หลายคนทราบเรื่องโครงการแท็บเล็ตสำหรับเด็กนักเรียน ป.1 กันไปเป็นอย่างดี ที่ล่าสุด ทางนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ออกมาเปิดเผยข้อมูล ว่าผลการวิจัยการใช้แท็บเล็ต ป.1 พบว่า คุณครูและนักเรียนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้งานแท็บเล็ต เพราะนำไปใช้ในการเรียนการสอนเพียง 20% เท่านั้น จึงจำเป็นต้องหาแนวทางในการแก้ปัญหาและจัดทำแผนต่อไป เพื่อกระตุ้นให้ใช้แท็บเล็ตเป็นสื่อการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงผลวิจัยยังระบุอีกว่า คุณครูยังไม่สามารถปรับเนื้อหาการเรียนการสอนจากเครื่องแท็บเล็ตให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ได้ อีกทั้งยังกังวลว่าแท็บเล็ตนั้นจะกลายเป็นอุปกรณ์ให้บรรดานักเรียนติดเกมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
โดยการหน้านี้ของสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ทำวิจัยผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนที่ใช้แท็บเล็ตในปี 2554-2555 พบว่า การที่นำแท็บเล็ตไปใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนนั้นจะทำให้เด็กกระตุ้นอยากเรียนรู้มากยิ่งขึ้น และยังจะเป็นตัวช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีกว่าเดิมอีกด้วย แต่แล้วเมื่อนำแท็บเล็ตเด็ก ป.1 มาใช้งานจริง ก็พบปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป, เครื่องร้อนจนเกินไป, หลายพื้นที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการใช้งาน และที่สำคัญที่สุด คือ คุณครูบางส่วนยังไม่มีแท็บแล็ตใช้ อีกทั้งยังไม่มีทักษะด้านไอที ทำให้ไม่สามารถสอนนักเรียนด้วยแท็บเล็ตได้
ซึ่งในตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการจะเร่งกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งพัฒนาเกมที่ส่งเสริมการเรียนรู้นำมาบรรจุในแท็บเล็ตมากขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนต่อไป
อย่างไรก็ตามโดยความคิดส่วนตัวนั้นการใช้แท็บเล็ต หรือสื่อการเรียนการสอนไอทีอื่นๆ ก็ตาม เป็นสื่อการเรียนการสอนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะยังไงต้องได้ช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่จะเหมาะสมที่สุดสำหรับบางประเทศที่มีการเตรียมตัวมากกว่านี้เท่านั้น ตั้งแต่การวางแนวทางให้ชัดเจนของทำกระทรวงเอง รวมถึงมีนโยบายให้หลักสูตรวุฒิครู (ค.บ.) บรรจุการเรียนการสอนวิธีการใช้แท็บเล็ตเป็นสื่อการเรียน เท่านี้เงินภาษีของเราน่าจะได้ใช้ให้เกิดประโยชน์หรือไม่ก็มีความคุ้มค่ามากกว่า และจะไม่เกิดเหตุการณ์ล้มไม่เป็นท่าอย่างนี้แน่นอนครับ
Credit : posttoday