอบคนละห้อง เมื่อผมเลือกห้องที่ต้องการได้แล้ว ก็เปิดประตูเข้าไปทำความสะอาด ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า ธูปที่ปักอยู่เต็มห้อง คราบน้ำตาเทียน รวมไปถึงร่องรอยที่ปรากฎอยูในห้องทำให้ผมขนลุกซู่เลยทีเดียว แต่ด้วยความที่เราจำเป็นต้องอยู่ทำให้ผมไม่ได้คิดอะไร ทำความสะอาด ปัดกวาด ก่อนนอนผมก็กราบพระเป็นประจำทุกวันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความคะนองทำให้ผมไม่รู้สึกอะไร แล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นกับผมจนได้ ครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเนื้อดำแดง เปิดประตูห้องผมเข้ามาทั้ง ๆ ที่ผมล๊อคประตูเรียบร้อยก่อนนอน แล้วพูดด้วยเสียงดังกังวาลว่า ฝากดูแลบ้านด้วยต้นไม้ที่อยู่หน้าบ้านน้ำแห้งขอดแล้ว เติมน้ำด้วย ผมสะดุ้งตื่นแน่นอนผมรีบออกไปดูต้นไม้ ผมแทบเป็นลม ต้นไม้นั้นน้ำแห้งขอดจริงอย่างที่บอก ผมเล่าให้พี่ข้างห้องฟัง ก็ต้องแปลกใจอีกครั้งหนึ่งเมื่อพี่เขาบอกว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงเหมือนคน เดินลากโซ่หรืออะไรหนัก ๆ เสียงดังครืด ๆ ๆ แล้วก็มาหยุดที่หน้าห้องผม แล้วเสียงก็หายไป สักพักได้ยินเหมือนเสียงเดินออกจากห้องผมไปด้านหลังบ้านที่เป็นห้องเก็บของ ผมสอบถามจากชาวบ้านข้างเคียงได้ความว่า บ้านหลังนี้เดิมเจ้าของเป็นตำรวจเมื่อท่านเสียชีวิต ได้นำศพฝังหรือเผาไม่ทราบได้ในบริเวณสวนข้าง ๆ บ้าน ซึ่งห้องที่ท่านอยู่คือห้องผมและสวนก็อยู่ด้านข้างกับห้องพักของผม ผมรีบตื่นเช้าไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ท่าน เรื่องนี้อยากบอกว่าก่อนที่เราจะเข้าไปอยู่ในห้องพัก ควรสืบประวัติของห้องให้ดีก่อนที่คุณจะเจอกับสิ่งที่ผมได้เจอ”
    “โอ้โห.....ดีไม่เป็นผีทหารนะนั่น” เร็กซ์เอ่ยขึ้นมาพลางมองไปทางจ่าซัพด้วยสายตาแปลกๆ แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ทำอะไรนั้นก็ปรากฏเสียงแปลกๆดังขึ้น ทำเอาทุกคนต้องเงียบไปตามๆกัน

    ครืดดดด ครืดดดด ครืดดดดดด!!!!

    แต่ไม่นานเสียงปริศนานี้ก็เงียบลงไปเหลือเพียงเสียงของสายฝนที่ยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย

    “มาๆ เล่าต่อๆ ตาแกแล้ว ไอ่เร็กซ์” ไฟฟ์ที่เล่าจบไปใช้ศอกถองสีข้างเพื่อนรักให้เล่า แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าตัว

    “ไม่ดีกว่าว่ะ ของกูเด็ดกว่า ขอเล่าตอนท้ายแล้วกัน ให้จ่าซั่มเล่าก่อน”

    “เฮ้ย จ่าซัพเว้ย” จ่าซัพตอบพร้อมกับนึกเรื่องสุดสยองไว้ในใจแล้วยิ้มกริ่ม งานนี้พวก***ได้สยองสมใจแน่!

    เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อลายพรางแล้วหญิงเอากล่องบุหรี่สีเขียวออกมาแล้วจุดไฟ อัดควัณเล็กน้อย

    “แล้วจ่าจะจุดบุหรี่ทำไมวะเนี่ย? ทำร้ายคนทางอ้อมเรอะ!!” เป็นเต้ที่พูดขึ้นมาก่อนเร็กซ์

    แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าบางๆแล้วให้คำตอบว่า “สร้างบรรยากาศเว้ย”

    “เคยได้ยินเรื่อง ‘สมิงพราย กับ ควายธนู’ มั้ย? นั่นแหละ ข้าจะเล่าให้ฟัง”



    โค้ด PHP:
    &#8220;วัวธนู หรือบางแห่งเรียกว่า ควายธนู เข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะมีควายมากกว่า เป็นเครื่องรางโบราณของคนในภูมิภาคนี้อีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมสร้างสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตเป็นเครื่องรางที่จำเป็นของพรานป่าที่มีวิถีชีวิตเกี่ยวพันกับผืนป่าในสมัยที่ยังอุดมสมบูรณ์” 
    จ่าซัพนิ่งไปสักพักปล่อยให้กลิ่นของบุหรี่นั้นลอยไปแตะกับจมูกของแต่ละคน สีหน้าและแววตาของเขานั้นดูจริงจังต่างกับปกตินัก แล้วจึงพูดต่อ

    “ไม่มีประวัติการสร้างที่แน่นอนนักว่าเริ่มตั้งแต่สมั ยใด แต่ก็พบเห็นกันตามบ้านชาวชนบททั่วไป เล่ากันว่า นอกจากนิยมใช้พกพาติดตัวเข้าป่าล่าสัตว์คนดีมีวิชาอาคมยังสร้างวัวธนูไว้รับคุณไสยที่ถูกส่งมาลองดีจากคนมีวิชาอาคมต่างถิ่น
    เมื่อเป็นเด็กข้าเคยเห็นควายปั้นปิดทองบนหิ้งพระของปู่ด้วยความสงสัยจึงถามว่า
    “ทำไมปู่เอารูปไอ้หลาง(ควายคู่ทุกข์คู่ยากของปู่)มาบูชาหรือปู่นับถือควายซะแล้ว”
    “ไม่ใช่รูปไอ้หลางโว้ยนี่เป็นควายธนูของกายสิทธิ์อย่าไปถูกต้องเป็นเด็ดขาด”
    “ทำไมถูกไม่ได้มันอยู่บ้านเราแท้ๆไม่เห็นมีธนูสักอัน”
    “ถูกแล้วมันจะเข้าตัวเอาจุกแน่นท้องตายไม่มีใครช่วยได้จะบอกให้ห้ามเป็นคำขาดเข้าใจไหม”

    ข้าโชคดีอยู่อย่างมีลุง อา ตา ปู่ ที่ใจดีน่ารัก ไม่มีใครรำคาญความช่างซักช่างถามของข้า และจะอธิบายเล่าให้ฟังด้วยความเมตตาเสมอ ราวกับจะรู้ว่าหลานรักจะได้เอามาเล่าหากินในอนาคต ปู่เล่าว่าควายธนูตัวนี้เป็นสมบัติตกทอดมาจากทวดอีกท ีหนึ่ง พร้อมกับห้ามผมถามว่าทวดเอามาจากไหน เพราะแกไม่คิดว่าจะมีหลานช่างซักช่างถามเลยไม่ได้ถามเผื่อไว้เอาเป็นว่าฟังเฉยๆ

    ควายธนูตัวนี้เคยช่วยชีวิตทวดและเพื่อนที่เป็นพรานป่าไว้หลายหน ครั้งหนึ่งทวดเข้าป่ากับเพื่อนบ้าน 2 คน ทำห้างดักยิงสัตว์ที่มากินดินโป่งในป่าลึกแถบเมืองกาญจน์ เรียกกันว่าซุ่มโป่ง ดินโป่งเป็นดินเค็มที่สัตว์จำพวกเนื้อ เก้ง กวาง หรือกระทิงป่า ชอบมากิน พวกพรานมักจะมาดักยิงที่นี่ ทวดกับเพื่อนผูกห้างอยู่บนคาคบไม้สูงเพื่อป้องกันตัว เองให้พ้นภัยจากสัตว์ร้าย เช่น เสือ สาง ผมอดไม่ได้ถามปู่ว่าเสือนั้นเคยรู้จัก แต่สางนั้นตัวแบบไหนหรือ แกบอกว่ามันร้ายกว่าเสือมากนัก เพราะสางเป็นผีวิญญาณร้ายของเสือ เรียกกันว่า เสือสมิง มันสามารถแปลงกายเป็นคนได้ และมักจะแปลงเป็นคนที่พรานบนห้างรู้จัก หรือไม่ก็แปลงเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม มากวักมือเรียกให้ลงจากห้าง ถ้าพรานป่าคนใดหลงกล หรือว่าหลงความสวย ก็จะถูกเสือสมิงทำร้ายเอาถึงตายได้ ปู่เล่าว่าเสือสมิงคือเสือที่กินคนมามากจนวิญญาณคนที ่ตายสิงสู่อยู่ในร่าง กลายเป็นวิญญาณร้าย สามารถแปลงเป็นคนได้ แต่ไม่ได้เกิดจากวิชาอาคม เป็นเพียงการอิงอาศัยกันอย่างลงตัวของเสือและวิญญาณผู้ตายเท่านั้น วันนั้นหลังจากทวดเปลี่ยนเวรให้เพื่อนเฝ้าและงีบหลับ ไป โดยนอนหนุนย่ามที่มีควายธนูและของขลังต่างๆ อยู่ ทวดรู้สึกว่าควายธนูในย่ามมีอาการเคลื่อนไหว จึงตื่นขึ้น มองไม่เห็นเพื่อนจึงคว้าปืนมามองลงไปด้านล่าง พลันสายตาก็เห็นเพื่อนกำลังไต่พะองเดินไปหาหญิงสาวคน หนึ่ง ในมือเธอมีถือห่อผ้า ทวดตัดสินใจยิงไปที่ห่อผ้าก่อนที่เพื่อนจะเดินไปถึง ทันใดนั้นหญิงสาวก็กลายร่างเป็นเสือกระโจนหนีเข้าป่า เพื่อนทวดวิ่งไต่ขึ้นพะองอย่างรวดเร็ว รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เสือสมิงไม่ได้หายไปไกลนัก ยังคงวนเวียนคำรามขู่อยู่รอบห้างๆ ได้กลิ่นสาบเสือโชยมาเป็นระยะ ทวดเห็นไม่ได้การจึงหยิบควายธนูมาจากในย่าม ท่องคาถาปลุกและปล่อยไป ทันใดนั้นวัวเล็กที่ทำจากดินศักดิ์สิทธิ์พอคลั่งก็กล ายเป็นตัวใหญ่มหึมา พุ่งลงจากห้างดุจธนูออกจากแล่งเข้าห้ำหั่นกับเสือสมิ งอย่างอาจหาญ เสียงการต่อสู้ดังลั่นป่า ในที่สุดเป็นเสียงเสือร้องบาดเจ็บอย่างโหยหวน รุ่งเช้าทวดลงมาตรวจดูบริเวณนั้นเห็นร่องรอยการต่อสู้ราบเป็นแปลง พร้อมกับเสือตัวใหญ่นอนตายไส้ทะลัก ถูกขวิดพรุนไปทั้งตัวถัดไปเห็นควายธนูตัวเก่งยืนอยู่อย่างสง่า ”
    “เรื่องของข้าก็จบลงแล้ว ตาแกล่ะ ไอ้เร็กซ์”

    “โหเฮ้ย ! เล่าอะไรของเอ็งเนี่ย ไอ่จ่าซั่ม ไม่เห็นมีผีเผอซักกะตัว เอาๆๆๆ จะเล่าเรื่องต่อแล้วก็ได้วะ พูดจบชายหนุ่มจึงกระดกเบียร์ที่ยังคงเย็นเจี๊ยบเข้าปากหลายอึกใหญ่ๆ ก่อนจะเช็ดปากแล้วพูด


    “วันนี้วันศุกร์ 13 ใช่มั้ย....ข้าจะเล่าเรื่องนี้แหละ”


    แต่ในความสุขของทั้งสามคนนั้นกลับมีความทุกข์ของคนสองคนอยู่แทนที่

    หนทางที่เขาวิ่งมานั้นถูกบดบังไปด้วยสายฝนที่ลงถี่ยิบจนแทบไม่ให้โอกาสลืมหูลืมตา


    “ไอ่ห่าเอ้ย ไปทางไหนวะเนี่ย?” วินด์สบถพร้อมเอามือป้องหน้าเพื่อป้องกันฝนกระทบกับดวงตา สายตาก็สอดส่ายไปหาหนทางเบื้องหน้าในระหว่างรอเลิฟคุงที่มัวสาละวนกับการต่อสายไฟใหม่ในกระท่อม และเขาก็พลันไปสะดุดตากับเงาอะไรบางอย่าง ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน...............



    “รู้จักเจสันมั้ย?” เร็กซ์ที่กำลังจะเล่าเรื่องได้ถามทุกๆคน

    “เจสัน ยัง เหรอวะ?” จ่าซัพรีบตอบมาทันที แต่คนถามก็ส่ายหน้าแสถงถึงคำว่าไม่ใช่

    “เจสัน โรเบิร์ต กองหน้าแบล็คเบิร์นรึเปล่าวะ?” ไฟฟ์ตอบแบบแทบจะไม่คิดอะไรซึ่งก็โดนจ่าซัพโบกหัวไป 1ทีตามระเบียบ

    “เจสัน วอร์ฮีส เว้ย เจสันศุกร์ 13 ไง”

    “อ๋อ”

    “ฆาตกร เจสัน วอร์ฮีส์ ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์”

    “อ่าว แล้วเอามาทำไมในเมื่อมันเป็นภาพยนตร์” ไฟฟ์พูดขัดอีก เร็กซ์มองไปทางจ่าซัพ เหมือนเขาจะรู้งานจึงซัดเข้าไปอีกทีที่หัวเน้นๆ

    “ เจสัน วอฮีร์ เป็นเด็กพิการ หน้าตาน่าเกลียด โดนเพื่อนแกล้งจนจมน้ำตาย เหตุการณ์ เริ่มต้นที่แคมป์คริสตัล เลค ที่ซึ่งเคยมีคนถูกฆ่าตายเมื่อนานมาแล้วจนแคมป์ต้องปิดไป แล้วหลายปีต่อมา เจ้าของก็อยากจะเปิดมันอีกครั้ง จึงมีการจ้างวัยรุ่นหนุ่มสาวมากมายมาช่วยกันปรับปรุงแคมป์ให้พร้อมสำหรับการ เปิดใหม่ ในวันศุกรที่ 13... ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างได้ปลุกให้เจสันตื่นขึ้นมาแล้วการฆ่าก็เริ่มต้นขึ้น กลุ่มวัยรุ่นคะนองถูกฆ่าโดยอาวุธต่างๆ นาๆ เช่นโดยขวาน และเครื่องมือทำสวนชนิดต่างๆ ฉากการฆ่านับว่าโหดทีเดียว แทงกันจะๆ เฉาะกันสดๆ ที่สำคัญ....มีข่าวว่าคนพวกนั้นตายกันจริงๆซะด้วยสิ”
    ทันทีที่เร็กซ์เงียบเสียงปุ๊บ จ่าซัพก็ถามขึ้นมาทันที

    “คิดว่ามันจะมีจริงๆเหรอวะ กับไอ่ที่มาจากหนังเนี่ย?”

    ก่อนที่เขาจะตอบนั้น ได้ยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกครั้งแล้วค่อยๆพูด “เพื่อนของผมตายที่ทะเลสาบนั่น”

    คำพูดของเขาทำเอาบรรยากาศ เงียบลงไปแม้แต่ไฟฟ์ที่ดูสนุกสนามตลอดเวลาก็พลอยเงียบไปด้วย จนกระทั่งมีแสงฟ้าแลบเกิดขึ้น และเสียงฝีเท้าหนักๆย่ำโคลนอยู่ข้างล่าง
    ทันใดนั้นพวกเขาก็คิดในเรื่องเดียวกันและแทบจะลุกออกไปในทันที

    “ไอ่เชี่ยวินด์ ไอ่เลิฟคุง”


    ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายนั้น สายตาของเขาพลันไปเห็นร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน ผมสีดำของเธอยาวปรกหน้าตาจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร และตอนที่เขาเผลอเดินออกไปนั่นเองก็มีร่างสูงร่างหนึ่งเดินมุ่งตรงไปทางกระท่อมที่เลิฟคุงกำลังสาละวนต่อสายไฟอยู่


    “ต้องพันแน่นกว่านี้ เทปพันสายไฟก็ไม่มี บัดซบเอ้ย!” เลิฟคุงสบถอย่างหัวเสีย ปากก็บ่นไป มือก็พันผ้าเข้ากับสายไฟที่ขาดสะบั้น และไม่กี่อึดใจประตูกระท่อมก็เปิดออกช้าๆ

    แอ้ด !!!

    “ไอ่เชี่ยวินด์ ไปไหนมาวะ?” เขาหันหน้าไปคุยกับเพื่อนรักแต่......สิ่งที่เขาเห็น...นั่นมันไม่ใช่เพื่อนรักเขานี่หว่า !!!

    เพราะสิ่งที่เขายืนประจันหน้าอยู่นั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง มือถือมีดโบวี่ขนาดเขื่องๆไว้ในมือส่วนมืออีกข้างนั้นเป็นโซ่ยาวที่จับไปด้วยตะไคร่
    ใบหน้าสวมหน้ากากซึ่งยากจะคาดเดาใบหน้า


    “เฮ้ย เจสัน มราซ !!!!! (Jason Mraz คนแต่ง I’m yours)

    พูดได้เพียงแค่นั้นมีดในมือของสิ่งที่เร็กซ์เล่ามาก็ได้ฟาดลงมาที่ร่างของเลิฟคุงทันที

    ฉวะ!!!

    เขายกมือขึ้นป้องกัน แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรนั่นก็เพราะ......

    มีหญิงสาวผู้หนึ่งยกมีดขึ้นเสียบตัวของมัน เธอผู้นั้นตะโกนสั่งเลิฟคุงพร้อมกระตุ้นสติไปในตัว

    “มีคนสง(ส่ง)เรามาช้วย(ช่วย)นาย ถ่า(ถ้า)ยังไม่ยากตาย ถึงแม๋(แม้)เราจะไม่ใช่เพือน(เพื่อน)กัน เราชือ(ชื่อ) มาซากิ ฮิรุมิ ตอนนี่อย่างวิ้ง(วิ่ง)หนี ตั้งสติ รวบนิ่ว(นิ้ว)ไว้ เอาสายไฟจ่า(จ่อ)มันเลย” (สำเนียงแบบ มาซากิ ฮิรุมิ)

    ตอนแรกเขาก็ก้กะจะมีสติอยู่หรอก แต่พอฟังเสียงของเธอและรูปร่างของเธอ และข้อมูลที่เขาเคยได้รัยนั้นแทบทำเอาเขากุมขมับเลยทีเดียว
    ชื่อสกุล มาซากิ ฮิรูมิ
    2.อายุ 28 ส่วนสูง 200 สัดสวน 35 30 32 เพศ หญิง
    สัญชาติ ไทย ยุ้น
    3.นิสัย เรือยๆสบายๆ ไร้แก้นสาน ไม่ชอบการใช้กำลังและมักจะช้วยเหลือพวกพ้อง
    และภายหลังจะช่วยเหลือ ตัวเอก เพราะเธอจะเลิกเป็น มาเฟีย
    และจะเป็นกำลังของตำหรวจในภายหลัง
    บัดซบสิ้นดี! สูง 200 เซนติเมตร นี่มันเปรตแล้วโว้ย !!!!


    ตอนต่อไปใครจะต่อดีครับ????

  25. รายชื่อสมาชิกจำนวน 4 คนที่กล่าวขอบคุณ:


  26. #22
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    ลองอ่านไปเรื่อยๆครับ แล้วจะเข้าใจถึงสัจธรรม

    By Stormwind

  27. #23
    Bayou Country
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    New Orleans, LA, United States
    กระทู้
    5,932
    กล่าวขอบคุณ
    4,555
    ได้รับคำขอบคุณ: 8,950
    การเขียนต้องมี Subtitle ระบุด้วยแหะ ~ 5555

  28. สมาชิกที่กล่าวขอบคุณ:


  29. #24
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    ที่เดิม...ที่เรายังรักกัน
    กระทู้
    516
    กล่าวขอบคุณ
    345
    ได้รับคำขอบคุณ: 363
    อ้างถึง กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ nakiann123 อ่านกระทู้
    การเขียนต้องมี Subtitle ระบุด้วยแหะ ~ 5555
    กลัวอ่านไม่เข้าใจครับ

  30. #25
    ชอบโพสต์เป็นชีวิตจิตใจ
    วันที่สมัคร
    Jul 2011
    ที่อยู่
    fox6000.php
    กระทู้
    2,163
    กล่าวขอบคุณ
    4,975
    ได้รับคำขอบคุณ: 5,898
    แง เอาชื่อผมไปล้อซะเสียเลยอ่ะ

    จ่าซั่ม


 

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •  
Back to top