RPG-7 บรรจุประจำการ เป็นอาวุธสำหรับต่อสู้รถถังในกว่า 70 ประเทศ และ ทำการผลิตใน 9 ประเทศ
เป็นที่นิยมใช้ในสงครามกองโจร RPG ถูกใช้ ในสงครามความขัดแย้ง ในเกือบทุกกรณี ในทุกทวีป
นับตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ1960 จากสงครามเวียดนาม ถึงสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก ในปัจจุบัน
เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี (อังกฤษ:Rocket-propelled grenade หรือ RPG) เป็นอาวุธต่อสู้รถถังขนาดเล็ก
ชนิดประทับบ่ายิง ปากลำกล้องกว้าง 40 มม. ใช้ลูกจรวดขนาด 82 มม. (RPG-2) และขนาด 85 มม. (RPG-7)
ตามลำดับ เป็นอาวุธเสริมเพื่อใช้ทำลายรถถังหรือยานยนตร์ต่างๆ ที่มั่นกำบัง รวมทั้งสังหารบุคคลเป็นกลุ่มก้อน
คำว่า RPG มาจากคำใน ภาษารัสเซีย ว่า РПГ โดยย่อมาจาก "ручной противотанковый гранатомёт"
ซึ่งถอดเสียงอ่านได้ว่า Ruchnoy Protivotankoviy Granatomyot (hand-held anti-tank grenade launcher)
RPG-7 เป็นเครื่องยิงจรวด ที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานในปี ค.ศ. 1962 เป็นต้นมา รุ่นที่จีนนำมาพัฒนาและผลิต
ใช้เองชื่อ Rocket Type-69 มีลักษณะคล้ายกับเครื่องยิงจรวด RPG-2 แต่ขนาดจรวดโตขึ้นเป็น 85 มม. จาก
เดิม 82 มม. กระบอกตัวเครื่องยิงมีขนาดสั้นกว่า เครื่องเล็งเป็นระบบองค์ทัศนะ สามารถทำการเล็งได้ทั้งกลางวัน
และกลางคืน หางนำวิถี ปรับเปลี่ยนเปลี่ยนใหม่เป็นแบบใบมีดขนาดใหญ่ และจะกางออกทันทีที่ลูกจรวดถูกยิงพ้น
ลำกล้อง ตอนท้ายสุดของลูกจรวด จะทำหางนำทิศขนาดเล็กไว้เพื่อให้ลูกจรวดหมุนตัวเล็กน้อยขณะแหวกอากาศ
สู่เป้าหมาย ซึ่งทำให้จรวดมีการทรงตัวดีขึ้น นอกจากนั้นลูกจรวดยังมี Rocket Mortor เพื่อช่วยขับเคลื่อน โดย
เมื่อยิงลูกจรวดพ้นปากลำกล้องออกไปประมาณ 10เมตร Rocket Mortorจะจุดตัวทำให้มีระยะยิงเพิ่มขึ้นเป็น 500
เมตร
ก่อนทำการยิง RPG-7 จะต้องทำการประกอบชุดดินขับจรวดโดยการขันเกลียวยึดเข้ากับตัวจรวดเสียก่อน
RPG-7 ได้รับการพัฒนาและผลิตจาก Bazalt company (Weapons manufacturing company) ในประเทศ
สหภาพโซเวียตรัสเซีย ช่วงปี1960 เหตุด้วยราคาถูก และสะดวกในขั้นตอนการผลิต อีกทั้งประโยช์เอนกประสงค์
ในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ คือ
" สังหารบุคคล ต่อสู้ยานเกราะ เจาะบังเกอร์ "
ทำให้อาวุธชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศ หลังสิ้นสุดสงครามเย็นได้มีการนำอาวุธสงครามเหลือ
ใช้เหล่านี้ส่งขายยังหลายประเทศ ทั้งฝ่ายโลกคอมมิวนิสต์และฝ่ายโลกเสรีซึ่งโดยความง่ายในกระบวนการการผลิต
ทำให้ไม่สามารถคำนวณถึง จำนวนที่แท้จริงที่มีการผลิตอาวุธชนิดนี้ แต่ที่แน่ชัดคือ อย่างน้อย หนึ่งล้านชุด ภายใต้
การผลิตของ บาซัลท์
เครื่องยิงจรวด RPG-7
ชนิด เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง
ผู้ผลิต สหภาพโซเวียต
การใช้งาน อาวุธประจำหมู่
เป้าหมาย พาหนะ , บุคคล , สิ่งก่อสร้าง
ช่วงผลิต,การใช้งาน พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ปัจจุบัน
สงคราม สงครามเกาหลี, สงครามเวียดนาม, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามอิรัก
ขนาดลำกล้อง 40 มิลลิเมตร (1.57 นิ้ว)
ความยาวลำกล้อง 650 มิลลิเมตร (RPG-2) 950 มิลลิเมตร (RPG-7)
กระสุน ลูกจรวดแบบหัวรบดินโพรง ขนาด 82 มิลลิเมตร (RPG-2) ขนาด 85 มิลลิเมตร (RPG-7)
ระยะหวังผล 150 เมตร (RPG-2) 500 เมตร (RPG-7)
น้ำหนัก 4.67 กิโลกรัม (RPG-2) 7 กิโลกรัม (RPG-7)
ความยาว 650 มิลลิเมตร (RPG-2) 950 มิลลิเมตร (RPG-7)
ชนิดของหัวจรวด ที่นิยมใช้หลักๆ มี 5 ประเภท ดังนี้
1. PG-7VM HEAT grenade cut-out
ผลิตปี : 1961
ขนาดกระสุน : 85 มม.
น้ำหนัก : 2.2 Kg.
ระยะหวังผล : 500 เมตร
อำนาจทะลุทะลวงรถหุ้มเกราะ : 260 มม.
ประวัติ : หัวจรวดมาตราฐานที่ผลิตออกมารุ่นเเรก มีอำนาจการทำลายล้าง ,เจาะเกราะ พบเห็นแพร่
2. PG-7VL HEAT grenade
ผลิตปี : 1977
ขนาดกระสุน : 93 มม.
น้ำหนัก : 2.6 Kg.
ระยะหวังผล : 500 เมตร
อำนาจทะลุทะลวงรถหุ้มเกราะ : 500 มม.
ประวัติ : เป็นจรวดแบบมาตรฐาน ใช้ยิงทำลายเป้าหมายยานพาหนะ รถรบเกือบทุกประเภท รวมถึง
บังเกอร์ต่างๆ หัวจรวดชนิดนี้จะไม่เพียงแค่ทำความเสียหายด้วยแรงระเบิดเท่านั้น แต่จะแผ่รังสีความ
ร้อนเพื่อสังหารบุคคล ในขอบเขตรัศมีการทำลายล้างที่หลบซ่อนอยู่ภายในยานพาหนะ หรือสิ่งปลูก
สร้างกำบังนั้นๆด้วย
หลายใช้กันมากทั่วไป หลายๆสนามรบ จัดเป็นหัวระเบิดเอนกประสงค์
3. PG-7VR tandem (dual-warhead) HEAT grenade
ผลิตปี : 1988
ขนาดกระสุน : 64 มม./105 มม.
น้ำหนัก : 4.5 Kg.
ระยะหวังผล : 200 เมตร
อำนาจทะลุทะลวงรถหุ้มเกราะ : ERA + 600-700 มม.
ประวัติ : หัวจรวดออกแบบให้ใช้ยิงทำลาย รถหุ้มเกราะหรือรถถัง ด้วยอำนาจทะลุทะลวงสูง มี
ประสิทธิภาพ สามารถเจาะเกราะโลหะ ได้หนาถึง 600 มม.
4. TBG-7V Thermobaric (FAE) grenade
ผลิตปี : 1988
ขนาดกระสุน : 105 มม.
น้ำหนัก : 4.5 Kg.
ระยะหวังผล : 200 เมตร
อำนาจทะลุทะลวงรถหุ้มเกราะ : 0
ประวัติ : หัวจรวดระเบิดเพลิงทำลายความร้อนสูง ออกแบบสำหรับใช้ยิงเป้าหมาย ที่มีกำบังหลบ
ซ่อนแข็งแรงแน่นหนา ยากต่อการใช้อาวุธชนิดอื่นทำลาย เช่น ในถ้ำ อุโมงค์ และอาคารคอนกรีต
มีการทำงานของหัวจรวดเป็น 2ขั้นตอน หลังจากถูกยิงออกไป คือเมื่อหัวจรวดกระทบเป้าหมายจะ
ระเบิดทำลายวัตถุกำบังเพื่อเปิดช่องทาง และ กลไกจุดระเบิดเพลิงเผาซ้ำโดยมีอุณหภูมิความร้อน
สูงถึง 3000 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถหลอมละลายโลหะได้
5. OG-7V fragmentation antipersonnel grenade (1999)
ผลิตปี : 1999
ขนาดกระสุน : 40 มม.
น้ำหนัก : 2.0 Kg.
ระยะหวังผล : 350 เมตร
อำนาจทะลุทะลวงรถหุ้มเกราะ : 0
ประวัติ : หัวจรวดชนิดสังหารบุคคล (กลุ่มคน) ภายในบรรจุแกสพิษ หรือ ชิ้นโลหะเล็กๆจำนวนมาก
ByE ByE