นอกจากโอกาสของการเกิดสารก่อมะเร็งเนื่องจากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่แล้ว สารก่อมะเร็งหลายประเภทอาจเกิดได้ในอาหารมีไขมันสูง ในระหว่างปรุงอาหาร เช่น การปิ้ง ย่าง อาหารเนื้อที่มีไขมันอยู่มากจะเกิดสาร กลุ่มโพลีไซคลิกอะโรเมติคไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbons) สถาบันวิจัยโภชนาการได้ทำการศึกษาอาหารไทยที่ ปิ้ง ย่าง รมควันแล้วพบว่า อาหารที่มีควันดำเกาะมากมีสารพิษในปริมาณสูง ตัวอย่างเช่น ปลารมควัน หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง เป็นต้น
การเกิดสารพิษนี้ได้ตั้งสมมุติฐานว่ามีกระบวนการดังนี้ คือ
ถ่านไม้ที่ใช้ปิ้งอาหารนั้นเมื่อร้อนแดงจะมีความร้อนราว 400 องศาเซลเซียส เมื่อเอาอาหารที่มีไขมันขึ้นย่าง ความร้อนจะทำให้ไขมันหลอมตัวหยดลงไปบนถ่าน ในช่วงแรกความร้อนของถ่านจะทำให้ไขมันซึ่งเป็นสารไฮโดรคาร์บอนถูกสันดาปแบบสมบูรณ์ เพราะออกซิเจนรอบบริเวณนั้นมีพอ ต่อมาความร้อนของถ่านลดลงและออกซิเจนในบริเวณที่มีการเผาไหม้มีไม่เพียงพอ ไขมันที่หยดในช่วงหลังจึงถูกเผาในลักษณะที่เรียกว่า ไพโรไลซิส (Pyrrolysis) ได้สารพวกพีเอเอช พร้อมกับสารเคมีอื่นที่ให้กลิ่นรสของการรมควันลอยขึ้น ในลักษณะของเขม่าไปเกาะอาหารที่ปิ้ง ย่าง อาหารรมควัน ปิ้ง ย่าง ไฟแรง เป็นอาหารที่นิยมกันมากในเอเชียและยุโรปหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีการจับปลาเป็นอุตสาหกรรม ซึ่งนิยมใช้การรมควันเป็นการถนอมรักษาปลา เพราะสารเคมีบางชนิดในควันที่รมเป็นสารกลุ่มฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียได้ดี
นอกจากสารพวกพีเอเอชแล้ว ยังมีสารพวกไนโตรซามีนซึ่งบางชนิดเป็นสารก่อมะเร็งตับ บางชนิดเป็นสารก่อมะเร็งกระเพาะอาหาร
การบริโภคอาหารที่ปิ้งย่างจนไหม้นั้นดูโดยผิวเผินอาจเข้าใจผิดว่าร่างกายได้สารอาหารสำคัญครบถ้วน ทั้งนี้เพราะอาหารพวกนี้มักเป็นอาหารพวกเนื้อสัตว์ แต่ความเป็นจริงแล้วความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหารนั้น ได้ทำลายสารอาหารที่มีคุณค่าพวกไวตามิน และยังอาจทำให้คุณสมบัติในการถูกย่อยของโปรตีนลดต่ำลงได้ ดังนั้นร่างกายอาจเกิดการขาดสารอาหารจำเป็นขึ้น
ที่มา : yourhealthyguide.com